17 ตอน Special Chapter 06.1 - Once in a Blue Moon (I)
โดย rene_recluse
[KNY FF] - In Time With You
Special Chapter 06 - Once in a Blue Moon (I)
ปล. เนื่องจากบทนี้ยาว เลยขออนุญาตแบ่งลง 2 ตอนนะคะ
1st Published : 19 DEC 2021
Rewrite : 02 JUN 2022
===========
เหตุการณ์ต่อเนื่องจาก Special Chapter 05.2 ค่ะ และหลัง Day 7 ค่ะ
ฤดูกาลผันเปลี่ยนตามห้วงเวลา
เพียงไม่นาน ก็ผ่านมาร่วมสองปีนับจากจบศึกสุดท้ายกับราชันอสูร ชัยชนะที่ได้รับทำให้เหล่าผู้คนต่างพากันหลับใหลได้ โดยไม่ต้องหวั่นเกรงภยันตรายที่อาจพรากชีวิตของตนหรือผู้เป็นที่รักไปในยามค่ำคืน
“เสร็จแล้วค่ะ” เสียงซึยูริ คานาโอะ เอ่ยบอกเขาอย่างนุ่มนวลพลางลดหูฟังที่ใส่ลง “เท่าที่ฟังไม่มีอะไรผิดปกติค่ะ ไข้ก็ลดลงเป็นปกติแล้ว”
“เหรอ”
“ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “เดี๋ยวกิยูซังรับยาที่จัดไว้ให้ แล้วก็กลับไปพักที่บ้านได้ตามปกตินะคะ”
“อื้ม ขอบคุณมาก”
โทมิโอกะ กิยู ตอบพลางยิ้มน้อย ๆ แม้ยังคงพะวงหาเงาของเจ้าของคฤหาสน์ผีเสื้อผู้ล่วงลับไปในศึกสุดท้าย แต่กาลเวลาที่ล่วงเลยทำให้เขาเริ่มคุ้นชินถึงความว่างเปล่านี้
ไม่มีอะไรยืนยงอยู่นิจนิรันดร์...
วันเวลาที่หมุนเวียนค่อย ๆ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ทั้งตัวเขาและเหล่าเด็กสาวที่เธอคนนั้นหวงแหน ตัวเด็กน้อยสามคนเริ่มเติบโตเป็นสาวสะพรั่งจนเขาแทบจำไม่ได้ ส่วนสาวน้อยเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสดใส ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ของคฤหาสน์สมัยเธอผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ ก็เติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวผู้แสนจริงจังที่กลายเป็นเสาหลักคอยค้ำจุนเหล่าน้องสาวแทนที่พี่สาวผู้ล่วงลับไป
คันซากิ อาโออิ ส่งยิ้มอ่อนโยนให้แก่น้องสาวต่างสายเลือดที่มีอายุไล่เลี่ยกัน เด็กสาวที่เคยเป็นผู้สืบทอดของอดีตเสาหลักแมลงโคโจ ชิโนบุ หญิงสาวที่กลายมาเป็นผู้ช่วยในฐานะแพทย์ฝึกหัดภายหลังจากวางดาบลงอย่างถาวร
“ทำดีมากนะคานาโอะ” เจ้าหล่อนเอ่ยชมน้องสาวก่อนจะหันมาสบนัยน์ตาสีครามของอดีตเสาหลักวารี กาลเวลาที่ผันผ่านกับความสูญเสียที่ได้รับร่วมกัน บัดนี้ กำแพงของผู้บังคับบัญชาและลูกน้องสลายลง แปรเปลี่ยนเป็นความนับถือในฐานะญาติสนิท แทน “จะแวะเข้าไปไหว้ท่านพี่ก่อนกลับไหมคะ กิยูซัง”
“เอาสิ”
กาลเวลาค่อย ๆ เยียวยาจิตใจของผู้สูญเสียคนที่รักในศึกสุดท้าย บาดแผลที่สร้างความเจ็บปวดแก่คนที่ต้องอยู่ต่อ หากเวลาคอยผสานแผลนั้นให้แห้ง ทิ้งไว้เพียงรอยแผลเป็นที่เปี่ยมล้นด้วยความทรงจำต่อคนที่จากไป
ร่องรอยแห่งความรักและความอาลัยแด่ผู้วายชนม์
นัยน์ตาสีครามจับจ้องป้ายวิญญาณของสตรีผู้เป็นที่รัก ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาทำให้ความเจ็บปวดเจียนตายเริ่มสมาน ทั้งมิตรภาพของเพื่อนฝูงและเหล่านักล่าอสูรรุ่นน้องที่ต่างพากันแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน ความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ ถักทอร้อยเรียงจนเติมเต็มหลุมลึกในจิตใจให้ฟื้นฟูกลับคืนมา
กระนั้น เสี้ยวหนึ่งในหัวใจของกิยูยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการถวิลหาคนที่จากไป แม้การที่ได้เจอะเจอเธอผู้นั้นในฝันเกือบทุกคืนจะคลายความอาวรณ์ให้จางลง แต่ก็ไม่อาจลบเลือนความจริงที่เกิดขึ้นได้
ความจริงที่หากลืมตาตื่นขึ้น โลกที่เขาอาศัยอยู่ก็เป็นโลกที่ปราศจากเธอผู้นั้น
โลกที่เขาถวิลหา มันก็คงดำรงอยู่ได้เพียงแค่ในฝันของเขาแต่ละคืน... ฝันที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจไม่ให้แหลกสลายไปมากกว่านี้
ท่าทีสงบนิ่งที่ดูเผิน ๆ ก็แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากเสาหลักวารีคนเก่า กระนั้นหญิงสาวสองคนได้แต่สบตากันอย่างกังวล ทั้งห่วงสุขภาพที่เริ่มเสื่อมถอยอย่างเห็นได้ชัด ไม่ผิดแผกกับอดีตเสาหลักวายุ ด้วยทั้งสองต่างเป็นผู้เปิดปาน ดึงพลังชีวิตล่วงหน้าของตนมาใช้กับศึกสุดท้ายจนแทบหมดสิ้น...
