6 ตอน Day 06 - Promise
โดย rene_recluse
Day 06 : Promise
Keywords : Mission/Secret Relationship/Spring
1st Published : 20 FEB 2021
Rewrite : 20 APR 2022
===========
Warning: สปอยมากนะคะตอนนี้ ถ้าใครยังไม่รู้เนื้อหาจนถึงเล่ม 18 แนะนำให้ปิดก่อนนะคะ
(เนื้อหาหลังจากเหตุการณ์หมู่บ้านช่างตีดาบ และช่วงก่อนการฝึกฝนของเสาหลักในตอนที่ 132)
และแล้วฤดูใบไม้ร่วงก็สิ้นสุดลง พร้อมกับการที่ฟันเฟืองสำคัญอย่างสองพี่น้องคามาโดะ เสาหลักหมอก โทคิโค มุอิจิโร่ เสาหลักความรัก คันโรจิ มิซึริ และน้องชายร่วมสายเลือดที่เสาหลักวายุไม่ยอมรับว่าเป็นน้องอย่างชินาซึงาวะ เกนยะ ร่วมกันโค่นล้มอสูรจันทราข้างขึ้นที่สี่และห้าได้สำเร็จ
พร้อมกับการปรากฏตัวของสิ่งที่ราชาอสูร คิบุซึจิ มุซัน ตามหามาตลอดชีวิตการเป็นอสูรของเขา
อสูรที่สามารถชนะดวงตะวันได้...
คามาโดะ เนซึโกะ...
เป็นเกือบเดือนที่ไม่มีการปรากฏตัวของอสูรที่ไหน ความเงียบสงบที่เข้าปกคลุมหน่วยพิฆาตอสูรดุจคลื่นลมสงบก่อนพายุลูกใหญ่จะถาโถมลงมา
สายลมเหน็บหนาวของฤดูหนาวพัดผ่านแทรกเสื้อคลุมฮาโอริสองลายบนตัว โทมิโอกะ กิยู ให้ปลิวไสว เหล่าไม้ใหญ่ทิ้งใบจนเหลือเพียงกิ่งก้าน ความเงียบสงบที่เขาเคยโปรดปราน บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยระลอกคลื่นพัดโถมในจิตใจ
เป็นเวลาเกือบเดือนที่ชายหนุ่มไม่ได้มาเยือนยังสถานที่แห่งนี้ ตั้งแต่ที่เขาเลือกจะปลีกวิเวกออกไป ภายหลังการประชุมเสาหลักในวันนั้น
คนที่ไม่มีคุณสมบัติจะเป็นเสาหลักอย่างเขา ก็ไม่คู่ควรที่จะสอนคนอื่นได้
ใช่...
เขาคิดเยี่ยงนั้นมาตลอด...
และคงจะคิดเช่นนั้นต่อไป หากคามาโดะ ทันจิโร่ คนที่เขาคาดหวังจะให้เป็นผู้สืบทอดและรับตำแหน่งเสาหลักวารีที่แท้จริงไม่เอ่ยเตือนสติเขา
‘สิ่งที่ได้รับจากซาบิโตะ...จะไม่สืบทอดต่อหรือครับ?’
คำพูดจากเด็กหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยก้มหัวขอชีวิตน้องสาวในวันวาน ทำโทมิโอกะ กิยู หวนย้อนความทรงจำกลับไปยามที่ถูกเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวตบหน้าเพียงเพราะพูดว่าตนไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่
‘ห้ามแกตายเด็ดขาด ชีวิตที่พี่สาวแกใช้ชีวิตแลกมา รวมถึงอนาคตที่สละให้... แกต้องสืบทอดต่อไป กิยู’
เขาก็เหมือนกับเธอ หากเธอซ่อนความเคียดแค้นไว้ใต้รอยยิ้มอันแสนจอมปลอมนั่น เขาก็เพียรซ่อนความเจ็บปวดภายใต้หน้ากากอันแสนไร้อารมณ์
เช่นเดียวกับชินาซึงาวะ ที่ซ่อนความโศกเศร้าไว้ใต้ความเกรี้ยวกราด
แม้จะต่างกันออกไป... แต่สิ่งที่พวกเขากระทำก็ล้วนแล้วแต่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน
เพราะไม่อยากนึกถึงความสูญเสียนั้น ก็เท่านั้น...
