17 ตอน Chapter 16
โดย T.mines
Chapter 16
Number nine My Sun
หมายเลขเก้าของดวงตะวัน
#IXMYSUN
“อ้าวไปส่งอีกคน ทำไมได้กลับมาอีกคนล่ะครับ” ไม่ต้องบอกว่าใครพูดกวนบาทา มีมันคนเดียวที่กล้าแซวเจ้านายอย่างเขา “สวัสดีครับคุณซัน มาเร็วกว่าที่คิดไว้อีก แต่นั่นทำไมเจ้านายผมปากเจ่อครับ มีใครทำอะไรคุณไนน์ครับ” เขาเปรยตามองดูมันว่าจะพูดอะไรต่ออีก เอาอีกสิไอ้คีน ถ้าวันนี้มึงไปร่วงอย่างมาเรียกกูว่าไนน์
ไอ้เจ้าคีนยังไม่ทันได้พ่นคำอะไรออกมา เป็นบายที่รีบวิ่งเข้ามาดูเจ้านายทันที “คุณไนน์ไปทำอะไรมาครับ ใครทำอะไรคุณไนน์ ผมบอกแล้วไงให้พวกผมไปด้วย” มาเป็นชุด หลังจากเหตุการณ์นั้นบายที่ได้รับมอบหมายจากปู่เขาโดยตรงและเป็นหัวหน้าทีมของชุดคุ้มกันเขา บายแทบจะตามติดเขาอีกนิดคงกลายเป็นผีชัตเตอร์
“ไม่เป็นไร ไอ้คีนมันพูดเวอร์ไป” เขารีบเอามือมาตะครุบปิดปากไม่ให้บายมาดู เบี่ยงตัวขยับหนี ส่วนไอ้คนที่มันป่วนเขายืนหัวเราะตัวโยก
ส่วนคนทำปากเขาเป็นแบบนี้ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ จนเขาอดเข่นเขี้ยวไม่ได้ “ฝากไว้ก่อนนะครับ”
ซันไหวไหล่ ปากขยับไม่มีเสียง “ยั่วพี่ก่อนนะครับ”
ตอนนี้เหลือแต่คีนเขารีบเข้าไปจัดการมันก่อนจะหนี เขาสาวเท้าไปหามัน เท้าหนักยันไปที่หน้าแข้ง “กวนตีนกูจังนะ”
“โอ๊ย!! เจ็บๆ !!” คีนกระโดดเขย่าเท้าจับตรงที่โดนเตะเข้าไป
เขาเบะปากใส่ไอ้คนที่แกล้งเจ็บร้องโอดครวญ ทีโดนรุมเป็นสิบยังไม่ร้องแบบนี้เลย “สลิดนัก*” (*ภาษาเหนือแปลว่าตอแหล) เพราะบางทีเขาจะติดคำด่าพวกนี้มาช่วงที่ย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ช่วงมอปลาย “มึงนี่กูเกือบลืมเลย” มัวแต่สนใจมันจนเกือบลืมเรื่องสำคัญไปจนได้
หลังจากทะเลาะตบตีกับบอดี้การ์ดคู่ตัว เขาพละตัวออกไปต่อสายหาเลขาเพื่อให้จัดการอะไรบางอย่าง เพื่อตรวจสอบสิ่งที่เขาสงสัย หากได้มาแล้วพรุ่งนี้เขาต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเอง
“ขอบคุณครับคุณซัน” คีนเดินมาบอกกับซันที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “คุณไนน์หน้าเครียดตั้งแต่ทราบเรื่อง ตอนนี้พอจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง” เขาทั้งคู่มองแผ่นหลังของคนี่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
ซันตบลงบนบ่า “ไนน์เหมาะกับรอยยิ้มที่สุด ถึงจะอยากเก็บไว้มองคนเดียวก็ตาม”
“...” คีนกรอกตาในคนหลงแฟน
“ไนน์มีทำอะไรต่อไหม” ซันถามหลังจากที่น้องวางสายไป
“ไม่มีแล้วครับ ทำไมเหรอ?” ร่างโปร่งเอียงคอถาม ท่าทางเพียงเล็กน้อยที่เขาสัมผัสได้ถึงความน่ารักของน้อง และเขาดีใจที่สุดคือน้องเลือกที่เผลอทำตัวแบบนี้เวลาอยู่กับเขา ตอนแรกเขาไม่เคยสังเกตจนเวลาที่อยู่กับน้องพี่ของไนน์จะขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจเวลาที่ไนน์อยู่กับเขา นั่นแหละความน่ารักในแบบของไนน์ที่เขาชอบที่สุด
“ไปพักได้แล้วครับ” เขาไปจูงมือคนรักพาไปยังห้องพัก “พี่บายครับไนน์พักห้องไหนครับ”
“นี่ครับคุณซัน ผมให้คนไปตรวจสอบความเรียบร้อยแล้ว” กุญแจและคีย์การ์ดถูกส่งมาให้กับซัน บายสั่งลูกน้องให้ไปตรวจสอบความเรียบร้อยบนห้องพักตั้งแต่เจ้านายบอกว่าจะพักที่นี่แล้ว
“ไปครับ” แรงดึงที่มือเบาให้ตามคนตัวโตไป
ระหว่างผ่านทางที่จะขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพัก ไนน์ก็ยังไม่ลืมหน้าที่ที่ต้องทำสำหรับผู้บริหารอย่างเขาคือการกล่าวขอโทษแขก
“ผมต้องขอโทษสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ” พวกเขาทั้งหมดโค้งตัวขอโทษ
“ม มะไม่เป็นไรครับ” ชายวัยกลางคนงุนงง อยู่ดีๆ มีคนมาโค้งคำนับ “ว่าแต่คุณคือใคร?”
