22 ตอน Chapter 21
โดย T.mines
Number nine My Sun
หมายเลขเก้าของดวงตะวัน
#IXMYSUN
การประกาศการเสียชีวิตของเจ้าสัวชัชรินทร์ ศิริกิจวัชรโชติ ผู้นำทางด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของเมืองไทยไม่รวมการลงทุนในต่างประเทศและยังมาร่วมหุ้นสร้างโรงแรมในทางทวีปยุโรปและอเมริกาอีกหลายแห่ง ประวัติเกี่ยวกับผู้ตายถึงทำมาตีแผ่กันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะทางหน้าสนพ.ต่างๆ ทางโลกโซเชียวที่พูดกันมาอย่างมาก และสิ่งที่ทุกคนสนใจคือหลานชายที่เพิ่งมีการประกาศตัวออกมาไม่นานอย่างไนน์ ที่ถูกพูดถึงอยากมากและสิ่งที่ทุกคนกล่าวถึงคือทรัพย์สมบัติที่จะต้องตกมาเป็นของเขา ประวัติที่โดนคุ้ยอย่างละเอียดยิบจากคนที่อยากรู้อยากเห็นจนไม่คำนึกถึงความเป็นส่วนตัวของเจ้าของที่นำมาเผยแพร่ รวมถึงการพูดคุยโต้ตอบกันอย่างสนุกปาก ไม่ว่าจะเรื่องรสนิยมทางเพศ ภาพถ่ายต่างๆ โดยนำมากระจาย ภาพที่เกี่ยวข้องกับแฟนหนุ่มอย่างซันรวมถึงรูปถ่ายของเขาและพี่ที่มีการกอดหอมและจุ๊บแก้มกัน
ยังไม่ภาพถ่ายของเพื่อนสนิทอย่างวี เจโอที่มีรสนิยมเดียวกันออกมาพูดถึง
นี่ละนะเขาถึงบอกว่าพวกเดียวกันถึงคบกันได้
ไม่ใช่ว่ามัวกันในกลุ่มเองด้วยหรือเปล่า
แต่ว่าแหละคนรวยกินกันเองคนเลยไม่มาถึงพวกเรา อิอิ
เข้าใจนะว่าตอนนี้LGBTเป็นที่ยอมรับแล้วแต่จะทำอะไรโจ่งแจ้งขนาดนี้มันไม่ดีมั่งค่ะ
คนหล่อกินกันเองแล้วผมจะเหลืออะไรให้ผมบ้างล่ะครับ
แต่พี่น้องเขาถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้เหรอเกินไปหรือเปล่า Incest or brother complex?
ผลของการวิจารณ์อยู่ได้ไม่นานเพียงพอทางทีมกฎหมายร่อนประกาศภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ได้รับคำสั่งจากคนที่มีอำนาจสูงสุดในตอนนี้ หลังจากทราบเรื่องจากลูกสะใภ้ที่เข้ามาพูดคุยกับลูกชายของเขา สั่งลงดาบทันทีไม่ยกเว้น แน่นอนทีมงานที่พร้อมซับทำงานอย่างเต็มที่
ตัดภาพมาที่คนที่ถูกพาดพิงมากที่สุดในตอนนี้ ยังคงทำหน้าที่คอยตักน้ำให้แก่แขกที่มารดน้ำศพของปู่ โดยมีแฟนหนุ่มอย่างซันที่นั่งดูอยู่ด้านข้างอย่างเป็นห่วง ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลและรับศพมาจนถึงจัดแจงงานทุกอย่าง ไนน์แทบไม่มีการพูดคุยกับใครเพียงแค่ตอบคำถามสั้นๆ “ครับ ตามนั้นครับ ได้ครับ” เพียงแค่นั้น ด้วยที่คนที่เหลือต้องคอยรับแขกและงานที่คั่งค้าง ห่วงน้องก็ห่วง งานก็ต้องดูแล แขกก็ต้องรับ พวกเขาถึงได้โทรตามคนที่เกลียดขี้หน้าสุดอย่างซันมาช่วยดูแลอยู่ห่างๆ อย่างที่พวกเขาได้พูดคุยกัน เรื่องบางอย่างพี่น้องอย่างเราก็ไม่สามารถดูแลได้อย่างคนรัก
เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบภายในศาลาระหว่างที่กำลังทำพิธีบรรจุร่างลงไปยังโลง ไนน์อยู่ในอารมณ์ที่เศร้าหมอง ถึงแม้จะไม่อยู่ในอารมณ์แบบนี้เขาคร้านที่จะสนใจที่ทุกคนหันมามองเขาระหว่างพูดคุย สายตามองไปยังแฟนหนุ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างมาก
“มีอะไรครับ” เขาถามอย่างสงสัย
“เอ่อ..” ซันตอบไปมาอย่างเลิกลัก มองหาพี่เขาคนอื่นไปมา
“ว่ามาครับ จะบอกหรือให้รู้เองครับ” น้ำเสียงที่เหนื่อยและรำคาญใจหน่อย
“แต่ถ้าพี่บอกแล้ว เราจะไม่คิดมากนะ พี่เชื่อว่าไนน์ไม่ใช่ได้ทำแบบนั้นแน่นอนครับ พี่อยู่ข้างเราเสมอต่อให้คนทั้งโลกไม่เชื่อพี่คนเดียวที่จะยืนยันว่าเชื่อไนน์”
“...” เขาขมวดคิ้วพร้อมกับนิ่วหน้าด้วยความฉงน ...เป็นอะไรของพี่มันว่ะ...
