[KNY FF] - In Time With You

Special Chapter 04 - Cry For The Moon (I)

 

Content Warning : Manga Spoil | Alcohol Drinking | Violence

 

ปล. เนื่องจากบทนี้ยาว อาจจะพอ ๆ กับหรือมากกว่า Special Chapter 01 ค่ะ เลยขออนุญาตแบ่งลง 2 ตอนนะคะ

 

1st Published : 26 OCT 2021

Rewrite : 14 MAY 2022

===========

เหตุการณ์ต่อเนื่องจาก Special Chapter 03 ค่ะ แล้วก็ก่อนช่วงท้ายเรื่องของ Day 07 นะคะ

 

“เอ้า ดื่มซะ! ชินาซึงาวะ! โทมิโอกะ!”

 

นัยน์ตาสีครามของโทมิโอกะ กิยู จ้องมองของเหลวสีใสในจอกที่ถูกยัดเยียดใส่มือด้วยความรู้สึกพิลึกพิลั่นกับบรรยากาศที่รายล้อมรอบตัวเขาอยู่ในตอนนี้

 

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยร่ำสุรา...

 

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสังสรรค์กับเหล่าเสาหลักของหน่วยพิฆาตอสูร...

 

หากเพราะบุคคลสองคนที่นั่งถือจอกเหล้าไว้ในมือ เป็นสองคนที่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มีโอกาสมานั่งดื่มเหล้าด้วยกันแบบนี้...

 

ไม่สิ... ที่ถูกคือ เขาไม่คิดไม่ฝันว่าพวกเขาสามคนจะได้มี ‘โอกาส’ กลับมาดื่มเหล้าด้วยกันแบบนี้อีก...

 

ภาพอดีตเมื่อห้าปีกว่าที่แล้วโผล่ขึ้นมาในห้วงสติของชายหนุ่ม ปลุกความทรงจำแสนเลือนรางให้กลับขึ้นมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

กิยูเหลือบมองบุคคลที่นั่งอยู่ด้านขวามือ ใบหน้าเสาหลักวายุยังคงดูน่าเกรงขามด้วยแผลเป็นและแววตาดุดันไม่ผิดแผกจากเมื่อห้าปีก่อน แม้เขาจะไม่ชำนาญในการอ่านความรู้สึกของคนอื่น แต่เขาพอจะเดาได้ว่าชินาซึงาวะ ซาเนมิ มีอารมณ์ไม่สู้จะดีเสียเท่าไรนัก จากการกระแทกจอกเหล้าอย่างแรงภายหลังจากดื่มรวดเดียวหมด

 

“สรุปที่เรียกพวกข้ามานี่ มีธุระอะไรกันแน่หา”

 

“หืม” อดีตเสาหลักเสียงตอบรับด้วยนัยน์ตาฉายแววระยับอย่างอารมณ์ดี “การที่ข้าเรียกพวกแกสองคนมาจำเป็นต้องมีธุระอะไรด้วยเหรอ”

 

เจ้าตัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงขณะรินเหล้าลงแก้วของอีกฝ่าย ซึ่งซาเนมิก็รับไปดื่มก่อนกระแทกจอกกับโต๊ะเสียงดังสนั่นอย่างไม่สบอารมณ์

 

“ไหนบอกว่ามีเรื่องจะคุย!”

 

“อ่อ…” อุซุย เทนเง็น ตอบรับก่อนเดาะลิ้นไปมา “ไม่มีอะไรมากหรอกน่า”

 

ชายหนุ่มยักคิ้วขณะเป็นฝ่ายกระดกเครื่องดื่มเข้าปาก ไม่แยแสนัยน์ตาสีม่วงอ่อนของชายหนุ่มผู้ขึ้นชื่อว่าเลือดร้อนที่สุดในหมู่เสาหลักของหน่วยพิฆาตอสูร ที่บัดนี้วาวโรจน์ด้วยไฟแห่งโทสะอย่างไม่อาจปิดได้มิด

 

กระนั้น ท่าทีของเสาหลักวายุก็ไม่ได้สร้างความเกรงขามแก่คนสูงวัยกว่าเพียงสองปี เมื่อเจ้าตัวใช้มือที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวตบเข้ายังบ่าของคนอารมณ์ร้อนราวกับพี่ชายขี้แกล้งหยอกล้อเล่นกับน้องชายจอมหงุดหงิด

 

“แหม ข้าก็แค่อยากเลี้ยงฉลองให้พวกแกเฉย ๆ” เทนเง็นเฉลยในที่สุด “ยินดีด้วยที่หายดีนะ ชินาซึงาวะ โทมิโอกะ

 

