10 ตอน Special Chapter 02 - When The Night Has Passed By...
โดย rene_recluse
[KNY FF] - In Time With You
Special Chapter 02 - When The Night Has Passed By...
1st Publised : 28 AUG 2021
Rewrite : 04 MAY 2022
===========
เหตุการณ์ต่อเนื่องจาก Special Chapter 01 ค่ะ แล้วก็ก่อนช่วงกลางเรื่องของ Day 07 นะคะ
เวลาเป็นดั่งสายน้ำ...
บ้างก็เชี่ยวกราก บ้างก็หมุนวน บ้างก็ไหลเอื่อยจนแทบไม่มีใครรับรู้...
แต่สายน้ำไม่เคยไหลย้อนกลับ... เช่นเดียวกับเวลาไม่อาจหวนคืน...
โทมิโอกะ กิยู ได้แต่มองเข็มนาฬิกาเดินผ่านตามจังหวะของมัน
วินาทีแล้ว วินาทีเล่าที่เข็มเคลื่อนขยับ บอกถึงความจริงที่เขาไม่อาจหลีกหนีได้...
กาลเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง... เหมือนกับสายน้ำไม่เคยหยุดไหล...
หลายครั้งที่กิยูรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดจากการสูญเสียพี่สึทาโกะ หรือตอนรับรู้การจากไปของซาบิโตะหลังสอบคัดเลือกครั้งสุดท้าย
ความเจ็บปวดที่ได้รับในตอนนั้นมันแสนทรมาน การเสียครอบครัวที่เหลือเพียงหนึ่งเดียว กับเพื่อนสนิทที่เอาชีวิตแลกเพื่อปกป้องคนอื่นไว้... จนเขาต้องสวมหน้ากากความเย็นชาปิดบังหัวใจที่แหลกสลาย และยึดหน้าที่ของหน่วยล่าอสูรไว้เป็นเครื่องมือหล่อเลี้ยงชีวิตไว้ไปวัน ๆ
ไม่แยแสฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน ไม่รับรู้เดือนปีที่ผันผ่าน
จนได้เจอกับเธอ... นาฬิกาของเขาถึงกลับมาเดินตามปกติอีกครั้ง...
ทุกช่วงเวลาที่ได้พบเธอคนนั้น ทุกช่วงเวลาที่ได้เห็นรอยยิ้มแสนแก่นแก้วของโคโจ ชิโนบุ เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงที่ติดตรึงในความฝันของเขามาตลอดช่วงชีวิต เขาอยากให้กาลเวลาไหลผ่านไปช้า ๆ เพียงเพื่อได้ใช้เวลาอยู่กับเธอให้นานกว่าเดิม... พร้อมกับอยากเร่งเวลาให้เร็วขึ้นเพียงเพื่อได้พบกับเธอในวันต่อ ๆ ไป โดยไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกของตนในตอนนั้นคืออะไร...
ในยามเธอสูญเสียตัวตนไป ในยามที่รอยยิ้มสดใสแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มงดงามหากว่างเปล่า รอยยิ้มที่ทำให้เขาเจ็บปวดกับความอ่อนแอของตนเอง ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เขาก็ไม่อาจปกป้องใครได้ตามใจปรารถนาได้เลย... กิยูจึงอยากเร่งเวลาให้เธอคนนั้นก้าวผ่านความเจ็บปวด แล้วกลับมาเป็นเธอคนเดิม
แต่กาลเวลายังคงดำเนินต่อไป ความเจ็บปวดยังคงกัดกร่อนจิตใจพวกเขาทั้งสอง เช่นเดียวกับชีวิตของทั้งคู่ที่ดำเนินต่อไปด้วยหน้าที่ของเสาหลัก...
ตำแหน่งที่เขาคิดว่าตนไม่คู่ควร หากยังคงไว้เพื่อปกป้องคนที่ควรปกป้อง...
ตำแหน่งที่เธอพยายามสุดตัว เพื่อใช้ปกป้องครอบครัวที่เหลือและล้างแค้นให้พี่สาวเพียงคนเดียว...
กาลเวลาที่ร้อยเรียงความผูกพันของคนสองคนเข้าไว้ด้วยกัน รู้ตัวอีกที ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความทรงจำของเขาก็มีแต่เธอปรากฏอยู่แทบทุกช่วงเวลา... จนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเขา ทั้งในความฝันและความเป็นจริง
นัยน์ตาสีครามทอดมองร่างเล็กบอบบางที่ตนกอดแน่นหนาไว้ ราวกับกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและเมื่อครู่จะเป็นเพียงฝันของเขาฝ่ายเดียว หากความอบอุ่นที่แผ่ซ่านผ่านผิวสัมผัส ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่าระแผ่นอกของเขาเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ใช่แค่ห้วงฝันอันแสนหวานของเขาเพียงผู้เดียว
ร่องรอยบนร่างเปล่าเปลือยที่ยังหลงเหลือให้เห็นตามผิวขาวซีดตอกย้ำว่า เรื่องทั้งหมดเมื่อคืนเป็นเรื่องจริง ค่ำคืนที่แสนยาวนานด้วยเรื่องราวหลากหลายที่เกิดขึ้น...
ความรู้สึกของเขา... ความรู้สึกของเธอ...
ราวกับลำธารแห่งความรู้สึกตลอดหลายปีที่ผ่านมากลั่นเป็นหยาดฝนโปรยปรายได้ภายในคืนเดียว...
ความจริงที่เป็นยิ่งกว่าความฝันตลอดกาลของเขา...
หากเวลาที่เหลืออยู่ช่างแสนสั้น เสียงนกร้องเรียกเหล่าพรรคพวกให้ออกหากิน ส่งสัญญาณว่าอีกไม่นานรุ่งอรุณก็จะมาเยือน
และค่ำคืนของเขาทั้งสองก็จะจบลง...
