8 ตอน เติมเต็มและมีชีวิต
โดย GreySweater
เจนกลับมาถึงลิเวอร์พูลเวลาตีสี่ ไม่ได้นอนตลอดการเดินทางเพราะเด็กนิสัยเสียบนรถตู้โหวกเหวกโวยวายกล่าวหาว่าเธอเป็นแม่มด เจคบีบมือพี่สาวแน่นเพื่อไม่ให้เธอแสดงออก เธอเริ่มคิดว่าเธออาจเป็นแม่มดอย่างคำกล่าวหาของเด็กคนนั้นเพราะสามารถมองเห็นน้องชายซึ่งตอนนี้เจคอาจจะนั่งหลับอยู่ในห้องเรียนหรือไม่ก็แชทคุยกับแฟนหนุ่มของเขา
"เดี๋ยวส่งพี่กลับหอ ผมก็จะไปแล้วนะ" คือสิ่งที่สุดท้ายที่เจคบอกก่อนจะอันตรธานหายไปกลับไปยังโลกความจริงของเขา หน้าที่ของเพื่อนในจินตนาการหมดลงเมื่อเจนสแกนบัตรนักศึกษาเพื่อเข้าหอนักศึกษาปริญญาโท เธอเดินขึ้นบันไดไปยังห้องสุดท้ายฝั่งซ้ายมือของชั้นสอง เจนไขกลอนประตูด้วยกุญแจห้องแต่แทนไม่ได้ล็อคห้องไว้
เมื่อเข้าไป... แทนยังหลับใหลอยู่บนเตียง กลิ่นเบียร์อ่อนๆคละคลุ้งในห้อง เธอจึงปิดประตูห้องแผ่วเบาเพราะไม่อยากรบกวนห้วงเวลาหลับฝันของเขา เจนวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ ปิดเสียงโทรศัพท์แล้วทิ้งตัวลงนอน โชคดีที่วันจันทร์มีเรียนแค่คาบบ่ายแต่ต้องส่งการบ้านเรียงความวิเคราะห์ความงดงามสุนทรียภาพ เธอนึกถึงภาพสีขาวในหอศิลป์ทราฟัลการ์และเสียงกระซิบข้างหูจากไคล์
แทนพลิกตัวเหมือนรู้สึกถึงการมีอยู่ของเจนบนเตียง เขาบ่นพึมพำด้วยความเป็นห่วงที่เพื่อนคนหนึ่งสามารถมีให้ได้ สองเพื่อนรักยังไม่ได้ดื่มด่ำความสุขจนหนำใจด้วยซ้ำเพราะลิเวอร์พูลก็แค่สถานที่หลบภัยของพวกเขาจากพื้นที่อันตรายในบ้านเกิด แทนเล่าถึงนักร้องหนุ่มให้ฟังในเสียงงัวเงียนั้น -- ทิโมธีคือเทวดาแสนดีผู้มีปีกเปียกชุ่มด้วยน้ำตาแห่งความรัก เทวดาผู้ใช้เสียงขับลำนำประโลมผู้ฟัง เขายกให้คนอื่นมาก่อนตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเทวดาของเขาหรือปีศาจสาวภรรยาเก่าของเขา แม้แต่เด็กหนุ่มมนุษย์แปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียว มันเป็นเดตที่ดีจนเหมือนฝันไปจนกระทั่งวินาทีเม็ดฝนโปรยปรายลงมาสู่พื้นหน้าโบสถ์แองกลิแคน เทวดาของเขาหลั่งน้ำตาแล้วยอมให้เด็กหนุ่มมนุษย์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต วันนี้ทิโมธีจะพาแทนไปดูสตูดิโอเพื่อเรียนรู้การทำเพลง
เจนรู้สึกยินดีที่แทนได้มีความรักที่ดี แอบอิจฉาเล็กๆเพราะมันคือสิ่งที่ทุกคนควรได้ ไม่ใช่แค่ความรักของหนุ่มสาว นึกถึงความรักทุกครั้ง เจนก็มักกลับมาสู่ความทรงจำการหายตัวจากครอบครัวเสมอราวกับมันคือปมเชือกที่ไม่มีวันถูกแก้ เธอจึงพยายามทดแทนความรักที่ไม่มีวันได้จากพ่อแม่ด้วยความรักโรแมนติกจากคนอื่น เธอกับพวกเขาพยายามไขว่คว้าจากบันไดอ่อนแอเพื่อให้ได้ครอบครองความรักในอุดมคติ ผลคือการพลักตกลงมาสู่พื้น
