8 ตอน Chapter 7
โดย T.mines
Chapter 7
Number nine My Sun
หมายเลขเก้าของดวงตะวัน
#IXMYSUN
วันที่4 สมุย
แสงแดดอ่อนส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทางช่องของผ้าม่าน ร่างสูงตื่นขึ้นมาหยิบโทรศัพท์ดูเวลา หกโมงเช้าเขาตื่นก่อนที่ตั้งปลุกเอาไว้ครึ่งชั่วโมง คนที่ยังไม่ตื่นขยับตัวเข้ามาซุกที่อก เขาเลือกที่กระชับแขนกอดคนน้องให้แน่นอีก นิ้วเรียวยาวลูบไล้บนใบหน้าที่หล่อเหลาก็ว่าได้ แต่เมื่อยามใดที่น้องยิ้มใบหน้าจะกลายเป็นใบหน้าที่สวยและละมุนละไม จนเขาอยากจะเก็บใบหน้าและรอยยิ้มนี้เพียงผู้เดียว
คนหลับตื่นขึ้นจากเสียงนาฬิกาปลุก ลืมตาขึ้นมาเห็นแผ่นอกแน่นที่เขาซุกแอบชิดเอาไออุ่นตลอดคืน นิ้วที่ลูบไล้บนใบหน้า ทำให้เขารู้ว่าอีกคนตื่นแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นไปมองคนตื่นก่อน คนที่จ้องมองคนที่เพิ่งตื่นนอนอยู่กดจูบที่ริมฝีปากบาง
“อื้ออออ” คนเพิ่งตื่นตาโตหายง่วงทันควัน
“มอนิ่งคิสครับ” ริมฝีปากผละออก แล้วค่อยกดจูบซ้ำไปอีกหลายๆ ครั้ง จนอีกคนต้องเอามือมาปิดปากส่วนอีกข้างดันหน้าออก
“แฟนก็ไม่ใช่จะจูบอะไรนักหนาเนี่ย” เบะปากใส่อีกคน
“ก็พี่บอกว่าจะจีบเราไง อย่าลืมสิครับ ถ้ามีโอกาสที่จะฉวยมีเหรอพี่จะยอมพลาด” ร่างสูงยิ้มหัวเราะหึ ๆ อย่างพอใจ
“ไอ้คนฉวยโอกาส!!” เสียงด่าพร้อมกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ครับ ยอมรับ และตอนนี้ไนน์รู้แล้วเพราะฉะนั้นทำใจไว้ได้เลย” คนพี่พูดจบกดหอมไปที่ขมับอีกหนึ่งที
“...” คนที่โดนแกล้งได้แต่เม้มปาก “ปล่อยได้แล้วจะไปอาบน้ำ”
“ครับไปอาบน้ำกัน” จอมฉวยโอกาสลุกจากเตียงและยกตัวคนที่นอนแบกขึ้นบ่าพาไปยังห้องน้ำ
“ปล่อยโว้ย!!!” เสียงโวยวายพร้อมกับแรงกำปั้นที่ทุบลงบนหลัง
“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวตก” ฝ่ามือหนาๆ ตีเข้าไปที่ก้นของเด็กขี้โวยวายหนึ่งที
ซันวางคนที่แบกมาลงบนพื้นห้องน้ำ ดันตัวไปติดกำแพง เอาปากประกบป้อนจูบที่ดูดดื่ม คนน้องที่กำลังจะอ้าปากด่ากลายเป็นเปิดโอกาสให้ลิ้นแทรกเข้าไปแทน จูบที่ดูดดื่มกระชากวิญญาณ คนโดนป้อนจูบถูกต้อนจนอ่อนปวกเปียกปล่อยให้คนพี่ชักจูง น้ำลายสีใสเลอะที่มุมปากถูกกวาดต้อนเก็บอย่างเชี่ยวชาญ มือบางๆ ทุบที่แผ่นหลัง จนคนพี่ปล่อยให้ปากเป็นอิสระ
“อย่าทำอะไรนะ ไม่งั้นโกรธจริงๆ ด้วย” อีกคนพลักจอมฉวยโอกาส เอาหลังมือเช็กน้ำลายที่เลอะออกมา
“ไม่ได้เหรอ แต่มันอยากแล้วครับ” สายตาเลื่อนลงไปตาม มองดูสิ่งที่ปูดบวมเบ่งซุกซ่อนภายในกางเกง เขาเข้าใจเพราะด้วยที่เขาเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน
“งั้นจัดการตัวเองซะ ไม่ต้องส่งสายตาแบบนี้ไม่ใจอ่อนหรอก” เขาชี้หน้าคนหื่นที่ส่งสายตาออดอ้อนของความสงสาร “ผมไม่รอข้างนอกนะ”
ระหว่างที่อีกคนจัดการตัวเองอยู่ เสียงครางที่ดังลั่นห้องมีแต่ชื่อของเขา ‘ไนน์..อ้า ไนน์สุดยอดเลย อ้า..ไนน์......’ ต่อให้หน้าหนาหรือไม่คิดอะไร ถ้ามีคนมาช่วยตัวเองและครางเรียกชื่อแบบนี้ เขารู้สึกเขินเหมือนกัน แก้มเริ่มแดงระเรื่อ จนเสียงเงียบไปและตามด้วยเสียงน้ำ จากใจที่เต้นแรงตอนนี้เริ่มเบาลง คนที่จัดการตัวเองเดินออกจากห้องน้ำ คนน้องรีบแทรกตัวเข้าไปอาบน้ำทันที
“ไนน์ครับ พี่ชุดเรากับพี่ใส่ลงในกระเป๋าเดียวกันนะครับ พี่จะแบกให้ แล้วเราจะเอาไปอีกไหม” พลางหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพานหลัง
“แค่ของที่กองไว้นะครับ หยิบใส่ได้เลย” เสียงตะโกนตอบออกมาจากในห้องน้ำ
รถขอเรือเฟอร์รารี่มารับที่รีสอร์ตตามเวลาที่นัดหมาย และขับรถไปยังท่าเรือบางรัก จุดหมายปลายทางสิ้นสุดที่ปาร์ตี้ฟลูมูนที่เกาะพงัน พวกเขาขึ้นเรือและเริ่มกินอาหารเช้าบนเรือที่จัดเตรียมไว้ให้สำหรับพวกเขาทั้งสอง
“ไนน์ครับ เอากาแฟ แล้วขนมเอาอะไรบ้างครับ” คนพี่รีกุลกุจรบริการคนน้องอย่างเต็มที่
“คุณไม่ต้องทำ ผมทำเองได้” เขาเสตามองไปหาอีกคน “อ่ะ หยิบมาทั้งหมดอย่างสามชิ้นก็ได้” บอกอย่างจนใจ ใจจริงเขาเองชอบใจที่มีคนคอยทำให้ตลอดไม่ต่างกับเวลาที่มาเที่ยวกับพวกพี่ๆ บางครั้งดูแลดีกว่าพี่ของเขาสะอีก แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกรำคาญแม้แต่น้อย
“ป้อนหน่อย... พี่ไปหยิบอาหารมาให้แล้ว ป้อนหน่อยน้า...” คนร่างสูงไม่ยอมกินอะไรสักอย่าง นั่งเอามือเกาะไหล หน้าที่แขนอ้อนให้ร่างโปร่งป้อนขนมปัง
“...” คนขี้รำคาญได้แขนขยับแขนออก
“นะ นะ ป้อนหน่อยครับ” ร่างโปร่งมีหูและหางงอกออกมา ส่งสายตาอย่างกะหมาตัวโตกำลังออดอ้อนเจ้านาย
“เป็นเด็กหรือไง ต้องป้อนด้วย” มือหยิบขนมปังกินไปอีกสามชิ้น “อ้าปากสิจะให้ป้อนไม่ใช่เหรอ”
เจ้าหมาตัวโตตาเป็นประกาย
คนป้อนแบ่งก้อนครัวซองค์ออกเป็นสองส่วน จับยัดๆ ให้มันเข้าไปในปาก “อาร่อยฮับ” เสียงอู้อี้ที่มีขนมอยู่ในปาก เคี้ยวจนหมดก็อ้าปากคอเป็นปลาหมอขึ้นมาลอยอยู่บนผิวน้ำ
“เอาอีกเหรอ” หมาตัวโตพยักหน้ารัวๆ “จะเอาอันไหนชี้บอกนะ จะได้เอาให้กิน”
“ไนน์หยิบอันไหมมาพี่กินได้หมดครับ ขอแค่เราป้อนพี่”
“...”
