21 ตอน Special Chapter 07.3 - Endless Dream (III)
โดย rene_recluse
[KNY FF] - In Time With You
Special Chapter 07 - Endless Dream (III)
TW/CW :
Death
ปล. เนื่องจากบทนี้ยาว เลยขออนุญาตแบ่งลง 3 ตอนนะคะ
1st Published : 27 FEB 2022
Rewrite : 15 JUN 2022
===========
เหตุการณ์ต่อเนื่องจาก Special Chapter 07.2 ค่ะ และหลัง Day 7 ค่ะ
บัดนี้ชิโนบุใช้เวลาเกือบทั้งวันไปกับการหลับอย่างเหนื่อยอ่อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นลงทุกวัน มีเพียงเวลากลางคืนที่เธอจะตื่นขึ้นมา นัยน์ตาสีม่วงคู่งามมักจะทอดมองท้องฟ้ามืดสนิทที่เต็มไปด้วยจันทราส่องสว่างและละอองดาราระยิบระยับ โดยมีมือของเขาคอยกระชับร่างของเธอไว้
หลายครั้งที่มือซ้ายของกิยูสั่นเทา เมื่อรับรู้ถึงเส้นด้ายแห่งชีวิตของเธอผู้นี้ที่ใกล้จะมาถึงจุดสิ้นสุด แต่ก็เป็นมือผอมบางของชิโนบุที่แตะมือของเขาไว้อย่างมั่นคง ด้วยแรงอันน้อยนิดที่เธอมีเหลือ ราวกับเป็นการเตือนสติให้เขาเตรียมรับมือกับความเป็นจริงที่ใกล้เข้ามาทุกคืนวัน
เช่นเดียวกับค่ำคืนนี้...
กิยูรู้สึกตัวแทบจะทันทีที่คนในอ้อมแขนขยับร่าง แสงจันทราสุกสกาวของคืนวันเพ็ญทอแสงละมุนไล้อาบหน้าของเธอให้เปล่งประกาย แต่ก็เป็นความงดงามที่คล้ายภาพมายาของเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์ที่ใกล้จะต้องกลับคืนสู่บ้านเกิดของนาง
สายลมหนาวเหน็บของกลางฤดูหนาวพัดผ่านต้องร่าง จนทำให้เขานึกถึงคืนแรกที่ทั้งคู่ได้มีร่วมกันก่อนศึกสุดท้ายจะมาถึง ค่ำคืนที่เขาเผยความในใจซึ่งถูกเก็บซ่อนไว้ให้เธอได้รู้ ค่ำคืนที่เธอเป็นฝ่ายมาหาเขาถึงบ้านหลังนี้ ค่ำคืนที่เขาทั้งสองได้ถ่ายทอดความรักและความปรารถนาออกไป
ราตรีที่เขาเคยชิงชัง เพราะเป็นเวลาที่อสูรร้ายออกคร่าชีวิตคน หากราตรีนั้น เป็นราตรีที่เขาได้แต่หวังให้มันทอดยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุด...
ราตรีที่เขาไม่อยากให้มันจบลง ด้วยกลัวว่าเมื่อรุ่งอรุณมาเยือน เธอคนนี้จะลับเลือนหายไป สู่ที่ซึ่งเขาไม่อาจเอื้อมคว้าได้อีกต่อไป...
นัยน์ตาสีม่วงคู่สวยยังคงงดงามไม่แพ้วันแรกที่เขาได้เห็น เช่นเดียวกับรอยยิ้มสดใสที่ตราตรึงอยู่ในจิตใจมาตั้งแต่หลายปีก่อน ครั้งที่เธอยังเป็นเพียงเด็กสาวหัวดื้อมือหนัก เด็กสาวที่แตกต่างจากภาพหญิงสาวในห้วงฝันของเขาอย่างสิ้นเชิง
แต่สุดท้าย สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด ไม่ใช่หญิงสาวที่เขาจับต้องไม่ได้คนนั้น แต่คือเธอที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาในตอนนี้
หากเวลาจะเหลือให้เขาทั้งสองคนอีกนานแค่ไหน...
หรืออาจจะไม่มีวันพรุ่งสำหรับเราทั้งสองอีกต่อไป...
กิยูจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนเกลี้ยง ขณะมือซ้ายเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าไปทัดไว้หลังใบหูของเธอ แล้วกระซิบเสียงแผ่ว
“ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไร...”
“สักพักแล้วค่ะ” น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาจนเกือบเป็นเสียงกระซิบ ด้วยเรี่ยวแรงที่แทบไม่เหลือแล้ว “แต่ฉันยังไม่อยากปลุกคุณน่ะ”
“เพราะ...”
“ฉันอยากมองหน้าคุณชัด ๆ ค่ะ กิยูซัง” มือเล็กแบบบางไล้ไปตามกรอบหน้าของเขา สอดนิ้วไปตามเส้นผมดำที่ถูกตัดสั้นตั้งแต่จบศึก “นานแค่ไหนแล้วคะ ที่ฉันไม่ได้เห็นหน้าคุณตอนที่คุณหลับนะ”
“คงนานอยู่...” กิยูว่าพลางชันตัวขึ้น แล้วใช้มือที่เหลือเพียงข้างเดียวประคองร่างเล็บซูบผอมนั่งพิงร่างเขาไว้ “วันนี้เจ้าหลับไปนานมากเลยนะ”
“ฉันฝันน่ะค่ะ...”
อดีตเสาหลักแมลงตอบเบา ๆ ปล่อยให้ร่างกายของเธอจมกับอ้อมกอดของคนที่โอบกอดร่างเธอไว้ จนสายลมอันแสนเหน็บหนาวไม่อาจระคายผิวกายของเธอได้แม้แต่น้อย หากเมื่อเห็นนัยน์ตาสีครามสบมองอย่างฉงนสงสัย เธอก็ได้แต่ส่งยิ้มอ่อนล้าให้ก่อนขยายความเพิ่ม
“เป็นความฝันที่ยาวนานและแปลกประหลาดมากเลยนะคะ... แรกสุดฉันฝันถึงท่านพ่อท่านแม่ แล้วก็ท่านพี่ ฝันถึงตอนที่ฉันยังเป็นเพียงเด็กน้อย ฝันถึงยามที่ชีวิตมีแต่ความผาสุก มีแต่ความหวังว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป... เพียงแต่มันก็เป็นได้แค่ในความฝันของฉันเท่านั้น...” ริมฝีปากสีชาดแย้มยิ้มอ่อนหวาน หากคนที่มองอยู่กลับรู้สึกใจหายจนได้แต่กระชับร่างของเธอไว้แน่นหนาขึ้น “แล้วฉันก็ฝันถึงเกียวเมซัง นายท่าน นายหญิง เรนโงคุซัง อิงุโระซัง คันโรจิซัง มุอิจิโร่คุง เกนยะคุง ทามาโยะซัง แล้วก็... คงจะเป็นท่านพี่ของคุณกับเพื่อนของคุณด้วยค่ะ”
“พี่สึทาโกะ กับซาบิโตะเหรอ?”