คีธพูดถูก... มันคือความเจ็บปวดมากกว่าความรัก
"อยากเล่าอะไรไหม?" แทนสะกิดไหล่หนาวเหน็บของเจน "ไปอยู่ลอนดอนตั้งสองวัน ต้องมีเรื่องเล่าบ้างแหละ"
"เรื่องมันยาวหน่อยนะ"
"ยังไงก็อยากฟังอยู่ดี" แทนพลิกตัวตะแคงสบตามองเพื่อนรักของตน
เจนสูดหายใจเข้าครั้งหนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้แทนฟัง แนะนำตัวละครที่ชื่อไทให้ได้รู้จักโดยสังเขปแล้วค่อยเล่าความสัมพันธ์เฮงซวยของเธอกับเขาซึ่งยังไม่จบลงด้วยดี แทนวางมือบนบ่าสั่นสะท้านของเจนที่ยังคงเล่าต่อจนถึงวินาทีที่เธอตัดสินใจหนีจากเขา เธอสามารถหนีไปได้สุดสายตาจนกระทั่งพาตัวเองมายังสถานที่ที่ตัวเองไม่รู้จักในลอนดอน
"เธอไปลอนดอนยังไงน่ะ?"
"รู้ตัวอีกทีก็ไปถึงลอนดอนแล้ว" แทนไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจถูกหรือไม่ เจนพยักหน้าแล้วเล่าต่อ "ฉันเจอแต่คนแปลกๆกับเรื่องที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เธอเข้าใจ"
"เธอเล่าได้อยู่แล้ว"
ในเมื่ออีกฝ่ายยืนกรานอยากฟังเรื่องราวประหลาดในลอนดอนของเจน เธอจึงเล่าถึงเช้าวันต่อมาที่ได้เจอกับไคล์ จิตรกรที่มีชื่อเสียงในการวาดภาพปีศาจด้วยโทนสีของเลือด เธอได้เห็นปีศาจตัวเป็นๆครั้งแรกในตอนนั้น มันอยู่ในผ้าคลุมสีแดงเผยให้เห็นแค่ใบหน้ากับรอยยิ้มน่าสะพรึง อีกความประหลาดของจิตรกรหนุ่มคือการให้บัตรวีไอพีเพื่อชวนให้ไปดูปีศาจด้วยกันในงานนิทรรศการศิลปะที่พิพิธภัณฑ์ทราฟัลการ์
"อะไรวะ ขอดูหน้าของไคล์ได้ป่ะ?"
"ลองเสิร์ชหา Kyle Gordon ก็ได้มั๊ง"
"It's illegal to be that damn hot อะ รู้ละทำไมเธอถึงยอมไปกับหมอนี่" แทนแซวทันทีที่ใบหน้าของนักวาดภาพปรากฎบนหน้าจอโทรศัพท์ "What the hell is Devil-inside วะเธอ?"
"He can see devil inside us with naked eyes, he said." เจนพลิกตัวตะแคงสบตากับแทนแล้วอธิบายสิ่งที่ได้รู้มาจากจิตรกรหนุ่ม "เขาบอกว่าทุกคนมีปีศาจเป็นของตัวเอง อาจจะเป็นความขั่วร้ายที่ซ่อนอยู่หรือความลับที่เก็บไว้ ไคล์บอกไม่ได้หรอกว่าปีศาจของฉันเป็นประเภทไหนเพราะฉันควรเป็นคนที่รู้ดีที่สุด"
"โห หล่อประหลาดแถมยังปรัชญาสุดๆ ยังไงก็ช่าง... ฉันดีใจนะที่เธอกลับมาปลอดภัย"
"ดีใจเหมือนกัน"
แทนหาวหวอดเพราะยังง่วงอยู่ เขาตะแคงไปอีกข้างแล้วข่มตาหลับ ส่วนเจนนอนหงาย มือเย็นกุมตรงกลางอกสัมผัสถึงจังหวะหัวใจที่เต้นเชื่องช้าแผ่วเบา เหม่อมองเพดานเพื่อสำรวจความเป็นไปของอาณาจักรจิตใจหม่นหมองทีละตรอกซอย จากดินแดนป่ารกซึ่งเป็นบ้านของสัตว์ร้ายในตำนานเหมันต์ฤดู ถัดมาคือหมู่บ้านสามัญชนซึ่งดูแลโดยหญิงหม้ายหมอดู ชุมชนที่โอบล้อมปราสาทไม่มีปัญหาโจรขโมยเพราะผู้สาปสูญไม่มีทรัพย์สินติดตัวนอกจากความทรงจำก่อนตาย พวกเขาซื้อขายด้วยการแลกเปลี่ยนน้ำตากับเสียงหัวเราะ
.
