28 ตอน Chapter 27
โดย T.mines
Number nine My Sun
หมายเลขเก้าของดวงตะวัน
#IXMYSUN
เช้าวันจันทร์ที่เข้ามาทำงานที่ตึก ศิริกิจวัชรโชติกรุปในรอบหลายปี พนักงานทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าหันมาประธานบริษัทที่ไม่เคยมาให้เห็นหน้าในรอบห้าปี มีแต่ผู้บริหารและฝ่ายต่างๆ ที่จะได้ประชุมเห็นหน้าผ่านจอการประชุมเท่านั้น เสียงซุบซิบที่ดังมาตลอดทางเดินพร้อมสายตาที่จับจ้อง พนักงานหลายคนที่พอจะคุ้นหน้าโค้งคำนับและกล่าวยินดีต้อนรับเขา
หนึ่งสัปดาห์พอดีที่ชายหนุ่มกลับมา ตอนแรกเขาหวังว่าคนที่อยากเจอจะมาขอให้เห็นตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาทำงาน แต่กลับกลายว่าคนที่มาพบคือเพื่อนๆ ทั้งห้าคนรวมตัวมาหาเขา และพวกเขาไปกินข้าวมือเย็นและดื่มต่อกันตามประสาเพื่อน
“ไอ้ไนน์ถ้ามึงหนีไปอีกพวกกูจะเลิกคบมึง ไอ้เพื่อนเหี้ยพวกกูเป็นห่วงแทบตายตอนเกิดเรื่อง ติดต่อก็ไม่ได้แม่ง” พลัว! คิวที่เมาแล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้หลังจบตามด้วยหมัดต่อยเข้าที่แขนเขา
เพียะ! แรงตีเข้าที่ต้นแขนจากเมเปิ้ลตามด้วยนิ้วจิ้มไปที่หัวเขา “ถ้ามึงทำอีกกูจะตามไปตบถึงที่เลย มึงจะมีเพื่อนไว้ทำไง เสียใจมาร้องกับพวกกูนิ”
“โอ๊ย!....” เขาร้องตามแรงบิดเข้าที่หู ยกมือมาถูกลัวว่าจะติดมือไป “เจ็บนะไอ้จัส!” เขาโวยวายใส่แต่ไม่กล้าเสียงดังด้วยที่ตัวเองมีความผิดอยู่
“เจ็บสิ! กูบิดให้เจ็บไม่เจ็บกูจะทำ! ทำไม!” เสียงพูดที่กัดฟันใส่ “อย่าหาทำแบบนี้อีกนะ!”
“เจโอ มึงจะด่าอะไรว่ามาเลย” เขายึดตัวขึ้นพร้อมกับบทลงโทษสำหรับคนสุดท้ายแล้ว
เจโอยกยิ้มอย่างร้ายมาให้เขา ไนน์รู้สึกเสียงสันหลังทันที ก่อนเอโจจะเดินเข้ามาล็อกคอ “อุก!” หมัดหนักเข้าที่ท้องเขาและเขาแกร่งรอรับอยู่แล้ว “อย่าทำให้เพื่อนเป็นห่วงอีกนะ”
“ตั้งกี่ปีแล้วพวกมึงยังหายโกรธอีกเหรอว่ะ!” เสียงถามขุ่นเคืองเล็กน้อย ด้วยที่ตัวเองมีความผิดแต่จะให้มาโดนรุมแบบนี้ก็ไม่โอเคนะ
“ไนน์ อย่ามาว่าเพื่อนแบบนี้นะ วีที่อยู่ใกล้ที่สุดยังติดต่อไนน์ยากมาแล้วคนอื่นล่ะจะไม่ให้เป็นห่วงได้ไง ต้องติดต่อผ่านพี่บายไม่ก็คีน ไม่งั้นวีไม่ยกโทษให้อีกคนด้วย” น้องเล็กสุดในกลุ่มตวัดสายตามามองเขาอย่างเคืองๆ
“ครับ กระผมขอโทษแล้วจะให้ไอ้ไนน์คนนี้ทำยังไงคับ”
ทุกคนหันมามองเขาละวีเป็นคนที่พูดออกมาแทน “ไนน์ต้องมีความสุขเท่านั้นถึงจะยกโทษให้” และคนที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วย
ย้อนกลับไปวันที่พวกเพื่อนเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นผ่านวียังไม่ทันจะพูดคุยหรือปลอบโยนเจ้าตัวก็ชิ่งหนีบินไปเมืองนอกทันที ไม่ร่ำลาใครสักคน ส่วนอีกคนตามหาเหมือนผีบ้า วิ่งไปขอพบพวกเขาแต่ละคน ถามว่าติดต่อได้ไหม รู้ไหมว่าไปอยู่ไหน เห็นสภาพคนรักของเพื่อนยิ่งสงสาร พอพวกเขานัดเจอและรับรู้เรื่องทั้งหมด พยายามติอต่อเพื่อนตัวดีที่วิ่งหนีปัญหาไป ก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ไม่เปิดอ่านข้อความไม่นานมันก็เปลี่ยนเบอร์ทิ้งไปซะงั้น
พวกเขาแทบอยากจะบินไปลากคอมันมากระทืบแต่ติดตรงที่แต่ละคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เลยไม่มีเวลาว่างตรงกันที่จะบินไปตามเจ้าตัว ส่วนไอ้เพื่อนตัวดีของเพื่อนเขาก็บินหนีไปแต่ละประเทศเก่งจัด อยู่แต่ละทีไม่เคยเกินสัปดาห์ ส่วนบินมาไทยมันอยู่24ชั่วโมงก็เป็นบุญมาก
บทลงโทษคนที่ทำร้ายให้เพื่อนพวกเขาเสียใจคือทำลายทันทีเมื่อธุรกิจของพ่อและแม่วีว่า พวกเขายังสงสัยว่าทำไมพี่ซันยังมีโอกาสวิ่งไปมาเที่ยวตามมันอยู่ตลอด เพื่อนวีบอกว่าเจ้าตัวขอเอาไว้ห้ามยุ่ง ส่วนวีว่าตัวร้ายของเรื่องนี้ พวกพี่เขาไม่ปล่อยไว้หรอก แค่รอให้คลอดลูกและออกนอกประเทศเมื่อไหร่ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าบทลงโทษจะร้ายขนาดไหนแต่ที่แต่ถ้าตายแล้วตกนรกอาจจะดีกว่าบทลงโทษนี่แน่
กลับมาที่เจ้าเพื่อนตัวดีของพวกเขา เขาฟังจากพี่สะใภ้ของไนน์หรือจะบอกว่าเพื่อนวี ยังอาลัยอาวรณ์ผู้ชายของตัวเองอยู่ พวกเขาคิดว่าถ้าพวกเขาไปพูดคุยหรือปลอบโยนมันอยากจะไม่ใช่เวลาเนิ่นนานขนาดนี้ จนเพื่อนๆ ไม่ไหวแล้วเลยส่งวีที่ว่างงานไปคุยกับมัน และจบลงที่มันมานั่งในพวกเขาด่าอยู่ตรงนี้
ตั้งแต่ที่ไนน์ก้าวขึ้นมานี่ไฟส่องมาถึง มีแต่เรื่องทั้งนั้น เริ่มแรกปู่มันเสียไปก็เขว้ไปเยอะเหมือนกัน ต่อมาเรื่องที่น้ามันโกงบริษัทและเป็นคนที่ลงมือวางยาปู่ให้ตาย และโดนลักพาตัวไปทำร้ายจนเกือบตาย เวลาที่มันต้องผ่านเรื่องร้ายๆ คนที่อยู่ข้างไอ้เพื่อนนนี้คือพี่ซันของมัน แต่พอมีเรื่องที่เกิดขึ้นใจในคงพังไปหมดแล้ว ไม่ยอมมาให้เพื่อนปลอบเลยนั่นแหละที่พวกเขาห่วงมากที่สุดเวลาที่เพื่อนเจ็บปวดแต่ช่วยอะไรไม่ได้พวกเขาจึงโกรธมันมากที่ไม่ยอมพึ่งพาพวกเขา พวกเขาได้แต่หวังงว่าเจ้าตัวจะยอมให้ตัวเองมีความสุขอีกสักครั้ง
เช้าวันต่อมาเข้าต้องเข้าไปตรวจงานที่โรงแรมสาขาหลัก จนครั้งใกล้จะกลับไปยังทำงานที่ตึกตามเดิม ร่างของเขาปะทะกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กพร้อมชุดกระโปรงสีชมพู
