10 ตอน Chapter 9
โดย T.mines
Chapter 9
Number nine My Sun
หมายเลขเก้าของดวงตะวัน
#IXMYSUN
“ได้ครับ”
“...”
“แต่ตอนนี้พี่ขอจูบเราได้ไหมครับ”
“อื้อ...”
จบประโยคคำขอผู้พี่ประกบปากเข้ากับอวัยวะเดียวกันของผู้น้อง มือหนากดเข้าที่ท้ายทอย รสจูบที่หอมหวานปะปนด้วยกลิ่นซาลาเปาจากปากคนที่เพิ่งกินมา คนขี้แกล้งผละริมปากนิดนึงออกมาแซว “ซาลาเปาอร่อยจังครับ” กดจูบเข้าไปใหม่พร้อมฝ่ามือหนักๆ กระทบที่ต้นแขนผลจากการแซว รสจูบที่โหยหาปนความหวาน เขาทั้งคู่บดจูบไล่ตะปบปากกันและกัน ร่างโปร่งอ้าปากให้ลิ้นเรียวซุกเข้าไปในปาก ตวัดรัดพันกันอย่างรวดเร็ว
แขนคนน้องขึ้นมาคล้องคอดึงตัวคนตัวโตให้โน้มลงนอนราบลงบนตัว ริมฝีปากพละออกเล็กน้อยและกลับไปจูบกันต่ออย่างดูดดื่มอีกครั้ง มือหนาล้วงเข้าไปในสาบเสื้อสะกิดเขี่ยตุ่มไตสีชมพู คนพี่ผละจากฝังจมูกสูดดมกลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังกลิ่นประจำตัวของร่างโปร่ง ปากของคนผู้พี่ขบเม้ม ฝากรอยสีกุหลาบไว้ที่คอ แก่นกายที่บดเบียดจนรู้สึกปวดหนึบด้วยกันทั้งคู่
คนด้านบนจัดการลอกคราบทั้งตัวเองและคนน้องอย่างรวดเร็ว ร่างกายเปลือยเปล่า แอร์ที่16องศาไม่สามารถดับความไฟราคะที่โหมแรง คนผู้พี่เอื้อมไปหยิบเจลและซองถุงยางอนามัยที่วางอยู่ที่โต๊ะด้านข้าง แกะพลาสติกที่หุ้มออก ขย้ำทิ้งอย่างลวกๆ ลงกับพื้น สวมเครื่องป้องกันก่อน บีบเจลลงป้ายไปที่รอยจีบ ความเย็นของเจลคนน้องถึงกับสะดุ้ง “อ่ะ”
นิ้วยาวๆ สอดแทรกเข้าตรงรอยจีบขยายทางเข้า คนน้องตอดขมิบตอบรับนิ้ว “เชี่ย!!” คำสบทที่ออกมาจากกัดกรามแน่นตัวเอง เขาแทบอยากจะถอดนิ้วแล้วจับกระแทกเข้าไปทันที แต่กลัวคนน้องจะเจ็บค่อยๆ เพิ่มนิ้วจนครบสามนิ้ว ทุกครั้งที่เพิ่มนิ้วและขยับรอยจีบตอดรับตุบตุบ เสียงร้องครางทุกจังหวะที่นิ้วกระแทกเข้าจุดกระสัน คนพี่กัดกรามจนปวดไปทั้งปาก เมื่อเบิกทางจนได้ที่ นิ้วทั้งสามถูกถอดออก
“อ้า..” เสียงครางจากนิ้วที่ถูกถอดออกอย่างเสียดาย เจลหล่อลื่นหยิบมาอีกรอบป้ายลงบนที่เดิมอีกรอบ แก่นกายถูไถและฟาดลงบนช่องด้านหลัง คนพี่กดส่วนหัวเข้าไป
“พะ พี่ซัน ขะ เข้ามาเลยครับ” เสียงครางเรียกให้คนผู้พี่ดันเข้าไปให้สุด ด้วยความที่เขาเข้าใจว่าคนพี่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
คนใต้ร่างหวีดร้องเสียงหลง ตอนที่คนพี่ดันเข้ามาหมดทั้งดุ้น เล็บคมจิบลงบนแผ่นหลัง ตาลอยค้างบ่งบอกถึงความเสียวและจุกพร้อมๆ กัน ร่างสูงจูบซับหยดน้ำสีใสที่ซึมอยู่ที่หางตา เขาแช่ตัวไว้สักพักก่อนจะขยับเอวอย่างช้า เพิ่มจังหวะขึ้นเรื่อยๆ
“อะ อ่ะ อ้าาา...”
เสียงครางที่ดังประสานเสียงดังระงมทั่วทั้งห้อง ด้วยความห่างหายจากสัมผัสของกันและกันมานาน การสอดรับและประสานกันในบทรักเข้ากันได้เป็นอย่างดี
“จะ จูบหน่อย” แขนเรียวเลื้อยมาที่คอโน้มคนผู้พี่ให้มาป้อนจูบอย่างดูดดื่มอีกรอบ
คนพี่จับคนน้องพลิกนอนคว่ำลง สิ่งนั้นที่ตัวยังสอดประสานกันอยู่ นอนทับลงบนตัวกดกระแทกเอวลงไป พวงแฝดฟาดลงบนก้อนสีขาวนุ่มอย่างไม่กลัวช้ำ
“พะ พี่ซันไนน์จะถึงแล้ว อ๊ะ อ๊าา...”