.
.
อาคันตุกะของราชินียังคงรอเข้าเฝ้าอยู่ในท้องพระโรงพร้อมกับผู้ติดตามซึ่งเป็นแฝดน้อง ทอดสายตามองท้องฟ้ายามรุ่งสางพลางจุดบุหรี่สูบมวนหนึ่ง คุยสัพเพเหระกับนางกำนัล ถามถึงสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับราชินีบ้าง ความเป็นมาของอาณาจักรบ้างเมื่อนึกขึ้นได้ตามประสาผู้มาใหม่ พวกนางกำนัลจึงเล่าให้ฟังพอสังเขปเกี่ยวกับอาณาจักรจิตใจหม่นหมองและพาไปชมสวนดอกไม้เมืองฝน ผู้มาเยือนสนใจดอกคามีเลียซึ่งจะไม่ผลิบานจนกว่าหน้าหนาวจะมาถึง
"ทำไมถึงมีดอกคามีเลียในอาณาจักรที่มีฝนตลอดกาลล่ะ?"
"เมื่อนานมาแล้วอาณาจักรเคยมีฤดูหนาวเพคะ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างของราชินี ที่นี่ก็ไม่มีฤดูหนาวอีกเลย"
"นานหรือยัง?"
"ห้าปีเห็นจะได้เพคะ"
อาคันตุกะพยักหน้ารับรู้ข้อมูลใหม่ เขาเก็บงำรอยยิ้มไว้ใต้ริมฝีปากบางซึ่งแม้แต่แฝดของตนก็ไม่อาจเข้าใจ นางกำนัลเห็นว่าราชินีกลับมาปราสาทห้วงนิทราแล้ว ผู้ติดตามของอาคันตุกะผายมือให้นางไปหาเจนเพราะพวกเขาจะชมสวนต่อสักพัก คู่แฝดนั่งไกวชิงช้า ผู้เป็นพี่พ่นควันออกมาจากปล่องปากขณะมองราชินีไม่วางตา
"มองต่อไปเถอะ นางไม่สนใจพี่หรอก... ดูสิ พี่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของนางสักนิด"
"ปากดีนักนะ" แฝดพี่ค้อนใส่คนน้อง หยิบบุหรี่ออกจากปากแล้วบีบจนแหลกสลายในมือ "ถ้านางไม่สนใจคงไม่ตอบรับจูบของฉันตั้งแต่แรก ให้เวลานางหน่อยเถอะ"
ราชินีไม่ได้ยินสิ่งที่คู่แฝดคุยกันเพราะจดจ่ออยู่กับเงาสะท้อนเลือนรางในลำธาร เธอมองเงาของตัวเองอย่างเหม่อลอย ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงพูดของนางกำนัลราวกับว่าจิตใจกำลังล่องลอยไปแสนไกล อาคันตุกะสังเกตเห็นท่าทีประหลาดของราชินีกำลังฉีกแกะเล็บนิ้วหัวแม่มือขณะจดจ้องลงไปในลำธาร เขาสันนิษฐานว่านางกำลังคร่ำเครียดกับปมบางอย่างซึ่งยังไม่ถูกแก้ หรือไม่... นางอาจเพิ่งได้เผชิญหน้ากับปีศาจของตัวเอง
ผู้เป็นน้องลังเลใจกับหญิงสาวที่แฝดพี่ตกหลุมรัก ถึงแม้คู่แฝดจะเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษอันแปลกประหลาดแต่พวกเขาต้องการเพียงความรักธรรมดาที่ไม่ซับซ้อน ถึงอย่างนั้น... ผู้ติดตามอย่างเขาไม่มีสิทธิ์ตัดสินเรื่องความสัมพันธ์ของแฝดพี่เพราะตนเป็นแค่คนนอก
.