“ปะป๋าขา...” เสียงหวานเรียกพร้อมเงยหน้าขึ้นมามองเขา เขาหันไปมองหน้าลูกน้องที่เดินตามมาด้านหลัง ทุกคนต่างพากันส่ายหน้าไม่รู้จักเด็กผู้หญิงที่วิ่งเข้ามา ไนน์ยึดตัวมองสอดส่ายไปยังข้างหน้าคิดว่าเดี๋ยวคงจะมีผู้ปกครองของเด็กวิ่งตามมาและมีเสียงเรียกดึงความสนใจให้กลับไปยังเด็กตัวเล็กอีกครั้ง “ปะป๊าหลับมาหาน้องเกล้าแล้วใช่ไหมคะ”
เขาย่อตัวลงไปคุยกับเด็กสาว “หนูเรียกน้าผิดแล้ว น้าไม่ใช่ปะป๊าหนูหรอกค่ะ”
“ผิดได้ไงคะ น้องเกล้าจำไม่ผิดแน่นอนค่ะ น้องเก้าดูรูปปะป๊ากับคุณพ่อทุกคืนเลยค่ะ” น้ำเสียงที่ดูมั่นใจของเด็กหญิง
“...” ไนน์ถึงกลับเกาหัวอย่างงุนงง เขามองหน้าและยิ้มให้กับเด็กหญิงพอมองดูใบหน้าอีกครั้ง เขารู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้า รวมถึงดวงตาที่เหมือนกับใครบางคน
“คุณพ่อทางนี้ค่ะ หนูเจอปะป๊าแล้วค่ะ” น้ำเสียงที่ร้องเรียกด้วยความดีใจให้อีกคนเดินมาหา ชายหนุ่มที่ไนน์คิดว่าได้เจอกลับเร็วกว่านี้แต่กลับมาเจอกันในตอนที่เขาไม่ได้ตั้งตัว ใจที่ไม่เคยเต้นเร็วกับใครมาก่อน กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง หัวใจที่มีหน้าหน้าที่สูบฉีดเลือดไปวันๆ กลับทำงานอย่างแข็งขันในวันนี้
เขาทั้งสองต่างมองและจ้องหน้ากันอย่างไปมา ส่วนเด็กน้อยได้แต่จ้องมองสลับระหว่างบิดาที่เป็นคุณพ่อกับปะป๊าคนใหม่ มีเพียงคนที่รู้หน้าที่อย่างคีน เอ่ยปากทำลายความเงียบ
“คุณไนน์ครับ วันนี้ไม่มีงานต่อแล้วนะครับ หลังจากนี้ว่างมากครับ” คีนเลือกพูดประโยคแรกกับเจ้านาย ส่วนประโยคที่สองนั้นเน้นคำไปกับอีกคนหนึ่ง และเริ่มหันไปทักทาย “สวัสดีครับคุณซันไม่เจอกันนานเลยนะครับ ยังไงพวกผมฝากเจ้านายผมด้วยนะครับ สวัสดีครับ” พูดจบพร้อมกับสลายตัวไปกันอย่างรวดเร็วทั้งชุดเลย เจ้านายอย่างไนน์ยืนงงลำดับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดไม่ทัน
ทั้งสองต่างพากันเคอะเขินกระอักกระอ่วนพอๆ กันและซันเรียกลูกสาวให้มาหาตอนก่อนที่อีกคนจะรำคาญ “เกล้ามาพ่อก่อนนะครับ”
“ไม่เอาเกล้าจะอยู่กับปะป๊า จะอยู่กับปะป๊า!” เสียงร้องโวยวายดังลั่น แขนเล็กๆ กอดรัดเข้าที่คอของปะป๊าที่โดนโมเมอย่างไนน์
“น้องเกล้าไม่ซนลูก ไม่กวนปะป๊านะคะ” เสียงดุที่นุ่มนวลจากปากคุณพ่อ ไนน์ถึงกับเลิกคิ้วที่คำว่า ปะป๊า ที่ใช้แทนตัวเขาและมันหลายครั้งด้วย
“ไม่เอาคุณพ่อจะเอาปะป๊า!!!” เสียงแว๊ดดังของเด็กหญิง
เสียงโวยวายของเด็กน้อยเรียกผู้คนรอบข้างให้หันมาพวกเขาทั้งสาม ด้วยความที่กลัวแขกจะเริ่มรำคาญ “เอ่อ..พี่ซันครับ เราพาน้องเกล้าไปนั่งที่คาเฟ่ไหมครับ” และหันมาถามเด็กหญิง “น้องเกล้าค่ะ ไปนั่งตรงนู้กับอาไนน์ไหมคะ” เขาชี้นิ้วไปยังโซนกาแฟ
“ทำไมปะป๊าเรียกตัวเองว่าอาไนน์ละคะ” เด็กน้อยยู้ปาก ขมวดคิ้วถามเขาอย่างสงสัย
ไนน์เกาแก้มเขารู้สึกกระดากปากตัวเองที่จะแทนตัวเองว่าปะป๊า “ครับ? อ๋า...งั้นไปนั่งตรงนู้กับปะป๊านะคะ”
“ไปค่ะ” ตั้งแต่เจอกันเด็กหญิงยังไม่มีท่าทีจะปล่อยแขนที่กอดเขาไว้แม้แต่น้อย
เขาช้อนตัวอุ้มเด็กหญิงและพากันเดินไปยังคาเฟ จัดแจงให้เด็กหญิงนั่งลงในเก้าอี้ก่อนจะเรียกพนักงานให้เอาเก้าอี้สำหรับเด็กมาให้ และรอรับออเดอร์ “น้องเกล้าจะกินขนมอะไรคะ”
“เอาเค้กสตอรี่”
เขาหันไปสั่งพนักงาน “เค้กสตอเบอร์รี่หนึ่งชิ้น ขอนมสดด้วยหนึ่งแก้ว ส่วนของผมของอเมริกาโน่แล้วกันครับ” และเขาหันไปมองหน้าคนที่ร่วมโต๊ะสิ่งด้วยสายตาว่าสั่งอะไรไหม
“ส่วนผมเอสเปสโซ่ครับ”
บรรยากาศที่อึดอัดระหว่างพวกเขาทั้งสอง ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นกันยังดี ซันเลือกทำลายความเงียบด้วยเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนาก่อน “ไนน์สบายดีไหมครับ”
“สบายดีครับ แล้วพี่ซันล่ะครับสบายดีไหม”
“ครับ ตัวพี่สบายดี แต่หัวใจมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รู้สึกว่าตอนนี้มันจะเต้นแรงไปครับ ถ้าไนน์ไม่เชื่อลองจับดูได้ครับ” ชายหนุ่มยกมือกุมที่หน้าอกและดันตัวเอียงมาด้านหน้า
“...” ไนน์ถลึงตาดุใส่ อยู่ต่อหน้าเด็กยังจะจีบเขาอีก
แรงจิ้มเบาจากนิ้วเล็กๆ “ปะป๊าจะกลับมาอยู่กับน้องเกล้าแล้วใช่ไหมคะ ไม่ไปทำงานที่ไกลแล้วใช่ไหมคะ” เสียงเล็กที่เศร้าถามร่างโปร่ง
เขายังไม่ทันตอบอะไร พนักงานยกขนมเค้กกับกาแฟมาเสิร์ฟมาขัดจังหวะพอดี ไนน์ดันจานเค้กไปวางหน้าเด็กหญิง พร้อมกับหยิบช้อนส่งให้
“เมื่อกี้น้องเกล้าถามอา... ถามปะป๊าว่ายังไงนะคะ” เขาเอียงคอถามพร้อมกับรอยยิ้ม
“น้องเกล้าถามว่าปะป๊าจะกลับมาหาน้องเกล้าแล้วใช่ไหม” เสียงตอบมาอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ครับ? เดี๋ยวนะคะ ขอคุยกับคุณพ่อน้องเกล้าก่อนนะคะ” เขายกมือลูบหัวน้องเกล้าอย่างเอ็นดู “เค้กอร่อยไหมคะ” เขาถามพลางหยิบทิชชูมาเช็ดปากที่เลอะ หันมาตวัดตามองคุณพ่อที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ ไนน์กัดฟันกดเสียงเข้ม “อธิบายมาครับ!”
