15 ตอน Special Chapter 05.1 - Gaze Off Into The Starry Night (I)
โดย rene_recluse
[KNY FF] - In Time With You
Special Chapter 05 - Gaze Off Into The Starry Night (I)
ปล. เนื่องจากบทนี้ยาว เลยขออนุญาตแบ่งลง 2 ตอนนะคะ
1st Published : 28 NOV 2021
Rewrite : 25 MAY 2022
===========
เหตุการณ์ต่อเนื่องจาก Special Chapter 04.2 ค่ะ และหลัง Day 7 ค่ะ
ท้องฟ้าวันนี้ช่างแจ่มใสนัก
โทมิโอกะ กิยู ทอดมองท้องฟ้าของกลางฤดูใบไม้ผลิด้วยสีหน้าผ่อนคลาย นัยน์ตาสีครามจับจ้องแผ่นฟ้าสีสดที่ไร้เมฆปกคลุม สะเดาะฟังเสียงกระดิ่งลมที่แขวนตามชายคาบ้านซึ่งชายหนุ่มรุ่นน้องเพิ่งนำมาแขวนด้านหลังบ้านเมื่อครู่นี้
“ไว้ตรงนี้ดีไหมครับกิยูซัง”
“อื้ม...” เขาพยักหน้าตอบรับก่อนเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “ขอบใจนะทันจิโร่”
รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของคามาโดะ ทันจิโร่ ชายหนุ่มที่เขาเป็นผู้ไว้ชีวิตเมื่อสามปีที่แล้ว เด็กหนุ่มผู้เป็นศิษย์รุ่นน้องซึ่งเขาได้ฝากฝังไว้กับท่านอาจารย์อุโรโกะดากิ ซากอนจิ หลังจากเห็นจิตใจที่มุ่งมั่นยิ่งกว่าใคร ที่พยายามปกป้องน้องสาวผู้ถูกเปลี่ยนเป็นอสูรจากการสังหารของเขา
สองพี่น้องผู้เป็นฟันเฟืองแห่งโชคชะตา นำพาปาฏิหาริย์มาสู่หน่วยพิฆาตอสูร นำพาความหวังและโชคชะตาที่ทุกคนต่างรอคอยมาร่วมนับพันปีให้บังเกิด
สองพี่น้องที่ทั้งเขาและเธอผู้นั้นรักไม่ต่างจากน้องแท้ ๆ ร่วมสายโลหิต และตั้งปณิธานจะปกป้องเด็กสองคนนี้จนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต
ชายหนุ่มรุ่นน้องค่อย ๆ ปีนกายลงจากชายคาบ้านของเขา แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่าตนหายดีจากการรักษาอันนานแสนนานที่คฤหาสน์ผีเสื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่แขนซ้ายที่ลีบจนไม่อาจใช้งานได้ กับอาการอ่อนล้าที่ปรากฏให้เห็นชัด แม้เจ้าตัวพยายามเพียรซ่อนไว้ใต้รอยยิ้มกว้าง...
ไม่ผิดอะไรกับเธอผู้นั้น ผู้ซึ่งตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิตก็ซ่อนทุกสิ่งใต้รอยยิ้ม ไม่ให้ใครได้ล่วงรู้ถึงแผนการที่กัดกินจิตใจและร่างกายของเธอ...
ความห่วงใยแล่นเข้าสู่จิตใจของอดีตเสาหลักวารี ขณะเฝ้ามองเด็กหนุ่มที่เป็นดั่งน้องชายไล่กวาดใบไม้ที่กระจัดกระจายตามสวนหลังบ้าน ภาพซ้อนที่ชวนนึกถึงคนจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับทำให้เขาตัดสินใจตบที่นั่งว่างข้างตัวเป็นเชิงเรียกอีกฝ่ายมานั่งข้าง ๆ
อาการหอบเหนื่อยนิด ๆ ที่ปรากฏ ไม่ต่างอะไรกับทั้งตัวเขาและชินาซึงาวะ ซาเนมิ ด้วยพวกเขาทั้งสามใช้พลังกายและพลังใจเพื่อเอาชนะมุซันในศึกสุดท้ายที่ผ่านมา และพวกเขาสามคนก็เป็นเพียงผู้เปิดปานที่เหลือรอดชีวิตจากศึกครานั้น...
การเปิดปานที่เป็นดั่งการดึงพลังงานชีวิตล่วงหน้ามาใช้... เพื่อต่อกรกับศัตรูของมวลมนุษยชาติ...
พลังที่เพิ่มขีดจำกัดของร่างกาย หากต้องแลกมากับอายุขัย ตามคำบอกเล่าของนายหญิงอามาเนะผู้ล่วงลับ...