“ใช่ค่ะ แต่มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งนะคะ ดูเธอสนิทกับซาบิโตะซังน่าดู ไม่ใช่เพื่อนของกิยูซังหรอกเหรอคะ”
“ข้าไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิง...”
เขาตอบ หากก็นึกถึงสิ่งที่อาจารย์ของเขาและทันจิโร่เคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับบรรดาศิษย์ของอุโรโกะดากิที่ถูกจัดการในการคัดเลือกครั้งสุดท้ายนั่น บางทีผู้หญิงที่ชิโนบุฝันถึงก็คงจะเป็นหนึ่งในศิษย์พี่ของเขาก็เป็นได้
“แล้วฉันล่ะคะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยเย้า แม้จะเป็นคำเย้าที่อ่อนล้าจนแทบหมดแรง “ฉันไม่ใช่เพื่อนของคุณหรอกเหรอ”
“ไม่” กิยูปฏิเสธแทบทันควัน ก่อนจะมองคนที่หันกลับมาสบตาด้วยแววตาอ่อนโยนไม่แพ้แสงจันทร์เต็มดวงภายนอก “...เจ้าเป็นมากกว่านั้น”
มีเพียงรอยยิ้มอ่อนหวานและนัยน์ตาพราวระยับที่ส่งกลับมา แม้จะเป็นประกายสุกสว่างดั่งแสงจากเทียนไขที่กำลังจะมอดไหม้เป็นครั้งสุดท้าย
ชิโนบุทิ้งศีรษะแนบแผ่นอกกว้างไว้ สูดกลิ่นกายไออุ่นของร่างที่ห่อหุ้มตัวเธอ กลิ่นที่ทำให้เธอนึกถึงผืนแผ่นน้ำ นิ่ง สงบ อบอุ่น อ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย... ที่มีเธอเพียงผู้เดียวที่ได้สัมผัสและรับรู้
“ในฝันน่ะ... ตอนแรก ฉันฝันว่าหากทุกคนยังมีชีวิตอยู่จะเป็นอย่างไร ถ้าท่านพี่ไม่ด่วนจากไปวันนั้น อย่างน้อยซาเนมิซังก็คงมีความสุขไม่แพ้เราสองนะคะ และบางที... ฉันกับคุณ เราอาจมีเวลาได้อยู่ร่วมกันแบบนี้... นานกว่านี้...” ความเป็นจริงที่กิยูทำได้เพียงจรดริมฝีปากแนบกลุ่มผมของเธอไว้ ด้วยรู้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะคิดในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ “แล้วฉันก็ฝันถึงทุกคน แต่เป็นช่วงเวลาที่ไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ... มันคงเป็นช่วงเวลาในอนาคตนะคะ ทั้งโลกที่ฉันที่ดูจะโตกว่าคุณ หรือโลกที่คุณอายุมากกว่าฉันเหมือนในตอนนี้... ทั้งโลกที่เหมือนจะไม่ใช่ที่นี่... หรือโลกที่กระทั่งเหล่าอสูรที่พวกเราได้เจอ กลับกลายเป็นมิตรกับพวกเราได้ค่ะ”
“งั้นเหรอ...” กิยูพยายามนึกภาพตาม แม้สิ่งที่เขาได้ฟังแลจะเป็นโลกที่วุ่นวาย แต่ก็คงเป็นโลกที่แสนวิเศษจนเธอของเขายิ้มอย่างมีความสุข “แล้ว...ชอบไหม”
“ค่ะ ถ้าเป็นโลกที่ได้เจอทุกคน จะโลกไหนฉันก็คงชอบทั้งนั้น... ถ้าได้อยู่กับทุกคนพร้อมหน้า... แล้วก็คุณ” มือที่เย็นเฉียบด้วยสายลมหนาวไล้ใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา “โลกที่ไม่มีอสูรคุกคาม โลกที่ท่านพี่ไม่ด่วนจากไป โลกที่ได้เจอกับทุกคนอีก และโลกที่ได้อยู่กับคุณจนแก่เฒ่า... มันคงจะมีโลกเหล่านี้อยู่ใช่ไหมคะ กิยูซัง”
นัยน์ตาของเธอบัดนี้คลอหน่วยด้วยน้ำตา หากรอยยิ้มอ่อนหวานยังคงประดับบนใบหน้างดงาม รอยยิ้มแสนอ้างว้างที่กิยูทำได้เพียงประทับจุมพิตเหนือหน้าผากมนได้รูป แล้วเอ่ยกระซิบเสียงแผ่ว
“ถ้าเป็นโลกที่มีเจ้าอยู่นะ...”
“เสียใจไหมคะ... ที่รักคนอย่างฉัน คนที่ไม่เคยคิดเรื่องอื่นนอกจากแก้แค้นให้พี่สาวตัวเอง” น้ำเสียงนุ่มนวลบัดนี้อ่อนล้า จากพลังกายที่แทบไม่มีเหลือ หากก็เป็นอีกไม่กี่สิ่งที่เธอยังคงติดค้างกับชายผู้นี้ “คนที่เห็นแก่ตัว รู้ทั้งรู้ว่าอาจไม่รอดชีวิตกลับมา แต่ก็ยังขอแค่คืนเดียวที่จะได้รักคุณ...”
