Trigger Warning: 

- เลือด (Blood)

- การทำร้ายตัวเอง (Self-Harm), การทำร้ายร่างกาย (Physical Abuse)

- ความคิดฆ่าตัวตาย (Suicidal Thought), การฆ่าตัวตาย (Suicide)

- ตัวละครตาย (Character Dead)

 

โปรดอ่านอย่างมีวิจารณญาณและขอให้มีความสุข


 

 

เมื่อตะวันพ้นเส้นขอบฟ้าวันใหม่ หนังสือเล่มบางหน้าปกสีดำแต่งด้วยรูปมงกุฎสีทองถูกห่อแน่นหนาและบรรจุลงในกล่องพัสดุส่งมายังหอพักนักศึกษาปริญญาโท ภาคปรัชญาพร้อมกับเจาะจงผู้รับ 'เจนจิรา นิวัฒน์วงศา' ผู้ส่งขอให้ผู้รับแปลหนังสือเล่มนี้และกระจายต่อในเร็ววันเพื่อให้ทั้งโลกรับรู้ เจนรับพัสดุไว้ด้วยความแปลกใจจากผู้ดูแลหอพักแต่ก็หายสงสัยเมื่อเห็นชื่อผู้ส่ง

"นานแล้วเนอะ ที่ที่บ้านไม่ติดต่อหาเธอ"

"ก็มีคุยกันบ้างนะในกลุ่มครอบครัว แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ส่งความคิดถึงมาในรูปแบบของพัสดุ" เจนยิ้มพลางใช้คัตเตอร์กรีดกล่องกระดาษ "ไอ้เจคมันตีพิมพ์หนังสือทำมือด้วยนะ"

"อ๋อ เล่มนี้เหรอ?" แทนตาวาวเป็นประกายเมื่อเจนแกะบับเบิ้ลและเผยหน้าปกสีดำของหนังสือ "ฉันเคยเห็นเพื่อนแชร์ผ่าน ๆ อยู่แต่ไม่ว่างอ่านสักที นี่นักเขียนส่งมาถึงมือเธอเลยอะ โคตร exclusive" เจนหัวเราะในลำคอ ภูมิใจที่น้องชายคนเก่งมีผลงานของตัวเองและเก็บเงินมากพอจนสามารถทำทุนสำหรับหนังสือเล่มแรกของตัวเอง เธออ่านผ่าน ๆ ตาพอให้เข้าใจว่านี่คือเรื่องสั้นแนวสะท้อนสังคมและปรัชญาการเมือง 

"มันส่งมาให้ช่วยแปล อยากโกรธนะเพราะมันก็แปลเองได้"

"มันหาเรื่องคุยกับเธอเหมือนทุกทีนั่นแหละน่า"

"หึ! เพราะมันเซ็นหนังสือในเล่มมาให้หรอกนะ ถึงยอมทำให้น่ะ"

สองวัยรุ่นรู้อยู่แก่ใจว่าขณะนี้เกิดอะไรขึ้นกับนักเขียน แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่พูดและคอยส่งกำลังใจไปให้อย่างเงียบ ๆ คอยเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียด้วยเสียงทั้งหมดที่ตนมีในฐานะครอบครัวและเพื่อนสนิทเพื่อเป็นอีกแรงใจให้เจคและผู้ชุมนุมได้รับการปลดปล่อย เจนคงไม่มีวันได้เจอน้องชายตัวเป็น ๆ จนกว่าจะกลับประเทศไทย

บ่านวันนี้ไคล์แวะมาหาที่หอพักพร้อมกับแมวคู่ใจของเขา แทนทำมื้อเที่ยงอวดฝีมือเสน่ห์ปลายจวักด้วยเมนูข้าวผัดกะเพราหมู เขาซื้อเครื่องปรุงจากร้านสะดวกซื้อเอเชียใกล้หอและเนื้อสัตว์คุณภาพจากห้างในละแวก ไคล์ไม่ค่อยทานอาหารรสเผ็ดแต่ข้าวผัดกะเพราเป็นเมนูที่เขายอมยกเว้นให้ 

"เจนมีเพื่อนแบบคุณก็ดีนะ เธอไม่ค่อยทำอาหารเอง แบบนี้เธอก็กินอิ่มหลับสบายเลยสิ" 

"แซว..." เจนหัวเราะกลบเกลื่อนเพราะที่เขาพูดมาก็ไม่เกินจริง ช่วงที่เธอไปอยู่กับไคล์ก็ไม่ค่อยทำอาหารเองยกเว้นมื้อเช้าโง่ ๆ ถ้าตื่นก่อน "คุณก็ไม่ค่อยทำอาหารเหมือนกันนั่นแหละ"

"กินอิ่มหลับสบาย คุณไม่ต้องห่วงเลย" แทนตอบรับในคำชมของไคล์ "แล้วหลังจากนี้คุณจะพาเจนไปไหนรึเปล่า?"