“สบายดีนะ ทันจิโร่”
“ครับ!” เด็กหนุ่มรุ่นน้องตอบเสียงดังฟังชัด นัยน์ตาที่มองสบมาเปล่งประกายใสสะอาด ไม่ต่างจากภาพสะท้อนของจิตใจที่กว้างขวางและอบอุ่นดุจท้องฟ้าต้นฤดูร้อนของเด็กหนุ่มผู้นี้ “แล้วกิยูซังล่ะครับ สบายดีนะครับ”
คำถามกลับที่เขาได้แต่พยักหน้าตอบ ความจริงใจที่ได้รับจากสองพี่น้องคามาโดะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยฉุดเขาให้พ้นจากความเจ็บปวดจากการสูญเสียเธอผู้นั้น เพราะรู้ดีว่าคงเหลือแต่เขาที่จะคอยดูเด็กสองคนนี้ และน้องคนอื่นของเธอให้เติบใหญ่ต่อไป
แม้จะเพียงอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็ตาม...
“แล้วเรื่องอื่น ๆ เรียบร้อยดีไหม”
“ครับ! มีอิโนะสุเกะกับเซนอิทซึไปอยู่ด้วยก็ดีมากเลยครับ” ทันจิโร่ว่าพลางส่งยิ้มกว้าง “ถ้ากิยูซังไม่รังเกียจ แวะมาค้างได้นะครับ”
คำเชิญชวนที่เขาได้แต่ยิ้มนิด ๆ แล้วพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ ดูท่าทางอีกฝ่ายจะเข้าใจประเด็นที่เขาถามไปคนละเรื่อง กระนั้นเสี้ยวความสงสัยของชายหนุ่มก็คิดว่า หรือแท้จริงอีกฝ่ายไม่ประสงค์จะพูดถึงสภาพร่างกายที่ไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมได้ เช่นเดียวกับเขา ชินาซึงาวะ หรืออุซุย
หากพลังใจที่แสดงออกมาของเด็กหนุ่มผู้นี้ กิยูก็โล่งใจ รุ่นน้องของเขาคงจะไม่เป็นอะไรจริง ๆ อย่างที่เจ้าตัวได้ว่าไว้ ไม่เช่นนั้น เหล่าเด็กสาวที่ชิโนบุเลี้ยงไว้ประดุจน้องสาวแท้ ๆ ทั้งสองคงจะไม่ปล่อยให้เด็กคนนี้กลับออกมาจากคฤหาสน์ผีเสื้อได้โดยง่าย
นัยน์ตาสีครามเหม่อมองท้องฟ้าสีจัด ใจประหวัดไปยังบ้านของเธอคนนั้น สถานที่ซึ่งเป็นหนึ่งในที่พักใจของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากตั้งแต่จบศึกนั้น เขาก็ยังไม่มีโอกาสหวนคืนกลับไป
ป่านนี้ดอกฟูจิหน้าบ้านของเธอคงบานสะพรั่งแล้ว...
หัวตาของชายหนุ่มแสบร้อน เมื่อเผลอนึกถึงช่วงเวลาที่เจอกับชิโนบุใหม่ ๆ ภาพเด็กสาวในดงดอกฟูจิบานสะพรั่งยังคงไม่อาจจางหายจากใจของเขาได้โดยง่าย
และไม่มีวันจะลบเลือนหายไป...
“...กิยูซัง” เสียงทันจิโร่เรียกเขาด้วยเสียงอันดัง ปลุกเขาหลุดจากภาพฝันในคืนวันวานอันสวยงาม นัยน์ตาสีครามหันไปสบนัยน์ตาของรุ่นน้องที่ทอดมองด้วยท่าทีจริงจังระคนเป็นห่วง “กิยูซัง... สบายดีจริง ๆ นะครับ?”
คำถามซ้ำสองที่เขาได้แต่พยักหน้ารับ หากคราวนี้ทันจิโร่ยังคงใช้สายตาจับจ้องเขาราวกับไม่เชื่อถือคำตอบของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว จนเขาแทบอยากจะลุกเข้าไปหาความสงบในบ้าน แต่ก็รู้ซึ้งถึงความดื้อรั้นของรุ่นน้องเขาคนนี้ดีกว่าใครเมื่อครั้นอีกฝ่ายรับคำสั่งนายท่านอุบุยาชิกิ คากายะ ให้เปิดใจเขาก่อนการเข้ารับการฝึกฝนของเสาหลัก
จนรู้ว่าหนีไปก็ไร้ประโยชน์... เพราะทันจิโร่ก็หาทางคาดคั้นเอาคำตอบมาได้
“ทำไมคิดแบบนั้น...”
“ข้าได้กลิ่นครับ” คำตอบไม่คาดฝันจนโทมิโอกะ กิยู ได้แต่เลิกคิ้วกับถ้อยคำที่แสนจะพิลึกพิลั่นยิ่งกว่าตอนที่ถูกชวนให้แข่งกินซารุโซบะเมื่อครั้งนั้น “กลิ่นความเศร้าครับ อาจจะไม่เท่าตอนที่กิยูซังพักรักษาตัวที่คฤหาสน์ผีเสื้อก็เถอะ”
“งั้นเหรอ...”