“ไม่” อีกครั้งที่เขาตอบได้โดยไม่ต้องคิด เพราะไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่เขาต้องเสียใจจากการได้รักเธอ “ถ้าจะมีอะไรที่ต้องเสียใจ คือทำไม... ทำไมข้าไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้”
สิ่งที่ติดค้างความรู้สึกของกิยูมาตลอด คงเป็นเพียงเหตุผลเดียวกับที่อดีตเสาหลักวายุผู้นั้นชังน้ำหน้าเขายิ่งกว่าใคร ด้วยเขามีเวลาหลายปีให้ได้รู้สึกถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจ แต่กลับปล่อยเวลาให้ผ่านล่วงเลยไปอย่างน่าเสียดาย
จนเหลือเวลาอันน้อยนิด ที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่แสนวิเศษ... คนที่เขารักยิ่งกว่าชีวิตคนนี้
ริมฝีปากของเขาขยับไล้ไปตามดวงตาของเธอ จูบซับน้ำตาที่คลอหน่วยเต็มสองตา ก่อนจะไล้มายังริมฝีปากที่ซีดเซียวจนแทบไม่เห็นสีเลือด
“ข้าดีใจนะ... ที่ได้รักเจ้า”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอไม่ผิดแผกจากคืนนั้น เว้นแต่นัยน์ตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุขสมหวัง แม้เจ้าของร่างจะอ่อนล้าจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงให้พูดอีกมากเท่าไร
หากเธอก็ยังอยากพูดคำนั้นออกไป ถึงแม้มันอาจเป็นครั้งสุดท้ายก็ตาม...
“คืนนี้... พระจันทร์สวยไหมคะ กิยูซัง”
รอยยิ้มละไมปรากฏเหนือใบหน้าคมคาย เช่นเดียวกับนัยน์ตาของเขาที่เต็มไปด้วยความสุข แม้รู้ดีว่ามันคงไม่เหลือเวลาระหว่างเขาสองคนอีกต่อไป
“สวยสิ...”
“คำตอบทื่อสมเป็นคุณจริง ๆ ค่ะ”
ชิโนบุเอ่ยเสียงแผ่ว ขณะทอดร่างลงบนฟูกนอนตามการประคองของกิยู พร้อมกับรวบรวมพลังสุดท้ายที่เหลือเพื่อได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจของเธอมานานแสนนาน... นานตราบเท่าที่เจอเขาผู้นี้
“ฉันมีความสุขนะคะ... ที่ได้เจอคุณ... ได้อยู่กับคุณ... ได้รักคุณ...” นัยน์ตาสีม่วงคู่งามพยายามประทับภาพคนที่เธอรักไว้ในความทรงจำ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งแววตา ทั้งทุกอย่างที่ประกอบเป็นเขาผู้นั้น “แล้วคุณล่ะคะ กิยูซัง...”
คำตอบของเขา แม้ไม่ต้องออกมาเป็นคำพูด เธอก็สามารถรับรู้ได้จากทั้งแววตา ทั้งรอยยิ้ม ทั้งสัมผัสจากมือที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวที่ไล้ไปทั่วกรอบหน้าของเธออย่างทะนุถนอม และจากจุมพิตอ่อนหวานที่แนบริมฝีปากของเธอ
“เจ้ารู้ดีกว่าใครนะ ชิโนบุ...”
ประโยคสุดท้ายที่เธอได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา ขณะเอนศีรษะแนบซบไหล่ของคนที่ตลบผ้าห่มคลุมร่างของพวกเขาไว้ สัมผัสความอบอุ่นอ่อนโยนดั่งที่ได้รับมาตลอดระยะเวลาที่จบศึกมา
ความง่วงเริ่มเข้าครอบงำจนไม่อาจพูดหรือสื่อสารอะไรได้อีก แต่เธอก็พยายามใช้กำลังเฮือกสุดท้ายมองนัยน์ตาสีครามดุจท้องฟ้ายามราตรี ที่ทอดมองเธอด้วยความอ่อนโยนและเต็มเปี่ยมด้วยความรักล้นใจ ไม่แพ้กับความรู้สึกที่เธอมีให้แก่เขา
เพื่อจดจำภาพสุดท้ายแสนงดงาม และตราตรึงในความทรงจำของเธอตลอดไป...
เมื่อกิยูตื่นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ทุกสิ่งเป็นเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา หากมีบางสิ่งที่ผิดแผกไปจากความรับรู้ของเขา
ร่างที่นอนอิงแอบซบอกเขา ดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับเธอหลับไปตามปกติ รอยยิ้มอ่อนหวานยังคงประดับอยู่บนใบหน้าซีดเซียว หากร่างที่เย็นชืด ลมหายใจที่ดับสูญ บ่งบอกว่าการหลับของเธอครั้งนี้เป็นการหลับตลอดกาล
ไม่มีวันที่นัยน์ตาสีม่วงคู่นี้จะลืมสบมองกับเขาได้อีก...
มีเพียงหยาดน้ำตาที่รินไหลขณะเขาประทับรอยจุมพิตลาเหนือหน้าผากนวลเนียน หากแปลก เขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเท่ากับที่เคยคิดไว้ เพราะรู้ว่าเธอของเขาต้องทรมานกับสังขารมามากเพียงใด แม้จะซ่อนทุกสิ่งไว้ใต้รอยยิ้มก็ตาม
การจากไปของเธอ จึงเป็นการปลดปล่อยพันธนาการเธอจากโลกใบนี้ และก็รู้ดีว่าอีกไม่นาน... เขาก็คงจะตามไปพบกับชิโนบุที่โลกใบนั้น...
กระนั้น สัมปชัญญะสุดท้ายของกิยูกระซิบบอกกับตัวเอง ถึงความสูญเสียที่เจ็บปวดยิ่งกว่านั้น ความเจ็บปวดที่บีบรัดหัวใจเขาทุกครั้งที่คิดถึงมัน...
ความเจ็บปวดที่เป็นภาพฝันซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าแท้จริงแล้วเขาสูญเสียเธอไปตั้งแต่ในศึกสุดท้ายนั้น และทุกสิ่งที่เขาประสบผ่านมาแท้จริงเป็นเพียงภาพฝันของเขา...