“แค่นี้เนี่ยนะ!” ซาเนมิตะคอกก่อนกระดกเหล้าเข้าปากกรึบเดียว “ถึงกับต้องส่งอีกาสื่อสารด่วนมาหาข้าเพราะ… อยากจะฉลองให้ข้ากับไอ้เวรโทมิโอกะเนี่ยนะ”

 

กิยูจิบเหล้าที่เจ้าของบ้านเติมให้ด้วยสีหน้าสงบนิ่งอย่างไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้ หากภายใต้ผืนน้ำที่นิ่งสนิท เสาหลักวารีสัมผัสถึงความรู้สึกหลากหลายที่รบกวนจิตใจอยู่

 

แม้จะไม่อาจเข้าใจถึงความรู้สึกที่หลบซ่อนในจิตใจ หากสิ่งหนึ่งที่เขาพอจะเดาได้… และคาดว่าคงเป็นสิ่งเดียวที่รบกวนจิตใจของเสาหลักวายุไม่ต่างกัน…

 

บรรยากาศที่ควรเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะของหน่วยพิฆาตอสูร… หากเหลือเพียงพวกเขาสามคนที่ได้มีโอกาสมานั่งดื่มด้วยกันแบบนี้…

 

ในเสาหลักทั้งเก้า… มีเพียงพวกเขาสามคนที่รอดกลับมา ขณะที่หลายคนต้องจบชีวิตเพื่อชัยชนะที่รอคอยมานานแสนนาน…

 

มือซ้ายที่จับจอกเหล้าสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงใบหน้าของเหล่าเสาหลักผู้จากไป โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงคู่งามที่ติดตรึงในความฝันตั้งแต่ครั้นจำความได้ กิยูก็รู้สึกถึงมือที่มองไม่เห็นบีบรัดจิตใจของเขาให้แหลกสลายเป็นผุยผง

 

ทั้งที่ได้เจอเธอแทบทุกคืนในฝัน แต่ความจริงก็คือความจริงความจริงที่ตัวเขาเองได้แต่ปรารถนาว่าเป็นเพียงฝันร้ายในค่ำคืนหนึ่งเท่านั้น…

 

ความเป็นจริงที่ว่า… โคโจ ชิโนบุ เป็นหนึ่งในคนที่จากไปในศึกครานั้น…

 

แสงไฟสลัวสาดส่องเสี้ยวใบหน้าที่มีแผลเป็นพาดผ่านของชินาซึงาวะ ซาเนมิ ชั่วขณะที่กิยูสังเกตถึงหยาดน้ำแวววับในนัยน์ตาสีอ่อนคู่นั้น ก่อนจะนึกได้ว่าน้องชายของเสาหลักผู้นี้ก็จากไปในศึกเดียวกัน…

 

ไม่นับการจากไปของโคโจ คานาเอะ อดีตเสาหลักบุปผา คนรักของอีกฝ่ายที่สังเวยชีพแก่อสูรข้างขึ้นลำดับสองเมื่อห้าปีก่อน การจากไปของหญิงสาวเป็นเหมือนการกระพือปีกของผีเสื้อที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่คนมากมาย… ทั้งตัวเสาหลักวายุเอง ทั้งบรรดาน้องสาวร่วมสายเลือดและนอกสายเลือดของหญิงสาวผู้แสนอารีคนนั้น

 

ความสูญเสียที่ไม่อาจเรียกคืนกลับมา

 

ความเจ็บปวดที่เหมือนจะจาง... แต่ก็ไม่อาจเลือนหายได้...

 

“เอาน่า ชินาซึงาวะ ไหน ๆ ก็เหลืออยู่กันแค่นี้แล้ว...”

 

เป็นครั้งแรกที่กิยูได้ยินเสียงของอุซุย เทนเง็น เจือด้วยความเศร้า ผิดวิสัยเสาหลักผู้ได้ฉายาเทพเจ้าแห่งงานรื่นเริงอย่างที่เขารู้จักมาตลอดระยะเวลาที่ขึ้นเป็นเสาหลักของหน่วยพิฆาตอสูรแห่งนี้ หากชินาซึงาวะ ซาเนมิ กลับมองข้ามความเศร้าระคนความเจ็บปวดของคนพูด ด้วยการสบถพร้อมกับกระแทกแก้วเหล้าอย่างแรงอีกครั้งหนึ่ง

 

“เหอะ! ถ้าจะเหลือกันแค่นี้ ข้าขออยู่คนเดียวดีกว่า”

 

“แกเนี่ยนะ เอาแต่ทำหน้าทำตาขวางโลกแบบนี้ไม่เบื่อบ้างหรือไร” น้ำเสียงคนสูงวัยกว่ากลั้วหัวเราะเบา ๆ “ชีวิตมันก็แค่นั้นล่ะชินาซึงาวะ ข้าว่าแกควรดีใจกับการที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่นะ”

 

คำพูดปลอบประโลมของอดีตเสาหลักเสียงเป็นเหมือนการจุดชนวนความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ในใจคนฟังทั้งสอง ความเจ็บปวดแล่นขึ้นเข้าสู่จิตใจของเสาหลักวารีที่ทำได้เพียงหลุบตาลงอย่างรวดร้าวเพื่อข่มอารมณ์เศร้าโศกที่เริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

 

การมีชีวิตอยู่ที่จำต้องแลกด้วยการเสียสละชีวิตของคนมากมาย...