กิยูได้แต่พึมพำพลางทอดสายตาไปไกลสุดเส้นขอบฟ้า แม้จะไม่ได้เจ็บปวดเจียนตายเหมือนตอนที่ฟื้นมาใหม่ ๆ แม้จะเข้าใจถึงเหตุผลที่ตนต้องอยู่ต่อไป แต่เขาก็ยังโหยหาสัมผัสอันแสนอ่อนโยนของเธอคนนั้น
การได้พบพานแค่เพียงในห้วงฝัน ช่วยได้แค่บรรเทาความคะนึงหาได้
แต่ไม่อาจลบความจริงที่แสนเจ็บปวดให้จางหายไป
สุดท้าย... เขาก็ต้องตื่นมาพบความเป็นจริง ในโลกที่ไม่มีเธอคนนั้นแล้ว
“กิยูซังครับ...” หนุ่มรุ่นน้องเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา นัยน์ตาซื่อตรงของทันจิโร่ฉายแววอ่อนโยนเช่นเดียวกับรอยยิ้มบนใบหน้า “ข้าถามได้ไหมครับ”
คำขอที่เขาได้แต่พยักหน้ารับ ด้วยล่วงรู้ว่าท้ายสุด ผู้ใช้ปราณตะวันก็คงหาวิธีการง้างปากเขาออกมาจนได้ จนเปล่าประโยชน์ที่จะหลีกหนีแต่อย่างใด
“กิยูซัง... เจ็บปวดเรื่องชิโนบุซังสินะครับ”
คำถามที่ไม่ได้ห่างไกลจากความเป็นจริง กระนั้นโทมิโอกะ กิยู ก็ตกใจที่เด็กหนุ่มผู้นี้ปะติดปะต่อเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว และไม่รอช้าที่จะถามเขาอย่างตรงไปตรงมา
“ทำไมถึงรู้ล่ะ”
“ตอนช่วงการฝึกของเสาหลัก ข้าได้กลิ่นอายความสุขจากตัวกิยูซังครับ” ทันจิโร่อธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา “ตอนที่อีกานำจดหมายมาส่ง กิยูซังยิ้มด้วยล่ะครับ”
ความทรงจำที่ไหลกลับมาดั่งสายน้ำวนจนชายหนุ่มใช้มือข้างที่เหลือกำฮาโอริที่สวมติดกายไว้แน่น พลางนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขอันแสนสั้นนั้น
ความสุขถึงอนาคตอันแสนหวาน ความหวังถึงการมีชีวิตอยู่ต่อ ที่พังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืนนั้น
“แต่พอจบศึก ข้าไม่ได้กลิ่นอายแบบนั้นจากกิยูซังอีกเลยครับ จนเนซึโกะเองเป็นห่วงเอามาก ข้าเลยถามกับคานาโอะ...” เสียงของเด็กหนุ่มรุ่นน้องเงียบหายไป เรียกนัยน์ตาสีครามหันกลับมามองใบหน้าของรุ่นน้องที่บัดนี้ขึ้นสีเรื่อจาง ๆ “พอดีข้าจำได้ว่าผีเสื้อบนหัวคานาโอะไม่เหมือนเดิม คานาโอะตอบว่าเอาให้กิยูซังไปพร้อมกับจดหมาย ข้าเลยนึกได้ว่ากลิ่นที่ติดมากับจดหมายที่กิยูซังได้รับวันนั้น เป็นกลิ่นของชิโนบุซัง...”
ปลายเสียงของทันจิโร่สั่นสะท้านนิด ๆ ยามนึกถึงใบหน้ายิ้มแย้มของคนที่คอยรักษาพยาบาลพวกเขา เนซึโกะ อิโนะสุเกะ และเซนอิทซึ พี่สาวที่คอยชุบเลี้ยงทั้งอาโออิและคานาโอะมาจนเติบใหญ่
คนที่เป็นที่รักของทั้งพวกเขา และของชายหนุ่มที่เป็นทั้งอาจารย์และพี่ชายผู้นี้...