ทันทีที่สัมผัสถึงความจริงที่หลงลืมไป ภาพเบื้องหน้าของเขาก็กลับไปสู่ความมืดมิด เหมือนในภาพฝันที่เขาไล่ตามแผ่นหลังของเธอผู้นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพฝันที่เธอสลายกลายเป็นผีเสื้อทันทีที่เขาสัมผัสเพียงชายผ้าคลุมของเธอ
ที่แท้ ความฝันที่เขาไล่ตามเธอทุกคืนวัน คือความจริงที่เกิดขึ้น... ความเป็นจริงที่แสนเจ็บปวด ความเป็นจริงที่เขาได้แต่หวังว่ามันจะเป็นเพียงภาพฝัน... ฝันร้ายที่เพียงตื่นมา แล้วจะยังคงพบเธอผู้นี้เคียงข้าง
ความฝันที่ได้พบเจอหลังจบศึก ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเธอผู้นี้ เป็นเพียงความปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ในจิตใต้สำนึก ความปรารถนาที่ไม่อาจเป็นจริงในชาติภพนี้
จู่ ๆ ผีเสื้อสีม่วงก็ปรากฏตรงหน้าเขา ผีเสื้อที่ทิ้งกลิ่นอายอันแสนเคยคุ้น บินนำทางเขาไปจนถึงดงดอกฟูจิกว้างใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่า แสงจันทราของคืนวันเพ็ญขับเหล่าดอกไม้อ่อนช้อยสีม่วงที่บานสะพรั่งให้ทั้งงดงามและลึกลับในเวลาเดียวกัน
ก่อนใบหน้าที่เขาแสนคะนึงหา คนที่อยู่ในความทรงจำ คนที่เขาปรารถนาที่จะได้พบเจออีกครั้งนอกเหนือจากในฝันเคลื่อนกายออกมา พร้อมรอยยิ้มแสนเศร้าเหมือนกับยามที่เขาจากเธอมาในเช้าวันนั้น
“ในที่สุด คุณก็ตื่นแล้วสินะ กิยูซัง”
“...ข้าฝันมาตลอดสินะ”
“ค่ะ...” ชิโนบุตอบขณะเอื้อมมือไล้ใบหน้าคมคาย “เป็นฝันสุดท้ายที่เกิดจากจิตใต้สำนึกของทั้งคุณและฉันค่ะ ว่าถ้าฉันรอดในวันนั้น จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหม”
นัยน์ตาสีม่วงคลอหน่วยด้วยน้ำตาที่เริ่มพรั่งพรู อากัปกิริยาที่กิยูรีบใช้มือซ้ายคว้าร่างเล็กเข้าสวมกอดไว้ ปล่อยให้มือของเธอกำเสื้อเขาอย่างแน่น ระบายความในใจที่แสนเจ็บปวดออกมา
“คุณคงได้คำตอบเรียบร้อยแล้วนะคะ ต่อให้ฉันรอดมาได้ สุดท้าย... ฉันก็ไม่รอด... สุดท้าย... ฉันก็ต้องตายก่อนคุณค่ะ”
ความเป็นจริงที่ทำนัยน์ตาสีครามหมองลงด้วยความเศร้า ความเป็นจริงที่ต่อให้คำขอของเขาเป็นจริง ถึงสุดท้ายเธอจะรอดจากการสู้กับข้างขึ้นที่สองมาได้ หากสิ่งที่ชิโนบุได้ทำลงไป เธอก็ต้องจากโลกนี้ไปไม่ช้าก็เร็ว
ทว่า...
มือซ้ายของกิยูโอบร่างให้กระชับแน่นขึ้น ก่อนกระซิบเสียงแผ่วข้างใบหู
“แค่ได้อยู่ด้วยกันนานกว่าเดิม มันก็ดีกว่ามาก” เขายิ้มเศร้ายามนัยน์ตาคู่งามเงยสบ “เป็นไปได้ ข้าก็อยากอยู่กับเจ้านานกว่านี้ จะหนึ่งปี หนึ่งเดือน หรือหนึ่งวันก็ตาม”
“แม้คุณต้องเห็นฉันตายอย่างในฝันเหรอคะ”
“อื้ม”
“แล้ว... ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณไม่มีความสุขเลยเหรอคะ”
คำถามที่ทำเขาชะงักงัน แม้ต้องเสียเธอไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่เขาก็ได้เห็นโลกที่ทุกคนเฝ้าฝันถึง เขามีคนที่เรียกว่าเป็นสหายได้อย่างสนิทปาก ทั้งตัวซาเนมิและเทนเง็น เขาได้เห็นเด็กทุกคนที่เขารักและปรารถนาดีไม่แพ้กับน้องในไส้เริ่มสร้างครอบครัวอย่างผาสุก
ความรู้สึกยามนั่งดื่มเหล้ากับอดีตเสาหลักทั้งสองที่เหลือ ความรู้สึกยามได้อุ้มลูกของอุซุยทุกคน ความรู้สึกยามรู้ว่าคานาโอะ อาโออิ และเนซึโกะจะได้เป็นแม่คนในอีกไม่ช้า ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นความทรงจำที่แสนล้ำค่า เป็นช่วงชีวิตที่มีความหมายและเต็มเปี่ยมด้วยความสุข
เขา... มีความสุข
“มีสิ... ข้ามีความสุขนะ” กิยูตอบออกมาในที่สุด “เพียงแต่ ถ้าเจ้ายังอยู่ ข้าก็คงมีความสุขยิ่งกว่านี้... ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่สาวเจ้าถึงอยากให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่ต่อ เจ้าควรมีโอกาสที่จะได้มีความสุขแบบนี้”
“แล้วคุณคิดว่าฉันไม่มีความสุขหรอกเหรอคะ”
ชิโนบุถามกลับ คำถามที่ทำชายหนุ่มเลิกคิ้ว ขณะมองรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุข รอยยิ้มที่เกือบเหมือนเด็กสาวคนนั้นที่ยิ้มให้เขาใต้ดงดอกฟูจิเมื่อหลายปีก่อน
“ฉันเห็นนะคะ ไหนจะได้ยินจากที่คุณคอยเล่าให้ฉันฟังแทบทุกคืน ถึงไม่อาจแก้ไขสิ่งที่ได้เกิดไปแล้ว แต่ฉันก็มีความสุขค่ะ ที่ได้เห็นน้อง ๆ ทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างที่ฉันและท่านพี่ปรารถนา ชีวิตที่เราทั้งสองไม่มีโอกาสได้ใช้” น้ำตาของเธอหลั่งรินอาบแก้มอีกครั้ง ขณะคว้ามือของเขาแนบแก้ม “แต่ฉันกับท่านพี่ก็ได้สมหวังนะคะ ท่านพี่ก็มีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับซาเนมิซัง ฉันเองก็มีความสุข... ในทุกช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับคุณค่ะ”
“นั่นสินะ...”