น้ำสีขาวพรวยพุ่งเลอะลงบนโซฟาโดยที่เขากำลังจะไม่ใช้มือไปสัมผัสส่วนหน้า ส่วนคนที่ยังอยู่ด้านบนกดกระแทกเข้ามาไม่ยั้ง จนในที่สุดก็ปลดปล่อยออกมาตามกัน คนผู้พี่กดกระแทกตามอีกสองสามทีรีดน้ำรักครั้งแรกออกให้หมด เขาถอนตัวออกรูดถุงยางออกมัดโยนลวกลงพื้น หันไปมาคนน้องที่นอนคว่ำโก่งบั้นท้ายขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนที่อ่อนไหวกลับมาขยายพองตัวขึ้นอีก เขารีบคว้าถุงยางอีกซองมาฉีกสวมครอบ
หันมายกตัวคนน้องที่นอนหอบอย่างหมดแรง หันหน้าใช้มือเกาะที่พนักพิง ขาทั้งสองขาคุกเข่าบนโซฟา กดส่วนหัวเข้าไป ด้วยความที่เพิ่มร่วมรักเจลที่หล่อลื่นยังคงค้างอยู่ รอบนี้ทำให้ดันเข้าไปได้ง่าย แต่ยังคงมีความเสียวตลอดการสอดใส่
“อ๊ะ พี่ซัน”
“ตรงนี้ขออีกรอบนะครับ เดี๋ยวที่เหลือเราไปต่อที่เตียงกัน”
เสียงกระซิบที่อ่อนนุ่มแต่การกระทำอันร้อนแรง เอวที่กระแทกไม่บันยะบันยัง ริมฝีปากที่กดจูบ ขบกัดที่ต้นคอ นิ้วมือบีบขยี้ที่ตุ่มไต ความเสียวที่ถาโถมรุกล้ำ เล็บจิกเข้าไปที่เนื้อโซฟา พนันกันได้เลยว่าต้องมีผิวหนังโซฟายัดเข้ามาที่เล็บ คนน้องตวัดแขนไปล็อกท้ายทอยคนพี่ที่ฝังรอยฟันลงบนต้นคอระบายความเสียว มาจูบแลกลิ้น ตอนนี้เขาไม่สนว่าคนพี่จะฝากรอยหรือเขาจะฝากรอยอะไรไว้บนของใคร ขอแค่ระบายความใคร่เพียงพอ
“พี่ซะ ซัน ตรงนั้น อ๊ะ”
คนพี่ยกยิ้มอย่างภูมิใจกับเสียงครางที่ร้องเรียกชื่อเขาตลอดเวลา ยิ่งเขากดย้ำตรงจุดคนน้องยิ่งครางดังขึ้น เขาใช้มือขยับไปรูดสาวส่วนหน้าของคนน้อง นิ้วกดส่วนปลายเอาไว้
“พ พะ พี่ซันไนน์จะถึงแล้ว ปล่อยไนน์นะ” ไม่เพียงแค่ครางอย่างเดียว พยายามเอามือมาสัมผัสแต่ก็โดนเขาเอามือปัดออกไป
“รอพี่ก่อนครับ” เขากระซิบเขาที่หู บรรจงเอาลิ้นเลียและแย่งเข้าไปในหู
“พ พะ พี่ซัน อ๊ะ ไนน์ไม่ไหวแล้ว”
คนขี้แกล้งยังกดส่วนบนไว้อย่างแน่น “ตกลงเป็นแฟนกับพี่ก่อน พี่ถึงจะยอมปล่อย”
“อ๊ะ!!” ร่างสูงกดขยี้ส่วนหัวต่อไป จนน้ำเริ่มปริ่มขึ้นมา
“เป็นแฟนกับพี่นะครับ” เสียงกระซิบเข้าที่หู “แล้วพี่จะปล่อยให้เราเสร็จ”
“อืม” นิ้วที่กดไว้คลายออก น้ำสีขาวพุ่งออกมาทันทีเลอะไปยังพนักโซฟา ฟุบหน้าลงบนพนักพิง ตอนนี้สมองเขาขาวโพลงจำไม่ได้ความตอบรับคำถามของคนผู้พี่อะไรไป เพียงแค่ต้องการอยากปลดปล่อยจึงตอบรับไปเท่านั้น
ส่วนคนที่ได้คำตอบแบบมัดมือชก หัวเราะหึ อย่างสะใจ ในที่สุดก็ยอมเป็นแฟนกับเขาสักที เอวที่สอบเข้าออกไปไป คนพี่ไม่มีท่าทีจะเสร็จ จนคนน้องแข็งขันขึ้นมาอีกรอบ ไม่นานนักคนพี่ก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกับคนน้องที่เป็นรอบที่สาม ร่างโปร่งนอนราบกองอย่างหมดแรง
ร่างโปร่งถูกอุ้มพามายังเตียงอย่างหมดสภาพ แต่ไฉนเลยคนผู้พี่จะหยุดรังแก ปล่อยให้คนน้องนอนพักเอาแรงไปแค่ครึ่งชั่วโมง การรังแกคนที่เพิ่งสมยอมเป็นแฟนแบบไม่รู้ตัว ดำเนินอย่างไม่มีหยุดหย่อนกว่าจะยอมปล่อยให้คนน้องพักก็ปาไปเกือบตีสอง
“ไอ้พี่ซัน!!!! ไอ้คนบ้า กะเอาให้ตายเลยหรือไง” เสียงกร่นด่าคนพี่รอบสุดท้ายที่รังแกคนน้อง ตอนนี้เขาแทบจะขยับไปไหนไม่ได้ ปล่อยให้คนพี่เช็ดตัวและทำความสะอาด เขาไม่รู้ตัวหลับไปตอนไหน
ไนน์ตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเช้า เอวรวบไว้ในอ้อมแขนคนที่รังแกเขาตลอดทั้งคืน เขายกแขนเอาหมอนมาให้กอดแทน ลากสภาพตัวเองตอนนี้น่าจะเหลือแค่ซากเก็บชุดขึ้นมาใส่และลงไปยังห้องที่ตัวเองพัก