ริมฝีปากของเขายังพรมจุมพิตแผ่วเบาระหว่างขมับและกลุ่มผมของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า สูดกลิ่นอายของคนที่อยู่ในหัวใจมาเนิ่นนานเอาไว้ หากนัยน์ตาก็ทอดมองออกยังท้องฟ้ามืดมิดภายนอก ปรารถนาให้ค่ำคืนนี้ยังคงทอดยาวต่อไปเรื่อย ๆ
ปรารถนาให้กาลเวลาของเขาหยุดอยู่ตรงนี้นิรันดร์...
หยุดอยู่ตรงช่วงเวลาที่เขามีเธออยู่ตรงนี้ ห้วงเวลาที่มีเพียงเราสอง ห้วงเวลาที่มีเธออยู่ในอ้อมแขน... เพราะไม่อาจล่วงรู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าเขาจะได้โอบกอดเธอเช่นนี้อีก
ทั้งศึกใหญ่ที่ใกล้เข้ามา ทั้งคำพูดที่เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มแสนเศร้าเมื่อชั่วยามก่อน...
‘คุณอาจจะไม่อยากรอฉันก็ได้นะคะ...’
คำพูดที่ทำหัวใจเขาปั่นป่วน แม้ริมฝีปากสีชาดจะแย้มยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เจือไว้ด้วยความเศร้าจนใจหาย นัยน์ตาคู่งามทอดมองเขาราวกับเธอกำลังจะจากลากไปที่ไกลแสนไกล ไกลจนเขาไม่อาจเอื้อมคว้าถึงได้
คำพูดที่ราวกับเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร... จนเขาสงสัยว่าทำไมชิโนบุถึงได้พูดคำนี้ออกมาได้ง่ายดาย ราวกับเรื่องเมื่อคืนไม่มีความหมายอะไรสำหรับเธอ...
นิ้วมือของเขาลูบไล้เส้นผมสีดำเหลือบม่วงไปมา ขณะนัยน์ตาเหลือบมองท้องฟ้าสีนิลข้างนอก ดวงดาราเริ่มเลือนหายไปจากแผ่นฟ้ากว้าง กระนั้นพระจันทร์ยังคงทอแสงนุ่มนวลเหมือนยามที่เธอมาหาเขาเมื่อคืน ไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกที่เขามีต่อเธอผู้นี้
‘...ข้าไม่มีวันเปลี่ยนใจ’
ทุกคำพูดที่เขาพร่ำบอกกับเธอ เขาแค่อยากให้เธอมั่นใจว่าต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ความรู้สึกของเขาไม่มีทางจะแปรเปลี่ยนได้โดยง่าย
เช่นเดียวกับคำว่ารัก... ที่ซ่อนอยู่ใต้ทุกสัมผัสที่แตะต้อง และทุกจุมพิตที่ย้ำบนริมฝีปากและทั่วผิวกาย
รอยยิ้มบาง ๆ ผุดเหนือใบหน้าคมคาย แววตาที่ทอดมองร่างที่ยังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่แทบไม่มีผู้ใดได้รับมาก่อน แม้จะยังไม่ได้ยินคำบอกรักที่เขาปรารถนา แม้จะยังคาใจกับคำพูดปริศนาของเธอ แม้จะยังกังวลถึงศึกใหญ่ที่ใกล้เข้ามา...
แต่เป็นครั้งแรกที่คนอย่างโทมิโอกะ กิยู มีความฝัน และความหวังต่ออนาคตที่ทอดรออยู่ข้างหน้า
อนาคตที่ไม่เคยคาดฝัน ความหวังที่ถึงจะเลือนราง หากเป็นครั้งแรกที่หัวใจของเขาไม่ทอดอาลัยกับโชคชะตา และใช้หน้าที่เป็นเป้าหมายหล่อเลี้ยงชีวิตเพียงลำพัง...
แม้แทบเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็มองเห็นอนาคตที่จะได้ใช้ร่วมกับเธอผู้นี้ต่อไป...
แม้อาจไม่นาน แต่เขาก็ขอฝัน... ฝันถึงโลกที่เธอผู้นี้จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในโลกที่ปราศจากอสูร...
นัยน์ตาสีครามเหม่อมองยังท้องฟ้าที่เริ่มมีแสงระเรื่อโผล่พ้นจากเส้นขอบฟ้า ดวงดาราและจันทราเริ่มลับเลือนหายไป บอกถึงห้วงเวลาแห่งรัตติกาลใกล้จะสิ้นสุดลง...
มันอาจเป็นคืนสุดท้ายสำหรับเขาที่จะได้กอดเธอไว้... คนที่อาศัยโชคในการเข้ามาเป็นนักล่าอสูร คนที่ใช้เวลาในการไต่เต้าเสาหลัก... คนที่ไม่ได้มีพรสวรรค์สูงส่งอย่างเขาอาจไม่รอดกลับมา...
ผิดกับเธอ...
นิ้วมือของเขาเกลี่ยผมออกจากใบหน้างดงามของเธออย่างแผ่วเบา นัยน์ตาจ้องมองหญิงสาวที่ตนรักนั้นเต็มไปด้วยความรักระคนความภาคภูมิใจ ก่อนริมฝีปากอุ่นร้อนจะประทับเหนือหน้าผากมนได้รูปอย่างอ่อนโยน...
แม้ตัวเล็กเกินกว่าใคร แม้ไม่มีพลังที่จะตัดคออสูรได้ แต่เธอผู้นี้มีความมุมานะและสติปัญญาที่เหนือล้ำยิ่งกว่าใครในหน่วยพิฆาตอสูร... จนความอ่อนด้อยทางด้านกายภาพไม่เป็นจุดอ่อนให้ใครสามารถเล่นงานเสาหลักแมลงแห่งหน่วยพิฆาตอสูรได้...
ริมฝีปากของเขาค่อย ๆ เคลื่อนลงทาบผ่านเปลือกตาคู่งาม ลากผ่านมายังปลายจมูกรั้นของเธอ จนจรดริมฝีปากแดงก่ำอย่างอ้อยอิ่ง...