เขาพึมพำขณะที่ใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากนัยน์ตาของเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างมันไม่อาจแก้ไขหรือย้อนเวลากลับไปได้ ต่อให้เขาอยากเพียรเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลายมากแค่ไหนก็ตาม
สุดท้าย ความจริงก็คือความจริง สิ่งที่เกิดทุกอย่างแม้จะเจ็บปวด แต่ก็ทำให้เขารู้ว่าสิ่งที่เข้ามาในชีวิตของเขามันมีค่ามากเพียงใด...
ทำไม เขาถึงหลงลืมสิ่งเหล่านี้ไปได้...
ทั้งที่เป็นเจตนารมณ์ของท่านพี่ของเขา ของซาบิโตะ ของสหายมากมายที่ต้องจากไปเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านี้มา...
และความสุขทั้งหลายที่เขาได้รับในโลกที่ไม่มีเธอ... มันก็คือสิ่งที่ทั้งเธอคนนี้ ทั้งผู้คนที่จากไปทุกคนอยากให้เขาได้สัมผัส...
“แต่ก็ไม่แน่นะคะ...” เสียงหวานดังขึ้น ก่อนใช้มือสัมผัสดวงหน้าเขาอย่างแผ่วเบา “โลกที่คุณฝันถึงก็อาจมีจริงอยู่นะคะ ทั้งโลกที่ฉันรอดจากศึกนั้น หรือโลกที่ฉันในฝันนั้นของคุณฝันถึง โลกที่ไม่มีอสูร โลกที่ทุกคนได้กลับมาเจอกัน หรือแม้แต่โลกที่พวกอสูรก็กลับมาเกิดใหม่เจอกัน... มันอาจมีอยู่จริง ๆ ก็ได้ค่ะ”
“แบบเดียวกับที่ทันจิโร่บอกหรือ... เรื่องที่คนเราส่งต่อความทรงจำผ่านพันธุกรรม”
“ค่ะ เรื่องนั้นก็ใช่ หรือที่คุณเองก็บอกฉันเองนี่คะ ว่าคนเราคงส่งต่อความทรงจำของอดีตชาติผ่านจิตวิญญาณได้” คำพูดที่เขาว่าไว้ตอนนำหวีไปมอบให้ที่หลุมศพของเธอยามจบศึกใหม่ ๆ ย้อนกลับเข้ามา “ถ้าเรามองว่าชาติภพเป็นโลกใบหนึ่ง ชาติหน้าอาจเป็นเพียงโลกอีกใบหนึ่งก็ได้ค่ะ... ฉันเลยคิดว่า มันก็คงไม่แปลกอะไรหรอกนะคะ ถ้าจะมีโลกที่ฉันรอดจากศึกนั้น หรือโลกที่ไม่มีอสูร หรือโลกที่อสูรเองก็เป็นมนุษย์ดั่งเช่นพวกเรา... เหมือนกับที่ท่านพี่ของฉันปรารถนาก็ได้นะคะ”
“...ก็คงจริงดั่งเจ้าว่า”
“ฉันมองว่า โลกแต่ละใบคงแตกต่างตามทางเลือกของเราค่ะ หรือตามสิ่งที่คนอื่นเลือกที่สุดท้ายก็ส่งผลกระทบกับพวกเรา เหมือนกับระลอกคลื่นที่ไม่มีจุดสิ้นสุดค่ะ ไม่แน่นะคะ อาจจะมีโลกที่ฉันกับคุณไม่ได้รู้จักกันก็ได้...”
“คงแย่น่าดู...”
“แต่ในโลกใบนั้น คุณก็คงไม่ต้องมาเสียใจกับสิ่งที่ฉันตัดสินใจทำลงไปนะคะ”
“ไม่ล่ะ...” เขาว่าพลางจับปอยผมของเธอมาจุมพิตเบา ๆ “แค่เป็นโลกที่มีเจ้า... ไม่สิ ต้องเป็นโลกที่มีเจ้า”
“แม้คุณจะต้องเจ็บแบบนี้เหรอคะ”
คำถามที่เขาได้แต่พยักหน้าตอบรับอย่างไม่ลังเล คำตอบที่ทำให้นัยน์ตาคู่งามวาววับด้วยหยาดน้ำตาที่คลอเบ้าอีกครั้ง หากกิยูไม่สัมผัสถึงความเศร้าโศกเสียใจอีกต่อไป
เพราะรอยยิ้มที่เห็นอยู่เบื้องหน้า เป็นรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุขล้นปรี่... เป็นรอยยิ้มที่สดสวยงดงามยิ่งกว่าหญิงสาวที่ปรากฏกายในห้วงฝันของเขามาตลอดชีวิต...
รอยยิ้มที่แสนงดงามยิ่งกว่าความฝันใดของเขา...
“แล้วนี่ข้ายังฝันอยู่ไหม...”
เสียงทุ้มต่ำกระซิบถาม ด้วยนึกถึงคำพูดของเธอที่ว่าไว้ว่าสิ่งที่เขาเห็นมาทั้งหมดในห้วงฝันนั้น เป็นเพียงฝันสุดท้ายของเขา
ฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงในชาติภพนี้...