พอกลับมาถึงห้องเขามองดูเจ้าฝึกงานที่ยังหลับ รีบคว้าเสื้อผ้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อนที่พวกนั้นจะรู้ว่าเขาไม่ได้มานอนที่ห้องพัก โชคยังดีที่นมแย้มสอนการจัดกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ตั้งแต่เด็ก ว่าต้องเอาชุดอะไรมาบ้าง เสื้อฮู้ดแขนยาวช่วยปกปิดรอยที่เกิดเมื่อคืนได้เยอะเลย
“นี่คนหรือทากดูดเลือดว่ะ รอยเต็มไปหมดเลย” เขาบ่นพึมพำคนเดียวระหว่างแต่งตัวในห้องน้ำ “คนบ้าอะไรเอวไม่ตก เล่นซะสะโพกครากเลย”
ออกจากห้องน้ำเขาต้องตกใจเมื่อคนที่ควรจะหลับอยู่นั่งลืมตาอยู่ทั้งสองคน กำลังจ้องมองมายังเขา ปลากัดและโฟมตื่นเพราะได้ยินเสียงคนอาบน้ำ พวกเขาเดาว่าจะเป็นพี่ชายที่หายไปทั้งคืนกลับมาแล้ว
ปลากัด “อ้าวพี่ไนน์มาแล้วเหรอ เมื่อคืนไปนอนไหนมาล่ะพี่” ถามพร้อมกับขยี้หูขยี้ตา
“พวกผมรอจนงานเลิกพี่ไม่มา พวกผมเลยหนีขึ้นมานอนกัน” โฟม
เขาเงียบสักพัก ในหัวประมวลความคิดความว่าพูดอย่างไรดีแล้วตอบ “พี่มาพวกแกหลับไปแล้ว พอดีไปเจออะไรดีๆ มานิดหน่อยนะ” ใช่แล้วไอ้ที่เจอดีๆ นะถูกแล้ว แต่น่าจะพูดอีกอย่างว่าเขาเจอดีมากกว่า เจอดีจนแทบคลานกลับห้องเลย
“เฮ้ยพี่ไนน์ทำไมเสียงแหบแบบนี้ล่ะพี่” โฟมทิ้งตัวลงนอนเด้งตัวขึ้นมาถาม
“ยังไม่หายไข้อีกเหรอพี่” ปลากัดถามซ้ำด้วยอีกคน
“สงสัยตากลมเมื่อคืนมั่ง ถามไรมากความจังว่ะ กูขอนอนต่ออีกหน่อย ไปกินข้าวเรียกกูด้วยล่ะ” เขาเลือกตวัดผ้าห่มมาคลุมหัวหนีไอ้พวกขี้สงสัยทั้งสองตัว ...คงไม่มีพิรุจให้พวกมันจับได้ใช่ไหมว่ะ แต่ก็ช่างแม่งเถอะเหนื่อยนอนดีกว่า...
ณ. ห้องอาหารโรงแรม
“พี่ไนน์กินไรเดี๋ยวพวกผมไปเอาให้” ปลากัดพาร่างทรุดโทรมของรุ่นพี่มาสั่งยังโต๊ะ โฟมมาเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง โชคร้ายหน่อยที่พวกเขาต้องมานั่งโต๊ะใกล้ๆ พวกที่ไม่ชอบขี้หน้ากัน พอมาถึงเสียงซุบซิบก็ดังมาให้พอได้ยิน
“แม่งไปทำไรมาว่ะ สภาพยังกะไปโดน...มานิ”
“สงสัยไอ้ที่หายไปทั้งคืน คงไปทำเรื่องอย่างว่ามาแหละ”
“คงเคยทำแหละ เหมือนจะขาดไม่ได้ แล้วเหยื่อนี่คือใครวะ”
“ไม่ใช่กูแน่ ไม่ต้องมามองเลยมึง”
ไนน์กัดกรามด้วยความโกรธ ทั้งที่เขาเตือนแล้วยังจะมาพูดให้ได้ยินอีก เจ้าสองคนเพื่อนซี้เด็กฝึกงานเตรียมตัวเดินไปโต๊ะข้างๆ ตอนนี้เขาฝึกงานผ่านแล้วพร้อมงัดกับพวกปากดี เขาพอรับรู้ถึงความไม่พอใจของน้องทั้งสองรีบคว้ามือพวกมันและส่ายหน้า บ่งบอกว่าอย่ามีเรื่อง
“ไปหาอะไรมากินป่ะ กูหิวแหละกินเหมือนพวกแกนั่นแหละ ขอกาแฟด้วยนะ” เขาบอกให้ทั้งสองเลี่ยงออกไปหาอะไรมากิน ส่วนจ้าเด็กฝึกงานถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดและเดินออกไปทั้งคู่
เสียงนินทายังไม่จบ ยังมีมาเป็นระลอก เขาได้แต่นั่งข่มอารมณ์ ด้วยที่ไม่ได้นอนเกือบทั้งคืนและยังปวดตัวอยู่ เมื่อเจอคนที่พูดเรื่องไร้สาระใกล้ๆ หู ถ้ายามปกติเขาเลือกที่เดินหนีไม่สนใจ บางทีความอดทนคนก็มีจำกัด ขณะที่อารมณ์กำลังพุ่งขึ้น เจ้าเด็กฝึกงานทั้งสองคนก็กลับมาพร้อมกับอาหารอย่างรวดเร็ว
“รำคาญฉิบหาย” เสียงบ่นของร่างโปร่งที่ต้องมานั่งฟังเรื่องที่นินทาทุกวัน
“พี่เอาข้าวต้มหมูมาให้ แล้วนี่ก็กาแฟครับ” โฟมส่งอาหารมาวางตรงหน้า
“ขอบคุณครับ เออฝึกงานเสร็จแล้ว พวกแกจะว่างช่วงไหนพี่จะได้พาไปเลี้ยงส่งว่ะ” เขาถามแล้วพลางตักข้าวต้มเข้าปาก
“พี่จะเลี้ยงเหรอ? เลี้ยงไรง่ะ?” ปลากัดถามด้วยแววตาเป็นประกาย
“โอมากะเสะไหม? อยากกินพอดี นัดวันมาแล้วกันนะ”
“ขอบคุณครับพี่ไนน์ พ่อพระมาโปรด” ปลากัดที่นั่งข้างๆ กอดเข้ามาที่ไหล่พร้อมกับเขย่าตัวด้วยความดีใจ ส่วนเจ้าโฟมคว้ามือเข้ามากอบกุมส่งสายตาปลื้มปริ่มมาให้
ปึก!!! เฮ้ย!!! เฮ้ย!!! เฮ้ย!!!