"โอ้ไม่ล่ะ ผมแค่อยากแวะมาหา เดี๋ยวค่อยเจอกันพรุ่งนี้เลยครับ"

"อ้าว ไม่อยู่ด้วยกันก่อนเหรอ?" เจนกุมมือแฟนหนุ่มทำสายตาอ้อน 

"ผมต้องเร่งทำงานน่ะ อยากทำให้เสร็จก่อนไปเดตวันพรุ่งนี้ " ไคล์ลูบหัวเอ็นดูแฟนสาว แทนกระแอมไอแล้วหยิบจานทั้งสามใบไปล้างในอ่างซิงค์ "นะครับคนดี"

"ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ" 

เจนออกไปส่งไคล์ที่หน้าหอ เจ้าแมวดำกระโดดขึ้นบนไหล่ของชายหนุ่มแล้วจากไป เจนรู้สึกตะหงิดใจที่แฟนหนุ่มของตนไม่จูบหรือกอดลา เขาแค่กุมมือเธอตลอดทางแค่นั้น เธอพยายามเตือนตัวเองว่าทุกคนมีภาระหน้าที่ต้องจัดการและเขาคงอยากรีบจัดการธุระของตัวเอง ถึงอย่างนั้นหัวใจของเจนกลับสั่นระรัว มือเท้ากำลังชาดิกและเย็นเฉียบ ลางสังหรณ์กำลังบอกบางอย่างกับเธอซึ่งไม่ใช่เรื่องดี เจนสังเกตอาการของตัวและเห็นท่าไม่ดี เธอต้องการความช่วยเหลือขณะที่สายตาพร่ามัว เธอรีบจ้ำเท้าไปที่หออย่างเร็วที่สุด 

"แทน!" เธอตะโกนเรียกหารูมเมตทันทีที่เปิดประตูหอทำเอาริวเบ็นที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนโซฟาสำลักน้ำด้วยความตกใจ

"โวยวายอะไรของเธอเนี่ย"

"แทน..."

"อยู่ในห้องมั้ง"

"ขอบใจ"

เมื่อเจนได้คำตอบก็เดินพรวดไปที่ห้องพักของตัวเอง ริวเบ็นอยากคุยกับเจนในเรื่องสำคัญแต่เขาทำได้แค่ส่งข้อความไปหาเธอว่า 'ถ้าเย็นนี้ว่าง ขอคุยด้วยหน่อยนะ... เรื่องแฟนของเธอ' ถ้าเธอไม่อ่านเร็ว ๆ นี้คงต้องมีการเคาะห้องเรียกเกิดขึ้นเพราะมันเป็นเรื่องสำคัญระดับชีวิตเลยทีเดียว 

แทนกำลังนอนคุยแชทกับแฟนหนุ่มเห็นว่าเจนกุมกลางอกของตัวเองและหอบหายใจฮึดฮัด เขาวางโทรศัพท์ไว้บนเตียงแล้วเดินไปพยุงร่างของเจน 

"เกิดอะไรขึ้น? เล่ามาเลยนะ ใครทำอะไรเธอ?"

"ไคล์... ดู... ห่างเหิน... แปลก ๆ" เจนค่อย ๆ พรั่งพรูคำพูดขณะที่แทนช่วยพาเอนร่างของเธอนอนราบบนเตียง 

"ไม่เป็นไรนะ เธอกำลังคิดมากเกินเหตุ อยู่กับปัจจุบัน... อยู่กับฉันก่อน" แทนพูดปลอบขณะมองร่างของเพื่อนสั่นเทา "ปัจจุบันตอนนี้มีแค่ฉันกับเธอ ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ"

"เขา... ห่างเหิน... ฉันรู้สึกได้..." 

