[KNY FF] - In Time With You

Special Chapter 04 - Cry For The Moon (II)

 

Content Warning :

 
Manga Spoil | Alcohol Drinking | Violence
 

ปล. เนื่องจากบทนี้ยาว อาจจะพอ ๆ กับหรือมากกว่า Special Chapter 01 ค่ะ เลยขออนุญาตแบ่งลง 2 ตอนนะคะ

 

1st Published : 06 NOV 2021

Rewrite : 21 MAY 2022

===========

เหตุการณ์ต่อเนื่องจาก Special Chapter 04.1 ค่ะ แล้วก็ก่อนช่วงท้ายเรื่องของ Day 07 นะคะ

 

“สรุปก็คือ... แกสองคนกับพี่น้องโคโจ...”

 

อุซุย เทนเง็น เอ่ยทำลายความเงียบที่เข้าปกคลุมทั้งห้อง เขาไม่ประหลาดใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างเสาหลักวายุและอดีตเสาหลักบุปผา หากความสัมพันธ์ระหว่างเสาหลักวารีและเสาหลักแมลงผู้ล่วงลับกลับเป็นอะไรที่เกินกว่าความคาดหมายของเขา...

 

ไม่สิ เรียกว่าไม่เคยคาดคิดมาก่อนมากกว่า...

 

“เห้อ...” อดีตเสาหลักเสียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมายาว แล้วบ่นพึมพำกับตัวเองต่อข้อสรุปที่เพิ่งได้รับรู้ “โคโจนี่รสนิยมแย่ชะมัด...”

 

“อย่าว่าคานาเอะ! / ชิโนบุ...”

 

เสาหลักผู้สูญเสียคนรักทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน ความสมานฉันท์กลมเกลียวที่แม้แต่นายท่านอุบุยาชิกิคงไม่อาจคาดฝันถึง ชนิดที่อุซุย เทนเง็น ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังสนั่น เสียงหัวเราะที่ไปกระตุ้นต่อมความหงุดหงิดของชินาซึงาวะ ซาเนมิ ให้แหงนหน้าถลึงตาใส่คนสูงวัยกว่า

 

“ขำบ้าอะไรของแกวะ!”

 

“ขำว่าพวกแกเสือกมาสามัคคีกับอะไรแบบนี้ว่ะ” เทนเง็นตอบพลางปาดน้ำตาจากการหัวเราะอย่างหนักออก ก่อนจะส่ายหัวออกมาด้วยความเอ็นดูปนระอา “สมัยที่นายท่านอยากให้พวกแกสามัคคีกัน แกก็เสือกอยากต่อยไอ้โทมิโอกะให้ตายคามือเสียงั้น”

 

“เหอะ! ตอนนี้ข้าก็ยังอยากต่อยมันอยู่...”

 

“เออ โมโหออกมาได้ค่อยสมเป็นแกหน่อยชินาซึงาวะ” คนเป็นเจ้าบ้านว่าพลางระบายรอยยิ้มกว้าง “แค่ไอ้โทมิโอกะทำหน้าเหมือนอยู่ในงานศพตลอดเวลาก็ว่าแย่แล้ว มีแกมาทำตัวซึมกะทืออีกคนนี่ก็ไม่ไหวว่ะ”

 

“แล้วมันหนักหัวแกตรงไหนวะ!”

 

ซาเนมิแหว หากเทนเง็นได้แต่ไหวไหล่อย่างยียวน ไม่แยแสอาการฟึดฟัดของเสาหลักจอมขี้โมโห พร้อมกับปรายตามองหน้ากิยูที่ยังคงนั่งดื่มเหล้าพร้อมกับจ้องท้องฟ้าที่ปราศจากดวงจันทร์ด้วยท่าทีเศร้าหมอง ขวดเปล่าที่ตั้งเรียงรายไว้ทำเอาเจ้าบ้านถอนหายใจกับท่าทีสองหนุ่มเสาหลักผู้ใกล้เคียงกับคำว่าสิ้นสภาพเพราะความรักเป็นเหตุ

 

“มันชวนหดหู่ว่ะ หักอกหักใจเถอะ เลิกทำตัวเป็นพ่อหม้ายเมียตายได้แล้วน่า...”

 

ไม่ทันที่อีกเขาได้พูดจบประโยค หมัดลุ่น ๆ ของเสาหลักวายุก็กระแทกปากของเขาอย่างจังจนเทนเง็นเซล้มกระแทกพื้นดังโครมใหญ่ เรียกเสียงฝีเท้าที่เดาว่าคงเป็นเหล่าบรรดาเมียของเขาที่คอยเฝ้าสังเกตความวุ่นวายในห้องนี้ หากเสียงซาเนมิที่ตวาดดังลั่นก็กลบเสียงกระซิบกระซาบหลังบานประตูเลื่อนด้านหลังของเขาจนมิด

 

“เออ! ไอ้คนเมียอยู่ครบแบบแกจะเข้าใจอะไรข้าหา!”

 

มือที่กำลังปาดเลือดออกจากปากชะงัก ขณะนัยน์ตาสีเข้มของเจ้าบ้านเบิ่งกว้างอย่างตื่นตะลึง ลืมสิ้นความโกรธที่ถูกทำร้าย ด้วยไม่คาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างชินาซึงาวะ ซาเนมิ และโคโจ คานาเอะ จะลึกซึ้งเกินกว่าที่เขานึกฝันไว้

 

คงเพราะเขามองเสาหลักวายุว่าเป็นคนที่จริงจังกับหน้าที่การเป็นเสาหลัก... ชนิดที่ไม่น่าจะแบ่งเวลาทำเรื่องพรรค์นั้นได้ อีกทั้งเมื่อหกปีก่อนชายผู้นี้ปฏิเสธเสียงแข็งยามเขาพร่ำสอนวิถีลูกผู้ชายให้ทั้งตัวมันและโทมิโอกะที่เพิ่งเข้าเป็นเสาหลักได้ไม่นานได้รับรู้

 

ที่แท้... ไอ้เด็กเมื่อวานซืนก็แอบจดจำคำสอนของเทพเจ้าอย่างเขาไปใช้นี่เอง...