.
.
เจนตื่นขึ้นจากห้วงนิทราเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแล้วพบว่ารูมเมทไม่อยู่ในห้องแล้ว เธอจึงลุกขึ้นไปแปรงฟันแล้วออกจากห้องพักในชุดนอนเมื่อคืน เธอเห็นแทนกำลังทำสปาเก็ตตี้ผัดน้ำมันมะกอกเพียงลำพังในห้องครัวรวม เธอช่วยเตรียมจานและส้อมสำหรับมื้อสายของสองคน ทว่าไม่นานนักก็มีชายหนุ่มอีกคนออกมาจากห้องพักของตัวเองในชุดนอน ริวเบ็นเกาหัวแกรกๆ ปิดปากหาวหวอด มืออีกข้างถือไอแพตสิบสองนิ้ว เขาอ่านทบทวนบทเรียนตลอดทั้งคืนหลังจากที่แทนแยกย้ายกลับเข้าห้อง ริวเบ็นอ่านหนังสืออย่างหนักเสมอเพื่อถกเถียงประเด็นต่างๆในคาบอย่างผู้มีความรู้ เขาเกลียด
"Everyone worried about you so it's good to know that you're safe."
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ แทนแบ่งสปาเก็ตตี้ใส่จานเซรามิคที่เตรียมเอาไว้ ไม่มีใครพูดต่อ ทิ้งให้ห้องครัวรวมอยู่ในความเงียบน่าอึดอัดเพราะพวกเขาทั้งสามมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีต่อกันนัก ถึงอย่างนั้นริวเบ็นก็ร่วมโต๊ะทานมื้อสายด้วย ทั้งสามนั่งคนละมุมของโซฟา เว้นระยะห่างเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับความคิดที่โลดแล่นขณะใช้ส้อมม้วนเส้นพาสต้าทวนเข็มนาฬิกาด้วยมือขวา ห้องยังคงเงียบต่อไปจนกระทั่งมื้อสายจบลงโดยไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้น
เจนกลับเข้าห้องเปลี่ยนชุดหลังจากล้างจานเสร็จ วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบายจึงเลือกเสื้อยืดคอกลม กางเกงขายาวกับรองเท้าบูทส้นเตี้ยคู่เก่ง เธอยังมีเวลาสักพักเพื่อไปนั่งเขียนเรียงความในห้องสมุดโซนงดใช้เสียงเพียงลำพังก่อนเริ่มเรียนตอนบ่ายโมงครึ่ง
เจนกับริวเบ็นออกมาจากหอพักพร้อมกัน ข้ามถนนครั้งหนึ่งที่แยกไฟจราจรและผ่านไซต์ซ่อมบำรุงอาคารสำนักงาน พวกเขาเดินบนทางเท้าเรียบสะอาดซึ่งมีผู้คนขวักไขว่ แม้ตอนนี้เป็นเวลาสาย ทว่าชีวิตคนเมืองกลับเร่งรีบไม่ต่างเมืองหลวง กลิ่นกาแฟหอมโชยผ่านจมูกของสองนักศึกษา
"Coffee?"
"Espresso two shots would be enough."
"..."
"เจ้าเหมียวน้อย" เสียงแหลมเล็กของเจนเรียกลูกแมวสีดำซึ่งนอนสั่นอยู่บนทางเท้าตรงหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัย เธอลูบขนดำขลับของมันอย่างทนุถนอม ริวเบ็นยืนมองเธอสลับกับนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เขาเห็นว่าฝนกำลังตั้งเค้าจึงขอเดินไปก่อน เจนจึงฝากให้ริวเบ็นซื้อเอสเปรสโซร้อนให้ด้วยเพราะเธอยังสนใจเจ้าแมวตัวนี้อยู่ "ไหน ดูซิ... แกมีเจ้าของรึเปล่า" เจนเกาคางให้ลูกแมวน่าสงสารแหงนคอขึ้นเพื่อดูปลอกคอสีแดงซึ่งมีจี้รูปหมวกสีขาวแต่ไม่มีชื่อ "ใครใจร้ายทิ้งแกไว้นะ"
แมวดำร้องครางอ้อนมือของหญิงสาวอย่างสนิทใจ เธอจำใจลาจากลูกแมวน่าสงสารเพื่อเขียนเรียงความให้เสร็จ ถึงอย่างนั้นเธอก็เห็นมันอยู่ที่เดิมในเวลาหกโมงเย็น ริวเบ็นแพ้ขนแมวรีบสวมผ้าปิดจมูกขณะยืนดูเจนให้อาหารสำเร็จรูปกับเจ้าเหมียว เขาทนอยู่อย่างนั้นประมาณเกือบสองสัปดาห์
จนกระทั่งลูกแมวสีดำหายไป...