ขนาดที่ทั้งสองคนนั้นไม่เคยมองว่าตัวเองไม่คู่ควร เขากลับเป็นผู้เดียวที่ลดทอนคุณค่าของตน และเกือบลืมเลือนเป้าหมายสำคัญที่ทุกคนล้วนแล้วแต่สละชีพเพื่อสิ่งนั้น
ความสงบสุขในโลกที่ไม่มีอสูร..
ถึงทันจิโร่จะบอกเขาในภายหลังว่า นี่เป็นความประสงค์ของนายท่านอุบุยาชิกิ คากายะ ที่ต้องการให้เขาเลิกเหลียวหลังแล้วมองไปเบื้องหน้า และยอมรับว่าตนนั้นคู่ควรแก่ตำแหน่งเสาหลักวารีอันทรงเกียรตินี้
ความเมตตาของนายท่านเป็นยิ่งกว่าหยาดฝนอันแสนอ่อนโยน
เสาหลักวารีจึงไม่รอช้าที่จะรีบรุดกลับมาเพื่อเข้าร่วมการสั่งสอนของเสาหลัก เพื่อเตรียมรับกับศึกสุดท้ายที่ใกล้เข้ามา
หากแต่มีอีกหนึ่งสิ่งที่เขาต้องทำก่อนการสั่งสอนที่จะมาถึง...
ชายหนุ่มหยุดเดิน เมื่อขาทั้งสองพาเขามาถึงคฤหาสน์ผีเสื้อด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ... เพื่อพบปะกับอีกบุคคลที่ปฏิเสธการสั่งสอนของเสาหลัก
เธอคนนั้น...
..........
“ขอโทษ...”
โทมิโอกะ กิยู เอ่ยพร้อมโค้งขอโทษทันทีที่เสาหลักแมลงเดินเข้ามายังเฉลียงด้านหลังคฤหาสน์ผีเสื้อ สถานที่ที่กลายมาเป็นที่ปะลับ ๆ ระหว่างเขากับเธอมาโดยตลอด
นัยน์ตาสีม่วงคู่สวยจ้องมองเขานิ่ง ๆ ไม่ต่างจากครั้งสุดท้ายที่เขามีปากเสียงกับเธอในที่ประชุมเสาหลัก เพียงเพราะคำถามต่อตำแหน่งเสาหลักที่เขามีมา ทำให้เขาเลือกที่จะผลักไสทุกคนออกไป
ไม่แปลกใจที่เธอจะยังโกรธเขาจนถึงตอนนี้...
“รู้ตัวแล้วเหรอคะโทมิโอกะซัง ครั้งนี้ฉันโกรธคุณจริง ๆ นะคะ คุณทั้งผลักไสฉัน ผลักไสทุกคน และยังขัดความประสงค์สูงสุดของนายท่านอีก”
“อื้อ... ข้าไม่ปฏิเสธ”
โคโจ ชิโนบุ ถอนหายใจยาว หากแต่เวลาที่เธอมีเหลืออยู่นั้นไม่มากนัก เธอจึงไม่อยากจะอ้อมค้อมต่อไปให้เสียเวลา
“โทมิโอกะซัง ฉันไม่เข้าใจค่ะ คุณเอาแต่พูดว่าคุณต่างกับพวกฉัน คุณไม่คู่ควร... ทำไมคุณถึงพูดแต่คำนี้คะ”
ความขื่นขมแผ่ซ่านทั่วร่างของชายหนุ่ม ความขมขื่นที่เขากล้ำกลืนมาตลอดเวลา หากคราวนี้เขาเลือกที่จะไม่ปิดมันไว้อีกต่อไป...
“ที่ผ่านมา ข้าไม่เคยคิดว่าข้าคู่ควรกับตำแหน่งนี้ คนที่ไม่อาจปกป้องพี่สาวไว้ได้ คนที่ผ่านการทดสอบครั้งสุดท้ายมาได้เพราะได้สหายปกป้อง คนที่ไม่อาจสังหารอสูรในการคัดเลือกครั้งนั้นได้แม้แต่ตัวเดียว แต่เพื่อนที่ช่วยข้าไว้กลับปกป้องทุกคนจนตัวตาย ทำให้ข้าคิดมาตลอดว่าข้าไม่คู่ควรจะเป็นเสาหลักได้...”