 

“นี่แกกับโคโจ... ไปถึงขั้นนั้นแล้วหรือ ฉูดฉาดมาก!”

 

อดีตเสาหลักเสียงอดไม่ได้ที่จะผิวปากเอ่ยแซว นัยน์ตาทั้งสองข้างเปล่งประกายพราวระยับเมื่อรู้ว่าการสั่งสอนของเสาหลักรุ่นพี่อย่างเขาได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจกว่าความคาดหมาย ก่อนจะเบือนหน้าไปเหลือบมองอีกหนึ่งลูกศิษย์ที่ยังคงนั่งจมอยู่กับความหลังอย่างซึมกะทือด้วยนัยน์ตาสงสัยใคร่รู้

 

ขนาดไอ้คนโวยวายแทบจะต่อยหน้าเขายังน้อมรับวิชาไปใช้ แล้วไอ้คนที่แม้จะไม่โวยวาย หากก็ตายด้านจนเขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาพร่ำได้สอนไปจะซึมเข้าถึงหัวสมองที่กลวงเปล่าของมัน หรือแท้จริงมันอาจจะเคยเอาวิชาของเขาไปลองของดู

 

ไม่ทันอุซุย เทนเง็น จะเอ่ยปากถาม เพียงแค่หันไปสบนัยน์ตาสีครามที่เหม่อลอยในห้วงความหลังสุดปวดร้าว อดีตเสาหลักวารีที่ดูจะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและคงคิดว่าเขาคาดคั้นคำตอบ ก็พยักหน้าหงึก ๆ พร้อมกับเอ่ยยอมรับโดยดุษณี

 

“อื้ม...”

 

คำตอบทื่อ ๆ ของคนที่เขาเข้าใจว่ามันคงถูกสุราง้างปากให้พูดทำคนตั้งใจแหย่เล่นถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะสามารถทำตัวเหมือนผู้ชายคนอื่น ๆ ได้ จนต้องขอถอนข้อครหาที่ว่าชายผู้นี้เป็นคนไร้อารมณ์ แต่คนที่ตกตะลึงกับคำตอบนั้นกลับเป็นคนเลือดร้อนที่สบถเสียงดังพร้อมปล่อยคอเสื้อเขาให้เป็นอิสระ แล้วกระโจนตัวเข้าซัดไอ้คนหน้ามึนจนแก้วเหล้าแตกกระจาย เสียงโครมครามจากข้าวของเครื่องใช้ที่เสียหายเรียกให้เหล่าภรรยาทั้งสามถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาโดยไม่รอคำขออนุญาต

 

ความวุ่นวายที่ปรากฏเต็มตาทำเอาฮินะซึรุมองมวยฝ่ายเดียวอย่างตื่นตะลึง ขณะซึมะกรีดร้องเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้เป็นสามีบวมช้ำด้วยฤทธิ์หมัดของเสาหลักวายุ จนมาคิโอะต้องกระโดดตะครุบอีกฝ่ายไว้จนจวนเจียนจะเกิดมวยคู่ที่สองในห้องรับรองนี้ ภาพที่เทนเง็นได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ถึงจะสนุกกับความลับของสองหนุ่มที่เขาได้รับรู้ หากบรรดาข้าวของที่แตกพังจากการอาละวาดของซาเนมิก็ทำความบันเทิงของเขาหดหายไปจนหมดสิ้น

 

ชั่วขณะหนึ่งที่อดีตเสาหลักเสียงลังเลว่าจะรอชมว่าศึกเพียงฝ่ายเดียวของซาเนมิและกิยูจะจบลงอย่างไร มือของฮินะซึรุที่สะกิดชายเสื้อของเขาพร้อมกับส่ายหน้า อาการดึงไม้ดึงมือของซึมะ และสีหน้าของมาคิโอะที่แสดงออกมา ก็เพียงพอให้เทนเง็นตัดสินใจเดินตามเหล่าภรรยาที่รักออกจากห้องไปโดยดี ด้วยรู้ว่าสองคนนี้คงมีอะไรให้สะสางและปรับความเข้าใจกันตามลำพัง โดยไม่ควรมีบุคคลที่สามอย่างเขาข้องเกี่ยว

 

ไว้เมื่อโอกาสเอื้ออำนวย เทนเง็นเชื่อว่าเขาคงมีจังหวะล้วงเอาความลับอื่นของสองพ่อหม้ายเมียตายออกมาได้ไม่ยากอยู่ดี!

 

ใช้เวลาอีกชั่วขณะหนึ่งกว่าความวุ่นวายในห้องรับรองจะสงบลง ด้วยเสาหลักวายุเริ่มหมดแรงที่จะต่อยคนหน้านิ่งที่บัดนี้ใบหน้าบวมช้ำ ฤทธิ์สาเกที่ทั้งสองหนุ่มดื่มไปจำนวนหนึ่งเริ่มออกฤทธิ์จนทั้งคู่ได้แต่ทรุดตัวนอนแผ่ลงอย่างสิ้นแรง

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนของซาเนมิจ้องมองเพดานอย่างเอาเป็นเอาตาย ความรู้สึกผิดแล่นเข้าจิตใจ เพราะเขาเอาแต่ต่อยคู่กรณีหมัดแล้วหมัดเล่า หากอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะสวนกลับมา ท่าทีหมดอาลัยตายอยาก กับรอยยิ้มสุดท้ายของเด็กคนนั้นที่ยังติดตรึงนำพาให้นัยน์ตาทั้งสองข้างเริ่มแสบร้อน เมื่อได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของกิยูและชิโนบุที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเขาจะเคยคาดหมายได้...

 

ความโกรธแค้นที่ระเบิดออกมาบัดนี้หลงเหลือแต่อารมณ์ดำดิ่งที่ผสมปนเปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความโกรธที่ท้ายสุดไอ้คนที่เขาเกลียดแสนเกลียด แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับน้องสาวของคนรักของเขา แต่ก็ไม่อาจห้ามเธอไม่ให้สละชีพเพื่อกวาดล้างอสูรข้างขึ้นลำดับที่สองที่คร่าชีวิตคนรักของเขาไป ทั้งความเสียใจที่ไม่อาจปกป้องน้องสาวร่วมสายเลือดของคานาเอะให้มีชีวิตอยู่ต่อบนโลกที่ไร้อสูรนี้ได้

 

แต่อีกใจ เขาก็ดีใจ ที่อย่างน้อยก่อนสิ้นชีพ ชิโนบุก็ได้มีโอกาสที่จะใช้ชีวิตอย่างเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง อย่างที่คานาเอะได้หวังไว้...

 

นัยน์ตาไร้ชีวิตชีวาของคู่กรณี หรือให้เรียกตามความเป็นจริง... ก็คงต้องมีศักดิ์เป็นน้องเขยของเขา ความเกี่ยวโยงที่เขาได้แต่ถอนใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหมอนั่นเป็นคนที่ชิโนบุรัก... อาจจะรักมาตั้งแต่ตอนคานาเอะยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำไป

 

“ตั้งแต่เมื่อไร...” ซาเนมิพึมพำถาม “ความสัมพันธ์ของแกกับเด็กนั่น...”

 

ก่อนการฝึกของเสาหลัก...”

 

“แต่เด็กนั่นไม่ยอมบอกอะไรแก?!” มีเพียงความเงียบงันเป็นดั่งคำตอบที่ซาเนมิเอ่ยถาม คำตอบที่ได้รับทำคนถามได้แต่หัวเราะเย้ยหยันโชคชะตาออกมาอีกครั้ง “เออ! ต่อให้แกรู้ สุดท้ายทั้งแกหรือข้าก็ห้ามชิโนบุไม่ได้อยู่ดี”

 

“...ชิโนบุก็ว่าอย่างนั้น”

 

กิยูตอบด้วยเสียงแผ่วเบา หากน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่ซาเนมิสามารถจินตนาการออก ด้วยเห็นสภาพของอีกฝ่ายยามฟื้นขึ้นมาหลังสลบไปร่วมแรมเดือน สภาพที่สุดแสนชวนสังเวช ด้วยความที่ไม่ต่างจากสภาพยามเขาส่องกระจกหลังจากที่คานาเอะเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน

 

“...ได้เจอกับเด็กนั่นแล้วเหรอ”

 

เสาหลักวายุเอ่ยถาม นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาที่เขาพูดกับมันโดยไม่กระแนะกระแหนหรือเอ่ยแซะ ด้วยสารรูปที่แลดูไม่ได้เรื่อง ด้วยความอาลัยอาวรณ์ถึงคนที่จากไป และใบหน้าบวมเป่งจากหมัดของเขา สภาพของเสาหลักวารีที่ดูไม่จืดทำให้ซาเนมิเริ่มที่จะอดสงสารคนผู้นี้ขึ้นมา ตามประสาคนที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน... ชะตากรรมที่ต้องสูญเสียทั้งครอบครัว เพื่อนสนิท และคนรักให้แก่อสูรหมดสิ้น

 

“ชิโนบุมาเข้าฝันน่ะ...”

 

“มิน่า...” คนเลือดร้อนถอนใจยาวกว่าปกติ เมื่อนึกถึงฝันเมื่อคืนก่อนที่ชัดเจนจนเขานึกว่าเป็นเรื่องจริง “วันก่อนเด็กนั่นมาเข้าฝัน แล้วเทศนาเรื่องแกจนหูชาเลย”

 

“อ่า... ขอโทษนะ”

 

คำขอโทษอย่างเจี๋ยมเจี้ยมทำเอาเสาหลักวายุหัวเราะออกมา เป็นการหัวเราะอย่างขบขันมากกว่าจะเย้ยหยันหรือประชดประชันชะตาชีวิตตามประสาลูกที่พระเจ้าชิงชังจนพรากทุกสิ่งไปจากเขา

 

“เหอะ! จะหนีก็หนีไม่ได้ จะตื่นก็ตื่นไม่ได้อีก สรุปข้าต้องฟังเด็กนั่นบ่นเรื่องที่ไม่ยอมทำตามสัญญาจนพระอาทิตย์ขึ้นเลย”

 

“...มิน่าล่ะ” เสาหลักวารีกลับเป็นฝ่ายถอนใจบ้าง ความน้อยเนื้อต่ำใจที่เป็นตะกอนในใจมาตั้งแต่เมื่อคืนสลายหายไป “เมื่อคืนชิโนบุถึงไม่มา...”