"ทุกอย่างจะเรียบร้อยนะ ไม่เป็นไร ค่อย ๆ หายใจเข้านะ" เจนพยายามทำตามที่แทนบอก ควบคุมร่างกายและลมหายใจของตัวเอง "ทีนี้ค่อย ๆ หายใจออก อยู่ด้วยกันนะ" เธอพยายามอยู่ราวสิบนาทีกว่าจะกลับมาเป็นปกติ แทนให้เจนดื่มน้ำและจัดเตียงนอนให้สบาย "เอายาดมด้วยมั้ย?"

"ขอด้วย ขอบใจ" เจนยื่นมือยาดมที่เธอเก็บไว้บนโต๊ะทำงาน "แต่มันก็แปลก ๆ จริงนะ เขาไม่เคยทำตัวห่างเหิน เพิ่งจะเป็นช่วงนี้"

"แล้วเธอคิดว่าไง"

"ฉันอาจจะคิดมากนะ แต่เหมือนเขาทำเหมือนเขาได้สิ่งที่ตัวเองอยากได้แล้ว"

"ซึ่งก็คือ... ?"

"ไม่รู้สิ ตัวฉันเหรอ?"

"ถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงอยากเป็นแค่ one night stand ตั้งแต่แรกแล้วสิ ไม่ก็ตกลงว่าจะเป็นแค่ FWB กับเธอ แต่นี่เขายังอยากไปเดตคู่อยู่เลยนะ" แทนพยายามนึกถึงความสมเหตุสมผลเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจมากขึ้น 

"มีเหตุผล... ฉันคงคิดมากไป"

"แต่คอยสังเกตพฤติกรรมของเขาไว้ก็ดีนะ ฉันแค่พูดในมุมมองคนนอก"

"อืม" เธอตอบรับพลางสูดยาดมเข้าไปเต็มปอด "เฮ้อ"

 

ตริ๊ง !!

 

(You got 1 message from REUBEN_Philo)

 

เจนเห็นแจ้งเตือนแล้วรับรู้แต่ไม่เข้าไปอ่านข้อความเพราะเหนื่อยมากแล้ว เธอขอนอนพัก ส่วนแทนก็กำชับเธอว่าไม่อยากคิดมาก ขอให้นอนด้วยหัวสมองที่โล่งสบายจะได้ไม่ต้องนอนพร้อมความเครียด เขาเฝ้าเจนสักพักก่อนจะออกไปที่ห้องนั่งเล่นซึ่งริวเบ็นยังไม่ไปไหน 

"เพื่อนเธอเป็นอะไรน่ะ? เห็นท่าทางไม่ค่อยดีเลย"

"แพนิกกำเริบน่ะ เครียดเกินไปหน่อย"

"แทนเห็นข่าวนี่ยัง?" ริวเบ็นส่งไอแพดซึ่งตนทำสรุปข่าวเหตุโกลาหลในพิพิธภัณฑ์ศิลปะทราฟัลการ์ แทนส่ายหน้าเพราะตนรู้ข่าวแค่เหตุสังหารหมู่แต่ไม่รู้รายละเอียดมากกว่านั้น เขาขออนุญาตใช้ไอแพดของริวเบ็นกวาดสายตาอ่านคร่าว ๆ จากลายมือรีบ ๆ ของริวเบ็น "แสดงว่ายัง... ฉันอยากคุยกับเจนเรื่องนี้แหละ"

"ค่อยคุยวันอื่นแล้วกันนะ เธอคงยังไม่พร้อมรับรู้เรื่องนี้เร็ว ๆ นี้" แทนกล่าวขณะส่งไอแพดคืนให้ริวเบ็น 

"แต่-"

"นึกถึงเจนบ้าง ลองนึกถึงใจของเขา ถ้าเธอเป็นเขาคิดว่าเขาจะรับไหวเหรอ... กับเรื่องพวกนี้น่ะ" แทนตอกกลับเสียงแข็ง เขาเข้าใจในความปรารถนาดีของริวเบ็นแต่ไม่อยากเห็นเพื่อนต้องทรมานกับอาการแพนิกอีกรอบในวันเดียว "เธอตามข่าวอยู่แล้วก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้น้องชายของเจนกำลังอยู่ในอันตราย ให้เวลาเธอหน่อยเถอะ"

"ให้เวลาเธอถึงเมื่อไหร่? สุดท้ายเธอก็ต้องรู้อยู่ดี... ไม่ช้าก็เร็ว"

"จนถึงตอนนั้นฉันจะเป็นคนบอกเจนเอง"

 

ขณะเดียวกัน...