 

แม้จะยอมมีชีวิตอยู่... แต่ไม่ได้แปลว่าเขาไม่เจ็บปวดจากความสูญเสียที่ประสบ

 

เสียงแก้วแตก พร้อมกับเสียงล้มโครมของโต๊ะ ดึงสติของกิยูให้หลุดจากห้วงความเจ็บปวดที่ยังกัดกินใจ ภาพที่เห็นนั้นแม้จะไม่น่าดู หากไม่เกินจากสิ่งที่เขาคาดว่ามันคงลงเอยแบบนี้...

 

ภาพเสาหลักวายุที่กำแก้วใบน้อยแหลกคามือ แทบไม่ต่างจากเหตุการณ์ยามอดีตนินจาผู้แพรวพราวพยายามถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาบางอย่างให้แก่เสาหลักหน้าใหม่อย่างพวกเขาสองคนเมื่อเกือบหกปีที่แล้ว แต่กระนั้น นัยน์ตาที่แดงก่ำ กับเส้นเลือดที่เต้นตุบ ๆ ตามขมับ บ่งบอกได้ว่าโทสะของซาเนมิคงไปไกลเกินกว่าที่ใครจะคาดฝันไว้

 

“เออ!ใช่สิ! จะให้ข้าทำหน้าระรื่นแบบแกเหรอวะ!” เสียงของเจ้าตัวแหบพร่าด้วยอารมณ์ที่ระเบิดออก “ลองแกมาเป็นข้าสิวะอุซุย!ลองแกต้องมาเสียอะไรแบบที่ข้าเสียไป แกจะยังมีหน้าพูดจาแบบนี้อีกไหมหา!”

 

“แล้วจะให้ทำไง ให้จมกับความเศร้าจนไม่ต้องทำอะไรเลยเหรอไง ชินาซึงาวะ” เทนเง็นว่าพลางไหวไหล่ กระนั้นนัยน์ตาสีม่วงแดงของชายหนุ่มร่างใหญ่มีแววไหววูบด้วยความเจ็บปวด “ชีวิตของทุกคนที่จากไปล้วนแล้วมีความหมาย ทุกชีวิตที่สังเวยไปก็เพื่อความสงบสุขของโลกนี้ แกอย่าให้การตายของทุกคนไร้ค่าสิวะ!”

 

“หุบปาก!” ซาเนมิตะคอกพลางทุบโต๊ะตัวจ้อยหักเป็นสองท่อน “คนไม่เคยสูญเสียแบบแกเนี่ย ก็ดีแต่พูดแบบนี้ได้สินะ!”

 

คำพูดของเสาหลักวายุเหมือนปลุกโทสะของอีกฝ่ายให้แล่นขึ้น กระนั้นอดีตเสาหลักเสียงดูจะควบคุมตัวเองได้ดีกว่าที่เขาคิดไว้ ด้วยสิ่งที่เขาทำมีเพียงกระดกเหล้าเข้าปากก่อนกระแทกแก้วลงกับโต๊ะอย่างแรง และใช้นัยน์ตาที่เหลือข้างเดียวจับจ้องคนที่จมอยู่กับโทสะอย่างวาวโรจน์

 

“แกคิดว่ามีแกคนเดียวที่สูญเสียเหรอ... ชินาซึงาวะ”

 

น้ำเสียงของคนร่าเริงบัดนี้เย็นเยียบ ตัดกับไฟที่คุกรุ่นในนัยน์ตา ภาพลักษณ์ที่แทบไม่เคยมีใครได้เห็นจากเสาหลักเสียงผู้ฉูดฉาดและเต็มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา คนที่ทำตัวเป็นพี่ชายของเขาทั้งสองคนนับตั้งแต่วันที่พวกเขาได้ขึ้นเป็นเสาหลักเมื่อหลายปีก่อน

 

ทุกคนที่จากไป... ไม่ได้จากไปเพื่อให้แกจมปลักกับความทุกข์แบบนี้นะชินาซึงาวะ ทั้งน้องชายของแก เรนโงคุ อิงุโระ ฮิเมจิมะซัง นายท่าน...” เสาหลักเสียงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่ผิดกับสายลมหนาวที่พัดหวีดหวิวภายนอก นัยน์ตาหรี่ลงราวกับต้องการจะสลักทุกถ้อยคำเหล่านี้ให้เข้าไปถึงจิตใจของพวกเขา “โดยเฉพาะโคโจ...”

