Chapter 6

Number nine My Sun

หมายเลขเก้าของดวงตะวัน

#IXMYSUN

 

สวัสดีครับ คุณอาคิรา”

(ข้อมูลที่ผมให้คุณไปหา ไม่ทราบว่าไปถึงไหนแล้ว มันผ่านมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว” ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดนิดหน่อย

ตอนนี้ผมกำลังรวบรวมอยู่ครับ แต่คนที่คุณให้หาข้อมูลมีน้อยมากครับ เอางี้ดีกว่าครับ คุณว่างวันไหนผมจะได้ไปคุยต่อหน้าดีกว่า” น้ำเสียงของอีกคนเหมือนมีอะไรบางอย่างสงสัย

(วันนี้ได้เลยครับ สำหรับเรื่องนี้ผมหาเวลาว่างให้ได้ครับ)

งั้นเจอกันต่อบ่ายโมงที่ร้าน XXX ผมจะแชร์โลเคชันไปให้นะครับ”

(ได้ครับเจอกัน)

 

13.30 น. ร้าน xxx

ขอโทษครับคุณอาคิราที่มาสาย พอดีรอผมยางรั่วเลยนะครับ” เกรียงไกรนักสืบเอกชนที่เขาจ้างมา วิ่งมาที่ร้านด้วยสีหน้าแตกตื่น เหงื่อไหลท่วมตัว รีบขอโทษขอโพยเอาอย่างมาก

ครับ ผมว่าเราเข้าเรื่องดีกว่า ผมรอนานแล้วคุณเกรียงไกร” พูดรวบรัดเข้าเรื่องทันที

คือคนที่คุณให้ผมไปหา นี่ครับเอกสารที่ผมรวบรวมมาให้” เกรียงไกรยื่นซองสีน้ำตาลให้แก่อีกคน

ทำไมมีแค่นี้ล่ะ” เขาเปิดเอกสารในซองและหยิบกระดาษมาอ่านทีละหน้า และถามต่อ “ข้อมูลมันน้อยมาก คุณทำงานเต็มทีแล้วเหรอครับ”

คุณอาคิราฟังผมก่อนนะครับ คือคนที่คุณให้ไปหา เหมือนข้อมูลของเขาจะหายไปนะครับ ผมจะพยายามสืบจากหลายๆที่ หลายๆ คนเหมือนว่าคนนี้ไม่มีตัวตน หรืออีกอย่างหนึ่งมีคนช่วยปกปิดข้อมูลครับ” นักสืบตอบแบบจริงจังและสงสัย

ผู้บริหารหนุ่มใช้มือนวดที่หน้าผาก “ผมจะจ้างคุณต่อ แต่จะให้ไปสืบคนในตระกูลศิริกิจวัชรโชติ” เขานึกคำพูดของคนที่เขากำลังตามหา พี่ๆ เขาจะพูดไงดีล่ะ หวงมากมั่ง’ ผมอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับน่าจะหลานคนเล็กนะครับ”

เรื่องนี้เกี่ยวกับคนที่คุณให้ไปตามหาหรือเปล่า” เกรียงไกรถาม “เรื่องนี้ทางฝั่งนั้นเขาปิดเรื่องหลานคนเล็กที่สุด ได้ข่าวว่าส่งไปเรียนเมืองนอกแต่ไม่ระบุประเทศไหน ไม่เคยกลับมาเมืองไทย ไม่เคยพาออกงานที่ไหน ไม่เคยมีใครไปหาหรือเยี่ยมเด็กคนนั้นและเหมือนเด็กคนนั้นจะไม่มีตัวตนในตระกูลนั้นเลย”

“...”

ทุกคนรับรู้แค่ว่าทั้งตระกูลมีหลานทั้งหมดเก้าคน และคนเล็กสุดน่าจะมาสืบทอดธุรกิจหลักของตระกูลแต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นตัวตนที่แท้จริงครับ”

“...”

ส่วนคนใช้ในบ้านไม่มีพูดถึงเรื่องเจ้านายแม้แต่คนเดียว”

“...”

ผมต้องขอโทษด้วยนะครับสำหรับเรื่องที่ให้ไปสืบมา ข้อมูลที่หาได้มีเพียงแค่นี้” นักสืบบอก

“...”

เรื่องค่าจ้างผมขอไม่รับนะครับ เพราะผมทำงานให้คุณไม่เต็มที่ แต่ผมขอเตือนอะไรหน่อยนะครับ อย่ายุ่งกับคนที่เจ้าของหวงเลยนะครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ผมขอตัวนะครับ” นักสืบเดินจากไป

ขอโทษนะครับคุณอาคิรา แต่ผมก็รักชีวิตเหมือนกัน ผมบอกได้แค่นี้...

 

ย้อนกลับไป 12.30 น. สำนักงานนักสืบ

ทาซอทและยอซอทพร้อมด้วยบอดี้การ์ดอีก10 กว่าคน ก้าวเข้ามาในสำนักงานนักสืบเอกชน กวาดสายตาไปรอบๆ มองหานักสืบคนที่เขาต้องการเจอ

พวกคุณเข้ามามี อะ อะไรมิทราบครับ” เสียงถามแบบตะกุกตะกักของหนึ่งในพนักงานเห็นจากจำนวนคนที่เข้ามา

คะ คุณทิน นะ ทินฤกตและคะ คุณทินภัทร ศิริกิจวัชรโชติ” พนักงานคนดังกล่าวชี้ไปที่คนที่เดินเข้ามาภายหลังอีกสองคน พอพูดจบก็อ้าปากค้าง

บอสฉันต้องการพบคุณเกรียงไกร เขาอยู่ไหน” หนึ่งในบอดี้การ์ดถามขึ้นมา

ยะ อยู่ในห้องนี้ครับ อะ ออกมาพดีเลยครับ” พนักงานชี้ไปทางประตูห้องที่อยู่ด้านใน

 

