[KNY FF] - In Time With You

Special Chapter 03 - Miracle Dream in Midwinter Night (II)

 

Keywords : Mirror, Dream, Soul

 

1st Published : 13 SEP 2021

Rewrite : 11 MAY 2022

===========

เหตุการณ์ต่อเนื่องจาก Special Chapter 03.1 ค่ะ

 

“นี่คุณอยากเจอฉันขนาดนี้เลยเหรอคะ กิยูซัง”

 

สัมผัสที่เคยคุ้น น้ำเสียงที่เขาเฝ้าถวิลหา ทำหัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัวด้วยความดีใจ ด้วยรู้ว่าเป็นใครตั้งแต่ก่อนจะลืมตาขึ้นมาสบนัยน์ตาสีม่วงที่เขาแสนคิดถึงคู่นั้น

 

นัยน์ตาของเสาหลักแมลงยังคงส่องประกายพราวระยับเหมือนในความทรงจำตลอดกาล กระนั้นแววเศร้าสร้อยที่ปรากฏอยู่ในนัยน์ตาและรอยยิ้มนั้น ไม่ต่างอะไรกับครั้งสุดท้ายที่เขาได้กอดเธอไว้ในเช้าวันนั้น

 

ก่อนจะทันห้ามตัว แขนที่เหลืออยู่ข้างเดียวของกิยูก็รวบร่างเล็กของเธอผู้นั้นแนบเข้าแผ่นอกกว้าง หยาดน้ำตาแห่งความสุขและความคิดถึงไหลอาบแก้มของชายหนุ่มจนเปียกชุ่มกลุ่มผมที่เขาซบไว้แนบแน่น

 

“เป็นเจ้าจริง ๆ ใช่ไหม...”

 

“แหม ๆ ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะใครล่ะคะ” เธอหยอกเย้าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเบา ๆ น้ำเสียงใสหวานที่เขาคิดถึงมาโดยตลอด “นี่คุณแอบคิดถึงคนอื่นด้วยเหรอคะกิยูซัง”

 

“ก็... ท่านพี่ของข้า หรือไม่ก็ซาบิโตะน่ะ”

 

“ยังตอบได้ทื่อสมเป็นกิยูซังจริง ๆ”

 

ชิโนบุยิ้มกว้างขึ้นพลางยกมือค่อย ๆ ปาดน้ำตาออกจากคนที่ยังคงกอดเธอแน่นไม่ปล่อย หากนัยน์ตาสีม่วงเข้มราวกับอัญมณีก็วาววับด้วยหยาดน้ำตาที่คลอเบ้าอย่างจวนเจียนจะหยาดหยด

 

ภาพตรงหน้าของกิยูนั้นไม่ได้เลือนรางเหมือนตอนเขาฝันถึงเธอมาตลอด สัมผัสที่ได้รับก็ยังคงอบอุ่นเหมือนยามเธอยังมีชีวิตอยู่ จนเสาหลักวารีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมา

 

“นี่ข้าฝันอยู่ไม่ใช่หรือ ชิโนบุ?”

 

“ค่ะ คุณฝันอยู่” เธอตอบชัดถ้อยชัดคำพร้อมกับใช้มือไล้แก้มของเขา “แต่ที่ฉันมาหาคุณได้ก็เพราะเป็นความฝันอย่างไรล่ะคะ แล้วคืนนี้เป็นคืนจันทร์เพ็ญด้วย...”

 

“เหรอ...” กิยูพึมพำ หัวใจและช่องท้องบีบรัดตัวแน่นเมื่อนึกถึงความเป็นจริงอันแสนเจ็บปวด “...ไม่อยู่แล้วจริง ๆ สินะ”

 

ไม่มีคำตอบจากเธอในทันที นอกจากน้ำตาที่ไหลรินเป็นทาง กับรอยยิ้มแสนเศร้าที่ส่งมาให้ อากัปกิริยาที่ยิ่งข่มร่างตรงหน้าให้แลดูใกล้แตกสลายไม่ต่างจากครั้งสุดท้ายที่เขาได้กอดเธอยามที่เธอยังมีชีวิตอยู่...

 

“...ขอโทษนะ” เนิ่นนานกว่าที่ชิโนบุจะเอ่ยออกมาได้ ถ้อยคำที่สั่นระริกก่อนระเบิดเสียงสะอื้นจนตัวโยน “ขอโทษนะคะกับสิ่งที่ฉันทำลงไป ขอโทษนะคะที่ปิดคุณไว้... ฉันเห็นแก่ตัวมากจริง ๆ ขอโทษที่ต้องทิ้งคุณเอาไว้นะคะ... ฉันขอโทษ...”

 

ถ้อยคำขอโทษพรั่งพรูไม่แพ้น้ำตาของเธอ หากเป็นคำที่เขาไม่ได้อยากจะฟัง ไม่เคยใส่ใจว่าจะต้องได้รับ กระนั้นกิยูกลับรู้สึกเจ็บปวดที่บัดนี้เขาเหลือแขนเพียงข้างเดียว จึงไม่อาจโอบกอดเธอให้แน่นอย่างที่ใจอยากได้

 

มือข้างที่เหลือลูบไล้แผ่นหลังคนที่ยังคงสะอึกสะอื้นอยู่กับแผ่นอกของเขา รอคอยจนเธอสงบสติอารมณ์ลงโดยไม่มีถ้อยคำอื่นใดหลุดออกจากปากเขา

 

“คุณโกรธฉันไหมคะ กิยูซัง...” เสียงของเธอสั่นเครือ ขณะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา นัยน์ตาสีม่วงบัดนี้บวมช้ำไม่แพ้ค่ำคืนนั้น “โกรธฉันที่ทำแบบนั้นกับคุณหรือเปล่า...”

 

“ไม่...” เขาตอบได้ทันที ก่อนจะโน้มตัวจุมพิตเบา ๆ ที่หน้าผาก ไล้มายังหว่างคิ้ว แล้วลาดไปที่เปลือกตาทั้งสองข้าง “ทำไมต้องโกรธ...”

 

“ก็ที่ฉัน... ไม่ให้คำตอบ...”

 

“แต่ข้าก็รู้แล้ว... ไม่ใช่เหรอ จากจดหมายน่ะ”

 

รอยยิ้มเศร้าปรากฏบนใบหน้าเสาหลักวารี ขณะปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำคนทั้งสองอยู่พักใหญ่ คำพูดมากมายที่อัดอั้นมาตลอดหลายเดือนผุดขึ้นในห้วงความคิด หากสิ่งแรกที่หลุดออกจากปากเขาได้กลับเป็นคำที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดกับเธอ

 

ขอโทษ... ที่ไม่รู้ว่าเจ้าทุกข์แค่ไหน” เสียงของเขาสั่นสะท้านไม่แพ้เธอ “สมควรแล้วที่ชินาซึงาวะจะโกรธขนาดนี้”

 

“นี่ซาเนมิซังว่าอะไรคุณเหรอคะ?!”