 

“เหอะ เลยทำหน้าเหมือนถูกเมียทิ้ง...” ซาเนมิอดไม่ได้ที่จะแขวะคนที่ทำตัวหม่นหมองเป็นเหตุให้อุซุย เทนเง็น เรียกเขาว่าพวกพ่อหม้ายเมียตาย “ลองให้เด็กนั่นไม่มาเข้าฝันแกเป็นปี ๆ แกไม่ขาดใจตายก่อนเหรอวะโทมิโอกะ”

 

“โคโจ... เสาหลักบุปผา ไม่มาเข้าฝันชินาซึงาวะเหรอ”

 

เป็นฝ่ายซาเนมิที่ถูกจี้ใจดำบ้าง แม้จะน้อยอกน้อยใจที่ตั้งแต่คนรักจากไป เธอผู้นั้นแทบไม่มาเยือนเขาในฝันอย่างที่ชิโนบุได้ทำกับอีกฝ่าย

 

หากด้วยทั้งเขาและคานาเอะแทบไม่มีอะไรที่ค้างคาต่อกัน คงเป็นเหตุผลที่เธอของเขาแทบไม่เคยมาเยือนเขาในฝันเลย...

 

หรือไม่เธอก็คงกลัวเขาตามไปอยู่ที่ปรโลก มากกว่าจะทำความฝันของเขาและเธอที่ยังคั่งค้างให้สำเร็จลุล่วงลง...

 

แค่สามครั้ง...” ซาเนมิตอบเบา ๆ “ตอนประกาศรายชื่อคนสอบผ่านปีนี้ ระหว่างศึกสุดท้าย แล้วก็หลังจบศึกสุดท้าย”

 

น้ำเสียงอ่อนหวานและสัมผัสอันนุ่มละมุนยังตราตรึงในความทรงจำของเขา ความทรงจำที่มีต่อหญิงสาวที่เป็นดั่งฤดูใบไม้ผลิอันแสนอบอุ่น หญิงสาวผู้เข้มแข็งและอ่อนโยนเหมือนดอกซากุระ รอยยิ้มละมุนยังคงจำหลักอยู่ในทุกลมหายใจเข้าออกของเขา

 

ความรักที่ลึกซึ้ง ทำให้ชายผู้ทอดทิ้งชีวิตและความฝัน ชายผู้มุ่งมั่นอยู่กับหน้าที่ล่าอสูรอย่างเขาวาดฝันถึงอนาคตสั้น ๆ ที่จบไปพร้อมกับการตายของเธอ

 

คงทิ้งให้เขาจมอยู่กับความทรงจำนิรันดร์แด่เธอผู้นั้น...

 

ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วห้องอีกครั้ง ด้วยสองหนุ่มที่กำลังนอนแผ่ท่ามกลางซากข้าวของที่แตกหักระเนระนาดด้วยฤทธิ์อาละวาดของเสาหลักวายุ ต่างปล่อยใจลอยไปถึงคนที่ลาลับจากภพนี้ไปอย่างไม่อาจหวนคืนมา...

 

หนึ่งคน แม้จะมีเวลาอยู่ร่วมกันเพียงไม่นาน แต่แทบไม่มีอะไรติดค้างในใจนอกจากฝันของเธอที่เขารักษาไว้ไม่ได้...

 

กับอีกหนึ่งคน ที่แม้มีเวลาอยู่กับคนในหัวใจแสนนาน... แต่กลับปล่อยให้เวลาผ่านล่วงเลยไปด้วยความเจ็บปวดจากการสูญเสีย...

 

จนเหลือเพียงคืนเดียวที่ได้ใช้ร่วมกัน...

 

หากเป็นความรักที่ไม่อาจลบเลือนไปจากจิตใจของพวกเขาไปได้

 

“ชินาซึงาวะ ยังไม่ลืมโคโจ... เสาหลักบุปผาสินะ”

 

กิยูเอ่ยถามออกมา คำตอบที่ผู้ฟังไม่ต้องใช้เวลาคิดคำตอบเลยแม้แต่นิดเดียว ด้วยนับแต่เธอจากไป เขาก็ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่คิดถึงเธอผู้นั้น

 

จนยอมที่จะทรมานกับความทรงจำนิรันดร์ มากกว่าจะลบเลือนรอยยิ้มอ่อนหวานของเธอคนนั้นออกจากชีวิต

 

ใครมันจะลืมได้ล่ะ” ซาเนมิสวนกลับแทบทันทีทันควัน “อย่าบอกนะว่าแกลืม!”

 

“นั่นสินะ...”

 

ถ้อยคำของเสาหลักวารีเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ถึงจะได้เจอเธอคนที่ถวิลหาในความฝัน หากความฝันก็เป็นได้เพียงความฝัน ทิ้งไว้แต่ความเป็นจริงอันแสนเศร้าที่ต้องเผชิญในทุกเช้าวัน

 

กับความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนไปจากจิตใจ

 

“แล้วนานไหม... ชินาซึงาวะ” กิยูถามต่อด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะมือซ้ายเอื้อมไปแตะผีเสื้อเครื่องประดับหัวของชิโนบุที่เขาพกติดตัวตลอดไว้แน่นหนา “กว่าจะไม่เจ็บ...”