“ปะป๊าอย่าดูคุณพ่อสิคะ”
ซันนิ้วมา จุ๊ ที่ปากและส่ายนิ้วไปมา ก่อนจะขยับปาก เอาไว้อธิบายกันสองคน และชี้นิ้วไปยังเจ้าตัวเล็กที่กำลังกินขนมอย่างมีความสุข
ไนน์ถึงกับหลุดขำเบาๆ ในความเจ้าเล่ห์ของคุณพ่อที่เอาลูกของตัวเองมาอ้างที่จะได้คุยกับแค่สองคน รอยยิ้มกว้างที่ซันเห็นมาเกือบห้าปี เขาถึงกับยิ้มตาม ส่วนเจ้าตัวน้อยก็ยิ้มร่วมด้วยเช่นกัน
“ปะป๊ากินเค้กค่ะ น้องเกล้าป้อน” มือเล็กถือช้อนยื่นมาจ่อที่ปากปะป๊าตัวปลอม “อ้าม...ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ไนน์ขอบคุณก่อนจะอ้าปากรับเค้กชิ้นเล็กๆ เข้าปาก
“น้องเกล้าและพ่อล่ะ พ่อก็อยากกินด้วยค่ะ” ซันแสร้งอ้าปากรอ
“นี่ค่ะ” มือน้องเกล้ายื่นไปป้อนเค้ก “อร่อยไหมคะ” เสียงเล็กๆ อันสดใสถามขึ้นมา
“อร่อยค่ะ อร่อยที่สุด” ซันกลืนเค้กแล้ว มองหน้าอีกคนพร้อมกับใช้ลิ้นเลียขอบฟันด้านบนไปพร้อมกับริมฝีปากอย่างยั่วยวน
“!!!” ไนน์ถึงกับหน้าแดงจากการกระทำของคนพี่ นี่ระหว่างที่ห่างกันไปไอ้พี่ซันไปอัพสกิลการจีบยั่วแบบนี้มากไหน เขาเบี่ยงความสนใจของตัวเองไปที่เด็กหญิงดีกว่า ถ้าหากยังคงมอง “น้องเกล้าอร่อยไหมคะ อยากกินอะไรอีกไหมคะ” เขาหยิบทิชชูไปเช็ดปากที่เลอะครีมเค้กของน้องเกล้า
ซันที่เฝ้ามองทุกการกระทำ ไนน์ไม่มีท่าทีรังเกียจลูกสาวเขาแม้แต่น้อย ถึงเขาพอจะเดาได้ว่าไนน์คงรับรู้ว่าเป็นลูกเขากับใคร ส่วนน้องเกล้าติดนิสัยขี้อ้อน ยิ่งเขากรอกหูทุกวันว่าถ้าเจอปะป๊าเกล้าต้องอ้อนให้ป๊าเยอะนะ ป๊าจะได้กลับมาอยู่พวกเรา หลงน้องเกล้าอีกคนแน่ พอเขาลองหยอดลงไป เจ้าตัวมีอาการเขินอายอย่างชัดเจน เขาเองก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ไนน์คงให้เขาเข้าใกล้อีกนิด ซันจิบกาแฟเฝ้ามองดูพ่อลูกที่เขาแอบแต่งตั้งเอง คุยกันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มกว้างมีมาเป็นระยะ
“ขอบคุณครับ” อาศัยจังหวะที่ไนน์จดจ่อกลับลูกสาวหันไปขอบคุณคนที่ช่วยเหลือเขาโดยไม่มีเสียงออกมาให้อีกคนได้ยิน
หลังจากจบการกินกาแฟและเค้ก ไนน์คิดว่าถึงเวลาต้องแยกตัวละปล่อยให้สองคนพ่อลูกตัวจริงไปต่อ เขาก็ต้องกลับไปยังบ้านที่ไม่ได้กลับเข้าไปนานมากแล้ว ไนน์มองไปรอบๆ ตัว บอดี้การ์ดส่วนตัวหนีหายไปหมด กุญแจรถก็ไม่ได้ทิ้งไว้ให้ เขานึกแปลกใจว่า อยู่ๆ อีกคนโพล่งมาพร้อมกับพวกคนที่คอยติดตามหายไปทันที
“ปะป๊ากลับบ้านพร้อมน้องเกล้าไหมคะ” น้องเกล้าถามขึ้นหลังจากบิดาสะกิดให้ถาม
“เอ่อ!”
“น้องเกล้าค่ะ ปะป๊าต้องกลับบ้านของป๊าค่ะ”
“ทำไมล่ะคะ ทำไมป๊าไม้กลับไปอยู่กับเรา ไหนคุณพ่อบอกว่าถ้าปะป๊ามาเจอน้องเกล้า แล้วเราสามคนจะอยู่ด้วยกันละคะ” น้ำเสียงที่น้อยใจพร้อมกับน้ำตาที่คลออยู่ที่เบ้ามา ไม่นานเกินรอเสียงร้องไห้โฮดังลั่น ร่างเล็กๆ โผเข้ากอดไนน์เหมือนไม่อยากให้ไปหนีไปไหน
ไนน์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เขาไม่เคยเจอเด็กคนนี้สักครั้งแต่ทำไมเขาถึงมีอิทธิพลต่อเด็กหญิงนี้อย่างมาก
“น้องเกล้าไม่ร้องนะครับ โอ๋ครับ ไม่ร้องน้า..ป๊าอยู่นี่แล้วครับ” เขาปลอบเด็กหญิงพร้อมกอดและลูบหลังไปด้วย
“ปะป๊าจะไม่ทิ้งน้องเกล้ากับคุณพ่อไปอีกใช่ไหมคะ อึก น้องเกล้ากลัวคุณพ่อร้องไห้อีกค่ะ อึก” เสียงสะอึกสะอื้อของเด็กหญิง
“น้องเกล้าค่ะ ไม่ดื้อกับปะป๊านะครับ มาหาพ่อมา ปะป๊าต้องกลับบ้านก่อนค่ะ แล้วเราค่อยมาป๊าใหม่นะคะ” เสียงทุ้มลึกปลอบโยน มือหนาลูบไปที่หัว “เอางี้ไหมคะ วันนี้ให้ปะป๊าไปส่งน้องเกล้าที่บ้านไหม?”