“นี่คือรองประธานของศิริกิจโชติกรุ๊ป โรงแรมนี่อยู่ในเครือของบริษัทครับ” ผู้จัดการสาขาเป็นคนกล่าวแนะนำ
เสียงบ่นจากผู้คนรอบข้างดังขึ้นมา
“รองประธานเหรอ ดูเด็กจัง”
“หล่อจังเลย เป็นถึงรองประธานด้วย รวยมากแน่เลย”
“โห รองประธานมาถึงที่เลย มาขอโทษด้วยตัวเองเลยเหรอ”
“ดียังมีจิตสำนึกมาขอโทษ หมดกันวันลาพักร้อนขอฉัน”
“รู้แหละคงไม่อยากให้เกิด แต่รู้จักมาขอโทษก็ดีแล้ว”
“ทุกท่านครับ” เขาพูดเสียงไม่ดังมากแต่ด้วยเสียงที่ทุ้มลึกเพื่อให้ทุกคนหันมาฟัง “ผมต้องขออภัยสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง หากใครไม่ได้รับความไม่สะดวกหรืออยากได้อะไรเพิ่มเติมช่วยรบกวนแจ้งผ่านทางพนักงานทุกคนได้เลยนะครับ” เขาโค้งตัวลงอีกครั้ง และเดินไปขึ้นลิฟต์
ไนน์โน้มตัวไปหาคนพี่ก่อนที่จะคุยกันเบาๆ “พี่ซันไม่เห็นมาต้องยืนขอโทษด้วยเลยนะครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่สักหน่อย”
ร่างสูงยกยิ้มก่อนขยับตัวไปชิดก้มลงไปกระซิบที่ใบหูให้ได้ยินเพียงแค่สองคน “คนที่เป็นสามีต้องอยู่เคียงข้างภรรยาในทุกเรื่องไม่ใช่เหรอครับ”
ร่างโปร่งผงะเอี้ยวใบหน้าออก รีบยกมืออีกข้างที่ไม่ได้จับกับอีกคนมาปิดใบหูที่มีลมหายใจอุ่นๆ คลอเคลียอยู่ ปากขยับแบบไม่ออกเสียง “สามีอะไร? ภรรยาอะไร?” กัดเม้มริมฝีปากพร้อมกับใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นมา
“ฮึ ฮึ” เสียงหัวเราะในลำคอที่เห็นความเขินของอีกคน
เขาทั้งคู่ผลัดกันอาบน้ำ ต่างคนต่างรู้ว่าถ้าอาบน้ำด้วยกันเมื่อไหร่ มันจะไม่ใช่แค่อาบน้ำ แต่มันจะเป็นอาบน้ำต่างเหงื่อ เหงื่อที่มิได้จากการทำงานแม้แต่นิด
ไนน์ใช่ชุดคลุมอาบน้ำของทางโรงแรม ยืนอยู่ริมหน้าต่างมองไปดูผิวน้ำทะเลที่คลื่นซัดชายฝั่งเป็นละลอก เขาได้แต่ภาวนาว่าขอให้เอกสารที่มาในวันพรุ่งนี้ไม่มีอะไรผิดพลาด ถ้ามันเป็นแบบที่เขาคิดมันคงไม่ดีแน่นอน
ซันที่อยู่ในชุดแบบเดียวกันเดินเข้ามาหา แขนหนามาช้อนรวบกอดที่เอวจากทางด้านหลัง “คิดอะไรอยู่ครับ?” ริมฝีปากกดจูบที่ต้นคอ
“คิดเรื่อยเปื่อยครับ” ร่างโปร่งเงยหน้าเอียงคอไปพิงคนด้านหลัง แขนทั้งสองข้างมาวางทับกับแขนที่กอดเขาไว้
“ดีจังเลยที่ตัดสินใจมาหา รู้ไหมว่าพี่คิดถึงเรามาก” เสียงที่แหบพร่าลอดผ่านจากปากที่จุมพิตคาไว้ที่ต้นคอ ลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอด้วยเช่นกัน
“เราก็คุยกันอยู่ทุกวันไงครับ”
“คุยแต่ไม่ได้สัมผัสแบบนี้ครับ จุ๊บ”
“ขอโทษนะครับ ที่ไนน์มัวแต่ทำงานไม่ได้สนใจพี่เลย”
จมูกที่ปากที่ยังประกบอยู่ที่คอ ถูไถพร้อมกับใบหน้าที่ส่ายไปมา “หื้อไม่เป็นไรครับ พี่เข้าใจว่าตอนนี้เราต้องสร้างความน่าเชื่อถือในผู้ถือหุ้น”
ลมหายใจอุ่นๆ กับริมฝีปากที่คลอเคลียไปกับต้นคอไม่ว่างเว้นจังหวะระหว่างพูดคุย ความเสียวซ่านค่อยๆ ก่อตัว คงเขาหลุดครางออกมาเบาๆ “อื้อ ขอบคุณนะครับที่เข้าใจ... แล้วเรื่องวีว่าล่ะครับ ที่บอกว่าจะไปคุยเป็นไงบ้าง”
“หื้อ ก็ไม่มีอะไร ทางผู้ใหญ่เขาก็เข้าใจในเหตุผล ส่วนทางวีว่าก็มีร้องไห้บ้าง บอกว่าแค่เวลาทำใจอีกหน่อยและเมื่อถึงเวลาให้พี่ช่วยกลับมาดูแลเขาเหมือนน้องสาวเหมือนเดิม”
“จบเรื่องแบบนี้ก็ดีแล้วครับ อย่างน้อยทั้งสองบ้านน่าจะมองหน้ากันติด”
“แต่เราไม่หึงพี่หน่อยเหรอ ถึงจะขึ้นชื่อว่าอดีตว่าที่คู่หมั้นก็ตาม มาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ช่วยหึงพี่นิดนึงก็ยังดีครับ น่าน้อยใจจริง” ทุ้มเสียงที่แกล้งน้อยใจ
