15 ตอน Chapter 14
โดย T.mines
Chapter 14
Number nine My Sun
หมายเลขเก้าของดวงตะวัน
#IXMYSUN
ห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนสุดของผู้บริหารดีกรีเด็กนอก ร่างสูงในชุดสูทภูมิฐานสมฐานะ นั่งอ่านรายการสั่งซื้อชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ เอกสารรายการที่เกี่ยวข้องการผลิตในไตรมาสหน้า รวมถึงเครื่องจักรใหม่ที่เขาเตรียมตัวสั่งซื้อเพิ่มจำนวนการผลิต ตอนนี้เขาแทบจะทำหน้าที่แทนท่านประธานบริษัททั้งหมดอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารที่จดจ่ออยู่ร่วมสองชั่วโมง ประตูเปิดออกตามมาด้วยสมาชิกครอบครัวทั้งสามคนเดินเข้ามานั่งลงโซฟารับแขก
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่ เจ้าจันทร์ นี่มากันครบจะไปไหนกันเหรอครับ” ชายหนุ่มถามและก้มลงเซ็นเอกสารต่อ
“เรานี่วันนี้มีนัดทานเข้ากับทางบ้านหนูวีว่าไงเรา แม่โทรมาบอกตั้งหลายวันแล้วนะ” เสียงดุเบาๆ มาจากคนแม่ “ก็เราไม่ค่อยไปเจอน้องเลย แล้วช่วงนี้งานยุ่งเราค่ะ ไม่ค่อยกลับบ้านเลย”
“คุณยังไม่เลิกจับคู่ให้เจ้าซันอีกเหรอ ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กๆ ดีกว่าไหมคุณ” สามีอย่างเซนไม่ค่อยชอบการที่ภรรยาของเขาพยายามจับคู่ให้ลูกชาย
“คุณก็.. ปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจเองแหละค่ะ ส่วนฉันแค่เพิ่มโอกาสให้พวกเขาเรียนรู้กันเท่านั้นเอง” ภรรยาพูดด้วยเสียงไม่พอใจ
ซันมุ่นคิ้ว “ผมว่าจะคุยเรื่องนี้กับคุณแม่เหมือนกันครับ ผมมองวีว่าเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เหมือนกับเจ้าจันทร์” เขาเงียบไปสักพัก สูดลมหายใจเข้าปอดพูดต่อ “ผมว่าจะพาแฟนผมมาทานข้าวที่บ้านเราอยู่ครับ แต่ยังหาวันว่างตรงกันไม่ได้เลย”
“แฟน? แฟนแก? แกมีแฟนตอนไหน? ลูกเต้าเหล่าใคร? หรือคนที่แม่เคยเจอครั้งก่อน ถ้านิสัยไม่น่ารักแบบวีว่าแม่ไม่ยอมด้วยนะ” คุณแม่ถาม
เจ้าจันทร์ที่นั่งฟังบทสนทนาตั้งแต่แรกกลอกตาขึ้นบนแม่ของเธอพูดจบ “วีว่าเนี่ยนิสัยน่ารัก” ตามด้วยเบะปาก “คงน่ารักเฉพาะแม่กับพี่ซันเท่านั้นแหละค่ะ”
คุณแม่หันทำหน้าดุใส่ลูกสาว “ไปว่าพี่เขาแบบนั้นได้ไง”
เจ้าจันทร์ไหวไหล่แบบไม่ใส่ใจคำพูดของคนเป็นแม่ “...”
“แล้วเรื่องแฟนเรา เรามั่นใจแล้วใช่ไหมที่พามาให้พ่อกับแม่รู้จักให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที” คนเป็นพ่อถามเพื่อความมั่นใจลูกชาย เขาเองพอรู้นิสัยลูกอยู่บ้าง แฟนคนนี้ลูกชายเขาต้องรักมากถึงกล้าเอ่ยปากบอก ตั้งแต่เลิกไปกับแฟนคนก่อน ไปเรียนเมืองนอกและใช้ชีวิตไม่ผูกมัดกับใครสักคน แต่ความหวังดีของภรรยาเขาอยากให้ลูกชายลืมเรื่องความรักครั้งก่อนที่ทำเอาเกือบตาย จึงพยายามจับคู่ลูกชายกับลูกสาวเพื่อนสนิท
“ครับพ่อ แต่น่าจะอีกสักพักใหญ่ๆ เลยครับ ช่วงนี้น้องยุ่งมากเลย”
“แล้วที่พี่ไม่ค่อยกลับบ้านเนี่ย อย่าบอกนะขลุกอยู่กับแฟนคนนี้” น้องสาวเอียงคอถาม แววตาเป็นประกายดีใจกับรักครั้งใหม่ของพี่ชาย
“อยากทำอย่างนั้นอยู่แหละ แต่ได้กินข้าวด้วยกันสองคนก็ดีที่สุดแล้ว บ้านนั้นหวงกันสุดเลย ทุกวันนี้เหมือนไปฝึกวิทยายุทธที่เสาหลินต้องฝ่าด่านอรหันต์ทั้งแปดก่อนเข้าไปเจอ” ซันตอบด้วยน้ำเสียงตัดพ้อและสีหน้าอ่อนล้า
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอพี่ซัน พี่ชายหนูทั้งหล่อ ทั้งรวย มีความสามารถ เป็นที่ต้องการของตลาด ชักอยากรู้แล้วสิว่าคือใคร” เจ้าจันทร์ยกมือกอดอกด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“เอาไว้พามารู้จักแล้วกันครับ แล้วทุกคนจะเข้าใจเอง แล้วเราไม่ไปเรียนเหรอวันนี้ทำไมมาอยู่นี่ได้”
“คุณพี่ซัน เดือนหน้าน้องคนนี้จะฝึกงานแล้วนะคะ แล้วที่สำคัญเลยหนูจะฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของพี่ค่ะ” หญิงสาวยกมือป้องปากบอกกับพี่ชายแค่สองคน “ไม่รู้ว่าคนนี้เป็นใครแต่หนูช่วยเต็มที่ นอกนั้นหนูยอมเป็นไม้กันหมาให้เลย” หญิงสาวยิ้มและขยิบตาให้พี่ชายหนึ่งที
ร้านอาหารไทยสไตส์ไทยแท้ เรือนไทยไม้สักทั้งหลังสองชั้นตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นด้วยพรรไม้นานาพันธุ์ ขนาบด้านข้างด้วยสระบัวหลวงขนาดใหญ่ที่อวดโฉมบานสะพรั่งเต็มท้องน้ำ บัวจะส่งกลิ่นหอมปรกบด้วยความเย็นของน้ำค้างช่วงเช้าอากาศจะสดชื่นอย่างมาก หากมากช่วงสายก็มิได้ด้อยค่าความงามของบัวแต่อย่างใด ทางร้านได้จัดทำสะพานไม้ไว้รับรองแขกให้เดินชมและมีเรือจอดเรียงรายอยู่สามลำไว้ให้ภายไปเก็บดอกบัวและถ่ายรูปเล่นกัน ห้องกระจกบนชั้นสองสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นตัว และส่วนรับประทานอาหารโซนระเบียงที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้180 องศา