หลังจากจบอาหารเช้า คนน้องไปยืนเกาะขอบเรือตากลม ให้ลมพัดปะทะหน้า เขาชอบเวลาที่ลมพัดมาสัมผัสผิว ผมที่ลูบไปตามแรงลม เขาชอบเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ชื่นชอบความเร็ว อีกคนเดินเข้ามาทางด้านหลังมือเกาะที่ราวเหล็ก กักตัวคนน้องไว้ในอ้อมแขน ใช้ปากสัมผัสที่หลังคอเบาๆ คนที่กำลังสบายอารมณ์สะดุ้ง ใช้ศอกกระแทกเข้าที่ท้องหนึ่งที
“โอ๊ะ เจ็บนะครับ” ปล่อยมือข้างหนึ่งมากุมที่หน้าท้อง
“ก็ใครบอกให้มาเงียบล่ะ” คนที่โดนกักตัวในอ้อมกอดเพิ่งรู้ตัว “ที่ตั้งเยอะจะมายืนเบียดทำไมคุณ ถอยออกไป”
“โอ้ยยยย...เจ็บท้องขยับไม่ไหวแล้วครับ เจ็บมาเลย จุกด้วย” คนตัวโตโถมตัวไว้ที่หลังของคนน้อง แขนรวบกอดเข้าที่เอว “ขออยู่แบบนี้ก่อนได้ไหมครับ เจ็บมากๆ เลยไนน์”
“หนัก” เสียงบ่นเบาๆ จากอีกคน ใบหน้าเห่อร้อนขึ้น ไนน์รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจคนด้านหลังที่เต้นแรงพอๆ กับของเขา
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก..เสียงหัวใจเต้นของทั้งสองยามที่โอบกอดกัน
“แดดออกแล้วครับ พี่ทาครีมกันได้ให้นะ”
“ของคุณเหรอ” จุ๊บ
“จิ๊...ทาเองได้เอามา” คนน้องเอื้อมมือไปแย่งครีมกันแดดมาจากคนพี่
“พี่ทาให้”
“คุณ..อื้ออออ” ร่างสูงฉวยโอกาสประกบจูบลงบนปากยังไม่ทันพูดจบประโยค
“ถ้ายังไม่เรียกว่าพี่ซันอีกนะ พี่จะจูบจนปากเปื่อยเลย” แถมยังโน้มหน้าจะมาจูบ อีกคนเอามือมาปิดปาก
โดนจ้องตาเขม่ง “...”
“มาครับทาครีมกันแดดกัน พี่ไม่แกล้งแล้ว”
“...” เขาไม่พูดอะไรปล่อยให้คนพี่ทาครีมกันแดดตามแขน และแผ่นหลัง
หลังจากถกเถียง ลวนลามและแกล้งกันไประหว่างทาครีมกันแดด นั่งเรือมาอีกสักพักเรือมาถึงจุดจอดที่เกาะนางยวน จุดที่เลือกสำหรับดำน้ำคือ เจเปนนีสการ์เด้น อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ จุดนี้เป็นแหล่งอาศัยของปลาวัยแรกรุ่นหลาหลายสายพันธุ์ ร่างโปร่งแจ้งเปลี่ยนจุดดำน้ำจากจุดซากเรือหลวงสัตกูด ในตอนแรกเขาตั้งใจจะดำไปดูซากเรือรบสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ที่นอนจมอยู่ที่ก้นทะเล มาเป็นที่นี่แทนเพราะว่าอีกคนไม่สามารถดำน้ำลึกๆ ในระดับเดียวกับเขา
“คะ...พี่ซัน ใส่ชุดเสร็จยังครับ” ไนน์ถามตอนที่ตัวเองจัดการอุปกรณ์ดำน้ำอยู่
“ใส่ชุดเสร็จแล้วครับ”
“มานี่หน่อยครับ ผมช่วยดูอุปกรณ์ให้” คนน้องจัดชุดและอุปกรณ์ดำน้ำให้คนพี่ ตรวจดูสายของถังออกซิเจนและตรวจสอบความเรียบร้อยต่างๆ “เรียบร้อยแล้วครับ”
“ขอบคุณครับ”
“งั้นผมลงไปก่อนนะ แล้วพี่ซันกระโดดตามมานะครับ” เขายืนตรงกาบเรือ ก้าวกระโดดลงไปบนผิวน้ำทะเล ลอยตัวรอ ยกมือเรียกให้อีกคนให้กระโดดตามลงมา
ตู้ม!!