คนเก่งของเขาจะต้องรอดกลับมาได้แน่นอน... เขามั่นใจ
เสียงนกร้องจากภายนอกแว่วมาตามสายลมต้นเหมันต์ ประกายแสงทองของตะวันเริ่มโผล่พ้นเหนือหมอกหนาที่ปกคลุม กิยูมองร่างที่เขายังคงกอดไว้อย่างอาวรณ์ อยากให้ค่ำคืนนี้ยังดำเนินต่อไปไม่มีสิ้นสุด หากเขาไม่อาจขัดความประสงค์ของเธอ
ชายหนุ่มจุมพิตหน้าผากมนนั้นอีกครั้งอย่างเนิบนาบ แล้วตัดสินใจลุกขึ้นแต่งตัวก่อนที่จะยอมพ่ายแพ้แก่กิเลสส่วนลึกของตน และฝืนความต้องการของชิโนบุเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวฝ่ายเดียวของเขา หากรอยยิ้มก็ยังคงปรากฏบนใบหน้าของเสาหลักวารีขณะเจ้าตัวขัดกระดุมเสื้อ นัยน์ตาสีครามที่มักไม่แสดงอารมณ์อื่นใดออกมาบัดนี้พราวระยับไม่แพ้แสงจันทราที่เพิ่งลาลับขอบฟ้า ภายในชั่วข้ามคืน ช่างมีหลายสิ่งเกิดขึ้น หลายสิ่งที่เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดฝัน
ความรู้สึกของคนสองคนที่เก็บไว้ใต้ลึกสุดในก้นบึ้งของจิตใจ ซ่อนไว้ไม่ให้ใครแม้แต่ตัวเองได้รู้ ถูกเปิดเผยออกมาเพียงคำพูดไม่กี่คำของเธอ... คำพูดที่ทลายเกราะกำบังในจิตใจ และค้นพบความจริงที่เขาได้แต่เพียรปฏิเสธหัวใจของตัวเองมาเนิ่นนาน...
ก่อนจะนำพาไปสู่ความสัมพันธ์อันนำมาซึ่งความหวานล้ำ ดุจเมรัยที่นำพาเขาและเธอจมอยู่ในห้วงฝันหวาน ที่แม้เมื่อตื่นมายังคงปริ่มอยู่ในหัวใจของเขา...
เป็นครั้งแรกที่เสาหลักวารีผู้นี้ใช้ความรู้สึกมากกว่าความคิด... เป็นครั้งแรกที่โทมิโอกะ กิยู เลือกจะทำตามใจปรารถนามากกว่าหน้าที่...
เพราะความรัก... ความรักที่มีแด่เธอ คนที่ซ่อนอยู่ในใจของเขามาเนิ่นนาน
มือของเขาไล้ใบหน้าของคนที่ยังจมอยู่ในห้วงนิทราอย่างเบามือ กระนั้นยังไม่มีวี่แววว่าเธอของเขาจะตื่นขึ้น ชั่วขณะที่เขาเอะใจกับใบหน้าซีดเผือดกับท่าทีเหนื่อยอ่อนผิดวิสัย หากเขาคิดแต่เพียงว่าเธอยังคงอ่อนล้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น...
ใจหนึ่งกิยูอยากปล่อยให้เธอนอนต่อไปจนกว่าจะหายเหนื่อย แต่อีกใจ เขาก็รู้ว่าเธอผู้นี้เคร่งครัดในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไม่แพ้กัน...
และเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะยังควบคุมความรู้สึกตัวเองได้ต่อไปอีกหรือไม่... หลังจากผ่านค่ำคืนแสนหวานกับเธอผู้นี้
เขาจรดริมฝีปากแนบขมับของชิโนบุเป็นครั้งสุดท้าย แล้วกระซิบแผ่วเบาข้างหูอันแสนบอบบางของเธอ
“เช้าแล้วนะ... ชิโนบุ”
เสียงกระซิบนุ่มนวลเรียกเปลือกตาสองข้างของเธอกะพริบไปมาก่อนจะปรือขึ้นช้า ๆ ภาพที่ทำหัวใจของคนมองเต้นแรง เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นยิ่งกว่าภาพฝันที่เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้มีวันนี้...
ท่าทีงัวเงียของคนร่างเล็กกว่าทำเขาอดไม่ได้ที่จะเอามือไปเกลี่ยเส้นผมที่ตกปรกหน้าของเสาหลักแมลง พร้อมกับแย้มรอยยิ้มอ่อนโยน รอยยิ้มที่มาจากความสุขเปี่ยมล้นในจิตใจ ถึงจะรู้ว่าคงอีกนานแสนนานกว่าจะได้เห็นภาพเช่นนี้อีก
หากเขาก็อยากที่จะเห็นภาพแบบนี้ทุกคืนวันไปตลอดอายุขัยที่เหลืออยู่...
“โทมิโอกะซัง...” เสียงหวานของเธอยังคงแหบและเจือด้วยความอ่อนล้านิด ๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งเมื่อคืนและเมื่อรุ่งสาง แต่เป็นเสียงที่เพราะที่สุดที่เขาเคยได้ยินมา “...คุณจะไปไหนหรือคะ”
“...จะไปส่ง”
เขาตอบสั้น ๆ พร้อมกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวในต่อ หากนัยน์ตาคู่สวยที่มองกลับมาด้วยใบหน้าขึ้นสีเรื่อนั้นเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย จนอดไม่ได้ที่จะถามกลับไปเรียบ ๆ
“ทำไมหรือ...”
“เปล่าค่ะ” เธอตอบพลางมองออกนอกหน้าต่าง “ฉันกลับเองได้ นี่เช้าแล้ว...”
“มันก็ยังอันตรายอยู่ดี...”
กิยูตอบสั้น ๆ ขณะติดกระดุมเม็ดสุดท้ายจนเสร็จ หากชิโนบุยังนั่งก้มหน้านิ่งไม่ขยับ จนเขากลับเป็นฝ่ายที่ขยับไปหาเธอ รวบร่างเล็กที่ยังนั่งงัวเงียไว้ในอ้อมกอดก่อนจุมพิตตรงหลังคอของอีกฝ่ายเบา ๆ
“หรือจะเปลี่ยนใจ...”