บอสคนพี่พยักหน้าให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ ก่อนที่บอดี้การ์ดสองคนจะเข้าไปหิ้วแขนเกรียงไกรทั้งสองฝั่งลากเข้าไปในห้อง ทาซอทและยอซอทเดินตามเข้าไปกับลูกน้องอีกคนส่วนที่เหลือรออยู่ด้านนอก

นี่มันอะไร ทำแบบนี้ผิดกฎหมายนะ ฉันจะไม่บอกอะไรพวกแกทั้งนั้น” พวกเขาจับนักสืบหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งมีบอดี้การ์ดที่หิ้วเขาเข้ามายืนประกอบทั้งสองด้าน

งั้นเหรอ แค่พวกฉันอยากรู้อะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง” ยอซอทถามจ้องเขาไปที่หน้า ตอนนี้แววตาของทาซอทและยอซอทไม่เหลือความนุ่มนวลแบบที่มองน้องชายสุดที่รัก เหลือแต่แววตาของความโหดเหี้ยมบนใบหน้าที่เรียบเฉย ความเยือกเย็นแผ่กระจายปกคลุมทั่วทั้งห้อง

“...”

ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดที่นายอาคิราให้ไปสืบมา” ทาซอทมองไปที่นักสืบ เห็นซองสีน้ำตาลที่เขาถือไว้ “อ้า อยู่นี่เอง” ทาซอทคว้าซองที่นักสืบถือไว้ในมือ เอามาเปิดดูเอกสารข้างในและโยนส่งต่อให้แฝดคนน้องอ่านต่อ

หนึ่งสัปดาห์หาข้อมูลได้ละเอียดขนาดนี้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ นี่พวกมันเก็บข้อมูลแล้วจริงๆ เหรอว่ะ ไม่ได้เรื่องเลย ชื่อนามสกุล จบการศึกษาจากที่ไหน ที่ทำงานด้วย เกี่ยวข้องยังไงกับพวกฉันด้วย เพิ่มข้อสมมุติฐานว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับศิริกิจวัชรโชติด้วย สนใจมาทำให้ด้วยกันไหม สืบเก่งขนาดนี้” ยอซอทอ่านไปพยักหน้าไป เมื่ออ่านจนก็สบตากับผู้พี่

งั้นที่ผมสงสัยก็น่าจะเรื่องจริงสินะ ไม่งั้นพวกคุณไม่มาถึงที่นี่หรอกใช่ไหม” นักสืบแย้งขึ้นมาพร้อมกับเหยียดยิ้มใส่

จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ไม่ใช่เรื่องที่แกต้องรู้!!” ทาซอทเริ่มกัดกรามด้วยอารมณ์เสีย “เอาเอกสารทั้งหมดไปทำลาย เก็บไฟล์ในคอมมันออกด้วย” เขาหันไปสั่งลูกน้องอีกคนที่ตามเข้ามา

ครับ” ลูกน้องเก็บเอกสารใส่ในกระเป๋าและเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานของนักสืบ จัดการเปิดคอมพิวเตอร์และเข้าสู่ระบบและเข้าไปค้นข้อมูลที่การลบ

จะทำอะไรน่ะ ไม่ได้นะ ข้อมูลของผม” นักสืบลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวตรงก็โดนกดลงไปนั่งเหมือนเดิน

นั่งอยู่เฉยๆ แล้วฟังที่พวกฉันจะพูดให้ดี” ทาซอทและยอซอทเดินมายืนตรงหน้าและเอามือล้วงในกระเป๋า “ฉันไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องของคนที่แกกำลังสืบอยู่ โดยเฉพาะคนที่ชื่ออาคิรา ส่วนเรื่องของมันและแกฉันสืบมาหมดแล้ว และรู้ว่าวันนี้พวกแกนัดกันที่ร้าน XXX เพื่อจะแลกข้อมูลกัน” นักสืบเลิกคิ้วขึ้น “ถ้ายังอยากทำงานในสายนี้อยู่ ไม่ดีกว่าถ้ายังอยากใช้ชีวิตอยู่ต่อเลิกสืบเรื่องนี้และเอาข้อมูลที่ให้ไปเอาไปใช้แทนซะ” ลูกน้องที่ยืนอยู่เดินไปหยิบเอกสารกับลูกน้องอีกคนที่ลบข้อมูลในคอมพิวเตอร์อยู่

ยอซอทเดินไปเอามือตบที่แก้มนักสืบสองที “แกคงจะรู้นะว่าพวกฉันทำจริงไม่เคยขู่ใคร ทำทุกอย่างที่จะให้ใครหายไปก็ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ความสำคัญมากๆต่อคนที่ขัดขา เช่น คนรัก หรือคนในครอบครัว” ยอซอทจ้องมองเข้าที่ดวงตาของนักสืบหนุ่ม เขาถึงกับกลืนน้ำลายที่เหนี่ยวลงคออย่างลำบาก อย่างที่หลายๆ คนเคยเตือนไว้แล้ว ว่าอย่างยุ่งกับคนตระกูลนี้ ตั้งแต่เขาเริ่มสืบข้อมูล และเมื่อทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ออกไปทันที ทิ้งไว้แค่คำขู่

 

 

 

เมื่อนักสืบพูดจบ ลุกออกไปทันทีโดยไม่ให้คนว่าจ้างซักถามอะไรต่อ เขาได้แต่งุนงงกับข้อความที่นักสืบทิ้งเอาไว้ เขาทิ้งตัวลงบนพนักพิงเก้าอี้ เขาหวังไว้กับข้อมูลที่เขาจ้างนักสืบไปแต่กลับคว้าน้ำเหลวอีกรอบ เขากำลังครุ่นคิดว่าจะเอายังไงต่อ ข้อมูลที่ได้มาแค่เพียงว่า