“โอเคไหม” คนที่โดดตามาพยักหน้าตอบ “งั้นใส่อ๊อกเลย ผมจะดำลงไปก่อน ทริปนี้ผมคือคนนำ ทำตามที่ผมสั่งอย่างเคร่งครัด ห้ามไปไหนคนเดียว จำสัญญาณมือตอนที่เรียนได้บ้างหรือเปล่า” ด้วยสีหน้าที่จริงจังของร่างโปร่ง พอรู้ว่าเป็นการเป็นงานซันจึงไม่กล้าหยอกล้อ ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ตอบรับ “งั้นดีครับ” ไนน์จับท่อออกซิเจนใส่เข้าไปในปากและใช้สัญญาณมือชี้บอกว่าให้ดำลงไปในน้ำ
ร่างโปร่งดำลงมาก่อนเพียงชั่วครู่ เขาสอดส่ายสายตามองหาจุดที่จะว่ายไปดำสิ่งสวยงามใต้ท้องทะเล เขาชี้นิ้วบอกคนที่ดำน้ำตามคนทีหลังให้ว่ายขึ้นไปทางด้านหน้า เขายกมือชี้ไปที่เขาและอีกคนและต่อด้วยหันสันมือชิดกันและพุ่งไปข้างหน้า คือการบอกว่าให้ว่ายควบคู่กันไป ช่วงที่ว่ายไปมีเจ้าปลาตัวเล็ก ตัวน้อยว่ายสวนกับเราทั้งคู่ ระดับน้ำที่ทั้งคู่ลงไปไม่ลึกมาก มีแสงแดดส่งลงไปถึงผิวทราย ว่ายไปถึงจุดที่มีดโขดหินและกลุ่มก้อนปะการัง ดอกไม้ทะเลพัดโบกสะบัดตามแรงคลื่นใต้ท้องทะเล ร่างโปร่งชี้ให้ดูปลาตัวสีเหลืองมีสายเส้นลากผ่านที่ลำตัวเป็นสีฟ้า ก่อนที่เขาจะยกกล้องถ่ายรูปที่เพิ่งถอยมาใหม่ Olymper TG6+ ถ่ายภาพเก็บความสวยงามของปลาสินสมุทรวงฟ้า พวกว่ายวนไปรอบๆ ดูปลาต่างๆ ปลาบลูแทงค์ที่ว่ายผุดเข้าผุดออกที่ก้อนดอกไม้ทะเล ยังมีปลาการ์ตูนสีส้มดำว่ายเต็มไปหมด ปลาตะกรับปลาตัวแบนลำตัวมีลายจุดกระจายทั่วตัว คนน้องชี้ให้คนพี่ดูปลาปักเป้าที่ว่ายน้ำอยู่ห่างๆ ทางซ้ายมือของพวกเขา คนน้องชวนพี่ว่ายไป ชี้ดูปลาต่างๆ ส่วนเขาก็กดถ่ายภาพเรื่อยๆ คนที่ตามมาข้างหลังหยุดดูอะไรบ้างอย่างที่ซอกโขดหิน เมื่ออีกคนหยุดว่ายไปดื้อๆ ทำให้เขาต้องว่าย้อนกลับมาดูด้วย คนพี่ชี้นิ้วให้คนน้องดู เขาคว้ามืออีกคนและว่ายนำถอยห่างจากจุดตรงนั้นทันที เขามองดูเวลาที่ดำน้ำมาผ่านไป30นาทีแล้ว เอานิ้วเคาะที่นาฬิกาตามด้วยชี้ขึ้นไปทาด้านบน พยักหน้าตอบรับและค่อยดีดตัวลอยขึ้นไปยังบนผิวน้ำ
คนน้องคายท่อออกซิเจนออกจากปาก หันมาโวยวายใส่คนพี่ “รู้ไหมว่าเมื่อกี้มันอันตรายมากนะ ไอ้ที่ไปดูนะไม่ใช่ปลาไหลทะเล แต่ทันคืองูสมิงทะเล ไม่รู้บ้างเลยหรือไง” เขาเงียบไปสักพัก “บอกให้ว่ายตามมาไม่ตามจะหยุดก็ไม่บอก ถ้ามันพุ่งมากัดจะทำไง พิษมันอันตรายมากนะ ไม่ระวังตัวเลย”
“ขอโทษได้ไหมล่ะครับ” คนพี่ตีหน้าเศร้าที่ทำให้น้องเป็นห่วง แต่ไม่วายแอบยิ้มที่มุมปากด้วยความดีใจ
“ยังจะมายิ้มอีกนี่ แม่ง! อะไรของพี่ว่ะ ชอบเหรอที่โดนด่า”
“เปล่าพี่แค่ดีใจที่เราเป็นห่วงพี่”
“จิ๊” เขามองไปยังเรือที่อยู่ห่างออกไป “ว่ายไปขึ้นเถอะ ก่อนจะจับคนแถวน้ำกดน้ำตาย” ว่าแล้วเขาว่ายน้ำหนีไป ปีนขึ้นทางท้ายเรือ
ซันเดินเลียบๆ เคียงๆ มาหาคนน้องที่ถอดอุปกรณ์ต่างๆ หมดแล้วเหลือแค่ชุดที่ยังไม่ถอด
“ทำอะไรอยู่ครับ” ค่อยหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ แบบเนียนๆ
“ดูรูปที่ถ่ายเมื่อกี้แหละ” คนน้องตอบ ไม่เงยหน้าขึ้นมามองมือกดดูรูปในกล้อง
คนพี่ชะโงกหน้าไปดูรูปที่กล้อง “ถ่ายรูปสวยนะเนี่ย อย่างกะมืออาชีพเลย” ยกนิ้วโป้งให้
คนที่ดูกล้องอยู่เงยหน้ากล้องขึ้นมามองไหวไหล่เล็กน้อย “อ่ะแน่นอนได้คนสอนดีก็งี้แหละ ถ่ายไม่สวยคงต้องไปด่าคนสอนแล้วแหละ”
“คนสอน?” คิ้วขมวดทันควัน
“เพื่อนไนน์เองแหละ ชื่อเจโอ พี่ซันรู้จักช่างภาพฉายาคิวแพลตินัมไหมพี่”
“...” คนพี่ส่ายหัว
“ไอ้เจโอตอนนี้เป็นช่างภาพอันดับต้นๆ หาตัวจับยากของเมืองไทยนะครับ ที่ได้ว่าฉายาว่าแพลตินัมเนี่ย มันไม่ยอมถ่ายรูปให้ใครง่ายๆ แบบว่าติสแหละพี่ จะถ่ายก็ต่อเมื่อเป็นงานที่อยากทำ แต่ถ้าเมียมันสั่งนะ ไวกว่าแสงอีก” คนน้องส่ายหัวให้กับความติสของเพื่อน