ความเงียบแผ่เข้าปกคลุมทั่วบริเวณ แสงอาทิตย์อัสดงย้อมทุกสิ่งให้เป็นสีส้ม หากชายหนุ่มไม่สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศย่ำค่ำนี้ได้ ในเมื่อหัวใจของเขาจมดิ่งกับความทรงจำที่แสนเจ็บปวดตลอดแปดปีที่ผ่านมา
“ทุกคนบอกให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อ แต่สุดท้ายก็เหลือเพียงข้า คนเดียว...”
นัยน์ตาสีครามหุบลงต่ำ ไม่อาจหาญสบนัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นได้ ได้แต่มองสองมือที่กำแน่นบนตักของตนเอง หากไออุ่นของมนุษย์ที่ขยับเข้ามาใกล้ชิดทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมามองนัยน์ตาสีม่วงที่ฉายแววเจ็บปวดไม่แพ้กัน
ความเจ็บปวดที่มีแต่คนที่สูญเสียสิ่งสำคัญไปเท่านั้นที่จะเข้าใจ...
“ฉันเข้าใจดีค่ะ โทมิโอกะซัง” เจ้าหล่อนยิ้มเศร้าพลางเอื้อมมือมาสัมผัสมือเขาอย่างอ่อนโยน ความสากกร้านของมือน้อยที่ผ่านการฝึกอันแสนยากเย็น เป็นเครื่องสะท้อนความแข็งแกร่งของเธอที่มาถึงในจุดนี้ได้ “เหมือนกันกับฉันเลยนะคะ...”
ความเข้าใจอย่างที่คนที่สูญเสียคนที่รักยิ่งไปเพราะอสูร ความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องใครได้นั้น ถูกถ่ายทอดผ่านอุ้งมือเล็กที่กุมมือหยาบกร้านของเขาไว้
“แต่คุณตรองดูนะคะ ฉันเองก็ปกป้องพี่สาวคนเดียวไว้ไม่ได้... ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะบั่นคออสูรได้ด้วยซ้ำไป ถ้าโทมิโอกะซังยืนยันว่าคุณไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเสาหลัก ฉันเองก็ไร้ซึ่งคุณสมบัตินั้นเช่นกันค่ะ”
“เจ้าสังหารอสูรไปได้ตั้งมากมาย... ช่วยชีวิตคนก็ได้...”
“คุณก็ไม่ต่างกันค่ะ คุณลองนับดูสิคะ คุณสังหารอสูรไปนับไม่ถ้วน คุณสามารถปกป้องผู้คนไปได้กี่ชีวิต... ถ้าไม่มีคุณ ทันจิโร่คุงกับเนซึโกะจังก็อาจจะถูกพวกเราสังหารไปแล้วก็ได้นะคะ”
“งั้นเหรอ...”
กิยูรำพึงอย่างใช้ความคิด ถ้อยคำที่เรียกรอยแย้มยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าของโคโจ ชิโนบุ ก่อนจะตัดสินใจจิ้มแก้มของคนคิดมากด้วยความหมั่นไส้
“แล้วการที่คุณพูดอย่างนั้น เท่ากับคุณดูถูกการตัดสินใจของนายท่านด้วยค่ะ” มือทั้งสองเปลี่ยนมายืดแก้มชายหนุ่มอย่างมันเขี้ยว “รู้ไหมคะว่านายท่านเป็นห่วงคุณแค่ไหน ถึงขั้นมอบภารกิจให้พวกเราทำให้คุณยิ้มให้ได้ เพราะอยากให้เสาหลักทั้งเก้าสนิทกันเข้าไว้ แต่คุณก็ดันทำมันพังตลอด”
“หมายถึงตอนชินาซึงาวะชวนไปกินแซลมอนต้มไชเท้า!?”
“ค่ะ แต่คุณก็ปฏิเสธ ฉันไม่แปลกใจที่ชินาซึงาวะซังจะโมโหคุณขนาดนั้น...”
ชิโนบุเอ่ยเนิบ ๆ ก่อนถ่ายทอดแผนการที่ทุกคนวางไว้ให้กิยูฟังจนหมดเปลือก
“ข้าควรขอโทษทุกคนสินะ...”