"Someone might pet it already." ริวเบ็นพยายามปลอบเจนแม้ตัวเองกำลังพูดอย่างสบายใจ "No need to be worried anymore. Hey! You know what, you are soft and sweet with cat than people."
"Am I?"
"You are."
"Do you want to know the reason why?" ริวเบ็นพยักหน้าหงึกหงักทว่ากลับถอยหลังหนีเมื่อเจนสบตาลึกเข้าไปถึงวิญญาณของเขาพร้อมกับคำตอบเยือกเย็น "That's because people are asshole meanwhile cats just take over the world with their cuteness."
"The fact of cats taking over the world is way too exaggerate but... I'm cool with the reason that people destroy each others. I mean, not all of them."
"Don't forget to count yourself in."
"What?! Why?!"
"That fucking night in house party."
"It's just a game!"
การถกเถียงปรัชญาความดีชั่วเริ่มต้นไม่ทันไร ทั้งสองก็เขม่นใส่กันอีกครั้งด้วยนิสัยชอบรื้อฟื้นของเจน เฮ้าส์ปาร์ตี้ที่ว่าคือปาร์ตี้ในคืนนั้นหลังจากที่ไทกลับไปกับแฟนสาวของเขาแล้ว เจนกลับเข้าเกมจริงหรือท้าต่อ ทันใดนั้นร่างสูงของริวเบ็นปรากฎขึ้นพร้อมกับแก้วเหล้าในมือ กระซิบแผ่วเบาว่า "You slutty witch." แล้วเดินจากไปอย่างหน้าตาเฉย ทิ้งให้เจนจมอยู่กับคำพูดของเขาทั้งคืน ริวเบ็นไม่คิดจะอธิบายว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นจนถึงตอนนี้เขาใช้เกมเป็นข้ออ้างสำหรับการทำร้ายจิตใจ... ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย
ก่อนที่พวกเขาจะทะเลาะกันมากกว่านี้ โชคดีที่พวกเขาทั้งคู่ถูกขัดจังหวะด้วยการมาถึงของใครบางคน จิตรกรหนุ่มจากลอนดอนอุ้มลูกแมวสีดำไว้ในอ้อมแขนจดจ้องมองหญิงสาวร่างเล็กพร้อมกับคลี่รอยยิ้มอย่างมีความสุข เจนประหลาดใจมากกว่าดีใจ เธอจึงขอให้ริวเบ็นกลับไปก่อนแล้วเจอกันที่หอตอนกลางคืนเพื่อถกเถียงปรัชญาตัวตนและอิสรภาพของมนุษยชาติ ไทเพิ่งเลิกเรียนวิชาภาษาศาสตร์กรีกแอบมองอยู่ห่างๆ อย่างน้อยก็เพื่อแอบฟังบทสนทนาที่ตนไม่มีความเกี่ยวข้อง
"เจน"
"คุณมาที่นี่ได้ยังไง"
"ผมจะอยู่ลิเวอร์พูลสักพักนึงน่ะ จนกว่าลอนดอนจะกลับสู่สภาวะปกติ ว่าแต่... หอคุณอยู่แถวนี้เหรอ"