ร่างของคานาโอะสั่นสะท้านยามนึกถึงชายผู้เป็นดุจดวงตะวันของเธอ ผู้อาจต้องเผชิญชะตากรรมน่าเศร้าเยี่ยงนี้ ด้วยเขาเป็นอีกคนหนึ่งที่เปิดปานนั้นแล้ว
ความกังวลของเธอสงบลงยามพี่สาวคนที่เหลืออยู่เพียงผู้เดียวเอื้อมมือของเธอบีบไว้แน่น ยังเหลือเวลาอีกนานที่เธอจะต้องมานั่งกังวล แต่ขณะนี้คนไข้ของเธอคนนี้มีอะไรให้ห่วงยิ่งกว่าทันจิโร่
นอกจากสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงจนเห็นได้ชัด สิ่งที่เธอวิตกคือสภาพจิตใจของอดีตเสาหลักวารีผู้นี้ เพราะตลอดหลายวันที่เขาล้มป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ ตลอดเวลาที่กิยูเพ้อด้วยพิษไข้ มีแต่เสียงกระซิบเรียกชื่อพี่สาวคนรองผู้จากไปของเธอทั้งสอง...
คำเพรียกหาผู้วายชมน์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน เรียกน้ำตาของหญิงสาวทั้งสองให้หลั่งไหลเงียบ ๆ
“โทมิ... อ่า กิยูซังคะ... ฉันกับคานาโอะขอเสียมารยาทได้ไหมคะ” เป็นฝ่ายอาโออิเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ อย่างไม่ใคร่จะมั่นใจกับสิ่งที่กำลังจะพูดออกมา “กิยูซัง ฝันถึงท่านพี่บ่อยเหรอคะ”
มีเพียงรอยยิ้มและการพยักหน้าน้อย ๆ แทนคำตอบ ที่ทำให้ทั้งสองสาวสบตากันอย่างเป็นกังวลมากกว่าเดิม เมื่อภาพในอดีตเมื่อหกปีก่อนย้อนกลับมา
รอยยิ้มอ่อนโยนของกิยู แทบไม่ต่างกับรอยยิ้มแสนอ่อนหวานที่ชิโนบุสงวนไว้ให้พวกเธอได้เห็น... รอยยิ้มที่อีกฝ่ายเลือกจะแสดงออกมาเพื่อเป็นกำลังใจให้น้องสาวที่ต่างพากันเสียขวัญต่อการจากไปของอดีตเสาหลักบุปผาอย่างไม่คาดฝันและไม่ทันตั้งตัว
รอยยิ้มที่ซ่อนความแหลกสลายของโคโจ ชิโนบุ ด้วยไม่อยากให้ใครล่วงรู้ความรู้สึกที่แท้จริง... หากเธอทั้งสองคนนั้นรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายเพียรเก็บไว้ในจิตใต้สำนึก ที่พี่สาวคนเล็กของพวกเธอแสดงออกมาในยามนิทราอยู่นานนับแรมปี
“ทำไมเหรอ”
“คือ...” อาโออิหันไปสบตากับคานาโอะอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าเป็นสัญญาณ หญิงสาวจึงปริปากต่อ “แล้วกิยูซังฝันอะไรอื่นอีกไหมคะ”
“ฝันอย่างอื่น?” ชายหนุ่มมุ่นคิ้วพลางทวนคำถาม พลางนึกถึงฝันที่ผ่านมาตลอดชีวิตของเขาจนถึงการจากไปของเธอ “หมายถึงฝันถึงเรื่องอื่นเหรอ”
“ค่ะ” หญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้าสดพยักหน้ารับ “ฉันหมายถึง... ฝันถึงเหตุการณ์ที่คุณผ่านมาน่ะค่ะ”
“ทำไมถึงถามแบบนั้น”
คำถามกลับที่หญิงสาวทั้งสองมองกันอย่างชั่งใจ ก่อนเป็นคานาโอะที่รวบรวมสติอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“นักดาบหลายคน มักจะฝันร้ายหลังจากเจอเหตุการณ์ร้าย ๆ มาค่ะ... ทั้งฉันและอาโออิก็ใช่ ซาเนมิซังก็ใช่ พี่คานาเอะและพี่ชิโนบุก็เช่นกัน...”