“ค่ะ แต่ฉันไม่รับประกันนะคะว่าทุกคนจะให้อภัยคุณไหม โดยเฉพาะชินาซึงาวะซังและอิงุโระซัง...” น้ำเสียงเหน็บแนมที่เจ้าหล่อนมักชอบใช้เย้าแหย่เขากลับมาอีกครั้ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าในช่วงท้าย “เสียดายคนที่จะรับคำขอโทษของคุณแน่ ๆ อย่างเรนโงคุซังก็ไม่อยู่แล้ว...”
การสูญเสียเสาหลักคนสำคัญสร้างความโศกเศร้าแก่ทุกคน แต่ความตายของเรนโงคุ เคียวจูโร่ ก็เป็นการจุดเปลวเพลิงแห่งความมุ่งมั่น ถ่ายทอดจิตวิญญาณและปณิธานอันแรงกล้าให้แก่ใครอีกหลายคน รวมถึงพวกเขาทั้งสองด้วย
“ว่าแต่ ได้ยินว่าเจ้าเองก็ไม่เข้าร่วมการสั่งสอนของเสาหลักหรือโคโจ...”
คำถามที่ทำมือของชิโนบุจิกพรมบนตักแน่น ด้วยไม่เคยคาดคิดว่ากิยูจะสนใจ และเขาก็เป็นคนสุดท้ายที่เธออยากให้รู้เรื่องนี้
“ฉันมีภารกิจอื่นต้องจัดการค่ะ...”
“แล้วมันคือ...”
“ความลับค่ะ”
ชิโนบุตอบ พยายามจะไม่สบนัยน์ตาสีครามที่มองมาอย่างสงสัยใคร่รู้
หากนัยน์ตาสีม่วงก็สะท้อนความเศร้าออกมาอย่างปิดไม่มิด จนหัวใจของชายหนุ่มสั่นสะท้าน
รู้ตัวอีกที เขาก็เขยิบร่างไปประชิดกายอีกฝ่าย ใกล้จนเหลือระยะห่างไม่ถึงคืบ และใช้มือขวาลูบหัวของเธอผู้นั้นอย่างแผ่วเบา
“คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ?!”
น้ำเสียงของชิโนบุปลุกเขาจากภวังค์ ทำให้กิยูหยุดการกระทำทุกอย่างทันที ก่อนกระเถิบตัวออกมาด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“ข... ขอโทษ...”
เสาหลักวารีละล่ำละลักเอ่ยขอโทษ จนไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าของหญิงสาวนั้นแดงระเรื่อไม่แพ้กัน
“นี่ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้า คงนึกว่าเรามีความสัมพันธ์กันลับ ๆ นะคะ แย่จัง~”
ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายคงเย้าแหย่เล่นเช่นเคย แต่กลับเป็นเขาที่คิดจริงจังมาตลอด...
ความรู้สึกที่สะสมมาตลอดกว่าสี่ปีเอ่อล้นเหมือนสายน้ำหลาก จนเขาไม่อาจห้ามตัวและหัวใจได้อีกต่อไป
“หรืออยากให้เป็นเช่นนั้น...”
“อุ๊ยตาย นี่คุณชอบฉันเหรอคะโทมิโอกะซัง”
ประโยคที่ดูเป็นคำถามหยอกเล่น แต่กลับเป็นความจริงที่กิยูยอมรับกับหัวใจเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
ความจริงที่ซ่อนอยู่ในหัวใจตลอดเวลาที่รู้จักกัน
“อื้ม...”
“ฉันหมายถึง ชอบแบบคนรักค่ะ...”
หญิงสาวเอ่ยกระเซ้าด้วยเสียงสั่นเทา หากคำตอบที่ได้รับนั้นกลับเหนือความคาดหมายของเจ้าหล่อน
“อื้ม แบบเดียวกับที่ชินาซึงาวะชอบโคโจ... พี่สาวเจ้าน่ะ”
“นี่คุณรู้?!”