ครอบครัวอัศวธาดานนท์ทั้งสี่เดินมาถึงห้องที่นัดเอาไว้ โดยมีครอบครัวของเพื่อนสนิทของแม่เขานั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว พวกเขาทั้งหมดกล่าวคำทักทายกับพอเป็นพิธี
“พี่ซันมานั่งข้าววีว่าค่ะ” หญิงสาวเดินไปควงชายหนุ่มไปยังเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง
ส่วนคนที่เหลือเลือกนั่งโดยมีเจ้ามือใหญ่ฝั่งบ้านของวีว่าคุณพ่อนั่งที่หัวโต๊ะ ถัดมาคือภรรยา ลูกสาวและสุดท้ายคือร่างสูงที่โดนลากมานั่ง อีกฝั่งคือครอบครัวของซัน พ่อแม่และน้องสาวเจ้าจันทร์ นั่งคุยสัพเหระกันพอประมาณ ไม่นานอาหารว่างยกมาเสิร์ฟ เมี่ยงคำกลีบบัวหลวงในกระทงใบตองจัดเรียงบนขันโตก ชุดของทอดที่ประกอบด้วยกระทงทอง ถุงทอง ข้าวตังหน้าตั้งเสิร์ฟมาในตะกร้าไม้ไผ่สาน
หญิงสาวหยิบกลีบบัวสีชมพู ใช้ช้อนตักขิงที่หั่นเต๋าชิ้นเล็กๆ กุ้งแห้ง ถั่วลิสงคั่ว หอมหัวแดงหั่น มะนาวหั่น ตามด้วยมะพร้าวคั่ว ก่อนจะราดด้วยน้ำเมี่ยงคำ พับกลีบบัวเล็กน้อยให้พอดีคำ ยื่นไปจ่อที่ปาก “พี่ซันเมี่ยงคำหน่อยค่ะ วีว่าห่อให้แล้ว” คะยั้นคะยอให้อ้าปากรับ
ซันอ้าปากรับ เคี้ยวและกลืนลงคอ “ขอบคุณครับไม่ต้องป้อนพี่แล้วครับ พี่ทานเองได้” เขารีบบอกเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังจัดการทำคำต่อไปอีก
“คู่นี้ดูเหมาะกันดีนะ วีว่าช่างเอาใจใส่พี่เขาเก่ง คุณเห็นด้วยไหมคะ” แม่ของซันพูดชงแก่เพื่อนสนิท ก่อนจะหันไปถามสามีด้วย
“อืม” สามีตอบแบบขอไปที
“ใช่แล้วเธอ พอรู้ว่าจะชวนมาทานข้าว รีบบอกเลยนะขอเป็นร้านอาหารไทยเพราะพี่ซันเขาไปอยู่เมืองนอกหลายปี น่าจะไม่ค่อยทานอาหาร เลยนัดเจอที่ร้านนี่”
“...” วีว่าไม่พูดอะไร บิดตัวเขินอายเล็กน้อย
“พี่ซันเขากินง่ายอยู่ง่ายไม่เรื่องมาก ใช่ม่ะพี่ซัน พี่ซันเขา...” เจ้าจันทร์จะพูดออกตัวช่วยพี่ชายที่สีหน้ากระอักกระอ่วน กลืนไม่เข้าขายไม่ออก พอเงยหน้าจะพูดต่อเจ้าจันทร์มองเห็นว่าหญิงสาวท่าทางทะมัดทะแมนที่อยู่โต๊ะถัดไป จ้องมองเข้ามายังพี่ชายเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอหยุดคำพูดประโยคสุดท้ายไป
“ว่าไงเจ้าจันทร์เรียกพี่แล้วก็ไม่พูด”
“อ๋อ...” เจ้าจันทร์มองกลับไปอีกที เห็นว่าคนนั้นหันไปคุยกับคนที่ร่วมโต๊ะไปแล้ว “ไม่มีอะไรค่ะ”
ไม่นานอาหารที่สั่งไว้ถูกยกมา ประกอบด้วยน้ำพริกลงเรือที่เสิร์ฟมาในถ้วยฟักทองที่แกะสลักลวดลาย จัดเรียงตรงกลาง รายล้อมด้วยผักแกะสลัก แตงกวา ขมิ้นขาวมาในรูปของใบไม้ แครอทรูปดอกจำปี ถั่วฝักยาวหันเป็นท่อนสวมไว้ในแตงกวาที่หั่นแว่นเอาไส้ในออก และมะเขือไข่เต่าสีม่วงแกะเป็นรูปดอกไม้ ขนมจีนน้ำยาปู ขนมจีนสีสันหลากหลายม้วนเป็นคำน้ำยาปูที่เต็มไปเนื้อปูก้อนใหญ่ ยำใหญ่ที่มาเต็มจานด้วยเครื่องที่มากมาย ปลาทอดสมุนไพรที่ทอดปลามาเป็นชิ้นโป๊ะหน้าด้วยตะไคร้ตำใบมะกรูดทอดตกแต่งด้วยพริกทอดอีกสองเม็ด กะทิต้นสายบัวกุ้งแม่น้ำตัวโต และแกงรัญจวนที่ส่งกลิ่นหอม
“ซันตักกับข้าวให้น้องบ้างสิลูก ปล่อยให้ตักให้แต่เราอย่างเดียวได้ไง” คุณแม่บอกด้วยน้ำเสียงดุแต่ไม่จริงจัง
หญิงสาวยิ้มอาย “ให้พี่ซันทานเถอะค่ะ วีว่าตักเองได้ เห็นพี่ซันกินได้แบบนี้วีว่าดีค่ะ”
เขาเอื้อมมือไปตักชิ้นปลาทอดมาให้ตามคำสั่งของคุณแม่เขา “ปลาทอดครับ”
“ตักให้น้องด้วยสิพี่ซัน น้องตักเองไม่ถึง” หญิงสาวแกล้งหน้าบูดใส่พี่ชาย พยายามให้พี่ชายคล้อยตามมาเอาใจเธอแทน แต่พอเธอหันไปมองโต๊ะตรงข้ามผู้หญิงคนนั้นก็ยังคอยจ้องมองพี่ชายเธอเป็นระยะ
“อ่ะเรา พอไหม ให้ตักอะไรเพิ่มอีกบอกพี่เลยนะ” พี่ชายคล้อยตามเกม ส่วนน้องเล่นด้วยยุให้ตักจากนั้นย้ายไปจานนี้ คนที่นั่งข้างๆ ได้แต่จ้องหน้า ปั้นยิ้มให้แก่น้องสาวที่นั่งตรงข้าม ภายในใจแทบอยากจะเหวี่ยงจานข้าวใส่หน้าแทน
“เจ้าจันทร์เรามือหงิกเหรอ ใช้พี่เขาจังเลย ปล่อยให้พี่เราดูแลวีว่าบ้างสิ เอาอะไรแม่ตักให้แทน” คุณแม่หันมาดุใส่
“จันทร์อิ่มพอดีเลยค่ะคุณแม่” เจ้าลูกสาวจอมกวนส่งยิ้มตาหยี่ให้แม่ตัวเอง
“...” เธอรู้ทันทีว่าลูกสาวเธอตั้งใจป่วนหญิงสาวที่เธอหมายมั่นให้ว่าเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ เธอหันไปมองจะยกนิ้วไปชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ก่อน
“เจ้าจันทร์รับของหวานไหมลูก” คุณแม่ของวีว่าเอ่อยปากถาม
“จันทร์ส้มฉุนไหมคะ ครั้งก่อนพี่มากินอร่อยมากเลย เดี๋ยวนี้หากินยากแล้วนะ พี่จะสั่งมาให้พี่ซันลองทานด้วยค่ะ” วีว่ารีบเสนอตามเข้ามาสมทบ