ชื่อทวิชากานต์ นามสกุลนันทพิวัฒน์

ชื่อเล่นไนน์

อาชีพว่างงาน

อาศัยอยู่ที่ เชียงใหม่ ส่วนที่เหลือคือรูปที่ไปเดินชอปปิ้งซื้อของกับฝาแฝดที่เป็นแฟนกัน เขาเอามือนวดที่ขมับไปมา จนมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

 

 

ครับพ่อ”

(แกอยู่ไหนทำไมไม่อยู่ห้องทำงาน แกไปไหน ฉันถามเลขาแกก็ไม่รู้) น้ำเสียงปลายสายเจือปนด้วยอารมณ์โมโห

ผมออกมาทำธุระครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ

(ธุระอะไรของแก มันสำคัญกว่างานที่แกต้องรับผิดชอบหรือไง)

พ่อครับ ผมเป็นรองประธานบริษัทนะครับ ไม่ใช่พนักงานที่ต้องตอกบัตรเข้าทำงานและเลิกงานให้ตรงเวลา และตอนนี้ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทะเลาะกับพ่อ แค่นี้นะครับ”

(แก แก...) ไม่รอให้พ่อเขาพูดจนจบเขาตัดสายและเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง

 

 

เขาตัดสินใจกลับไปยังคอนโดหรูย่านกลางเมืองที่เป็นที่พักของเขา เขานั่งอ่านซ้ำไปซ้ำมา

ทำไมหาตัวเรามันอยากนักนะไนน์ เราเป็นใครกันแน่” เขาบ่นกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา “ไนน์คือใคร แล้วอยู่ที่ไหน ทำไมบอกว่าอยู่เชียงใหม่” เขานั่งหลับตา

 

 

 

 

 

 

 

สมุยวันที่3

ร่างโปร่งตื่นลืมตาขึ้นมาพบว่าตอนนี้เป็นช่วงสายมากแล้ว มองตาแสงที่สอดผ่านผ้าม่านของรีสอร์ต ส่วนคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืน ตอนนี้ไม่อยู่บนเตียง มีเพียงเสียงน้ำที่ตกกระทบพื้นดังออกมาจากห้องน้ำ เขาเดาว่าอีกคนคงตื่นสักพักแล้ว เขาดันตัวเองลุกขึ้นมานั่งพิงเตียงในสภาพที่หัวฟู ยุ่งเหยิง คว้าโทรศัพท์มาดูเป็นเวลาสิบโมงเช้า ถึงว่าเขาหิวข้าว กิจกรรมเมื่อคืนสูบพลังงานเขาไปมาโข ไม่นานประตูห้องน้ำเปิดออกมา

ตื่นแล้วเหรอครับ ไปอาบน้ำไหม” คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จถามไปด้วยเช็ดผมที่เปียกจากการสระผม ลงไปนั่งบนเตียงข้างคนที่ยังนอนอยู่

อืม” ตอบรับคนถาม “อย่าเอาหน้ามาใกล้ น้ำหยดใส่เนี่ยไปเช็ดผมให้แห้งไป๊” เอาพลักหน้าอีกคนที่จะเข้ามาจุ๊บแก้ม

“...” ซันยกหน้าขึ้นหนีจากมือเรียวๆ ที่พลักออกมาก่อนที่จะฉกฉวยโอกาสทีเผลออีกคนกดจุ๊บที่ปาก “มอนิ่งคิสครับ” ลุกพรวดออกไปจากเตียงทันที

ไอ้...” เสียงขบกรามแน่น หยิบหมอนขว้างใส่ไอ้คนที่เดินหนีไป พร้อมกับใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นตาม

ไนน์ครับ ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกัน” คนที่กำลังแต่งตัวชวนหันมาบอก

ดี กินเสร็จแล้วทำไรต่อ?”

ไม่มีครับ แล้วเราอยากทำอะไรหรือเปล่า?”

งั้นเดี๋ยวค่อยคิดตอนไปกินข้าวเช้าแล้วกัน รอสัก15นาทีนะ ขออาบน้ำก่อนแล้วกัน”

 

อาหารเช้าพวกเขาเลือกที่กินที่รีสอร์ต ที่จัดอาหารเช้าไว้สำหรับแขก ร่างโปร่งเลือกกินหลายอย่าง ขนมปังปิ้ง ไข่ดาว เบคอน ข้าวต้มกุ้ง และกาแฟ ส่วนอีกคนจะมีแค่ขนมปังปิ้งและกาแฟเท่านั้น

กินเก่งจังเลย เลอะหมดแล้วครับ” คนพี่เอานิ้วโป้งปาดคราบเลอะที่มุมปาก ก่อนที่เข้าไปนิ้วโป้งไปดูดต่อ

“...” ใบหน้าของคนโดนเช็ดรู้สีกว่าแก้มเริ่มร้อนขึ้น เขารีบยกกาแฟมาจิ๊บแก้อาการ

เขินเหรอ?”