ร่างโปร่งยกยิ้ม “ไม่หึงครับ เพราะว่าไนน์รู้ดี ถ้าพี่ซันจะคบกับวีว่าคงทำไปนานแล้ว แถมไม่ต้องมาคอยตามเอาใจไนน์ด้วยซ้ำ” ร่างโปร่งเอียงหน้าไปมองคนด้านหลังก่อนจะเอาปากแตะปากอีกคน
“เมียใครเนี่ยน่ารักจังเลยว่ะ อย่างงี้ต้องให้รางวัล นะพี่ขอได้ไหมครับ” เสียงกระซิบที่แหบเพร่าเป่าใส่หู
บรรยากาศและความห่างหายการสัมผัสทางร่างกาย ยิ่งได้รับแรงกระตุ้นด้วยกันแล้ว “รอบเดียวนะ พรุ่งนี้ไนน์ต้องไปทำงานต่อนะครับ”
มือที่กอดเอวกระตุกสายผูกเอว มือแหวกสาบชุดคลุมเปิดไหล่ตกมาค้างที่แขน ดันคนด้านหน้าไปแนบบานหน้าต่างแผ่นกระจกใส ซันไล่พรมจูบจากต้นคอลงไปตามแผ่น ก่อนจะจับพลิกตัวหันหน้ามา ปากประกบบดจูบอย่างหิวกระหาย ลิ้นสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากกวาดต้อนความหวานอย่างตะกละตะกลาม จูบที่หิวโหยและเร่าร้อน ลิ้นที่พันกันนัวเนียแทบจะผูกติดกัน จูบนี้ต่างจากเมื่อเย็นก่อนหน้าจูบที่หวานฉ่ำที่เยียวยาความเข้าใจผิด แต่จูบนี้จูบดังสัตว์ป่าที่หื่นกระหายไล่ระดับขึ้นสูงไปเรื่อย เขาทั้งคู่พละปากออกน้ำใสใยแมงมุมไหลจากปาก กอบโกยอากาศก่อนจะเข้าจูบกันใหม่ แขนเรียวยกขึ้นไปล็อกคอบดจูบเข้ามาให้ใกล้ชิดอีก ลิ้นเลาะเสียไปตามฟันทุกซี่ในปาก มือหนาไล่ลงไปรวบแก่นกายของทั้งคู่จบรวมกันด้วยมือทั้งสองรูดรั้งขึ้นลง
ร่างโปร่งพละจูบปล่อยเสียงครางออกมาร่างสูงได้โอกาสลากลิ้นเลียใบหู ขบเม้มฝากรอยแดงจางๆ แสดงความเป็นเจ้าของไว้ที่ต้นคอ ลากลิ้นเลียมาจนมาถึงหน้าอก ละเลงรัวลิ้นจนตุ่มไตตั้งแข็งชัน ลากลิ้นย้ายไปอีกข้าง ร่างโปร่งระบายความเสียวซ่านแอ่นออกรับลิ้นพร้อมกับกดหน้าให้แนบลงไป
“อ๊ะ เจ็บบบ” เสียงร้องครางโดนฟันกัดที่ตุ่มไตฝากรอยฟันไว้ทั้งสองข้าง
“ขอโทษ พี่อดใจไม่ไหว” เสียงแหบพร่าตอบมา
เขาลงลิ้นเลียรอยฟันราวกับจะช่วยมันรักษาบาดแผลเหมือนหมาเวลาเจ็บมักจะเลียแผล ผลยิ่งทำให้อีกคนร้องครางมากขึ้น มือยั้งสองยังรูดรั้งแก่นกายไม่หยุด พรวด!
“อื้อ...”
“แฮ่ก”
น้ำจากแก่นกายทั้งสองออกมาอยู่ที่มือคนทำ เขาจัดการป้ายมันลงบนรอยจีบสีหวาน ซันสอดแขนยกขาข้างหนึ่งขึ้น กดนิ้วชี้เบิกทางนิ้วแรก คนน้องซบหน้าลงที่บ่ามือเกาะหลังด้วยความกลัวจะล้มลงไป
“ก กัดพี่เลย ฝากรอยแสดงว่าพี่เป็นของไนน์ ทำให้พี่รู้ว่าพี่คือของไนน์ เราเป็นของกันและกัน”
“อื้อ... อ๊ะ” นิ้วที่สองเพิ่มขึ้นกดกระทุ้งจุดเสียวของคนน้อง
“อ้า...” เสียงร้องที่น้องฝากรอยฟันที่บ่า พร้อมเล็บที่ขูดบนหลัง
“พี่ซัน เข้ามาเลยครับ” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างใบหู
เสียงขบกรามอย่างอดทนต่อความยั่วยวน นิ้วที่เข้าไปถอดออก จับจ่อส่วนปลายถูก่อนจะกดมันเข้าไปอย่างช้า ช่องทางตอดขมิบดูดกลืน ไนน์เบ้หน้าด้วยความเจ็บที่ไม่ได้เข้ามานาน เมื่อเข้ามาครึ่งทางความเจ็บเริ่มหายแทนที่ด้วยความเสียว
“พ พี่ซันเข้ามาเลย!” เสียงกดต่ำออกคำสั่งเอาแต่ใจ
เขาน่ะตามใจน้องเสมออยู่ เสียงคำสั่งไม่มีผลต่อเขาแต่มันยิ่งเร้าใจ แสดงว่าน้องต้องการเขามาแค่ไหน
“แฮ่ก/อ้า..” เสียงร้องประสานที่แก่นกายเข้าจนสุด
ซันหยุดค้างรอให้ไนน์ปรับตัว มือลูบไล้หน้าท้องที่นูนบวมออกมา พรมจูบหางตาที่น้ำตาไหลซึมออกมา เขาหลงใหลใบหน้าและรอยยิ้ม ยิ่งยามที่คนนี้ครางอยู่ใต้ร่างเขา เขารู้สึกว่าไม่ต้องการสิ่งใดมากกว่านี้แล้ว
“รักไนน์นะครับ” กดจูบที่ขมับ
“อื้อ...” คนน้องเงยหน้าขึ้นมามองยิ้ม กดจูบที่ปาก