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวพยักหัวน้อมรับความหวังดี
“แล้วคุณลุงกับคุณป้าจะรับอะไรคะ วีว่าเสนอสละลอยแก้วกับปลาแห้งแตงโมไหมคะ หวานพอดีๆ แล้วคุณพ่อกับคุณแม่จะรับด้วยไหมคะ” หญิงสาวรีบทำหน้าที่ดูแลทุกคนอย่างแข็งขัน
”
หลังรับประทานของหวานเสร็จแม่ของชายหนุ่มคะยั้นคะยอให้ซันพาวีว่าไปเดินย่อยอาหารชมทุ่งดอกบัวทางด้านนอก โดยคิดว่าจะให้ทั้งสองมีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง โดยกักตัวลูกสาวคนเล็กให้นั่งอยู่ภายในห้องเอาไว้
ร่างสูงพาหญิงสาวไปเดินเล่นตามคำบอกของแม่ ดีที่ต้นไม้ภายในร้านแผ่กิ่งก้านปกคลุมในส่วนทางเดินไปยังสระบัว ตลอดการเดินควบคู่กันมามีเพียงหญิงสาวพูดคุยฝ่ายเดียว เขาได้แค่ตอบรับตามน้ำไป
“พี่ซันถ่ายรูปกับวีว่าหน่อยค่ะ ตรงนี้ดอกบัวสวยมากเลยค่ะ” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์เปิดกล้องหน้า ควงแขนชายหนุ่มมายืนข้างๆ หันหลังโดยมีดอกบัวที่บานชูดอกเป็นพื้นหลัง
“จันทร์ถ่ายด้วยค่ะ” น้องสาวตัวเล็กรีบวิ่งมาเพื่อเข้าในรูปด้วย เจ้าจันทร์ปล่อยให้พวกพ่อและแม่ทั้งสี่คุยกันเรื่องความเหมาะสมของพี่ชายกับหญิงสาวอีกคน นึกแล้วเบะปากในความไม่ชอบ แอบเนียนว่าขอมาเข้าห้องน้ำโดยที่แม่ไม่ทันจำพิรุจน์ได้
“พี่ว่าสาวๆ ไปถ่ายด้วยกันดีกว่า พี่ถ่ายให้” ชายหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์ของเขามาทันที
“เอะ!!” เจ้าจันทร์หันไปมองฝั่งทางเดินพบหญิงสาวที่นั่งมองพี่ชายตัวเองมายืนกอดอกจ้องมาทางกลุ่มพวกเธอ หญิงสาวเดินกระชับเข้าใกล้พี่ชาย “พี่ซันผู้หญิงตรงทางเดินพี่รู้จักไหม จันทร์รู้สึกว่าเข้าจ้องพี่ตั้งแต่ตอนทานข้าวแล้วค่ะ”
ซันหันไปมองตามสายตาที่น้องสาวบอก หญิงสาวที่ยืนกอดอกจ้องกลับมา ทั้งสามสบตากัน ก่อนที่หญิงสาวนั้นจะยกยิ้มอย่างเยือกเย็นและใช้นิ้วขึ้นมาปากคอ และโบกมือลาแค่กระดิกนิ้วชี้ กลางและนิ้วนาง
“...” ซันกลืนน้ำลาย เขาเดาว่าเรื่องนี้ต้องถึงคนที่เขานั่งคิดถึงตลอดเวลาตอนกินข้าว ...ว่างๆ จะพามากิน ว่างๆ จะชวนมาถ่ายรูปที่นี่ดีไหม แต่ถ้ามากับไนน์จะถ่ายรูปด้วยกันมุมไหนดี...
“เขาต้องรู้จักพี่แน่เลย ตอบมานะ” น้องสาวเขย่าแขนพี่ชายให้รีบตอบคำถาม
“มีอะไรกันค่ะ พี่ซันมาถ่ายรูปให้วีว่าหน่อยค่ะ ตรงนี้นะคะ” เธอมาลากแขนอีกข้างของร่างสูงให้แยกตัวจากน้องสาวไปเพื่อจะได้อยู่กันสองคนบ้าง
แต่ซันไม่ยอมขยับตัว เอ่อยถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงร้อนรน “จันทร์พี่ว่างานเข้าแน่เลย เมื่อกี้เขาถ่ายรูปพี่ไปไหม”
“จันทร์ไม่แน่ใจค่ะ แต่ว่าเขาคือใครพี่ซันบอกนะน้องอยากรู้ใจจะขาดแล้ว” แขนพี่ชายถูกเขย่าหนักขึ้น คนน้องที่แทบจะบีบคอพี่ชายที่ไม่ยอมตอบสักที
“โฟร์พี่สาวแฟนพี่เอง จะพูดให้ถูกคือลูกพี่ลูน้องของแฟนพี่ บ้าชิบ” ซันตอบน้องสาวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
หญิงสาวอีกคนที่อยู่ด้วย กระชากแขนชายหนุ่มอย่างแรงด้วยความโกรธ “แล้ววีว่าละคะ วีว่าคืออะไรสำหรับพี่ซัน คุณพ่อกับแม่ของเราท่านคุยเรื่องที่จะให้แต่งงานกันแล้ว แล้ววีว่าชอบพี่ซันมาตั้งนานพี่ซันไม่รู้จริงเหรอคะ” หญิงสาวพูดตะโกนใส่ชายหนุ่ม
น้ำตาคลอที่เบ้ามันมีความรู้สึกโกรธและเสียใจปะปนกัน เธอพยายามทำทุกอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำให้ผู้ชายที่ตัวเองชอบ เวลาที่เธอว่างจะต้องเข้าไปหาชายหนุ่มที่บ้าน ชวนไปกินข้าว ชวนไปดูหนัง แค่ข้ออ้างเล็กน้อยที่จะชวนไปไหนด้วย ชายหนุ่มก็ยินยอมไปด้วยเสมอนั่นเป็นช่วงที่ก่อนจะกลับมาอยู่ที่ไทยถาวร หลังจากนั้นทุกการกระทำเปลี่ยนไป ชายหนุ่มแทบจะไม่มีเวลาให้เธอเลย อ้างแต่ว่างานยุ่ง มีประชุม ทั้งๆ บางวันเธอสอบถามไปยังพ่อและแม่ของอีกฝ่ายบอกว่าไม่ประชุม ยิ่งตอนที่เธอไปร่วมกิจกรรมที่บริษัทของเขา และหวังในครั้งนี้อาจจะชวนให้ชายหนุ่มอยู่เที่ยวต่อเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของเขาและเธอให้ดีขึ้น
แต่กลับกลายว่าชายหนุ่มประกาศว่าคิดกับเธอแค่น้องสาวดูแลเธอเหมือนน้องคนหนึ่งเท่านั้น ส่วนอีกคนที่เข้ามาเพิ่มกลับได้รับความสนใจมากกว่าและตลอดเวลาที่ชายหนุ่มบอกไม่ว่าง แต่กลับไปอยู่กับอีกคน ครั้งหนึ่งเธอแอบไปหาที่บริษัทโดยไม่บอกก่อนพบว่าซันยังคงไปหาอีกคนอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน ยอมลงทุนไปนั่งกินข้าวในโรงอาหารของพนักงาน ไม่กลัวเสียงนินทาที่ว่าเป็นสมภารกินไก่วัด จนวันที่เธอรับรู้ว่าคนนั้นยื่นใบลาออก ยิ่งดีสำหรับเธอจะได้เข้าหาชายหนุ่มได้ง่ายขึ้น ชายหนุ่มเริ่มเย็นชาใส่ ไม่สนใจเอาแต่โทรหาอีกคน เข้ายิมฝึกร่างกายอย่างหนักเพื่อจะเอาไว้คอยดูแลอีกคน แล้วฉันล่ะฉันพยายามไม่พอเหรอ