 

“เปล่า... แต่เข้าใจแล้ว ชินาซึงาวะรู้อยู่แล้วใช่ไหม” คำถามที่เธอพยักหน้ารับ “มิน่า ชินาซึงาวะถึงได้โกรธข้ามาตลอด”

 

“ไว้ถ้าฉันเจอซาเนมิซังคราวหน้าคงต้องต่อว่ากันหน่อยแล้วค่ะ...”

 

“อย่าเลย เดี๋ยวข้าถูกเกลียดมากกว่านี้...”

 

กิยูพึมพำเบา ๆ จนเรียกเสียงหัวเราะจากคนในอ้อมกอด กระนั้นมือของเธอก็ยังคงไม่ปล่อยจากร่างของเขา ก่อนจะค่อย ๆ ซบหน้าแนบแผ่นอกนั้นอีกครั้ง...

 

“คุณมีอะไรจะบอกฉันอีกไม่ใช่เหรอคะ...” ชิโนบุกระซิบถาม ถ้อยคำที่ทำเอาเลือดฉีดขึ้นทั่วผิวหน้าของชายหนุ่มจนเห่อร้อน ไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ย เธอก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “แหม~ อย่าลืมนะคะว่าฉันเป็นวิญญาณ ฉันรู้แหละค่ะว่าคุณอยากบอกอะไรฉัน...”

 

“...งั้นต้องพูดซ้ำอีกเหรอ”

 

กิยูถามย้ำ คำถามที่คนฟังอยากจะหยิกเขาให้เต็มรัก แต่พอนึกได้ว่าคนที่เธอรักซื่อบื้อแค่ไหน เธอล้มเลิกความคิดนั้น หากเปลี่ยนเป็นจิ้มเอวเขารัว ๆ แทน

 

“ฉันไม่รู้หรอกค่ะ” เธอเฉลย “แค่รู้ว่าคุณมีอะไรอยากพูดกับฉันใช่ไหมคะ กิยูซัง”

 

“อื้อ”

 

เขาตอบรับเบา ๆ พลางคลี่ยิ้มบาง บทเรียนแห่งการสูญเสียกับปาฏิหาริย์ที่ได้รับทำให้กิยูรู้ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปอีกครั้ง...

 

ตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าแล้ว...

 

คนที่เขาอยากเจอที่สุด...

 

อยากพูดให้ฟังที่สุด... กับความรู้สึกของเขาที่เก็บงำมาเนิ่นนาน...

 

“ข้ารักเจ้านะชิโนบุ... รักมาก รักมานานแล้ว เพียงแต่... ข้าไม่เคยรู้ตัว...”

 

ถ้อยคำสารภาพมากเกินกว่าคนฟังจะคาดคิด ถึงจะล่วงรู้ หากถ้อยคำสั้น ๆ ที่บ่งบอกความในใจของอีกฝ่ายมันก็ยิ่งตอกย้ำถึงสิ่งที่เธอได้ทำลงไป จนมือที่จับเสื้อของเขาได้แต่สั่นระริก ขณะรับฟังถ้อยคำที่ไหลบ่าดั่งสายน้ำหลาก

 

“ข้ามัวแต่คิดว่าข้าไม่คู่ควรกับการเป็นเสาหลัก... ข้าไม่สามารถปกป้องใครได้ ข้าเลยไม่เคยสนใจว่าตัวเองรู้สึกอะไร ทั้ง ๆ ที่พี่สาวเจ้าก็เคยถามข้า...”

 

“ท่านพี่เคยถามคุณด้วยเหรอคะ?!”

 

“อื้อ ก่อนที่พี่สาวเจ้าจะจากไปน่ะ ข้าควรรู้ตัวตั้งแต่ตอนนั้นแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็คิดว่าพี่สาวเจ้าเย้าเล่น”

 

“ท่านพี่ก็เคยถามฉันเหมือนกันค่ะ” ชิโนบุยิ้มอ่อนหวาน หากนัยน์ตาหม่นแสงลง “กลายเป็นท่านพี่รู้ความรู้สึกของพวกเราก่อนที่เราจะรู้ตัวอีกนะคะ”

 

มือซ้ายของกิยูได้แต่ลูบไล้เส้นผมของเธอไปมา ก่อนจะพยายามเรียบเรียงสิ่งที่เขาอยากพูดคุยกับเธอคนนี้ ทั้งที่มีหลายสิ่งที่อยากบอกเล่าให้เธอฟัง หลากหลายคำถามที่ติดคาในใจ แต่พอถึงเวลา เขากลับต้องใช้เวลากว่าจะคิดได้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา...

 

“คงได้เจอกับโคโจแล้วสินะ...”

 

“ค่ะ กับท่านพ่อท่านแม่ด้วย” เธอเอ่ยเสียงใสพร้อมระบายรอยยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะเจื่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าสลดของอีกฝ่าย “...เป็นอะไรหรือคะกิยูซัง”

 

“ช่างมันเถอะ...”

 

เสาหลักวารีพึมพำพลางหลบนัยน์ตาที่จับจ้องเขามา ด้วยไม่อยากให้เธอต้องเป็นทุกข์ไปมากกว่านี้... แต่เขาเกือบลืมสนิทว่าชิโนบุมีความดื้อรั้นยิ่งกว่าใครที่เขาเคยรู้จัก

 

มือเล็กทั้งสองข้างตะปบใบหน้าให้หันกลับมาสบตา ด้วยท่าทีของเด็กอวดดีที่เขาไม่ได้เห็นมากว่าสี่ปี ท่าทีของเด็กแก่นเซี้ยวที่แตกต่างจากหญิงสาวในฝันของเขา

 

“...กิยูซัง” เธอเอ่ยเสียงนิ่ง “คุณปิดบังอะไรอยู่คะ...”

 

“เปล่า...”

 

“อ๋อ... ฉันว่าฉันเดาได้ค่ะ” รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวพร้อมแววตาวาววับ “คุณโกรธที่ฉันเอาชีวิตไปแก้แค้นเรื่องท่านพี่ใช่ไหมคะ!”

 

นัยน์ตาสีครามหลุบลงอย่างจำนน สิ่งที่ติดค้างในจิตใจเขามาตั้งแต่รู้ความจริง ความรู้สึกที่เขาไม่อาจนิยามว่าคืออะไร แต่เป็นความรู้สึกที่ทั้งเจ็บปวดและกัดกร่อนหัวใจของเขาให้เป็นผุยผง จนรู้ว่าถ้าพูดมันออกไป สิ่งนั้นย่อมสร้างความไม่สบายใจให้แก่เธอ

 

หากน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วยบนนัยน์ตาคู่สวย ก็ทำเขาต้องยอมเปิดปากออกมา

 

“ข้าไม่ได้โกรธเจ้าจริง ๆ นะชิโนบุ...” เขายืนยัน ไม่มีวันที่เขาจะโกรธเธอผู้นี้ได้ “เพียงแต่... ข้าเจ็บปวดที่เจ้าเอาชีวิตเจ้าไปแลก...”