ตึ๋ง! ตอนนี้สติเขาหมดไปไม่เหลือเพียงแค่คนรักมอบรอยยิ้มมาให้ ถอดแก่นกายออกกระแทกเข้าจนสุด ไฟราคะที่ลุกโชนอยู่แล้ว ราวกับมีกระแสลมพัดให้มันโหมไหม้เข้าไปอีก ร่างสูงกระแทกบดสะโพกหมุนควงอย่างบ้าคลั่ง สมองที่ว่างเปล่ามีเพียงสัญชาตญาณเท่านั้นที่สั่งการ
ไนน์อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เสื้อผ้าที่กองอยู่ต้นแขนทั้งสอง หลังและแขนทั้งสองแนบกระจกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ปากที่อ้าค้างร้องครางจนน้ำลายไหลหยดค้างมุมปาก ในหัวเขาไม่มีอะไร เรื่องที่คิดก่อนหน้านี้กระจัดกระเจิงหายไปพร้อมกับแรงกระแทก แรงตอกย้ำซ้ำๆ ลงจุดกระสัน ยามที่ใกล้แตะปลายทางอยู่ร่ำไร ต้องหยุดชะงักด้วยจังหวะที่ช้าลง เหมือนกับรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดแตะเบรกหยุดลง และเริ่มเหยียบคันเร่งควบทะยานเร่งไปเรื่อยๆ จนสูงสุดของเครื่องยนต์และแตะเบรกอีกหลายๆ ครั้ง จนเขาทนไม่ไหว บิดร่างดึงมืออกมาจะกอบกุมส่วนกลางที่ตอนนี้น้ำใสๆ ปริ่มอยู่ด้านบน
หมับ! มือหนากอบกุมแท่งร้อนของเขาให้นิ้วกดส่วนบนเอาไว้
“พี่ซัน...ปล่อยไนน์เถอะครับ” เสียงคร่ำครวญขอร้อง
“บอกพี่ก่อนว่าไนน์เป็นของใคร” เสียงถามปนเสียงหอบข้างหู
“ขะ ของ ของพี่ซัน ไนน์เป็นของพี่ซันคนเดียว”
ซันคลายนิ้วที่กดไว้ออก ไนน์รีบคว้าแก่นกายตัวเองมารูดสาว เอวสอบกระแทกอย่างเร่าร้อนบทสุดท้าย ซันกระแทกอย่างแรง ไนน์ตาปรือไปตามแรงกระแทกกับมือที่กอบกุมจนของเหลวขาวขุ่นพวยพุ่งเลอะหน้าท้องทั้งคู่ ซันยังไม่ลดแรงลงกระทุ้งฉีดพุ่งของเหลวใส่ในร่างของคนตรงหน้า
เขาถอดแก่นกายออกที่อ่อนตัวลงเล็กน้อย ถ้าหากมันยังค้างในตัวน้องมันอาจจะตื่นมาทำงานอีกรอบ วันนี้เขาต้องทำเพียงแค่รอบเดียวเพราะตอนนี้เริ่มดึกมาแล้ว และน้องจะต้องไปพบปะผู้คนในตอนเช้า ภาพลักษณ์ของน้องต้องดูดีเสมอ
“ไปล้างตัวนะครับ” เขาพยุงอีกคนที่ตอนนี้ทรุดตัวพิงเขาอย่างหมดแรง
“อื้อ” ไนน์ตอบอย่างหมดแรง ความอุ่นของเหลวไหลลงมาที่ขา ปล่อยให้พยุงไปยังห้องน้ำ
ซันช่วยทำความสะอาดและอาบน้ำแบบลวกๆ ทั้งสอง ก่อนจะพาร่างขึ้นมานอนบนเตียง ตระกองกอดกัน ซันกดจูบที่หน้าผาก “ฝันดีครับรอยยิ้มของพี่” ไม่นานทั้งสองปรับลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอไปด้วยกันทั้งคู่ ในบางครั้งขยับตัวให้นอนสบายแต่ก็ไม่ได้ผละจากอ้อมกอดกันและกัน
เสียงนาฬิกาปลุกในเวลาหกโมงครึ่ง เรียกสติคนหลับสองคนให้ตื่นขึ้นมา ผ้าม่านยังคงปิดทึบไม่มีแสงสอดเข้ามา สภาพงัวเงีย ขยับตัว เป็นซันที่เข้าไปกดเลื่อนการปลุก ทั้งคู่เข้ามาซุกกอดกันและหลับต่อรอจนจะมีการปลุกให้ตื่นกันจริงๆ อีกสิบต่อมา
ซันกดปิดการปลุกเขาลุกขึ้นจุ๊บที่ปากคนที่ยังหลับอยู่ “อื้อ...” เมื่อโดนกวนไนน์พลิกตัวหนีตลบผ้าห่มเป็นก้อนไปกอดแทนคนที่ลุกออกไปอาบน้ำ
“พี่ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะมาเก็บค่าปลุก” กดหอบหัวไปอีกหนึ่งที
สัมผัสที่อุ่นหายไปเหลือแค่ความเย็นจากก้อนผ้าห่ม ไนน์ลืมตาขยี้ตาไล่ความง่วง ค่อยๆ ลุกมานั่งพิงหัวเตียงโดยมีผ้าห่มผืนเมื่อกี้คลุมสะโพกอย่างหมิ่นเหม่
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตู แต่ด้วยความง่วงและสภาพที่เปลือยที่จากกิจกรรมเมื่อคืนเขาจึงไม่ลุกไปเปิด หากเป็นคนของเขาเดี๋ยวคงโทรมาเองแหละ เพราะรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่กับใคร ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ข้างเตียงดังขึ้น