ความสัมพันธ์ของคนสองคนที่เขาได้ล่วงรู้ ก่อนออกจากคฤหาสน์ผีเสื้อได้ไม่นาน
“...จมูกดีนะ”
ถ้อยคำที่ฟังเผิน ๆ เหมือนประชด แต่ด้วยทั้งตัวคนพูดไม่เคยมีเจตนาว่าร้ายใคร และตัวคนฟังก็มองโลกในแง่ดีเกินกว่าจะหยิบคำพูดของอดีตเสาหลักวารีมาใส่ใจ โดยคิดเพียงว่าเป็นคำชมเหมือนกับที่เขาได้ยินมาชั่วชีวิต
“ครับ ใคร ๆ ก็ว่าอย่างนั้น”
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองไปครู่ใหญ่ สายลมปลายฤดูใบไม้ผลิพัดพากระดิ่งลมให้แกว่งเป็นท่วงทำนอง ไม่ผิดจากบ้านที่เขาเติบโตมากับพี่สึทาโกะ ความแจ่มใสและความสงบสุขยังติดตรึงในใจ ความสุขที่สูญสลายเพียงแค่การโจมตีของอสูรตนนั้น
หลังจากนั้น ชีวิตของกิยูก็พลิกผัน จนไม่อาจที่จะเข้าใกล้ภาพในอดีตที่ตอกย้ำถึงสิ่งที่สูญเสียไป ตราบจนเมื่อไม่กี่เดือนก่อน บางสิ่งทำให้เขาเริ่มมีความหวังที่จะมีชีวิตต่อ มีความฝันที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบในโลกที่ปราศจากอสูรพร้อมกับเธอผู้นั้น
แต่สุดท้าย วันนั้นก็ไม่เคยมาถึง และไม่มีวันจะได้มาถึงในภพชาตินี้...
เหลือแต่ห้วงฝันที่คอยปลอบประโลมให้เขายังประคองชีวิตต่อไปได้... ตราบจนวาระสุดท้ายของเขาที่จะมาเยือนอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
“แล้ว... ซึยูริว่าอย่างไรบ้าง ทันจิโร่”
“คานาโอะตอบว่า... กิยูซังกับชิโนบุซังคงชอบกันครับ”
คำตอบไม่ผิดแผกจากความคาดหมายของเขา หากเป็นท่าทีของหนุ่มรุ่นน้องที่ทำให้กิยูอดไม่ได้นอกจากคลี่ยิ้มบาง ๆ ยามเห็นสีเรื่อไล่ขึ้นจากดวงหน้าแจ่มใสของทันจิโร่ลามไปยังลำคอ ท่าทีที่ทำให้นึกถึงสีหน้าของคนในหัวใจเมื่อราว ๆ ห้าปีที่แล้ว
ภาพเด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงในวัยสิบสี่ย่างสิบห้า ที่จู่ ๆ ก็มีสีหน้าท่าทางเดียวกับยามทันจิโร่พูดถึงน้องสาวบุญธรรมของเธอ สีหน้าท่าทีที่กิยูในวัยสิบเจ็ดย่างสิบแปดได้แต่ฉงนสงสัยต่อกิริยาอันแสนพิลึกของเด็กสาวที่ละม้ายคล้ายนางในฝันคนนั้น
ท่าทีที่เขาไม่เคยเข้าใจว่ามันคืออะไรหรือมีสาเหตุจากอะไร แต่มาในวันนี้ เขาถึงเข้าใจทั้งความรู้สึกของหนุ่มรุ่นน้อง และชิโนบุในวัยนั้น...
รวมถึงคำตอบที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของเขา ที่เพิ่งได้รับรู้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเช่นกัน...
“เข้าใจถูกแล้วล่ะ”
“ครับ!?” ทันจิโร่เผลอตัวตอบรับด้วยเสียงดังลั่น นัยน์ตาเด็กหนุ่มเบิ่งกว้างกับคำตอบที่ไม่อ้อมค้อม ก่อนที่จะห้ามตัวเองได้ทัน เขาก็เผลอถามคำถามที่ได้แต่สงสัยนับตั้งแต่ได้เห็นชายหนุ่มแลกเปลี่ยนจดหมายกับอดีตเจ้าคฤหาสน์ผีเสื้อในวันนั้น “ตั้งแต่เมื่อไรครับ?!”
“สำหรับข้า... คงตั้งแต่ก่อนจำความได้” บัดนี้เขาไม่อยากปิดบังความรู้สึกของตนอีกต่อไป จนนึกขอบใจถึงความตรงไปตรงมาของทันจิโร่ที่กล้าถามออกมา “ของชิโนบุ มันอาจจะเริ่มตั้งแต่ห้าปีก่อนก็ได้...”
นัยน์ตาสีครามทอดมองท้องฟ้า จันทร์เสี้ยวเลือนรางยังพอให้เห็นได้ในยามบ่าย ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนหวนกลับเข้าสู่สมองของเขาราวกับสายน้ำหลาก ความทรงจำที่เขาเกือบลืมเลือนมันไป ด้วยนึกว่าเป็นเพียงแค่ฝันกลางวันในต้นฤดูร้อนอันแสนสดใส...
หรือเป็นภาพมายาในคืนท้องฟ้าเดือนมืดที่พร่างพราวไปด้วยหมู่ดาว
ที่จบลงเพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์...