“ก็ได้ค่ะ” เสียงตอบรับมือเล็กที่ยกขึ้นมาปาดน้ำตา “ไปกันค่ะปะป๊า” หนูน้อยพยักหน้าเชิญชวนให้ไนน์ไปด้วย
“...” ไนน์งุนงงในการตกลงกับสองคนพ่อลูก เขายังไม่ได้ตอบรับอะไรแม้แต่น้อย โมเมเก่งแหละคนนี้
“ไปครับ” ซันแอบฉวยโอกาสโอบหลังและออกแรงดันพาคนรักไปเดินไปด้วยกัน
รถเข้ามาจอดในบ้านที่เขาไม่ได้มาในรอบหลายปี บริเวณบ้านมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง คือที่สนามหญ้ามีของเล่นเด็กเพิ่มมา ไม่ว่าจะเป็นชิงช้า สไลเดอร์ เทมโปลีน และยังมีกระบะทราย เขารู้เลยว่าทั้งหมดของใคร
สาวน้อยในชุดกระโปรงสีชมพูฟูฟองพบลงจากรถได้รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ด้วยความดีใจทั้งที่บ้านรถยังคุยเล่าเรื่องราวในสัปดาห์ที่ผ่านให้พวกเขาทั้งสองฟัง ไนน์งงสภาพตัวเองทำไงถึงมาอยู่ที่ได้ เขาลงรถตามเด็กหญิงไปติดๆ
“น้องเกล้าระวังสะดุดครับ” ไนน์ร้องบอกไล่หลัง
“คุณย่าขา น้องเกล้ากลับมาแล้วค่ะ” เสียงร้องบอกคนคุณย่า
คนในบ้านที่ได้ยินเสียงเล็กของเด็กหญิงกลับมาก็เดินออกมาต้อนรับ สิ่งที่แปลกใจคือมีเสียงอื่นดังมาด้วย เสียงที่คนอื่นที่ไม่ใช่ลูกชายของบ้าน เจ้าจันทร์และมารดามองหน้ากันและเดินตามมาด้วยกันที่ประตูด้านหน้า
สิ่งที่พวกเธอตกตะลึงคือคนที่ไม่เจอกันในรอบห้าปี คนที่ไม่คิดว่าจะมาเหยียบบ้านหลังนี้ และคนที่พามาคนลูกชายและหลานสาวของพวกเธอ หญิงวัยกลางคนยกมือปิดปากสีหน้าแววตาด้วยความตกตะลึง ส่วนหญิงสาวอีกคนเอามือตบหน้าตัวเองเบาบอกว่าเธอไม่ได้ฝันไปในตอนกลางวัน
“เจ้าจันทร์แม่ไม่ได้ตาฝาด นั่นใช่ลูกสะใภ้แม่ใช่ไหม” มารดาของเจ้าจันทร์ยกมือสะกิดลูกสาวให้ดูคนที่กำลังเดินมาหาพวกเธอ
“มะ ไม่ผิดค่ะแม่” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยความตื่นตกใจ
“คุณย่าขา อาจันทร์ขา” เสียงเรียกเล็กๆ และแรงดึงที่ชายกระโปรงให้มาสนใจบ้าง
“อุ๊ย! ย่าขอโทษค่ะ ย่ามัวแต่ดีใจที่ปะป๊าของน้องเกล้าค่ะ”
“อาจันทร์ก็ด้วยค่ะ” และคุณอาสาวสวยย่อตัวลงไปอุ้มหลานสาวเพื่อปลอบที่ไม่ได้รับความสนใจ
“สวัสดีครับ คุณแม่” ไนน์ยกมือไหว้มารดาของอีกคน แต่คำเรียกขานที่เรียกออกไปด้วยเสียงเบาเพราะเขาไม่แน่ใจว่ายังเรียกแบบเดิมได้หรือเปล่า
“สวัสดีครับคุณแม่ เจ้าจันทร์” เสียงของลูกชายทักทายมารดาและน้องสาว ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแบบว่าไม่คิดที่ปกปิดความดีใจ
หมับ! แรงสวมกอดของหญิงวัยกลางคนเข้าที่ตัวไนน์ มือบางลูบไปแผ่นหลัง แรงสวดกอดผละออกมือลูบมาที่หน้าเขา สายตาไล่สำรวจตามร่างกาย
“ไนน์ตัวจริงใช่ไหมลูก ไม่ไปไหนแล้วนะ ดูสิผอมลงไปเยอะเลย หน้าโทรมด้วยเนี่ย ป่ะเข้าบ้านกัน” แขนเขาโดนสวมกอดและพาเดินเข้าไปยังข้างใน ไนน์ได้แต่ยิ้มให้เจ้าจันทร์และซันและเดินตามไปแต่โดยดี “คุณ! คุณคะ! ลูกสะใภ้เขากลับมาแล้วนะ! คุณเซนอยู่ไหนเนี่ย!” เสียงร้องเรียกหาสามี
สามีที่ได้ยินเสียงภรรยาเรียกสาวเท้าออกมาอย่างรวดเร็วจากห้องดูหนัง ไนน์ที่ยืนอยู่ยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณพ่อ”
“นี่เธอพาไนน์มาจากไหน ใครมาพา อ่ะ สวัสดีลูก” คำถามที่ออกมาเป็นชุดๆ แต่พอนึกได้ว่าอีกคนยกมือไหว้ก็รีบขานรับ
“ฝีมือน้องเกล้าครับ” ซันเดินมาตอบแทน ชายหนุ่มยักคิ้วในบิดาแสดงความเจ้าเล่ห์
“ไนน์ไปนั่งกับแม่ลูก แม่มีเรื่องจะคุยกับเราเยอะแยะเลย วันนี้อยู่กินข้าวกับแม่นะ แม่ไม่ยอมให้เราไปไหนแน่ๆ ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายแม่ไม่ให้ไปไหนแล้วนะลูก”
“ครับ”
“แต่ว่าไนน์จะกินอะไรลูก ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมานานคงอยากกินอาหารไทยเน้อ นี่ใครก็ได้ไปเรียกแม่นวลมาสิ ฉันจะสั่งรายการอาหารหน่อย”
“แม่ค่ะ ให้พี่ไนน์เขาหายใจบ้าง แม่เล่นรัวแบบนี้จันทร์กลัวพี่ไนน์จะตกใจหนีไปอีกนะคะ” เสียงแซวปรามมารดาที่มัดมือชกและรวบรัดพี่สะใภ้ของเธอให้อยู่กินข้าว
“ใช่คุณเบาหน่อย เจ้าของเขายังไม่ดีใจเท่าคุณเลย” สามีที่พูดหยอกล้อภรรยาที่มีอาการดีใจจนออกนอกหน้า
“ใครว่าผมไม่ดีใจครับ ถ้าไม่เกรงใจที่ว่าเพิ่งง้อได้ ผมลากไปฟัดให้จบเตียงแล้วครับไม่ข้ามคืนไม่ได้ออกจากห้องเลยครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มกรุ้มกริ่มตอบมาแทน
“...” ไนน์เม้มปากแน่น ใบหน้าที่เห่อร้อนด้วยความอาย ถลึงตาใส่คนพูด
“เบาค่ะคุณพี่ ลูกตัวเองก็อยู่ตรงนี้” เสียงปราบของน้องสาวที่ยกมือปิดหูหลานสาว
เด็กหญิงตัวเล็กที่มองหน้าแต่ละคน และยังไม่ได้รับความสนใจ แต่สิ่งที่ทุกคนสนใจคือปะป๊าและเธอเริ่มจะหวงปะป๊าของเธอแล้ว ยกมือไปดึงมือคุณอาออก “คุณย่าขา น้องเกล้าขอนั่งกับปะป๊าได้ไหมคะ” เสียงออดอ้อน
“ได้สิลูก” เสียงตอบรับอย่างเอ็นดูพร้อมกับกวักมือให้มา
“อึบ!” ไนน์รับตัวเด็กหญิงให้ไปนั่งข้าง แต่เด็กหญิงกลับปีนขึ้นไปนั่งบนตักแทน