น้ำเสียงเรียบ แผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบที่กลับทำคนในอ้อมกอดถึงกับตื่นเต็มตา นัยน์ตาสีม่วงหันสบนัยน์ตาสีครามที่บัดนี้เต็มไปด้วยวี่แววกรุ้มกริ่ม จนเชื่อว่าหากคนอื่นได้มาเห็นโทมิโอกะ กิยู ในตอนนี้ เสาหลักหินผาคงจะต้องคิดว่ามีปีศาจเข้าสิงสู่เสาหลักผู้ไร้อารมณ์คนนี้จนถึงขั้นต้องสวดขับไล่วิญญาณขนานใหญ่
หากหัวใจเธอไม่เต้นระรัว หากไม่ได้สัมผัสอ้อมกอดอันอบอุ่นที่กอดรัดร่างเธอไว้ ชิโนบุคงคิดว่าตัวเองยังตกอยู่ในห้วงฝันหรือต้องมนต์อสูรโลหิตเป็นแน่แท้
“เมื่อคืนคุณยังจะให้ฉันกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ” เธอว่าพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ขณะรวบผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าไว้ “เช้าแล้วค่ะ ได้เวลาที่เราต้องกลับไปทำหน้าที่ของเราแล้วนะคะโทมิโอกะซัง”
“นั่นสินะ...”
กิยูพึมพำ กระนั้นมุมปากของเขายังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ขณะมองใบหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อไม่แพ้กับร่องรอยอื่นที่เขาจารึกไว้ตามผิวกาย แต่ความแน่วแน่ที่แฝงในแววตาที่เขาหลงรักทำให้ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจยาว แล้วเลื่อนเสื้อผ้าของเธอที่เขาเป็นคนถอดมันกับมือคืนแก่เจ้าของ
“จริง ๆ คุณไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้นะคะ” ชิโนบุว่าพลางกลัดกระดุมเสื้ออย่างเร่งรีบ เมื่อพบว่าในเวลานี้น้อง ๆ ของเธอคงตื่นจากนิทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ฟ้าสางแล้ว คงไม่มีอสูรมารังควานฉันแล้วล่ะค่ะ”
“แต่มันอันตรายอยู่ดี... เจ้าไม่มีดาบติดตัวมา”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” ปลายเสียงของเธอสั่นสะท้านนิด ๆ ขณะบิดผมให้เข้าทรง “คุณจะได้พักผ่อนเพิ่มก่อนเริ่มการฝึกของเสาหลักไงคะ”
คำขอที่ไม่เป็นผลเมื่อเสาหลักวารีแย่งคว้าเครื่องประดับผีเสื้อของเธอไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะใช้มืออีกข้างหนึ่งรวบเอวเล็กไว้แน่นหนา พลางประทับจุมพิตแผ่วเบาบนกลุ่มผมหอมกรุ่นก่อนเขยิบริมฝีปากมากระซิบแนบหู
“นะ...ชิโนบุ”
คำขอที่ทำคนฟังหัวใจสั่นสะท้าน ไม่อาจขัดขืนดั่งใจอยากได้.. หัวตาของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อระลึกได้ว่าเวลาของเธอกำลังจะหมดลง...
อย่างน้อยในช่วงชั่วโมงสุดท้ายที่จะมีเวลาได้อยู่ด้วยกัน เธอก็อยากจะเก็บเกี่ยวความทรงจำที่มีร่วมกับชายผู้เป็นที่รักของเธอไว้ให้นานที่สุด...
กระนั้น ลำคอเธอกลับตีบตันจนไม่อาจเปล่งคำพูดใดออกมาได้ด้วยก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ ทำได้เพียงพยักหน้านิด ๆ เป็นเชิงอนุญาต แล้วซ่อนใบหน้าเศร้าหมองแนบแผ่นอกกว้างขณะปล่อยอีกฝ่ายบรรจงติดเครื่องประดับคืนลงบนผมของเธออย่างนุ่มนวล
สัมผัสที่เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและความรัก ที่เธอได้รู้แล้วว่าคนผู้นี้มีให้เธอมากกว่าที่เธอจะคาดคิดได้
อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้...
อยากจะมีเวลาใช้ร่วมกันอีก...
อยากจะได้อยู่ในอ้อมกอดนี้ตลอดไป...
แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็สายเกินแก้แล้ว...
การเดินทางบนเส้นทางที่คนทั้งสองเคยคุ้นในคราวนี้ ช่างแตกต่างจากการเดินทางไปคฤหาสน์ผีเสื้อเหมือนที่ผ่านมา
แสงสีเงินเหลือบทองลอดผ่านดงหมอกหนาปกคลุมตลอดทางเดินงดงามดุจภาพมายา หากสัมผัสอันแสนอบอุ่นของมือของอีกฝ่ายที่เกาะกุมกันแน่นยังพอให้ทั้งคู่รับรู้ว่าสิ่งที่กำลังสัมผัสอยู่หาใช่ความฝันอันแสนยาวนานอย่างที่พวกเขาเคยได้ฝันไว้
เส้นทางที่เคยคุ้น แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่แปรเปลี่ยนเพียงชั่วข้ามคืน ความเงียบงันตลอดทางเป็นสิ่งที่เสาหลักวารีไม่เคยคุ้นชิน เพราะปกติคนข้างกายของเขาจะเป็นฝ่ายชวนคุยให้บรรยากาศไม่เงียบสนิทจนเกินไป
หากวันนี้ มีเพียงเสียงสายลมพัดผ่านแมกไม้และเสียงฝีเท้าของเขาทั้งคู่ให้ได้ยิน นัยน์ตาสีม่วงที่เขาแสนหลงใหลหลุบลงต่ำราวกับหลบซ่อนความรู้สึกอะไรบางอย่าง คงเป็นเหตุผลเดียวกับที่ผลักดันให้ชิโนบุดั้นด้นมาหาเขาที่บ้านเมื่อคืน เหตุผลที่เต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำแฝงไว้ ซึ่งล้วนแล้วเป็นสิ่งที่เขาได้แต่สงสัย
มันไม่ใช่ความคั่งแค้นต่อโชคชะตาอย่างที่กิยูคุ้นชินมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันปะปนไปด้วยความห่วงหาอาวรณ์ผสมความโศกตรมที่เธอพยายามซ่อนมันไว้ หากสุดปัญญาที่คนโง่เขลาอย่างเขาจะคาดเดาได้ว่าเพราะอะไร
ทั้งที่อยากรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่... ทั้งที่อยากรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ...