“พี่ขอดูรูปได้ไหม” คนน้องยื่นกล้องให้ “เปิดให้พี่ดูหน่อย บอกพี่ด้วยว่าที่เราถ่ายมันคือตัวอะไร พี่ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่”
“ได้ ขยับเข้ามาใกล้หน่อย” คนน้องตบมือลงข้างตัวให้คนพี่นั่งด้วย “นี่ตัวแรกที่ถ่ายคือปลาสินสมุทรวงฟ้า สีสวยไหม ไนน์ชอบตรงที่ตัวมันเหลืองตัดกับสีฟ้า รูปนี้ปลาบลูแทงค์ครับเจ้าปลาดอร์ลี่ขี้ลืม ปลาตะกรับ รูปนี้ก็พวกกลุ่มก้อนดอกไม้ทะเล ผมไม่รู้จักชื่อสายพันธุ์เท่าไหร่ แต่ชอบถ่ายมันสวยดี นี่ปลาการ์ตูนในดอกไม้ทะเล เห็นแล้วนึกถึงการ์ตูนฟลายอิ้งนีโมเลย น่ารักจังแอบอยู่ในดอกไม้ทะเล” คนน้องอธิบายรูปต่างๆ ไปโดยไม่รู้ตัวว่าตกอยู่ในกับดักอ้อมกอดของคนพี่ยกขาคร่อมเอวไว้ด้วย
“อืมๆ ครับน่ารัก” ตอบไปงั้นๆ แหละ ไม่ได้ดูรูปสักรูปเลย มองแต่หน้าคนพูดอย่างเดียว
เสียงตอบอยู่ข้างๆ หูของคนน้อง “...” ใบหน้าและแก้มเป็นสีแดงขึ้นมาเมื่อรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดของคนพี่
พวกเขาล่องเรือมาต่อที่เกาะเต่าเพื่อดำน้ำต่ออีกหนึ่งจุดเป็นอีกที่ของเขาอยากดำลงไปดูมาก จุดที่จะดำคือกองตุ้งกู ลักษณะเป็นกองหินที่เรียงเป็นแถว เหมาะสำหรับการดำแบบ wall dive (ดำดูผนังรอบๆ กองหิน) ทั้งยังมีปลาทะเลฝูงใหญ่ๆ ให้ดูมากมาย เช่น ฝูงปลากะพง ปลามง และปลาสาก ส่วนที่ตื้นของกองตุ้งกูจะเต็มไปด้วยสวนดอกไม้ทะเล (anemone) ส่วนช่องแคบที่อยู่ลึกกว่าสามารถพบกัลปังหาและปะการังแส้ลงไปในระดับเกือบ30เมตร และคนที่ดำลงไปดูได้ต้องเป็นคนที่ผ่านการอบรมการดำน้ำลึกระดับ Adverced Open Water diver*ขึ้นไป เขากลัวคนอีกคนจะได้รับอันตรายจึงขอให้อยู่รอแทน ส่วนเขาผ่านการอบรมดำน้ำหลักสูตร Diver Master** ระดับสูงสุดมาแล้ว เมื่อต้นปีเขาเพิ่มเข้าอบรมหลักสูตร เหลือเพียงแต่ภาคปฏิบัติเท่านั้น
เรือพาพวกเขามาส่งที่เกาะพงันจุดหมายสุดท้ายของวันนี้ มาถึงเก็บเย็นมาแล้ว จึงตัดสินใจเดินไปหาอะไรกินกันก่อนจะมาร่วมปาร์ตี้ฟลูมูลที่ริมชายหาด หลังจากมื้อเย็น เขาทั้งสองก็เลือกมาจับจองพื้นที่สำหรับชมคอนเสิร์ต คนพี่เสียสละเสื้อเชิ้ตบาเลเซียกาตัวละเกือบสามหมื่นมารองนั่งแทนเสื่อที่เขาขายกัน เขาเลือกที่นั่งค่อนข้างห่างเวทีการแสดงพอสมควร ตอนนี้ยังมีนักท่องเที่ยวมาจับจองมานัก พวกเขาถือตอนนี้ยังไม่มีใครมาอยู่ใกล้ถือว่าเงียบอยู่พอสมควร
“ไนน์ครับ”
“หื้ม..” เขาหันไปตามเสียงเรียก
“พี่มีอะไรบางอย่างจะบอกกับเรา” คนพี่อยากจะบอกสิ่งที่อัดอั้นภายในใจ ถ้าหากเขาเลือกที่จะไม่บอกออกไปในตอนนี้ เขาอาจจะเสียใจในภายหลัง
“ครับ?” เขาขมวดคิ้ว
“พี่รักไนน์นะครับ” เขาถึงกับอึงพูดอะไรไม่ออก แก้มจะค่อยเจือด้วยสีแดงระเรื่อ เขาไม่คาดคิดว่าคนผู้พี่จะสารภาพออกมาโต้งๆ แบบนี้
“...” …รักเหรอ? บ้าเปล่า? ...
“พี่ไม่ได้หวังให้เรารักพี่ในตอนนี้ พี่แค่อยากจะพูดในสิ่งที่รู้สึกกับเราให้มันชัดเจน ขแค่ให้พี่ได้อยู่ข้างๆ เรา ไม่ว่าฐานะอะไรก็ได้ แต่อยากผลักไสพี่ออกจากเราไปเลยนะ หากถ้าพี่จะหวังมากว่าคือพี่อยากได้เราเป็นคนรัก” เมื่อจบประโยคสารภาพรัก เขาทอดสายตามองไกลไปยังทะเลที่อยู่เบื้องหน้า ความรู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง
“พี่ซัน..” คนผู้พี่หันขวับ นี่เป็นครั้งแรกที่น้องเอื้อนเอ่ยชื่อเขาโดยที่ไม่โดยบังคับให้เรียก “ทำไมคิดว่าไนน์ไม่อยากได้พี่เป็นแฟนล่ะ” ส่วนตัวเขาเองรู้สึกดีกับคนคนนี้ เขาเพิ่งรับรู้การที่หัวใจเต้นแรงกับคนคนหนึ่ง มันดีมากๆ
“...”
“พี่ซันทั้งหล่อ รวย ตามใจไนน์สุดๆ ดูแลประดุจเจ้าชาย เป็นใครก็ต้องหลงไหมล่ะ” ใบหูคนพี่เริ่มขึ้นสีแดง
“เอ่อ...”