“น้องเกล้านั่งข้างล่างสิครับ ปะป๊าหนักค่ะ” เสียงดุจากบิดาของเด็กหญิง
“ไม่เป็นไรครับ” ไนน์ยกมือมาประคองที่เอวไม่ให้ตกลงไปข้างล่าง
“ไนน์แม่ต้องขอโทษแทนน้องเกล้าด้วยนะลูก น้องเกล้าแกจะค่อนข้างเอาแต่ใจและชอบเรียกร้องความสนใจตามประสาเด็ก”
ด้วยความที่กินอิ่มและไม่ได้นอนกลางวันในวันนี้ เด็กหญิงเริ่มตามปรือและสัพงกในอ้อมอกของไนน์ระหว่างที่ผู้ใหญ่พูดคุยกัน แต่ไม่ยอมคลายมือที่เกาะกุมที่แขนเขาไว้ คล้ายกลัวว่าเขาจะหนีไปไหน จนในที่สุดเด็กหญิงทนไม่ไหวหลับคาอกปะป๊าตัวปลอมไปภายในไม่กี่นาที
ซันที่จะมาอุ้มพาไปนอน แต่เหมือนจะรู้ตัวสะดุ้งและหันมากอดคอซบที่บ่าไนน์ ใบหน้าเล็กปัดป่ายส่ายไปมาไม่ยอมไปด้วยแต่ยังไม่ลืมตามาดู
“เดี๋ยวไนน์อุ้มไปส่งที่ห้องก็ได้ครับ” ไนน์ลุกขึ้นขยับตัวอุ้มน้องเกล้าให้กระซับขึ้น
“ไปครับ พี่พาไป” ซันเดินนำหน้าพาขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน
ระหว่างที่ก้าวขึ้นไปด้านบน ไนน์คิดว่าเขาแปลกใจในตัวเอง เขาไม่เคยอุ้มเด็กสักคนแต่กลับอุ้มเด็กคนนี้ได้อย่างง่ายดาย ปกติถ้ามีเด็กมาวุ่นวายหรือเสียงดังใกล้เขาจะรำคาญแต่ก็ไม่เคยโวยวายใส่เพียงแค่พาตัวเองหนีออกไป แต่พอเด็กคนนี้กลับพังทลายอะไรหลายอย่างในตัวเขา และเด็กคนนี้เป็นลูกผู้หญิงที่ทำลายความรักเขาในเมื่อก่อน เขายังไม่นึกโกรธแม้แต่น้อย อาจจะเด็กคนนี้ไม่ใช่วีว่ามั้ง ส่วนหนึ่งเพราะน้องเกล้าได้ดวงตาของพี่ซันไปด้วยเขาเลยใจอ่อนได้ง่ายแน่
เลย
ซันปิดประตูห้องข้างของตัวเองเข้าไป ในห้องที่เหมือนห้องเจ้าหญิงตัวน้อย โทนสีฟ้าตัดกับสีชมพูมองแล้วสบายตาเหมาะสำหรับเด็กผู้หญิง แต่เขายังไม่เห็นตุ๊กตาสักตัว เห็นแต่บล็อกไม้ หุ่นยนต์ บรรดารถของเล่นเต็มไปหมด ไนน์วางเด็กที่หลับสนิทลงบนเตียง จับตุ๊กตาตัวเดียวที่อยู่บนเตียงมาให้กอดและหยิบผ้ามาห่มให้เด็กหญิง
“หมดพลังงานแล้ว” เสียงบ่นตัวเองพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง เขารู้สึกว่าการเลี้ยงเด็กแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันสูบพลังงานขนาดนี้เลยเหรอ
“ไหวไหมครับ ไนน์จะพักไหม” ซันที่นั่งลงข้าง เขาตอบกลับด้วยการส่ายหัว “ได้อยู่กันสองคนสักที”
“ครับ?”
“ไนน์หายโกรธพี่แล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามเอื้อมมือไปกอบกุมของอีกคน
“ถ้าโกรธจะมาอยู่ตรงนี้เหรอครับ” ไนน์ให้มือที่ว่างไปบีบจมูกคนเจ้าเล่ห์ที่ตีหน้าเศร้าถามเขา เล่นให้น้องเกล้ามาอ้างพาเข้ามาถึงที่นี่แล้ว “หรือว่าจะให้โกรธต่อดีครับ”
“ไม่ดีครับ” ซันรีบโน้มตัวเอากอดเอวคนรัก สูดดมกลิ่นที่เขาคิดถึงจับใจ “เราไม่หาที่คุยกันที่อื่นเถอะครับ เดี๋ยวเสียงดังน้องเกล้าจะตื่น” ซันลุกขึ้นดึงมือไนน์ให้ไปยังประตูที่เชื่อมไปยังห้องนอนของตัวเอง
ทันทีเข้าไปไนน์ประหลาดใจอย่างมาก ที่แทบจะไม่มีส่วนไหนบอกว่าซันคือเจ้าของห้อง ในนี้มีแต่รูปเขาเต็มไปหมด รูปพรีเวดดิ้งที่ไปถ่ายจัดใส่กรอบติดเรียงรายอันแน่นตามผนังห้อง ยังไม่รวมที่ถ่ายจากมือถือที่พวกถ่ายรวมกันแปะอีก
“พี่ซัน” น้ำเสียงที่แผ่วเบาเรียกเจ้าของห้อง
“ครับ”
ไนน์หันไปดูคนข้างที่น้ำตาคลอที่เบ้าตา ซันจูงไนน์ลงไปนั่งที่โซฟาปลายเตียงให้หันไปมองดูรูปพวกเขาอีกครั้ง แต่จะบอกอีกว่ารูปเขาน่าจะดีกว่า
“พี่ซันโอเคไหมครับ” เขาได้ยินเสียงสูดลมหายใจจากการกลั้นน้ำตา
“พี่ต้องขอบคุณเรานี่ไม่รังเกียจน้องเกล้าทั้งที่ไนน์รู้ว่าเขาเป็นลูกของใคร และพี่ต้องขอโทษที่โมเมให้ไนน์เป็นปะป๊าของน้องเกล้าโดยไม่ได้รับอนุญาต มันคือสิ่งเดียวที่ช่วยยึดเหนี่ยวให้พี่ยังมีลมหายใจอยู่ ตอนที่เกล้าคลอดพี่แทบจะไม่เคยไปดูเลย รอจนแม่ของเขาไปพี่ถึงเข้าไปดูน้องเกล้า เพราะพี่ยังเกลียดและขยะแขยงผู้หญิงคนนั้น แต่พี่รู้ว่าไม่ควรมาลงกับเด็กที่ไม่รู้เรื่อง พอน้องโตพอจะรู้อะไรบ้าง เขามาเห็นตอนพี่ร้องไห้ เขาถามว่าร้องทำไม แต่ตอนนั้นพี่ตอบไม่ได้เอาแต่กอดรูปเราเอาไว้ แทบอยากจะลากเด็กคนนี้ออกจากห้อง”
“...” ไนน์ได้แต่ลูบหลังและฟังซันเล่าไปเรื่อย ใบหน้าและแววตาที่เลื่อนลอยเหมือนกับไปสู่อดีตที่เจ็บปวด
“แล้วน้องเกล้าถามว่า กอดใคร นี่ใคร พี่บอกว่าไนน์คือคนรักของพ่อ แล้วถามต่อว่า ชื่อไรค่ะ พี่ตอบว่าชื่อไนน์ค่ะ ชื่อที่แปลว่าเลขเก้าออกเสียงเหมือนกับน้องเกล้าไงคะ น้องกล้าถามต่อว่า ใช่แม่ไม? พี่เลยตอบบอกว่าพ่ออยากให้เขามาปะป๊าหนูอีกคนได้ไหมคะ เกล้าพยักหน้าแล้วบอกว่าพ่อไม่ร้อง เกล้าโอ๋ ปะป๋าโอ๋ด้วย พี่เลยบอกว่าถ้าปะป๊ามาอยู่กับเราพ่อจะไม่ร้องไห้ เพราะพ่อรักป๊าหนูที่สุดเลย หลังจากนั้นน้องเกล้าเลยเรียกไนน์ว่าปะป๊ามาตลอด อย่างน้อยมันก็ช่วยให้พี่หลอกตัวเองไปวันๆ และพี่กลับมาบ้านและนั่งดูรูปเราวันแล้ววันเล่าพร้อมกับเราเรื่องราวของเราให้น้องเกล้าฟัง อย่างที่บอกพี่แค่หลอกตัวเองไปวันๆ ว่าสักวันปะป๊าของพวกเราจะกลับมาอยู่ด้วยกัน” น้ำเสียงที่แหบพร่าและสั่นเครือด้วยความเสียใจ