แต่คำถามก็ติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเขา ด้วยกลัวคำตอบที่จะได้รับ...
ความเงียบยังดำเนินต่อไปจนถึงซุ้มประตูของคฤหาสน์ผีเสื้อ สถานที่ที่เขาคุ้นชิน หากวันนี้กิยูยังคงอยากให้ทางเดินนี้ทอดยาวต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด... จิตใจของชายหนุ่มก็ชื้นขึ้นเมื่อมือเล็กที่เขากอบกุมอยู่กระตุกนิด ๆ ราวกับเธอก็ไม่ต้องการให้เส้นทางสิ้นสุดอยู่เพียงแค่นี้เหมือนกัน
ความรู้สึกและคำถามมากมายปั่นป่วนในหัวใจของเสาหลักวารี กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ แสงทองของตะวันรุ่งอรุณทอแสงทองสาดส่องต้องร่างเล็กกับไอหมอกหนาที่ปกคลุมเขาทั้งสองขับภาพชิโนบุให้ดูงดงามราวกับภาพฝันมากกว่าความจริง นัยน์ตาสีม่วงคู่สวยของเธอยังคงหลุบต่ำ เหมือนดั่งเธอผู้นั้นยังคงจมอยู่ในภวังค์ห้วงฝันหวานเช่นเดียวกับเขา
สุดท้าย ความฝันจากไปพร้อมกับจุดสิ้นสุดของรัตติกาล เหลือเพียงความจริงและหน้าที่ทอดรอเขาทั้งสองอยู่...
หน้าที่ของเสาหลักที่ต้องกระทำให้ลุล่วง!
“ข้าส่งจดหมายหาได้ไหม..” คำพูดหลุดออกจากปากชายหนุ่มก่อนที่เขาจะทันห้ามปากตัวเองได้ ลืมสิ้นหน้าที่เสาหลักที่มีอยู่ หลงเหลือแต่ความรู้สึกของผู้ชายที่เพิ่งรู้ตัวว่าตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งมานานแสนนาน... และไม่อาจปล่อยเธอหลุดลอยหายไปได้อีก “ไม่ต้องตอบก็ได้นะ แต่ขอข้าส่งหาทุกวันก็พอ...”
นัยน์ตาสีม่วงหันสบมองเขา ก่อนจะหุบลงต่ำอย่างใช้ความคิด ช่วงเวลาที่เนิ่นนานแสนนาน... นานจนเขาเริ่มได้ยินเสียงหัวใจของตนที่เต้นระรัวแทบจะหลุดออกมานอกอก เนิ่นนานจนเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามซ้ำอีกคราหนึ่ง
“ได้ไหม... ชิโนบุ”
เป็นเกือบนาทีกว่าเธอจะค่อย ๆ ดึงมือออกจากการกอบกุมของเขาอย่างนุ่มนวล แล้วถอดเสื้อคลุมที่เขาบรรจงคลุมร่างของเธอคืนให้ช้า ๆ รอยยิ้มที่ส่งคืนกลับมาทั้งอ่อนหวานและเจือด้วยความเศร้าเหมือนที่เขาได้เห็นเมื่อหลายชั่วยามก่อน ชั่วขณะหนึ่งกิยูเหมือนเห็นหยาดน้ำที่เอ่อล้นในนัยน์ตาคู่สวยนั้น แต่เพียงพริบตาก็เลือนหายไปพร้อมกับที่เธอพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงอันแผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ
“แล้วฉันจะส่งจดหมายหานะคะ”
หัวใจของกิยูเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกทรวงอก ความดีใจที่เรียกรอยยิ้มแสนอ่อนโยนผุดขึ้นเหนือริมฝีปากบนใบหน้าคมคาย ลืมเลือนท่าทีเศร้าสร้อยของเธอที่สะดุดตาเขาไปโดยสิ้นเชิง
“อื้อ ข้าจะรอนะ”
เขาพูดก่อนจะรวบร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน จรดจมูกแนบกลุ่มผมหอมกรุ่นไว้ ก่อนกระซิบคำสัญญาที่เขาตั้งใจให้ไว้แด่เธอคนนี้ผู้เดียว
คำสาบานที่อยากให้เธอมั่นใจว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไร ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากเธอคนนี้ได้
“ยังไงข้าก็จะรอเจ้านะ... นานแค่ไหนข้าก็จะรอ”
เนิ่นนานที่เขาทาบริมฝีปากจรดหน้าผากของชิโนบุไว้ เนิ่นนานกว่าที่เขาจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ นัยน์ตาสีครามได้แต่มองแผ่นหลังเล็กบางเดินเข้าคฤหาสน์ไปจนลับสายตา เพราะอีกนานกว่าที่เขาจะได้เจอเธออีกครั้ง
หวังเพียงว่าในคราวหน้าที่ได้เจอกัน เขาจะได้ฟังคำตอบที่เขาเฝ้ารอ...
และเขาจะได้บอกกับเธอจากปากว่าเขารักเธอมากเท่าไร... และรักมานานแค่ไหน...