“ครับ”
[เสื้อผ้าที่ส่งซักเมื่อคืนแขวนอยู่หน้าห้องแล้วนะคะ]
“ครับ ขอบคุณครับ”
เขามองหน้าที่เพิ่งเดินกลับมาจากการอาบน้ำ กลิ่นสบู่หอมโชยมา เขายกหน้าขึ้นมองคนที่เดินมาหยุดปลายเตียงให้เต็มตา มุมปากยกขึ้น ไนน์รู้สึกชอบความรู้สึกนี้ที่ตื่นมาแล้วเจอคนที่อยากเจอในทุกๆ เช้า เขาไม่ได้โหยหาความรัก เขาไม่ได้โหยหาให้ใครมาอยู่ข้างกายตลอดเวลา เขาไม่ได้โหยหาการมีเซ็กส์แล้วหลับไป เขาเพียงแค่ต้องการคนคนนี้ คนที่เขารักและรักเขา ซันคลานเข่าขึ้นคร่อมเขาบนเตียง เขาหลับตารับการประทับริมฝีปากที่อ่อนโยนลงบนหน้าผาก
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณไนน์ ว่าที่ภรรยาของผม”
“เฮ้ย! รู้สึกเหมือนโดนหยาม แต่ก็ไม่ได้แย่กับคำนี้ คนเรามันต้องยอมรับความจริง” เขาพูดอย่างหัวเสีย เอามือมาประคองใบหน้าคนพี่ให้เข้ามาใกล้กดจูบที่ปาก “มอนิ่งคิสครับ”
คนพี่ทิ้งตัวลงนั่งยกมือมาปิดหน้า “อย่ายั่วพี่แบบน่ารักแบบนี้อีก พี่จะทนไหมไหวจับเรากินก่อนไปทำงานดีไหมเนี่ย” ใบหน้าที่เห่อร้อนด้วยความดีใจที่คนน้องยอมเป็นว่าที่ภรรยาของเขา
“พอเลยครับ ไนน์จะไปอาบน้ำแล้ว ฝากพี่ซันไปเอาชุดที่แขวนที่หน้าประตูเข้ามาให้หน่อย”
“ครับผม” ซันขยับตัวออก และลุกขึ้นไปเอาเสื้อที่หน้าประตู ปล่อยให้อีกคนเข้าไปอาบน้ำ โดยที่ระหว่างนี้เขาก็แต่งตัวรอ
“พี่ซันครับลงไปกินข้าวกัน” ไนน์ตะโกนบอกระหว่างเดินออกจากห้องน้ำที่เขาเข้าไปเซ็ตทรงผม วันนี้ต้องแต่งตัวดูดีหน่อย เพราะเขาต้องเข้าไปพบเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเพื่อขอโทษสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ไปครับ”
ชายหนุ่มหงายฝ่ามือให้คนรักของเขาเอามือมาวางลง และนิ้วทั้งสิบก็สอดประสานกอบกุมหันลงไปยังห้องรับประทานอาหารของทางโรงแรมที่จัดไว้ให้
ไนน์ลงมาพบกลุ่มก้อนคนของเขานั่งรับประทานอาหารอยู่ก่อน เขาไม่เคยให้แยกกินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเวลาที่ต้องมาทำงานร่วมกัน อย่างที่ครอบครัวดูแลคนในปกครองแบบครอบครัวตั้งแต่รุ่นปู่จนมาถึงรุ่นของพวกเขา
เมื่อมีคนเห็นว่าเจ้านายเดินลงมาร่วมห้องที่พวกเขาอยู่ ทุกคนลุกขึ้นโค้งคำนับ คงไว้ถึงความบ่งบอกความสำคัญของแต่ละคน
“ตามสบาย” เขาโบกมือให้ทุกคนจัดการตัวเองไป “คีนคุณธีมายัง?” เขาถามคนสนิทที่เดินถือแก้วกาแฟและขนมปังมาเสิร์ฟยังโต๊ะของพวกเขา
“ถึงแล้วครับกำลังจอดรถอยู่ นั่นไงครับเดินมาพอดีเลย” เขาหันไปตามเสียงที่เปิดประตูเข้ามา ต่างฝ่ายต่างพยักหน้ากัน รับรู้ถึงงานที่เขาสั่งไว้เมื่อคืน แต่ด้วยที่คนเยอะจึงยังไม่อยากถามอะไรมากมาย
“คุณไนน์ครับ ตารางงานวันนี้คุณไนน์จะเริ่มจากไหนก่อนครับ” เลขาส่วนตัวเดินเข้ามาถามพร้อมกางไอแพดเตรียมจัดตารางงานที่แทรกเข้ามากะทันหัน
“ไปโรงพยาบาลเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาลรวมถึงเข้าพบคู่บ่าวสาวที่นั่นเลย จากนั้นกลับมาดูที่โรงแรมยาว ที่เหลือรันตามเดิมไปครับ ถ้าไม่มีอะไรวันอาทิตย์ก็น่าจะกลับไปได้”
“ครับ งั้นผมจัดตารางตามนี้ ทางเจ้าสัวแจ้งว่าวันจันทร์ให้สรุปเรื่องทั้งหมดประชุมช่วงบ่ายด้วยครับ”
“ครับ คุณธีไปหาอะไรทานเถอะ น่าจะยังไม่ได้ทานอะไรใช่ไหม เสร็จแล้วค่อยไปกัน”
“เกือบลืมแจ้งไปครับ ผมจัดการส่งกระเช้าผลไม้ไปโรงพยาบาลแล้ว” เขามองเลขาของเขาที่ก้มหน้าก้มตารายงานข้อมูลผ่านไอแพด ขอบตาที่เริ่มคล้ำขึ้น อีกนิดน่าจะเป็นแพนด้า เขานึกได้ว่าคงต้องหาผู้ช่วยให้สักคนแล้วแหละ