“พี่เคยบอกเราไปแล้ว ว่าพี่เห็นเราเป็นแค่น้องสาว ส่วนเรื่องทางผู้ใหญ่พี่จะไปจัดการเองครับ” ซันตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายกับเรื่องนี้อย่างมาก ทั้งที่ก่อนมาเขาเกริ่นของแม่แล้ว แต่ยังจะแอบมาคุยสานต่ออีก “พี่ต้องขอโทษนะวีว่าถ้าพี่ทำอะไรให้เราเข้าใจผิดและคิดไปแบบนั้น พี่ขอโทษครับ”
“พี่ซัน!” เสียงเรียกที่หวีดดังขึ้น
“พี่วีว่าค่ะจันทร์ว่าเบาเสียหน่อยก็ดีค่ะ เรากลายเป็นจุดสนใจแล้วค่ะ”
วีว่าสูดลมหายใจปรับอารมณ์ ซันยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หญิงสาวซับน้ำตา “ขอบคุณค่ะ”
“พี่ว่าพวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ นี่บ่ายมากแล้ว พี่ต้องเข้าทำงานต่อ” เขาหันไปพยักหน้าให้น้องสาวพาอีกคนเดินไปด้วยกัน
“ไปกันเถอะค่ะพี่วีว่า” เจ้าจันทร์พูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยน เธอเข้าใจความเสียใจ แต่ถ้าจะบังคับให้ใครมารัก มันก็ไม่ดีทั้งนั้น บางครั้งความรักต้องเห็นแก่ตัว
ซันพาทั้งสองเดินเข้าไปข้างใน วีว่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เขายังไม่ทันได้บอกอะไรหญิงสาวก็ขอตัวกลับบ้านทันที ส่วนเขาก็โดนแม่ต่อว่าทันทีที่ทราบเรื่องที่ทำให้วีว่าร้องไห้และยังสั่งให้ไปขอโทษตามระเบียบ
กลุ่มธุรกิจของศิริกิจวัชรโชติเป็นกลุ่มที่อยู่ในเครืออสังหาริมทรัพย์น่าจะครองตลาดใหญ่สุดในประเทศไทย ยังรวมไปถึงสาขาต่างประเทศที่ไปร่วมลงทุนอีกหลายประเทศ ที่ประกอบด้วยโรงแรมห้าดาว โรงแรมภายในกาสิโน และกลุ่มคอนโดที่มีหลายระดับตั้งแต่ราคาหลักล้านต้นจบจวนไปถึงร้อยล้าน
การประชุมกรรมการและรวมถึงผู้ถือหุ้นทั้งหมดของศิริกิจวัชรโชติกรุป เริ่มตอนบ่ายโมง การประชุมหลักคือสรุปผลประกอบการทั้งหมดและแผนดำเนินการในปีหน้า รวมถึงการแจ้งความคืบหน้าของโครงการต่างๆ แต่ไฮไลด์วันนี้คือการเปิดตัวรองประธานบริหารหนุ่มนาม ทวิชากานต์ นันทพิวัฒน์ ภายหลังเปลี่ยนมาเป็น ศิริกิจวัชรโชติแล้ว โดยมีเจ้าสัวชัชเป็นประธานคงเดิม รายงานการประชุมตามวาระต่างเป็นไปด้วยดี จนเข้ามาถึงวาระการประชุมสุดท้ายการโต้เถียงเริ่มขึ้น
“ผมว่าเจ้าสัวจะแต่งตั้งใครขึ้นมาโดยไม่ผ่านการเห็นชอบจากพวกเราผมว่ามันไม่สมควรนะครับ ถือจะเป็นประธานบริษัทก็ตามเถอะ”
“ใช่ครับ ถึงจะเป็นหลานประธานแต่เด็กที่ไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน อย่างนี้พวกเราจะไว้ใจให้บริหารได้เหรอครับ”
“องค์กรเราไม่ใช่เล็กๆ นะคะ จะเอาเด็กน้อยมาเล่นขายของไม่ได้ค่ะ”
“เท่าที่ทราบมาว่าไม่ได้เรียนจบทางด้านบริหารมาจะมาทำในตำแหน่งใหญ่โตขนาดนี้ได้เหรอคะ ทำไมทำแต่ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายก่อน พอพิสูจน์ผลงานแล้วค่ะเลื่อนขึ้นมาก็ยังไม่สายค่ะ”
ร่างโปร่งนั่งฟังอยู่อย่างอดทน ปล่อยให้ทุกคนพูดไปเรื่อยๆ ปู่สั่งให้เขาเงียบและอดทนไว้ เขาไม่โกรธที่ใครต่อว่าที่ไม่เหมาะสม ทุกคนในที่นี้ด้วยปกป้องผลประโยชน์ด้วยเองอยู่แล้ว ใครเขาอยากให้มนุษย์ที่ไร้ประสบการณ์เพียงแค่มีนามสกุลดังมาทำหน้าที่หาเงินข้ากระเป๋าพวกเขาแต่ถ้าคนที่มีประสบการณ์นั้นเงินย่อมลอยมาเห็นๆ
ปู่เขาสั่งให้ธานินเลขาคนสนิท หยุดเสียงของทุกคนในที่ประชุมแล้ว ลุกขึ้นชี้แจงประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับตัวหลานชายของเขา
“ในฐานะประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง ผมของพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องของหลานชายผม ถ้าทุกคนบอกว่าผมใช้เส้นสายให้หลานเข้ามาทำงาน ผมยอมรับทำไมผมต้องยกสิ่งที่ผมสร้างมาให้กับคนอื่นทำแทน” น้ำเสียงที่พูดถึงแม้จะเรียบนิ่งแต่แฝงได้ด้วยอำนาจ เขาพยักหน้าให้เลขาจัดการพูดต่อ
“ตามที่สงสัยกันว่ารองประธานมีคุณสมบัติในการบริหาร คุณทวิชากานต์จบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมเครื่องยนต์เกียรตินิยมอันดับหนึ่งและบริหารธุรกิจสองใบพร้อมกัน และเท่าที่ทุกคนทราบเรื่องโครงการคอนโดเดอะทัชที่มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า60% จะกำหนดจะเปิดตัวปลายปีนี้ โครงการนี้คุณทวิชากานต์ดูแลรับผิดชอบตั้งแต่ต้น ยังรวมถึงโครงการต่างๆ ที่ผ่านมา อาทิเช่น การปรับปรุงโรงแรมสาขาเชียงใหม่ คอนโดอีกสี่โครงการล่าสุดคุณทวิชากานต์ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย”