ไนน์รับโทรศัพท์มาจากซันและกดเข้าไปดูคลิป
ในคลิปเป็นภาพที่เขาเคาะประตูและเดินเข้าไปในห้อง ปู่ยังยังคงจดจ้องกับอยู่กับเอกสาร เงยหน้าขึ้นมามองและพยักหน้าและยิ้มรับที่เขาเดินเข้ามา เขาก้าวไปยืนตรงด้านหน้า ดันเก้าอี้เลื่อนไปข้างๆ โน้มตัวลงไปโต๊ะตัวใหญ่สีวอลนัท มือตบลงบนแฟ้มที่อยู่ตรงหน้าชายชราวัยเจ็ดสิบห้า
“ยังทำงานอยู่อีกเหรอ บางทีผมว่าผมคงต้องขอตำแหน่งประธานมาทำบ้างล่ะ ปู่จะยกให้ผมดีๆ หรือจะให้บังคับยกให้ครับ” เขาหรี่ตามองไปยังปู่เขา
“คิดว่าทำได้เหรอ” เสียงชายสูงวัยโต้ตอบกลับมา
“มันก็ต้องลองดูครับ แต่ตำแหน่งนี้ไม่ได้วางไว้ให้ไนน์เหรอ” นิ้วนี้เคาะไปที่โต๊ะตอนที่พูด “รีบหน่อยนะครับผมเริ่มอยากทำมันแหละ ผมไม่อยากให้มันยุ่งยากนะครับ รบกวนช่วยรีบลงจากตำแหน่งด้วยนะครับ ส่วนงานช่วยส่งต่อทันทีด้วยครับ”
ปู่เขาหงายหลังไปพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับถอนหายใจ “เฮ้ย!!” ออกมา
ในคลิปเห็นสีหน้าเราทั้งคู่ไม่ชัดระหว่างพูดคุยอาจจะถ่ายจากมุมไกลไปหน่อย ถึงจะเป็นกล้องจากโทรศัพท์ที่ราคาแพงก็เถอะ คลิปนั้นเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็สามารถสรุปเรื่องราวที่ซันได้พูดมาก่อนหน้านั้นแล้ว ถ้าดูจากคลิปแล้วนี่คือการข่มขู่ แต่ถ้าใครมุมของหลานและปู่คือการข่มขู่หยอกล้อเท่านั้นเอง
คลิปที่เอาออกมาเผยแพร่ตรงกับวันไหนไนน์จำไม่ได้แน่ชัด แต่เพียงพอจะจำเหตุการณ์ได้รางๆ เที่ยงวันนั้นเขาเดินทางไปตรวจงานที่โรงแรมสาขาหลัก เขาเข้ามาเที่ยงกว่าแล้ว เขาเดินไปยังห้องท่านประธานบริหารหรืออีกนัยคือห้องปู่เขานั่นเอง เลขาธานินยังนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไปไหน เขาเดาว่าปู่คงจะสั่งอาหารมาทานเองหรือเปล่า
“คุณธานินครับ ปู่ทานข้าวยังครับ” เขาถาม
“ยังเลยครับ ผมยกเข้าไปให้แล้วแต่ยังเห็นกำลังอ่านเอกสารอยู่ ยังไม่ยอมทานเลยครับ” เลขาตอบ
“อืม ผมจัดการเองครับ” เขาเบือนหน้าไปมองยังห้องพร้อมกับส่ายหัวในความดื้อของคนบ้างาน
และตอนนี้เป็นส่วนที่คลิปโดนตัดออกไปกระจายในเน็ต ส่วนที่หลังจากนี้ที่ถูกตัดออกไปคือการพูดคุยกันประสาหลานกับปู่
ปู่ก็เริ่มบ่นเขา “ต้องการอะไรเจ้าไนน์ ที่ขู่ปู่ยกให้ทำไม ที่ตอนบอกจะยกให้ร้องโวยวายไม่เอา เอาแค่กรรมการหรือผู้จัดการพอ ตอนนี้ล่ะจะมาบริหาร หื้อ...ว่าไงครับ”
“ก็ปู่ไม่ยอมไปกินข้าว แล้วจะไม่ให้ไนน์ห่วงได้ไงครับ ส่วนงานทิ้งไว้ก็ได้เดี๋ยวไนน์มาดูให้ ไปกินข้าวครับ”
“อืม” ปู่เขาตอบรับพร้อมกับลุกจากเก้าอี้ “กินอะไรเรา แต่ว่ากลับมาเรามาทำงานห้องปู่นะ นานๆ จะมาหลานรักมาคอยเอาอกเอาใจต้องกอบโกยกันหน่อย”
“ครับยอมแล้วครับ ปู่ของไนน์มีคนเดียวนะ ไม่ยอมดูแลตัวเองนะครับ ไม่อยากอยู่กับไนน์ไปนานๆ เหรอครับ” ตามมาด้วยมือที่หยาบกร้านและยับย่นที่อบอุ่นลูบที่หัวเขา