เจนดำดิ่งสู่อาณาจักรจิตใจหม่นหมองอีกครั้งเป็นวังวนของกิจวัตร ครั้งนี้เธออยู่ในห้องนอนโดยที่ราชาไคล์ยืนมองบางอย่างที่หน้าต่างห้อง ร่างสูงสวมชุดนอนผ้าลินินมันเลื่อมสีน้ำเงิน ไพล่มือทั้งสองข้างไว้ข้างหลังราวกับพินิจพิจารณาและจมดิ่งสู่ความคิดของตัวเองซึ่งเจนไม่อาจหยั่งถึง บรรยากาศภายในห้องเงียบงันน่าขนลุก เมื่อไคล์รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองจึงชวนให้มายืนด้วยกัน 

"ข้าทำได้ดีเลยใช่ไหม?" ราชาตรัสถามภรรยาพลางกุมมือหล่อนไว้ เจนมองตามไคล์ไปที่นอกหน้าต่างเห็นชุมชนของพสกนิกรแปรเปลี่ยนจากบ้านหลังเล็กเป็นบ้านหลังใหญ่ ประชาชนมีเพิ่มมากขึ้นประมาณเท่าตัวจากที่เคยมีอยู่ไม่ถึงร้อยคนและการปกครองในชุมชนเปลี่ยนไปจากการดูแลกันเองของสู่การอยู่ภายใต้การปกครองของทหารประจำปราสาท... อย่างน้อยก็เพื่อให้มีความสงบ "ตอบสิว่า ข้าทำได้ดี"

"ดี..." 

"ทำไมดูไม่จริงใจเลยล่ะ?"

"มันก็ดีที่มีการปกครองแบบใหม่ แต่ข้าแปลกใจว่าทำไมคนถึงเพิ่มเยอะขึ้นเร็ว ทำไมอาณาจักรของข้ากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่าบ้านที่สบายใจและสงบสุขอย่างที่เคยเป็น"

"สาบานได้ว่าข้าก็ไม่รู้เลย ข้าก็เห็นพร้อมเจ้าแต่มันก็ดีไม่ใช่เหรอ? ที่นี่จะไม่ใช่อาณาจักรแห่งจิตใจหม่นหมองอีกต่อไปเพราะทุกคนมีแต่ความสุขและฉลองกันทั้งวันทั้งคืน" ไคล์โอบแขนรอบเอวคอดของราชินีที่กำลังกริ้ว สิ่งที่เขาจะพูดต่อไปแม้มันไม่เหมาะสมกับเวลานี้แต่ลึก ๆ ก็หวังว่าจะทำให้คนรักเลิกขมวดคิ้วได้บ้าง "ข้าชอบตอนเจ้าทำหน้าบูดแบบนี้ เหมือนแมวเลย" ว่าแล้วตนก็ลูบหัวคนรักพร้อมหัวเราะร่าชอบใจ

"เฮอะ ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย" 

"แล้วทำยังไงให้เจ้าหายโกรธ"

"..."

"หืม? เจ้าเงียบแบบนี้ ข้าอ่านใจไม่ออกหรอกนะ ที่รัก"

"คิดถึงข้าเยอะ ๆ แล้วเจ้าจะรู้ว่าควรทำยังไง" 

ราชินีให้เพียงคำใบ้ของโจทย์ในการฟื้นฟูอาณาจักรให้กลับไปเป็นดังเดิม ไม่มีคำพูดใดนอกเหนือจากนี้ เธอไม่พูดสิ่งที่ต้องการอย่างตรงไปตรงมาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าโง่จนไม่รู้ว่าตนทำอะไรลงไป ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้งจนกระทั่งไคล์ทำลายมันโดยการตอบไม่ตรงคำถาม -- จุมพิตดูดดื่มบนริมฝีปากอิ่มสีชมพู เขาบดกลีบปากบนล่างและรับรู้รสชาติของเพลิงพิโรธที่กำลังเย็นลงเป็นน้ำแข็งอย่างช้า ๆ 

เมื่อถอนริมฝีปากจากกันและกัน ราชินีสบมองคนรักด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ ไคล์พออ่านสีหน้าแบบนั้นออกและเข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำไม่ใช่คำตอบที่่ถูก ทว่าร่างกายกลับก่อกบฎอยู่นอกการควบคุมของผู้เป็นราชา ไคล์ไม่อาจหักห้ามใจได้เลย อีกครั้งที่พ่ายแพ้ให้กับความเงี่ยนอยากของตนเอง