แก้วกาแฟกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง พร้อมกับเสียงร้องดังของทั้งสามคนที่นั่งอยู่ เงยหน้าขึ้นไปมองสมาชิกที่มาใหม่เป็นท่านรองประธาน จ้องมองไปยังปลากัดราวกับว่าด้วยสีหน้าทมึงอยากจะฉีกร่างออกเป็นส่วนๆ
“ผมขอนั่งด้วยคนครับ” เสียงที่กดเข้ม
“ชะ เชิญเลยครับ” โฟมรีบลุกพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ที่ว่างให้นั่ง
“ผมจะนั่งตรงนี้” ซันจิ้มนิ้วไปยังตรงหน้าที่ปลากัดนั่ง ตวัดสายตาไปจ้องเขม่งด้วยอีกที
ปลากัดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ รีบดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้อย่างเร็ว จนเก้าอี้หงายหลังล้มลง “คะ ครับได้ครับ” รีบคว้าเก้าที่หงายล้มอยู่ขึ้นมา ดันของกินไปยังที่ว่างและวิ่งอ้อมโต๊ะไปนั่งข้างเพื่อนสนิทอย่างเร็ว
เสียงถอนหายใจ “ไนน์กินอะไรเหรอครับ” น้ำเสียงที่อ่อนยวบถามให้กับคนด้านข้าง
แกร็ง! เสียงช้อนที่กำลังเข้าต้มเข้าปากร่วงลงใส่ชามข้าว
“ขะ ขอโทษครับ” เด็กฝึกงานทั้งสองพูดตะกุกตะกักออกมาพร้อมกัน รีบหยิบช้อนมาตักข้าวกินต่อ
“พี่.. คุณซันกินอะไรหรือยังครับ” คนน้องเอ่ยถามเมื่อรู้สึกว่ามันเงียบเกินไป
“มึงหรือว่ามันจะตกเจ้านายเราได้อีกคนเหรอว่ะ” เสียงนินทาที่เบาแต่ด้วยที่จุดตรงนี้มีคนสนใจ จึงพอจะได้ยิน
ซันหันจ้องมอง ก่อนขยับมากระซิบถาม “ที่พวกเขาพูดหมายถึงเราใช่ไหม”
คนน้องส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ อย่าสนใจเรื่องไร้สาระเลยครับ กินข้าวดีกว่า”
“ขอโทษครับ พี่ไนน์รู้จักกับท่านรองประธานบริษัทด้วยเหรอครับ” โฟมถามสงสัย
“หื้อ..ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ เราเป็นแฟนกันนิ” คนที่ตอบคือไม่ใช่คนที่ถูกถาม
พรวด! “โทษทีโฟม” ไนน์รีบหยิบทิชชูส่งให้น้องเห็นคราบกาแฟที่โดนพ่นใส่หน้าน้อง กัดฟันหันไปถามคนที่นั่งข้าง “แฟน? เราเป็นแฟนกันเหรอ?”
“พี่ไนน์ แฟนพี่?” ปลากัดชี้หน้าไนน์และซันสลับไปมา
“เอ่อ พี่ว่าคุณซันคงล้อเล่น” ไนน์วางมือที่หน้าขาและออกแรงบีบ “ใช่ไหมครับคุณซัน” คำถามที่เน้นย้ำที่ละคำผ่านรอยยิ้มที่กดกัน
ท่านรองประธานไหวไหล่แบบไม่ใส่ใจ “ล้อเล่นก็ได้”
ปลากัดที่กินข้าวต้มหมดไปหนึ่งถ้วยและกำลังจะไปตักเพิ่ม หันไปถามรุ่นพี่ “พี่ไนน์กินอะไรอีกเปล่าพี่ แล้วคุณซันจะรับอะไรไหมครับ”
“ไม่ล่ะ” ไนน์ตอบส่วนท่านรองประธานส่ายหัว “วันนี้มีกิจกรรมอะไรวะ”
“มีดำน้ำดูปะการังพี่” โฟม
“น่าสน” ตาเป็นประกายพอนึกถึงกิจกรรมที่ชอบ
“แต่พี่ไม่สบายอยู่นะ ผมมียาพาราอยู่ เมื่อเช้าผมหยิบออกมาแล้วน่าจะวางบนที่นอนมั่ง ถ้าพี่ขึ้นไปนอนหยิบกินได้เลยนะ” ปลากัดที่พูดได้แค่ประโยคแรกกับรุ่นพี่ ตั้งแต่ประโยคที่สองสายตาทันไปมองเจ้านายที่อาการดูแลรุ่นพี่ของเขา
“ไนน์ไม่สบายเหรอครับ” มือมาแตะที่หน้าผาก “ปวดหัวไหม เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกพี่ หื้ม...”
“ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ” ซันเอามือมาลูบหัวด้วยความเป็นห่วง
ส่วนบุคคลที่ร่วมโต๊ะหันมามองหน้ากัน ส่งสายตาสื่อความหมายอย่างคนที่เป็นเพื่อนซี้กัน
...กูว่าอาการมันไม่ธรรมดาว่ะ เค้าจีบกันแน่เลย มึงว่าไงไอ้โฟม...ปลากัด
...มึงดูสายตาที่เจ้านายมองพี่มึงดิ แฟนกันมากกว่า...โฟม
บรรยากาศที่ฟรุ้งฟริ้งกันอยู่สองคน คนพี่แตะหน้าผาก ลูบหัว คนน้องส่ายหน้า ต้องยุติลงด้วยเสียงที่เกรี้ยวกราดและแหลมของหญิงสาว ที่เดินเข้ามาเห็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นว่าที่คู่หมั้นกำลังลูบหัวคนอื่นอยู่
“พี่ซัน!!” เสียงกรีดร้องของวีว่า
“...” ทุกคนหันไปตามเสียงที่ดังขึ้นมา
เกิดสภาวะเดตแอร์ขึ้นภายในห้อง ความอยากรู้อยากเห็น แต่ด้วยความที่เป็นเรื่องของเจ้านายทำให้ทุกคนก้มหน้าก้มตากินกันต่อ แต่ถ้าสังเกตดีๆ ทุกคนแทบจะเอียงมาฟังอย่างตั้งใจ
“นี่นาย อิ่มแล้วก็ลุกไปได้แล้ว จะมานั่งโต๊ะตัวเดียวกับคนเป็นเจ้านายได้ยังไง” คนทั้งสามที่นั่งอยู่ต่างมองหน้ากันและพากันลุกขึ้นยืน
ซันคว้าข้อมือของอีกคนและดึงให้นั่งลง “วีว่า อย่ามาเสียมารยาทที่นี่นะครับ พี่เป็นคนมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาเอง”
วีว่าเดินมาคว้าแขนไนน์พร้อมกับเอาเล็บจิกลงไปที่เนื้อ “มันเป็นใครคะ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เมื่อกี้พี่ซันลูบหัวมันด้วย” นิ้วที่ชี้เข้าที่หน้ามาพร้อมกับน้ำเสียงที่เจือปนความดูถูก
“...” ซันโกรธที่หญิงสาวมาต่อว่าและดูแคลนคนรักของคน แรงบีบที่ข้อมือทำให้ไนน์รับรู้ว่าคนพี่เริ่มโมโห
“ใช่แล้ว นายคือคนที่เขาพูดถึงแน่เลย คนที่ชอบจับผู้ชายรวยๆ หลายคนถึงบอกว่าให้คอยระวังพี่ซันเอาไว้ให้ดี” วีว่าขมวดคิ้วและหันไปมองหน้าซัน “อย่าบอกนะคะ ที่หายไปเมื่อคืนไปกับมันมา พี่ซันตอบมาสิคะ ว่าไม่ใช่!!”
“วีว่า! มันจะมากไปแล้วนะ เขาจะเป็นอะไรกับพี่ก็ไม่เกี่ยวกับเรา พี่จะไปไหนมาไหนกับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับเรา พี่มองเราแค่น้องสาวเท่านั้น”
“โอ๊ะ!” ซันฉุดตัวไนน์ให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พาออกไปจากตรงนี้ แต่ด้วยเล็บของหญิงสาวยังฟังอยู่ที่แขนของเขา เลยกลายเป็นการครูดเนื้อของเขา ขนาดเขาที่ใส่เสื้อฮู้ดกันหนาวที่หนาพอสมควร ยังเจ็บมากเลย
“เป็นไรครับ” คนที่ถึงกับชะงักและหันมาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะตวัดสายตาไปยังหญิงสาวต้นเรื่อง
“ไม่มีอะไรครับ” ไนน์ส่ายหัว
“ไปครับ ไปเก็บของกลับกรุงเทพกัน” เมื่อหันมาพูดกับไนน์จบก็จูงมือไนน์ให้เดินมาตาม ทิ้งให้หญิงสาวกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว
คนตัวโตพาร่างโปร่งมายังห้องพักตนเอง เพื่อเก็บของของเขาก่อนจนเรียบร้อยและพากลับลงไปยังห้องพักเพื่อเก็บเสื้อผ้าของอีกคน ซันโทรให้หนุงหนิงเลขาของเขามาเอาคีย์การ์ดที่หน้าลิฟต์ หนุงหนิงที่ไม่ชอบไนน์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมารู้ว่าเจ้านายที่ตนเองชื่นชมมีใจให้กับไนน์ก็ยิ่งเกลียดเพิ่มเข้าไปอีก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้านายหล่อนจึงได้แค่มองเฉย พอรับคล้อยหลัง ส่งสายตาที่ชิงชังอย่างไม่มีการปกปิดมาให้กับพวกเขาทั้งคู่
พอมาถึงที่รถ ทั้งคู่ก็ต้องตกใจว่าหญิงสาวที่อาละวาดใส่เมื่อกี้มายืนรอพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทาง
“พี่ซันค่ะ วีว่าโทรไปหาคุณป้าบอกว่าจะกลับกรุงเทพ และคุณป้าบอกว่าให้พี่ซันไปส่งวีว่าที่บ้านด้วยค่ะ”