“แต่..” คนพี่จิ๊ปากขึ้นมาบ่งบอกว่าไม่ชอบสิ่งที่ขั้นกลางเลย “ตอนนี้คงยังเป็นแฟนใครไม่ได้สักคนครับ ไนน์ยังมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบอีกเยอะ และที่สำคัญไนน์ดูแลใครกับความรู้สึกใครไม่ค่อยเป็น”
ใช่เขาไม่เคยดูแลความรู้สึกใครมีแต่ทำลายมากกว่าเพราะนิสัยขี้รำคาญ แต่ความรู้สึกที่บางคนให้มามันไม่ได้ทำให้เขารำคาญหรือหงุดหงิดเขาก็ปล่อยไป ปล่อยจนเกินไปมาก พอเขาคนนั้นมาบอก กลับกลายเป็นเขาไม่ได้รู้สึกไปด้วยแต่ปล่อยให้อีกคนรู้สึกไปด้วยการกระทำของเขา
“ถ้าพี่เลือกที่จะรอเราล่ะ รอจนกว่าเราจะพร้อม ให้พี่รอได้ไหม”
“ไนน์ไม่รับปากได้ไหม เพราะว่าไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน”
“คำว่ารอของพี่ในวันนี้ มันรอได้ ไม่เหมือนก่อนที่ได้แต่รอแต่ไม่หวังเลย แต่พอวันที่มีเราอยู่ตรงนี้ อย่างรอคำว่ารอ รอคอยในวันข้างหน้ามีก็ยังมีหวังกว่าวันวาน”
“ถ้ามันทำให้พี่รู้สึกดี ก็ได้ครับ”
ใจของคนผู้พี่เต้นดังโครมคราม อาการดีใจเหมือนมิสชันได้คอมพลีสแล้วซะอย่างนั้น ใจแทบจะทะลุออกจากอก “จริงนะครับ คือ..พี่..ดีใจที่สุดเลย” รวบตัวน้องเข้ามากอดอย่างแน่นจนตัวจะหักเป็นสองท่อน แถมจูบที่ขมับไปอีกหลายที
“ยังครับ ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ดีใจซะ..”
“แค่นี้ก็ใจก็มาเต็มพร้อมสู้ครับ” เขาทั้งสองพละออกจากกัน สบตามองหน้ากัน ยิ้มให้กัน และสุดท้ายก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
ค่ำคืนของปาร์ตี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน สีเพ้นสะท้อนแสงตามใบหน้า ลำตัวของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มสีสันค่ำคืน เสียงเพลงตามเวทีและเหล้าปั่นฟลูมูนมัวเมาทุกคนให้ไหลไปตามจังหวะ เขาทั้งคู่คือหนึ่งในนั้น คนพี่โอบเอวแสดงความเป็นของอย่างเต็มที่ทันทีที่คนผู้น้องได้บอกว่าให้รอ แต่มีเหรอคนอย่างเขาจะที่รออย่างเดียวต้องทำอะไรบ้าง เขาต้องหวงไว้ก่อนถึงจะยังไม่ได้ครอบครองตอนนี้แต่ในอนาตคยังไงก็คือของเขา คนอื่นไม่มีสิทธิจะเข้ามาใกล้ เขาทั้งคู่อยู่ตั้งแต่เริ่มจากตอนทุ่มกว่าจนถึงตนนี้เที่ยงคืน ถึงเวลาที่พวกเขาจะกลับได้แล้ว จึงโทรตามเรือเฟอร์รี่นัดให้มารับที่ท่าเรือเพื่อกลับไปยังที่พัก
ใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงพวกเขากลับมาถึงที่พัก คนน้องพุ่งตรงไปอาบน้ำทันที เขาเหนี่ยวเหนะนะตัวสุดๆ พอจัดการตัวเองเสร็จคลานขึ้นเตียงทันที ด้วยความที่เหนื่อยจากการนั่งเรือ ดำน้ำแถมยังไปปาร์ตี้ คนพี่ที่เข้าไปอาบน้ำทีหลังออกมาก็เห็นคนน้องผล็อยหลับไปเรียบร้อยแล้ว
ร่างสูงใช้นิ้วเกลี่ยไปที่แก้มขาวๆ “หนีหลับก่อนได้ยังครับ พี่ยังไม่ได้ฟัดเราเลย” เขากดจูบที่หน้าผากน้อง “ยิ่งวันนี้ทำตัวน่ารักมากนะ หื้มรู้ไหม” เขาขึ้นไปบนเตียงใช้แขนพาดไปที่เอว กดจูบที่ต้นคอด้านหลังที่รอยสักเลขโรมันเลขเก้า และคนน้องเคยบอกเขาว่ามันคือรอยสักของพวกพี่และเขาที่สักไว้บนร่างกาย แต่ละคนจะเลือกว่าจะสักเป็นภาษาไหนและตรงไหนแล้วแต่ละคน ส่วนเขาเลือกเลขโรมัน
“ฝันดีครับรอยยิ้มของพี่” และเป็นอีกครั้งที่เขากล่าวคำนี้กับคนน้องอีกครั้ง
สมุยวันที่5
พวกเขาตื่นขึ้นมาในช่วงส่ายๆ ของอีกวัน วันนี้เขาทั้งคู่ไม่มีโปรแกรมที่จะไปในช่วงนี้ มีแพลนอย่างเดียวคือช่วงเย็นที่จะไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน Fisherman Village พวกเขาจึงนอนเล่นที่ห้องพัก มีสั่งอาหารเช้าและเที่ยงมากิน ร่างโปร่งนั่งจัดการงานผ่านไอแพดด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนคนพี่ไม่กล้าที่จะเข้าไปกวน ได้แต่นั่งมองหน้าคนน้องอย่างมีความสุข
“มาเที่ยวยังต้องทำงานอยู่เหรอครับ พี่ถามได้ไหมว่าเราทำงานเกี่ยวกับอะไร” คนพี่เดินเข้าถือแก้วกาแฟและขนมที่เขาโทรไปสั่งทางรีสอร์ตให้เอามาส่งให้คนน้องกิน
“...” อีกเลือกที่จะยิ้มตอบและไม่พูดอะไร นั่นก็พอจะเดาได้ว่าคนน้องเลี่ยงที่จะตอบคำถาม
เสียงโทรศัพท์ของคนน้องดังขึ้น