 

คำถามที่ซาเนมิต้องหันไปเหลียวมองเสี้ยวหน้าของคนถาม นัยน์ตาสีครามยังคงจ้องมองท้องฟ้าราตรีที่ไร้จันทร์ด้วยความเศร้าหมอง ปล่อยหยาดน้ำใส ๆ ให้รินไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้าง

 

ซาเนมิเริ่มเข้าใจ... เข้าใจเหตุผลที่ชิโนบุกล้าฝากฝังให้เขาดูแลคนผู้นี้ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออีกแค่ไม่กี่ปี ด้วยเขาคงเป็นผู้เดียวที่เข้าใจถึงความสูญเสียที่อีกฝ่ายได้รับ... ทั้งจากการสูญเสียครอบครัวให้แก่อสูร ทั้งจากการสูญเสียเพื่อนไปก่อนวัยอันควร และการสูญเสียคนรักไปโดยไม่อาจเรียกคืนกลับมา ความเข้าใจที่ทำให้เสาหลักวายุผ่อนลมหายใจ ก่อนตอบออกมาเบา ๆ

 

“ขึ้นอยู่กับว่าแกจริงจังกับเด็กนั่นแค่ไหน...” คนผู้สูญเสียมาก่อนอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดวิสัย จากความเห็นใจต่อชะตากรรมที่อีกฝ่ายต้องเผชิญ ชะตากรรมที่เขาเองไม่ปรารถนาให้ใครต้องเจ็บปวดเฉกเช่นเขา “แต่สำหรับแก ข้าว่าอาจจะจนลมหายใจสุดท้ายก็ได้”

 

“นั่นสินะ...”

 

ถ้อยคำตอบรับดั่งคนที่เข้าใจถึงความเจ็บปวดของการสูญเสีย ด้วยไม่อาจลบเลือนความทรงจำที่แสนล้ำค่าเหล่านั้นให้หมดไป

 

ความทรงจำต่อคนสำคัญทุกคนที่เข้ามาในชีวิต รวมถึงเหล่าเสาหลักของหน่วยพิฆาตอสูร นายท่านผู้แสนอารี หรือผู้คนมากมายที่ต้องเสียสละชีวิตตนเองเพื่อแลกกับความสงบสุขของโลกใบนี้

 

จวบจนสิ้นลมหายใจ เขาทั้งสองก็คงไม่มีวันลืมชีวิตที่ต้องดับสูญไปได้...

 

หากแต่สุดท้ายชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป... แม้จะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม

 

“ชิโนบุฝากให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนคุยกับแก โทมิโอกะ”

 

ซาเนมิเอ่ยโพล่งขึ้นมา คำถามที่เรียกนัยน์ตาสีครามให้จับจ้องเสี้ยวหน้าของคนพูด ก่อนจะมุ่นคิ้วยามนึกถึงทีท่าที่อีกฝ่ายแสดงออกใส่ตนมาตลอดเวลาที่รู้จักกัน

 

“แต่ข้าถูกเกลียด... ไม่ใช่เหรอ?!”

 

“เออ!” ซาเนมิยอมรับโดยดุษณี แล้วอธิบายเหตุผลความเป็นไปที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความชิงชังตลอดหลายปีที่ผ่านมา “ก็แกชอบเข้ามาขัดจังหวะข้ากับคานาเอะ...”

 

“อ่า... ขอโทษ”

 

“เออ! แล้วก็เกลียดที่แกอุตส่าห์มีเวลากับเด็กนั่นมากกว่าข้ากับคานาเอะ แต่เสือกไม่ทำบ้าอะไรเลย...”

 

คำบ่นที่คนฟังมุ่นคิ้วกว่าเก่า แม้จะเคยถูกเสาหลักบุปผาเอ่ยเย้าถึงความสัมพันธ์ของเขาและน้องสาวเธอ แต่ก็ไม่เคยเดาได้ว่าชายผู้เป็นปรปักษ์กับตนจะทราบเรื่องนี้ด้วย

 

“...นายรู้?!”

 

“เออ! ทำไมข้าจะไม่รู้หา!” ซาเนมิตวัดเสียง “แกเล่นเอาแต่มองเด็กนั่นตลอดเวลา ข้าถึงได้เกลียดที่แกไม่ยอมรู้ตัว ไม่ยอมทำอะไรสักที”

 

คำตอบเป็นดั่งการไขปริศนาความชิงชังตลอดกาลที่กิยูได้รับจากเสาหลักวายุ กระนั้นเสาหลักวารีก็ไม่นึกโกรธอีกฝ่าย ด้วยสิ่งที่ซาเนมิพูดนั้นแทงใจดำเขาทุกข้อ...

 

และบัดนี้ เขาก็เริ่มเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย... เพราะความสูญเสียที่ชายหนุ่มผู้แข็งกร้าวได้รับมีมากยิ่งกว่าเสาหลักหรือใครผู้ใดในหน่วยพิฆาตอสูรแห่งนี้

 

“...ขอโทษนะ”

 

“เลิกขอโทษเถอะ เอาจริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของแก” ซาเนมิตอบเสียงแผ่ว ก่อนควานหาขวดเหล้าที่ยังพอหลงเหลือกรอกเข้าปาก “ข้าควรบอกแกให้รู้แผนการของเด็กนั่นว่ะ แต่สุดท้ายข้าก็ไม่ทันได้บอก”

 

น้ำเสียงของคนพูดเจือด้วยความเจ็บปวดอย่างที่เขาไม่เคยได้ยิน ใช้เวลาครู่ใหญ่กว่ากิยูจะเข้าใจได้ว่า อีกฝ่ายก็มีชะตากรรมเหมือนกันกับเขา ที่ต้องสูญเสียความฝันที่เป็นแรงผลักดันให้มีชีวิตอยู่ต่อ...