เขาส่งโทรศัพท์คืนแก่เจ้าของ เขาหลับตาลงและสูดหายใจเข้าปอดอย่างเหนื่อยล้า เขาเดินไปยืนตรงหน้ากรอบรูป ถ้าปู่อยู่ด้วยคงจะดี อย่างน้อยมีคนให้อ้อนเวลาเหนื่อยมีคนให้คำปรึกษาช่วยหาทางออก แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้ว ไนน์แค่อยากอยู่กับปู่ในช่วงเวลาสุดท้ายครับแค่บอกลากันสักคำก็ยังดี ปู่ครับไม่ไปไม่ได้เหรอครับไนน์ยังมีอีกตั้งหลายเรื่องที่จะปรึกษาปู่ ไนน์เพิ่งก้าวเดินเองปู่ไม่อยู่ดูมันเติบโตไปพร้อมกับไนน์เหรอครับ ไหนบอกว่าจะอยู่ด้วยกันไปนานครับ
ซันยืนทิ้งช่วงห่างไนน์ไม่ไกล สักพักพี่ชายอย่างหนึ่ง ฮาจิ และพี่สาวนานะก็มายืนอยู่ข้างเขา พวกเขาทั้งสี่ยืนมองคนที่พวกเขารักตาแดงกล่ำจากการกลั้นน้ำตา
หนึ่งตบลงบนบ่าหนาๆ “กูฝากดูน้องกูด้วยนะ พยายามให้กินข้าวด้วย”
ทาซอลที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ยื่นถุงที่มีซาลาเปาเจ้าโปรดของน้องชายมาให้เขา “เอาให้ไนน์กินด้วย กูให้เด็กไปซื้อมา”
“นายก็กินด้วยล่ะ อย่าอดตามไนน์ไปอีกคน” เป็นนานะที่บอกกล่าวก่อนออกไป
“...” เขาและฮาจิต่างพยักหน้าให้กัน
เสียงดังโหวกเหวกโวยวายดังมาจากด้านหน้าของศาลาสวดศพ เรียกความสนใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมด เสียงรัวชัตเตอร์ พร้อมกับคำถามที่แย่งกันถามของแต่ละสำนักอย่างกะแร้งลง คนที่บริเวณนั้นต่างพากันไปร่วมดูเหตุการณ์ พอมาถึงพบว่าลุงมังกรที่ยืนอยู่ด้านหลังของบอร์ดี้การ์ดด้านหน้าคือฝูงนักข่าว เสียงถามที่กระทบโสตประสาทของไนน์
“เรื่องการเสียชีวิตของเจ้าสัวเป็นการเสียชีวิตตามที่แจ้งไว้ใช่ไหมคะ”
“ทางครอบครัวไม่ใช่สงสัยการเสียชีวิตของเจ้าสัวของบ้านเหรอคะ”
“ทางครอบครัวได้ส่งศพให้ทางนิติเวชตรวจสอบหาสาเหตุการตายหรือเปล่าครับ”
“คุณมังกรจะไม่ยอมตอบคำถามอะไรเลยเหรอคะ เพราะคลิปวิดีโอที่ออกมามีความน่าสงสัยเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเจ้าสัวค่ะ”
ซันคว้ามือไนน์มาจับตั้งแต่ได้ยินคำถามแรก มือข้างที่จับออกแรงบีบอย่างหนัก ส่วนมืออีกข้างกำแน่นเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
“ผมขอชี้แจงไว้ตรงนี้เลยครับ การเสียชีวิตของคุณพ่อผมท่านเสียด้วยโรคประจำตัวตามที่แพทย์ได้ออกใบรับรอง และใครที่กล่าวหาว่าเรื่องการเสียชีวิตเกี่ยวกับหลานชายสุดที่รักของผมไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น” เสียงที่กดต่ำอย่างหนักเพื่อที่จะไม่ใช่ด่ากราดนักข่าวที่มาซักถามในตอนนี้ และลุงมังกรช่วยเน้นย้ำตรงคำว่า หลานชายสุดที่รักของผม
“วันนี้ขอให้ทุกคนกลับช่วยไปก่อนเห็นแก่พ่อผมที่เพิ่งจะลงโลงครับ และตอนนี้พวกเราทุกคนอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ส่งแขก!” เสียงกร้าวสุดท้ายสั่งคนใต้บังคับให้จัดการกันพวกนี้ออกไปโดยเร็วที่สุด
ไนน์ที่กำลังจะก้าวออกไปตอบโต้นักข่าว โดนถึงมือไว้โดยซัน และพวกพี่เขาก้าวเข้ามาขวางตรงหน้า นานะยกมือมากดที่บ่าหนักๆ ของไนน์เอาไว้ ชายหนุ่มมองพี่แต่ละคน และรวมถึงลุงกับป้าคนอื่นที่กดความโกรธเอาไว้เช่นเดียวกันจากสีหน้าและแววตา ลุงมังกรพยักหน้าให้ทุกคนเข้าด้านใน