 

“อ๋อ... คุณน้อยใจฉันนี่เอง” เธอว่าก่อนจะยืดแก้มเขาเป็นเชิงลงโทษ “เพิ่งรู้นะคะว่าคุณขี้น้อยใจขนาดนี้”

 

“...แล้วเจ้าจะให้คิดอย่างไร”

 

คำตัดพ้อที่ชายหนุ่มพลั้งปากออกมา ด้วยเสียใจที่ความรักของเขาไม่สามารถเอาชนะความแค้นในใจของเธอได้... จนสละชีวิตไปเพียงเพื่อจะแก้แค้นให้แก่อสูรข้างขึ้นที่สองผู้คร่าชีวิตโคโจ คานาเอะ สาเหตุที่เธอของเขาเปลี่ยนไปในแทบข้ามคืน...

 

สาเหตุที่ทำให้นัยน์ตาคู่สวยนั้นว่างเปล่า เพียงเพราะปิดบังความเสียใจและไฟแค้นที่ลุกโชนอยู่เต็มอก จนสายฝนจากความรู้สึกของพวกเขาไม่อาจดับมันลงได้

 

กระนั้นเขาก็ไม่เคยโกรธเธอ ไม่เคยคิดที่จะโกรธคนที่เขารักสุดหัวใจ หากเจ็บปวดที่ตัวเองมองไม่ออกว่าเธอจะลงทุนสละชีวิตลงด้วยเหตุผลนี้...

 

เจ็บปวดที่เขาไม่เคยได้ล่วงรู้ถึงแผนการของเธอ...

 

เจ็บปวดที่เขาไม่อาจช่วยแบ่งเบาความแค้นของเธอให้เจือจางลง...

 

“ก็เพราะฉันไม่อยากเห็นคุณทำหน้าแบบนี้อย่างไรล่ะคะ ฉันถึงบอกคุณไม่ได้...”

 

คำตอบของเธอเป็นอะไรที่เขาคาดไม่ถึง แต่ความจริงจังที่แผ่ซ่านจากนัยน์ตาคู่งามที่เขารักก็ทำให้รู้ว่าเธอหมายความตามที่เธอพูดจริง ๆ

 

“เพราะ?!”

 

“เพราะถ้าฉันคิดว่าหากฉันเห็นคุณทำหน้าตาแบบนี้ ฉันคงไม่ยอมทำตามแผนการไว้จนแล้วจนรอดค่ะ” เธอว่าพลางดึงมือเขามาสัมผัสใบหน้าของเธอแผ่วเบา “ถึงแม้ตอนนั้นฉันจะไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง ไม่รู้ว่าคุณคิดอย่างไรกับฉัน แต่ฉันรู้ดีว่าถ้าคุณรู้ว่าฉันจะทำอะไรลงไป คุณคงทำสีหน้าแบบที่คุณแสดงออกมาอยู่ แล้วฉันก็คงเจ็บปวดจนไม่อาจตัดสินใจเดินหน้าต่อได้ค่ะ”

 

“หมายถึง... ที่ล้างแค้นให้พี่สาวเจ้า?!”

 

คำถามที่ชิโนบุได้แต่ส่งยิ้มเศร้า ปล่อยมือที่เกาะกุมไว้อยู่ให้เป็นอิสระ จนกิยูกลับเป็นฝ่ายต้องดึงแขนรั้งเธอไว้ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไปทันทีที่เขาคลาดสายตา

 

“ทั้งใช่และไม่ใช่ค่ะ” เจ้าหล่อนเอ่ยเสียงแผ่ว นัยน์ตาสีม่วงรื้อด้วยหยาดน้ำตาอีกครั้ง “ฉันยอมรับ... ว่าตอนแรกฉันอยากแก้แค้นมัน ไอ้อสูรตัวนั้นที่ฆ่าท่านพี่ ท่านพี่ผู้มีพรสวรรค์สูงส่งกว่าฉันมาก มีพลังที่จะตัดคออสูรได้ในดาบเดียว... คนที่เป็นเสาหลักได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่เหมือนฉัน

 

“ชิโนบุ...”

 

กิยูครางแผ่วเมื่อเห็นหยาดน้ำตาของเธอรินไหลอีกครั้ง ใจอยากจะห้ามไม่ให้เธอพูดในสิ่งที่จะทำให้ต้องเจ็บปวด แต่ก็รู้ว่าถึงเวลาที่จำต้องปล่อยให้เธอพูดทุกสิ่งออกมา... พูดความในใจที่เขาไม่เคยมีโอกาสได้รู้ตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่

 

ความในใจที่เขาควรได้รู้ก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำเรื่องแบบนั้นลงไป...

 

ความในใจที่เขาควรรู้ดีที่สุด... นับแต่วันที่โคโจ คานาเอะ หมดลมหายใจลง...

 

“ท่านพี่ที่เก่งขนาดนั้นยังต้องพ่ายกับมัน แล้วคุณคิดว่าฉันจะมีอะไรไปสู้ได้คะ... แค่อสูรกระจอกฉันก็ยังตัดหัวไม่ได้ ดีแต่ต้องใช้ยาพิษกำจัดพวกมัน... แต่ฉันก็ไม่แน่ใจค่ะว่าถ้าเป็นอสูรระดับสูง ๆ ยาพิษของฉันสามารถกำจัดพวกมันได้ไหม”

 

ความในใจที่เชี่ยวกรากไม่ต่างจากน้ำตาของเธอ จนกิยูปรารถนา... ปรารถนาให้ตนไม่เสียแขนขวาไปในศึกสุดท้าย เพราะบัดนี้เขาไม่มีมืออีกข้างที่จะเช็ดน้ำตาของเธอได้อีก

 

“ฉันเลยตัดสินใจกินดอกฟูจิวันละนิด เพื่อให้ร่างกายสามารถรับพิษได้... แล้ว พัฒนาที่จะสกัดมันออกมา เผื่อว่าหากฉันพลาดพลั้งขึ้นมา อย่างน้อยอสูรที่เอาชนะฉันได้ก็ต้องตายด้วยยาพิษที่ฉันวางไว้”

 

“ชิโนบุ... ทำไมเจ้าไม่เคย...”