 

สูญสิ้นความฝันที่จะมีชีวิตที่เหลืออยู่ร่วมกันคนที่รัก... ในโลกที่ปราศจากอสูรร้าย

 

“ถ้าข้าลดทิฐิ บางทีทั้งเกนยะและชิโนบุอาจยังมีชีวิตอยู่ก็ได้...” ปลายเสียงของเสาหลักวายุสั่นเครือด้วยสิ่งที่ติดค้างในใจมาตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาหลังจบศึกสุดท้าย “สุดท้าย ข้าก็รักษาชีวิตทั้งน้องของข้าและคานาเอะไว้ไม่ได้... ทั้งที่ข้าอยากให้เด็กพวกนั้นได้ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาแท้ ๆ”

 

คำพูดที่ทำให้กิยูคิดได้ว่าคนที่สูญเสียไม่ได้มีเพียงเขาเท่านั้น... เมื่ออีกฝ่ายต้องเสียทั้งน้องชายร่วมสายเลือดแท้ ๆ และน้องสาวของคนรักไปแทบจะพร้อมกันในศึกสุดท้าย

 

คนสองคนที่เสาหลักวายุปรารถนาจะปกป้องด้วยชีวิต... แต่ไม่อาจทำได้

 

เขายังจำเสี้ยววินาทีที่นึกว่าไม่อาจปกป้องชีวิตของทันจิโร่ได้ ยังจำความเจ็บร้าวไปถึงจิตใจที่ไม่อาจปกป้องคนที่เขาให้สัญญากับชิโนบุว่าจะปกป้องเอาไว้ ตอกย้ำว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาไม่สามารถปกป้องคนสำคัญดั่งใจหมาย...

 

แต่เขายังโชคดี ที่สุดท้ายทันจิโร่ คนที่ไม่ต่างจากน้องชายแท้ ๆ ของเขาสามารถฟื้นคืนกลับมา... และตัวคามาโดะ เนซึโกะ เองก็กลับมาเป็นมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย...

 

หากซาเนมิไม่มีโอกาสเหล่านั้น...

 

ไม่มีโอกาสที่จะปกป้องคนที่สำคัญยิ่งให้รอดกลับมาได้...

 

ไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่ร่วมกับคนรักในโลกที่ปราศจากอสูร...

 

ไม่เหลือแม้กระทั่งคนที่เป็นดั่งครอบครัวให้ได้ดูแลอีกต่อไป...

 

ทว่า...

 

คันซากิและซึยูริยังมีชีวิตอยู่นะ”

 

กิยูปรารภออกมา เมื่อนึกถึงดวงหน้าของเด็กสาวสองคนที่พี่น้องโคโจทั้งสองเลี้ยงมาไม่ต่างจากน้องสาวร่วมสายเลือด เด็กสองคนที่เป็นเหมือนครอบครัวที่ทั้งโคโจ คานาเอะ และโคโจ ชิโนบุ รักและหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกอันแสนสงบแห่งนี้

 

“แล้วพวกเรา... ยังมีชีวิตอยู่”

 

ถ้อยคำรำพึงที่เหล่าคนผู้จากไปพร่ำบอกแทรกซึมทั่วจิตใจคนพูดและคนฟัง

 

ถึงจะเจ็บปวดกับการที่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป...

 

แต่พวกเขา ก็ยังมีลมหายใจอยู่... ด้วยลมหายใจที่ต้องแลกมากับชีวิตนับไม่ถ้วน

 

ชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป จนถึงวาระของมัน...

 

“ใช่ เพราะพวกเรายังมีชีวิตอยู่” ซาเนมิยอมรับแล้วหันหน้าหันไปสบนัยน์ตาสีครามที่จับจ้องตน “รู้ใช่ไหมว่าชิโนบุอยากให้แกได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขน่ะ”

 

“อื้ม” กิยูเอ่ยรับพลางเงียบไปครู่ใหญ่ เมื่อเข้าใจถึงสิ่งที่ทุกคนที่จากไปฝากฝังไว้ก่อนเขาฟื้นคืนสติกลับมา แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “โคโจ... เสาหลักบุปผา ก็คงอยากให้ชินาซึงาวะมีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่เช่นกัน”

 

เป็นครั้งแรกที่ซาเนมิส่งยิ้มให้อีกฝ่าย ยิ้มที่มีเพียงคนรักและเหล่าน้อง ๆ เคยได้เห็น... และคงไม่ผิดอะไรที่เขาจะส่งยิ้มให้แก่สหายที่รอดชีวิตมาด้วยกัน

 

ทั้งอุซุย เทนเง็น และทั้งคนที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับเขาอย่างโทมิโอกะ กิยู รวมถึงเหล่าเด็ก ๆ สามคนที่เขาเคยชิงชัง... และอดีตอสูรสาวผู้นั้นที่เขาเคยทำร้าย

 

“ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ เข้าใจไหม... ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปจนกว่าเวลานั้นจะมาถึง”

 

ซาเนมิย้ำเตือนทั้งอีกฝ่ายและตัวเอง... ด้วยหน้าที่สุดท้ายที่ยังหลงเหลือตามที่น้องสาวของเขาคนนั้นได้ขอร้องไว้

 

คำพูดเรียกรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเสาหลักวารีให้ได้เห็นเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมา แม้ประกายในนัยน์ตาจะยังคงหม่นแสงจากความสูญเสียที่ได้รับ หากเป็นรอยยิ้มที่ทำคนที่ใกล้จะหลับถึงกับขนลุกชัน จนต้องปาขวดเหล้าที่เพิ่งกินหมดใส่

 

“ยิ้มบ้าอะไรของแกวะ โทมิโอกะ!ขนลุกฉิบหาย”

 

“ดีใจน่ะ...”