“เสียดายที่พวกมันไม่ตีกัน แต่ก็เดาไว้แล้วล่ะ แต่ยังน้อยก็มีแรงกระเพื่อมต่อสังคม” เสียงบ่นและแสยะยิ้มจากคนอีกมุม
ตลอดการจัดงานการสวดบำเพ็ญสวดพระอภิธรรมเป็นไปโดยดีไม่มีใครมารบกวนความสงบ โดยรอบบริเวณมีการวางบอดี้การ์ดกันนักข่าวอย่างเข้มงวด คนที่มาล้วนเป็นคนที่ได้การ์ดเชิญเท่านั้น และคนที่ออกไปรับแขกคือเลขาของเจ้านายทั้งหมด
สิ่งสุดท้ายของงานสีขาวดำก็มาถึงคือการส่งผู้ตายไปยังภพภูมิอื่น ทุกคนในบ้านต่างเงียบงันอย่างเห็นได้ชัดแทบจะไม่มีการพูดคุยกัน คนที่อาการแย่คนไม่พ้นนมแย้มที่ร้องไห้ตั้งแต่รับรู้แรกจนถึงตอนนี้ยังร้องอยู่โดยมีพยาบาลผลัดเปลี่ยนเฝ้าข้างตัว 24 ชม.
ฝนที่ตกโปรยปรายลงมาตั้งแต่ช่วงรุ่งสร่างไม่มีทีท่าจะหยุด เรียกบรรยากาศให้โศกเศร้าสำหรับคนที่สูญเสียผู้นำ คนที่เป็นยึดเหนี่ยวของบ้าน เสาหลักที่ตั้งตระหง่านเป็นเวลาเจ็ดสิบห้าปี บุตรชายทั้งสี่พร้อมด้วยสะใภ้ และหลานทั้งหมดเก้าคนพร้อมหน้าที่จะน้อมส่งร่างครั้งสุดท้าย การชักจูงศพโดยเริ่มโดยบุตรชายคนโตถือรูปเดินนำหน้า ตามด้วยหลานรักถือกระถางธูปซันที่กางร่มร่วมอยู่ตลอดทางการวนจนครบสามรอบ
พิธีกรอ่านประวัติของผู้วายชนม์และอ่านคำกลอนไว้อาลัยยืนสงบนิ่งและทุกคนเดินขึ้นบันไดวางดอกไม้จันทน์จนหมด ทางศิริกิจวัชรโชติแจ้งไว้ให้ทราบแก่แขกว่าขั้นตอนการเปิดโลงขอสงวนไว้เฉพาะคนในครอบครัว
ฝาโลงเปิดออกโดยสัปเหร่อประจำวัด ชายชราที่นอนแน่นิ่งหลับตาผิวที่ซีตริมฝีปากมีสีคล้ำ เสียงเคาะผ่ากะลามะพร้าวดัง ปั๊ก ปั๊ก น้ำใสไหลผ่านร่องนิ้วลงไปรดบนร่างที่นอนอยู่จากหัว คอ หน้าอก ลำตัว ไปยังปลายเท้า
“สุดท้ายแล้วนะ ใครมีอะไรจะพูดก็พูดนะ ต่อไปนี้จะไม่ได้เห็นกันอีกแล้วนะ” เสียงพูดอันดังกร้าวของกับญาติของผู้ตายจากสัปเหร่อหลังจากเสร็จพิธีกรรมแล้ว
สิ้นเสียงสัปเหร่อ เสียงสะอื้อดังตามมา ไนน์ไม่รับรู้ว่าแต่ละคนพูดลาอะไรกับปู่บ้าง เขายกมือกำขยุ้มที่หน้าอกน้ำตาที่พยายามจะไหลออกมาเขากดมันเอาไว้อย่างสุดกำลัง เขาไม่อยากบอกลาปู่แม้แต่นิดในอกมันแน่นจุก หน่วงหายใจลำบาก ทุกคนขยับบอกลาทีละคน
“ไนน์ บอกลาปู่ซะสิ” เสียงร้องบอกจากด้านหลังของลุงสิงห์
“ล ลาก่อน ครับปู่” กว่าเสียงจะหลุดออกมาแต่ละคำ ไนน์รู้สึกว่าการกล่าวลาครั้งนี้คือสุดท้ายจริง “ข ขอบคุณครับปู่ที่เป็นทั้งปู่และพ่อให้ไนน์ ไนน์รักปู่ครับ”
เขาผละออกจากตรงนั้นมาเล็กน้อย โฟร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด โน้มหน้าซุกที่บ่าน้องชายและร้องสะอื้อ น้ำตาเปียกชุ่มที่บ่า เหล่าพี่น้องมารวมตัวกอดปลอบโยนน้องชาย ภาพในวันทำบุญบ้านที่ทุกคนรวมตัวกอดกันไหลย้อนกลับมาในหัวของทุกคนเพียงแต่ตอนนี้คนที่อยู่ตรงกลางขาดหายไปหนึ่งคน รอยแผลที่ฝากในใจไนน์มากที่สุด
พวกเขาทั้งหมดผละออกจากกอดกัน พวกผู้ชายช่วยกันดันโลงที่ด้านในเต็มไปด้วยดอกไม้จันทน์เข้าไปยังเตาเผาประตูปิดสนิท พร้อมกับไฟที่ลุกโชน