ซันและวีว่ายืนจ้องหน้ากัน ซันไม่อยากพาวีว่าไปด้วยแต่หญิงสาวเล่นโทรไปหาคุณนายแม่ของเขา เขาจึงต้องจำใจพาไปอย่างขัดมิได้ วีว่ายกยิ้มใส่ไนน์อย่างคนที่ชนะ เพราะคนที่ถือหางหล่อนคือแม่ของผู้ชายคนนี้ ไนน์แต่ถอนหายใจ ด้วยความที่เป็นคนขี้รำคาญเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ได้ครับ ถ้าพร้อมแล้วขึ้นรถกันครับ” ซันบอกด้วยความละเหี่ยใจ
ซันปลดล็อกรถ และเดินอ้อมไปเปิดท้ายรถเพื่อเก็บกระเป๋าของทั้งสามคน วีว่าเดินขึ้นมานั่งทางข้างคนขับ ส่วนไนน์เดินไปนั่งยังด้านเบาะหลัง ซันที่นั่งตรงคนขับหันมามองหน้าเขาด้วยความรู้สึกผิด ไนน์ยกยิ้มให้และพยักหน้าพร้อมกับขยับปากแบบไม่ออกเสียง ไม่เป็นไรไนน์โอเคไว้ค่อยคุยกัน ซันหันไปยังด้านหน้าพร้อมถอนหายใจ
“ไปค่ะพี่ซัน จะได้ไปส่งคนอื่นให้มันจบๆ แล้วค่อยไปบ้านวีว่านะคะ จะได้ทานมื้อเย็นที่บ้านพร้อมกันค่ะ” ซันมองไนน์ผ่านกระจก ที่ยกหูฟังขึ้นทั้งสองมือดูและจับใส่เข้าไปในหู เพื่อตัดความน่ารำคาญของหญิงสาวออกไป
รถSUV สีดำ ราคาหลายล้านสมรรถนะสัญชาติยุโรปขับมาเข้ามายังกรุงเทพแถบชานเมือง บนรถมีเพียงแค่เสียงที่บรรเลงเท่านั้นไร้การพูดคุยสนทนาตั้งแต่ออกจากต้นทาง คนขับทำหน้าที่ขับอย่างเดียวเหลือบมองกระจกหลังเพื่อดูคนที่นั่งด้านหลังตลอดเวลา คนที่เบาะด้านข้างที่พยายามชวนคนขับคุยตลอดทางได้คำตอบมาเพียงแค่ อืม อือ เท่านั้นไม่มีการสนทนาโต้ตอบ หล่อนจึงหยุดคุยได้แค่นั่งหน้าหงิก ส่วนคนนั่งด้านหลังน่าจะสบายที่สุดนั่งหลับตาฟังเพลงของตัวเองจนหลับ
“นี่นาย ตื่นได้แล้ว บ้านอยู่ส่วนไหน” เสียงเรียกจากวีว่าปลุกให้คนหลับตื่นเพราะว่าเข้ามาเขตตัวเมืองที่พอจะต่อรถกลับเองได้แล้ว
ไนนี่เพิ่งตื่นและใส่หูฟังจึงไม่ได้ยินที่หญิงสาวถาม รีบถอดหู “เอ่อ เมื่อกี้ว่าไงนะครับ”
เสียง จิ ออกจากปากหญิงสาว “ฉันถามว่าบ้านแกอยู่แถวไหน เป็นแค่พนักงานให้เจ้าของบริษัทขับรถไปส่ง แถมยังจะมาหลับอีก เกินไปไหมคะพี่ซัน”
“วีว่า คนที่เรากำลังคุยด้วยพี่เขาชื่อไนน์และที่สำคัญอายุมากกว่าเราด้วยนะ รู้จักให้เกียรติคนที่เรากำลังพูดด้วย และพี่เขาพูดสุภาพกับเราทุกคำ” เสียงตำหนิหญิงสาวออกจากปากคนที่น่าจะเข้าข้างเธอ ทุกครั้งที่เจอกันซันมักจะคล้อยตามที่เธอต้องการ ก่อนหน้าที่โมโหใส่เธอแถมครั้งนี้ยังจะมาดุเธอต่อหน้าใครก็ไม่รู้ แถมเป็นแค่พนักงานธรรมดา มือยกขึ้นมากอดอกทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ
“ถามตั้งนานแล้วทำไมยังตอบอีกล่ะ” เสียงถามที่ห้วน ไนน์ได้แต่กลอกตาขึ้นบน เอาเถอะแล้วแต่คุณเธอเลย
“ผมพักแถวสาทรครับ”
“งั้นดีเลยค่ะพี่ซัน ไปส่งนายคนนี้ก่อน แล้วไปส่งวีว่าอยู่ทานข้าวเย็นเลยนะคะ” วีว่าวางแผนอย่างเสร็จสรรพ
“คงไม่ได้ครับ พี่วนไปรถไปส่งเราก่อน พี่มีธุระที่ต้องมาจัดการแถวสาทรด้วยครับ” ซันกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ
“แต่วีว่าโทรบอกที่บ้านไว้แล้วนะคะ อย่างงี้วีว่าเสียหน้าแย่เลยนะคะ ที่บ้านเตรียมทำอาหารไว้แล้วนะคะ พี่ซันไปนะคะ” หญิงสาวยู้ปากทำหน้างอนใส่ชายหนุ่ม
“เอ่อ ถ้าขับผ่านรถไฟฟ้าส่งผมลงแถวนั้นก็ได้ครับ พี่ คุณซันจะได้ไม่ลำบากต้องวนรถไปมาครับ” เขาไม่อยากให้ซันลำบากวนรถไปมา เขาอยากพักด้วยแหละ ยิ่งมาเจอหญิงสาวแบบวีว่ายังปวดประสาทมาก รำคาญสุดๆ เลย
“ไม่ได้ครับ พี่บอกว่าจะไปส่งคือไปส่ง” ซันจ้องมองผ่านกระจกมองหลัง “ส่วนทางคุณแม่ของเราพี่จะไปขอโทษเองที่ไม่ได้อยู่ทานข้าวด้วย เข้าใจกันนะ” เสียงที่นิ่งกึ่งบังคับ
“ค่ะ” เสียงตอบรับแบบไม่พอใจ
“ไนน์?”