“พี่ซันจะกลับไปเลยไหมครับ วันนี้ไนน์น่าจะยุ่งทั้งวัน” เขาหันไปถามคนร่วมโต๊ะ “ช่วงนี้พี่ก็ยุ่งไม่ใช่เหรอครับ กลับไปพักผ่อนดีกว่าไหม” น้ำเสียงถามติดออกไปถามเหมือนบอกกล่าวทั่วไป
คนฟังหันมาขมวดคิ้วใส่ “อันนี้ห่วงหรือไล่ครับ?” น้ำเสียงเชิงสงสัย
“ห่วงครับ” รอบนี้ตอบด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยไม่ต่างจากเมื่อกี้ เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดด้วยน้ำเสียงไม่ได้ก่อนหน้านี้
“พี่ไปเก็บเสื้อแล้วจะกลับมานอนด้วยนะครับ ไม่ใช่สิ มาเฝ้าต่างหาก”
“อ้า...” เขาได้อ้าปากตอบรับ ไม่พูดอะไรต่ออีก คิดว่าคงห้ามอะไรไม่ได้ ก็คนนั้นก่อเรื่องให้เขาไว้
ซันลุกขึ้นกดหอมที่หัวเขาไปหนึ่งฟอด “พี่ไปก่อนนะครับแล้วเจอกัน” เขาได้แค่ยิ้มให้คนที่เดินออกไป
ไนน์เข้ามาเยี่ยมคนที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลตามที่บอกเอาไว้ และมอบบัตรกำนัลรวมถึงทริปทัวร์ยุโรปให้แก่บ่าวสาวแทนคำขอโทษ หลังจากนั้นเดินทางกลับมายังโรงแรม เพื่อดูและประเมินค่าเสียหายรวมถึงการซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย
“คุณธีครับ เอกสารที่ผมขอไปได้มาไหมครับ”
“นี่ครับ” บึกเอกสารขนาดA1 วางลงบนโต๊ะในห้องประชุม “คุณไนน์ให้ผมเอามาให้ทำไมครับ จริงดูจากไฟล์ CAD* ก็ได้ครับ (*Computer Aided Design โปรแกรมการออกแบบโดยใช้คอมพิมพ์เตอร์ ทั้ง2มิติและ3มิติ -*พิมพ์เขียวที่ดูผ่านโปรแกรมหน้าจอต่างๆ -คสต.)
“ผมแค่อยากเห็นลายเซ็นที่ชัดเจนครับ แล้วมีใครรู้ว่าเอามาบ้าง” น้ำเสียงที่หนักแน่น ทุ้มลึกเหมือนมีอะไรให้สงสัย
“ไม่มีครับ”
“ดีแล้ว” เขาตอบรับแต่มือพลางพลิกเอกสารดูให้มันผ่านตาเท่านั้น ในแต่ละหน้าคงไว้ซึ่งลายเซ็นที่คุ้นเคย
“คีน บาย และคุณธีตามผมมาหน่อยครับ”
ร่างโปร่งพาทั้งสามเดินไปยังโซนที่ห้องควบคุมระบบทั้งหมดที่เอาไว้ในชั้นเดียวเพื่อสะดวกต่อการดูแลรักษาและตรวจสอบต่างๆระบบไปไฟฟ้าอยู่ทางขวา ส่วนระบบน้ำอยู่อีกฝั่งทางด้านซ้าย รวมถึงระบบที่อีกต่างๆ อินเทอร์เน็ต กล้องวงจรปิด และสิ่งที่เขามองหาหลับไม่มีอยู่นี่มันดูเหมือนอันตรธานหายไปแต่คงไว้เพียงในแบบ
“มันหายไปจริงๆ ถึงว่าสปริงเกอร์ไม่ทำงาน” เขาหันมาบอกทั้งสามคนที่มาร่วมดูด้วย
“...” สามคนยังขมวดคิ้วแต่ก็ยังพอดูเค้ารางงงอยู่บ้าง ที่บอกว่าสปริงเกอร์ไม่ทำงานคือสปริงค์ที่เกี่ยวกับการเรื่องไฟไหม้ แต่งงไอ้ที่บอกว่ามันหายไป มองหน้ากันไปมาหวังว่าจะมีใครสักคนมาอธิบายทีเถอะ และหันไปหาคนที่พูดก่อนหน้าที่ให้ช่วยไขความกระจ่าย
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบให้ฟัง “อย่างที่เข้าใจกันคือระบบการดับไฟที่ใช้สปริงค์หรือหัวฉีดพ่นน้ำตอนไฟไหม้ หัวจ่ายนี้จะถูกตั้งค่าอุณหภูมิไว้เมื่อความร้อนเกินที่ตั้งไว้จะถึงทำการปล่อยน้ำออกมา แต่สิ่งที่สำคัญคือระบบการจ่ายน้ำต้องมีระบบที่แยกออกมาหรือไม่ก็มีแท็งค์น้ำไว้สำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ
ด้วยความโรงแรมของเรามีขนาดใหญ่พอประมาณระบบจึงกำหนดให้แยกไว้ต่างหากเหมือนกันทุกที โดยให้เชื่อมต่อกับถังน้ำสำรองภายในโรงแรม โดยไม่เชื่อมต่อกับระบบประปาเมื่อวันใดประปาเกิดหยุดจ่ายน้ำเมื่อไหร่ก็จะไม่มีน้ำไว้สำหรับดับไฟ และมันต้องใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งแต่ก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่กันแน่