 

คำพูดที่เจือด้วยรอยยิ้มทำคนเลือดร้อนสบถส่งท้ายก่อนหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทรา ทิ้งให้คนใกล้เคลิ้มหลับได้แต่มองท้องฟ้าที่ยังปราศจากพระจันทร์ด้วยแววตาอันอ่อนโยน ก่อนเสียงได้ยินเสียงเปิดประตูบานเลื่อนดังขึ้นเบา ๆ เมื่อเจ้าของบ้านย่างกรายเข้าห้อง พลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอดังขึ้นราวกับไม่สบอารมณ์ หากใบหน้าของเทนเง็นก็ประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ขณะเอื้อมมือตบศีรษะเขาและซาเนมิอย่างแผ่วเบา

 

“เห้อ เหลือกันแค่นี้ก็อย่าตีกันให้บ่อยมากล่ะ ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ ชินาซึงาวะ โทมิโอกะ...”

 

สัมผัสอ่อนโยนที่ทำให้เขารู้ว่า อดีตเสาหลักเสียงคงมองพวกเขาเหมือนเป็นน้องชายที่เหลืออยู่... ตอกย้ำถึงเหตุผลที่เบื้องบนบันดาลให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปท่ามกลางความเจ็บปวดจากการสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำ นับแต่เสียครอบครัวที่เหลือเพียงหนึ่งเดียว

 

เพื่อได้สัมผัสถึงมิตรภาพ... ทั้งจากซาบิโตะและเหล่าเสาหลักของหน่วยพิฆาตอสูร

 

เพื่อได้สัมผัสถึงความอบอุ่น... จากอาจารย์อุโรโกะดากิ ที่คอยชุบเลี้ยงชีวิตเขาหลังจากวันวิปโยควันนั้น

 

เพื่อได้ลิ้มรสความรักครั้งแรกและครั้งเดียว... ที่แม้จะไม่อาจสมหวังได้ในชาตินี้ แต่ก็งดงามจนไม่อาจเลือนหายไปจากใจ

 

และเพื่อได้ส่งมอบความห่วงใย ในฐานะเพื่อน ฐานะพี่ ต่อสองพี่น้องคามาโดะ เซนอิทซึ อิโนะสุเกะ และน้องที่เหลือของพี่น้องโคโจผู้ล่วงลับ

 

รอยยิ้มผุดเหนือใบหน้าของกิยู ขณะเจ้าตัวเข้าสู่ห้วงนิทรา พร้อมกับส่งใจไปถึงคนที่คงมองเขาอยู่บนฟ้าด้วยรอยยิ้มกับสิ่งที่เขาอยากจะบอกเล่าให้ฟังในคืนนี้

 

อย่างน้อย ตอนนี้ข้าก็ไม่ถูกเกลียดแล้วนะ...

 

จริงไหม... ชิโนบุ

 

===========

Author's Talk 06 NOV 2021

เย่ จบไปแล้วกับตอนพิเศษ 4.2 นะคะ เป็นอะไรที่ท้าทายเราจริง ๆ แหละค่ะ เขียนทั้งแอ๋ง ทั้งโบ๊ะบ๊ะ แต่ยังตบท้ายด้วยความละมุนแหละค่ะ

เป็นอะไรที่ติดอยู่ในหัวมาตั้งแต่เมษาพฤษภาค่ะ จริง ๆ คาใจว่าพี่สากับคุณกิไปผูกมิตรช่วงท้ายตอน 204 กันเมื่อไร เค้ายิ้มให้กันด้วย ไหนพี่สาจะสอนคุณกิกินข้าวด้วยมือซ้ายอีก...

มันต้องมี something ค่ะ!! (ถูกโบก!!)

แหะ ๆ จริง ๆ คือนั่งคิดมาตลอดว่า มันต้องมีซีนที่พี่สากับคุณกิเค้าปรับความเข้าใจกันค่ะ ซึ่งพอผูกเรื่องไปมา ก็รู้สึกว่างานนี้คงต้องยืมมือเทพเจ้าแห่งความรื่นเริงของเราเข้าแล้วค่ะ

ส่วนตรงนี้ ติดเรทนิดหน่อย ขออนุญาตใส่สปอย

และส่วนตัวแอบคิดว่า ถ้าจะมีใครสอนสองคนนั้นถึงเรื่องที่... อ่า ผู้ใหญ่เขาต้องรู้ ก็คงหนีไม่พ้นพี่อุซุยจับอบรมนี่แหละค่ะ ไม่นั้นไอ้คนเอาแต่ฉันจะฆ่าอสูร (แต่จริง ๆ คือขี้อายและป๊อด) แบบพี่สา หรือคนที่ทั้งไร้อารมณ์ ทั้งเอาแต่โทษว่าตัวเองคู่ไม่ควรอย่างคุณกิ คงไม่น่าจะไปรอดนะคะ XD

บทนี้เลยบันเทิงมากที่พี่สากับคุณกิตีกันชิบหายแทบตาย สรุปสองหนุ่มสามัคคียามพี่ซุยกล่าวหาว่า "โคโจรสนิยมแย่" นี่แหละค่ะ

แล้วก็บันเทิงที่ พี่ซุยยิงประเด็นได้เข้าเป้ามาก (แต่ปากพี่ควรถูกต่อยจริงค่ะ ตอกย้ำความจริงเกิ๊น) บันเทิงที่พี่สาผู้เลือดร้อนก็เสือกร้อนตัวจนพี่ซุยจับไต๋ได้ แล้วก็โคตรบันเทิงที่คุณกิเอาแต่มึน (และแอ๋งแอ๊ง) อยู่ ก็เสือกยอมรับง่าย ๆ

แต่ก็นั่นแหละค่ะ สุดท้ายก็ยังไม่แคล้ววกกลับมาทั้งแอ๋งละมุนตามสไตล์เราแหละ ด้วยตั้งใจว่าเราอยากขมวดปมทั้งส่วนของพี่สา vs คุณกิ แล้วก็สะท้อนว่าจริง ๆ พี่ซุยก็คงมองสองคนนี้เป็นน้องเป็นนุ้งแน่ค่ะ