ปลายเสียงของเธอสั่นเครือยามนึกถึงพี่สาวทั้งสองที่จากไปไกลแสนไกล ที่แม้จะพยายามยิ้มต่อหน้าน้อง ๆ หากหลายครั้งที่ทั้งเธอและอาโออิได้ยินเสียงกระซิบอ่อนโยนของคานาเอะที่เฝ้าปลอบชิโนบุผู้ละเมอซ้ำไปซ้ำมาถึงเหตุการณ์ยามอสูรสังหารบิดามารดาของเธอไปต่อหน้าต่อตา...
และหลังจากคานาเอะเสียชีวิต เสียงกรีดร้องที่พวกเธอมักได้ยิน ก็เปลี่ยนเป็นเสียงของพี่สาวคนรองที่ละเมอกรีดร้องเรียกหาพี่สาวผู้จากไปกลางดึกอยู่นานนับแรมปี
คำอธิบายที่กิยูนิ่งไปชั่วขณะก่อนเม้มริมฝีปากแน่น มือที่เหลือเพียงข้างเดียวจิกเข้าที่ขา หากความเจ็บปวดที่ได้ก็ไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่ฝังในใจนับตั้งแต่วันฝนตกนั้น
“งั้นเหรอ...” น้ำเสียงของเขาแหบพร่า ยามนึกถึงภาพหญิงสาวที่ต้องมนต์โลหิตอสูรนอนกรีดร้องเรียกชื่อเหล่าคนผู้จากไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความทรมานที่เขาได้แต่ข่มความเจ็บปวดที่ไม่อาจทำอะไรเพื่อช่วยเธอได้เลย “ชิโนบุฝันแบบนั้นตลอดเลยสินะ”
“กิยูซัง!” อาโออิทวนคำแทบเป็นเสียงหลง “ทราบด้วยเหรอคะ!”
คำถามซึ่งไร้คำพูดอื่นใดหลุดออกจากปากอดีตเสาหลักวารี หากคำตอบที่ได้รับนั้นสะท้อนออกมาผ่านนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวยามนึกถึงอดีตที่ผ่านล่วงไป
อดีตที่เขาไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากเฝ้ามองเด็กสาวคนนั้นนอนทุรนทุรายในห้วงฝันร้ายแห่งวังวนความสูญเสีย ซึ่งเขารู้พิษสงความร้ายกาจของมันไม่แพ้กัน...
ความสูญเสียที่กัดกินตัวตนพวกเขาทั้งคู่ จนเหตุการณ์ช่วงก่อนคานาเอะจะจากไปไม่นาน เป็นเหมือนฝันอันแสนยาวนานที่ไม่อาจจะหวนย้อนกลับมาหาพวกเขาทั้งสอง...
ก่อนที่เขาหรืออาโออิจะทันได้พูดอะไรออกมา เสียงเปิดประตูห้องตรวจคนไข้ก็ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏร่างของผู้มีฝีเท้าเบาสุดในหมู่เสาหลักของหน่วยพิฆาตอสูร...
อุซุย เทนเง็น
“ช่วยด้วย!” คำร้องขอความช่วยเหลือที่แทบไม่มีใครเคยได้ยิน เช่นเดียวกับสีหน้าตื่นตระหนกอย่างที่แทบไม่มีใครได้เห็นมาก่อน “มาคิโอะจะคลอดลูกแล้ว ช่วยพวกข้าที!”
คำบอกกล่าวที่ทำให้หญิงสาวทั้งสองรีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ต่างคนจะรีบหยิบข้าวของจำเป็นใส่กล่องไม้ใต้โต๊ะอย่างว่องไวโดยไม่เสียเวลาเสี้ยววินาทีที่จะลังเลหรือปรึกษา แล้วรีบรุดตามหลังอุซุยออกไปยังทิศซึ่งเป็นบ้านของอีกฝ่ายโดยไม่รอช้า...
ไม่สนว่าจะมีใครเชิญหรือไม่ แต่กิยูก็ตัดสินใจที่จะวิ่งตามมาด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับสมัยเขายังเป็นเสาหลักของหน่วย ด้วยความเป็นห่วงสหายร่วมรบ รวมถึงเหล่าภรรยาของอีกฝ่ายที่คงตื่นตระหนกไม่น้อยไปกว่าเขาในตอนนี้
ถึงแม้เขาจะทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าให้กำลังใจ อย่างน้อยเขาก็อยากทำอะไรสักอย่างให้แก่ ‘เพื่อน’ ที่ยังเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน เท่าที่คนอย่างเขาจะสามารถทำได้
ความโกลาหลของบ้านอดีตเสาหลักเสียงเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าทุกคนเคยเจอ แม้จะคุ้นชินกับความเอะอะของตัวเจ้าบ้านผู้แสนฉูดฉาด กับเหล่าภรรยาที่ต่างก็มีนิสัยแตกต่างกันจนเกิดการโต้เถียงกันประปราย กระนั้นภรรยาทั้งสามของอุซุยต่างก็พากันสมัครสมานสามัคคีรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี
หากความวุ่นวายในวันนี้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อมาคิโอะ หนึ่งในภรรยาของเทนเง็นเจ็บท้องคลอดก่อนเวลาที่อาโออิกำหนดไว้ร่วมสองสัปดาห์ ความเคร่งเครียดแผ่ซ่านบนใบหน้าของฮินะซึรุที่เป็นคนคอยดูแลมาคิโอะก่อนที่เทนเง็นจะพาอาโออิ คานาโอะ และกิยูกลับมาถึง ขณะที่ซึมะผู้อ่อนไหวก็ส่งเสียงกรีดร้องทุกครั้งที่มาคิโอะร้องครางด้วยความเจ็บปวด จนกิยูได้แต่มุ่นคิ้ว นึกว่าตนเองจำผิดว่าใครที่เจ็บท้องคลอด...