ใคร? ไม่มี?” เสียงตอบแบบเลิกลัก

หึ หึ” เสียงหัวเราะในลำคอ

เออ กินเสร็จแล้วคุณไปเที่ยวไหนหรือเปล่า” ถาม ก่อนจะกวาดอาหารคำสุดท้ายลงท้อง

ไม่ครับ ไนน์อยากไปไหนหรือเปล่า พี่จะไปเที่ยวกับเรา”

ผมว่าจะไปเช่ามอเตอร์ไซด์เที่ยวนะ สนใจไหม”

ครับ ไปกัน” คนพี่เอื้อมมือไปจับมือน้องจูงเดินไปยังที่สำหรับเช่ามอ’ ไซด์ ส่วนคนโดนจูงก็เดินตามไปแบบงง

 

 

เขาทั้งสองไปตกลงราคาการเช่าเสร็จ โดยเลือกเช่าแค่รายวันเท่านั้น

กุญแจครับ” คนน้องแบมือขอกุญแจจากคนที่จ่ายเงินไปและรับกุญแจมา

“...” ทำหน้างงใส่

ก็ผมจะขับไง ไม่มีทางที่จะซ้อนท้ายใครแน่” คนน้องเบะปากใส่คนที่ไม่ยอมยื่นกุญแจมาสักที

เราตัวเล็กกว่าพี่จะมาขับได้ไง ซ้อนนะดีแล้ว ไม่ต้องขับให้เหนื่อยแดดก็จะได้ไม่ร้อนด้วย” คนพี่ขึ้นคร่อมมอไซด์

ไม่มีทาง คนอย่างไอ้ไนน์ชีวิตไม่ซ้อนรถใครเด็ดขาด” ว่าแล้วเขาก็เดินไปทำท่าจะเช่าอีกคัน แต่คนพี่รีบลงจากรถแล้วมาคว้าแขนไว้

ยอมแล้วครับ ไนน์ครับไปเลย พี่ซ้อนเอง” และลากน้องมายังที่รถที่จอดทิ้งไว้

เยี่ยม!! เกาะเอวพี่ดีๆ นะน้องพี่จะพาซิ่งเลย” ร่างโปร่งขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์ สตาร์ทเครื่องเสร็จก็เร่งเครื่อง เอามือมาตบที่เบาะให้อีกคนขึ้นมาซ้อนท้าย คนพี่เดินมาขึ้นคร่อมตามที่น้องบอก เอาแขนโอบเอวคนน้องทันที

กอดทำไม ปล่อยขยับไปหน่อยดิ จะมาเบียดทำไมเนี่ย” คนพี่ได้โอกาสตีเนียนแบบที่คนน้องบอกโอบเอวและยังเอาคางไปวางบนบ่า ก่อนจะเอาริมฝีปากแนบไปที่ต้นคอ

ก็เราบอกเองว่าให้เกาะดีๆ ไงครับ พี่กลัวตกรถไง” ปากที่แนบจะติดกับต้นคอ ลมที่พ่นมาสัมผัสที่หวาบหวิว เขาขนลุกตั้งชันขึ้นมา บอกได้เลยว่าเขารู้สึกสยิวและเขินอาย

ร รู้แล้ว แต่ว่าขยับไปหน่อยไง ขับรถไม่ได้” เขาบอกด้วยเสียงอันแผ่วเบา

ครับ แต่ว่าพี่ยังกอดอยู่ได้ใช่ไหม” ปากบอกว่ารู้แต่ตัวยังไม่ขยับไป ยังเอาลมหายใจรดต้นคออีกคนอยู่

อื้อ!” เขาพยักหน้าตกลง ค่อยๆ เม้มปากแก้เขินอาย

ไปไหนดีครับ พี่พร้อมแล้ว” ไอ้คำที่ว่าพร้อมคือนั่งกอดเอวคนน้องไปปล่อย ยังเอาคางมาเกยไว้บนบ่าราวกับสาวน้อย

คนน้องถอนหายใจแบบเหนื่อยหน่ายกับอีกคน “แป๊บนะ” พลขับหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวในสมุย

ทำอะไรอยู่ หื้อ..” คนซ้อนรถเห็นน้องจดๆ จ้องกับโทรศัพท์อยู่นาน

หาที่เที่ยวอยู่ครับ นี่ไปไหว้พระกันก่อนไหม ตามไกด์เค้าแนะนำมาแบบนี้แล้วก็ไปเที่ยวนี่ ตามด้วยนี่” คนพี่ฟังน้องที่พูดเสียงเจี้อยแจ๊วแนะนำที่เที่ยวให้ฟัง

ตามที่ไนน์ว่าเลยครับ” คนพี่ปล่อยมือข้างหนึ่งมาลูบหัวน้องด้วยความเอ็นดู

 

ไนน์ขี่มอไซด์มาถึงวันอย่างยากลำบากเพราะมีคนกอดเอวแน่นอยู่ด้านหลัง ปกติเขาจะขับบิ๊กไบท์เพียงคนเดียวและน้อยครั้งมากที่จะมีคนซ้อนท้าย และสิ่งสำคัญคนข้างหลังเนี่ยกอดแบบมากจนขยับตัวยาก

ถึงสักที คุณเลิกกอดเอวได้แล้ว ถามจริงเหอะไม่เคยซ้อนรถใครเหรอ เกาะแบบนี้มันขับรถลำบากนะ” เสียงบ่นไปส่ายหัวไปด้วยความเหนื่อยใจ

ก็พี่กลัวตกรถนี่” คนพี่ทำหน้าออดอ้อนมาให้

“...” เบะปากกลอกตาไปมา “ไปไหว้พระกันครับ แต่ว่า..เคยมาไหว้พระไหม”

ไม่เคยครับ”

งั้นขึ้นไปบนวัดก่อนแล้วกัน ค่อยดูว่าทำกันยังไง ผมก็ไม่เคยมาด้วยสิ”

 

 

ต้องไปเอาดอกไม้กับธูปเทียนใช่ไหม” คนพี่ชี้ไปตรงที่เขาจัดธูปเทียนสำหรับบริการนักท่องเที่ยว

แล้วเราต้องบริจาคเงิน?” คนที่พามาหันไปถามอีกคน

คงต้องแหละ เค้าทำกันทั้งนั้น” ทั้งคู่มองหันไปมองนักท่องเที่ยวคนอื่นที่ต่างพากันหยอดเงินใส่ตู้บริจาค

เท่าไหร่?” คนน้องหันไปถามคนพี่ ส่วนคนพี่ก็ได้แต่ส่ายหัว

ไนน์หยิบธนบัตรใบห้าร้อยมาหย่อนใส่ในตู้รับบริจาค “ห้าร้อยเหรอ?” เสียงถามจากคนที่มาด้วยกัน