หลังจากนั้น ทุกวันของเสาหลักวารีผ่านไปอย่างรวดเร็วและเชื่องช้า มีนักล่าอสูรตัดสินใจมาขอรับการฝึกกับเขาไม่มาก หากเขาก็ได้พยายามสั่งสอนในสิ่งที่เขารวบรวมไว้ตลอดแปดปีที่ผ่านมา การฝึกที่แม้ไม่โหดเท่ากับเสาหลักคนอื่น แต่รู้ตัวอีกที ตะวันก็ลับขอบฟ้าไป และนั่นจะเป็นช่วงเวลาที่ชายหนุ่มทรุดตัวนั่ง จรดปลายพู่กันถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันให้คนในดวงใจได้รับรู้
จวบจนอีกาส่งสารแสนชราของเขาบินเปะปะกลับมาพร้อมกับกระดาษที่ผูกติดไว้กับขา เพียงแค่เห็นลายมือแสนงดงามบนกระดาษ หัวใจของเขาก็เต้นระรัวโดยไม่ทันจะอ่านข้อความจบด้วยซ้ำ
ถ้อยคำที่บอกถึงความเป็นไปคร่าว ๆ เท่าที่เธอจะสามารถบอกได้ ถึงจะไม่มีคำที่เขาเฝ้ารอให้ได้เห็น
แต่เขาก็จะรอ... ตามคำมั่นที่ให้แด่เธอคนนี้...
รอจดหมายของเธอ...
รอจนกว่าเขาและเธอจะได้กลับมาพบกัน หลังจากจบศึกใหญ่ที่ใกล้จะมาถึง...
รอคำที่เขาอยากได้ยินจากปากของเธอ แม้จะเป็นสิ่งที่เขารู้อยู่เต็มอกก็ตาม...
ทุกค่ำคืนของกิยูจึงผ่านไปอย่างเชื่องช้า ช่วงเวลาอันแสนยาวนานที่เขาได้แต่รอ... รอพลางแหงนมองท้องฟ้ายามราตรี ซึมซับความงดงามของแสงจันทร์ที่เธอชอบพูดถึงและเขียนทิ้งท้ายไว้ในจดหมายทุกฉบับ
จดหมายที่เขาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้กระดาษบางจุดจะมีรอยด่างดวงปริศนา หากเขาก็ไม่ทันได้สังเกต ด้วยจิตใจจดจ่อกับทุกถ้อยคำที่เธอเขียนถึงจนจำขึ้นใจ
ทุกค่ำคืนที่เขาจรดริมฝีปากแนบจดหมายนั้นก่อนเก็บใส่กล่องบนหิ้ง ทุกค่ำคืนที่เขาคล้อยหลับขณะกอดเสื้อคลุมตัวหนาที่เธอสวมใส่ในค่ำคืนนั้น สูดกลิ่นกายของเธอที่ยังหลงเหลือไว้ แล้วหลับไปพร้อมรอยยิ้ม วาดฝันรอวันที่เขาจะได้มีโอกาสโอบกอดเธอเอาไว้อีกครั้ง...
ความเปลี่ยนแปลงบนผืนผิวน้ำที่เคยสงบนิ่ง... ความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้โลกของเสาหลักวารีเปลี่ยนไป...
ความเปลี่ยนแปลงที่ทันจิโร่ผู้เพิ่งเดินทางมาถึงตั้งคำถามไว้ในใจ ด้วยกลิ่นอายของบุคคลที่เป็นทั้งพี่ชายและอาจารย์ในเวลาเดียวกันแตกต่างไปจากครั้งสุดท้ายที่เขาสัมผัสได้ ความสิ้นหวังและความน้อยเนื้อต่ำใจที่เขาคุ้นชินสูญสลายหายไปราวกับน้ำค้างระเหยไปในยามรุ่งอรุณ หลงเหลือแต่กลิ่นอายความสุขที่ล้นปรี่ และความหวังอันเปี่ยมล้นในหัวใจที่เคยตายด้านของเสาหลักผู้นี้
หากก่อนเด็กหนุ่มจะทันได้เอ่ยถามเสาหลักวารี ศึกสุดท้ายก็มาถึงในค่ำคืนนั้น!
ศึกสุดท้ายที่จบลงด้วยชัยชนะของเหล่าหมู่มวลมนุษยชาติ ราชันอสูรที่ใช้ชีวิตเป็นพัน ๆ ปีถูกเอาชนะได้ด้วยความร่วมมือของทุกคนในหน่วย...
หากเป็นชัยชนะที่แลกมาด้วยความสูญเสียอย่างไม่อาจคณานับได้...
มีเพียงสองเสาหลักที่รอดกลับมาเท่านั้น...
ความจริงที่เขาได้แต่หวังว่าจะเป็นภาพฝันร้ายอีกครั้งหนึ่งในชีวิต หากเขาลืมตาตื่นขึ้น เขาจะได้เห็นนัยน์ตาคู่งามที่ติดตรึงในความทรงจำมาตั้งแต่จำความได้อีก จะได้ยินเสียงหวาน ๆ ของเธออีก จะได้เห็นรอยยิ้มงดงามของเธออีก...
แต่สุดท้าย... นัยน์ตาแดงระเรื่อของอาโออิยามเขาถามหาเธอผู้นั้น ก็ตอกย้ำว่าสิ่งที่อีกาสื่อสารแจ้งข่าวในตอนนั้นคือเรื่องจริง...
เธอจากเขา... ไปยังที่ที่เขาไม่อาจเอื้อมถึงได้อีกต่อไป...
ความจริงที่ถูกเปิดเผยทั้งน้ำตาของน้องสาวคนรองของเธอ ความจริงที่ทุกคนเพิ่งจะรับรู้หลังการจากไปของเธอ ความจริงที่เธอพร้อมใจจะสละชีวิตของตนในศึกนี้แต่แรก ความจริงที่เป็นคำตอบถึงความซีดเซียวและความเหนื่อยอ่อนที่ผิดสังเกต และเป็นคำตอบของทุกสิ่งที่เกิดในค่ำคืนนั้น...
เพราะสำหรับเธอ... มันคือวันสุดท้ายตามที่เธอย้ำ...
โลกไร้อสูรอันแสนสงบสุข... แต่เป็นโลกที่ปราศจากเธอของเขา...
อนาคตที่เขาคาดหวังไว้พังทลายลงไปพร้อมกับชีวิตของเธอ...