“อื้อ ชินาซึงาวะก็ชอบทำหน้าแดงเวลาอยู่กับพี่สาวเจ้า แล้วก็ชอบโมโหเวลาเจ้าลากข้าไปขัดจังหวะ”
ความจริงไม่ว่าใครที่เคยได้เห็นเสาหลักวายุยามอยู่กับพี่สาวของเธอ ย่อมรู้แน่ชัดว่าทั้งคู่รักกันมากแค่ไหน เพียงแต่เธอไม่คาดคิดว่าคนไม่สนใจใครอย่างโทมิโอกะ กิยู จะทราบถึงเรื่องนี้ด้วย
“แล้วเจ้ากับชินาซึงาวะก็ดูเศร้ามากตอนที่โคโจ... พี่สาวเจ้าจากไป...”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคนอย่างโทมิโอกะซังจะสังเกต...”
คำพูดที่เหมือนจะเป็นการกระแนะกระแหน หากแต่แฝงด้วยความไหวหวั่นจนไม่อาจปิดได้มิด
ไม่คิดว่าเขาจะสังเกตคนรอบตัว สังเกตเธอ เพียงแต่ที่ผ่านมาเลือกที่จะไม่เอ่ยไปก็เท่านั้น
“แล้วมีอาการใจเต้นตึกตัก ชีพจรสูบฉีด หน้าแดง เวลาเห็นฉันไหมคะ”
ประโยคที่ยกอาการที่เธอได้รับฟังจากคันโรจิ มิซึริ หากแต่ในลักษณะหยอกเย้าเพื่อหวังให้เจ้าตัวเอ่ยปฏิเสธ แต่กลับไม่ได้ผล ซ้ำร้ายชายหนุ่มที่เคยเคลื่อนตัวหนีเธอไป กลับเขยิบกลับมาใกล้เธอยิ่งกว่าเมื่อครู่
ใกล้จนแทบได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวของคนทั้งสอง...
“ถ้าใช่... แล้วจะทำอย่างไรต่อ”
นัยน์ตาสีครามหันมาสบนัยน์ตาสีม่วงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เธอเริ่มเปิดประเด็นนี้ นัยน์ตาคมกล้าที่ทอดมองเธอฉายแววอ่อนโยนจนหัวใจสั่นไหว
ความสับสนปั่นป่วนจิตใจของชิโนบุ หรือแท้จริงแล้วเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างอะไรจากเขา เพียงแต่ที่ผ่านมา เธอมองว่าเธอแค่สนุกในการแหย่อีกฝ่ายก็เท่านั้น
ภาพอดีตเสาหลักบุปผาหวนกลับเข้ามาในห้วงความทรงจำ รอยยิ้มที่แม้จะอ่อนหวานหากนัยน์ตาพราวระยับยามเห็นเธออยู่กับเขาผู้นั้น...
ลึก ๆ แล้ว... เธอก็คงรู้สึกแบบเดียวกับเขามานานแสนนาน นานจนเกือบเท่าระยะเวลาที่รู้จักกัน... เพียงแต่เธอไม่เคยรู้ ไม่เคยได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองจริง ๆ เพราะมีคำสัญญาที่ไม่อาจละทิ้งได้
คำพูดของคนเป็นพี่สาวในวันวานหวนกลับคืนมา ทั้งคำหยอกเย้าเรื่องของเธอและเขา ทั้งคำขอสุดท้ายที่ถ่ายทอดความปรารถนาที่อยากให้เธอใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีความสุขและมีครอบครัวอันอบอุ่น... แทนที่อีกฝ่ายที่ไม่อาจทำได้อีกต่อไป
ท่านพี่... รู้อยู่แล้วสินะ รู้ก่อนที่หนูจะรู้ตัวด้วยซ้ำ...
แต่เธอรู้ดี เธอไม่อาจใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเพียงคนเดียวได้ หากไม่ได้ทำตามสิ่งที่เธอตั้งใจมาตลอดนับแต่วินาทีที่ลมหายใจของโคโจ คานาเอะ สิ้นสุดลง
ถึงสิ่งนั้นจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของพี่สาวที่รักยิ่งที่มีต่อเธอไม่มีวันเป็นจริง และอาจทำร้ายความรู้สึกของคนที่อยู่ในใจเธอมาตลอดอีกครั้ง...