 

“...บอกคุณเหรอคะ” ชิโนบุแหงนหน้าสบตามอง “เพราะฉันไม่อยากเห็นคุณต้องทำหน้าแบบนี้ไงคะกิยูซัง”

 

เธอยกมือไล้น้ำตาของเขาที่รินไหลออกมาไม่ขาดสาย ความเจ็บปวดที่ต้องรับรู้ว่าหญิงที่ตนรักแบกรับความเจ็บปวดเกินกว่าที่เขาเคยคาด ยิ่งทำให้กิยูชอกช้ำที่ตนรับรู้บาดแผลของหญิงสาวคนสำคัญแค่เพียงเสี้ยวเดียว

 

“จริง ๆ ตอนแรกฉันไม่ได้บอกใครเลยค่ะ ไม่ว่าจะกับนายท่านหรือเกียวเมซัง ยิ่งน้อง ๆ ของฉันก็มีแค่คานาโอะที่เพิ่งจะรู้ก่อนศึกสุดท้ายไม่กี่สัปดาห์ เพราะคานาโอะจำเป็นต้องช่วยฉัน หากฉันต้องปะทะกับไอ้อสูรข้างขึ้นที่สองนั่น”

 

เธอยังอธิบายต่อไปคล้ายกับที่เคยอธิบายให้เสาหลักวายุฟังเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน หากคราวนี้ไร้ซึ่งความโกรธเกรี้ยวสิ้นหวังระคนคั่งแค้นของคนที่ต้องจำนนต่อขีดจำกัดทางกายภาพ แต่เต็มไปด้วยความขื่นขมกับทางเลือกที่ได้ตัดสินใจไปแล้วแทน

 

“ยิ่งมีปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับเนซึโกะจัง กับความน่าจะเป็นที่นายท่านมองเห็น ฉันถึงได้ยอมเล่าให้นายท่านกับเกียวเมซังฟังว่าฉันทำอะไรลงไป เพื่อจะได้ร่วมมือกับทามาโยะซังวิจัยยากำจัดเจ้ามุซันนั่น”

 

เขาฟังเธออธิบายถึงสรรพคุณยาทุกตัวที่เธอร่วมกับทามาโยะในการคิดค้น ยาที่เป็นกุญแจสำคัญในการกำจัดราชันอสูรตลอดกาล ภารกิจลับของเธอที่เขาไม่เคยได้ล่วงรู้

 

“ถ้าเพียงบอกข้า...”

 

“คุณก็จะห้ามฉัน ใช่ไหมคะกิยูซัง...”

 

คำตอบที่กิยูไม่อาจปฏิเสธได้ ด้วยรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่มีวันจะปล่อยให้เธอต้องไปเผชิญชะตากรรมแบบนี้ตามลำพัง นัยน์ตาสีครามได้แต่มองนัยน์ตาสีม่วงและรอยยิ้มแสนเศร้าบนใบหน้าชิโนบุอย่างจนปัญญา ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำนน

 

“ฉันถึงบอกคุณไม่ได้ค่ะ... ยิ่งพอรู้ความรู้สึกของคุณแล้ว ยิ่งรู้ว่าตัวฉันเองคิดอย่างไรกับคุณ ฉันก็ยิ่งบอกคุณ... ไม่ได้...” เสียงชิโนบุเริ่มขาดเป็นช่วง ๆ ตามแรงสะอื้นที่เจ้าตัวไม่อาจกลั้นมันได้อีกต่อไป “ยิ่งรู้ว่าถ้าบอกไป คุณก็จะห้ามฉัน ฉันก็อาจจะลังเลก็ได้ค่ะ แต่สุดท้ายฉันก็คง... ไม่เปลี่ยนใจอยู่ดี”

 

“ชิโนบุ...”

 

“จริง ๆ แล้ว... ฉันอยากอยู่กับคุณ อยากได้ใช้ชีวิต... ในโลกที่ไม่มีอสูร... กับคุณ” เธอพยายามข่มเสียงสะอื้น แต่กระนั้นหยาดน้ำร้อนก็ยังไหลหลั่งออกมาไม่ขาดสาย “แต่ถ้าฉันทำแบบนั้น เราคงแพ้ค่ะ... สุดท้ายทั้งคุณ ทั้งฉัน ทั้งน้อง ๆ ของฉันก็คงไม่รอด...”

 

อีกครั้งที่กิยูไม่อาจปฏิเสธความจริงได้... เพราะขณะทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่เธอได้วางไว้ แต่ชัยชนะก็แลกมากับการเสียสละชีวิตที่นับไม่ถ้วน...

 

ทั้งนายท่านและนายหญิง มุอิจิโร่ โทคิโตะ เสาหลักหมอก ชินาซึงาวะ เกนยะ น้องชายของเสาหลักวายุ คันโรจิ มิซึริ เสาหลักความรัก อิงุโระ โอบะไน เสาหลักอสรพิษ ฮิเมจิมะ เกียวเม เสาหลักหินผา... รวมถึงเรนโงคุ เคียวจูโร่ เสาหลักเพลง และพี่สาวของเธอ โคโจ คานาเอะ อดีตเสาหลักบุปผาที่ล่วงลับไปเมื่อหลายปีก่อน

 

และเธอเอง... ที่จากไปคนแรกในศึกนั้น...

 

“ฉันเห็นแก่ตัวค่ะ... ฉันไม่อาจสานฝันท่านพี่แล้วไปใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาได้ แต่ฉันก็อยากสานฝันของท่านพี่ที่อยากให้โลกนี้เป็นที่สงบสุขสำหรับน้อง ๆ ที่เหลือของฉัน... แล้วก็คุณด้วย” เธอยกมือไล้หน้าของเขาอย่างแผ่วเบา สัมผัสนุ่มนวลดุจจุมพิตของเธอในคืนนั้นที่ทำหัวใจของเขาไหวสั่นเพราะความเจ็บปวด “ฉันไม่อยากเห็นสีหน้าคุณแบบตอนนี้... ฉันอยากจำความสุขเวลาคุยกับคุณ อยากจำรอยยิ้มของคุณ ฉันไม่อยากให้คำสุดท้ายระหว่างเราเป็นคำบอกลา... หรือการร้องไห้ หรือต้องทะเลาะกันจนมองหน้ากันไม่ติดเพียงเพราะการตัดสินใจอันเห็นแก่ตัวของฉัน...”

 

น้ำตาหยาดแล้วหยาดเล่าร่วงหล่นจากนัยน์ตาของเธอ แต่ละหยดยิ่งเหมือนเข็มทิ่มแทงจิตใจของคนฟัง ที่เริ่มปะติดปะต่อทุกสิ่งที่เธอผู้นี้ได้แสดงออกมาในวันนั้น...

 

ทั้งคำพูดที่ย้ำว่าขอแค่คืนเดียว...

 

ทั้งคำบอกรักที่ไม่ถูกเอ่ยออกมา...

 

ทั้งคำที่ถามว่าเขาอาจจะไม่อยากรอเธอ...

 

ทั้งไม่มีแม้แต่คำบอกลา... หรือบอกว่าค่อยพบกันใหม่

 

เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจ ว่ามันไม่มีวันนั้นสำหรับพวกเขา...

 

“ฉันเห็นแก่ตัวมากค่ะ... ฉันไม่อยากให้คุณเกลียดฉัน อย่างน้อยฉันก็อยากจะจากไปโดยจำว่าคุณรักฉัน แต่ถ้าคุณจะเกลียดฉัน... ฉันก็ไม่ห้ามแล้วค่ะ”

 

“ทำไม...” กิยูได้ยินเสียงตัวเองพูดไปทันทีทันควัน “ทำไมคิดว่าข้าจะเกลียดเจ้า”

 

น้ำเสียงสั่นพร่าด้วยอารมณ์จากคนที่เคยขึ้นชื่อว่าไร้ความรู้สึก แม้จะแผ่วเบาจนเป็นเสียงกระซิบ แต่ดังก้องในใจของทั้งคู่ เรียกนัยน์ตาสีม่วงได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ...