แต่เขาก็ทราบคำตอบแทบจะทันทีกับที่เธอค่อย ๆ สัมผัสมือขวาของเขาอย่างอ่อนโยน มือของเขาที่ขาดไปในศึกสุดท้ายตอนสู้กับมุซัน
มือของเขาที่ไม่เคยปรากฏอยู่ไม่ว่าจะในฝันครั้งไหน... เว้นแต่ครั้งนี้
“แล้วคุณอยากให้ตอนนี้เป็นความจริงหรือเพียงภาพฝันของคุณคะ”
ประโยคหยอกเย้าที่แฝงความจริงจังไว้ หากสำหรับกิยู ต่อให้สิ่งที่เขาสัมผัสอยู่ตอนนี้จะเป็นแค่ความฝัน... แต่มันก็คงเป็นฝันที่เขาอยากให้กลายเป็นความจริง
ตลอดสามปีกว่าที่ผ่านมา เขาได้ใช้ชีวิตในโลกอันแสนสงบสุข แม้จะเจ็บปวดกับการจากไปของเธอ... แม้จะห่วงหาอาวรณ์เธอผู้จากไปยังอีกภพ... แต่เขาก็มีความสุขกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
ทุกความทรงจำที่แสนล้ำค่า ทุกช่วงเวลาที่มีกับเหล่าคนสำคัญ ทั้งสหายสนิท ทั้งเหล่าเด็กที่เขาเฝ้ามองการเติบโตด้วยรอยยิ้ม เหล่าเด็กที่เป็นสมบัติล้ำค่าของเธอและเขาซึ่งตอนนี้ทุกคนล้วนแต่พบเจอความสุข ได้อยู่กับคนที่รักยิ่ง โดยไม่ต้องลิ้มรสความเจ็บปวดที่กัดกร่อนจิตใจของเขามาตลอดกว่าสามปี
และตอนนี้ เขาก็จากโลกนี้มา โดยไม่มีอะไรให้เสียใจอีกต่อไป...
เขาจากโลกนี้มา... โดยที่เขาได้ทำหน้าที่ของเขาครบถ้วนทุกประการ...
ทั้งหน้าที่ของเสาหลัก... และหน้าที่ที่เธอฝากฝังไว้ให้...
สองมือของกิยูโอบร่างเล็กบางนั้นไว้ในอ้อมแขน สิ่งที่เขาอยากทำตั้งแต่จบศึกสุดท้าย สิ่งที่เขาอยากทำแต่ไม่อาจทำได้ด้วยแขนที่ขาดหายไป
แม้จะมีปาฏิหาริย์ให้ได้เจอเธอตลอดในความฝัน หากเขาก็ไม่อาจนำแขนที่เสียไปกลับคืนมาได้... จนถึงวันนี้ วันที่ลมหายใจของเขาสิ้นสุดลง... วันที่วิญญาณของเขาละจากกายเนื้อ เพื่อมาพบเจอกับคนที่เฝ้ารอมาตลอดสามปีกว่า
วันที่เขาสามารถกอดเธอไว้ด้วยสองแขนดั่งที่ใจปรารถนา...
“ดีใจ ที่ในที่สุดก็ได้กอดเจ้าแบบนี้เสียที” เขากระซิบเสียงแผ่วพร้อมแย้มรอยยิ้มน้อย ๆ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขสมหวังกับวันที่รอคอยมาตลอด “หลังจากนี้... จะไม่ปล่อยแล้วนะ”
“แต่คุณก็รู้ใช่ไหมคะ ว่าเวลาของเราที่นี่มันจำกัด” เธอพึมพำตอบเสียงเครือ หากเต็มเปี่ยมด้วยความสุขจากใจไม่แพ้กัน “พอถึงเวลา เราก็ต้องแยกจากกันอีกอยู่ดี”
ความจริงที่ไม่อาจหลีกหนีพ้น แต่จนกว่าจะถึงเวลานั้น ช่วงเวลาที่ได้ใช้ในโลกนี้สั้น ๆ ร่วมกัน ก็ยังคงเป็นเวลาของเขาและเธอ...
ริมฝีปากประทับนัยน์ตาทีละข้างอย่างอ่อนโยน ไล้มาจนหยุดอยู่ที่ปลายจมูก ขณะที่นิ้วมือค่อย ๆ เช็ดหยาดน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่บนแก้มนวลอย่างแผ่วเบา
“ไม่เป็นไร... แค่มีเจ้าก็พอ”
“คุณอาจจะเบื่อฉันไปเลยก็ได้นะคะ...”
“ข้าไม่มีวันเบื่อเจ้า...”
นัยน์ตาที่สบมองมาเต็มเปี่ยมไปด้วยความนัยที่ไม่จำต้องเอ่ยออกมาด้วยวาจา ปล่อยกายให้จมในอ้อมกอดที่ต่างฝ่ายต่างถวิลหามานับตั้งแต่แยกจากกันในเช้าวันนั้น
ความทุกข์ความเจ็บปวดทั้งหลายมลายหายสิ้น ทั้งความแค้นที่เธอแบกไว้จากการพรากจากคนที่รัก... ทั้งความโศกเศร้าของเขาที่ต้องเสียคนสำคัญไปครั้งแล้วครั้งเล่า...
ถึงห้วงเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันหลังจากนี้จะไม่ใช่กาลนิรันดร์ แต่ทั้งเขาและเธอก็คงมีเวลาร่วมกันไปอีกนานแสนนาน... ตราบจนใช้สิ้นกรรมที่ติดตัวมาจากภพภูมิที่แล้วมา
หากแต่ในชาติภพหน้า เขาได้แต่อธิษฐาน... ขอเพียงว่าได้กลับมาเจอทุกคนที่เป็นคนสำคัญของเขาในชาติภพนี้ ทั้งสหายคนสนิท ทั้งผู้มีพระคุณ ทั้งเพื่อนร่วมรบ ทั้งเด็ก ๆ ที่เป็นดุจน้องของพวกเขาทั้งหมดนั้น
...และเธอคนนั้น...
ต่อให้โลกหน้า จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดดั่งที่ประสบมาในชาตินี้ เขาก็ไม่สนใจ...
ขอเพียงได้เจอทุกคนอีก...
ขอแค่ได้จดจำทุกความรู้สึก ทุกความทรงจำ ที่เปี่ยมล้นซึ่งความหมายอันแสนมีค่า
โดยเฉพาะกับเธอผู้นี้...
มือขวาของเขาสอดประสานยังมือซ้ายเล็กแบบบาง ก่อนจะเดินข้ามสะพานไปสู่ภพภูมิที่เพื่อนพ้องและครอบครัวรอพวกเขาทั้งสองอยู่ ดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุขที่คงได้ใช้ร่วมกันสั้น ๆ ก่อนจะต้องแยกจากกันไปเมื่อถึงเวลาของแต่ละคน...
หากสายธารแห่งเวลาและด้ายแดงแห่งโชคชะตา ก็จะนำพาพวกเขากลับมาบรรจบพบเจอกันใหม่...
ให้ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน... ให้ได้ใช้เวลาร่วมกันอีกครั้ง...
ในห้วงเวลาของสองเรา...
บนโลกที่แสนสงบสุขใบนั้น... ที่พวกเขาต้องแลกทุกสิ่งเพื่อได้มันมา...