 

ชื่อสุดท้ายที่เน้นย้ำ ทำให้คนเงื้อหมัดด้วยฤทธิ์โทสะชะงักงัน เมื่อนึกถึงเจ้าของดวงหน้าอ่อนหวานและรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน คนที่เป็นแสงสว่างให้แก่โลกสีเทาของเขา คนที่ต้องการให้เขาได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่สั้น ๆ ในโลกที่แสนสงบสุขอันปราศจากอสูรนั้น

 

แต่ชื่อเดียวกันที่อุซุยได้พูดออกมา ถึงเจ้าตัวมีเจตนาจะหมายถึงโคโจ คานาเอะ อดีตเสาหลักบุปผาผู้จากไป หากเจ้าของนัยน์ตาสีครามกลับหลุบตาลงด้วยความเจ็บปวดกับความจริงที่ตามหลอกหลอนทุกคืนวัน

 

ถึงได้เจอกันในฝัน... แต่เธอก็ไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว...

 

เหลือเพียงเขา... เพียงเขาที่ต้องจมอยู่กับความทรงจำที่เต็มเปี่ยมด้วยเรื่องราวของเธอผู้นั้น

 

“ชิโนบุ...”

 

ถ้อยคำแผ่วเบาที่เต็มไปด้วยความรวดร้าวหลุดออกจากปากโทมิโอกะ กิยู ชื่อของเสาหลักแมลงผู้จากไปในศึกสุดท้ายเรียกนัยน์ตาของคนทั้งสองที่เมื่อครู่จ้องมองกันราวกับจะกินเลือดเนื้อให้หันกลับมามองเสาหลักวารีแทบจะทันทีทันควัน

 

นัยน์ตาสีม่วงแดงของอุซุย เทนเง็น เบิ่งกว้างด้วยความตกตะลึงระคนคาดไม่ถึง ส่วนนัยน์ตาสีม่วงอ่อนของชินาซึงาวะ ซาเนมิ หรี่ลงเล็กน้อยราวกับปะติดปะต่อเรื่องราวบางอย่างในหัว ก่อนจะเบิกโพลงยามนึกถึงคำขอสุดท้ายของหญิงสาวเจ้าของนาม

 

หญิงสาวที่เป็นน้องสาวร่วมสายเลือดคนเดียวของคนรักผู้ล่วงลับไปเมื่อหลายปีก่อน... หญิงสาวที่เขาอยากให้มีชีวิตรอดอยู่บนโลกใบนี้... ได้มีโอกาสใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาในโลกที่ปราศจากอสูรตามความปรารถนาสุดท้ายของโคโจ คานาเอะ...

 

หากเด็กบ้านั่น... กลับสละชีวิตไปกับการแก้แค้นให้ไอ้อสูรที่พรากคานาเอะไปจากพวกเขาทั้งสอง โดยไม่สนความปรารถนาของพี่สาวผู้ล่วงลับ... และไม่สนคำร่ำร้องของจิตใต้สำนึกของเจ้าตัว!

 

ความสัมพันธ์ของคนสองคนที่คานาเอะเคยว่าไว้ยามมีชีวิต... ความสัมพันธ์ที่เขานึกสงสัยยามได้ยินเด็กคนนั้นขอให้เขาช่วยดูแลกิยูซังของเจ้าหล่อนก่อนที่เขาจะฟื้นจากห้วงความเป็นความตาย...

 

ความสงสัยที่ติดคาในจิตใต้สำนึกนับแต่ฟื้นขึ้นมาหลังจบศึกสุดท้าย... บัดนี้ถูกเฉลยด้วยคำสารภาพของคนที่เขาชังน้ำหน้ายิ่งกว่าอะไร!

 

เพียงชั่วพริบตา ซาเนมิกระโจนเข้าหาชายหนุ่มผู้จมปลักอยู่กับความเศร้าโศกโดยที่เจ้าของบ้านยังตั้งตัวไม่ติด ไม่ทันที่เทนเง็นจะเอ่ยปากห้าม หมัดหนัก ๆ ของเสาหลักผู้ขึ้นชื่อถึงความเลือดร้อนและความบ้าดีเดือดเหนือกว่าผู้ใด ก็ซัดลงบนใบหน้าของกิยูเข้าอย่างจัง ก่อนเจ้าตัวจะกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นพร้อมตะโกนเสียงดังสนั่น

 

แม่งเอ๊ย! ทำไมแกไม่ห้ามเด็กนั่น! หา!” เสียงตะคอกของซาเนมิแหบพร่าด้วยโทสะที่ระเบิดออก ความโกรธที่ไหลทะลักดั่งลาวาร้อน “ทำไมวะ! ทำไมแกไม่เคยทำอะไรเลยวะ! ตอบข้ามาสิ โทมิโอกะ!”