 

“ก็ฉัน... ทำแบบนั้นไป... ทำให้คุณเจ็บ

 

ไม่มีวันที่ข้าจะเกลียดเจ้า!” เสียงทุ้มต่ำปะปนทั้งความเจ็บปวดและน้อยใจ ที่ตัวเองโง่เขลาจนมองไม่ออกว่าคนที่ตนรักคิดอะไร หรือแสดงออกมาไม่มากพอที่จะทำให้เธอแน่ใจถึงความรู้สึกของเขา “ข้ารักเจ้าเกินกว่าที่จะเกลียดเจ้าได้นะชิโนบุ...”

 

“กิยูซัง... ทั้งที่ฉันทำขนาดนี้...”

 

“ถ้าจะเกลียดใคร ข้าก็คงเกลียดตัวเอง” มือซ้ายที่สั่นระริกด้วยอารมณ์ดึงคนตรงหน้าเข้ากอดไว้แน่นเท่าที่แขนข้างเดียวจะทำได้ ก่อนโน้มตัวซบศีรษะของเธอไว้ “...ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเจ้าเจ็บปวดแค่ไหน ทำไมข้าไม่เคยถาม ทำไมข้าปล่อยให้เจ้าต้องเจ็บปวดคนเดียว ถ้ารู้ ต่อให้เจ้าดึงดันจะทำ อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ต้องรับมือกับอสูรตนนั้นตามลำพัง”

 

“ไม่ใช่คนเดียวหรอกค่ะ คานาโอะกับอิโนะสุเกะคุงก็ช่วยฉันไว้อยู่”

 

“แต่อย่างน้อยถ้าข้าได้ช่วย เจ้าก็คง...”

 

คำที่เหลือถูกกลืนด้วยความว่างเปล่าที่โถมเข้าใส่จิตใจ ความจริงที่ตอกย้ำว่าเธอจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่มีทางที่เขาหรือเธอจะย้อนอดีตได้ ไม่มีทางที่เขาจะกลับไปเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วได้อีก

 

“แต่ฉันก็คงไม่รอดอยู่ดีนะคะ” เสียงของเธอสั่นสะท้าน ขณะที่เสื้อของเขาเริ่มชุ่มไปด้วยน้ำตาของเธอที่หลั่งไหลไม่หยุดหย่อน “แล้วถ้าคุณมาช่วยฉัน ทันจิโร่คุงก็อาจไม่รอดจากการปะทะข้างขึ้นสามตนนั้น... แล้วเราก็คงเอาชนะมุซันไม่ได้...”

 

“แต่ว่า...”

 

นี่คงเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันคือจุดอ่อน คนที่ไม่มีปัญญาตัดคออสูรได้อย่างฉัน คงไม่รอดไปถึงตัวมุซันอยู่ดีค่ะ ขอโทษนะคะ... ฉันทั้งตัวเล็ก ทั้งไร้ความสามารถ ไม่เหมือน...”

 

“ไม่เหมือนใครแล้วยังไง!” กิยูโพล่งออกไปทันควัน “ตัวเล็กแล้วทำไม! ไม่มีความสามารถตรงไหน! คนที่พยายามขนาดนี้ คนที่คิดยาพิษจัดการอสูร คนที่ช่วยเหลือคนได้ตั้งมากมายอย่างเจ้าหรือไร้ความสามารถ!”

 

ราวกับสลักบานประตูถูกทลายลง ความรู้สึกและคำพูดที่เขายังไม่มีโอกาสพูดกับเธอคนนี้จึงไหลเอ่อดั่งสายน้ำหลาก ขณะคนในอ้อมกอดของเขาสะอื้นไห้จนตัวโยน

 

มือที่โอบกอดร่างเล็กไว้จึงเปลี่ยนมาลูบหลังเธอไปมา ก่อนจะเชยคางของเธอให้สบตามองเขา นัยน์ตาสีครามที่ทอดมองคนจากไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้บอกกับเธอต่อหน้า...

 

เขาภูมิใจกับสิ่งที่เธอทำ... ต่อให้สิ่งที่เธอทำลงไปจะสร้างความเสียใจให้เขาก็ตาม

 

เพราะเขารักและภูมิใจเธอผู้นี้ยิ่งกว่าใคร...

 

“สำหรับข้า เจ้าเก่งที่สุด” กิยูว่าพลางก่อนประทับจุมพิตบนดวงตาคู่งามที่บวมช้ำ ถ่ายทอดความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ ความรู้สึกที่มากเกินกว่าจะกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้ “อย่าบอกว่าตัวเองไร้ความสามารถแบบนั้น...”

 

“แต่ฉัน... ไม่สามารถ...”

 

“ข้าไม่เคยเห็นใครพยายามเท่าเจ้า แล้วทำได้เท่าที่เจ้าทำ” ริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้มอ่อนโยนยามเห็นแววสงสัยในนัยน์ตาของเธอ “ข้าภูมิใจนะชิโนบุ ภูมิใจที่ได้รักเจ้า”

 

ถ้อยคำที่เขาแอบพร่ำบอกกับเธอยามเธอหลับใหลในคืนนั้น ถ้อยคำที่เขาได้แต่แอบกระซิบอยู่ในใจยามประทับจุมพิตตามขมับและกลุ่มผม ผ่านปลายนิ้วยามไล้เสี้ยวหน้าและเส้นผมของเธอที่ตกระอกของเขา

 

ถ้อยคำที่พาทำนบน้ำตาของเธอให้ไหลพรากอีกครั้ง จนคนมองได้แต่ตกใจ แล้วพยายามใช้มือที่เหลืออยู่ปาดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสายจากนัยน์ตาคู่สวย

 

ท่าทีเก้กังที่ยังคงเอกลักษณ์ของคนผู้นี้ แม้ว่าสถานะจะเปลี่ยนไป แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไป แต่โทมิโอกะ กิยู ก็ยังเป็นคนเดียวที่ทำให้เธอร้องไห้และหัวเราะได้ขนาดนี้...

 

“ฉันรักคุณค่ะ...”

 

คำพูดแม้จะแผ่วเบา แต่ก็ดังก้องในใจของคนฟัง คำที่เขาเฝ้ารอมาโดยตลอด ถึงความตายพรากเธอไปจากเขา หากกิยูก็ยังหวังว่าเธอจะกลับมาพูดคำนี้ให้เขาได้ฟัง...

 

คำที่เขาอยากได้ยินจากปากของเธอ ด้วยเสียงของเธอ...

 

แม้จะในความฝัน แม้จะอยู่คนละภพ แต่เขาก็ยังปรารถนาที่จะได้ฟัง...