หากนั่นเป็นคำสัญญาที่เธอและน้องสาวบุญธรรมปฏิญาณต่อร่างไร้วิญญาณของคานาเอะที่ยังไม่บรรลุผล... และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเธอใช้ค้ำจุนชีวิตมาตั้งแต่วันนั้น
เพียงเพื่อให้สามารถมีชีวิตต่อไปให้ได้ก็เท่านั้น...
“โทมิโอกะซัง...”
ชิโนบุพูดด้วยเสียงจริงจังกว่าครั้งไหน นัยน์ตาสีม่วงหลุบลงครู่หนึ่ง ราวกับกำลังเก็บเกี่ยวทุกช่วงนาทีที่เกิดขึ้นไว้ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ
“สัญญากับฉันได้ไหมคะ... หากมีอะไรเกิดขึ้น ขอให้ปกป้องทันจิโร่คุงให้ได้นะคะ ฉันเชื่อว่าทันจิโร่จะต้องเอาชนะมุซันได้ค่ะ”
หญิงสาวยื่นนิ้วก้อยออกไปข้างหน้าพลางส่งรอยยิ้มที่ทำคนตรงหน้าสะท้าน มันไม่ใช่ทั้งรอยยิ้มแสนซุกซนของเด็กสาวคนนั้น ไม่ใช่รอยยิ้มว่างเปล่าเพื่อปิดบังตัวตนเหมือนตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่รอยยิ้มกว้างที่อีกฝ่ายมักจะได้เห็นบ่อย ๆ ในช่วงหลัง
แต่เป็นรอยยิ้มอันแสนเศร้าจนหัวใจของอีกคนไหวหวั่น ราวกับเขาจะไม่มีวันได้เห็นรอยยิ้มจากเธอผู้นี้อีกต่อไป
“อื้อ...”
ประโยคเดียวที่กิยูสามารถเอื้อนเอ่ยไปได้ ก่อนยื่นนิ้วก้อยเกี่ยวกระหวัดกับเธอแทนคำสัญญาจากใจ
หากนี่เป็นเพียงภาพฝัน เธอปรารถนาที่จะขออยู่แบบนี้ตลอดไป...
แต่เพราะไม่ใช่ความฝัน แต่เพราะเป็นความจริงอันแสนเศร้า และเธอก็เลือกเส้นทางของเธอมาตั้งแต่วันนั้น...
เส้นทางที่สุดท้ายจะจบลงด้วยความว่างเปล่า...
แม้จะหวังถึงอนาคตอันสดใส แต่เธอรู้ดี มันคงไม่มีวันนั้นสำหรับเธอแล้ว...
ท้ายสุดเธอก็ไม่เสียดาย เพราะสิ่งที่เธอได้รับมามันมีค่าและงดงามเกินกว่าที่คนอย่างเธอควรได้รับ...
เหลือเพียงความทรงจำของคนสำคัญที่แสนงดงาม กับฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีวันมาถึงในชาตินี้...
นัยน์ตาสีม่วงสบกับนัยน์ตาสีครามที่ส่องเป็นประกายล้อแสงจันทร์ นัยน์ตาที่ติดตรึงอยู่ในหัวใจของเธอมาตลอดโดยที่เธอไม่เคยรู้ นัยน์ตาที่บัดนี้ทอดมองเธอด้วยความอ่อนโยนกว่าครั้งไหน
“คืนนี้พระจันทร์สวยนะคะ...”
คราวนี้ ชิโนบุพูดด้วยความรู้สึกของเธอที่กลั่นจากใจ ไม่ใช่คำพูดที่พูดไปตามประสาอย่างที่เธอคอยทำตลอดมา...
“แล้ว... ประโยคนี้หมายความว่าอะไร”
“โทมิโอกะซังยังไม่ทราบความหมายสินะคะ...”
“อื้ม... คงต้องรอเจ้าเฉลยละ”
“ไว้ฤดูใบไม้ผลิมาถึง... ฉันจะให้คำตอบกับคุณค่ะ โทมิโอกะซัง”
เธอพูดพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนที่สุดให้อีกฝ่ายได้เห็น และหวังว่าเขาจะจดจำภาพในวันนี้ไว้เหมือนกับเธอ
เพราะเธอรู้ รู้ว่านี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาและเธอจะได้ใกล้ชิดกันอย่างนี้...