ในส่วนคอนโดนั่นจะไม่มีระบบนี้จะสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สิน ทั้งสามคนถึงไม่เคยเจอในแบบแปลนที่ช่วยผมดูโครงการเดอะทัชไง มีแค่ระบบฮีทกับสโม๊กเท่านั้น เข้าใจไหม”
(ฮีทและสโม๊กในที่นี้ ไรท์ใช้ภาษาพูดรวบคำ โดยมาจากคำว่า Heat detector=ตัวตรวจจับความร้อน Smoker Detector=ตัวตรวจจับควัน)
ชายหนุ่มยังคงพูดต่อไปอีก “ที่โรงแรมเรายังใช้ระบบนี้คือพื้นที่จัดเลี้ยงส่วนใหญ่เป็นพรหม น้ำจะช่วยทำให้พรหมส่วนอื่นเปียกและไม่ติดไฟด้วย พอจะเดาได้แล้วนะว่าทำไมถึงขึ้นมาดูที่นี่”
“...” ทั้งสามพยักหน้าเข้าใจ
เลขาหนุ่มเอ่ยปากถามต่อมา “แล้วที่คุณไนน์อยากดูลายเซ็นแบบนี้หมายความว่า...?” คิ้วยกสูงขึ้นพร้อมตาที่โตตาด้วยสงสัย ก่อนหน้านี้เขาลองเปิดดูอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดูละเอียดพบที่จะเห็นว่าใครลงชื่อคู่กับวิศวกร
“อย่าเพิ่งพูดอะไรต่อนี้ ผมยังไม่อยากสงสัยใคร เราต้องหาหลักฐานเพิ่มอีก งั้นลงไปคุยข้างล่างกันเถอะ” ไนน์พูดไประหว่างเดินไปยังทางออกพร้อมกับโบกมือเรียกพวกที่เหลือให้ตาม
RRRR สายเรียกเข้าดังขึ้นมา ไนน์ยกขึ้นมาสายทันที
“ครับ”
[พี่มาถึงแล้วครับ]
“ครับ ขึ้นไปรอที่ห้องได้เลยครับ ขอคุยงานต่อน่าจะอีกสักพักใหญ่เลยครับ”
[อย่าหักโหมมากนะ แล้วกินข้าวกลางวันยัง]
“กินแล้วครับ”
[งั้นพี่รอกินข้าวเย็นด้วยนะ]
“ครับแล้วเจอกัน”
[ไนน์]
“...”
[รักนะครับ]
คนฟังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ อีกคนก็รีบวางสายไปก่อน ใบหน้าร้อนวูบวาบมีสีชมพูระเรื่อ เล่นบอกรักกันดื้อราวกับว่าบอกเรื่องลมฟ้าอากาศ เขายกมือเกาท้ายทอยแก้เขิน จับไอ้โทรศัพท์ต้นเหตุแห่งความอายยัดใส่กางเกง
“ตามมาเฝ้าจนได้ สงสัยจะกลัวใครบางคนมาแน่นอนเลย” เสียงกวนประสานของเจ้าลูกน้องลอยมาจากที่ไม่ไกลจากเขามานัก
“อืม” เขาขานรับ
คีนเลิกตาโตงวยงงกับอาการของเจ้านาย ไหงรอบนี้ไม่ด่าว่ะ ปกติถ้าแซวตอนเขินจะด่าออกมาทันที ฝ่าเท้าตามมา แต่คีนยังคงไม่รับรู้ว่างานกำลังจะงอกตามมา เพราะเจ้านายเขาตอนแรกไม่คิดจะให้มันทำแต่เมื่อกวนตีนแบบนี้งานนี้ต้องมันเท่านั้น รอไปห้องประชุมก่อนนะมึงไอ้คีน สนุกกูล่ะ
ห้องประชุมที่ปิดเงียบมีอยู่เฉพาะคนที่เกี่ยวข้องแค่สามคนถ้ารวมเขาด้วยก็เป็นสี่ เขาไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป และถ้าหากมีอาจจะโดนตรวจสอบเรื่องการสร้างที่ผิดแบบไปด้วย เรื่องนี้ยิ่งรู้น้อยมากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น เขาแจ้งทางฝ่ายผู้จัดการสาขาหัวหินว่าขอสรุปผลกันภายในก่อนจะแจ้งเรื่องที่หลัง ก่อนจะคุยเรื่องที่ยุ่งยากเขาจัดการเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุดก่อน
“คุณธีครับ ช่วงนี้ดูเหมือนว่างานจะยุ่งมากนะครับ” ระหว่างถามเขาเคาะนิ้วไปด้วย กำลังประเมินว่างานของเลขาว่าต้องเพิ่มผู้ช่วยอีกกี่คน เพราะหลังจากมาดำรงตำแหน่ง ใช้ศัพท์หรูเชียวพูดแบบบ้านๆ คือมาทำงานในตำแหน่งนี้ปู่โยนมาเพิ่มเรื่อยๆ
“พอสมควรครับ ยังพอจัดการได้อยู่ครับ” เขาตอบแบบรักษาน้ำใจเจ้านายแต่จะให้พูดคือเริ่มเยอะแล้ว
ไนน์จ้องหน้าเลขาที่ตอบแบบเลี่ยง พร้อมถามด้วยเสียงที่เรียบนิ่ง “บางวันทำโอทีด้วยนิ”
“ครับ” เลขาเกาแก้มอย่างอาย
“เพิ่มสักสองคนพอไหมครับ แต่ผมหาให้ได้แล้วคนหนึ่งแต่อีกคนรบกวนหาอีกทีแล้วครับ”
“หาได้แล้วหนึ่งคน?” เลขาถามเสียงสูงตามด้วยคิ้วที่ม้วนเข้าหากัน ส่วนคนที่เหลือมองหน้าสลับกันไปมา