"ค่ะ" ไคล์อ่านสีหน้าของหญิงสาวออกว่าเธอกำลังมีคำถาม "คุณรู้ได้ไงว่าฉันอยู่แถวนี้? ฉันไม่เคยบอกคุณด้วยซ้ำว่าฉันเรียนอยู่ที่ไหน ถ้าคุณจะบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญก็คงเป็นความบังเอิญที่น่ากลัวเกินไปนะ"
"เฮ้ อย่าเพิ่งกลัวผมสิ... ผมแปลกใจเหมือนกันที่เจอคุณ"
รอยยิ้มผุดขึ้นจากริมฝีปากของจิตรกรหนุ่ม เขาสังเกตเห็นใครบางคนพยายามซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล -- ชายร่างสูงถือหนังสือและอุปกรณ์การเรียนไว้ในมือ ไคล์ไม่เห็นหน้าของบุคคลปริศนานั้นหรอกแต่ด้วยเซนส์บางอย่างของเขาทำให้คิดว่าใครคนนั้นอาจมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเจน ดังนั้นไคล์จึงคว้ามือของหญิงสาวมากอบกุมไว้แล้วจุมพิต "มันเป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะที่เราได้เจอกันอีก" เจ้าแมวสีดำส่งเสียงร้องเมื่อไม่เห็นชายหนุ่มที่หลบซ่อนตัวแล้ว ทั้งคู่จึงเดินคุยกันต่อจนกระทั่งไปถึงอพาร์ทเมนต์ของไคล์
จิตรกรหนุ่มซื้ออพาร์ทเมนต์สองคูหาไว้ในลิเวอร์พูลสำหรับปลีกวิเวกและเก็บงานศิลปะ เขาแวะมาพักที่นี่เป็นครั้งคราวเมื่อเอือมระอาเมืองหลวงแห่งอังกฤษแล้วไม่อยากเที่ยว เขามาที่นี่เพื่อนอนเฉย ๆ ในห้องนอนที่มีเพียงเขากับผ้าใบผืนใหญ่ เขาไม่สร้างผลงานเพิ่มสักชิ้น เอาแต่สั่งอาหารขยะผ่านแอพพลิเคชั่น ทานอาหารพวกนั้นแล้วหลับไป ตื่นมาอีกครั้งในห้องเดิม ชุดตัวเดิมโดยไม่อาบน้ำจนกระทั่งคีธโทรมาด่าว่า
"ถ้าพี่ไม่คิดจะทำตัวเองให้เป็นประโยชน์ก็ช่วยโอนเงินค่าไฟกับค่าเช่าห้องในลอนดอนให้ผมด้วย ขอบคุณ"
"เงินเดือนมึงไม่พอจ่ายรึไง" จิตรกรหนุ่มค้อนเสียงกร้าวใส่แฝดน้อง ดวงตาสีเข้มลึกลับจดจ้องผืนผ้าใบว่างเปล่าน่าโมโห จินตนาการดับสลายไปกับอารมณ์ขุ่นเคือง ทว่ากลับสามารถมองเห็นหน้าตาของปีศาจชั้นล่างแหวกว่ายอยู่ตรงหน้า "หรือมึงเอาเงินไปทำอะไรหมด"
"พี่มีเงินเยอะกว่าผมอะ ช่วยน้องหน่อยไม่ได้เหรอ"
"ช่วยน่ะช่วยได้ แต่มึงบอกมาก่อนว่าเอาเงินไปทำอะไรหมด ทำไมไม่มีจ่ายค่าเช่าห้อง"
"..."
"ตอบ!!"
