13 ตอน Chapter 12
โดย T.mines
Chapter12
Number nine My Sun
หมายเลขเก้าของดวงตะวัน
#IXMYSUN
ทันทีที่รู้ข่าวของปู่ เขารีบมายังโรงพยาบาลทันทีเขาพอจะรู้ว่าตอนนี้คนในครอบครัวมาอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบทั้งหมด ขาดไปไม่กี่คนที่ยังติดภาระหน้าที่การงานรู้ได้ไหงนะเหรอดูจากจำนวนบอดี้การ์ดในสูทสีดำที่กระจายอยู่แทบทุกประตูของโรงพยาบาล คอยกันนักข่าวไม่ให้ขึ้นไปทำข่าว ยิ่งมากแสดงว่าคนในบ้านมากันเยอะ เพราะในส่วนของไนน์เองก็เพิ่มคนคุ้มกันมากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่ยังเป็นแค่ไอ้ไนน์มีแค่คีนคนเดียวตามประกอบ แต่พอขึ้นมาอยู่ตำแหน่งและมีหน้าที่การในบริษัท ก็ตามมาประกอบเพิ่มมาอีกสี่คน ยังไม่คนในทีมที่คอยสลับกันมาทำหน้าที่ บางทีในทีมอาจจะมีถึงยี่สิบคนด้วยซ้ำ แต่คนที่ดูแลเรื่องนี้จะเป็นคุณอลงกรณ์หรือตามที่หลายๆ รวมทั้งบอดี้การ์ดเรียกกันว่าครูกรณ์ คนที่มีหน้าที่สอนศิลปะป้องกันตัวในทุกคนในบ้านและควบคุมการทำงาน จัดทีมดูแลของบอดี้การ์ดทั้งหมด
ประตูลิฟต์เปิดออก ชายชุดดำผายมือเชิญเขาไปทางด้านใน ตอนนี้ทั้งชั้นมีแค่ปู่พักอยู่เพียงห้องเดียว บางทีเขาประเมินว่าน่าจะซื้อห้องพักที่โรงพยาบาลไว้สักชั้นก็ดีเหมือนกัน ส่วนตัวมากแต่ลืมไปตัวไนน์เองเกลียดโรงพยาบาลที่สุด แค่ได้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่เรามักจะเรียกว่ากลิ่นโรงพยาบาล บางครั้งเขาได้กลิ่นที่ติดตัวจากแฟนหมอของเพื่อนสาวอย่างจัสมิน เขาจไม่เฉียดใกล้แม้แต่นิด แต่พอคนที่เราห่วงใยอยู่ในความเป็นความตาย เราก็พร้อมจะวิ่งไปอยู่ในบรรยากาศที่เราเกลียดหรือกลัวได้เสมอ ตราบที่เราจะได้รู้ว่าคนนั้นปลอดภัยหรือเปล่า
เขาเคาะประตูก่อนที่ก้าวเข้าไปในห้อง “ปู่เป็นไงมั่งครับ” เขาเอ่ยถามคนที่อยู่ภายในห้อง
เป็นลุงมังกรบุตรชายคนโตของปู่ตอบมา “ฟื้นมาแล้วก็หลับต่อ หมอบอกว่ามันเป็นอาการปกติของคนที่ฟื้นมาใหม่และจะหลับต่ออีกสักพัก”
“ครับ” เขาพยักหน้าในคนลุง เขาเดินอ้อมไปอีกทาง นั่งลงเก้าอี้อีกตัว ประคองมือที่มีร่องรอยเหี่ยวย่น มือที่ผ่านโลกมาเจ็ดสิบกว่าปี “ปู่ครับไนน์มาแล้ว ไนน์เข้าไปทำงานวันนี้วันแรกนะครับ ไนน์เก่งไหมครับ ไนน์ทำอย่างที่ปู่สอนทุกอย่างเลยนะครับ ปู่พักผ่อนและตื่นมาสอนงานต่อนะครับ ไนน์รอปู่ข้างๆ นี่นะครับ”
พี่ๆ ของไนน์ที่นั่งแยกอยู่ในห้องรับแขกที่อีกส่วนหนึ่งของห้อง วันนี้มากันเกือบครบขาดเพียงนานะที่ต้องบินไปฮ่องกง ทูที่บินไปอิตาลี ทาซอทบินไปเมกา พวกที่เหลือพอรู้ว่าน้องไปลาออกจากงานและเข้าไปประชุมพนักงาน แถมยังวิ่งรอบเข้ามาที่นี่ทันทีที่รู้ข่าวก็อดห่วงไม่ได้ พากันโทรไปสั่งของกินที่น้องชอบมาเต็มห้อง
“คนเก่งมาทานซาลาเปาไหมครับ กำลังร้อนๆ เลย” หนึ่งโพล่งหน้ามาบอกน้องรักเบาๆ
“ไนน์ครับ พิซซ่าก็มีนะครับ เฮียสั่งมาให้เรา” ทรัวเดินตามมาสบทบอีกคน
“คนดีขา ทับทิมกรอบ กินหวานๆ หน่อยไหมคะจะได้สดชื่น” โฟร์ตามมาอีกคน