จากความบังเอิญที่กิยูได้รับบาดเจ็บจนได้กลายมาเป็นคนไข้ ณ คฤหาสน์ผีเสื้อ ด้วยความตกตะลึงครั้นสบนัยน์ตาสีม่วงที่เจิดจรัสไม่แพ้แสงจันทรา นัยน์ตาที่ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับหญิงสาวในฝันอันแสนยาวนานของเขา แต่อะไรหลายอย่างที่เธอแสดงออกมาก็ทำให้ตัวเสาหลักวารีไม่อาจปักใจเชื่อได้ว่าเจ้าหล่อนเป็นคนเดียวกันได้จนแล้วจนรอด
หากวันวานผ่านล่วงไป การได้พบเจอเด็กสาวร่างเล็กผู้นี้กลับกลายเป็นความคุ้นชิน จนรู้ตัวอีกที เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ย่างกรายมายังคฤหาสน์ผีเสื้อที่หล่อนและเสาหลักบุปผาครอบครองและอาศัยอยู่... อาจจะเป็นรองแค่เสาหลักวายุเพียงผู้เดียว
จนไม่คิดแม้แต่จะเอ่ยปากปฏิเสธยามเธอคอยลากเขาไปตามที่ต่าง ๆ แม้จะเป็นการเข้าไปขัดขวางการพบปะของเสาหลักบุปผาและเสาหลักวายุก็ตาม
และนั่นก็ทำให้เขาถูกชินาซึงาวะ ซาเนมิ เกรี้ยวกราดเอามากกว่าเดิม...
แต่กิยูก็ไม่ได้แยแสถึงรัศมีอาฆาตพยาบาทของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน เพราะไม่เคยคิดที่จะเทียบความสามารถกับคนที่เต็มเปี่ยมด้วยฝีมือจนไต่เต้าสู่ตำแหน่งเสาหลักได้ในเวลาไล่เลี่ยกันกับเขา ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเพิ่งจะเข้าร่วมหน่วยพิฆาตอสูรได้เพียงชั่วขวบปีเท่านั้น
ความสามารถและความมุ่งมั่นที่ฉายชัดจนเขาได้แต่พยายามที่จะทำหน้าที่ให้สมกับตำแหน่งเสาหลักที่ได้รับมา เพราะรู้ว่าที่ตรงนี้ไม่เคยเป็นที่ของคนไร้พรสวรรค์อย่างเขา... คนที่อ่อนแอจนไม่อาจปกป้องคนสำคัญได้แม้แต่ครั้งเดียว
คนที่ไม่คู่ควรจะเป็นเสาหลักของหน่วยอย่างเขา จึงไม่มีอะไรเหมือนกับคนที่ทุ่มเทจิตวิญญาณทั้งหมดเพื่อมุ่งล้างบางศัตรูอย่างชินาซึงาวะ ซาเนมิ หรือคนที่ตั้งมั่นในอุดมการณ์ของตนเพื่อปกป้องคนอื่นด้วยความเมตตาอย่างโคโจ คานาเอะ
หากช่วงหลัง ความรู้สึกเหล่านั้นค่อย ๆ เจือจางไป ด้วยรอยยิ้มแสนซน เสียงใส ๆ ที่คอยชวนคุยนั่นคุยนี่ของเด็กสาวร่างเล็กผู้นั้น สร้างความผ่อนคลายแกมยินดียามได้เจ้าหล่อนเป็นผู้ดูแลหรือคอยทำแผลให้ยามบาดเจ็บกลับมา แม้ฝีมือการทำแผลของเธอจะห่างชั้นจากเสาหลักบุปผาก็ตาม
จนกระทั่งในต้นฤดูร้อนของปีนั้น...
โทมิโอกะ กิยู ชะงักไปชั่วครู่เมื่อเปิดประตูห้องตรวจแล้วพบเจ้าบ้านของคฤหาสน์ผีเสื้อส่งยิ้มให้ บุคคลที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอเจ้าหล่อนที่นี่ เวลานี้ ด้วยทราบว่าหญิงสาวผู้นี้มีหน้าที่ในฐานะเสาหลักที่ต้องปฏิบัติการ แม้จะไม่เทียบเท่าเสาหลักคนอื่น ด้วยเธอมีความรับผิดชอบพิเศษที่ต้องรับผิดชอบดูแลสมาชิกหน่วยพิฆาตอสูรที่ล้มป่วยหรือบาดเจ็บจากภารกิจที่ได้รับมอบหมาย จนทำให้หน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยทั่วไปตกอยู่กับโคโจ ชิโนบุ น้องสาววัยสิบสี่ของเจ้าหล่อนเป็นส่วนใหญ่
คนที่เขาคาดหมายว่าจะได้พบเจอทุกครั้งที่แวะเวียนมาสถานที่แห่งนี้
หากเมื่อกิยูย่างกรายมายังคฤหาสน์ผีเสื้อถึงสองครั้งในสัปดาห์นี้ เขากลับไม่ได้พบแม้แต่เงาของคนที่เขาพบปะมาเป็นระยะเวลานานเท่าที่รู้จักกันมา
นัยน์ตาสีครามอดไม่ได้ที่จะเหลียวซ้ายแลขวามองหาคนคุ้นเคยอย่างลืมตัว ใบหน้าคมคายที่มักจะนิ่งด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ฉายแววกังวลออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ กิริยาที่เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้างดงามของโคโจ คานาเอะ ผู้ทอดมองการกระทำของชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความถูกใจระคนเอ็นดู
“มองหาชิโนบุเหรอคะ โทมิโอกะคุง”
รอยยิ้มอ่อนหวานทำผู้มาเยือนรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ทั้งที่รู้ว่าเจ้าของบ้านไม่มีเจตนาร้ายกับเขา หากแววตาที่จับจ้องมาราวกับจะทะลุถึงจิตวิญญาณก็สร้างความกดดันบางอย่างแก่เขายิ่งกว่านัยน์ตาดุดันของเสาหลักวายุอย่างไม่อาจเทียบกันได้
“ชิโนบุพาเด็ก ๆ ไปซื้อของค่ะ ไม่นานก็คงกลับ” คำตอบที่สร้างความโล่งอกแก่คนฟัง แต่ก็ได้ไม่นานนักเมื่อคานาเอะเริ่มปรารภบางสิ่งออกมา “จะว่าไป ชิโนบุดูแปลก ๆ ไปนะคะช่วงนี้”
“อย่างไร?!”