เสียงพูดของธานินจบลงตามเสียงพึมพำของบรรดาคนที่อยู่ภายในห้อง โครงการที่ใหญ่และมีมูลค่าหลายพันล้านถูกรับผิดชอบด้วยคนที่พวกเขาต่อว่าไร้ประสบการณ์ ทำโครงการที่ใหญ่ขนาดนี้มาได้ต้องผ่านการฝึกฝนและการสอนงานจากผู้เป็นปู่ พวกเขาสบประมาทหลานเจ้าสัวเกินไป นี่คือการตอกหน้าอย่างชัดเจนของเจ้าสัวชัช
ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เจ้าสัวย่อมไปปล่อยโอกาสให้หลุดมือ “ตอนที่ผมมาบริหารที่นี่ผมก็ไม่ได้เรียนจบบริหารมา” อีกหนึ่งดอกจัดไป “ตอนนี้หลานชายผมมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ตามที่ทุกคนกำหนดหรือยัง มีใครจะคัดค้านอีกไหม” ผู้มีอำนาจสูงสุดเงียบรอฟังคำคัดค้าน “ถ้าไม่มีงั้นสิ้นปีมารอชื่นชมผลงานโครงการแรกของหลานชายผม ที่จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน” อีกดอกพร้อมอวยหลานชายด้วย
ไนน์ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ราวกับคนหยิ่งผยอง แต่ถ้าคนใกล้ชิดจะรับรู้ว่ารำคาญและเบื่อจะตายอยู่แล้ว “ผมในฐานะรองประธานฝ่ายบริหารผมจะตั้งใจทำงานให้เต็มที่ครับ ผมยินดีน้อมรับคำแนะนำตลอดเวลาครับ ฝากตัวด้วยนะครับ”
การประชุมจบแต่การทักทายและแนะนำตัวไม่จบแค่นั้น บรรดากรรมการต่างพากันมาพูดคุยแนะนำตัวรวมถึงบอกความสามารถต่างๆ ให้คนมาใหม่อย่างไนน์ฟัง นามบัตรที่หยิบยื่นมาให้ เขารับพร้อมปั้นหน้ายิ้มบางๆ ตอบกลับและกล่าวขอบคุณ
“น้องไนน์ลูก หนูดูแลโครงการเดอะทัชคนเดียวเลยเหรอครับ เก่งมากเลยนะ” คุณหญิงนิราหนึ่งในผู้ถือหุ้นเดินมากล่าวชื่นชม “เก่งๆ จริงอย่างที่อาทิตย์มาเล่าให้ย่าฟังบ่อยๆ เลย ว่างๆ ให้พี่เขามารับไปทานข้าวที่บ้านย่านะ” หญิงชราพูดเสียงดังเพื่อจะให้คนที่อยู่รอบๆ พอจะได้ยิน เพราะตอนนี้คนตรงหน้าเริ่มเนื้อหอมแล้ว หนึ่งด้วยความรวย ตามมาด้วยนามสกุล และยิ่งพิสูจน์ความเก่งในการบริหารการจัดการโครงการใหญ่ได้แค่อายุเท่านี้ คนอื่นย่อมอยากจะมาเอาลูกๆ หลานๆ ใส่พานมาถวายจึงรับดักคอไว้ก่อน
“ผมไม่เก่งขนาดนั้นหรอกครับ ผมโชคดีที่มีคุณปู่และทีมคอยให้คำปรึกษา ผมจึงสามารถทำโครงการนี้ได้ครับ”
“แหม่...คุณหญิง รีบพูดกันท่าเลยนะคะ ไนน์ ป้าเรียกอย่างนี้ได้หรือเปล่า” หญิงที่มีอายุน่าจะสักสี่สิบกว่าเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ได้ครับ เรียกตามสบายเลยครับ” เขาผงกหัวให้
“ป้าเองก็มีลูกสาวอายุพอๆ กับเรานี่แหละ ว่างๆ จะพามารู้จักนะ คนหล่อๆ ย่อมต้องคู่กับคนสวยๆ”
“คุณกนกพร สมัยนี่ไม่จำเป็นว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงแล้ว โลกมันเปิดกว้างมาก จะมาทำตัวเก่าคร่ำครึอยู่ได้” น้ำเสียงดูแคลนกับสีหน้าที่ไม่ชอบกัน
“คุณหญิงก็พูดเกินไปนะคะ ถามไนน์หรือยังว่าเขาชอบแบบไหน” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ไนน์มองทั้งสองคนสลับไปมา หลับตาพร้อมกับกลั้นลมหายใจเบา พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ตอนนี้ผมสนใจแต่กับงานครับ ผมขอตัวไปหาคุณปู่ก่อนนะครับ” เขาเดินเลี่ยงออกมา ผ่านกลุ่มคนที่ยังจับกลุ่มคุยกัน ยกยิ้มให้เล็กน้อย
“อ้าวไนน์มาพอดีเลย เก่งมากเลยครับ ทำเอาหลายคนในที่เงยหลังไปตามกัน” น้าสาวหยิบตาข้างหนึ่งให้ และยกนิ้วโป้งสองข้างให้
“เก่งอะไรครับ ผมคุมแค่โครงการเดียว ส่วนหน้าคุมที่สามสี่โครงการ”
“ถ่อมตัวจริงๆ เลยเรา เรานะโครงการใหญ่ ส่วนของน้าแค่โครงการเล็กเองมันเทียบกันไม่ได้” น้าสาวตีไปที่แขนหลานชายเบาๆ
“ทำไมจะเทียบไม่ได้ครับ ผมโครงการเดียวจะตายอยู่แล้ว ปัญหาจุกจิกเยอะชะมัด ถ้าให้คุมแบบน้าเบญไนน์ลาโลกแน่เลย” คุณหลานทำหน้าเซ็ง น้าสาวอดสงสารไม่ได้
“มีอะไรให้ช่วยบอกน้าแล้วกัน น้ายินดีช่วยเสมอ” เสียงความเอ็นดูส่งมาให้หลาน
“ป่ะ ไม่คุยกันต่อที่ห้องปู่เถอะ” ชายชราชักชวนและพยักหน้าให้คนในครอบครัวทั้งสอง
ทั้งสองเดินตามหลังชายสูงวัยออกจากห้องประชุมใหญ่ ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องท่านประธานที่อยู่ชั้นบน ส่วนเลขาพวกเขาทั้งสามปล่อยให้จัดการเอกสารและค่อยตามไปสมทบทีหลัง หญิงสาวคนเดียวในห้องจัดการสั่งแม่บ้านให้เอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟที่ห้อง จิบกาแฟและนั่งถามสารทุกข์สุกดิบกันพอสมควร เริ่มคุยกันเรื่องงานต่อมา
“ไปดูที่เวียดนามมา มีตรงไหนน่าสนใจมั่ง” เจ้าสัวถามลูกสาวบุญธรรมระหว่างชาคาโมมายมาจิบ เนื่องจากอาการป่วยที่ผ่านมา กาแฟจึงถูกจำกัดได้แค่มื้อเช้าเท่านั้น
“มีหลายที่อยู่ค่ะ ฮานอย โฮจิมิน ดานัง หมูยแน้ และดองฮอย ตอนนี้กำลังทำสรุปอยู่ค่ะ ไม่เกินสัปดาห์จะส่งให้ที่ประชุมพิจารณา”