===========
Author's Talk 27 FEB 2022
สวัสดีค่า ขอโทษนะคะที่เอามาลงดีเลย์กว่าที่แจ้งไว้ถึงหนึ่งสัปดาห์ค่ะ และแล้วก็จบไปกับบทพิเศษ 7.3 นะคะ
^^ มาถึงจุดนี้ มีคนแอบตกใจไหมคะ ที่เราเลือกจะเขียนบทนี้ในรูปแบบนี้
บทนี้เป็นอะไรที่ฝังหัวมาตั้งแต่ช่วงปลายพฤษภาคมค่ะ ตั้งแต่เริ่มแพลนจะเขียนตอนพิเศษ งานนี้ต้องขอขอบคุณความดีความชอบให้หนูเจลที่รีเควสว่า "อยากเห็นคุณชิ 'รอด' จากศึกนั้น"
อะหือ ไอเดียเลยมาค่ะ เพียงแต่อาจจะไม่ได้ตามที่คุณเจลรีเควสเท่านั้นเอง
ด้วยความที่ตัวเราอยากให้เนื้อเรื่องยังคงต่อเนื่อง และไม่หลุดจากตีมความฝันที่เป็นแกนหลักของเรื่องมาตั้งแต่วางพล็อตตอนหลักทั้ง 8 ตอนแล้ว เพราะฉะนั้น การรอดของคุณชิในฟิคของเราจึงไม่ใช่การรอดธรรมดาค่ะ
แต่เป็นจิตนิวรณ์สุดท้ายของคุณกิ ก่อนที่ตัวคุณกิจะหมดลมหายใจในชาติพบนี้ ^^" (แว่วเสียงคงกรีดร้องโวยวายว่าคุณพรชอบกินน้ำตาคนอ่านต่างข้าว)
เลยเป็น inception ใน inception อีกทีค่ะ 55555 ซึ่งสารภาพว่าสนุกตอนพล็อตมาก แต่ทรมานตอนเขียนมาก ชนิดที่ถึงจะเขียนจบมาร่วมเดือนกว่า กว่าเราจะมั่นใจเอาพาร์ตนี้ลงก็ปาไปตามที่เห็นเลยค่ะ
ถ้ามีอะไรขลุกขลิก เราต้องขออภัยด้วยนะคะ ยอมรับเลยว่าตั้งแต่ช่วงเขียนตอนพิเศษ 5 เป็นต้นมา เป็นช่วงที่งานเราสุมไฟขั้นสุดค่ะ เลยทำให้ดีเลย์การทำเล่มไปในตัวด้วย
ขออัพเดทขั้นตอนทำเล่มค่ะ ถ้าใครในทวิตน่าจะเห็นแล้วว่ามาถึงจุดที่เราพรูฟรอบก่อนสุดท้ายแล้ว สรุปเล่มนี้น่าจะยาวอยู่ที่ 220 หน้าตามที่ประมาณการเลยนะคะ
ก่อนที่จะส่งโรงพิมพ์ราว ๆ ปลายวีคหน้า ยังพอที่จะให้ผู้ที่สนใจจับจองได้อยู่ค่ะ จิ้มดูรายละเอียดและกรอกแบบฟอร์ม ได้ที่นี่ เลยค่ะ ถ้าหมดงวดนี้ คงต้องรอพรีพร้อมกับ KNY FF - In The Remembrance of Her อีกรอบเลยนะคะ
แต่ใครที่งบจำกัด อยากให้เซฟงบสำหรับโปรเจค Anthology Days Rise, Nights Fall ที่เราทำร่วมกับคุณสายป่าน (Saiparnn) คุณอันย่า (Rukaetcetera) และคุณฟ้า (FAHSKY) นะคะ โดยคงจะเปิดพรีช่วงปลายเดือนมีนาคมหรือเมษายน 2565 นะคะ (คนเขียนแต่ละท่านก็อ่วมอรทัยจากการงานและการเรียนไม่น้อยค่ะ)
ฝากติดตามรายละเอียดได้ที่ twitter : @butterflyantho หรือในทวิตเตอร์ของพวกเราได้ค่ะ โดยพวกเราจะค่อย ๆ ปล่อยรายละเอียดออกมาทุกวันเสาร์ เวลา 20.55 น. ไปจนส่งรายละเอียดเล่มเลยนะคะ ^^ ถ้าแวะเข้าไป จะเห็นสปอยส่วนหนึ่งของฟิคซาเนคานาในพาร์ตของเราที่เพ่ิงลงวันนี้ค่ะ
สำหรับหลังส่งโรงพิมพ์แล้ว เราคงจะเริ่มลงเวอร์ชั่นรีไรท์ในแต่ละตอนนะคะ เพราะมีปรับเนื้อหาบางส่วน เพิ่งรู้ว่าตัวเองคำนวนฤดูกาลผิดไปหน่อยค่ะ ^^ แล้วก็มีการเช็คตัวสะกด คำซ้ำ ขยายความบางส่วน ตัดคำฟุ่มเฟือยออกไป
แล้วเมื่อส่งเล่มออกไปถึงคนพรีออเดอร์ล็อตแรกเมื่อไร เราถึงจะขออนุญาตลงตอนพิเศษ 8 นะคะ อาจจะขออนุญาตให้คนที่พรีออเดอร์ได้มีโอกาสอ่านเป็นกลุ่มแรกค่ะ
เราดีใจมาก ๆ ที่หลายคนเข้ามาอ่านฟิคนี้กันมากกว่าที่เราคิดค่ะ แล้วก็ดีใจมาก ๆ ที่หลายคนชอบฟิคนี้นะคะ สารภาพว่าช่วงนี้เรามีอะไรให้กังวลใจอยู่ไม่น้อย ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่องที่บ้าน หรือตัวสุขภาพของเราเองค่ะ
มีจุดที่เรายอมรับว่าเราท้อ แต่พอกลับมาดูการกดหัวใจ การคอมเมนต์ของแต่ละท่าน มันเป็นอะไรที่ดีใจมากจริง ๆ ค่ะ อย่างน้อยคอมเมนต์และแรงสนับสนุนของทุกคนก็ทำให้เราอยากไปต่อกับการเขียนต่อไปค่ะ
สำหรับบทนี้ ถ้าใครสะดวก เราอยากอ่านความเห็นของทุกท่านกับภาพรวมของฟิคทั้งหมดที่ผ่านมาเหมือนกันค่ะ
หรือใครไม่สะดวกจะหวีดในนี้ แวะไปหลังไมค์คุยกับเราก็ได้ หรือจะเมาท์ใน #InTimeWithYou #ห้วงเวลาของเราสอง ได้นะคะ