ควันสีขาวที่ลอยออกจากปล่องลอยล่องขึ้นไปบนท้องฟ้า คนทั้งหมดของตระกูลมายืนเรียงตัวกันที่ด้านข้างมองเมรุที่ส่งประมุขของบ้านกันถ้วนหน้า เสียงร่ำไห้จากคนด้านหลังที่เป็นคนในบ้าน คนที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่แรกรุ่น ดังระงมอย่างไม่ขาดสาย
“ไหวไหมครับ” เสียงทุ้มลึกมาพร้อมกับมือที่กระซับสอดประสานเข้ากับมือของไนน์
“...” ไนนส่ายหน้า พร้อมกับหันแนบหน้าลงที่บ่าหนาๆ ของซันพร้อมกับตัวที่สั่นเทาไร้เสียงสะอื้น มีเพียงแค่น้ำตาที่ไหลออกมา
“ชู่ว...” ซันยกมือมาลูบหัวปลอบประโลมคนรัก
เขาเงยหน้าขึ้นไปยังควันไฟที่ลอยล่องไป เขาสัญญากร้าวในใจ “เจ้าสัวครับผมจะดูแลไนน์ให้เท่ากับชีวิตหนึ่งที่ผมจะมอบให้ได้ จะไม่มีวันทิ้งน้องไปไหนตราบใดที่น้องจะให้ผมยืนเคียงข้าง หลับให้สบายนะครับเจ้าสัว”
ซันพาไนน์กลับมายังคอนโด เขาให้ไนน์ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด หลังจากอาบน้ำเสร็จไนน์ล้มตัวลงนอนไปทันที
“พักผ่อนนะครับ รอยยิ้มของพี่” ริมฝีปากประทับจูบที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา
ซันนั่งมองดูคนหลับที่ตอนนี้หายใจอย่างสม่ำเสมอ น้องคนเหนื่อยมากอดหลับอดนอนตั้งกี่คืน
RRR ลุงมังกร
สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของไนน์ เขาถือวิสาสะรับแทน
“ครับ ผมซันครับ”
[ไนน์ล่ะ ถึงคอนโดกันหรือยัง]
“ถึงสักพักแล้วครับ ผมว่าจะโทรไปบอกอยู่ครับ แต่ตอนนี้ไนน์หลับไปแล้วครับ”
[อืม ไม่มีอะไรหรอกแค่ห่วงเท่านั้น แต่ว่าหลับไปแล้วก็ปล่อยให้นอนเถอะ คืนนี้ฝากดูไนน์อีกสักคืนแล้วกัน ช่วยอยู่เป็นเพื่อนไนน์หน่อย เขาคงอยากให้เราอยู่ด้วยแหละ รบกวนด้วยนะซัน]
“ไม่รบกวนเลยครับ ผมเต็มใจดูแลไนน์ไม่ว่าจะตอนนี้ตอนไหน ผมก็จะดูแลไนน์อย่างที่เคยรับปากไว้ครับ”
[งั้นแค่นี้แล้วกันพักผ่อนซะ]
“ครับ สวัสดีครับ”
ในคืนนั้นหลังจากเผาศพปู่ครบเจ็ดวันในการจากไปพอดี ไนน์ฝันว่ากลับไปบ้านใหญ่ที่ไม่ได้กลับมานานแล้วนาน เขาได้ยินเสียงเรียกชื่อเขาออกมาประตูห้องทำงานของปู่
“ไนน์ ไนน์กลับมาแล้วเหรอลูก” น้ำเสียงที่อ่อนโยนจากชายชรา
ประตูที่เปิดออกมาพร้อมกับตัวเขาเองที่เดินเข้าไป มองไปยังโต๊ะทำงานตัวเดิม เก้าอี้นั่งตัวเดิมพร้อมกับเจ้าของคนเดิมที่ยังนั่งอยู่
“ปู่...” น้ำเสียงแห่งความคิดถึง รอยยิ้มแห่งความดีใจเขาเดินเข้านั่งและสวมกอดเข้าที่เอวของปู่ “ไนน์คิดถึงปู่ครับ”
“ไงเรา แล้วร้องไห้ทำไมเนี่ย เด็กน้อยจริงๆ” ปู่ของเขายกมือกอดที่หลังพร้อมกับตบเบาเป็นการปลอบ
“ปู่จะไม่ไปไหนใช่ไหมครับ” น้ำเสียงที่แหบพร่าถามขึ้น เขารู้ว่านี่คือในฝันและปู่ไม่อยู่แล้วแค่เพียงในฝันเขาก็ยังอยากให้ปู่อยู่กับเขาต่อ
ชายชราขยับตัวและพยุงตัวหลานชายขึ้นให้มามองหน้ากัน “มันถึงเวลาของปู่แล้ว ปู่อยากอยู่กับไนน์อยู่กับทุกๆ คน แต่มันถึงเวลาจริงๆ” มือที่เหี่ยวตามวัยลูบหัวหลานชาย
“...”