รอยยิ้มตอบอันแสนอ่อนโยนยิ่งกว่าคราก่อนถูกส่งมาให้ ก่อนร่างของเธอจะถูกคนที่เธอเคยประณามว่าไม่มีหัวใจรวบเข้าอ้อมแขน ความอบอุ่นที่ส่งผ่านอ้อมกอดแน่น เสียงหัวใจเต้นระรัวที่เธอได้ยินดังแข่งกับหัวใจของเธอ ลมหายใจร้อนที่เป่ารดหู บ่งบอกให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เกิดไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นเรื่องจริง
“ข้าจะรอนะ...”
เสียงกระซิบแผ่วทำมือของเธอที่กุมชายเสื้อฮาโอริของอีกฝ่ายแน่นสั่นระริก นัยน์ตาร้อนผ่าวอย่างไม่อาจห้ามได้อีกต่อไป ได้แต่กล้ำกลืนคำตอบของเธอที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยด้วยวาจาให้เขาได้ยิน
คงเก็บได้แต่ภาพรอยยิ้มที่จะตรึงใจเธอจนถึงลมหายใจสุดท้าย...
กับตะกอนความเสียใจ ที่การตัดสินใจอย่างเห็นแก่ตัวของเธอ ย่อมสร้างบาดแผลให้กับคนที่เธอเพิ่งเข้าใจในวันนี้ว่าเธอเองก็รักเขาไม่น้อยไปกว่าที่เขารักเธอ...
...คนที่ไม่มีหัวใจ แท้จริงแล้วคือเธอนั่นเอง...
...ขอโทษนะคะ กิยูซัง...
(ภาพประกอบโดยคุณไอริน Airin No Sekai | @AirinNoSekai นะคะ)
===========
Author's Talk 20 FEB 2021
จบไปแล้วกับ Day 6 นะคะ...
เป็นบทที่เค้นอารมณ์ของเราที่สุดตั้งแต่เคยเขียนอะไรมาเลยค่ะ (แต่กลายเป็น Day 7 แอบเขียนยากกว่า) ด้วยความที่ต้องเล่นกับอารมณ์หลาย ๆ อย่าง ทำให้ต้องอ่านทวนเล่ม 15 - 17 อีกรอบก่อนเขียนค่ะ แล้วก็พบว่า เออ น้องชิโนบุน่าจะโกรธกิยูที่เดินออกไปนะ และคราวนี้คงโกรธมาก ๆ ด้วย
ไหนจะเป็นตอนที่ต้องเผยอารมณ์ความรู้สึกของกิยูออกมา และของชิโนบุออกมาด้วย เลยต้องขออภัยสำหรับความยาวนะคะ
ยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่เขียนอะไรจนเปียกปอน แม้ตอนพล็อตเองก็ไม่คิดว่าจะเปียกปอนได้ขนาดนี้ค่ะ ทั้ง ๆ ที่มันหวานมาก แต่ความเศร้าของแต่ละคนก็ทำให้เราเปียกปอนนี่แหละค่ะ
และยิ่งเขียนเสร็จ ช่วงอ่านทวน ไปเปิดเจอเพลง "เก็บอยู่ในหัวใจ" ของคุณศิรศักดิ์ ซึ่งมันเข้าได้ดีกับความสัมพันธ์ของคู่นี้ในฟิคนี้มาก เลยยิ่งเปียกปอนหนักกว่าเก่า ถึงขั้นต้องรีไรท์เพื่อดึงอารมณ์ทั้งคู่ออกมาให้มากที่สุดค่ะ
ในที่สุดคุณพี่กิยูก็รุกแล้ว!! น้องชิโนบุพลาดเองนะคะ คงคาดไม่ถึงสินะว่าคนซื่อบื้ออย่างคุณกิยูนี่ บทจะรุกก็คือรุกทื่อ ๆ แบบนี้เลย
สารภาพว่า เดิมไม่ได้พล็อตให้กิยูดึงตัวชิโนบุมากอดนะคะ แต่เพราะเพลงดึงอารมณ์ไปมาก และคิดว่าพี่แกหลังจากบื้อมานาน (หลายปี) อาการน้องชิโนบุก็บ่งบอกชัด (แม้จะทำไปเพราะปิดบังว่าตัวเองตั้งใจจะทำอะไรต่อนั่นแหละ) พี่กิยูของคนอ่านหลาย ๆ คนก็คงเสียอาการตามที่เห็นค่ะ
นี่ก็กังวลว่าจะ ooc ไปหน่อยไหม แต่ก็พอจะมีความเป็นไปได้อยู่นะ... ^^"