กิยูใช้เวลาพักฟื้นอีกไม่กี่วันในคฤหาสน์ผีเสื้อ ก่อนจะรีบรุดกลับไปยังบ้านของตนทันทีที่มีแรงลุกไหว ไม่สนใจเสียงห้ามของน้องทั้งสองของเธอ... ด้วยไม่อาจทนอยู่ในคฤหาสน์ผีเสื้อที่ปราศจากชิโนบุได้อีกต่อไป...
กระนั้น บ้านที่เขาอยู่มาตลอดตั้งแต่เขาขึ้นเป็นเสาหลักก็กลับดูแปลกไปในสายตาของกิยู ถึงทุกสิ่งจะยังคงอยู่เหมือนคืนนั้น หากความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปจนไม่เหลือ...
วันเวลาของโทมิโอกะ กิยู ได้หยุดนิ่งลงอีกครั้ง... กับความสูญเสียที่หนักหนายิ่งกว่าคราไหน และความหวังที่หลุดลอยจากไปตลอดกาล....
ทุกวันที่กิยูได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยนัยน์ตาแห้งผาก มือซ้ายที่เหลืออยู่กำเสื้อคลุมตัวหนาที่เขาห่มคลุมชิโนบุไว้ไม่ยอมปล่อย... กลิ่นอายของเธอจางหายไปแล้ว หลงเหลือแต่ความทรงจำที่เขามีร่วมกับเธอยังเต็มเปี่ยมในหัวใจ...
ทั้งนัยน์ตา ทั้งรอยยิ้ม ทั้งเสียงหัวเราะ ทั้งคราบน้ำตา...
ทั้งสัมผัสอ่อนหวาน นุ่มนวล แต่เต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึกที่เธอเพียรอยากให้เขารู้...
ทุกสิ่งยังติดอยู่ในหัวของเขาทั้งยามหลับและยามตื่น... ความทรงจำที่ล้ำค่าแต่เต็มเปี่ยมด้วยความเจ็บปวดยามตระหนักว่าเธอผู้นั้นไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
ทุกค่ำคืนผ่านพ้นไปอย่างทรมาน ทุกค่ำคืนที่เขาได้แต่หวังว่าจะฝันถึงเธอคนนั้น หากจบลงด้วยการไขว่คว้าเศษเสี้ยวของอดีตอันแสนหวานในความฝัน ด้วยไม่อาจเอื้อมคว้าถึงเธอได้แม้แต่ครั้งเดียว
หิมะยังคงโปรยปรายท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด ความหนาวเหน็บเดียวดายที่เขาเผชิญมาตลอดชั่วชีวิต แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทรมานเท่าคราวนี้
หน้าที่เสาหลักจบลงพร้อมกับศึกสุดท้าย หน้าที่ปกป้องสองพี่น้องคามาโดะที่รับปากกับเธอก็ลุล่วงสมบูรณ์แล้ว คงเหลือแต่หน้าที่ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงลมหายใจของเขาไปวัน ๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าครึ่งหนึ่งของวิญญาณได้แตกดับไปพร้อมกับลมหายใจของชิโนบุแล้ว
มันคงอีกไม่นาน... ที่เขาจะได้เจอเธออีกครั้ง...
ทุกค่ำคืน เขาทอดมองแสงจันทร์ที่ทอแสงนวลแสนอ่อนโยนเหมือนสัมผัสของเธอ แสงจันทร์ที่นำพาค่ำคืนนั้นกลับมาในความทรงจำของเขา ค่ำคืนแสนหวานที่เขาได้ถ่ายทอดความรู้สึกทุกสิ่ง แต่ก็เป็นค่ำคืนสุดท้ายที่เขาได้อยู่ร่วมกับเธอ
นัยน์ตาสีครามที่แห้งผากปิดลงอย่างปวดร้าว ก่อนปล่อยใจให้ล่องลอยไปหาคนที่จากไป คนที่อยู่ในห้วงความทรงจำทั้งยามหลับและยามตื่นของเขา...
สุดท้าย... สายน้ำก็ไม่เคยไหลย้อนมา... เช่นเดียวกับเวลาไม่อาจหวนย้อนคืน...
หลงเหลือเพียงความเสียใจที่ต้องแบกรับมันไว้... กับความเจ็บปวดที่ทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น...
จริงไหม... ชิโนบุ...
===========
Author's Talk 28 AUG 2021
กรี๊ด สวัสดีค่ะ จบไปกับ Special Chapter 02 ของฟิคนี้แล้วนะคะ...
ตอนแรกไม่คิดว่าจะลัดคิวมาลงเร็วขนาดนี้ แต่พอดี PromptYourWriting ของปลายสิงหาตรงกับ Special Chapter 03 ของฟิคนี้ค่ะ เลยต้องรีบเข็นตอนพิเศษ 02 ออกมาก่อน
ใจจริงอยากลงตั้งแต่กลางวีคค่ะ แต่พบว่านี่เป็นฟิคที่เขียนยากที่สุด... ดึงอารมณ์ที่สุดตั้งแต่เขียนมาเลย
มันมีทั้งความคลั่งรักเงียบ ๆ ของพ่อเสาหลักวารี ที่พยายามดึงให้เห็น หลังจากฟิคที่แล้วเราได้รู้มุมมองความรู้สึกของคุณชิโนบุเป็นหลักค่ะ ฟิคนี้เลยเป็นเหมือนการ Reverse ความรู้สึกของฝั่งคุณกิยูบ้าง
ทั้งสิ่งที่แอบ Hint ว่ามันไม่น่าจะแค่ตรงนั้นที่ได้ขยายความเสียที (แต่คงเขียนฉากดับไฟระลอกสองไม่ไหวละค่ะ ขอปล่อยให้เป็นจินตนาการของผู้อ่านทุกท่านนะคะ)
แต่เชื่อว่าพ่อเสาหลักวารีก็ยังคงอ่อนโยนนั่นแหละค่ะ แหมะ หมั่นไส้จริง
ทั้งความดิ่ง ที่เราเขียนแตะ ๆ ไว้ในบทที่ 7 ของฟิคนี้ แต่นี่เป็นส่วนขยายความเจ็บปวดที่คุณกิได้รับก่อนที่จะได้รับจดหมายและกิ๊บของคุณชิค่ะ
โดยเฉพาะเมื่อขยี้ทั้งเวลากับสายน้ำ ทั้งสองสิ่งคืออะไรที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้ ทั้งความฝันที่เป็นตัวแก่นในการดำเนินเรื่อง 8 ตอนหลักของเรา กับความจริงที่คุณกิยูต้องเผชิญหลังจากที่คุณชิจากไปแล้วนี่แหละค่ะ
และตอนพิเศษที่เหลือ ๆ อยู่ เราจะยังอยู่กับ concept นี้ไปอีกพักนะคะ ทั้งความจริง ความฝัน และความทรงจำค่ะ
สำหรับคนที่อ่าน In The Remembrance of Her จบแล้ว น่าจะจำได้ที่เราบอกว่าจริง ๆ คู่คุณกิคุณชิน่าสงสารตรงที่ รู้จักกันมานาน อยู่กันมานาน แต่ไม่เคยรู้ใจตัวเองเลย...