“ดีถ้าเอาเข้าที่ประชุมเลย ไนน์เราเข้าไปช่วยน้าเราดู เสร็จจากเดอะทัชแล้ว เราจะได้เข้าไปคุมงานนี้ต่อเลย”
ปู่เขาพูดจาเสร็จสับราวกับว่าวางแผนงานในอนาคตของเขาไว้แล้ว เขาได้แต่มุ่นคิ้ว ด้วยที่คิดว่าให้น้าไปดูสถานที่ก่อสร้างคนที่หน้าจะรับผิดชอบเป็นคนไปดู แต่งานกลับตกมากที่เขา
“ไม่ใช่น้าเบญต้องดูแลเหรอครับปู่” เขาถามด้วยความสงสัย
“ไม่ ช่วงนี้เราต้องรีบสร้างผลงาน ให้เบญคอยเป็นที่ปรึกษาไป” เสียงที่ทุ้มสึกเป็นการออกคำสั่ง
“ครับ/ค่ะ” สองน้าหลานตอบรับคำ
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้อง จบตามด้วยคนที่เปิดเข้ามา
“ปู่สวัสดีค่ะ คนดีอยู่นี่เอง เค้าไปหาที่ห้องไม่เจอ ว่าแล้วต้องอยู่กับปู่” พี่สาวคนโตสุดและหลานคนที่สี่ยกมือไหว้ปู่ของเธอและนั่งลงโซฟาเดียวกับน้องชาย “อ้าวน้าเบญอยู่ด้วยเหรอเนี่ย สวัสดีค่ะ” ตามด้วยยกมือไหว้
“อืม” น้าสาวพยักหน้ารับไหว้ เวลาที่หลานชายคนเล็กอยู่ ทุกคนในบ้านมักจะไม่เคยเห็นตัวตนเธอเลยแม้แต่คนเดียว ได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้
ปู่ยกชาจิบก่อนจะถาม “แล้วเราเข้ามาทำไม งานการไม่ทำ”
“เพิ่งไปทานข้าวกับคนที่มาร่วมลงทุนด้วยค่ะ” เสียงออกหงุดหงิดนิดหน่อยที่โดนบ่น “แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ไนน์เค้ามีเรื่องจะมาฟ้อง” โฟร์หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าใบสวย
“หื้อ..” เขาเลิกคิ้วขึ้น
“นี่ไง” โฟร์พลางเปิดแกลอรี่ภาพถ่ายให้น้องชายดู “มันแอบไปกินข้าวกับว่าที่คู่หมั้น นี่ไงมีป้อนกันด้วย”
“...” เขารับโทรศัพท์มาดู นิ้วของโฟร์เลื่อนให้เขาดูรูปที่มีคนสองคนป้อนอะไรกันสักอย่าง และในรูปแม้จะดูไกลไปหน่อยแต่เขามั่นใจว่าผู้ชายคือซันส่วนหญิงสาวคือวีว่า
“เรายังไม่เลิกหวงน้องชายอีกเหรอ” เสียงที่ติดตลกของน้าสาวแทรกมา ปู่และโฟร์เงยหน้ามามองตามเสียง ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เรื่องนี้เบญไม่ยุ่งดีกว่า ขอตัวนะคะ” น้าสาวยกมือยอมแพ้และเดินออกไปจากห้อง
ไหนเอามาดูสิ” ปู่แบมือขอโทรศัพท์ ไนน์ที่กำลังดูอยู่ ต้องยื่นให้ปู่ “ทำขนาดนี้มันหักหน้าปู่ชัดๆ ทีตอนนั้นพูดอีกแบบ แต่ทำอีกแล้ว” เสียงที่กดต่ำ
“ใช่ปู่ ออกคำสั่งห้ามมาใกล้น้องเลยไหม คนของโฟร์พร้อมแล้ว” น้ำเสียงแข็งขัน
“แล้วเรารู้เรื่องนี้หรือเปล่า ที่เขามีว่าที่คู่หมั้น” ปู่หันมาถามเขา
เขากำลังจะอ้าปากตอบ โฟร์แทรกขึ้นมาทันที “นี่มีรูปลงเน็ตแล้วนะ เขาประกาศแล้วว่าเขาคือคู่หมั้นกัน” โฟร์รีบเปิดรูปที่หญิงสาวโพสต์รูปคู่กับแฟนเขา พร้อมกับประกาศว่า ทานข้าวกับครอบครัว แต่ข้างหลังมีรูปเป็นแหวนเพชรเล็กตามหลัง คนรู้จักและเพื่อนสนิทของหญิงสาว เข้ามาแสดงความยินดีและแซวอย่างน่ายินดี
ยินดีด้วยนะ ขอตรีมหน่อยจะตัดชุดรอ
อิจฉาเพื่อนสาวหนีไปอีกคนแล้ว ยินดีด้วยนะ
ในที่สุดก็เปิดตัวสักที นี่ลุ้นมาตั้งนาน ยินดีนะเพื่อนวีว่า
หัวปีท้ายปีนะ อ้าวลืมไปยังไม่ได้แต่ง อิอิ
และอีกหลายข้อความมากมาย เขารับมาอ่านแต่ข้อความบนๆ ที่พอจะมองเห็น แต่ไม่กดเข้าไปอ่านเพิ่ม เขาส่งโทรศัพท์คือโฟร์ไป ไนน์เม้มปาก เขาคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบปู่ยังไง เขารู้เรื่องว่าหญิงสาวคือว่าที่คู่หมั้นที่ทางบ้านซันจับคู่ไว้ตั้งนานแล้ว เขารู้สึกเจ็บจี๊ดตรงอกข้างซ้าย ลมหายใจมันจุกไปหมด ทั้งที่รับรู้อยู่แล้วมันก็อดรู้สึกไม่ได้ รูปคู่ที่ด้านหลังเป็นสระบัว ดูเหมาะสมกันดีเน้อ
พอไม่ดีรับคำตอบจากหลานชาย เขาและหลานสาวที่นั่งมองอยู่เห็นคนโปรดของพวกเขาเงียบลง นั่งนิ่ง แม้แต่เสียงสั่นจากโทรศัพท์ที่ดังอยู่โต๊ะตรงหน้ายังไม่รับรู้เลย
“ไนน์ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ เหมือนจะมีงานค้างอยู่” พอพูดจบเขาก็เดินออกมาทันที เขาไม่ต้องการให้ใครคาดคั้นอีก เพราะเขาก็ไม่รู้จะตอบยังไง
“ปู่โฟร์ไปดูน้องก่อนนะคะ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย เขาไม่เคยเห็นน้องอยู่ในอารมณ์นี้เลย พอน้องหนีออกไปเธออยากจะตามไปดูแล
“ไม่ต้องไป” ปู่สั่งเสียงเข้ม
“ปู่ค่ะ โฟร์เป็นห่วงน้อง” น้ำเสียงติดแข็งขึ้น
“เดี๋ยว! ปู่ก็ห่วงแต่ไปตอนนี้เราทำอะไรได้ มีเรื่องต้องจัดการก่อน รับสายแทนไนน์ก่อน” ชายชราบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด และชี้ไปที่โทรศัพท์ของหลานชายที่ทิ้งไว้
[ไนน์ครับ] เพียงแค่แตะรับสายซันพูดแทรกมาเลย
“ไม่ใช่ โทรมาทำไม!” หญิงสาวตอบน้ำเสียงไม่พอใจ
[ผมขอคุยกับไนน์หน่อยครับ ผมจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ไนน์ฟังครับ]
“...”