ทั้งคู่หันมามองหน้ากันแล้วไหวไหล่ เหมือนบอกว่าเงินแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา ก่อนที่จะเดินไปจุดธูปเทียนและเข้าไปไหว้พระ ท่องบทสวดตามที่ติดไว้สำหรับนักท่องเที่ยว

ทำบุญร่วมกันแบบนี้ ชาติหน้าต้องมาเจอกันอีกนะครับ”

งั้นก็มีเพื่อนเที่ยวอีกนะสิ” คนน้องหันไปตอบ

ไม่เพื่อนสิ แฟนสิครับ แต่ถ้าเป็นผัวกะเมียคงจะดีกว่า” คนที่โดนหยอดหูแดง ถลึงตาใส่คนพูดทันที

ไปเถอะ ขืนอยู่นานกว่านี้จะได้บาปกว่าบุญ ว่าแต่ไปไหนต่อกันดีล่ะคุณ”

เมื่อไหร่จะเรียกว่าพี่ซันสักทีล่ะครับ” คนตัวโตเริ่มจะกลายร่างเป็นเด็กสามขวบ

“...” คนโดนถามเลือกจะไม่ตอบ แต่เลือกที่จะเดินออกไปนอกวัดตรงที่จอดรถเอาไว้ เด็กสามขวบที่ยืนงอนอยู่ไม่ยอมขยับตามมา จนเขาจึงต้องเรียก

คุณจะมาไหม”

“...”

ไม่มาผมทิ้งไว้นี่นะ หาทางกลับเองด้วย”

“...”

เอาว่ะ! คนอย่างไอ้ไนน์เนี่ยต้องมาง้อคน ถ้าเรียกแล้วไม่มาอีกกูทิ้งจริง” เขากัดฟันบ่นกับตัวเองเบาๆ “พี่ซันคร้าบบ ไปไหมครับ” เสียงที่รอดออกจากไรฟัน

คร๊าบบบ ไปคร๊าบบบ” เด็กสามขวบในร่างชายตัวโตวิ่งตามด้วยใบหน้าที่ยิ้มจนแก้มแทบจะแตก ส่วนคนที่ยืนรอแทบพ่นลมออกจมูกแทบลุกเป็นไฟแล้ว “โกรธเค้าเหรอ ก็เค้าอยากให้เรียกนี่หน่า อยากได้ยินเวลาอื่นบ้างนอกจากบนเตียง” เสียงสองจากคนผู้พี่ คนฟังคิ้วกระตุกทันที กำปั้นทุบไปที่แขนหนาๆ ของอีกคน

 

 

ขับมอไซด์มาถึงอีกที่ช่วงสายๆ อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่ ตรงนี้เป็นจุดชมวิวเกาะลาด มีหน้าผาหินติดริมทะเล และมีทางเดินลงไปตามหน้าผาไปยังทะเล ส่วนทางด้านบนมีศาลาไว้สำหรับนั่งชมวิว

 

ขึ้นไปข้างบนกันก่อนนะ ค่อยมาเดินลงหน้าผามาเล่นข้างล่างกัน” คนน้องชวน

ครับ งั้นเสร็จจากนี้ไปหาอะไรกินไหม ไนน์อยากกินอะไรดี”

ติ๋มซำได้ม่ะ อยากกินซาลาเปา กับฮะเก๋า”

เอาสิ ขึ้นไปดูข้างบนกันครับ” คนพี่หงายมือให้น้องจับ

อะไร?”

จับมือกันไง พี่ไม่มีแรงเดินต้องจับมือจะได้มีกำลังใจในการเดินขึ้นไปครับ” เมื่อคนน้องไม่ให้ความร่วมมือคนพี่เลยคว้ามาจับแทน จูงเดินขึ้นไปยังข้างบน

“...” ไนน์ปล่อยให้อีกคนเดินจูงมือไป แต่ในใจกลับมาความรู้สึกอุ่นภายในใจขึ้นมา เขาแอบลอบมองแผ่นหลังหนาๆ แล้วอมยิ้มไปด้วย

 

ขึ้นมาถึงแล้ว ถ่ายรูปกันนะ เรายังไม่มีรูปคู่กันเลย”

เอาสิ เก็บไว้เป็นความทรงจำระหว่างเราก็ดีเหมือนกัน แต่...รูปนี้จะมีแค่ผมกับคุณเท่านั้นที่เห็นนะ” คนน้องคอไปหาคนที่กำลังจะถ่ายรูปพร้อมกับยักคิ้ว

ได้ครับ” ว่าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคู่กัน ถ่ายไปหลายช็อตมาก คนพี่แทบจะกดรัว

อากาศดีจัง หอมกลิ่นทะเล” ทั้งคู่ลงไปนั่งที่ศาลา พร้อมกับสูดกลิ่นลมที่พัดมาจากทะเล

ไนน์ชอบทะเลเหรอ?”

ครับ ชอบเพราะมันทำให้รู้สึกสงบเวลาฟังเสียงคลื่นทะเล ตอนนี้เท้าเหยียบบทผืนทรายมันนุ่มนิ่มมากเลยนะ ชอบเวลาตื่นเช้ามาเห็นปูลมวิ่ง ยิ่งเวลาได้แหวกว่ายดำน้ำดูปะการัง ดูปลา ดูสิ่งที่อยู่ใต้น้ำมันสวยมากเลย” คนพี่นั่งฟังอีกคนพูดด้วยแววตาเป็นประกาย ดูมีความสุขในการได้อยู่กับสิ่งที่ชอบ

พรุ่งนี้ไปดำน้ำกันไหมครับ?”