จูบและสัมผัสหิวกระหายทำให้หญิงสาวอ่อนแรงพ่ายแพ้ต่อพละกำลังมหาศาล แม้ไม่ใช่คำตอบที่ต้องการแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าไม่ชอบ ลิ้นร้อนโลมเลียสำรวจโพรงปากขณะที่มือใหญ่เริ่มลอบล้วงเข้าไปใต้กางเกงในฉ่ำแฉะ ลมหายใจของเจนรวยรินเร่าร้อนทำให้ห้องลุกเป็นไฟเพราะไม่อาจต่อต้านได้อีก อย่าหยุด... ความต้องการตั้งตัวอยู่เหนือเหตุผลจึงหลุดครางร้องขอให้อีกฝ่ายบำเรอจนเสร็จและเธอจะพาเขาถึงจุดสุดยอดเช่นเดียวกัน แก่นกายเขื่องแข็งถะถั่งน้ำสีขาวขุ่นที่มือเล็กของหญิงสาวในเวลาต่อมา

ไคล์กำลังโน้มหน้าจุมพิตคนรักอีกครั้ง ทว่ารู้สึกได้เพียงความว่างเปล่า กว่าจะรู้ตัว... เจนก็หายไปแล้วแต่คงไม่ไปไหนไกลนักเพราะเธอยังหลับใหลในโลกความจริง รอยยิ้มไม่ทราบความหมายผุดขึ้นจากมุมปากของชายหนุ่มขณะเช็ดมือและสวมอาภรณ์ท่อนล่างของตนดังเดิม 

"คิดเหรอว่านางไม่รู้" แฝดน้องโพล่งพูดท่ามกลางความเงียบของภวังค์ความคิดแฝดผู้พี่ 

"รู้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี" เขายกยิ้มร้ายอย่างผู้ชนะ "เจ้าเป็นยังไงบ้าง?"

"บริหารบ้านเมืองไม่ยากขนาดนั้นเพราะคนที่นี่ว่านอนสอนง่าย แต่มีที่หนึ่งที่ข้าเข้าถึงไม่ได้"

 

ราชินีหนีจากคนรักเข้ามาสู่ชุมชนซึ่งกำลังจัดเทศกาลเฉลิมฉลองอำลาความโศกเศร้า ผู้คนเต้นรำขวักไขว่และส่งเสียงหัวเราะเมามายรอบตัวชวนปวดหัวและคลื่นไส้เพราะความอึดอัด เจนหลบเข้ามาอยู่ในบาร์ซึ่งคู่แฝดบาร์เทนเดอร์ทำหน้าที่อยู่ จอห์นนี่ต้อนรับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ด้วยคอกเทลสูตรจัดจ้านเพื่อให้พวกเขามีแรงเต้นรำทั้งคืน ส่วนเจอาร์กำลังเช็ดแก้วอยู่หลังเคาน์เตอร์โดยยืนไม่ห่างแฝดของตนนัก 

"ไม่เจอกันนานเลยนะ ราชินี" จอห์นนี่เอ่ยแซว "วิ่งหนีอะไรมางั้นเหรอ หน้าซีดเชียว"

เจนรู้สึกเหน็ดเหนื่อย หวาดกลัวไม่ต่างจากวันที่ได้เห็นปีศาจตัวเป็น ๆ ในทราฟัลการ์ ความรู้สึกเมื่ออยู่กับไคล์ไม่ต่างจากกับการเจอปีศาจ ทว่าตนเองก็แตกสลายและเป็นอันตรายเช่นกัน ถึงอย่างนั้น... ไคล์ก็น่ากลัวเหลือเกิน 

"ดื่มนี่สิ" เจอาร์เสนอพลางเลื่อนแก้วใสก้านยาวซึ่งมีเครื่องดื่มไร้สีให้กับเจน "เผื่อช่วยได้" 

หญิงสาวสบตามองคู่แฝดอย่างเชื่อใจแล้วยกจิบเครื่องดื่มในแก้วซึ่งออกฤทธิ์ทันที เจนรู้สึกผ่อนคลายลงจากความเครียด สมองโปร่งโล่งและร่างกายเบาหวิว ทว่าเมื่อลืมตาขึ้นก็พบคู่แฝดแสยะยิ้มกว้าง จ้องมองเธอด้วยดวงตาคู่ขาวโพลน เจนกรีดร้องหวาดกลัวจึงรีบลุกพรวดออกไปจากบาร์ 