“ใครครับ?” คีน/บาย
เจ้านายหนุ่มเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ คนที่รู้จักรอยยิ้มนี่ดีอย่างคีนเสียวหลังวาบ “คีนไงครับ”
“ห๊ะ! ผมเหรอ? ให้ผมทำไรนะ?” นิ้วยาวของบอดี้การ์ดหนุ่มชี้เข้าหาตัวและสำลักคำถามอย่างงุนงง
“มึงนั่นแหละ จะได้ไม่ว่างมาก ไหนๆ ตัวก็ติดกับกูตลอดอยู่แล้ว” เขาพูดกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงติดรำคาญปนยียวนนิดๆ ก่อนจะจัดการเรื่องงานกับเลขาต่อ “พอได้ไหมครับ เรื่องตารางงานของผมคีนดูแลไปเลยก็ได้ครับ ส่งเรื่องอื่นๆ คุณธีค่อยทยอยมอบหมายให้แล้วกัน ส่วนอีกคนคุณธีจัดการไปตามสมควรเลยนะครับ”
“ได้ครับคุณไนน์ แล้วจะให้เริ่มงานวันไหนครับ”
“กลับไปเลยก็ได้ครับ”
“ได้ครับ งั้นผมจะจัดการสอนงานเลยนะครับ”
“...” คนที่อยู่บทสนทนาแต่ไม่มีโอกาสได้อ้าปากถาม ส่วนเจ้านายและเลขาคุยกันตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หึ หึ” เสียงหัวเราะจากบอดี้การ์ดรุ่นพี่อย่างบายส่งมอบให้ กวนตีนดีนักมึงไอ้คีน
คีนตวัดตามองหาก่อนจะโวยวาย “ไม่ทำ! แค่นี้ไอ้คีนก็แย่แล้ว...” ลากเสียงยาวโอดครวญ
ไอ้แย่คือแค่เขาต้องรอรับสายไม่ว่าพี่เจ้านายทั้งแปด แฟนเจ้านายและสายสำคัญอย่างเจ้าสัวที่ต้องคอยรายงานแล้วว่าอยู่ไหน? ไปไหน? ทำอะไร? อยู่กับใคร? นี่เขาต้องมาคอยดูแลตารางงานให้อีกเท่ากับว่าเขาทุกคนจะพุ่งเป้ามาที่เขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วอย่างตอนเมื่อก่อนที่ไม่ให้บอกว่าอยู่ไหนเขาพอยังทำได้แต่นี่จะส่งผมไปตายเหรอครับคุณไนน์....
“เออ! เดี๋ยวเพิ่มเงินเดือนให้” ไนน์โบกมือบอกว่าเรื่องแค่นี้เอง
“ไม่ใช่อย่างนั้น... คุณไนน์จะฆ่าผมทางอ้อมใช่ไหมครับ พี่คุณไนน์น่ะแต่ละคนผมรับมือไม่ไหว” เสียงโอดครวญยังตามอีกส่วนตัวไหลไปกับเก้าอี้
“ตามนั้นแหละ แกทำได้ มาคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่า” เขาไหวไหล่ราวกับที่บอดี้การ์ดคนสนิทพูดไม่ได้มีผลอะไร ต่างจากอีกสองคนที่นั่งฟังด้วยทั้งขำและทั้งสงสาร และแน่นอนพวกเขาอยู่กับครอบครัวนี้มาหลายปี กิตติมศักดิ์ความหลงน้องชายมีสิบให้พันได้เลย
“อย่างแรกที่ผมดูจากเอกสารนี้ ผมอยากให้คนไปช่วยสืบประวัติคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และส่งคนไปดูโครงการอื่นๆ นับย้อนไล่ไปนะ” เขาพลิกเอกสารแบบแปลนหน้าหลังสุดที่มาลายเซ็นส่งให้คีน
“แล้วเรื่องคนคุมโครงการล่ะครับ” เลขาหนุ่มถามอย่างกล้ากลัวเพราะมันคือคนในครอบครัว
“เอาไว้ก่อน ผมแค่อยากรู้เรื่องคนที่เกี่ยวข้องก่อนว่าโยงถึงคนของผมไหม ถึงจะรู้ว่าน่าเกี่ยวแต่ก็อยากให้มั่นใจกว่านี้ก่อน” น้ำเสียงที่จริงจัง ด้วยสีหน้าที่จริงจังร่วมด้วย ลูกน้องทั้งสามรับรู้งานนี้นายเขากัดไม่ปล่อยแน่
“ครับ ผมจะหาลูกน้องที่ไว้ใจได้ไปจัดการให้” บายน้อมรับคำสั่ง
“ส่วนเรื่องที่นี่หาวิศวกรรมและสถาปนิกที่เราไว้ใจ เอาทีมเดอะทัชมาประเมินค่าเสียหายพรุ่งนี้เลย” เขาถอนหายใจ “คงต้องยื่นเรื่องว่าขอรีโนเวตไม่งั้นดึงเงินออกมาทำระบบไม่ให้ผิดสังเกตไม่ได้แน่ๆ แล้วก็เอาเงินยัดเจ้าหน้าที่เรื่องไฟไหม้ด้วย ให้จบแค่อุบัติเหตุเล็กๆ ไม่ต้องสืบต่อ”
“ได้ครับ พวกผมจะจัดการให้เต็มที่” เลขารับปากรับคำ
“งานนี้ไม่รู้ว่าเราจะขุดเจออะไรมั่ง ระวังตัวด้วยล่ะ” เขาหันไปบอกคนทั้งสามที่เขาไว้ใจ “ถ้าเกิดข้างในมันเน่ามาก ก็แค่ถอนทิ้งแล้วปลูกใหม่”
Tbc…