"เออ! ผมเอาไปซื้อบริการ พอใจยัง!" คีธจำใจบอกความจริงซึ่งทำให้ไคล์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างผิดหวัง "ขอโทษฮะ"
"ซื้อได้ ไม่ได้ว่าอะไรหรอก... แต่มึงก็อย่าใช้เงินเกินตัว มันเดือดร้อนกูเนี่ย"
"เข้าใจแล้ว อย่าลืมโอนเงินมานะ"
การเป็นพี่ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่เคยง่ายเพราะต้องแข็งแกร่งมากพอที่จะเป็นที่พึ่งได้ เจนเข้าใจไคล์ดีเพราะตนเป็นพี่สาวคนโตของครอบครัวชนชั้นกลางซึ่งพ่อแม่คาดหวังมากเป็นพิเศษ เธอนั่งคุยเรื่องครอบครัวของไคล์บนโซฟาในห้องเก็บงานศิลปะ ไคล์เล่าว่าแม่ทิ้งพวกเขาให้อยู่กับพ่อขี้เมา ท่านมอมเมาตัวเองให้หายเศร้าในทุกคืน กระหน่ำมือฟาดบนหน้าคู่แฝดเมื่อไม่พอใจที่ไม่ยอมทำอาหารให้เขาหรือไม่ฟังคำสั่ง ไคล์เห็นพ่อเป็นปีศาจตนแรกในชีวิต ปีศาจอัปลักษณ์ซึ่งไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้และชอบทำลายข้าวของ ส่วนคีธบอกหัวใจของพ่อกลายเป็นสีดำ ทุกคืนคู่แฝดกล่าวโทษแม่ที่ทิ้งพวกเขาไว้กับชีวิตเฮงซวย
"เสียใจด้วยนะคะ"
"ขอบคุณนะ แต่เอาจริงชีวิตของพวกเราก็ซวยไม่นานหรอก เพราะหลังจากนั้นไม่กี่ปี พ่อก็ตายด้วยมะเร็งตับ แม่ไม่มางานศพของพ่อด้วยซ้ำ พวกเราหาห้องเช่าโง่ ๆ อยู่กันสองพี่น้อง... อาจจะลำบากหน่อยช่วงแรกแต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครทุบตีเราอีก เรื่องที่น่าสะใจที่สุดคือปีศาจของพ่อเป็นภาพวาดแรกที่ผมขายได้"
"คุณเก่งมากเลยนะคะที่ผ่านมาได้"
"คุณก็เหมือนกัน"
จิตรกรหนุ่มหลงใหลบรรยากาศความเศร้าอบอวลในห้องนี้ ปีศาจสวาปามรสชาติของความลับและความรู้สึกจากสองหนุ่มสาวอย่างตะกละมูมมามเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรอีกเลยนับตั้งแต่เหตุโศกนาฏกรรมในทราฟัลการ์ หนึ่งสิ่งที่มนุษย์ไม่รู้เกี่ยวกับปีศาจ คือ พวกมันแข็งแกร่งขึ้นจากความรู้สึกที่มนุษย์โยนทิ้งเพื่อให้ตนเป็นคนมีความสุข ความรู้สึกเร่าร้อนวาบหวามก่อตัวขึ้นเมื่อไคล์ลากไล้ปลายนิ้วสัมผัสตามเรียวขา ไต่นิ้วลึกลงไปที่กลีบร่องฉ่ำแฉะ หนุ่มสาวต่างกระหายอยากในกันและกันภายในห้องที่เต็มไปด้วยนัยน์ตากลวงโบ๋ พวกมันส่งเสียงครางกระเส่าอย่างมีอารมณ์ร่วมและไร้มารยาทผ่านผืนผ้าใบ
ไคล์จึงพาเจนเข้าไปในห้องนอนเพื่อร่วมรักอย่างเป็นส่วนตัว ผนังห้องนอนสีขาวนวลสบายตาตกแต่งด้วยนาฬิกาโมเดิร์นเรือนใหญ่ ชายหนุ่มผละร่างออกจากจูบ คืบคลานคร่อมเจนซึ่งนั่งชิดหัวเตียง มือนุ่มของหญิงสาวรูดแก่นเนื้อขึ้นลงจนกระทั่งแข็งตึง ผู้ได้รับการปรนเปรอโอดครางในลำคอ จิตรกรหนุ่มปลดเปลื้องอาภรณ์และรีบสวมถุงยาง
"ไม่ต้องรีบค่ะ ยังไงฉันก็ไม่ไปไหนอยู่แล้ว"
"หึ ปากหวานจังนะคุณ อยากรู้จังว่าตัวคุณจะหวานเหมือนปากมั๊ย"