“ครับ”
หลังการถกเถียงจบลง ความเงียบก่อเกิดในรถอีกครั้ง คนขับทำหน้าที่ดังเดิม หญิงสาวเดียวบนรถเสมองไปยังข้างทาง คนสมาชิกคนที่เหลือหยิบโทรศัพท์มาเปิดงานดูฆ่าเวลา เสียงเพลงช่วยบรรเทาไม่ใช่เงียบเท่านั้น
รถSUV ขับผ่านรั้วสีขาวเลี้ยวเข้าไปด้านใน บ้านหลังใหญ่หลังนี้ระดับน่าจะหลักร้อยล้าน รถเคลื่อนผ่านสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม บ้านที่ตกแต่งสไตล์ยุโรป มีน้ำพุอยู่ตรงลานกลางบ้าน รถวนขับไปจอดที่เยื้ยงประตูหน้าบ้านเล็กน้อย ไนน์เปิดประตูลงมาจากรถ มาถึงบ้านคนอื่นแล้วจะจอดรถและติดเครื่องยนต์โดยมีเขานั่งรออยู่บนรถมันดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่
“ผมขอรออยู่ข้างนอกตรงนี้นะครับ ถ้าจะให้กลับก่อนหรือยังไงให้คนมาบอกผมได้นะครับ” เขารีบตัดบทพูดกับคนพี่ก่อน
“รออยู่ตรงนี้นะพี่อยู่นี่ ไม่เกิน20นาที เดี๋ยวพี่มา ห้ามหายนะ” หญิงสาวเดินกระทืบเท้าเข้าไปยังในบ้าน เขาเดินไปเปิดท้ายหยิบกระเป๋าของหญิงสาวที่หนีไปส่งให้เด็กรับใช้ที่มารอรับอยู่ ก่อนที่จะเดินเข้าไปยังในบ้าน เขานึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง “ไนน์โทรศัพท์เราล่ะ”
“ทำไมเหรอ อยู่นี่ครับ” ร่างโปร่งหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงออกมาดู
“ขอยึดไว้ก่อนนะ” โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวถูกมือดีคว้าออกจากมือไปอย่างไม่ทันตั้งตัว และเดินหนีเข้าไปข้างในหน้าตาเฉย
ไนน์ยืนรออยู่ประมาณ10นาที คนพี่ก็เดินเข้ามาใช้มือโอบเอวดันหลังไปให้ขึ้นไปยังด้านหน้ารถ และขับมุ่งตรงไปยังคอนโดของคนน้อง
“จุดหมายของเราครับ อยู่ที่ไหน” ซันถามขณะกำลังขับรถออกจากประตู
“คอนโด Watchara Residence Sathon ครับ”
“ครับผม” คนร่างสูงยกยิ้มที่คนน้องยอมให้ไปส่ง และเขาได้เข้าใกล้อีกคนไปอีกนิด
ไนน์แบบมือไปตรงหน้า “โทรศัพท์ครับ”
แปะ ฝ่ามือหนาๆ กลับมาวางแทน นิ้วสอดเข้าไป “เอามือไปจับแทนโทรศัพท์ก่อนนะ พอดีพี่กลัวไนน์หายอีก”
“นั่งอยู่บนรถจะหายไปไหนล่ะครับ” กลอกตาขึ้นสูง
“ไม่รู้ล่ะครับ หนีไปหลายรอบแล้ว” พูดจบยกมือมาจรดที่ริมฝีปาก
“คร๊าบบบ ไม่หายไปแล้ว พี่ซันขับรถมือเดียวมันอันตรายนะครับ” ด้วยความที่ไนน์เป็นคนที่ชื่นชอบความเร็วในการขับรถ แต่เขาย่อมรู้ดีว่าสิ่งใดก่อให้เกิดอันตรายในการขับรถ
“งั้นขอจับแค่พ้นซอยแล้วกันครับ นะครับ” ซันใช้สายตาที่ชอบอ้อนคนผู้น้อง
“อือ” เขารู้ว่าถ้าคนพี่ส่งสายตามาแบบนี้ เขาย่อมแพ้อยู่ตลอด
หนึ่งชั่วโมงบนท้องถนนพวกเขาก็มาถึงยังคอนโดมิเนียมหรูระดับพรีเมี่ยมกลางใจเมือง ไนน์บอกคนพี่ให้ขับรถขึ้นไปจอดบนชั้นที่คนน้องเช่าไว้สำหรับจอดรถส่วนตัว ที่ตอนนี้อยู่ครบและรถส่วนตัวเจ้าคีนบอร์ดี้การ์ดยังจอดอยู่รวมด้วย
ซันดับเครื่องยนต์ก้าวลงจากรถ “ป่ะขึ้นไปข้างบนกัน”
“ห๊ะ!!” เจ้าของคอนโดขมวดคิ้วงุนงง คนชวนต้องเป็นเขาไม่ใช่เหรอ “ผมลากกระเป๋าเองได้ครับ”
“เราไม่สบายอยู่นะ ให้พี่ทำเถอะแค่ลากกระเป๋าให้แฟนตัวเองจะมาเกรงใจพี่ทำไม” ซันลากกระเป๋าส่วนมืออีกข้างเอื้อมไปจับมือของอีกคนเดินไปด้วย
“ว่าจะถาม ไนน์ไปเป็นแฟนพี่ซันตอนไหน?” เขาถามด้วยความสงสัย ตั้งแต่เช้าแหละทำไมเออออไปคนเดียว