อนึ่ง นี่เป็นบทแรกที่ได้เขียนสิ่งที่อยู่ในหัวของชิโนบุซักที เพราะตั้งใจให้เชื่อมเรื่องของนัยน์ตา ความฝัน กับความทรงจำนี่แหละค่ะ อาจจะไม่ค่อยสมูทเท่าไร แต่อยากให้เห็นความเจ็บปวดของชิโนบุจริง ๆ นี่แหละค่ะ
พรุ่งนี้คงได้ลง Day 07 ดึก ๆ แน่ค่ะ ถึงจะเขียนเสร็จแล้วก็จริง แต่รู้สึกยังไม่ค่อยพอใจสำนวนเท่าไร อาจจะต้องปรับหรือรีไรท์ก่อนลงจริงค่ะ และตั้งใจที่จะเขียน Day 08 ให้จบพรุ่งนี้เลย เพื่อเช็คความเชื่อมโยงค่ะ
ท้ายสุดนี้ ถ้าใครอ่านแล้วเปียกปอนหรือรู้สึกอย่างอื่นอะไร ลองแลกเปลี่ยนให้เราฟังนะคะ เป็นครั้งแรกที่เขียนซีนอารมณ์ขนาดนี้เหมือนกัน
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน มาคอมเมนต์ และให้กำลังใจกันมาก ๆ นะคะ ^^ แล้วพบกันพรุ่งนี้ค่ะ
Author's Talk 20 APR 2022
สวัสดีค่า วันนี้ก็เป็นคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
บทนี้เป็นอีกบทที่พยายามเกลาคำหนักมาก เพราะถือว่าเป็นบท Climax สำหรับฟิคเรื่องนี้เลยค่ะ (ก่อนจะไปแอ๋งแอ๊งต่อกันที่ตอนต่อไป) แล้วยิ่งได้ภาพประกอบของคุณไอริน Airin No Sekai ยิ่งดึงอารมณ์เข้าไปอย่างยิ่งเลยค่ะ
และแล้ว วันนี้มีความคืบหน้าตัวเล่ม KNY FF - In Time With You มาฝากนะคะ ทาง Fastbook | @fastbookthai ส่งเล่มจริงมาแล้วค่ะ กรี๊ด ฮื้อ สำหรับเรา เราพอใจกับคุณภาพงานที่ได้มากเลยค่ะ ต้องขอบคุณทาง Fastbook มาก ๆ สำหรับงานงาม ๆ ชิ้นนี้นะคะ รวมถึงคอยช่วยเหลือ ประสานงาน และอำนวยความสะดวกทุกอย่างเลยค่ะ (ภาพไม่ได้ผ่านการปรับสีหรือแสงมาแต่อย่างใดนะคะ)
ภายใน 1-2 วันนี้ เราจะ email และหลังไมค์ไปตาม twitter/facebook ถึงคนที่ pre-order เล่ม เพื่อยืนยันที่อยู่สำหรับการจัดส่งนะคะ ยกเว้นคนที่แจ้งว่าขอให้จัดส่งพร้อมกับเล่ม KNY FF - In The Remembrance of Her ค่ะ หากใครอยากแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ที่ใช้ในการจัดส่งอย่างไร แจ้งเราได้เลยนะคะ
ส่วนคนที่สนใจที่จะเก็บเล่มนี้ แล้วก็เล่ม KNY FF - In The Remembrance of Her ของพี่สาพี่เอะ เราขอนำรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 16 APR 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลักได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
โดยเราจะเปิดพรีออเดอร์ทั้ง 2 เล่มนี้ในวันที่ 25 เมษายน 2022 เวลา 00.00 น. ค่ะ
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะอัพเดทรายละเอียดความคืบหน้าฟิคเป็นอีกตอนหนึ่งใน RAW นะคะ เพื่อจะได้เห็นกันถ้วนหน้า
แล้วพบกับตอน 7 ฉบับ Rewrite ในวันเสาร์นี้ค่ะ ^^ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
Comments (0)