“ไม่ต้องห่วงปู่นะที่นั่นมีพ่อกับแม่ และคนสำคัญของปู่อย่างย่ารออยู่ ไนน์ต้องอยู่ต่อไปนะครับ หลานปู่เข้มแข็งอยู่แล้ว และสิ่งที่ปู่อยากจะบอกคือปู่ขอโทษและรักไนน์มากๆ นะครับ”
เสียงตะโกนที่เรียก ปู่ ดังลั่นพร้อมร่างที่สะดุ้งตัวขึ้นมาของไนน์ คนที่นอนกอดไนน์อย่างซันลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ไนน์เป็นอะไรครับ!!” ซันลำเลิกถามอย่างงุนงง
ไนน์ผละตัวลุกขึ้นพร้อมกับออกแรงวิ่งลงไปข้างล่างอย่างเร็ว ตรงไปคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซด์ที่วางอยู่เก็บกุญแจพุ่งตัวออกจากห้อง ซันที่วิ่งตามออกมา พร้อมกับตะโกนเรียกไนน์ไล่หลัง เขารีบคว้ากุญแจวิ่งตามออกไปอีกคน สภาพของไนน์ที่วิ่งออกไปด้วยชุดนอนแม้แต่รองเท้ายังไม่ใส่ไป ส่วนเขาสวมรองเท้าแตะมาพร้อมกับชุดนอนออกจากห้อง แม้แต่โทรศัพท์ที่จะโทรไปบอกใครยังไม่ได้หยิบมา แต่สิ่งที่เขากลัวมากตอนนี้คือกลัวน้องวิ่งหายไปจากสายตาเขารีบตามไปโดยด้วย
ซันที่วิ่งตามไนน์ลงไปทางบันไดหนีไฟ พบมาถึงลานจอดรถ บิ๊กไบค์คันโปรดบูคาติสีแดงดำควบทะยานออกไปแล้ว เขารีบขึ้นคร่อมอีกคัน ภาวนาขอกุญแจที่หยิบมาใช่ด้วยเถอะ ถ้าไม่แล้วเขาคงตามน้องไปทันนอน
ปรึ้น ปรึ้น เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น เขาเร่งควบตามไนน์ออกไปทันที
ถนนในช่วงใกล้สว่างในเมืองรถที่ยังไม่ออกมาวิ่งมากนัก เขาได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของบิ๊กไบค์ที่ดังอยู่ข้างหน้า เขารีบเร่งเครื่องตามไปตีคู่ ซันตะโกนเรียกไนน์
ซันตะโกนพูดแข่งกับเครื่องดังของท่อไอเสีย “ไนน์จะไปไหน!! จอดรถก่อนครับ!!!”