คนคลั่งรัก หลงแฟนอย่างซันมีเหรอจะทนไหวในความรัก ฟอด กดหอมแก้มทันที “อย่าน่ารักพร่ำเพรื่อได้ไหมครับ พี่จับฟัดตรงนี้โทษพี่ไม่ได้นะ”
ไนน์ที่โดนจู่โจมหอมแก้ม ใบหูและแก้มเป็นสีแดง ใจเต้นแรง “พี่ซัน! ไนน์ไม่ได้น่ารักนะ ผู้ชายที่ไหนจะมาน่ารัก เฮ้ย...” เสียงถอนหายใจ ...มีอีกคนที่มองว่าเขาน่ารักนอกจากพวกแปดคนนั้นอีกเหรอ อ่ะ อย่าบ่นถึงเดี๋ยวพวกมันจะมา... “พี่ซันตอบคำถามไนน์มาก่อนเรื่อง.. แฟนน่ะ”
คนตัวสูงอมยิ้มที่คนเขินตอบถาม “เราตกลงเป็นแฟนพี่เมื่อคืนไงครับ”
“เมื่อคืน? ตอนไหน?” คิ้วขมวดอย่างสงสัย ไนน์พยายามระลึกชาติอยู่ว่าเขาตอบตกลงตอนไหน
“น่าจะรอบที่สองมั่งครับ พี่ถามเป็นแฟนกับพี่นะ แล้วเราก็ตอบอื้อ” ไนน์กลอกตานึกเรื่องเมื่อคืน เขาถึงกับอ้าปากค้าง ใบหน้าที่แดงแค่แก้มตอนนี้ลามไปทั่วไป
เขาใช้มือที่ว่างอยู่ชกไปที่ต้นแขน ตุบ! “คนขี้โกง ตอนนั้นใครมีสติมั่ง” เขาชี้หน้าคนพี่ นึกคำด่าไม่ออกเดินหนีไปยังลิฟต์ คนขี้โกงยกมือลูบแขนที่โดนตีและเดินตามไปครับ
“รอพี่ด้วยครับที่รัก” ยังมิวายพูดจาหยอกล้อคนน้อง ไนน์ได้ขบกรามระงับความโกรธปนความเขิน
เข้ามาในลิฟต์ต้องสแกนลายนิ้วมือหรือใช้คีย์การ์ดแตะไปยังหน้าจอเพื่อไปยังชั้นของตนเอง เป็นระบบความปลอดภัย ส่วนถ้าบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของห้องจะกดได้เพียงชั้นหนึ่งลงไปยังส่วนกลางที่มีนิติคอยดูแลอยู่ และความปลอดภัยอีกชั้นคือประตูห้องจะใช้ระบบใส่รหัสหรือสแกนลายนิ้วมืออีกชั้น
ไนน์สแกนนิ้วและพาซันเข้ามายังในห้อง ซันต้องตะลึงในความใหญ่โตของห้องและความตกแต่งที่หรูด้วยโทนสีดำตัดขาว คอนโดเป็นสองชั้น ถัดจากบันไดตรงกลางเขาเดาน่าจะเป็นห้องทำงานที่อยู่ติดกับระเบียง และตรงข้างทางซ้ายมือเป็นห้องครัว ส่วนชั้นบนยังมีห้องอยู่อีกสองห้อง
ซันหันมามองคนน้องพร้อมกับกลืนน้ำลาย ท่าเทียบคอนโดเขากับน้อง คอนโดที่เขาอยู่ราคาน่าจะหารครึ่งของน้องได้เลย แต่เขาน่าจะคิดได้ตั้งแต่น้องบอกชื่อโครงการได้แล้ว
“พี่ซันนั่งก่อนครับ เดี๋ยวเอาน้ำมาให้” คนน้องลากกระเป๋ามาไว้ข้างๆ ทางขึ้นบันได และเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นในห้องครัว
“ไนน์คอนโดเราหรูมาเลย คอนโดพี่นี่เล็กไปเลย” ซันรับน้ำจากน้องมองสำรวจไปรอบๆ
“ห้องนี้เป็นของขวัญเรียนจบครับจากปู่”
ติ่งต๋อง เสียงกดออดประตู
ไนน์ขมวดคิ้วสงสัยว่าใครมา เขายังไม่ได้บอกใครเลยว่าจะกลับมาก่อนกำหนด
ติ่งต๋อง เสียงกดออดซ้ำอีกรอบ
“รอแป๊บนะครับ ไปดูก่อนว่าใครมา” เขาเดินไปเปิดดูตรงจอมอนิเตอร์ว่าใครมา พอเห็นว่าใครมา เขาถึงกับเลิกคิ้วตาโตแทบจะหลุดออกมา
ติ่งต๋อง เสียงกดออดรอบที่สามตามมา
“บ้าชิบ!” เสียงอุทานดังขึ้น เขารีบวิ่งไปคว้าซันที่กำลังนั่งดื่มน้ำและมองมาทางเขา วิ่งขึ้นบันไดดันตัวเขาไปในห้องนอนส่วนตัว
“อยู่ในนี้ก่อนนะ อย่าออกมานะครับ” เขารีบปิดประตูห้อง วิ่งลงบันไดไป แต่นึกขึ้นได้ “รองเท้า!” รีบคว้ารองเท้าคนพี่วิ่งขึ้นบันไดเปิดประตูยัดรองเท้าให้คนพี่ที่ยืนงงอยู่หน้าประตู “อย่าออกมา ห้ามส่งเสียงด้วยนะครับ” ย้ำคนพี่อีกรอบปิดประตู
เขายื่นเช็ดเหงื่อปรับสีหน้าให้ปกติก่อนจะเปิดประตูให้แขกที่ไม่ได้เชิญมา “มากันทำไม”
Tbc…
Comments (0)