“ครับไนน์พูดครับ” คนน้องรับสายและกำลังจะพละตัวเองออกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ คนพี่เลยกดลงให้นั่งต่อและเขาเลือกที่เดินเข้าไปในห้อง เพื่อให้คนด้านนอกใช้พื้นที่ตรงนั้นเป็นการส่วนตัว
คนที่ออกไม่คุยโทรศัพท์เข้ามาในห้องหลังจากคุยโทรศัพท์และทำงานไปด้วย เวลาเริ่มเย็นมากแล้วพวกเขาควรจะออกไปเดินเล่นและหาอะไรกินได้แล้ว เขาจึงเอ่ยปากคนคนร่วมห้องออกไปเที่ยว เขาทั้งสองเดินออกมาที่หน้ารีสอร์ตเดินทางด้วยแท็กซี่ไปยังถนนคนเดินบ่อพุด Fisherman’ s Village เขาชวนคนพี่ไปกินพิซซ่าร้านอาหารที่ริมทางและเมื่อเดินไปทางด้านหลังของร้านสามารถลงไปยังชายหาด
เมื่ออาหารและเครื่องดื่มมาถึงแล้ว พวกเขาลงมือกิน ร่างโปร่งตัดอาหารให้คนผู้พี่อย่างเอาใจ หยิบนู้หยิบนี่ให้คนคนที่ถูกเอาใจอย่างแปลก
“ทำไมวันนี้เอาใจจังเลยครับ” คนพี่เห็นอาการแปลกหรี่ตามองอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่า” เขายังจ้องไปวางตา
“เปล๊า..” คนน้องยิ้มตอบ “ไม่ชอบหรือไง ไม่ทำก็ได้นะ”
“ชะ ชอบครับ ชอบมากเลยด้วย อ่ะงั้นป้อนพี่หน่อยสิ” คนพี่รีบอ้าปาก
“นี่ครับ กินเยอะนะ วันนี้ไนน์จะดูแลพี่ซันเอง แค่อยากขอบคุณและตอบแทนบ้าง” คนน้องยังป้อนคนพี่ต่อ
“นี่เรานะกินบ้างสิ มะพี่ป้อนเราบ้าง” อีกคนหยิบพิซซ่าชิ้นสุดท้ายมาป้อนให้น้อง “ชิ้นสุดท้ายเค้าบอกว่าแฟนหล่อ แต่พี่ก็หล่ออยู่แล้ว สงสัยจะหล่อมากขึ้นอีกแน่เลย”
“...” คนน้องเบะปากใส่ทันที พลางเคี้ยวพิซซ่าตุ้ยๆ
หลังจบมื้อเย็นพวกเขาทั้งสองก็ออกมาเดินเที่ยวในตลาดกันต่อ เดินไปตามท้องถนนที่มีการตั้งแผงวางขายเสื้อผ้าและอาหารต่างๆ วางเรียงราย คนน้องซื่อไอศกรีมมะพร้าวมากินระหว่างเดินเที่ยวเล่น และยังป้อนคนพี่สลับกับป้อนตัวเอง เขาทั้งคู่เดินเล่นไปเรื่อยๆ เลือกเสื้อผ้า เลือกหมวกบ้าง พวกเขาตัดสินใจซื้อเสื้อคู่ที่เขียนว่า KOH SAMUI พวกเขาเดินผ่านร้านขายเครื่องประดับแบบเชือกถัก
“ไนน์ครับ เดินไปก่อนนะ พี่ขอกลับไปซื้ออะไรหน่อย” เชี้ไปทางด้านหลังและเดินเลี่ยงออกไป
“อืม งั้นไปซื้อข้าวเหนียวมะม่วงรอนะพี่” ชี้ไปที่ร้านตรงข้างหน้า
ร่างสูงเดินย้อนกลับตรงที่ร้านขายเครื่องประดับที่เดินผ่านมา เขาหยิบเชือกรัดข้อมือสองเส้นที่วางคู่กันสีดำและสีขาวตรงกลางมีหัวใจที่แบ่งออกเป็นสองส่วนทำมาจากกะลามะพร้าว
“สนใจชิ้นนี้เหรอครับพี่ ผมสลักชื่อให้ได้นะครับพี่ เส้นละร้อยบาทเองพี่” พ่อค้าแนะนำ
“สนใจครับ แต่พี่อยากได้เป็นรูปมากกว่าและใส่ไว้ทั้งสองฝั่งได้ไหมน้อง เป็นรูปพระอาทิตย์กับตัวเลขโรมันเลขเก้า”
“แบบไหนนะพี่ พี่พอมีรูปไหม”
เขาหยิบมือถือมาเสิร์ชรูปให้ดูและสัญญาลักษณ์โรมันเลขเก้า IX ให้พ่อค้าดู “พอจะทำได้ไหมครับ”
“ได้พี่ แต่ว่าต้องใช้เวลานานอยู่นะ ลายมันละเอียดและทำสองฝั่งด้วย”
“เอาไงดี พี่อยากได้ของที่จะเป็นที่ระลึกจากที่นี่ด้วยสิ” เขายกมือลูบคางคิดหนัก
“ให้ผมส่งไปให้ได้ไหมล่ะพี่ ผมขายออนไลน์ด้วย”
“ดีเลยครับ งั้นพี่ส่งรูปและที่อยู่ทางไลน์เลย” เขาแอดไลน์พ่อค้า เขาส่งธนบัตรใบละห้าร้อยให้ “ไม่ต้องทอน รวมค่าส่งไปเลย”
พ่ อค้าผงกหัว “ขอบคุณครับพี่ ผมจะรีบส่งไปให้อย่างเร็ว ขอบคุณมากๆ นะครับ”
“รอนานไหมเรา” คนที่หายไปเดินมาหาคนน้องที่ยืนรอที่ร้านขายมะม่วง เอามือมาวางบนหัว “แล้วนี่ซื้ออะไรเต็มมือเลยครับ”
“มีแต่ของกินเล่น แล้วไปซื้ออะไรมา” เขาดูคนพี่ที่เดินกลับมาตัวเปล่าไม่มีอะไร
“ของที่ระลึกนะครับ แต่ให้เขาส่งไปให้ที่บ้าน”
“พี่ซันจะซื้ออะไรอีกไรครับ หรือว่าจะกลับเลยไหม” คนน้องหันไปถามความคิดเห็น
“พี่แล้วแต่เรา” คนพี่ยกมือขึ้นแล้วชี้มาทางเขา
“งั้นไปหาที่นั่งกินขนมกันก่อนแล้วค่อยซื้อเบียร์ไปกินที่ห้องต่อดีกว่า”
คนน้องเสนอและเดินลงไปยังชายหาดที่พอมีแสงสว่างส่องถึงและเรียกให้คนพี่เดินตามมานั่งด้วย พวกเขานั่งกิน ส่วนมากจะเป็นคนน้องที่กินมากกว่า คนพี่เพียงแค่ชิมตามที่ส่งมาถึงปาก ซันเขาไม่ค่อยชอบกินขนมหวานเท่าไหร่ ส่วนอีกคนที่ท่าจะชอบมาก ข้าวเหนียวมะม่วงเอย ขนมเบื้องเอย ยังไม่รวมเค้กอีกชิ้น พวกเขานั่งเล่นกันไปจนกินขนมหมดก็ชวนกันกลับ