 

นัยน์ตาสีครามเปล่งประกายไม่ผิดกับวันนั้น ไม่ผิดกับยามที่เขายอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ผิดกับยามเช้าวันนั้นที่เขาย้ำว่าจะรอเธอ... ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม

 

กิยูแย้มรอยยิ้ม แล้วโน้มตัวไปประทับจุมพิตบนริมฝีปากสีชาดคู่นั้น ทั้งที่รู้ว่าเมื่อรุ่งอรุณมาถึง เธอก็ต้องจากเขาไปอีก แล้วเขาจะต้องกลับไปสู่ความอ้างว้างที่ไม่มีเธอ...

 

แต่เขาไม่สนแล้ว... ในเมื่อเธออยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เวลานี้ นาทีนี้...

 

ช่วงเวลาที่มีเพียงสองเรา...

 

สัมผัสนุ่มนวลอ่อนหวานที่เขาแสนคิดถึง สัมผัสที่นำพาความสุขหวนคืนกลับมา แม้เป็นเพียงช่วงระยะเวลาแสนสั้น แม้เพียงพบแค่ในฝัน แต่เขาก็เป็นสุข...

 

ขอแค่ช่วงหนึ่งของกลางคืน ที่เขาได้พบเธอ ได้เจอเธอ... ขอแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ จนกว่าชีวิตที่เหลือของเขาจะสิ้นสุดลง...

 

ขอให้ปาฏิหาริย์ในฝันกลางเหมันต์... คงอยู่กับเขาตลอดไป

 

“เสียใจไหมคะ...” ชิโนบุกระซิบพลางซบหน้าแนบอกกว้าง “ที่มารักคนอย่างฉัน”

 

“ไม่”

 

คำตอบหลุดออกจากโดยไม่ต้องใช้เสี้ยวความคิด ด้วยไม่เคยมีเสี้ยววินาทีใดที่เขารู้สึกเสียใจที่มอบใจให้แก่เธอคนนี้ ผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวและมั่นคงกับทางที่เลือก คนที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อจุดเป้าหมาย จนเอาชนะขีดจำกัดทางกายภาพได้

 

กระนั้น นัยน์ตาคู่คมก็หม่นแสงลง... เมื่อสิ่งที่เขาเสียใจไม่ใช่การที่เขาได้รักเธอ...

 

แต่คือสิ่งที่เกิดจากตัวเขา...

 

“ข้าแค่อยากมีเวลามากกว่านี้...” ความปรารถนาที่อยู่ลึกสุดของจิตใต้สำนึกถูกเปิดเผยออกมา ความปรารถนาและคำถามที่อยู่ในหัวใจตั้งแต่การจากไปของเธอ “ถ้าข้ารู้ความรู้สึกตัวเองเร็วกว่านี้ ทุกสิ่งมันจะเปลี่ยนไปไหม”

 

“เปลี่ยนไปแบบไหนคะ”

 

“การตัดสินใจของเจ้า... แต่ตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้วว่าคงไม่” เขาโน้มศีรษะแนบซบกลุ่มผมดำประกายม่วงของเธอ “แต่อย่างน้อย ถ้ารู้ใจตัวเองเร็วกว่านี้ ข้าคงได้ใช้เวลาร่วมกับเจ้าแบบที่พี่สาวเจ้ากับชินาซึงาวะมี”

 

ความปรารถนาที่เรียกมือของเธอที่กอดรัดร่างเขาสั่นระริก ไหล่เล็กไหวสะท้านด้วยแรงสะอื้นจากความเสียใจที่ไม่ต่างกับตัวเขา...

 

ทั้งที่มีเวลาร่วมกันมาเนิ่นนานหลายปี... แต่เพราะไม่เคยล่วงรู้ถึงความรู้สึกของตน เวลาของพวกเขาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันจริง ๆ จึงมีแค่คืนเดียว...

 

“แต่อย่างน้อย... เราก็เคยมีเวลาร่วมกันนะคะ กิยูซัง” เธอเอ่ยออกมาในที่สุด ก่อนจะเงยสบตามองเขาด้วยนัยน์ตาที่ชุ่มด้วยหยาดน้ำตา “อย่างน้อยตอนได้อยู่กับคุณ ฉันก็สนุกนะคะ ทั้งที่คุณพูดจาไม่รู้เรื่องจนฉันโมโหแค่ไหน แต่ฉันก็มีความสุขมากจริง ๆ”

 

“แล้ว... ร้องไห้ทำไม”

 

คำถามที่ชิโนบุได้แต่ส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความขบขันระคนเศร้าเสียใจในเวลาเดียวกัน พลางเอื้อมมืออันสั่นระริกของเธอแตะใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา

 

“...แล้วคุณล่ะคะ” เธอจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาคู่สวย นัยน์ตาที่อยู่ในความทรงจำมาโดยตลอด “คุณมีความสุขตอนอยู่กับฉันไหม”

 

คำถามที่ทำเขาหวนย้อนความทรงจำทุกช่วงที่มีร่วมกับเธอผู้นี้ นับตั้งแต่แรกพบ ณ คฤหาสน์ผีเสื้อยามที่เธอเป็นเพียงเด็กน้อยแสนแก่นแก้ว ที่ใช้เขาเป็นเครื่องมือปั่นป่วนความรักของพี่สาวคนเดียว... หรือยามที่เธอสูญเสียตัวตนจากการเสียเสาหลักบุปผาไป...

 

แต่ทุกช่วงเวลาที่เขาอยู่กับเธอ... มันคือช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมาย

 

เพราะเป็นช่วงเวลาที่เขาได้ใช้ร่วมกับเธอผู้นี้...

 

“มีสิ...”

 

ถ้อยคำสั้น ๆ หากเป็นยิ่งกว่าสายฝนที่รินรดจิตใจคนทั้งสองให้ชุ่มชื้น นัยน์ตาที่สบมองกลับมาแม้จะยังเต็มไปด้วยหยาดน้ำคลอเบ้า แต่ประกายในนัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นกลับสะท้อนความสุขอย่างที่เขาไม่เคยได้เห็นมานานแสนนาน

 

ก่อนเขาจะได้ทันพูดอะไรเพิ่มเติม ภาพของเธอก็เริ่มพร่าเลือน เสียงนกร้องจากโลกภายนอกบ่งบอกถึงรุ่งอรุณที่กำลังมาเยือน...

 

แล้วความฝันของค่ำคืนนี้ก็จะสิ้นสุดลง...

 

“ชิโนบุ... ข้าจะได้เจอ...”

 

“ได้สิคะ” ชิโนบุตอบทันทีทันควัน รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าที่เริ่มค่อย ๆ โปร่งแสง “ยังไงเราก็ได้เจอกันอีกแน่นอนค่ะ”

 

“ในความฝัน... ทุกคืน” กิยูเอ่ยเสียงแผ่ว มือซ้ายรวบเอวของเธอไว้แนบแน่น ด้วยกลัวว่าเขาจะลืมตาตื่นในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง “มาหาข้านะ...”

 

“ค่ะ” เธอกระซิบตอบ “อาจจะไม่ใช่ทุกคืน แต่ฉันจะมาหาคุณจนคุณเบื่อเลย...”