[ตอนนี้ผมอยู่ข้างล่าง ให้ผมอธิบายให้ไนน์ฟังจากปากผมเองได้ไหมครับ]
โฟร์ทำปากบอกปู่ว่าตอนนี้ อยู่ข้างล่างแล้ว เจ้าสัวตอบกลับทันทีว่า “บอกคนของเราไล่กลับไป”
“คงได้ยินแล้วนะ นายไปจัดการเคลียร์ตัวเองก่อนเถอะ พวกฉันเคยบอกไว้ว่ายังไง”
[แต่ผม...]
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น แล้วทำไมคนอย่างฉันต้องมาพูดดีๆ แบบนี้กับแกด้วยว่ะ” เสียงโวยวายใส่ปลายสาย หญิงสาวงงตัวเองเหมือนกัน ถ้าแบบเมื่อก่อนนี้เวลาที่มีใครที่จะทำให้น้องเสียใจ เธอจะไม่มาช่วยเหลือไอ้มนุษย์ตัวนั้นเลยกลับดีใจด้วยซ้ำคอยเข้าไปปลอบน้องและให้ลูกน้องไปจัดการแทน แต่เห็นอาการน้องชายสุดที่รัก เลยใจอ่อนช่วยมันซะงั้น หลังจากพูดจบกดวางสาย
“ช่วงนี้สั่งคนของเราจับตาดูทางนั้นด้วย อย่าเพิ่งให้มาใกล้ไนน์จะเป็นข่าวได้” เสียงที่ทุ้มนุ่มที่เจือปนอำนาจสั่งการออกมา ก่อนจะลดลงเป็นที่เสียงที่เบาบางปนความห่วงใย “คอยดูอยู่ห่างๆ ก่อน และบอกเจ้าพวกนั้นด้วยอย่าเอาไปกวนอารมณ์น้องช่วงนี้”
“ค่ะ โฟร์จะรีบจัดการให้” หลานสาวรับคำสั่งและหยิบโทรศัพท์ออกมาสั่งการลูกน้อง พร้อมกลับส่งข้อความไปหาลูกพี่ลูกน้องอีกทีด้วย
หลังจากกลับมาถึงห้อง ไนน์เอาแต่ใจลอยมองไปออกไปทางกระจกที่ทางด้านหลังจากโต๊ะทำงาน ครั้นมาถึงจะทำงานเลย เปิดแฟ้มเอกสารอ่านออกมาได้ทั้งหมด แต่ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่อ่านได้แม้แต่ประโยคเดียว
“คุณไนน์ครับ!!” เสียงเรียกที่ดังของเลขาพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่
“ครับ!”
“ขออภัยครับ ผมเรียกตั้งนานคุณไนน์ไม่ตอบผมเลยต้องสะกิดแทน คุณไนน์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เลขาธีขมวดคิ้วถาม
“ไม่เป็นอะไร แต่ว่ามีอะไรครับ”
“ทางประชาสัมพันธ์โทรมาแจ้งว่า คุณอาคิราจากบริษัท TNT มาขอเข้าพบครับ” พบได้ยินสีหน้าของเจ้านายกลับมานิ่งเหมือนเดิม “ผ ผมเลยมาแจ้งให้ทราบครับ” เขาพอจะทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างของคนทั้งสองอยู่บ้าง
“ครับ” ชายหนุ่มมองหาเครื่องมือสื่อสารของเขา เขาพอจะทราบแล้วว่าทำไมอีกคนถึงได้มาหาเขาถึงที่นี่ “ฝากแจ้งลงไปทีว่าวันนี้ไม่สะดวกรับแขก ให้มาพบวันหลังครับ”
เขาตั้งใจจะโทรมาอธิบายให้ฟังแต่พอโทรหาเท่าไหร่ส่งข้อความ เขาจึงทิ้งงานแล้วมาให้ถึงที่ พอมาถึงน้องสาวโทรมาบอกอีกว่าวีว่าโพสต์ข้อความทำให้หลายคนเข้าใจผิด เขายืนรอตรงฟอร์นประชาสัมพันธ์อย่างร้อนใจ
“คุณอาคิรา คุณทวิชากานต์แจ้งว่าไม่สะดวกให้เข้าพบค่ะ ให้มาวันหลัง” ประชาสัมพันธ์บอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ช่วยโทรไปบอกอีกครั้งได้ไหมครับ ผมมีความจำเป็นต้องพบจริงๆ” น้ำเสียงวิงวอนร้องขอ ชายหนุ่มส่งสายตาให้หญิงสาว ชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลามีชื่อเสียงแค่ตอนเห็นหน้าครั้งแรกเธอแทบจะเป็นลม
“ดะ ได้ค่ะ จะโทรให้อีกรอบนะคะ” เสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นในความหล่อ
“ไม่ต้องโทรขึ้นไป!” เสียงกดเข้มจากหญิงสาวที่เดินออกมาจากลิฟต์ บุคคลทั้งหมดรวมทั้งซันที่อยู่ตรงนั้นหันไปมองคนที่เดินมาพร้อมผู้ติดตามอีกสองคน “กลับไปซะ! อย่าให้ฉันต้องจับโยนออกไป!”