เสียงกรีดร้องที่เรียกได้ว่ากลบเสียงของคนปวดท้องคลอดจนมิด ชนิดว่าที่คุณแม่มือใหม่อดทนไม่ไหว พอมีแรงให้ส่งเสียงได้ เจ้าหล่อนจึงไม่รอช้าที่จะตะคอกภรรยาจอมโวยวายของอุซุยเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย ฉันเป็นคนเจ็บท้องคลอดนะ ไม่ใช่เธอย่ะ!”
ความโกลาหลถูกหยุดไว้เมื่ออาโออิและคานาโอะรีบรุดเข้ามาตรวจอาการของมาคิโอะก่อน สีหน้ากังวลของอาโออิทำให้กิยูนึกหวั่นใจ ถึงไม่เคยมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับการคลอดบุตรด้วยตัวเขาเป็นบุตรชายคนเล็กของบ้าน... แต่เขาก็จำความหวาดหวั่นยามพี่สึทาโกะเคยเล่าให้ฟังว่ามีผู้หญิงจำนวนมากที่เสียชีวิตในขณะคลอด
ความเสี่ยงนั้นดูท่าเสาหลักเสียงจะรู้ดีไม่แพ้กัน ดวงหน้าของเทนเง็นเต็มไปด้วยความหวาดวิตกด้วยความเป็นห่วงภรรยา แต่อาการเดินไปเดินมาพร้อมกับส่งเสียงร้องแทบทุกครั้งที่มาคิโอะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดูจะสร้างภาระให้แก่เหล่าภรรยาที่เหลือและน้องสาวของชิโนบุ จนฮินะซึรุตัดสินใจอัปเปหิทั้งตัวเขาและเทนเง็นออกจากห้องเตรียมคลอด โดยไม่สนใจเสียงอุทธรณ์ของผู้เป็นสามีแม้แต่น้อย
“เหอะ!หยุดเดินเป็นหนูติดจั่นได้แล้ว!”
“หุบปากโว้ย!” เจ้าบ้านแผดเสียง “นี่เมียข้าสู้อยู่กับความเป็นความตายอยู่นะ แกจะเข้าใจอะไรข้าหา! ชินาซึงาวะ!”
“รู้โว้ย!” ซาเนมิตะเบ็งกลับ หากนัยน์ตาที่อ่อนแสงนั้นไม่อาจปิดบังความเป็นห่วงใยต่อเพื่อนคนนี้ได้ “ไม่เป็นไรหรอก อยู่ในความดูแลของยัยเด็กคันซากิกับยัยเด็กซึยูริ เดี๋ยวก็เรียบร้อยน่า”
ความจริงที่ทำให้อดีตเสาหลักเสียงสงบลงได้ชั่วขณะ ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจออกมายาวเฮือกใหญ่ จนคนคุ้นชินกับการเห็นมารดาต้องคลอดน้องของตนถึงหกครั้งอดไม่ได้ที่จะกัดว่าที่คุณพ่อ
“กังวลมากเหรอวะ”
“เออสิ... เมียคลอดลูกทั้งทีนะ” เทนเง็นพึมพำก่อนซบหน้าแนบเข่า “แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมา... ข้าจะทำอย่างไรดี”
คำถามที่ร้อยวันพันปีไม่เคยหลุดออกจากปากคนที่ใช้ชีวิตด้วยความรื่นเริงให้สมกับการติดอยู่ใต้เงามืดของครอบครัวมานานแสนนาน เป็นครั้งแรกที่คนอย่างอุซุย เทนเง็นผู้แพรวพราวกลัวจับจิตจับใจ ยิ่งกว่าครั้งที่เหล่าภรรยาทั้งสามขาดการติดต่อยามออกปฏิบัติภารกิจที่โยชิวาระเมื่อครั้งนั้น
“ถ้าเป็นการต่อสู้ ข้าก็มั่นใจว่าเมียข้าทั้งสามยังไงก็ต้องกลับมา เมียข้าทั้งสวยทั้งเก่งขนาดนั้น” ถึงจะอยู่ในสถานะเครียดปางตาย เจ้าตัวไม่วายที่จะอวดคุณสมบัติภรรยาให้คนฟังคิ้วกระตุกเล่น “แต่พอเป็นเรื่องนี้ ต่อให้พวกข้ามีฝีมือแค่ไหนก็คงช่วยอะไรมาคิโอะไม่ได้”
“มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แม่ข้าคลอดลูกออกมาได้เจ็ดคนโดยไม่เป็นอะไรเถอะ”
“เออ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้เหมือนกันว่าเมียข้าจะปลอดภัย” อดีตเสาหลักเสียงปรารภด้วยน้ำเสียงสั่นเครือนิด ๆ “ที่ข้าโดนจับให้มีเมียสามคนก็เพราะการนี้ล่ะ เพื่อให้สามารถมีลูกมีหลานสืบเชื้อสายได้ต่อไป”
“...นึกว่านายเลือกไม่ได้”
กิยูอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา ถ้อยคำที่เรียกเสียงหัวเราะจากอดีตเสาหลักวายุ ขณะที่คนถูกพาดพิงได้แต่สบถออกมาขนานใหญ่
“เออ เลือกไม่ได้! และก็ไม่คิดจะเลือกด้วย! ทุกคนต่างเป็นคนสำคัญของข้าเท่าเทียมกัน ข้าถึงสูญเสียใครไปไม่ได้จริง ๆ” ท้ายเสียงของเทนเง็นอ่อนลง แล้วหลุดคำที่ยังติดค้างต่อคนทั้งสองตั้งแต่ปีกลาย “ข้าขอโทษว่ะ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าแกสองคนรู้สึกอย่างไร”
ไม่ต้องมีคำขยายความ ทั้งกิยูและซาเนมิก็ทราบโดยทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องไหน คำขอโทษที่อดีตเสาหลักวายุจอมกราดเกรี้ยวได้แต่พยักหน้าแกน ๆ อย่างไม่คิดติดใจเอาความแต่อย่างใด
“เอาเถอะ อย่างน้อยแกยังมีคนสำคัญให้ได้ห่วงก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“ข้าควรทำอะไรดี ทั้งที่รู้ว่ามาคิโอะเจ็บมากแค่ไหน แต่ข้ากลับทำอะไรไม่ได้เลย”
คำพูดที่ทำให้กิยูเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง มือซ้ายจิกกำแน่น เมื่อนึกถึงสิ่งที่ยังติดค้างคาใจมาจนถึงวันนี้ สิ่งที่เป็นดุจเสี้ยนหนามฝังในจิตใจของเขามาโดยตลอด
“แล้วนี่เป็นอะไรของแกอีกวะ โทมิโอกะ!” ซาเนมิถามตรง ๆ เมื่อท่าทีพิลึกพิลั่นของอีกฝ่ายไม่อาจรอดสายตาของเขาไปได้ “อย่าบอกนะว่าแกยังคิดมากเรื่องเด็กนั่นอยู่”
“ชินาซึงาวะ ฝันร้ายบ่อยไหม...”
กิยูเลี่ยงที่จะตอบคำถามที่เป็นดั่งเสี้ยนหนามของเขาในตอนนี้ตรง ๆ แต่กลับไพล่ถามอีกฝ่ายถึงเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้จากทั้งอาโออิและคานาโอะ คำถามที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุยิ่งทำให้ซาเนมิได้แต่กลอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์
“ถามบ้าอะไรของแกอีกวะ!”
“อาโออิกับคานาโอะเล่าให้ฟัง... ว่าชินาซึงาวะฝันร้ายบ่อย”
“เหอะ” อดีตเสาหลักวายุแค่นเสียง หากแววตาอ่อนแสงยามได้ยินชื่อน้องทั้งสองของอดีตเสาหลักบุปผาผู้จากไป “ใครก็เคยฝันร้ายทั้งนั้นแหละ ยังกับว่าแกไม่เคย”
“ข้ามีบ้าง แต่ไม่บ่อย” เทนเง็นเป็นฝ่ายตอบ ขณะนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เขาไม่เคยเล่าให้ใครได้ฟังนอกจากนายท่านอุบุยาชิกิ คากายะ ผู้ล่วงลับ “ข้าเคยฝันถึงตอนที่ข้าเผลอสังหารน้องชาย แต่พอมาเข้าหน่วยพิฆาตอสูรก็ไม่ได้ฝันแบบนั้นแล้ว”
ความลับดำมืดที่ทำคนฟังทั้งสองถึงกับตกตะลึง แม้จะพอเดาได้ว่านอกจากคันโรจิ มิซึริ อดีตเสาหลักแห่งความรักแล้ว เสาหลักทุกคนของหน่วยก็ต่างเผชิญการสูญเสียที่กลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนในการเข้าร่วมหน่วยพิฆาตอสูรกันทั้งนั้น
แม้แต่คนที่ดูเหมือนสำราญไปวัน ๆ อย่างอุซุย เทนเง็น ก็ยังไม่วายเว้น
“เออ ไม่ต้องมาทำหน้าตาสงสารข้าเลย เพราะมีฮินะซึรุ มาคิโอะ ซึมะอยู่ด้วย ข้าถึงไม่ฝันร้ายอะไรอีก” เสาหลักเสียงตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน พลันนึกได้ว่าคำตอบของตนเป็นเหมือนการแทงใจดำชายทั้งสองที่เสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับ “ขอโทษ...”