 

“ข้าไม่มีวันเบื่อเจ้า”

 

คำพูดที่เรียกเสียงหัวเราะลั่นกับรอยยิ้มจนตาหยี จนเขานึกถึงแรกพบเธอคนนี้ เธอผู้ไม่ได้ใกล้เคียงกับภาพฝันตลอดกาลของเขา แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นเธอที่เป็นเธอจริง ๆ หรือเธอที่สวมหน้ากากของพี่สาวผู้จากไป

 

เขาก็รักทุกสิ่งที่เป็นเธอ...

 

“ข้า...”

 

“เก็บไว้คราวหน้านะคะ” เธอเขย่งตัวพลางเป็นฝ่ายฉวยโอกาสจุมพิตแก้มเขา “แต่ถ้าคุณทำตัวซังกะตายแบบนี้อีก ฉันอาจเปลี่ยนใจไม่มามาหาคุณนะ”

 

“อื้อ”

 

“แล้วก็อย่าสิ้นคิดรีบตามฉันมาที่โลกนี้นะคะ” เธอยิ้มกว้าง ขณะร่างพร่าเลือนจนเกือบจางหาย “ชีวิตของคุณแลกมาด้วยชีวิตของท่านพี่สึทาโกะและซาบิโตะซังนะคะ อย่าให้การเสียสละของสองคนนี้ต้องสูญเปล่านะคะ กิยูซัง”

 

พลันภาพทุกอย่างก็วูบหาย นัยน์ตาสีครามปรือตื่นด้วยแสงสีทองของเช้าวันใหม่

 

ความฝันอันแสนหวานจบลง... คงเหลือแต่โลกที่ไม่มีเธอให้เขาได้เผชิญ...

 

ชายหนุ่มค่อย ๆ ชันตัวปฏิบัติภารกิจประจำวันเงียบ ๆ เหมือนที่เป็นมาหลังจบศึก หากภาพที่สะท้อนออกมาจากกระจกในวันนี้ดูแตกต่างออกไป

 

นัยน์ตาที่เคยแห้งเหือดจนเหมือนแววตาของคนตาย บัดนี้เริ่มกลับมาส่องประกาย ด้วยความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ

 

ฮาโอริที่แขวนอยู่เป็นเครื่องยืนยันในสิ่งที่เธอย้ำ ฮาโอริที่ได้คามาโดะ เนซึโกะ ซ่อมแซมให้กลับมาใกล้เคียงของเดิมไว้มากที่สุด ของเตือนใจที่ตอกย้ำถึงคนสำคัญที่ต้องจากไปเพื่อปกป้องชีวิตเขา

 

มือของชายหนุ่มหยิบเครื่องประดับผีเสื้อสีม่วงที่อยู่ในอกเสื้อขึ้นมาทอดมอง พร้อมกับนึกถึงคำพูดที่เธอทิ้งไว้ก่อนที่เขาจะลืมตาตื่น

 

‘เรายังมีเวลาด้วยกันอีกมาก ระหว่างนี้ฉันอยากให้คุณมีความสุขกับชีวิตนะคะ...’

 

กิยูเดินไปยังเฉลียงหลังบ้าน ก่อนทรุดตัวนั่งมองแสงสีทองที่ลอดผ่านไอหมอกหนา ความสวยงามของยามเช้าที่เขาเกือบลืมเลือนไปแล้ว พลางใช้นิ้วไล้ปีกบอบบางของเครื่องประดับที่ชิโนบุทิ้งไว้ให้อย่างทะนุถนอม

 

โลกที่แสนสงบสุข... ที่ท่านพี่ของเขา ซาบิโตะ และเธอไม่มีโอกาสได้เห็น

 

คงเหลือแต่เขาผู้เดียวที่ได้สัมผัส... คงเหลือแต่เขาที่จะได้เป็นผู้เล่าขานให้คนสำคัญให้ฟังหลังเขาหมดลมหายใจในอีกไม่กี่ปี...

 

“นั่นสินะ ข้าบอกเองว่าจะรอนี่นา...”

 

กิยูพึมพำพร้อมแย้มรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับพูดให้ใครคนหนึ่งได้ฟัง แล้วยกผีเสื้อชิ้นนั้นแนบริมฝีปาก ฝากจุมพิตไปถึงเธอที่อยู่บนฟ้า

 

แม้ตะวันจะขึ้น ปลุกเขาจากฝันอันแสนหวาน... แต่ไม่นานรัตติกาลก็คงมาเยือน

 

แล้วนั่น ก็จะเป็นเวลาของเขากับเธอ...

 

“ข้ารอเจ้าเสมอนะ... ชิโนบุ”

 

===========

Author's Talk 13 SEP 2021

สวัสดีค่า จบไปแล้วกับตอนพิเศษ 3.2 นะคะ... ตกใจกับความยาวของครึ่งตอนหลังเหมือนกันค่ะ อะหือ มากกว่าที่เราคิดไว้มาก

แต่ทุกสิ่งที่เขียน เป็นสิ่งที่ตั้งใจอยากจะเขียนตั้งแต่เขียนบท 6-7 แล้วละค่ะ เพราะรู้สึกว่า มันต้องมีอะไรที่ทำให้คุณกิไปต่อให้ได้ค่ะ แม้มันจะทรมานก็ตาม

ตอนพิเศษ 3 อันแสนยาวนี้ จึงเหมือนเป็นการขมวดปมที่ขยายความจากตอน 7 มาให้เห็นค่ะ ทั้งการจมดิ่งลงไปของคุณกิ การได้กลับมาพบเธอ การที่เอาตัวเองออกมาจากวังวนความสูญเสียให้ได้ เพื่อให้เป็นคุณกิที่เราเห็นในตอน 204 และในท้ายตอน 7 อย่างไร

แต่สารภาพเลยค่ะ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่แอ๋งแล้ว (ใช่ นี่คือไม่แอ๋งแล้วค่า) แต่เอาจริง เราเสียน้ำตากับบทนี้ยิ่งกว่าตอนเขียน 3.1 นะคะ

3.1 มันหน่วงแบบ ติดค้างในอารมณ์ เหมือนจมไปกับความสูญเสียของคุณกิ แต่ตอน 3.2 นี้คือ...