ชายหนุ่มร่างสูงยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร หนึ่งในชายชุดสูทสีดำผายมือไปยังทางออก “เชิญครับ”
เขายอมเดินคอตกออกมากลับมานั่งรอที่รถคิดหาทางออก ทำไงดี ทำไงดีคิดสิ มีวิธีไหนที่เข้าถึงตัวไนน์ ไปดักที่คอนโดก็ไม่แน่ใจจะเจอพี่คนไหนของไนน์อีก หรือว่าเขาจะรออยู่นี่จนกว่าไนน์จะเลิกงานแล้วจะรู้ตอนไหน
ก๊อก ๆ เสียงเคาะกระจกรถ ชายในชุดสูทสีดำคนเดิม
“ครับ?” เขาลดกระจกมาถาม
“คุณโฟร์ต้องการให้คุณออกไปจากลานจอดรถด้วยครับ” ซันขบกรามด้วยความโกรธ นี่ตั้งใจจะกันเขาออกทุกทางเลยหรือไง
“ผมว่าถ้าคุณไม่อยากมีปัญหารีบกลับไปเถอะครับ” ชายคนนั้นเน้อย้ำอีกที
และตอนนี้ซันได้คำตอบภายในใจแล้วว่าต้องทำยังไง และน้องต้องใจอ่อนแน่นอน
ร่างโปร่งเงยหน้ากองเอกสารที่เพิ่งเริ่มมีสติหลังตอนที่ทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้ว คนที่อยู่มีแค่บอดี้การ์ดเขาเท่านั้น คีนที่เข้ามานั่งรออยู่ในห้องตรงโซฟา ส่วนบายและคนอื่นๆ คงไปสูบบุหรี่รออยู่ข้างล่างแล้ว เขาพลิกข้อมือดูเวลาพบว่าสองทุ่มกว่าแล้ว ท้องเริ่มประท้วงมาได้สักพักแล้ว เก็บของเตรียมตัวกลับ พอเจ้านายเตรียมตัวกลับคีนแจ้งลงไปยังข้างล่างให้เตรียมตัวทันที
พอมายังด้านล่างฝนตกหนักมาก “อ้าวคีนฝนตกเหรอว่ะ นานยัง” เขาจดจ่ออยู่กับงานจนไม่ได้สังเกตและด้วยที่ห้องทำงานค่อนข้างเก็บเสียงจึงไม่ได้ยิน
“ตกหนักตั้งแต่หกโมงเย็นแล้วครับ นี่เริ่มเบาแล้วนะครับ ผมว่าออกไปตอนนี้รถน่าจะไม่ค่อยติดแล้ว” พร้อมกับเปิดประตูให้เจ้านายเข้าไปนั่ง
“น่าเบื่อชิบเวลารถติด ว่าแล้วคิดถึงลูกรักกูจัง ซ่อมไปถึงไหนแล้วมึง จะกลับมาวันไหน”
“เสร็จแล้วครับ พรุ่งนี้จะเอามาส่งที่คอนโดช่วงบ่าย” เขาแจ้งแก่เจ้านาย ทางศูนย์ได้โทรแจ้งเขาช่วงที่เจ้านายเข้าประชุมอยู่ กะว่าจะบอกหลังเลิกประชุมแต่พอเห็นสีหน้า เขาเลยหยุดไว้ก่อน
“ไปลองเครื่องกันไหม” น้ำเสียงตื่นเต้นทันที ต่างจากเมื่อกี้สิ้นดี
“งดครับ คำสั่งจากเจ้าสัวด้วยครับ” เสียงทุ้มเรียบนิ่งจริงจังจากลูกน้อง
“หึ” เสียงแค่นจากคนที่นั่งข้างหลัง ฟังแล้วไม่พอใจแน่นอน
กลุ่มรถของเขาเลี้ยงออกจากที่ทำงาน ฝนตกปรอยๆ ไปสายเล็กๆ น้ำเจิ่งนองที่ระบายไม่ทันตามท่อระบายน้ำที่ไม่ได้ผ่านการดูแล เขาผู้ชายที่รูปร่างคุ้นเคยยืนพิงรถคันคุ้นตาอยู่หน้าประตูทางออก มองมายังรถของเขาตัวเปียกโชก เสียงถอนหายใจดังขึ้น หลับตาเงยหน้าพิงหัวกับเบาะรถ ก่อนจะบอกให้คีนจอดรถ และเขาก็ใจอ่อนอีกแล้ว
“คีนร่มอยู่ไหน” น้ำเสียงที่เหนื่อยหน่ายอย่างมาก
“นี่ครับ” คีนยื่นร่มให้
“รอนี่แหละไปคุยแป๊บเดียว บอกคนอื่นให้รออยู่บนรถไม่ต้องตามไป” เขาเปิดประตูกางร่มก้าวเดินไปหาอีกคน
ร่างสูงยกยิ้มพอรับรู้ว่าคนที่เดินมาคือคนที่เขายืนรอตั้งแต่สี่โมงเย็น ยืนจนขาแข็งไปหมดแล้ว ซวยไปอีกที่ฝนดันมาตกหนัก ต่อให้ลำบากกว่านี้เขาก็ยอม ไนน์ก้าวมายืนตรงหน้าและเอาร่มมาบังฝน ผู้ชายสองคนยืนในร่มคันเดียวกัน
“บอกให้กลับไปก่อนไม่ใช่เหรอครับ” เสียงกดเข้มบ่งบอกถึงความไม่พออย่างมาก เขาไม่ใช่ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับฟังอะไร แค่ขอเวลาสักหน่อย ทำไมต้องมายืนตากฝนเพื่ออะไร ไม่สบายมาจะทำไง
ซันรับรู้ถึงความโกรธในน้ำเสียง “พี่กลัวเราโกรธ พี่อยากอธิบายให้ฟัง พี่เลยมายืนรอ” เขาตอบน้ำเสียงอ่อยอย่างหมดแรง กดหน้ายอมรับผิดค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมามอง ซันเอื้อมมือมาจับมือไนน์ “อย่าโกรธพี่นะครับ พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าต้องไปกินข้าวกับครอบครัววีว่า บอกตรงๆ พี่ลืมไปด้วยซ้ำ”
ไนน์ได้รับสัมผัสจากมือเย็นจัดจากมือที่เหี่ยวย่นน่าจะตากฝนเป็นนาน เขาถอนหายใจ “กลับไปก่อนไหมครับค่อยคุยกันวันหลัง”
“...” มือที่จับอยู่ไม่ยอมปล่อยออก
“เคครับ กลับไปคุยที่คอนโด”
พอได้ยินคำว่ากลับคอนโด สีหน้าที่จ๋องเป็นหมาตกน้ำคิดว่าน้องจะจับยัดใส่รถตัวเอง กลับมาเบิกบาน รีบก้าวจูงคนน้องไปยังที่รถ พร้อมเคาะใช้งานบอดี้การ์ดให้ขับรถตามไปด้วย
“นี่เอาคลุมตัวไว้ก่อนครับ” ร่างโปร่งหยิบเสื้อสูทของเขาให้คนตัวเปียกและหันบอกคนขับรถต่อ “คีนเบาแอร์ด้วย ออกรถได้แล้ว”
“ไหนว่าแค่ไปคุยอย่างเดียว แล้วมีพามาด้วย” เสียงบ่นอุบอิบเบาๆ จากเบาะหน้า
“กูได้ยินนะ” กดเสียงต่ำไปดุไอ้ลูกน้องตัวแสบที่บังอาจแซวเขา
“อุ๊บ!! ซอรี่” เสียงร้องแกล้งตกใจจากคนขับรถพร้อมกับมือปิดปาก
ซันสอดนิ้วมือประสานจับมือไนน์หาความอบอุ่นให้แก่ใจเขาเอง เอาหัวพิงที่เบาะหน้าเอียงหน้ามามองหน้าร่างโปร่ง ไนน์หันไปซบตา ขยับปากถามว่า “มองอะไร?”
ซันยังจ้องตนน้องและยกยิ้มให้ ก่อนจะขยับปากไม่มีเสียง “ขอบคุณครับ รักไนน์นะ”
“...” ไนน์เม้มปากไม่ให้ยกยิ้ม เพียงแค่กระชับมือให้แน่นขึ้น ก่อนจะเสมองไปยังด้านข้างแก้เขิน
Tbc…