“ช่างมันเถอะ”
ซาเนมิตวัดเสียง แต่ก็เห็นด้วยกับอีกฝ่าย เพราะช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เขาได้ใช้ร่วมกับโคโจ คานาเอะ เป็นช่วงเวลาเดียวที่เขาหลับได้โดยไม่มีฝันร้ายมาแผ้วพาน นัยน์ตาสีอ่อนตวัดมองคนที่จมอยู่ในห้วงความคิดของตน เขาก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ไม่นึกแปลกใจที่อดีตเสาหลักแมลงถึงต้องฝากฝังให้เขาดูแลคนที่เธอรักไว้ เพียงเพราะเวลาที่ทั้งสองได้ใช้ร่วมกันจริง ๆ มันสั้นยิ่งกว่าช่วงเวลาของเขาและคานาเอะเสียอีก
“เพราะอย่างนี้ ข้าถึงได้ถอนตัว... เพราะพวกข้าทั้งสี่ไม่อาจเสียใครไปได้อีกแล้ว”
“งั้นหรอกเหรอ...”
กิยูพึมพำ มือซ้ายแตะเครื่องประดับผมของชิโนบุที่พกติดตัวไว้ ทั้ง ๆ ที่เขาเข้าใจเหตุผลและการกระทำทุกอย่างของเธอ แต่เสี้ยวจิตใต้สำนึก กิยูก็อยากได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างที่เทนเง็นได้ใช้...
แต่ถึงอย่างนั้น มันไม่ใช่เป็นเพราะการตัดสินใจของชิโนบุที่ตั้งใจสละชีวิตของเธอเพื่อความฝันอันแสนยาวนานของมวลมนุษยชาติ หากเป็นเพราะเขา...
เขาที่ไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้ ไม่สามารถปกป้องใครไว้ได้...
ไม่ว่าจะครั้งไหนก็ตาม...
“อยากเล่าก็เล่า ไม่ต้องมานั่งอมพะนำ” ซาเนมิโพล่งยามเห็นสีหน้าเศร้าหมองของสหายร่วมรบอีกคน “อย่าลืมว่าชิโนบุไม่อยากให้แกมานั่งเศร้าแบบนี้”
“มันยิ่งชัดว่าข้า... ไม่เหมือนพวกเจ้า” กิยูพลั้งปากออกมา “คนอย่างข้าไม่คู่ควรเป็นเสาหลักจริง ๆ”
“จนป่านนี้แกยังมัวคิดถึงแต่เรื่องพรรค์นี้อีกเหรอวะ!”
ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากของอดีตเสาหลักวารี นอกจากนัยน์ตาที่หม่นแสง จนคนฟังอีกหนึ่งรายเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องราวอดไม่ได้ที่จะสรุปความสั้น ๆ
“โคโจสินะ ที่ฝันร้ายตลอดเวลา”
“แกมาเสือกรู้อะไรเรื่องของคานาเอะหา!”
“โว้ย ข้าไม่ได้หมายถึงโคโจ คานาเอะ ของแก” อุซุยว้ากกลับไอ้คนที่ออกฤทธิ์ร้อนตัวอาละวาด “ข้าหมายถึงโคโจ ชิโนบุ ของมัน”
คราวนี้กิยูพยักหน้ารับโดยดุษณี ไม่สนอาการกระฟัดกระเฟียดกับเสียงสบถของซาเนมิที่กำหมัดแน่น ผู้ละสายตาจากเจ้าบ้านมาจ้องเขม็งใส่คนที่สุดท้ายต้องมาเกี่ยวดองกันอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
“แล้วแกไปเห็นเด็กนั่นละเมอฝันร้ายตอนไหนวะ!”
“เอ้า แล้วแกไปเสือกเห็นโคโจ คานาเอะ นอนฝันร้ายตอนไหนล่ะ” อุซุยว่าพลางแสยะยิ้มหลิ่วตา “โทมิโอกะก็คงไปเห็นโคโจคนน้องฝันร้ายตอนเดียวกันนั่นแหละ”
“ไม่ใช่...”
คำปฏิเสธแทบทันทีเรียกนัยน์ตาทั้งสองคู่หันขวับกลับมามองคนที่จมดิ่งกับความทรงจำที่หวนคืนมาดั่งสายน้ำหลาก ถึงในคืนนั้นเธอจะหลั่งน้ำตา หากอาการฝันร้ายที่ติดตาเขาจนถึงวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในคืนวันนั้น... แต่มันเริ่มต้นตั้งแต่สมัยชิโนบุออกปฏิบัติภารกิจในฐานะเสาหลักของหน่วยพิฆาตอสูร แม้ฝีมือของเธอจะสามารถไต่เต้าขึ้นมาถึงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ได้ กระนั้นความอ่อนด้อยทางกายภาพก็ทำให้นายท่านอุบุยาชิกิค่อนข้างเป็นห่วง จนมอบหมายให้เขาปฏิบัติภารกิจร่วมกับเธออยู่บ่อยครั้ง...