กิยูเผลอตัวถามกลับทันที ด้วยใจนึกถึงท่าทีพิลึกของเด็กสาวผู้นั้นที่เขาเห็นในช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา คราแรกเขาคิดว่าเขาอาจจะรู้สึกไปเองคนเดียว แต่ขณะพี่สาวของเธอยังปรารภออกมาเช่นนี้ ดูทีอาการของเธอผู้นั้นคงมีอะไรที่น่ากังวลยิ่งกว่าเขาคิด
“โทมิโอกะคุงสังเกตด้วยเหรอคะ” คานาเอะเอ่ยเบา ๆ พลางซ่อนรอยยิ้มรู้ทันไว้ในใจ “แหม~ ฉันนึกไม่ถึงจริง ๆ เลยล่ะค่ะ”
ถ้อยคำที่คนฟังได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ อย่างไม่ทันเอะใจกับความนัยที่ซ่อนอยู่ใต้รอยยิ้มหวานนั้น เพราะใจพะวงถึงคนที่ห่างหายสายตาไปเกือบหนึ่งสัปดาห์เต็มมากกว่า
และนั่นถึงทำให้เขาเทียวมายังบ้านของเธอเป็นครั้งที่สามในรอบสัปดาห์นี้
“โคโจ คนน้อง... ไม่สบายหรือเปล่า” คำถามที่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยหลุดออกจากปากกิยูในที่สุด “อากาศช่วงนี้ร้อนนะ”
“โทมิโอกะคุงคิดอย่างนั้นเหรอคะ”
“หรือไม่ใช่?!” เสาหลักวารีทวนคำอย่างไม่เชื่อหู ใจประหวัดไปยังครั้งสุดท้ายที่เห็นน้องสาวของเสาหลักบุปผาเมื่อสัปดาห์ก่อน ดวงหน้าขาว ๆ ของอีกฝ่ายที่เดี๋ยวซีดเผือดสลับแดงก่ำช่างผิดปกติจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ “เจ้าเป็นหมอไม่ใช่เหรอ โคโจ”
“เป็นหมอก็ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่องนะคะ”
คานาเอะตอบนุ่มนวล เก็บซ่อนความขบขันยามได้เห็นอีกฝ่ายร้อนรนจนผิดวิสัย ขณะที่กิยูเริ่มไม่สบอารมณ์กับท่าทีสบาย ๆ ของคนเป็นพี่สาวที่ดูไม่เดือดร้อนต่อท่าทีผิดปกติของคนเป็นน้องเลยแม้แต่น้อย
“นั่น... น้องสาวเจ้านะ”
“แหม แล้วใครว่าไม่ใช่ล่ะคะ” เสาหลักบุปผาตอบ คราวนี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ “ฉันดีใจนะ ที่โทมิโอกะคุงเป็นห่วงน้องสาวของฉันขนาดนี้”
คำปรารภที่กิยูได้แต่มุ่นคิ้ว ไม่ทันจะได้หาคำตอบ เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเหล่าดรุณีน้อยที่เพิ่งกลับเข้าบ้านก็ดังแว่วเข้ามา ก่อนคนที่ตกเป็นเป้าหมายของบทสนทนาจะเคาะประตูพอเป็นพิธีแล้วโผล่หน้าเข้ามาแทบจะทันที พร้อมเอ่ยทักคนเป็นพี่สาวด้วยเสียงอันเริงร่า
“กลับมาแล้วค่ะท่านพี่ อ้าว...” น้ำเสียงใสของเจ้าหล่อนขาดช่วงเมื่อเห็นบุคคลอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องตรวจ “โทมิโอกะซัง!? มาทำอะไรที่นี่คะ!?”