“ครับ”

จริงๆ ผมจองเรือไว้แล้วแหละ แต่ไม่กล้าชวนกลัวคุณไม่ชอบ”

ไม่ครับ อะไรที่พี่ได้ทำร่วมกับไนน์พี่ชอบหมดแหละ แต่พี่ดำน้ำแค่ระดับตื้น”

ดำได้ระดับไหน? ScubaหรือSnorking?” คนถามมีสีหน้าลุ้นในคำตอบ

“Snorking ครับ เคยเรียนมาบ้าง”

เยี่ยม” ยกนิ้วโป้งให้แก่คนฟังพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง “มีเพื่อนร่วมทริปเที่ยวนี่ดีจริง”

พี่ว่าต้องหาเวลาว่างไปเรียนเพิ่มดีกว่า ครั้งหน้าจะได้มาดำน้ำกับเราอีกดีไหม”

ผมว่าเราไปข้างล่างกันเถอะ ถ่ายรูปกัน จะได้ไปหาอะไรกิน พอช่วงเย็นหน่อยค่อยมาเล่นน้ำทะเลกัน มาทะเลต้องเล่นน้ำทะเลสิ ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง” คนน้องรีบบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า

“...” พยักหน้าแทนคำตอบ

 

ระหว่างเดินลงไปด้านล่างไนน์อดถามสิ่งที่เขาสงสัยไม่ได้ “ทำไมคุณตามใจผมจัง ผมอยากทำอะไรก็ไม่ขัดเลย”

หื้อ...แล้วไม่ดีเหรอครับ?” ซันหยุดเดินและตอบคำถาม พร้อมกับเอามือไปวางไว้บนหัวและลูบหัวส่งยิ้มอ่อนให้

อืม...”

อย่างที่บอกไว้ เอาที่พี่ได้ทำร่วมกับเรามันสนุกหมดแหละ พี่ชอบที่เห็นเรายิ้มเราสนุกกับมันพี่เลยตามใจเรา”

ขอบคุณนะครับ ผมว่าเวลาอยู่กับคุณผมรู้สึกสบายใจ เหมือนกับเรารู้จักกันมาก่อน ผมเนี่ยแทบจะไม่คุยกับใครเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ” คนน้องส่งยิ้มที่ขอบคุณให้แก่คนพี่ ทั้งคู่ยืนสบตากันและยิ้มให้กันและกัน

ไนน์ครับ ทาครีมกันแดดก่อน ผิวจะเสียนะครับ ห้ามถอดเสื้อเล่นนะ ใส่เสื้อยืดไม่ได้เหรอ” คนพี่ออกอาการไม่อยากให้น้องไปเล่นน้ำที่ต้องถอดเสื้อเล่น

ถอดเล่นทุกรอบ หุ่นดีแบบนี้ต้องโชว์ดิ” เขารีบถอดเสื้อโชว์หุ่นที่เขาพยายามฟิตมาตลอดให้อีกคนดู “เฮ้ย!!!” เสียงร้องของเขาเมื่อตัวลอยกระแทกลงบนที่นอน อีกคนตามมาทับเขา

ก็พี่หวงไงครับ น่าจับขังไว้ในห้องไม่ให้เล่นน้ำซะมัด” คนด้านบนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกดหัวซบบนหัวไหล่คนที่นอนอยู่ “พี่หวงเราจริงๆ นะ ใส่เสื้อกล้ามก็ได้อย่าถอดเสื้อเลยนะครับ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด

ดะ ได้” คนตัวเล็กกว่าร้อนที่ใบหน้าลามไปยังหู “ลุก ลุกออกไปได้แล้ว”

...ทำไมที่พวกนั้นไม่ให้ถอดยั้งไม่รู้สึกแบบนี้ว่ะ...

 

 

 

 

 

คนน้องยอมใส่เสื้อกล้ามเล่นน้ำตามที่คนพี่ขอร้อง แต่ก็ไม่วายตกเป็นเป้าสายตาของสาวๆ หนุ่มๆ ที่เล่นน้ำอยู่แถวนั้น เดือดร้อนคนขึ้นหวงต้องรีบกระโจนลงน้ำไปว่ายน้ำเล่นด้วย เอาไปกอดคอพร้อมกับโอบเอวแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่

ปล่อยให้เล่นคนเดียวไม่ได้จริงเลย มีแต่คนจ้องจะขโมยไป พี่ต้องทำยังไง” คนกอดกดอีกคนจนจมอก

แน่นไปแล้ว ปล่อยเลย” เขาดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอด “ว่าแต่ผม คุณเองก็เหมือนกันแหละ มองคุณตั้งแต่เดินลงมาแล้ว ผมว่าพวกสาวๆ ไม่ได้จ้องจะกินผม แต่จะกินคุณมากกว่า” คนน้องเบะปากใส่

หวงพี่เหรอครับ?” ฟอด ซันหอมแก้มน้องด้วยความดีใจ ใจเขาแทบจะทะลุออกจากอกอยู่แล้ว

ตึก ตัก ตึก ตัก เสียงหัวใจของเขาเต้นแรง

มะ มะ ไม่เล่นน้ำแล้ว ก กะ กลับเถอะ” ร่างโปร่งรีบเดินจ้ำพรวดขึ้นจากน้ำเดินกลับไปยังที่พักทันที

ไนน์ รอพี่ด้วยครับ” ซันตะโกนเรียกคนที่เดินหนีไป รีบก้าวเดินตามไปติด หันไปบอกสาวๆ ที่ยืนเกาะกลุ่มมองดูพวกเขาอยู่ “แฟนผมเค้างอนนะครับ” ชี้นิ้วไปยังคนที่เดินนำหน้าไป เขารีบคว้ามือและเอานิ้วสอดประสาน “กลับที่พักกันนะครับ”

 

 