สองคนนี้ air-headed อย่างที่อ.เข้บอกจริง ๆ แหละค่ะ ไม่รู้ตัวเองจริง ๆ จนนั่นแหละ มีเวลาด้วยกันฉันคนรักแค่คืนเดียวเท่านั้น (ไม่นับทางจดหมายที่เต็มไปด้วยน้ำตาคุณชิอีก)

บทนี้เลยเหมือนเป็นการคลายสิ่งที่ติดค้างของคนทั้งคู่ ทั้งความรู้สึกผิดของคุณชิ ความเจ็บปวดของคุณกิ กับสิ่งที่ทั้งคู่อยากบอกด้วยปากแต่ไม่มีโอกาสนี่แหละค่ะ

เราน้ำตาซึมมาก คุณกิแกภูมิใจของแกจริง ๆ นะคะ แล้วยิ่งตอนคุณชิถามว่าเสียใจไหมที่รักคุณชิ แล้วคุณกิตอบทันทีว่าไม่ มันเป็นอะไรที่บีบคั้นใจเรามากค่ะ

แต่อย่างที่คุณชิว่าในตอนท้ายนี่แหละค่ะ เวลาสองคนนี้สั้นผิดกับคู่พี่สาพี่เอะ แต่ไม่ได้แปลว่าเวลาที่ผ่านมามันไร้ความหมายนะคะ ทั้งสองคนมีความสุขที่ได้คุยกันตลอดค่ะ (ตามที่ท่านศาสดาเกียวเมเห็นใน fb2 นี่แหละ)

แล้วยิ่งเห็นรูปคุณกิตอนเด็กที่ยูโฟ่ปล่อยมา อะหือ ตอกย้ำถึงชะตากรรมบัดซบของคุณกิจริง ๆ แต่ก็ตอกย้ำว่า มีอีกสองคนที่แลกชีวิตเพื่อให้คุณกิได้มีชีวิตต่อนะคะ... นั้นคือพี่สึทาโกะและคุณซาบิโตะนั่นเอง

สองคนนี้ และคำพูดคุณชิ คือสิ่งที่ผลักให้คุณกิฟื้นจากความเจ็บปวดนี่แหละค่ะ บวกกับความหวังที่คุณกิรู้ว่า อย่างน้อยในทุกค่ำคืน เขาก็อาจจะเจอคุณชิในความฝันได้...

ขอบคุณความดีความชอบของ Time For The Moon Night & โลกที่ไม่มีเธอ และหนึ่งนาทีนะคะ โดยเฉพาะหนึ่งนาทีนี่เป็นเหมือนเพลงที่เป็นแรงกระตุ้นของฟิคนี้เลย

 
แสดงสปอยล์

เหมือนจะจบแฮปปี้แล้ว?! แต่เรื่องราวสองคนนี้ยังไม่จบเร็ว ๆ นี้แน่ค่ะ : D ยังมีอะไรที่เราอยากเวิ่นเว้อและเขียนมันออกมาอยู่พอสมควร

สำหรับตอนพิเศษ 4 แหมะ อุตส่าห์พูดถึงพี่สามาขนาดนี้ เราไม่พูดถึงพี่แกก็คงไม่ได้นะคะ : D คนที่ร่วมชะตาเป็นผู้เหลือรอดร่วมกับคุณกิ คนที่ร่วมก๊วนชะตากรรมเสียคนสำคัญให้อสูรเกือบหมด

มันต้องมีโมเมนต์ค่ะ เราจะพาทุกท่านหลุดพ้นจากความแอ๋งละมุน ไปพบกับความเสื่อมแอ๋ง (พ่วงละมุน?!) ของเหล่าพ่อหม้ายเมียตายทั้งสอง และท่านเทพแห่งความบันเทิง ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านะคะ

และน่าจะพร้อมกับเปิดพรีออเดอร์แฟนฟิคเล่มนี้ เผื่อใครสนใจอยากเก็บเป็นที่ระลึกนี่แหละค่ะ ส่วนใครสนใจดูรายละเอียดเบื้องต้น จิ้มดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยนะคะ

ปล. ขอบอกว่าปกสวยมากค่ะ ปกสวยจนเราเวิ่นเว้อไม่ได้นอนเลยคืนนั้น ต้องขอบคุณคุณจซ.ที่ออกแบบปกออกมาได้ถูกใจเรามากถึงมากที่สุดเลยค่ะ

สำหรับวีคหน้า (หรือวีคนี้) ขอพาทุกท่านกลับไปพบกับ o/s prelude ออริที่เราแพลนจะเขียนช่วงปี 2566 กับอิ่มใจในรักนะคะ

ท้ายสุดนี้ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ทุกคอมเมนต์ ทุกฟีดแบค ทุกการสนับสนุนของทุกคนมากเลยค่ะ ช่วงนี้ยังมา ๆ หาย ๆ งานกับสุขภาพรุมเร้ามาก

บทนี้อ่านแล้วเป็นอย่างไร แวะทิ้งคอมเมนต์หรือเมาท์มอยไว้ได้นะคะ รู้สึกเหมือนพาทุกคนขึ้นรถไฟเหาะจริง ๆ

แล้วพบกับ o/s ออริเราในสัปดาห์หน้า และตอนพิเศษ 4 ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านี้ค่ะ ^^ อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ

Author's Talk 11 MAY 2022

สวัสดีค่า วันนี้ก็เป็นคิวฉบับลง Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

บทนี้ก็เช่นเคยค่ะ เกลาเพิ่มจากของเดิมหลายส่วนมาก แต่เป็นอะไรที่ตรงข้ามกับตอนพิเศษ 2 เลยนะคะ ถ้าตอนพิเศษ 2 เปิดมาหวานก่อนบิดไปแอ๋งสุด ตอนพิเศษ 3 ก็คือเปิดด้วยแอ๋งสุดแล้วบิดไปหวานปนเศร้าเหมือนกัน

ช่วงเขียนตอนพิเศษ 3 เคยคิดว่าจะยาวแค่บทนี้บทเดียวค่ะ 555 แต่สุดท้ายก็ดั่งทีเห็นค่ะ ยาวสุดก็คงให้บทพิเศษ 7 ค่ะ ยาวชนะโลกมาก

สำหรับใครอยากยลตัวเล่มลองดูเล่มตัวอย่างได้จากที่เราอัพเดท หรือในเทรดทวิตเตอร์นี้นะคะ

แล้วก็ ใครที่มีความสนใจอยากเก็บฟิคเล่มนี้ รวมถึง KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ เป็นที่ระลึก ตอนนี้เราเปิดพรีฟิคอีกรอบค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 16 APR 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

(เปิดพรีงวดนี้จนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2565 ค่ะ)

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

ถ้าใครตามทวิต จะเห็นเราลงรูปประกอบเล่ม KNY FF - In The Remembrance of Her แล้วนะคะ หวังว่าจะชอบเหมือนกับที่เราชอบนะคะ ^^

ในวันเสาร์ กลับมาพบกับตอนพิเศษ 4.1 ฉบับรีไรท์กันนะคะ แต่แอบกระซิบว่า ถ้าทันวันอาทิตย์ อาจจะขอสลับลง o/s ออริในวันอาทิตย์นี้หน่อยค่ะ เฉลิมฉลอง event ของ RAW นิดหน่อย

ปล. ช่วงนี้เราค่อนข้างสลบมากค่ะ อาจจะเขียนอะไรได้ดีเลย์กว่าที่คาดการณ์ กับหลังจากนี้สามเดือนจะยุ่งมากถึงยุ่งที่สุดค่ะ เริ่มไม่แน่ใจว่าหลังลง rewrite In The Remembrance of Her แล้ว จะลง KNY FF - The Tales of Butterfly Effects ตามที่ตั้งใจไว้ได้ไหม แต่อย่างไรจะพยายามเต็มที่นะคะ

แล้วพบกันเสาร์นี้ค่า