สุดท้ายนี้ เราต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านที่ทำเล่มล่าช้ากว่าที่กำหนด ขอบคุณที่หลายคนเข้าใจและขอให้เราพักค่ะ ขอขอบคุณทุกการสนับสนุน ทุกกำลังใจ ไม่ว่าจะทางเมนต์ ทางหน้าไมค์ ทางหลังไมค์นะคะ ขอบคุณที่คอยห่วงสุขภาพเรากันค่ะ ^^ ขอบคุณที่ให้กำลังใจกันเสมอนะคะ เราดีใจมากจริง ๆ ที่ได้เจอกับคนอ่านทุกคนค่ะ
สัปดาห์หน้า เราจะลงรูปความคืบหน้าในส่วนของเรา และจะทะยอยอัพเดทฉบับรีไรท์ทุก ๆ วันเสาร์นะคะ ส่วนตอนพิเศษ 8 คงจะไว้หลังส่งเล่มแล้วจริง ๆ
หรือใครอยากติดตามความคืบหน้า ไปที่ #ปชพทำเล่ม ในทวิตเตอร์ของเราได้เลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนในทุกรูปแบบ พร้อมกับขอโทษในความล่าช้านะคะ ^^"
แล้วพบกันเสาร์หน้าค่ะ <3
Author's Talk 15 JUN 2022
สวัสดีค่า มาถึงคิดลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
ก่อนอื่นดีใจมากค่ะ อย่างน้อยหลักการสมรสเท่าเทียมผ่านชั้นกรรมาธิการสภาแล้ว แต่ก็ต้องลุ้นอยู่ดีค่ะว่าพอผ่านชั้นแปรญัตติกับนิติบัญญัติแล้วจะออกมาในรูปแบบไหน ^^" หนทางยังอีกยาวไกลนะคะ
พอได้เห็นอะไรแบบนี้ เรารู้สึกว่าเป็นอะไรที่ยาวไกลจริง ๆ ค่ะ ทั้งการแก้กม.เพื่อให้เกิดการสมรสเท่าเทียม รวมถึงการเขียน+ทำเล่ม+รีไรท์ฟิคเรื่องนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวเรื่องผลักดันห้องน้ำสำหรับคนหลากหลายทางเพศ อันนั้นคือตัวผลงานที่เราซุ่มทำช่วงกันยายน - กุมภาพันธ์ปีนี้เลยค่ะ แล้วก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเขียนตอนพิเศษดีเลย์กว่าที่วางแพลนไว้ (เพราะต้องรีบโฟกัสงานตรงนั้นก่อนค่ะ)
วันนี้เลยเป็นวันพิเศษสำหรับเรามาก ๆ เลยค่ะ เหมือนได้เห็นการเติบโตของสิ่งที่พยายามทำทั้งสองอย่าง ทั้งข้อเสนอแนะห้องน้ำนั้น ทั้งเรื่องตัวฟิค เหมือนได้ส่งทุกสิ่งถึงฝั่งฝันเลยนะคะ
แต่ยังไง กับฟิคกิยูชิโนเรื่องนี้ ยังเหลือตอนพิเศษ 8 ที่เราจะลงให้อ่านเสาร์นี้นะคะ ไฟนัลลี่ ฮื้อ ซุ่มมานานมาก จริง ๆ อยากให้ได้อ่านมานานกว่านี้ค่ะ แต่อยากให้คนที่เก็บเล่มได้อ่านก่อน ^^ ต้องขอโทษในความล่าช้ามานะคะ
ส่วนเรื่องพรีเล่มทั้งเล่มกิยูชิโน หรือเล่มซาเนคานา จนกว่าจะส่งโรงพิมพ์ ก็ยังสามารถสะกิดสั่งได้เรื่อย ๆ ค่ะ กับจริง ๆ หลังส่งโรงพิมพ์ เราก็คงมีสั่งเกินมาจำนวนหนึ่งค่ะ เผื่อใครอยากเก็บเป็นที่ระลึก (แต่อย่าลืมดูความจำเป็นเบื้องต้นของตัวเองด้วยนะคะ)
ลองดูเล่มตัวอย่างได้จากที่เราอัพเดท หรือในเทรดทวิตเตอร์นี้นะคะ
แล้วก็ ใครที่มีความสนใจอยากเก็บฟิคเล่มนี้ รวมถึง KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ เป็นที่ระลึก ตอนนี้เราเปิดพรีฟิคอีกรอบค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 16 APR 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
หรือจะรอไปเก็บรอบงาน Comic Avenue ก็ได้เหมือนกันค่า จริง ๆ อยากปั่นเล่ม KNY FF - The Tales of Butterfly Effects ให้ทันเหมือนกัน แต่ดูจากปริมาณงานแล้ว... ตอนนี้ให้ 120% เลยค่ะว่าไม่น่าปั่นทันงาน CA แน่ (ถ้าทันคงน่าจะได้ส่งรพ.ค่ะ ^^")
แล้ววันเสาร์นี้ มาพบกับตอนพิเศษ 8 ที่เป็นตอนจบจริง ๆ ของ KNY FF - In Time With You นี้ค่ะ น่าจะมาค่ำ ๆ นะคะ เราติดธุระไปงานศพช่วงเย็น กับฝาก Talk ส่งท้ายที่ลงไว้ใน privatter ตั้งแต่ช่วงเมษายนค่ะ
แล้วก็จะเป็นการปิดฟิคที่เหมือนเป็นการ redebute งานของเรา กับการ rebirth ที่ทำให้เรากลับมาเขียนงานสายฟิคชั่นได้อีกครั้งค่ะ ใจหายเหมือนกัน
(แต่ยังเหลือตอนพิเศษเล่มซาเนคานา รีไรท์ แอนโธ tales of butterfly effects อีกค่ะ คงไม่ได้หายไปไหนแน่นอน ^^)
พบกันเสาร์นี้นะคะ อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยค่า
Comments (0)