 

คำถามซึ่งไร้คำตอบ เมื่อคนถูกถามไม่แม้แต่จะใช้มือปัดป้องหมัดอีกฝ่ายออกไป มีเพียงน้ำตาไหลรินจากนัยน์ตาสีครามที่เต็มไปด้วยแววความเจ็บปวดลึกล้ำ ความเจ็บปวดอย่างที่มีแต่คนที่เคยสูญเสียคนสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเท่านั้นที่รู้ซึ้งถึงพิษสงของมัน

 

ความเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจของเสาหลักวายุมาตลอดเกือบห้าปีที่ผ่านมา!

 

ความเห็นใจมีขึ้นชั่ววูบ หากความโกรธเกลียดชิงชังที่สะสมมานานนับหลายปีกลับมีพลานุภาพมากกว่า ยิ่งเขาเป็นคนที่ได้ล่วงรู้ความรู้สึกของเจ้าคนเย็นชาไร้อารมณ์นั่นมาตั้งแต่ครั้นโคโจ คานาเอะ ยังมีชีวิตอยู่ เพราะได้เห็นนัยน์ตาสีครามที่ลอบมองร่างเล็กละม้ายคล้ายเด็กมาตลอด...

 

และได้รู้ว่านัยน์ตาสีม่วงเข้มของเด็กคนนั้น... น้องสาวหัวดื้อของคนรักที่จากไป ก็เจือด้วยประกายหวานล้ำยามแอบมองอีกฝ่าย

 

หากไอ้เวรนี่... กลับปล่อยเวลาห้าปีให้ล่วงผ่านเลยไปอย่างไร้ประโยชน์!

 

ซาเนมิเกร็งแขนซ้ายไว้แน่น ขณะเงื้อหมัดขวาหมายยังใบหน้าที่หมดอาลัยตายอยากนั่น แต่เขาก็ไม่ทันได้ออกหมัดดั่งใจหมาย ด้วยอดีตเสาหลักเสียงใช้แขนที่เหลืออยู่ข้างเดียวยั้งหมัดของเขาไว้

 

“ชินาซึงาวะ!พอได้แล้ว!”

 

“แกไม่เข้าใจ!” ซาเนมิแผดเสียงดังลั่น “มีแต่มัน! มีแต่มันเท่านั้นที่จะห้ามเด็กบ้านั้นได้!ทำไมวะ! ทำไม!

 

น้ำเสียงดังลั่นแฝงความเจ็บปวดลึกล้ำของเสาหลักวายุ ความเจ็บปวดที่เขาไม่อาจทำให้ความปรารถนาครั้งสุดท้ายของคนรักเป็นจริงได้ ผสมผสานความเจ็บปวดจากการสูญเสียน้องชายคนเดียวไปกับศึกนั้น...

 

และความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียน้องสาวหัวดื้อ... น้องสาวของเขาและอดีตเสาหลักบุปผา... เด็กที่เคยเป็นยิ่งกว่าไม้เบื่อไม้เมากับเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร...

 

แต่เขา... เขาได้แต่หวังว่าเด็กคนนั้นจะได้ใช้ชีวิตต่อไป... ใช้ชีวิตดั่งคนธรรมดา มีชีวิตร่วมกับชายผู้เป็นที่รัก มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น และจากไปยามถึงวัยอันควร...

 

ได้ใช้ชีวิตอย่างที่เขาและพี่สาวผู้ล่วงลับของเธอปรารถนา แต่ไม่อาจเป็นจริงได้ในชาตินี้!

 

แรงโกรธแค้นต่อโชคชะตาและพระเจ้าที่เขาเลิกนับถือทำให้เขาผลักเจ้าบ้านออกไปให้พ้นทางได้จนสำเร็จ หากไม่ทันได้ออกหมัดอีกครั้ง เสียงพึมพำของกิยูก็ดังขึ้น...

 

“นั่นสิ ทำไมข้าไม่เคยสงสัย...” เสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความทรมานอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน “ทำไม... มีเพียงข้าคนเดียวที่ไม่รู้ ทำไมชิโนบุ ทำไมมีแต่ข้าที่ไม่รู้อะไรอยู่คนเดียว...”