ฟิคนี้และตอนหน้าคือคำตอบค่ะ
แล้วยิ่งคุณกิมาสูญเสียตอนที่จบหน้าที่ตัวเองแล้ว มันไม่มีอะไรให้เบี่ยงเบนความสนใจแบบที่พี่สาทำได้
แต่ก็นะคะ สงสารทั้งคู่จริง ๆ Y_Y ฮื้อ อ.เข้นะคะอ.เข้
ฟิคหน้าคงเข็นได้ช่วง ๆ กลางสัปดาห์ค่ะ ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนเนอะ เป็นไปได้อยากลงให้ทัน 31 สิงหาคมนี้ค่ะ
สำหรับคนที่รอถามความคืบหน้าเรื่องรวมเล่มของฟิคนี้ แพลนของเราคือน่าจะเปิด pre-order ช่วงปลายกันยายนนี้ค่ะ แต่วันนี้พอมีรายละเอียด (และสปอยเนื้อหาตอนพิเศษที่เหลืออีก 6 ตอน) ให้ได้เห็นค่ะ จิ้มดูได้ตรงนี้เลยนะคะ
เพียงแต่ ตอนพิเศษบางตอน เราอาจจะนำมาลงหลังจากที่จัดส่งเล่มรอบนี้ก่อนค่ะ แต่คนที่ไม่ได้ pre-order ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ ได้อ่านแน่ ๆ แต่อาจต้องรอนิดนึงเนอะ
รายละเอียดคร่าว ๆ จะตามที่แปะให้ดูค่ะ ถ้าโชคดี ช่วงลงตอนพิเศษ 3 หรือ 4 คงจะได้เห็นปกและงาน art คร่าว ๆ แล้วค่ะ ไว้ประกอบการตัดสินใจล่ะค่ะ
สำหรับบทนี้อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ทิ้งคอมเมนต์ หรือแวะมาเมาท์มอยได้นะคะ สำหรับเรานี่คือ... แหะ ๆ หมดทิชชู่เป็นห่อระหว่างเขียนค่ะ จนเสร็จช้าเพราะต้องนั่งสงบสติอารมณ์เป็นระยะ ยิ่งตอนรีไรท์คือต้องรวดเดียวเพื่อความต่อเนื่องเลย
ต้องขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ทุกความคิดเห็น ทุกการสนับสนุนไม่ว่าจะในรูปแบบใดนะคะ ทุกกำลังใจของทุกคนเป็นอะไรที่วิเศษมาก ๆ เลยค่ะ ดีใจที่ได้รู้จักกับทุกคนจริง ๆ นะคะ
อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ แล้วพบกับตอนพิเศษ 03 ไม่เกินอาทิตย์หน้าค่ะ ^^
Author's Talk 04 MAY 2022
สวัสดีค่า วันนี้ก็เป็นคิวฉบับลง Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
บทนี้มีความเกลาเพิ่มหลายส่วนเหมือนกันนะคะ แต่เชื่อว่าก็ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มละมุนฉบับแอ๋งแอ๊ง?!ของเราอยู่ดีค่ะ
ช่วงนี้คนน่าจะได้รับเล่ม KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง ในล็อตแรกที่เปิดพรีกันเรียบร้อยแล้วนะคะ ดีใจมาก ๆ ที่หลายท่านชอบรูปเล่มกันค่ะ แล้วก็ดีใจมากที่ได้รับฟีดแบคว่าเราต้องเป็นคนรักหนังสือมาก ๆ แน่เลย
ใครอยากยลตัวเล่ม ลองดูเล่มตัวอย่างได้จากที่เราอัพเดท หรือในเทรดทวิตเตอร์นี้นะคะ
แล้วก็ ใครที่มีความสนใจอยากเก็บฟิคเล่มนี้ รวมถึง KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ เป็นที่ระลึก ตอนนี้เราเปิดพรีฟิคอีกรอบค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 16 APR 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
(เปิดพรีงวดนี้จนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2565 ค่ะ)
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
ก่อนจะเจอกับตอนพิเศษ 03.1 ที่น่าจะมาช่วงบ่าย ๆ วันเสาร์หน้า (พอดีวันอาทิตย์เราไปงานแต่งเพื่อนสนิทค่ะ แล้วก็ใช่ค่า เป็นเพื่อนเจ้าสาวอะเกน) พรุ่งนี้เป็น 05.05 ทั้งนี้ เราคงมีอะไรมา Surprise เกี่ยวกับรูปเล่ม KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ ค่ะ
เป็นอะไรที่เราอยากจะหวีดตั้งแต่ช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาค่ะ โอ๊ย ในที่สุดก็จะได้เปิดเผยต่อสาธารณชนสักที
แล้วพบกันในวันพรุ่งนี้ทางทวิตเตอร์ และตอนพิเศษ 03.1 ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะทุกท่าน ช่วงนี้อากาศสวิงมาก ^^
Comments (0)