“มาเอายา... มันหมดแล้ว”
“ฉันเพิ่งให้คุณไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเองนะ!? ทำไมมันหมดเร็วขนาดนี้!? เอาไปทาหรือเอาไปอาบกันแน่คะ!?”
ชิโนบุทวนคำเสียงหลง ขณะใบหน้าขาว ๆ ของเจ้าหล่อนเริ่มขึ้นสีระเรื่อยามเห็นนัยน์ตาสีครามจ้องเขม็งมาที่เธอเช่นทุกครั้ง นัยน์ตาคมปลาบที่เธอทำได้เพียงรีบหันหลบ เพียรสะกดหัวใจเต้นโครมครามยามเห็นรอยยิ้มมีเลศนัยของคนเป็นพี่ที่มอบให้... รอยยิ้มซึ่งนำพาคำพูดที่คานาเอะเอ่ยถามเมื่อราวสองสัปดาห์ก่อนกลับเข้าสู่ห้วงความคิด
คำถามที่เป็นดั่งการจุดประกายความรู้สึกบางอย่างในจิตใจ ที่ทำสาวน้อยไม่อาจสบตากับคนหน้ามึนได้อย่างที่เป็นมาตลอดแรมปี
“ทำหกน่ะ...”
“ทำหกหรือแกล้งเททิ้งแบบท่านเสาหลักวายุกันแน่คะ” ชิโนบุอดไม่ได้ที่จะจิกกัดอีกหนึ่งคนไข้ประจำที่พ่วงตำแหน่งคนรักของคานาเอะไว้ กระนั้นเจ้าหล่อนก็รีบหันหลังจัดเตรียมยาแก้ฟกช้ำให้อย่างไม่รอช้า “แล้วว่างมากเลยเหรอคะ ถึงถ่อมาถึงที่นี่น่ะ”
“ชิโนบุ!”
คานาเอะเอ่ยปรามน้องสาวด้วยเสียงจริงจังจนเจ้าตัวเริ่มใจเสีย แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร น้ำเสียงทุ้มนุ่มก็เอ่ยตัดพ้อขึ้นมา
“ข้ามาไม่ได้เหรอ...”
[TBC]
===========
Author's Talk 28 NOV 2021
เย่ จบไปแล้วกับตอนพิเศษ 5.1 นะคะ ต้องขอโทษมาก ๆ เลยค่ะที่ให้รอกัน
คนที่ตามทวิตเตอร์ น่าจะทราบแล้วนะคะ ว่าช่วงนี้เรางานถมชนิดสู่ขิตมากค่ะ แหะ ๆ
กับเกิดอุบัติเหตุวูบนิดหน่อยค่ะ แต่บังเอิญโดนตำแหน่งเดียวกับที่หักเมื่อต้นปี ก็เลยอักเสบ+เจอรอยร้าวนิดหน่อย แต่คิดว่าไม่น่ามีอะไรซีเรียสแล้วค่ะ ไม่ได้เจ็บหนักเท่าต้นปี ^^ (แต่งานก็ไม่ได้ลดลงเลยนะคะ)
จริง ๆ บทนี้ เป็นเนื้อหาบางส่วนที่เราตัดมาจากตอนพิเศษ 2 ค่ะ แล้วก็มีบางส่วนที่เราเคยเวิ่นลงทวิตเตอร์ แต่น่าจะเห็นแล้วว่าปรับให้มันโฟลว์มากขึ้น
ที่อยู่นอกเหนือแผนไปหน่อย ก็คงพี่เอะนี่แหละค่ะ ไม่คิดว่าสุดท้ายพี่เอะจะได้มีบทจิกกัดน้องเขยบ้าง 5555 (หลังจากให้คุณชิเค้าจิกกัดพี่เขยอยู่ตลอดเวลา)
สารภาพเลย เราชอบตอนพี่เอะกัดคุณกิแบบนิ่ม ๆ มากค่ะ รู้สึกว่า อ่า นี่แหละ แม่นายที่พี่สาเทิดทูนบูชา พี่สาวที่คุณชิ น้องอ้อย น้องโอะเคารพรัก จุดสูงสุดของบ่วงโซ่อาหารจริง ๆ แหละค่ะ ^^
ในที่สุด!! เราก็ได้เห็นความกุ๊กกิ๊กของคู่นี้บ้างแล้วค่ะ จริง ๆ เป็นอะไรที่ติดอยู่ในหัวเราตั้งแต่พล็อตเรื่องหลักแล้ว แต่ด้วยคีย์เวิร์ดของเรื่องมันไม่เอื้อเท่าไรนัก เลยตัดสินใจว่าในตอนพิเศษ มันต้องมีย้อนความกลับไปยังสมัยที่พี่เอะยังอยู่ค่ะ
ได้เห็นคุณชิทำตัวสมวัย แต่แบบ เห้ออออ ทั้งคุณกิ ทั้งคุณชินี่... air-headed อย่างที่เคยมีคนนิยามจริง ๆ แหละค่ะ
และบทหน้า คงจะได้เห็นอะไร ๆ ของสองคนนี้มากกว่านี้ค่ะ รวมถึงฉากที่เราตัดมาจากตอนพิเศษ 2 ค่ะ (ซึ่งตัดสินใจถูกมาก เพราะตอนพิเศษ 2 มันยาวจริง ๆ เลย ยังรู้สึกว่าจริง ๆ ควรตัดแบ่งเป็นสองตอนด้วยซ้ำ)