“ก็กลับมาแล้วนี่ไงครับ” เขาประคองหน้าคนพี่ให้เงยขึ้นมาสบตา เอาริมฝีปากแตะกับสิ่งเดียวกันปลอบประโลม ยาวที่เขาผละริมปากออกมา
ซันโอบเอวและดันตัวไนน์ให้เข้ามาแนบชิมพร้อมกับประกบปากเข้าหา แลกลมหายใจไนน์เปิดปากรีบเรียวลิ้นเข้าไป ลิ้นเกี่ยวตวัดพันกัน ไนน์ยกแขนคล้องคอให้พวกเขาแนบชิดปรับเอียงหน้าให้มุมองศาการจูบดูดดื่ม พวกเขาลิ้นรสจูบที่โหยหา รสจูบที่แสนหวานและหอมหวน จูบที่เนิ่นนานเพียงพอสำหรับเขาทั้งสองจบลง ซันยังกดขยี้ริมฝีปากที่บวมเจ่อของไนน์ซ้ำอีกรอบ เหมือนเสียดายที่ปล่อยปากออกจากกัน ซันและไนน์แนบหน้าผากติดกันและก้มลงไปมองสิ่งที่พวกเขาบดเบียดกันระหว่างจูบ ตอนนี้มันตื่นตัวด้วยกันทั้งคู่และหัวเราะออกมาพร้อมกัน เขาทั้งคู่รู้ว่าถ้าสานต่อจากนี้แล้ว มันคงไม่จบลงง่ายๆ
“มือนะครับ”
ซันบอกสิ่งที่พวกเขาต้องการด้วยกัน มือหนาเอื้อมลงไปรูปซิปกางเกงของอีก แล้วควักแก่นกายออกมาตามไปด้วยแบบเดียวกันกับของตัวเอง ซันขยับตัวเอาคร่อมตัวให้อาวุธทั้งสองแนบชิดกัน ก่อนจะขยับมือขึ้นลง ไนน์เอาหน้าซบลงบ่ามือเกาะเอาไว้ ซันใช้ลิ้นเลียที่คอขาวๆ ดูด ขบเม้มฝากรอยสีกุหลาบ
“อ้า..ใกล้ จะถึงแล้ว”
เสียงหอบพร่ากระซิบที่ข้างหู ตามด้วยลิ้นที่เลียไปที่ติ่งหูของเขาก่อนจะขบเบาๆ ซันขบกรามแน่นร้องครางในลำคอเบา พรางขยับข้อมือเร่งจังหวะพาคนน้องให้ถึงฝั่งฝัน
“อ้า...”
เสียงครางที่น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกจากปลายพร้อมกับแรงกระตุกของแก่นกาย สมองของไนน์ที่ขาวโพลงจากความสุขสม ไม่นานคนพี่ร้องครางตามกันแรงกระตุกเช่นเดียวกัน ซันขยับต่อเพื่อรีดน้ำเชื้อออกให้หมด ซันยกมือที่เปื้อนน้ำรักขึ้นมาเลียชิม ไนน์อดทนไม่ไหวคว้าตัวคนพี่มาบดจูบอย่างเร่าร้อนเสียงดังฉะแฉะของน้ำลาย ลิ้นของไนน์ที่เข้าไปกวาดต้อนในโพร่งปาก แรงบดจูบที่แรงขึ้น กลิ่นเลือดที่ฟรุ้งกระจายของพวกเขา แต่ไม่คิดจะหยุดต่อ ซันดันตัวไนน์ให้นอนราบลงบนเตียง ได้ต้อนป้อนจูบกัน
ก๊อก ก๊อก แอ๊ด... เสียงเปิดประตูจากตามด้วยเสียงร้องเรียกที่งัวเงีย ชายสองคนที่กำลังฟัดกันนัวเนียถึงกับตกใจแล้วหันไปมองตามเสียง โชคที่พวกเขานอนขึ้นคร่อมทับกันอยู่ เด็กหญิงถึงไม่สามารถมองเห็นสิ่งอุดจาดตาได้ เขาทั้งสองรีบควักของใครของมันยัดกลับเข้าไปในที่ที่มันควรจะอยู่
“คุณพ่อ ปะป๊าอยู่ไหน?”
“...” ไร้เสียงขานรับขานทั้งคู่
“เล่นอะไรกันอยู่ค่ะ? เด็กน้อยที่เดินเข้ามาใกล้พวกเขาพร้อมกับขยี้ตาตามประสาเด็กที่เพิ่มตื่นนอน
“เอ่อ...พ่อซุ่มซ่ามสะดุดล้มทับตัวป๊าครับ” เขาโกหกแบบไม่แนบเนียน แต่สำหรับเด็กคงไม่รับรู้เป็นผู้ใหญ่คงพอจะเดาออกว่ากำลังทำอะไรกัน
“ใช่ๆ ครับ” ไนน์เออออห่อหมกไปด้วย “โอ๊ะ! ถึงเวลากินข้าวแล้ว ลงไปข้างล่างกันดีกว่าเน้อน้องเกล้า” ไนน์ดันตัวซันให้ลุกขึ้นพร้อมหยิบหมอนอิงให้มาปิดส่วนที่ยังคับแน่นในกางเกงอยู่ รวบตัวน้องเกล้าขึ้นมาอุ้มพาออกจากห้องไป
“เดี๋ยวตามลงไปนะครับ” ซันบอกตามหลังที่คนรักจูงน้องเกล้าเดินออกไป ส่วนเขาคงต้องเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองอีกรอบ
อาหารมื้อค่ำเต็มไปด้วยกับข้าวหลากหลายมาก จนไนน์มองว่ามันเยอะเกินไป เกินไปมากๆ แกงส้มชะอมกุ้ง น้ำพริกกะปิ ปลาทูกับผักทอด ผัดผักรวม ทอดมันกุ้ง ต้มจืดกระดูกอ่อนใส่เยื่อไผ่ พะโล้ขาหมู ปลากะพงสามรส ยำรวมมิตร เอ่อ...เอาใจเอาเกินไปจนรู้สึกผิดที่หนีหายไปตั้งห้าปี
“ไนน์มาแล้ว เกล้ามานั่งกับย่าลูก” คุณย่าของบ้านเรียกเขาและกวักมือให้หลานสาวไปนั่งกับตัวเอง
“แล้วเจ้าซันล่ะ ไม่ลงมาพร้อมน้องด้วย” ประมุกของถาม
“เดี๋ยวตามลงมาครับ” ไนน์ตอบไป
“พี่ไนน์มานั่งข้างจันทร์ค่ะ ปล่อยให้อีกคนนั่งคนเดียวโทษฐานมาช้า” เจ้าจันทร์ดึงให้เขาไปนั่งข้างๆ
“หยุดเลยเจ้าจันทร์! ของฉันแกห้ามแตะ” เสียงดังมาจากด้านนอกห้องรับประทานอาหาร พร้อมกับแรงฉุดให้ไนน์ย้ายลงไปนั่งติดกับน้องเกล้า ส่วนซันเอาตัวเองนั่งกั้นระหว่างน้องสาว
“ชิ” น้ำเสียงประชดประชันด้วยความหมั่นไส้ของน้องสาว
หลังจบมื้อค่ำซันอาสาพาไนน์กลับไปส่งที่คอนโดแต่กว่าพวกเขาจะออกมาต้องประเลาะสาวน้อยคนเดียวของบ้านตั้งนานกว่าจะยอมให้ออกมา โดนให้สัญญาว่าวันหยุดรอบหน้าจะพาไปเที่ยวที่น้องเกล้าอยากไปเลยค่ะ และบอกให้คืนนี้ไปนอนคิดมาว่าจะไปเที่ยวไหนนะคะ
“พาไปไหนครับ คอนโดไนน์ไม่ใช่มาทางนี้นี่” เขาถามว่าทางกลับมันคล้ายไปคอนโดอีกที่ ถึงจะไม่ได้กลับมาอยู่นานแต่เขาก็ยังพอคุ้นทางได้
“ครับไม่ใช่คอนโดของไนน์แต่ที่จะไปคือคอนโดเราไงครับ” คนขับไม่ตอบแต่สายตายังคงจ้องไปยังถนนข้างหน้า “คือพี่มีสิ่งที่คั่งค้างต้องทำต่อให้เสร็จเลยว่าจะชวนไนน์ไปช่วยสักหน่อย” บอกด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม
“...” ไนน์มุนคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย ให้ช่วยอะไร?