รวมถึงครั้งนั้น... เมื่อห้าปีที่แล้ว
[TBC]
===========
Author's Talk 19 DEC 2021
สวัสดีค่า ก็จบไปกับตอนพิเศษ 6.1 นะคะ // ปาดเหงื่อหนักมาก
งานประจำรุมเร้ามากค่ะ 555 ต้องบอกว่าพฤศจิกายนที่ผ่านมา เราประชุมหนักมาก ไหนจะปั่นงานประจำตาเหลือกค่ะ เรียกว่าแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปร่วมสองอาทิตย์กว่า
ตอนนี้เลยกังวลอย่างเดียวว่า จะปิดเล่ม (รวมจัดหน้า พรูฟ และส่งโรงพิมพ์) ได้ทันวันที่ 30 ธันวาคม 2564 นี้ไหมค่ะ ฮื้อออออ (จริง ๆ นี่ดีเลย์จากแพลนเดิมมาราว ๆ สัปดาห์กว่าแล้วเหมือนกัน)
ในตอนนี้ เป็นเหมือนการบอกเล่าช่วงเวลาหลังจากคุณชิจากไปสองปีเนอะ ซึ่งอะไรหลาย ๆ อย่างมันก็คงเปลี่ยนไปในทางที่ดี แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะลืมคุณชิเลยแม้แต่น้อยค่ะ
ส่วนตัวเราชอบความสัมพันธ์ของคุณกิ vs น้องอ้อยน้องโอะมากค่ะ คิดว่าสองคนนี้ก็คงสนิทกับคุณกิพอที่จะเรียกชื่อต้นกันแล้ว แต่สิ่งที่น้อง ๆ ถามคุณกิ กับเหตุการณ์ของบ้านพี่ซุย มันเลยเหมือนปลุกอีกหนึ่งความทรงจำของคุณกิที่มีต่อคุณชินี่แหละค่ะ
ส่วนจะเป็นเรื่องอะไร จริง ๆ ตอนนี้ก็มีใบ้แล้ว แต่ตอนหน้าคงจุใจคนอ่านแน่ค่ะ ซึ่งอย่างไรคงได้อ่านกันอีกทีราว ๆ วันที่ 2 มกราคม 2565 เลยนะคะ ^^" เพราะช่วงนี้ยุ่งหลายเรื่องมาก
ทั้งรวมเล่ม In Time With You นี้ ทั้งรวมเล่ม In The Remembrance of Her ทั้งการลงดีเทลของ The Tales of Butterfly Effects รวมถึงอีกโปรเจคหนึ่งของเราค่ะ...
สำหรับคนที่เห็นทวิตเตอร์ น่าจะได้เห็นโปรเจคอะไรผ่านไปผ่านมากับเฉลยแล้วนะคะ ถ้ายังไม่เห็น จิ้มลิงค์ดูรายละเอียดได้ ที่นี่ เลยค่า
Kimetsu no Yaiba Anthology : Days Rise, Nights Fall - คืนผันวันผ่าน ค่า เป็นโปรเจคที่เราอุบเงียบไว้ตั้งแต่มิถุนายน 2564 แล้วค่ะ ในที่สุดก็ได้เฉลยสักที เย่!!
ซึ่งก็เป็นโปรเจค Anthology ของสาว ๆ บ้านผีเสื้อทั้งสี่คนค่ะ โดยมีผู้ร่วมโปรเจค ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นแม่ยกในเรือนั้น ๆค่ะ ได้แก่เราซึ่งเขียน #สายลมถึงดวงดาว คุณสายป่าน (Saiparnn) ผู้เขียน #น้ำค้างใต้เงาจันทร์ คุณฟ้า (FAHSKY) ผู้เขียน #ตะวันส่องบุปผา และคุณอันย่า (Rukaetcetera) ค่ะ โดยตัวเล่มจะเปิดให้จองราว ๆ Q1 ของปี 2565 นะคะ
อย่างไร ฝากติดตามรายละเอียดได้ที่ twitter : @butterflyantho หรือในทวิตเตอร์ของพวกเราได้ค่ะ โดยพวกเราจะค่อย ๆ ปล่อยรายละเอียดออกมาทุกวันเสาร์ เวลา 20.55 น. ไปจนส่งรายละเอียดเล่มเลยนะคะ ^^
ทั้งนี้ โปรเจคนี้ เป็นคนละโปรเจคกับเล่มบ้านผีเสื้อ The Tales of Butterfly Effects ของเรานะคะ ^^ ซึ่งที่เราเลื่อนการลง The Tales of Butterfly Effects ที่เป็นตอนต่อของ In Time With You & In The Remembrance of Her ไป ก็เพื่อให้สอดคล้องกับการโปรโมตทั้งตัวแอนโธและตัวเล่มของเรานี่แหละค่ะ
ปล. กระซิบว่า สำหรับคนที่ไม่ชัวร์เรื่องงบ เซฟเงินไว้กับเล่มแอนโธก่อนนะคะ แล้วพร้อมเมื่อไรค่อยมาเก็บเล่มของเราก็ได้ค่ะ 555555