สุดท้ายนี้ เราต้องขอขอบคุณคนอ่านทุกคน ทุกการสนับสนุนในทุกรูปแบบนะคะ ดีใจมาก ๆ จริง ๆ ที่ได้มีโอกาสเขียนเรื่องนี้ออกมา ดีใจที่มีคนบอกว่าชอบงานของเราด้วยค่ะ
สำหรับใครที่สนใจเก็บเล่มนี้ เรายังคงเปิดพรีออเดอร์ไว้อยู่นะคะ ^^ สำหรับงวดนี้คงถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2564 ตามเดิมค่ะ หากสนใจสามารถกรอกแบบฟอร์ม ได้ที่นี่ เลยค่ะ ^^
เห็นมีคนถามว่าจะรอเก็บพร้อม ๆ กับ In The Remembrance of Her (พี่สาพี่เอะ) แล้วก็ The Tales of Butterfly Effects (บ้านผีเสื้อที่ต่อจากสองเรื่องนี้) ได้ไหม คำตอบคือได้ค่า แต่อยากให้สะกิดบอกเราหน่อยนะคะ จะได้พิมพ์เผื่อไว้หน่อย (คิดว่าล็อตนี้น่าจะพิมพ์ไว้ที่ 30 เล่มค่ะ คงมีสแปร์ไว้ระดับนึง)
แล้วเจอกันกับตอน 5.2 ในวันเสาร์หน้า พร้อมกับพรีวิวรูปประกอบในเล่มค่า อย่าลืมรักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจกันด้วยนะคะ ^^
Author's Talk 25 MAY 2022
สวัสดีค่า วันนี้ก็เป็นคิวฉบับลง Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
บทนี้อาจจะดูเหมือนรีไรท์ไม่มาก แต่ก็มีจุดที่รีไรท์อยู่ระดับหนึ่งค่ะ บางรูปประโยคก็ปรับให้เข้ากับตัวละครมากขึ้นด้วยนะคะ ^^ (รวมถึงคำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราได้แต่ปาดเหงื่อค่ะ)
สำหรับคนที่ยังลังเลอยากเก็บเล่มหรืออย่างไรลองดูเล่มตัวอย่างได้จากที่เราอัพเดท หรือในเทรดทวิตเตอร์นี้นะคะ
แล้วก็ ใครที่มีความสนใจอยากเก็บฟิคเล่มนี้ รวมถึง KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ เป็นที่ระลึก ตอนนี้เราเปิดพรีฟิคอีกรอบค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 16 APR 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
(เปิดพรีงวดนี้จนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2565 ค่ะ)
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
หรือจะรอไปเก็บรอบงาน Comic Avenue ก็ได้เหมือนกันค่า จริง ๆ อยากปั่นเล่ม KNY FF - The Tales of Butterfly Effects ให้ทันเหมือนกัน แต่ดูจากปริมาณงานแล้ว... อ่า เราไม่กล้ารับปากค่ะ Y_Y ช่วงนี้งานกลับมาโถมหนักมาก ต้องเป็นผีเฝ้ากลุ่มไปอีกสี่เดือน+ทำเล่มผลงานวิชาการด้วยค่ะ
สำหรับเสาร์นี้ กลับมาพบกับตอนพิเศษ 5.2 ฉบับรีไรท์นะคะ อาจจะมาค่ำ ๆ กว่าปกตินิดหน่อยเพราะมีนัดหมอค่ะ กับตอนนี้เอ็นไหล่เราอักเสบ หมออยากให้งดใช้แขนราว ๆ อาทิตย์นึง ^^" แต่ก็รู้ว่าคงงดไม่ได้ค่ะ เลยขอเพลา ๆ แทนแล้วกัน
ทุกท่านอย่าลืมรักษาสุขภาพนะคะ สำหรับใครที่นั่งทำงานโดยไม่สนใจ posture แนะว่าอย่านะคะ ร่างกายเราไปแล้วไปลับค่ะ ไม่มีอะไหล่สำรองแต่อย่างใด ดูแลสุขภาพกายสุขภาพจิตตั้งแต่ตอนที่ทำได้ด้วยนะคะ ^^
Comments (0)