ทั้งคู่กลับมาถึงห้องต่างผลัดกันอาบน้ำ และมานั่งกินเบียร์กันที่ตรงโซฟา ร่างโปร่งนั่งทบทวนตั้งแต่วันแรกที่เขาเจออีกคนและสิ่งที่ปู่โทรมาเมื่อตอนบ่าย เรื่องราวที่พวกเขาคุยกันส่วนใหญ่ทั่วไป ความชอบส่วนตัว และเรื่องเพื่อน เขาเลี่ยงที่พูดถึงครอบครัวและเรื่องงาน คนผู้พี่เข้าใจและไม่เคยจะพูดถึงหรือถามถึง นี่คือเหตุผลที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ อะไรที่เขาไม่ชอบหรือเลี่ยงที่จะสนใจ คนนี้จะคอยสังเกตและทำตามที่เขาต้องการ เขาสัมผัสได้ถึงความจริงและสายตาที่อ่อนโยนเวลาสบตากัน มันยิ่งทำให้เขาหลงใหลในตาคู่นี้
“คิดอะไรอยู่ครับ พี่เดินมาหาตั้งนานยังไม่รู้ตัวอีก” คนผู้พี่เอามือไปลูบที่หัว
คนน้องยิ้มตอบ “นั่งคิดถึงวันแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้ พรุ่งนี้ก็ต่างคนต่างแยกกันแล้วนะ”
“ก็แค่แป๊บเดียวไงครับ” คนพี่ยกดึงตัวน้องให้ไปนั่งที่ตรงกลางระหว่างตัว เอาแขนโอบที่เอว ใช้คางเกยที่บ่า “นี่คิดว่าได้พี่แล้วจะทิ้งเหรอพี่ต้องใช้เรารับผิดชอบนะ ไม่งั้นพี่ไม่ยอมด้วย” หอมแก้มอีกที
“อย่ามัวนะครับ เราสมยอมกันทั้งคู่ต่างหาก”
“อ้าวเหรอ” และทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อม
“พี่ดีใจมากเลยนะ ไม่คิดว่าจะได้มีวันนี้ วันที่เราอยู่ในอ้อมกอดพี่” คนผู้พี่ยิ่งกอดคนน้องแน่นขึ้น
ไนน์ขมวดคิ้ว “หือ?”
“เปล่าครับ พี่แค่ดีใจเลยพูดไปเรื่อยเปื่อย แฟนใครก็ไม่รู้น่ารักจังเลย” พูดไปใช้จมูกคลอเคลียไปกับใบหู
คนน้องหดคอหนี “ใครแฟน? นี่หนุ่มโสดนะครับ ไม่มีแฟน”
“แต่มีผัว!!” ตึ่ง... ใบหน้าคนน้องเปลี่ยนเป็นสีแดงลามไปถึงใบหูอย่างรวดเร็ว
คนพี่ขยับตัวโน้มให้คนน้องนอนราบไปกับโซฟาและขึ้นมาคร่อม เขาป้อนจูบคนที่กำลังเขินอย่างดูดดื่ม รสชาติเบียร์คละคลุ้งในปาก เขาขบเม้มริมฝีปากค่อยสอดลิ้นเข้าไป จากการจูบในหลายๆ วันที่ผ่านมา เขาทั้งสองเริ่มจะเสพติดการจูบ โดยอย่างยิ่งคนผู้พี่เขาชอบที่จะจูบหอม สัมผัส ระหว่างที่จูบคนพี่ใช้มือที่ว่างสอดเข้าไปในเสื้อสะกิดตุ่มไต ลามลงไปนวดเฟ้นยังสะโพก เสียงครางของคนน้อง ยิ่งทำให้คนพี่หนักมือขึ้น
ร่างโปร่งจับที่หน้าคนพี่ดันออกจากการจูบ “พะ พอก่อน” เสียงหอบจากการจูบ “พรุ่งนี้ต้องเดินทางนะ ของยังไม่ได้เก็บเลย”
“แต่ พี่ไม่ไหวแล้ว” เอามือน้องลงไปลูบตรงที่ปูดบวม “นะ พี่อยากกอดเรา พี่สัญญาว่าจะเบามือไม่ทำเกินสามรอบ” โน้มตัวดันคนน้องลงไปนอนยังโซฟา
“สะ แค่สองรอบนะ ไนน์จะไม่ไหวเอา” คนน้องขอต่อรอง
“อืมๆ ครบสองก็สอง” ตอบรับแต่ปากยังซุกไซ้ที่ซอกคอ มือยังซุกเข้าไปเขี่ยที่หัวนม
ซันจัดการลอกคราบคนข้างล่างอย่างรวดเร็ว ไล่ลงลิ้น ขบกัด ฝากรอยแดงจ้ำแทบจะทุกตารางนิ้ว คนน้องตัวอ่อนปวกเปียก ปล่อยอารมณ์ไปตามที่คนพี่ชักจูง ค่ำคืนอันสุขสมเริ่มขึ้นจากโซฟาและลามไปยังเตียงนอน แอร์ที่ว่าเย็นแล้วยังสู้ความร้อนของพวกเขาไม่ได้ คนพี่ทำอย่างที่รับปากไว้กับน้องคือแค่สองรอบก็จริง แต่ส่วนคนน้องโดนรีดไปไม่รู้กี่น้ำ คนใต้ร่างร้องขอชีวิตในรอบสุดท้าย ปล่อยให้คนพี่เช็ดตัวทำความสะอาดให้และขึ้นไปกกกอดหลับไปด้วย
ซันตื่นขึ้นมาคนในอ้อมกอดหายไป จับดูที่นอนรู้สึกเย็นจึงทำให้รู้ว่าอีกคนน่าจะตื่นนานแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งเห็นว่าคนน้องกำลังแพคของลงกระเป๋าเดินทาง
เขาหยิบโทรศัพท์มาดูพบว่าตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง “ตื่นเช้าจังครับ ขึ้นเครื่องตั้งเที่ยงไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บครับ”
“ครับ พอดีไนน์เลื่อนไฟท์มาเป็นตอนสิบโมงเช้า” คนตอบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองคนถาม
“ทำไม!!” จากที่งัวเงียตอนนี้เขาตื่นเต็มตารีบลุกเดินมาคนน้อง
“ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ถึงเวลาต้องกลับแล้ว” เขายังตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จนคนพี่รู้สึกว่ามันแปลกจากคนเมื่อคืนนี้