บาร์ริมทะเลที่พวกเขาเลือกมาเป็นบาร์ที่นิยมมากในการที่จะมาเที่ยวที่สมุย พวกเขาเลือกที่นั่งทางด้านบนแทนที่จะนั่งตรงชายหาด เพราะคนน้องไม่ชอบคนเยอะและวุ่นวาย เขาสั่งไวน์มาดื่ม

กินอะไรก่อนอีกไหมครับ พิซซ่า สปาเกตตี ซี่โครงอบไหมครับ” ถามอีกคนระหว่างพลิกอ่านเมนูในร้าน

เอามาหมดเลย หิวมากเลย” คนน้องบอกอีกคนที่สั่งอาหารไป ส่วนตัวเองกระดกไวน์ในแก้วจดหมด ก่อนจะหยิบขวดไวน์มาเทลงไปอีกเกือบครึ่งแก้ว

 

หลังจากสั่งอาหารเสร็จ คนตัวสูงนั่งมองคนน้องตั้งแต่กลับมาจากตอนเล่นน้ำจนพามากินข้าวด้วยกัน ยังไม่มองหันมามองหน้ากันตรงๆ พอหันไปมองหน้าก็เลือกที่จะหลบสายตา แกล้งทำอย่างอื่นแทน อย่างตอนนี้เลือกที่มองไปที่ทะเล แต่แอบเห็นว่าหันมาดูบ้างเป็นครั้งครา พอจับได้ก็แกล้งทำเป็นจิบไวน์แก้เขิน พอจะเอ่ยปากถาม พนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟ

มาแล้ว กินข้าวกันครับ”

คนน้องเริ่มรู้สึกคันยุบหยิบที่หัวใจ ทุกครั้งที่เผลอไปจ้องหน้าหรือสบตาใบหน้าจะร้อนเพร่า เขาต้องคอยหลบเลี่ยงและเปลี่ยนเรื่องและหาทางที่จะไม่เข้าใกล้จนเกินไป แต่จะให้ทำไงได้ ก็คนนั้นเล่นย้ายตัวเองมาอยู่ห้องเดียวกับเขา แล้วที่มันน่าตีให้หนักก็ตัวเองนั่นแหละที่อนุญาตให้เข้ามาเองด้วย

...แล้ววันนี้เอาไงว่ะ หนีไปนอนกับไอ้คีนดีไหม ต้องกลืนน้ำลายตัวเองเหรอว่ะ... 

 

กินนี่ครับ กินเยอะเลยนะ เห็นบอกว่าหิว จะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหม” คนพี่ตักอาหารที่สั่งมาอย่างละนิดละหน่อยใส่ในจานของคนน้อง

ขอบคุณครับ”

คนน้องเงยหน้ามาขอบคุณ แล้วก้มหน้าก้มตาลงไปยังจานตักกินไม่เงยขึ้นมาอีก ส่วนเขาทำไงได้ก็คอยตักและถามว่าจะเอาอันไหนอีก คนกินได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ให้ ส่วนตัวเขาก็ตักขึ้นมากินบ้าง จิบไวน์ เท้าคางนั่งมองคนกิน

เอ่อ พรุ่งนี้ที่จะไปดำน้ำนะครับ ผมนัดเรือให้มารับตอนเก้าโมง แต่จะให้ทางนั้นเอารถมารับตอนแปดโมงครับ แล้วก็จะไปต่อที่เกาะพงัน ถ้าไม่ไปไม่เป็นไรนะครับ ผมไปคนเดียวได้สบายมาก” คนพูดรีบโบกไม้โบกมือบอกว่าไม่เป็นไร

แล้วพี่บอกตอนไหนว่าจะไม่ไปด้วย หื้ม” คนพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ส่วนอีกคนผงะหน้าหนี

...มันเขี้ยวอยากกัดจังว่ะ...

“...”

เพลงที่ขอมาพอดีเลยครับ ฟังกับพี่นะ” ระหว่างที่อีกคนก้มหน้าไม่เงยมามอง เขาอาศัยจังหวะขอเพลง เขารู้สึกว่าเพลงนี้เหมาะกับที่จะแทนความรู้สึกของเขาให้แก่คนน้องฟังมากที่สุด คนน้องเงยหน้าจากจานข้าว เสียงเพลงดังนี้เขาส่งยิ้ม สบตากับน้อง

 

Baby, life was good to me

But you just made it better

I love the way you stand by me

Through any kind of weather

 

ที่รัก ชีวิตนี้มันเคยดีสำหรับผม

แต่คุณทำให้มันดีกว่าเดิมได้

ฉันรักที่คุณนั้นยืนอยู่ข้าง ๆ ผม

ไม่ว่าภายนอกจะเป็นอย่างไรก็ตาม

I don’ t wanna ran away

Just wanna make your day

When you feel the world is on your shoulders

I don’ t wanna make is worse

Just wanna make us work

Baby, tell me I will do whatever

 

ผมไม่อยากจะจากไป

อยากทำมันให้เป็นวันที่ดีของคุณ

ในตอนที่คุณรู้สึกว่ากำลังแบกโลกไว้บนบ่า

ผมไม่ต้องการทำให้มันแย่ลง

อยากทำให้เราสองคนผ่านพ้นไป

ที่รัก บอกผมสิ ผมจะทำทุกอย่าง

 

It feel’ s like nobody ever knew me until you knew me

Feel like nobody ever loved me until you loved me

Feel like nobody ever touched me until you touched me

Baby, Nobody, Nobody until you

 

มันรู้สึกว่าไม่มีใครรู้จักผมได้ดีเท่ากับคุณ

ความรู้สึกราวกับไม่มีใครเคยรักผม จนมีคุณมารัก

ความรู้สึกเหมือนกับไม่มีใครทำให้รู้สึก จนคุณสัมผัสผม

ที่รัก ไม่มีใคร ไม่มีเลย

Baby, It just took one hit of you

Now I’ m addicted

You never what’ s missing

Till you get everything you needed *

 