 

“เออ เพราะแบบนี้ไงข้าถึงเกลียดแก!” ซาเนมิตะคอกก่อนจะชกกิยูอีกหนึ่งหมัด ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเลือนด้วยน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้าจนแสบร้อน “แกมันไม่เคยทำอะไรเลย! ทั้ง ๆ ที่มีแต่แกที่จะหยุดยัยเด็กนั่นได้!”

 

พอแล้วชินาซึงาวะ!” อุซุย เทนเง็นแผดเสียง แล้วใช้แขนขวาที่เหลือข้างเดียวผลักร่างเสาหลักผู้ถูกเพลิงแห่งโทสะเข้าครอบงำกระเด็นออกไป “แกคิดเหรอว่าคนอย่างโทมิโอกะจะมีปัญญาห้ามโคโจได้!”

 

คำพูดเป็นดั่งคำตอบที่ซาเนมิรู้ดียิ่งกว่าใคร รู้ดีมาตลอด รู้ดีนับตั้งแต่วันที่เขาได้พบกับน้องสาวของคนรักผู้จากไปเป็นครั้งสุดท้าย ได้ล่วงรู้คำตอบของคำถามที่เขาเฝ้าสงสัยว่าจะมีวันเปลี่ยนใจชิโนบุจากการตัดสินใจที่เจ้าตัววางแผนมานับแรมปีได้หรือไม่

 

คำตอบที่เขารู้ดีกว่าใครบนโลกนี้... ว่าไม่มีทาง!

 

ไม่มีทางที่ไอ้คนไร้น้ำยาคนนั้นจะล่วงรู้ถึงแผนการของเด็กบ้านั่น!

 

ไม่มีวันที่น้องของเธอผู้นั้นจะปริปากบอกแผนการในใจให้คนในหัวใจของเจ้าหล่อนได้ล่วงรู้... จนกว่าแผนการของเด็กนั่นจะดำเนินมาสุดทาง

 

และต่อให้เสาหลักวารีที่เขาแสนชิงชังจะล่วงรู้... ก็ไม่มีวันที่จะหยุดสิ่งที่อดีตเสาหลักแมลงได้ตัดสินใจทำลงไป...

 

ความขื่นขมแล่นขึ้นมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่เริ่มหลั่งริน สายลมแห่งความโกรธขึ้งไม่อาจสงบลงได้โดยง่าย หากท่าทีหมดอาลัยตายอยากของเสาหลักวารีที่ปรากฏผ่านม่านน้ำตานั้นน่าสมเพชเกินกว่าที่เขาจะคาดฝัน ยิ่งมันไม่ยอมแม้แต่จะใช้มือซ้ายที่เหลืออยู่ป้องกันตัวให้พ้นจากโทสะของเขาด้วยซ้ำ

 

ซาเนมิระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะเย้ยหยันต่อโชคชะตาอันแสนโหดร้ายที่เขาต้องเผชิญมาตลอดชีวิต... ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งซบหน้าลงกับเข่า อากัปกิริยาที่เทนเง็นได้แต่ถอยไปยืนสังเกตการณ์ที่มุมห้องอย่างเงียบ ๆ

 

“สุดท้าย ยัยเด็กนั่นก็ไม่บอกให้แกรู้ใช่ไหมวะ...” คำถามที่ซาเนมิได้แต่แค่นเสียงออกมา แม้รับรู้คำตอบในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าตอบรับด้วยซ้ำ “โถ่เว้ย!พอกันจริง ๆ ทั้งแก ทั้งเด็กบ้านั่น!”

 

เจ้าตัวสบถทั้งน้ำตา หยาดน้ำตายังคงไหลเป็นทางไม่แพ้คนที่เขาชิงชัง เจ็บปวดที่สุดท้ายเขาก็ต้องปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินมาถึงจุดที่ไม่อาจหวนย้อนกลับคืน ทั้งที่รู้แต่แรกว่าเส้นทางที่ชิโนบุเลือกมีแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้แก่เจ้าหล่อนและเสาหลักวารี คนที่ยังคงปล่อยให้น้ำตารินไหลไม่ขาดสาย

 

ทั้งที่คานาเอะเองไม่กล่าวโทษเขาในเรื่องนี้ หากเพียงเขายอมละทิ้งทิฐิที่มี ยอมพูดจากับน้องชายที่เหลือคนเดียวให้เข้าใจถึงสิ่งที่เขาได้ทำ ยอมบอกคนที่เขาเกลียดแสนเกลียดให้ได้รับรู้ถึงแผนการของชิโนบุ

 

อย่างน้อย เขาและคานาเอะยังได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันเยี่ยงคนรัก ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ หากเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดเท่าที่คนบาปหนาอย่างเขาคงจะจดจำไปจนถึงลมหายใจสุดท้าย...