(แต่สองคนนั้น คงยังไม่รู้ว่าพี่ซุยเองก็สูญเสียอะไรไปไม่น้อยอยู่นะคะ)

เชื่อว่าหลังจากนี้ทั้งพี่สาและคุณกิ ก็คงเริ่มปล่อยวางจากความสูญเสียขึ้นค่ะ เพียงแต่คนที่เขาเสียไป เป็นคนที่เป็นครึ่งหนึ่งของวิญญาณนะสิคะ

เราเลยรู้สึกว่า สุดท้ายคงเป็นอย่างที่พี่สาว่า จนถึงเวลาที่สองหนุ่มนั้นเหลืออยู่ เค้าสองคนอาจจะไม่มีวันมูฟออนได้เลยค่ะ

แต่ชีวิตก็คงต้องดำเนินต่อไปนะคะ

ในตอนพิเศษ 5 เนี่ย เราคงได้ค่อย ๆ มาไล่ดูความหลังของคุณกิคุณชิกันต่อไป ผ่านช่วงเวลาที่เขาสองคนเคยได้อยู่ร่วมกัน และโยงไปถึงคนที่เหลือ ๆ อยู่นี่แหละค่ะ เผื่อใครไม่รู้ จริง ๆ เมนหลักใน KNY ของเราคือน้องทันนะคะ

แล้วเราจะพลาดไม่กล่าวถึงน้องทันคนดีได้อย่างไร XD รับรองได้เจอกันแน่ ๆ ค่ะ (จริง ๆ น้องควรออกมาตั้งแต่ตอนพิเศษ 2 แล้ว แต่ที่ไม่พอค่ะ)

ปล. ตอนนี้เราเปิด pre-order สำหรับคนที่สนใจเก็บเล่ม In Time With You แล้วนะคะ หากสนใจสามารถกรอกแบบฟอร์ม ได้ที่นี่ เลยค่ะ ^^

เห็นมีคนถามว่าจะรอเก็บพร้อม ๆ กับ In The Remembrance of Her (พี่สาพี่เอะ) แล้วก็ The Tales of Butterfly Effects (บ้านผีเสื้อที่ต่อจากสองเรื่องนี้) ได้ไหม คำตอบคือได้ค่า แต่อยากให้สะกิดบอกเราหน่อยนะคะ จะได้พิมพ์เผื่อไว้หน่อย

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกการสนับสนุน ขอบคุณที่มีคนพรีด้วยค่ะ เราดีใจมาก ขอโทษที่เราจะมา ๆ หาย ๆ ด้วยภารกิจงานและที่บ้านค่ะ ฮื้อ ไม่ได้ wfh แล้วด้วย เลยวุ่นกว่าเก่ามาก

แล้วหวังว่าจะเจอกับตอนพิเศษ 5.1 ในวันเสาร์หน้านะคะ (หรืออาจจะช้ากว่านั้น) อย่าลืมรักษาสุขภาพกายใจด้วยค่า

Author's Talk 21 MAY 2022

สวัสดีค่า วันนี้ก็เป็นคิวฉบับลง Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

ก่อนอื่นเราต้องขอโทษที่ไม่ได้มาลงช่วงวันพุธนะคะ วีคที่ผ่านมาร่างกายไม่ไหวละค่า ^^" กับพอเจอการจราจรช่วงฝนตก/เปิดเทอม เราก็อ่วมอรทัยมากเลยค่ะ ต้องขอโทษทุกท่านมาก ๆ นะคะ

บทนี้ก็เป็นอะไรที่รีไรท์เยอะเหมือนกันค่ะ บางรูปประโยคเราปรับให้เข้ากับตัวละครมากขึ้นค่ะ แต่ก็น่าจะยังคงไว้ซึ่งความโบ๊ะบ๊ะและแอ๋งละมุนไปพร้อม ๆ กันนะคะ

สำหรับคนที่ยังลังเลอยากเก็บเล่มหรืออย่างไรลองดูเล่มตัวอย่างได้จากที่เราอัพเดท หรือในเทรดทวิตเตอร์นี้นะคะ

แล้วก็ ใครที่มีความสนใจอยากเก็บฟิคเล่มนี้ รวมถึง KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ เป็นที่ระลึก ตอนนี้เราเปิดพรีฟิคอีกรอบค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 16 APR 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

(เปิดพรีงวดนี้จนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2565 ค่ะ)

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือจะรอไปเก็บรอบงาน Comic Avenue ก็ได้นะคะ เย่ ใช่ค่า เราได้บูทแหละค่ะ กรี๊ด ดีใจมากมาย จะไปออกกับคุณไอริน Airin no Sekai ที่เป็นคนวาดภาพประกอบแฟนฟิคของเราทั้งสองเรื่องนะคะ

ไม่รับปากว่าจะมีเล่มใหม่ไปวางไหม แต่อย่างน้อยเล่มกิยูชิโน เล่มซาเนคานาไปวางแน่ค่ะ

สำหรับพุธนี้ กลับมาพบกับตอนพิเศษ 5.1 ฉบับรีไรท์นะคะ คราวนี้ไม่น่ามีปัญหาค่ะ เพราะมีประชุมพอดี XD แต่คงมาค่ำ ๆ กว่าปกติค่ะ

อย่างไรแล้ว อย่าลืมรักษาสุขภาพกันในช่วงหน้าฝนนะคะ แล้วพรุ่งนี้ใครที่มีทะเบียนบ้านอยู่กรุงเทพฯ อย่าลืมไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ด้วยค่ะ