ลิฟต์พาผู้โดยสารทั้งสองไปยังห้องชั้นบนสุดที่มีเพียงไม่กี่ห้อง ทั้งชั้นมีแค่สี่ห้องเท่านั้น ขาทั้งสี่ข้างเข้าไปด้านในห้องพร้อมกับประตูที่ปิดลง
ซันดันตัวไนน์เข้าประชิดกำแพงพร้อมกับบดจูบ เดิมทีไนน์ไม่เข้าใจความหมายว่าสิ่งที่คั่งค้างของพี่มันคืออะไร พอโดยประกบปากเขาเข้าใจและเปิดปากรับอย่างไม่เกี่ยวงอน เรียวลิ้นทั้งสองตวัดรัดกันนัวเนีย ซันคลำทางไปแตะที่ปุ่มสั่งการเครื่องปรับอากาศและไฟภายในห้อง เสื้อเชิ้ตของคนร่างบางโดยปลดกระดุมไปหลายเม็ดถลกไปด้านหลังเผยให้เห็นผิวขาวสะท้อนกับแสงยิ่งขาวสว่างเพิ่มขึ้น ลิ้นลากเลื้อยลงมาดูดชิมตามซอกคอ ก่อนจะลงชิมที่ตุ่มไต มือที่ไวราวกับโจรชิงทรัพย์ปลดตาขอกางเกงและกระชากลงไปพร้อมอันอื่นลงไปกองกับพื้น ร่างสูงล้วงเข้าไปในกางเกงหยิบซองเจลหล่อลื่นมาฉีกบีบใส่มือก่อนจะบรรจุป้ายไปยังส่วนทางด้านหลังของร่างบาง มืออีกข้างปัดป่ายลูบไล้ไปทั่วร่างกายให้มากที่สุด ริมปากที่ไล่จูบ ดูดชิมฝากรอยไปทั่วทุกที่จะไปได้ ก้านนิ้วยาวสะกิดที่ปากทางก่อนจะบดเบียดมุดเข้าไป ร่างบางที่กระตุ้นติดรัดนิ้วแน่น
“อ้า...” เสียงครางที่แหบพร่าดังขึ้น
ซันยังไม่ยอมที่หยุดเล้าโลม เขาจับร่างพลิกตัวให้หน้าแบบกับประตู
“โอ๊ย! อืม..” เขี้ยวคมกัดที่ไหล่จนเป็นรอย เสียงร้องเจ็บตามด้วยเสียงครางเมื่อลิ้นเลียซ้ำลงไป
ซันจูบไล่ไปตามแนวกระดูกสันหลังไปยังสะโพกก้อนนุ่มยุ่นสีขาว นิ้วที่เข้าสามนิ้วตั้งแต่เมื่อไหร่กระทุ้งจุดกระสันจนขาแทบทรุดไปกอง ดีที่มีอีกคนเอาตัวประคองดันเองไว้ นิ้วมือทั้งสิบจิกขูดระบายความเสียว ซันไล่จูบตามแนวกระดูกสันหลังลากลามไปยังสะโพก นิ้วทั้งหมดถอดออกดัง พลัก! ร่างสูงดันตัวไนน์ให้ลงมาคลานสี่ขาตรงหน้าประตูมือแหวกก้อนขาวนุ่มยุ่น แลบลิ้นเลียไปยังช่องทางรักเรียวลิ้นร้อนแหย่แยงเข้าไปภายใน รูรัดขมิบตอดรัด
“อะ อ้า อื้อ อือ”
ไนน์ร้องครางอย่างสุดที่จะทานทนไหว นิ้วลงจิกขยุ้มไปที่พรมหน้าประตู และด้วยความที่มันเป็นพรมที่ราคาค่อนข้างสูงเขาถึงไม่สามารถฉีกมันขาดออกไปเสี่ยงๆ ได้ แต่เดาว่าคงจะมีใยยัดอยู่ในซอกเล็บเขาแน่แท้
“ปรัก! อุก!”
ไนน์รู้สึกหูอื้อตาลายด้วยความจุกและคับแน่นจากอาวุธอันใหญ่เสียบเข้าไปในตัวเขาจนมิดดุ้นทีเดียว น้ำตาไหลพรากด้วยความเสียวซ่านพร้อมกับน้ำลายที่ไหลย้อยออกมาแบบไม่รู้ตัว
“ฮึม..” เสียงครางในลำคอของซันที่โดยบีบรัดจากรูรัก
ซันถอดแก่นกายออกเกือบหมดจากนั้นกระแทกเข้าไปจนมิดอีกรอบตอกย้ำจุดกระสัน คนร่างที่รองรับถึงกับร้องครางด้วยความเสียวซ่านมือจิกลงกับพื้น ปลายเท้างองุ้ม
“พี่รักไนน์นะครับ” เสียงกระซิบแหบพร่า พร่ำบอกทุกครั้งที่กระแทกลงไป
“อะ อือ...อ้า” ร่างโปร่งได้แค่ครางรับ “ไนน์ ระ รักพี่ ซันเหมือนกัน”
“อือ ขอบคุณครับ รักนะรอยยิ้มของพี่”
คำบอกรักและขอบคุณตามด้วยขบกัดที่ติ่งหู ซันดึงหน้าไนน์ให้หันมาจูบกับเข้า สอดลิ้นเกี่ยวรัดกัน เสียงดังจ๊วบจ๊าบประสานกับเสียงกระทบกันของสะโพก ซันผละริมฝีปากออกจากคนใต้ร่างหันไปเลียริมเก็บน้ำลายที่เลอะจนหมดและจูบซับน้ำตาที่ดวงตาก่อนจะล็อกสะโพกด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะกระแทกอย่างหนักหน่วงและเร็วขึ้น
ไนน์ที่ร้องครางดังอยู่หน้าประตู เขาต้องขอบคุณตัวเองและทีมงานที่ช่วยทำให้ห้องเก็บเสียงอย่างดี แต่ถ้ามีคนแนบหน้ามาฟังคงจะได้ยินเสียงอันหยาบโลนพวกนี้ สติที่ขาดหายไปกับแรงกระแทก หูที่อื้ออึง แรงบีบรัดที่ช่องทางด้านหลัง ส่งผลให้ซันรับรู้ว่าคนรักของเขาใกล้จะปลดปล่อย ชายหนุ่มเอามือไปกดที่หัวส่วนปลายที่มีน้ำปริ่มเย้มขึ้นมา
“พี่ซัน...” น้ำเสียงที่ร้องเรียกเจือปนการขอร้อง ไนน์ส่ายหน้าไปมาบ่งบอกว่าเขาไม่ไหวแล้ว
“รับปากกับพี่ก่อนว่าจะไม่หนีพี่ไปไหนอีกนะครับ” เสียงกดต่ำแม้จะคล้ายจะออกคำสั่งแต่น้ำเสียงเจือไปด้วยความขอร้องปนขอความเห็นใจ
“อือ มะ ไม่ หนี...ไปไหนแล้ว อื้อ... ไม่ว่าจะไปที่ไหนจะ อ้า..บอกพี่..ซันครับ”
“อืม”
“อ้า....”