 

แม้ไม่อาจล่วงรู้ผลลัพธ์ แต่เขาก็ได้แต่หวัง... หวังให้เด็กคนนั้นได้มีโอกาสลิ้มรสความสุขอย่างที่พี่สาวผู้ล่วงลับของเธอปรารถนาไว้

 

แม้จะเพียงชั่วคืนเดียวก็ตาม...

 

“ถ้ารู้... ข้าก็คง...”

 

กิยูตัดพ้อออกมาในที่สุด ทั้งที่เข้าใจเหตุผลทั้งหมดของคนในดวงใจ และยอมรับในสิ่งที่เธอได้ตัดสินใจลงมือทำ แต่เขาก็ยังคงเจ็บปวดกับความจริงที่เขาได้รับรู้...

 

ความจริงที่เขา... เป็นคนสุดท้ายที่ได้ล่วงรู้...

 

“เหอะ!เพราะแบบนี้ไง ชิโนบุถึงไม่ยอมบอกแกจนแล้วจนรอด!” คำกระแนะกระแหนจากเสาหลักวายุยังคงแว่วเข้าหู ก่อนเจ้าตัวจะสบถออกมาเป็นชุดใหญ่ “เด็กบ้านั่น! ทั้งที่รู้ว่าคานาเอะต้องการให้มีชีวิตต่อไปแค่ไหน แต่ทำไม...”

 

เสียงของเสาหลักวายุขาดช่วง ด้วยคำถามเดียวกับสิ่งที่วนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของกิยูตั้งแต่รับรู้ถึงการตัดสินใจของเธอผู้นั้น

 

หากทั้งเขาและซาเนมิ ไม่มีใครสามารถย้อนอดีตกลับไปแก้ไขสิ่งที่ผ่านล่วงเลยได้

 

และทั้งเขาและซาเนมิ... ก็ไม่อาจหยุดรั้งการตัดสินใจของชิโนบุได้เช่นกัน...

 

ความจริงที่เป็นเหมือนลิ่มตอกเข้าหัวใจสองเสาหลักผู้สูญเสีย ที่ต่างจมดิ่งในห้วงอารมณ์ความเจ็บปวดจนไม่ทันสังเกตร่างของเจ้าของบ้านที่สอดส่ายสายตาอย่างเต็มเปี่ยมด้วยความอยากรู้อยากเห็นถึงที่สุด

 

“สรุปก็คือ... แกสองคนกับพี่น้องโคโจ...”

 

[TBC]

 

===========

Author's Talk 26 OCT 2021

พี่อุซุยค้าาาา อย่าทำให้อยากและจากไปสิพี่!

แว่วเสียงคนอ่านกรีดร้องค่ะ เราเองก็กรีดร้องด้วย

ห่างหายจากการเขียนฟิคไปเกือบเดือนเลยค่ะ ถึงจะเห็น ๆ เวิ่นเว้อในทวิตเตอร์ก็เถอะ แต่ช่วงกันยา - ต้นตุลาที่ผ่านมา งานเราถมชนิดที่แบบ... 55555 มีสองสามวันที่เหมือนวาร์ปกลับบ้านค่ะ คือเข้าออฟฟิศ แต่ตอนกลับมาแทบจำไม่ได้ว่ากลับบ้านมาได้อย่างไร

เลยใช้เวลานานมากกว่าจะเขียนบทที่ 4 ได้จนจบค่ะ แต่ก็ยังรู้สึกติดขัดกับภาษาหน่อย เพียงแต่... อ่า ไม่อยากปล่อยให้รอนานกว่านี้แล้วค่ะ

บทนี้เป็นอะไรที่พล็อตไว้นานมาก น่าจะตั้งแต่ช่วงพฤษภาคมเลยค่ะ ว่ามันต้องมีช็อตสามคนที่เหลืออยู่เมาแล้วเปิดความในใจแหละ เพียงแต่... อะหือ คนนึงก็เทพเจ้าแห่งความรื่นเริง คนนึงก็พ่อวายุลมร้อน อีกคนก็พ่อวารีไหลลึก

combination ที่ลงตัวมาก 5555 จนคิดว่ามันต้องออกมาโบ๊ะบ๊ะแน่นอน เมื่อสองในสามเค้ามีประสบการณ์อะไรบางอย่างซ่อนอยู่แหละค่ะ...