ร่างกายของพวกเขารวมเป็นหนึ่งเมื่อสอดแก่นกายอย่างเชื่องช้า ไคล์สารภาพว่าตนแทบคลั่งตายเมื่อคิดถึงกลิ่นน้ำหอมของเจนซึ่งล่องลอยเย้ายวนทุกครั้งที่นึกถึงจูบลาวันนั้น ว่าแล้วก็โน้มตัวจูบริมฝีปากนุ่มชมพูด้วยความปรารถนาแสนเก็บกด ลิ้นร้อนตวัดเลียอีกฝ่ายจนหลุดครางเสียสูญเสริมด้วยแรงกระแทกของผู้อยู่เหนือกว่า เจนโอบกอดแผ่นหลังกว้างและแทะเล็มไหล่กว้าง เธอจูบเขาทุกครั้งที่อยากครางเพราะกลัวของเสียงตัวเองดังรบกวน ทว่าจิตรกรหนุ่มกลับยืนกรานว่าตกหลุมรักเสียงของเธอตั้งนานแล้ว
"ผมชอบทุกอย่างที่เป็นคุณ"
ลึกลงไปในหัวใจสีเทา -- อาณาจักรจิตใจหม่นหมองกำลังจัดงานเฉลิมฉลองการมาถึงว่าที่ราชาองค์ใหม่ ประชากรต่างตื่นเต้นแซ่ซ้องเพราะเชื่อในข่าวลือว่าราชาองค์นี้สามารถนำฤดูหนาวคืนสู่อาณาจักรนี้ได้และราชินีของพวกเขาจะไม่จมอยู่ในความเศร้าอีกต่อไป
ชั่วโมงต่อมา ไคล์เดินมาส่งเจนที่หอพักพร้อมกับจูบลาแต่ไม่ยอมปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมกอด เจนจึงบอกว่าอพาร์ทเมนต์ของไคล์อยู่ไม่ไกลสามารถเดินมาหาเธอที่มหาวิทยาลัยหรือหอพักก็ได้ มันคงดีไม่น้อยหากมี double date สักครั้ง สองหนุ่มสาวไม่รับปากกันว่าจะเจอกันอีกครั้งเมื่อไรเพียงแต่จูบลากันอีกครั้งแล้วแยกย้าย
"Who is him?"
"None of your business, Reuben."
เจนค้อนใส่ริวเบ็นซึ่งสอดรู้ไม่เข้าเรื่อง เธอบอกเขาว่าขอเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนถกเถียงปรัชญาด้วยกัน แทนสังเกตได้ว่าเพื่อนสาวของตนมีพฤติกรรมต่างไปบวกกับกลิ่นแปลกปลอมซึ่งติดเสื้อของเธอ เขามองออกว่าเพื่อนสาวอย่างคุยโม้จนอดไม่ไหว เธอเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทว่าเธอกลับคว้ากรรไกรคมกริบออกมาจากลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง
"จะทำอะไรน่ะ?"
"ฉันอยากผมสั้นน่ะ" ว่าแล้วก็คว้ากลุ่มผมไว้ในมือแล้วตัดฉับอย่างไม่รู้สึกเสียดาย "แม่บอกว่า ผมยาวทำให้ผู้หญิงสวย... ฉันรำคาญผมยาวที่สุดเลยล่ะ" เธอพร่ำพูดให้แทนฟัง เขามองเรือนผมน้ำตาลสั้นลงเรื่อย ๆ ด้วยความรู้สึกใจหาย "ใคร ๆ ก็ชอบผู้หญิงผมยาวแต่ฉันคงจะไม่ไว้ผมยาวเพื่อให้ใครมาชอบฉันหรอก" เธอไม่ได้ตัดผมอย่างเดียว ทว่าตัดตัวตนที่เธอเกลียดทิ้งด้วย "เธอคิดว่าไง"
แทนมองเจนผู้ผมสั้นลงผ่านกระจกแล้วเดินตรงไปกอดจากข้างหลัง เธอกำกรรไกรในมือแน่นเสียจนเป็นรอย แทนขอร้องไม่ให้เจนเก็บความลับไว้กับเขาอีก ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตามเพราะเขาไม่ต้องการให้เจนหายไปเหมือนครั้งก่อน แทนช่วยปัดเศษผมบนหน้าของเจนพลางแซวว่าไคล์คือคนที่ทำให้เธอมีความคิดอยากตัดผม ซึ่ง... จะว่าแบบนั้นก็ได้
"เธออยากรู้ไหมว่าเขาพูดอะไรกับฉันบ้าง... ตอนที่อยู่กับเขา"
"พูดว่าไงๆๆ"
"ผมชอบทุกอย่างเป็นคุณ"
"โอ๊ยยยย คุณไคล์นี่ปากหวานจังอะเธอ"
"จริง หวานจริง"
"หมายถึงปากหวาน ไม่ใช่ literally ปากหวานสิ!!"
"รู้สึกมีชีวิตขึ้นมายังไงไม่รู้นะ พอได้ยินแบบนั้น"
#จมในห้วงความคิด
Comments (0)