ที่รัก มันคอยเอาแต่คิดถึงคุณ

ตอนนี้ คุณทำให้ผมลุ่มหลง

คุณไม่รู้หรอกว่าขาดอะไร

จนกว่าคุณจะได้ครอบครอง

 

* Until you by Shayne ward

 

 

พอเพลงจบลง ต่อด้วยการแสดงควงกระบอกไฟของทางร้านสำหรับนักท่องเที่ยว เขาทั้งคู่หันไปดูโชว์ เขาละสายตาจากโชว์ที่กำลังแสดงหันมามองเพียงคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาเพียงอยากมองไม่มีอะไรที่น่าสนใจได้เท่าคนนี้แล้ว

 

จนโชว์จบลงคนที่เอาแต่มองการแสดงหันมาเจอสายตาที่หวานหยาดเยิ้มของคนตรงหน้า เขาส่งยิ้มบางๆ ตอบ ก่อนที่หลุบสายตาหนีการจ้องมอง เขาไม่รู้ว่าอีกคนนั้นจ้องมองอยู่นานเพียงใด การที่มีคนจับจ้องมองเขาอยู่ประจำ เขาเลือกที่ไม่สนใจและปล่อยทิ้งไป แต่มีเพียงสายตาของคนนี้เท่านั้นที่ทำให้รู้สึกประหม่าอย่างมาก ถึงขั้นเสียความเป็นตัวของตัวเองไป

 

โชว์เมื่อกี้สวยมากนะครับ” เขาเลือกที่ทำลายความเงียบ

ครับ แต่พี่ไม่ได้ดูเลย พอดีมีบางอย่างน่าดูกว่าโชว์เมื่อกี้” คนตอบคำถามยังไม่เลือกที่มองมา

“...” ไม่รู้ว่าอากาศมันร้อนหรือเพราะเมาไวน์ตอนนี้ไนน์เอาร้อนที่หน้าและหูมาก

...เขินแล้วน่ารักว่ะ จับฟัดกลางเลยดีไหม หื้ม...

“...”

กินอะไรอีกไหม ถ้าไม่กินงั้นเรากลับกันเลยไหม” คนน้องเลือกที่จะพยักหน้าเห็นด้วย คนพี่จัดการเรียกพนักงานมาเก็บเงิน

 

 

วันนี้เราเดินกลับกันนะครับ ที่พักเราไม่ไกลมา เดินเลียบชายหาดไปกันนะครับ” ซันเอื้อมมือไปกอบกุมมือของอีกฝ่ายทันที ค่อยๆ บรรจงนิ้วเข้าไปสอดประสาน

คนที่โดนจับมือเลือกที่จะยกมือที่สอดประสานขึ้นมาโชว์เหมือนจะถามว่าจับทำไม “เอ่อ..”

ทางเดินมันมืดครับ กลับหลงทาง” คนน้องกลอกตาขึ้นบน บ่งบอกให้รู้ว่ามันมืดมาก แสงไฟจากร้านริมชายหาดและไม่ดูดวงจันทร์เลย อีกไม่กี่วันจะเต็มดวง

...จร้าพ่อมืดมากเลย...

คนพี่ได้แต่ไหวไหล่ “ไปครับ” และจูงมือน้องออกเดินไป การก้าวเดินของทั้งคู่มันทำให้พวกเขารู้สึกอิ่มเอมใจไปพร้อมๆ กัน คนน้องได้แต่อมยิ้ม ส่วนคนพี่ยิ้มหน้าบานที่น้องยอมให้จูงมือเดินไป

 

 

 

กลับมาถึงห้องพักคนตัวเล็กกว่าเลือกที่จะอาบน้ำและเข้านอนก่อนทันที ซันเลือกจะอาบน้ำทีหลัง พออาบน้ำเสร็จเขาคลานขึ้นไปนอนข้างๆ คนที่นอนอยู่ริมฝั่งขวาของเตียงที่นอนตะแคงข้าง เขานอนหนุนหมอนเท้าคางหันไปมองคนที่แกล้งหลับ

 

ไนน์ครับ หลับยังครับ”

“...”

ไนน์ครับ จูบได้ไหม”

“...”

ถ้าไม่ตอบแสดงว่าหลับสึกแล้ว ลักหลับไปสบาย” คนที่นอนข้างๆ ก้มไปกระซิบใกล้ๆ เอาลมหายใจเป่ารดต้นคอ

พลึบ! “ไม่ได้” คนโดนแกล้งรีบลุกขึ้นนั่งตัวตรงแน่วทันที “พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”

งั้นถ้าไม่ต้องตื่นแต่เช้า ก็ได้ใช่ไหมครับ” คนถามเลียปาก

“!!!!”

ครับ ไม่ทำครับ แต่ว่าพี่ขอกอดเราได้ไหม” คนพี่ทำเสียงออดอ้อน ส่งสายตาปริบๆ เหมือนเด็กน้อยที่กำลังขออะไรจากผู้ใหญ่

“...”

นะครับ”

อะอื่อ..” คนที่ถูกอ้อนแพ้สายตา พยักหน้าแบบเออก็ได้จะได้จบๆ ไป ทิ้งตัวลงนอนในท่าเดิม

ปิดไปเลยนะครับ” สวิตไฟที่ห้องปิดลง อีกคนล้มตัวลงนอนข้าง ขยับตัวเข้ามาชิดอีกคน แขนตวัดโอบเข้าที่เอวบาง บรรจงกดหอมที่หัว ก่อนที่จะเลื่อนริมฝีปากมาจุ๊บที่แผ่นหลังใกล้ๆ ต้นคอทางด้านหลังที่อีกคนสักเลขโรมัน IX ไว้ “ฝันดีครับรอยยิ้มของพี่”

...รอยยิ้มของพี่งั้นเหรอ...ไนน์

 

Tbc…