แต่มั่นใจว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่สามคนนี้ดื่มกันค่ะ ใบ้ว่าตอนเขาเคยดื่มกัน คงเป็นช่วงสองหนุ่มเพิ่งเข้าเสาหลักใหม่ ๆ แหละค่ะ

พี่ซุยสอนอะไรไป... ตอนหน้าคงมีหลุดเฉลยออกมานิดหน่อยให้พอเป็นกระสัยค่ะ คิดว่าอาจจะไม่ได้ลงดีเทลเลยเพราะไม่อยากปรับเรทให้เกินกว่า 15+ ด้วยแหละค่ะ : D

สำหรับคนที่อ่าน in the remembrance of her แล้ว น่าจะเข้าใจว่าทำไมพี่สาถึงได้เกรี้ยวกราดขนาดนี้นะคะ ส่วนคนที่ยังไม่ได้อ่าน บทพิเศษ 4 นี่จะเป็นเหมือนตัวเชื่อมที่แท้จริงระหว่างสองเรื่องนี้ค่ะ และเป็นเหมือนบทสรุปของเรา 'ก่อน' ตอน 204 ในเรื่องด้วย

สำหรับตอนพิเศษ 4.2 นั้น เดี๋ยวเราขออนุญาตลงอีกทีช่วงอาทิตย์หน้าเลยนะคะ อาจจะวันพุธ หรือไม่ก็วันเสาร์ที่ 6 เลยค่ะ ขออนุญาตไปลงดีเทลออริของอีเวนต์ RAW ปีนี้หน่อย แหะ ๆ

เผื่อคนยังไม่ทราบ เราเปิด pre-order สำหรับคนที่สนใจเก็บเล่ม In Time With You แล้วนะคะ หากสนใจสามารถกรอกแบบฟอร์ม ได้ที่นี่ เลยค่ะ ^^

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณคนอ่านทุกคน ทุกการสนับสนุน ทุกคอมเมนต์นะคะ ขอโทษด้วยที่หายไปนานจากภารกิจงานและที่บ้านค่ะ เดี๋ยววีคนี้น่าจะเริ่มทะยอยตอบคอมเมนต์ที่แอบดองไว้ยาวแล้วค่ะ ^^

อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ แล้วพบกับตอนพิเศษ 4.2 ประมาณอาทิตย์หน้าค่า ^^

Author's Talk 14 MAY 2022

สวัสดีค่า วันนี้ก็เป็นคิวฉบับลง Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

บทนี้ก็เช่นเคยค่ะ รีไรท์เยอะมาก เป็นอะไรที่เราอ่านช่วงรีไรท์แล้วตกใจกับคำผิดเลยล่ะค่ะ (พอ ๆ กับตอนพิเศษ 6 ค่ะ) รู้เลยว่าช่วงนั้นใช้ชีวิตแบบหักโหมจนเบลอจริง ๆ ค่ะ

อย่างที่หลายท่านอาจจะทราบแล้ว บทนี้เดิมเราตั้งใจให้โบ๊ะบ๊ะค่ะ 5555 แต่มันกลายเป็นอะไรที่แอ๋ง ละมุน และโบ๊ะบ๊ะไปพร้อม ๆ กันอย่างที่ได้เห็นนะคะ

สำหรับคนที่ยังลังเลอยากเก็บเล่มหรืออย่างไรลองดูเล่มตัวอย่างได้จากที่เราอัพเดท หรือในเทรดทวิตเตอร์นี้นะคะ

แล้วก็ ใครที่มีความสนใจอยากเก็บฟิคเล่มนี้ รวมถึง KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ เป็นที่ระลึก ตอนนี้เราเปิดพรีฟิคอีกรอบค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 16 APR 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

(เปิดพรีงวดนี้จนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2565 ค่ะ)

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

สำหรับวันพุธ กลับมาพบกับตอนพิเศษ 4.2 ฉบับรีไรท์นะคะ แต่ระหว่างนี้ (ไม่แน่ใจว่าจะเคาะที่พรุ่งนี้ จันทร์ หรืออังคาร) น่าจะได้เห็นเรื่องสั้นออริของเราค่ะ ที่เป็น event ของ RAW ค่ะ

แต่แค่กำลังชั่งใจว่า มันจะออกมาเป็นตามแพลนที่หนึ่งของเรา หรือจะเป็นแพลนที่สองของเราเท่านั้นค่ะ ทั้งนี้ เป็นอะไรที่เราอยากเขียนทั้งคู่ค่ะ ช็อยส์แรกคือเบสจากปสก.สมัยมัธยม ช็อยส์สองคือสิ่งที่ไดรฟ์ให้เรากลับมาเขียนงานนะคะ (ใบ้กันโต้ง ๆ เพื่อผูกมัดว่าต้องเสร็จค่ะ)

แล้วพบกันเร็ว ๆ นี้ กับในวันพุธนะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันค่ะ