ปลล.2 สำหรับคนที่อาจจะจอง KNY FF - In Time With You ไม่ทัน แต่ยังสนอยากเก็บเล่มไว้ อย่างไรยังพอจองได้อยู่จนถึงเราส่งโรงพิมพ์นะคะ เพียงแต่เราขออนุญาตจัดส่งล็อตที่ 2 ในช่วงกุมภาพันธ์ 2565 แทนค่ะ จิ้มดูรายละเอียดและกรอกแบบฟอร์ม ได้ที่นี่ เลยค่ะ ถ้าหมดงวดนี้ คงต้องรอพรีพร้อมกับ KNY FF - In The Remembrance of Her ในปลายเดือนมกราคม 2565 เลยนะคะ
ท้ายสุดนี้ เราต้องขอขอบคุณทุกท่านที่คอยติดตามแฟนฟิคเรื่องนี้กันมาตลอด รวมถึงทุกกำลังใจที่ได้รับ ทุกคอมเมนต์ การหวีด ขอบคุณที่คอยบอกให้สู้ ๆ กับอย่าหักโหมนะคะ ช่วยให้เราคลายกังวลไปได้มากอยู่ แต่เราก็อยากทำเล่มออกมาให้คุ้มกับที่ทุกคนรอคอยจริง ๆ ค่ะ ^^
และพบกับตอนพิเศษ 6.2 ในวันที่ 2 มกราคม 2565 เลยนะคะ ^^
Author's Talk 02 JUN 2022
สวัสดีค่า ดีเลย์ไปหนึ่งวัน ก็กลับมาถึคิวลงฉบับ Rewirte สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
บทนี้เป็นบทที่แก้คำผิดเยอะที่สุดเลยค่ะ บ่งบอกได้เลยว่า Draft แรกของเราคือ... แหะ ๆ งานถมจนหลุดคำผิดไปเยอะกว่ามาตรฐานตัวเองขั้นสุดค่ะ
นึกย้อนช่วงที่ซุ่มเขียนตอนพิเศษ 6 เป็นช่วงเราเพิ่งส่งร่างข้อเสนอแนะห้องน้ำ LGBTIQ+ Draft แรกไปค่ะ เป็นมหากาพย์งานอันยิ่งใหญ่และยาวนานมาก ไม่น่าเชื่อว่าช่วงนั้นจะรับมือกับอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกันค่ะ แล้วก็ดีใจที่ผ่านพ้นทุกอย่างมาด้วยดีนะคะ
ส่วนเมื่อวาน แหะ ๆ ประชุมเลิกห้าโมงค่ะ เลยกลายเป็นพ้นช่วงรถโฟลวแล้ว กับวันนี้ตั้งใจจะลาพักร้อน เลยเผลอสะสางงานที่ออฟฟิศไปถึงสองทุ่มกว่าเลยค่ะ กับมัวแต่ส่งบรีฟปก KNY FF - The Tales of Butterfly Effects ไปค่ะ สรุปนึกได้ว่ายังไม่ได้ลงก็ตีสองกว่าแล้ว
วันนี้ก็ไปงานศพมาด้วยค่ะ ไม่แน่ใจว่าวันเสาร์จะยังไงเหมือนกัน แต่คิดว่าคงมาลงยืนพื้นไว้เหมือนเดิมค่ะ ^^"
สำหรับคนที่ยังลังเลอยากเก็บเล่มหรืออย่างไรลองดูเล่มตัวอย่างได้จากที่เราอัพเดท หรือในเทรดทวิตเตอร์นี้นะคะ
แล้วก็ ใครที่มีความสนใจอยากเก็บฟิคเล่มนี้ รวมถึง KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ เป็นที่ระลึก ตอนนี้เราเปิดพรีฟิคอีกรอบค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 16 APR 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
(เปิดพรีงวดนี้จนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2565 ค่ะ)
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
หรือจะรอไปเก็บรอบงาน Comic Avenue ก็ได้เหมือนกันค่า จริง ๆ อยากปั่นเล่ม KNY FF - The Tales of Butterfly Effects ให้ทันเหมือนกัน แต่ดูจากปริมาณงานแล้ว... อ่า เราไม่กล้ารับปากค่ะ Y_Y ช่วงนี้งานกลับมาโถมหนักมาก ต้องเป็นผีเฝ้ากลุ่มไปอีกสี่เดือน+ทำเล่มผลงานวิชาการด้วยค่ะ
แล้วอย่างไร วันเสาร์นี้กลับมาพบกับตอนพิเศษ 6.2 นะคะ น่าจะหลังสองสามทุ่มไปเลยค่ะ
อย่างไรอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ ช่วงนี้ไหล่เราไม่ค่อยดีเท่าไร งานก็โถมหนัก เลยอาจต้องชะลองานเขียนลงนิดหน่อยค่ะ แต่ก็แอบกระซิบว่า ทรีตเมนต์ภาพรวมของ Tales of Butterfly Effects เสร็จแล้วนะคะ น่าจะได้ตะลุยต่อหลังจากตอนพิเศษ In The Remembrance of Her & Days Rise, Nights Fall จบนะคะ ^^
Comments (0)