“...” ไม่มีเสียงตอบกลับมา เขาเห็นเพียงน้องที่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาระหว่างที่ขับขี่
“ไนน์!!!” เสียงตะโกนเรียกชื่ออีกครั้ง และน้องหันมามองเขาก่อนจะหันหน้าไปขับรถต่อ อย่างน้อยน้องยังมีสติได้ยินที่เขาเรียก ซันจึงเลือกขับตามอยู่ข้างหลังไปเรื่อยๆ ๆ ไม่ขับไปตีคู่เพราะกลัวน้องเสียสมาธิจนเกิดอุบัติเหตุได้
รถมาจอดที่ปลายทางคือบ้านหลังใหญ่ของคนน้อง บอดี้การ์ดที่มีหน้าที่เฝ้าทางประตู ตกตะลึงที่รถคุ้นตาที่ไม่เห็นนานพุ่งทะยานมาอย่างเร็วพร้อมกับเสียงที่ดัง ซันที่เห็นท่าไม่ดีกลัวคนจะมีคนพุ่งชนรั้ว เขารับเร่งเครื่องแซงไปพร้อมกับโบกมือให้เปิดประตูรั้วอย่างเร็ว
เสียงบิ๊กไบค์สองคันที่ดังลั่นปลุกคนทั้งบ้านให้สะดุ้งตื่น ต่างจากคนงานที่เริ่มตื่นมาเตรียมตัวทำงานพากันรีบวิ่งมาตามเสียง
ปั๊ก เสียงขาตั้งรถปักลงไปยังพื้นคอนกรีต ประตูบานใหญ่ถูกกระชากเปิดตามไปด้วยฝีเท้าที่วิ่งเข้าไปด้านใน
“ปู่! ปู่ครับ!” เสียงตะโกนด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เขารู้อยู่ลึกๆ ว่าต่อให้ตะโกนเรียกแค่ไหนคนที่ตายไปแล้วก็ไม่มีวันขานรับเสียงเรียกนี้ “ปู่ครับไนน์มาแล้ว ฮื่อๆๆ” เสียงร้องไห้อย่างคร่ำครวญของไนน์ที่ตอนนี้ทรุดลงไปอยู่ที่พื้นห้อง
ตุบ ตุบ เสียงกำปั้นทุบอก
ซันที่วิ่งตามเข้ามา ลงไปโอบกอดไนน์จากทางด้านหลัง “ร้องออกมาครับ พี่อยู่นี่ไม่ไปไหนครับ พี่จะอยู่กับไนน์” เขาปลอบน้องด้วยเสียงที่สั่นเครือเช่นกัน เขาสงสารคนรักจับใจ เขาว่าตลอดเวลาที่ไนน์ตั้งอดกลั้นไม่ให้ร้องออกมามันจุดในอกแน่นขนาดไหน
“พี่ซันไนน์พยายามแล้วนะ แต่ไนน์ไม่ไหว ไนน์คิดถึงปู่” เสียงสะอึกสะอื้นบอกแก่เขา
“ครับๆ พี่รู้ อยู่กับพี่ไนน์อ่อนแอได้ครับ งอแงกับพี่ได้ตลอดเอาแต่ใจตามสบายเลย ไม่ว่าจะพี่หรือพี่เราคนอื่นๆ ทุกคนเต็มใจอยู่เคียงข้างไนน์ครับ ชู่ว... เก่งมากแล้วครับคนเก่งของพี่ ไม่ฝืนไม่ต้องอดทนร้องออกมาครับ” ซันกอดปลอบโยนตัวไปมามือลูบหลังเบา
“พะ พี่ซันเมื่อ เมื่อคืนไน ไนน์ฝันถึงปู่ ปู่มาบอกลา อึก! ปู่บอกไม่ต้อง ห่วง ปู่รักไนน์”
“ครับ ชู่ว...ร้องอออกมาเลยครับคนเก่งของพี่” นี่สินะที่น้องพุ่งตัวออกจากห้องอย่างเร็ว
ซันหันไปมองด้านหลังที่ตอนนี้มีเพียงแค่ลุงและป้าของไนน์ที่ตอนนี้ยังคงพักที่บ้านเพื่อรอเก็บระดูกในวันนี้ ลุงๆ พยักหน้าให้เขาปลอบไนน์ต่อไป ส่วนป้าที่เหลือยืนเช็ดน้ำตา
เขาปลอบให้น้องร้องอยู่สักพัก ไนน์ที่สงบลงผละตัวออกมาและพยักหน้าให้เขา แสดงให้รับรู้ว่าดีขึ้นแล้ว เขาพยุงตัวน้องไปนั่งที่โซฟาที่อยู่ด้านข้าง
“รอพี่อยู่นี่ได้ไหม”
“...” ไนน์ส่ายหัว
“งั้นไปข้างนอกกันนะครับ” อีกคนพยักหน้าตอบรับ เขาเข้าใจน้องที่ไม่อยากอยู่ในห้องนี้ เพราะคงจะชินภาพที่มีคนที่จากไปอยู่ในนี้เต็มไปหมด ยิ่งอยู่คงยิ่งคิดถึง
“ โอ๊ะ!” เสียงร้องเจ็บออกมาเบาๆ
ซันก้มลงไปดูที่เท้าน้องมีรอยแดงและรอยถลอกอยู่เต็มไปหมด เพราะเท้าวิ่งเท้าเปล่า เขาย่อตัวลงเอามือไปรองที่หลัง
“ครับ”
“ขี่หลังพี่เจ็บเท้าไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงที่รบเร้า
“ไนน์เดินเองได้ เจ็บแค่นี้เอง”
“ขึ้นมาเถอะครับ เร็วเมื่อยแล้วนะเนี่ย” น้ำเสียงที่เร่งเร้าให้คนน้องรีบทำ