“งั้นพี่เลื่อนไฟท์ด้วย เราจะได้ไปพร้อมกันนะ” เขารีบคว้าโทรศัพท์เข้ามากดเข้าแอฟของสายการบิน แต่สิ่งที่เขาเลือกทำคือเข้าไปกดซื้อตั๋วใบใหม่แทนที่จะเลือกเลื่อนเพราะมันไวกว่า
คนน้องถอนหายใจอย่างแรง ...นี่ไม่เข้าใจหรือไงที่เลื่อนไฟท์ทำไม... “ผมว่าเราต้องคุยกันหน่อยนะครับ”
“ครับๆ ว่ามาเลย” มือยังกดโทรศัพท์ไม่วาง “ได้แล้วไฟท์ตอนสิบโมง กลับพร้อมเน้อ”
เขาเก็บกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ลุกขึ้นยืนแต่เลือกที่จะก้มต่ำไม่มองหน้า ก่อนที่พูดว่า “คุณดูจริงจังกับความสัมพันธ์ระหว่างเราเกินไปหรือเปล่าครับ ผมไม่ได้รังเกียจคุณหรือเพศสภาพนะ แต่เราแค่เจอกันในที่เที่ยว เที่ยวด้วยกันเท่านั้น คุณคงไม่คิดว่าเราจะคบกันจริงๆ ใช่ไหม” เขาทิ้งช่วงคำพูดเล็กน้อย “ผมอยากทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่ เริ่มที่นี่และควรจะจบที่นี่”
“ทำไม!!” คนพี่สวนขึ้นมาทันที
“เหตุผลเหรอ เพราะผมมีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญและความรับผิดชอบในอนาคตมากกว่าความรู้สึกแบบนี้” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ในใจลึกๆ เขารู้สึกโหว่งๆ เหมือนกัน เขากลัวคนตรงหน้าจะเสียใจ
“สรุปว่าหลายวันนี่ผ่านมามันคือแค่สนุกเหรอ แล้วความรู้สึกพี่ล่ะ” น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ ส่วนอีกคนกำมือแน่นที่จะไม่ให้มือสั่น
“ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องเสียใจ ขอบคุณสำหรับหลายวันที่ผ่าน แต่ความรู้สึกที่คุณมีให้ผมคงรับไม่ได้ หวังว่าคุณจะเข้าใจผมนะ” เขากัดปากจนแทบจะห้อเลือดอยู่แล้ว
“ไม่!!” เสียงตะคอกกลับมาอย่างรุนแรง หยดน้ำใสร่วงหล่น แววดวงตาที่มีเสน่ห์ของอีกคน ตอนนี้กลายเป็นแววตาที่โศกเศร้าและหดหู่ปนผิดหวังอย่างมาก
ไนน์เข้าใจเจ็บปวดและเสียใจที่เห็นน้ำตาของคนผู้พี่ ขาเรียวๆ กำลังจะก้าวออกไปเพื่อปลอบต้องชักกลับเข้ามาอยู่ที่เดิม “ถ้ามันจะเป็นการดีต่อเราสองคน ผมว่าเราทั้งคู่ควรลืมมันเถอะ”
“ลืมเหรอ?”
ถ้ามันทำให้พี่เจ็บปวด ผมก็เจ็บปวดที่ทำร้ายความรู้สึกของพี่เหมือนกัน “พี่.. คุณซันไม่ผิดอะไรเลย คนที่ผิดมันคือผมทั้งหมด ถ้าจะโทษใครในเรื่องนี้ให้โทษผมเถอะครับ เกลียดผมได้เต็มที่เลย ที่เอาความรู้สึกดีๆ ของคุณมาล้อเล่นแบบนี้”
“พี่ไม่เกลียดเรา พี่คิดว่าที่เราทำแบบนี้มันต้องมีเหตุผล แต่ไนน์จะไปจากพี่ในตอนนี้ พี่กอดเราอีกสักครั้งได้ไหม นะครับ” เขาไม่รอให้อีกคนอนุญาต ก้าวเข้าไปโอบกอดจากทางด้านหลัง เสียงร้องไห้ตัวสั่นครืนลงบนหลัง คนน้องเอามือที่ว่างมาแตะมือของอีกคนก่อน “ขอบคุณและขอโทษนะพี่ซัน”
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนคีนจะเปิดประตูเข้ามา
“คุณไนน์ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วครับ คุณซันครับผมแจ้งทางรีสอร์ตไว้แล้วนะครับว่าคุณจะออกช่วงส่ายๆ ผมฝากคืนคีย์การ์ดด้วยนะครับ” พลางเดินมาลากกระเป๋าเดินทางของเจ้านายออกไป
“ผมต้องไปแล้วครับ” เขาบอกและดันตัวออกมา
“ไนน์...”
“ลาก่อนครับ” เขาส่งยิ้มและเดินออกจากห้องไป
“คุณไนน์ครับ ทำไมไม่ตัดสินใจคบกับคุณซันล่ะครับ ผมเห็นว่าเข้ากันได้ดีและคุณไนน์ดูมีความสุขเวลาอยู่กับคุณซันนะครับ” คีนถามระหว่างเดินไปขึ้นรถไปยังสนามบิน
“มึงตามดูกูตลอดเลยเหรอ แต่ช่างเถอะ กูแค่ยังไม่อยาก...” เขาเลือกที่จะเงียบและไม่พูดอะไรต่อจากนี้อีกเลย
TBC…
***เพิ่มเติม***
-Open water diver หลักสูตรทักษะพื้นฐานของการเรียนดำน้ำลึก ต้องผ่านการอบรมทั้งทฤษฎี ภาคปฏิบัติในสระ และในทะเล ความลึกสูงสุดในการดำอยู่ที่ 18 เมตร และจะได้รับใบ PADI (Professional Association of Diving Instructors)
-Adverced Open Water diver* เป็นหลักสูตรที่ต่อจาก Oper water diver เพิ่งเพิ่มประสบการณ์และความปลอดภัยในการดำน้ำ
-Diver Master** หลักสูตรการดำน้ำสำหรับนักดำน้ำมืออาชีพไปจนถึงสามารถเป็นครูสอนดำน้ำได้
-Enriched Air Scuba Diver (Nitrox) *** หลักสูตรที่เป็นการช่วยให้นักดำน้ำที่เป็นแล้ว ยืดระยะเวลาการอยู่ในน้ำให้นานขึ้นกว่าเดิมด้วยอากาศปกติ นิยมมากโดยเฉพาะนักถ่ายภาพใต้น้ำ