ซันปล่อยนิ้วที่กดไว้ น้ำที่ปริ่มก็ทะลักพรวยพุ่งออกมาเลอะมือหนา รูรักขมิบตอดตามแรงกระตุกการปลดปล่อย ซันสอบเอวไปอีกไม่กี่ที เขาฉีดน้ำรักลงในช่องทางด้านหลังจนเต็มไหลลงมาเลอะที่ต้นขาด้านใน ไนน์หันมามองค้อนเล็กน้อยที่แอบแกล้งเมื่อกี้ เขามันเขี้ยวในความน่ารักจับมาบดจูบอีกรอบอย่างดูดดื่ม สิ่งที่ยังคาอยู่กลับมาขยายใหญ่อีกครั้ง
“ไปที่เตียงของเรานะครับ”
ซันช้อนแขนเข้าที่ข้อพับขาและอุ้มกระแตงในท่าที่ไนน์แยกขาด้านหน้าและมีส่วนนั้นเสียงคาอยู่ เป็นท่าเขารู้สึกว่ามันอยู่น่าอายเป็นอย่างมากเพราะซันพาเขาแวะชื่นชมท่านี้ทางกระจกก่อนจะพาเข้าไปในห้อง โดยที่ตัวเขาเองเป็นคนเปิดประตู ซันที่อุ้มไนน์ทิ้งตัวนอนราบเกยทับกันลงที่เตียงพร้อมกันโดยที่ส่วนเชื่อมต่อยังไม่หลุดออกจากกัน ปรับเอียงองศาของกาย ก่อนจะเริ่มกิจกรรมที่คั่งค้างกันอีกรอบ และอีกหลายรอบในคืนนั้น
ซันที่ตื่นปัดป่ายแขนหาร่างกายที่นอนกอดก่ายกันเมื่อคืน เขาสัมผัสได้แต่ความเย็นของผ้าปูเตียง เขาถึงกับสะดุ้งตื่นสุดตัว สภาพที่เปลือยเปล่าเป็นหลักฐานยืนยันว่าเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน กลิ่นของคนรักเขายังติดอยู่ที่หมอน มือเขาสัมผัสวัตถุที่มีความเย็นเรียกสติให้ตื่นตัวขึ้นมาอีก เขาคว้ามาไว้ด้วยความหวาดกลัว กระดาษเล็กปลิวร่วงลงที่บนเตียง เขาหยิบขึ้นมาอ่านพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างแทน พร้อมกับเสียงการแจ้งเตือน
ดวงตะวันของผม
รีบตามเอามาให้นะครับ
Number IX
20.00 น. เกาะสมุย
ซันก้าวเข้ามายังผับที่เขาได้มาเจอกับใครบางคนที่นี่และตอนนี้กลายเป็นคนรักของเขา เสียงเพลงบีทของเพลงที่ดังกระหึ่ม นักท่องเที่ยวที่ต่างพากันแต่งตัวมาอวดโฉมไม่ว่าจะทั้งไทยและเทศ ไม่เรียกสายตาให้เขาแวะไปมองแม้แต่น้อย เป้าหมายและจุดหมายวางตาของเขาอยู่ที่แผ่นหลังตรงเคาน์เตอร์บาร์ตำแหน่งเดิมที่เคยนั่งอยู่ ซันยกยิ้มกริ่มก่อนจะเดินเข้าไปทักทายด้วยประโยคเดิม
“สวัสดีครับ” เขาทักทายคนรักพร้อมสีหน้าที่ตื่นเต้น
“ครับ” รอยยิ้มที่สดใสตอบกลับมา
“ขอโทษนะครับ หน้าของผมพอที่คุ้นๆ กับคุณบ้างไหมครับ” เขาเท้าแขนพร้อมกับเอียงหน้าไปมองคนด้านข้างพร้อมเอานิ้วไปเขี่ยที่แก้ม เขาบอกจะมองออกว่าอีกคนน่าจะเขินอาย
“นี่คือการเข้ามาจีบแบบใหม่สินะ” ไนน์ยักคิ้วไปหนึ่งที
“เปล่าครับ ผมไม่ได้มาจีบ แต่ผมจะมาเอาคุณไปทำเมีย”
“...”
“ตกลงไหมครับ ผมยอมยกสมบัติที่มีให้หมดเลย รวมทั้งหุ้นบริษัทด้วยนะและรวมถึงตัวผมที่จะเป็นทาสรักของคุณ”
ไนน์ยกยิ้มยกแขนคล้องไปที่คอโน้มตัวไปกระซิบที่หู “ตกลงครับ”
แหวนวงเดิมที่พวเขาสวมใส่ให้กันและกันตอนที่ขอแต่งงาน เล็กที่เล็กกว่าหนึ่งไซด์บรรจงสวมกับไปสู่เจ้าของคนเดิม ส่วนของซันที่ไม่เคยที่จะถอดออกยังคงอยู่นิ้วนางข้างซ้าย ร่างสูงจูบลงบนแหวนและนิ้วมือของคนรัก
พวกเขาแนบหน้าผากชนกัน ก่อนที่จูบกันเบาๆ ไปหนึ่งที ไนน์ลุกขึ้นและจูงมือร่างสูงเดินออกไปยังนอกร้านที่ริมชายหาดจนถึงที่และหยุดเดินก้าวขึ้นรถและขับไปยังสถานที่เดิมที่พวกเขาพักกันตั้งแต่ครั้งแรก
ซันก้าวลงจากรถฝั่งข้างคนขับและไปยืนรอด้านหน้ารถ ยื่นมือมาขอจับมือ ร่างโปร่งยกยิ้มและลงมือลงนิ้วทั้งสิบสอดประสานกัน
“ไนน์อยากให้เราสองคนมายังจุดเริ่มต้น และเริ่มต้นกับรักครั้งใหม่ของเรานับตั้งแต่นี้ ไนน์รักที่ซันนะครับ”
“พี่ก็รักไนน์ครับ รอยยิ้มของพี่ ขอบคุณที่กลับมาเป็น หมายเลขเก้าของดวงตะวัน”
Number nine My Sun…… END
--------------------------------------------
ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ เรื่องแรกที่เขียนจนจบแค่ ทีจะพยายามพัฒนาฝีมือไปเรื่อย ฝากติดตามเรื่องอื่นๆที่จะตามหลังจากนี้ด้วยค่ะ
TW @TYokmanee