ไนน์โถมตัวไปบนหลังซันอย่างเก๋ๆ กังๆ ซันยกตัวไนน์ขึ้นหลังอย่างสบาย ไนน์ตัวเบากว่าเขาสักสิบโลได้ ระหว่างแบกตัวน้องออกมา เสียงกระซิบที่ข้างหูเขาดังมา “ขอบคุณนะครับพี่ซัน”
เขาพาน้องไปยังโซนรับแขก “รอพี่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวทำความสะอาดแผลให้ก่อนนะครับ หิวอะไรไหมพี่จะได้บอกแม่บ้านเตรียมให้ครับ”
“ไม่ครับ”
ซันเดินเลี่ยงออกไป แต่ยังไม่วายหันมามองคนที่นั่งอยู่ ไนน์ได้แต่ยิ้มบางๆ ตอบกลับไป เพื่อบอกว่ารออยู่ตรงนี้ ไม่นานเขาหลับมาพร้อมกับคนงานสองคนที่คนหนึ่งยกกะละมังใส่น้ำและอีกคนยกถาดที่มีกาแฟ น้ำเปล่าและขนมอีกนิดหน่อย
ซันรับกะละมังมาจากคนงานวางลงที่พื้นก่อนจะประคองเท้าของไนน์ลงไปแช่ เอาผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือ
“ดูสิไม่ระวังตัวเองบ้างเลยนะเราเนี่ย รอยถลอกเต็มไปหมดเลย เจ็บมากไหม”
“ตอนนี้ไม่เจ็บแล้วครับ ไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียวเลยครับ”
บรรยากาศที่โศกเศร้าเมื่อกี้คลายลงมาหน่อย ไนน์ยิ้มออกมาบ้างแต่ยังดูฝืนๆ อยู่บ้าง แต่หลังจากที่ได้ร้องไห้ระบายออกไป ความเสียใจที่กัดกร่อนในใจก็เบาบางลง แต่ยังคงหลงเหลือตกเป็นตะกอนอยู่บ้าง แต่สิ่งที่คงอยู่คือความทรงจำระหว่างเขาและปู่
ลุงมังกรที่เดินลงมาจากชั้นบนมาหาเขาที่นั่งให้คนพี่เช็ดเท้าให้ ผู้ใหญ่มองดูความรักและถนุถนอมของคนรักอย่างซันที่มอบให้หลานชาย รู้สึกหายกังวลเรื่องการตายของบิดาเขาอย่างน้อยหลานรักยังมีคนอยู่เคียงข้าง
“ขอบใจนะซันที่ดูแลหลานของลุงอย่างดี” เขาพูดกับคนที่นั่งกับทำความสะอาดแผลให้หลานชาย แต่มือยังลูบที่หัวคนข้างๆ ไป
“ผมเต็มใจเสมอครับ” ซันโน้มหัวลงเล็กน้อย
“เดี๋ยวขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวและใส่ยาต่อนะ ลุงให้โทรไปบอกบายกับคีนเอาชุดมาให้มั้งสองคนแล้ว พวกเราไปรับปู่กลับบ้านกัน” ลุงมังกรพูดด้วยน้ำเสียงที่ปลอบโยนมายังหลานชาย
คีนและบายเดินเข้ามาพร้อมกับแขกอีกคนที่ไนน์คุ้นหน้าอย่างดี
“สวัสดีครับ” เลขาธียกโค้งตัวลงทักทายลูกชายคนโตของตระกูล เจ้านายของเขาและคนรักของเจ้านายที่อยู่ตรงนั้น “คือผมติดต่อคุณไนน์ไม่ได้ แล้วคีนบอกว่าคุณไนน์อยู่ที่บ้านใหญ่ผมเลยรีบมาหาครับ”
“มีอะไร?” ไนน์สงสัยแต่คนที่ถามไม่ใช่เขาแต่เป็นลุงของเขาแทน
“คือตอนนี้พวกผู้ถือหุ้น กำลังรวบรวมรายชื่อปลดคุณไนน์ออกจากตำแหน่ง เพราะเรื่องที่เจ้าสัวเสียชีวิตพร้อมกับคลิปที่ออกมาทำให้ราคาหุ้นร่วง และจะให้คุณเบญเข้ามาทำหน้าที่แทนครับ” เลขาของเขาอธิบายเสร็จสัพอย่างรวดเร็ว
ไนน์แสยะยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เดาไว้ไม่พลาดเลย คีนไปเอาภาพจากกล้องที่วันเดียวกับที่มีคลิปนั่น ส่วนบายไปรวบรวมหลักฐานที่เราหาได้ทั้งหมดมา คุณธีเรียกคนของเรามาให้หมดผมเสร็จจากทางนี้แล้วจะตามไปที่คอนโดครับ”
เมื่อได้รับงานที่มอบหมาย บรรดาลูกน้องของเขาก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ ส่วนคีนและบายเขาสั่งว่าวันที่ไม่ต้องมาตามคุ้มกัน ไปกันหลายคนคงไม่มีใครทำอะไร ให้ไปทำงานที่สั่งเถอะ ก่อนที่เขาจะยกโทรศัพท์ที่คีนเอาติดมาให้ ต่อสายไปยัง ทาซอลหนึ่งในฝาแฝดเกาของยืมตัวลูกน้องมาทำงานให้สักหน่อย
เขากัดฟันขบกรามสบทในใจ “วัดกันสักตั้งนะครับ แล้วเจอกัน”
To be continued…
-
Comments (0)