เธอตกอยู่ท่ามกลางกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาจูงมือและชวนเต้นรำพร้อมกัน เสียงหัวเราะของพวกเขาแหลมเสียดหูสลับกับเสียงโอดครวญร้องไห้ แม้ว่าเจนกำลังเต้นรำและหมุนตัวก็สังเกตความประหลาดได้อีกอย่าง นั่นคือร่างแฝดซึ่งปรากฎตัวไม่ไกล มันจ้องมองเธอด้วยนัยน์ตาสีขาวไร้แวว ลำคอหักพับผิดรูปและแสยะยิ้มแบบเดียวกับที่เจนเห็นคู่แฝดบาร์เทนเดอร์ เจนไม่สามารถทนดูต่อจึงหยุดเท้า ทันใดนั้นทุกสายตาของประชาชนและนักท่องเที่ยวจับจ้องที่เธอเป็นตาเดียวราวกับเธอกำลังทำผิดมหันต์

"เต้นต่อสิ เต้นกับเรา" หญิงวัยกลางคนไม่คุ้นหน้าบอกแต่ปากของหล่อนไม่ขยับ เพราะมันคือเสียงที่ดังมาจากร่างเงาบิดเบี้ยวข้างหลัง "เต้นต่อสิ เต้นกับเรา" มันพูดย้ำ คราวนี้ไม่ได้มาจากคนหนึ่งคน ทว่าเป็นสอง เป็นห้า เป็นสิบและทุกคนรอบตัวพร้อมกับเผยโฉมหน้าประหลาดเบื้องหลัง เจนรู้แล้วว่าทั้งหมดนั้นมีปีศาจและจำนวนประชากรในอาณาจักรที่เพิ่มขึ้นก็นับปีศาจด้วย

"เป็นอะไรรึเปล่า?"

ร่างแฝดปรากฎตรงหน้าเธอดั่งผีสาง แม้มันจะถามด้วยความหวังดีแต่เจนกลับกรีดร้องลั่นเพราะความกลัวและตกใจ เสียงของเธอปลุกตัวเองให้ตื่นจากความฝันกลับสู่โลกความจริงที่หอพักมหาวิทยาลัย ทว่าเธอกลับเจอร่างแฝดอยู่ในห้องอีก คราวนี้มันประจันหน้ากับเธอใกล้ชิด เจนขยับตัวไม่ได้เลยรวมถึงปากที่อ้าค้างกรีดร้องก็ไม่มีเสียงเปล่งออกไป เมื่อร่างแฝดพึงพอใจในการเห็นอีกฝ่ายทรมานจึงล่าถอยไป เจนกลับมาหายใจเป็นปกติได้อีกครั้งแล้วพาร่างของตัวเองกระโดดลงจากระเบียงชั้นสองสู่พื้นข้างล่างเพื่อหยุดความบ้าทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งในอาณาจักรและตัวเธอเอง 

"เจน!!!"

แทนสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเจนกรีดร้อง เขาพยายามตะโกนเรียกชื่อของเธอ เขย่าตัวจากเตียงนอนเพื่อเรียกสติเธอจากฝันร้าย แม้แทนไม่รู้ถึงความฝันของเจนแต่ก็พอดูออกว่ามันเลวร้ายมากจนทำให้เธอนอนแข็งเกร็งอยู่แบบนี้เกือบห้านาทีแล้ว แทนเรียกชื่อเธอซ้ำ ๆ บีบนวดแขนให้ผ่อนคลายจนกระทั่งเธอสูดหายใจเฮือกใหญ่เหมือนกลับสู่โลกความจริงแล้ว

เจนเล่าให้แทนฟังว่าตนกลัวความฝันครั้งนี้เหลือเกิน มันเริ่มน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอรอหยุดมันไม่ไหวแต่มันก็เหนื่อยเหลือเกิน เจนก้มหน้าร่ำไห้ พูดกับตัวเองย้ำ ๆ ว่า เธอไม่อยากตาย เธอยังไม่อยากตายแต่เธอกำลังเสียสติและควบคุมตัวเองไม่ได้ 

"มันแค่ความฝัน มันไม่ใช่ความจริงและเธอยังไม่ตาย เธอยังมีฉันนะ" 

 

 

#จมในห้วงความคิด