เขายิ้มและหัวเราะให้แก่พวกพี่ๆ ที่พยายามขนของกินมาประเคนแก่เขา และตอนนี้เริ่มดึงที่เขาชอบและเล่นสั่งแบบไม่ซ้ำกันเลย สงสัยคงจะนัดกันว่าใครจะสั่งอะไร และถ้าเขาเลือกกินของใครก่อน วันนี้คือคนนั้นได้รับชัยชนะไป และยังมีเสียงตามมาอีก
“วังจาครับ เค้กชาเขียวครับ จากร้านประจำของเรา” ยอซอทถือมาล่อหน้าเขา
“เบบี้ ส่วนของเค้านะใจล้วนๆ” ฮาจิยกนิ้วขึ้นมาทำมินิฮาร์ทให้แก่คนน้อง อย่าถามว่าคนอื่นทำหน้ายังไง เบะปาก กลอกตามองบน “อ่ะล้อเล่น ของเฮียมีไอศกรีมชาเขียวครับ กินครับเดี๋ยวมันจะละลายหมดก่อน”
น้องคนเล็กส่ายหัวในความเล่นเยอะของคนพี่ รอยยิ้มที่ตามเสียงหัวเราะ “ไปกินด้วยกันครับ ไนน์กินคนเดียวไม่หมดหรอกครับ” คนพี่อื่นยกโป้งที่บอกว่าเยี่ยมให้ฮาจิที่มันทำให้น้องยิ้ม
“มาลูกมากิน ป้าไปดูปู่เราให้ ถ้าปู่ตื่นระหว่างที่เรากิน ป้าจะเรียกนะ วีหนูไม่ต้องตามม๊าค่ะ ไปกินด้วยกันนั่นแหละ” สะใภ้คนโตของตระกูลสั่งลูกสะใภ้คนโตที่ทำท่าเหมือนจะตามไปด้วยอีกคน
พวกเขาทั้งหมดอยู่ดูอาการของปู่ไม่นานก็ต่างแยกย้ายกลับไปทำงานกันต่อ ตอนนี้เหลือเพียงแค่เขาคนเดียวที่อาสาเฝ้าตลอดจนกว่าปู่จะไปรักษาตัวอยู่บ้านหรือกลับมาเป็นปกติ ระหว่างวันปู่ของเขาตื่นมาเป็นพักๆ แต่เขาแค่เขาไปดูแต่ยังไม่ได้พูดคุยกันมากมาย
RRRR SUN
“ครับ ไนน์พูด” เขารับสายอย่างเร็วโดยที่ไม่ได้มองว่าใครโทรมา เพราะกลัวว่าเสียงจะดังไปรบกวนคนป่วยที่นอนอยู่
(พี่ซันเองครับ พี่กำลังจะไปหาเราที่โรงพยาบาล อยากกินอะไร เอาอะไรไหมครับ)
“พี่ซันไม่ต้องมาก็ได้นะครับ ไนน์ว่าพี่ซันกลับไปพักผ่อนดีกว่า”
(ไม่ครับ พี่รู้ว่าเราไม่ชอบโรงพยาบาล พี่ไปอยู่ด้วยดีกว่า อย่างน้อยก็ได้อยู่กับสิ่งที่ชอบอย่างพี่ไง)
“...”
(พอได้ไหมครับ มุกนี้พอจะทำให้เรายิ้มมาบ้างไหม)
“อืม”
(งั้นสรุปให้พี่แวะไปหานะครับ แล้วค่อยสั่งอะไรมากินด้วยกันหรือว่า จะกินกันดี) คนพูดเลือกจะเน้นประโยคท้ายและเน้นแต่ละคำอย่างชัดเจน
“...” เขาถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะต่อ “ผมจะให้คีนไปรอรับนะครับ ตอนนี้นักข่าวเยอะมาก บอดี้การ์ดอื่นน่าจะไม่รู้จักพี่ซัน เดี๋ยวจะไม่ให้ขึ้นมาพอดี แล้วเจอกันครับ”
(แล้วเจอกันครับ...ที่รัก)
หลังจากวางสายเขาตั้งกลับมาตั้งสมาธิในการทำงานใหม่ คนพี่เล่นหยอดเขาทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่เคยเจอคนหยอดจีบ ส่วนจะเจอแต่คนอ่อยมากกว่า
จุ๊บ “คิดถึงจังเลย”
“เฮ้ย!!!” คนที่กำลังจดจ่อกับงานโดนจุ๊บที่สะดุ้ง รีบเอามือมาถูแก้ม “มานานแล้วเหรอครับ แล้วคีนล่ะ”
“มัวแต่ทำงาน เปิดประตูมายังไม่รู้ตัวเลย พักบ้างนะ คีนอยู่ข้างนอก” มือหนาลูบมาที่หัวคนน้องที่ทำหน้าเหนื่อยล้า “หิวหรือยังครับ นี่ก็เย็นมากแล้ว”
“ไม่เท่าไหร่ ช่วงบ่ายกินขนมไปเยอะแล้ว ถ้าพี่ซันหิวสั่งมากินเลยครับ”
“รอเราหิวก่อนค่อยสั่งมากิน แล้วนี่ทำอะไรอยู่ครับ พี่มากวนหรือเปล่า” มือมาเขี่ยปอยผมคนน้องเล่น
“ไม่ครับ งานนี่ไม่รีบแต่เอามาจัดการก่อนช่วงว่างๆ ครับ” ร่างโปร่งลงปากกาเซ็นชื่อก่อนจะปิดแฟ้มเอกสารวางลงบนโต๊ะ
“อาการเจ้าสัวเป็นไงมั่งครับ” คนพี่หันมองผู้ป่วยที่นอนอยู่
“มีตื่นขึ้นมาเป็นพักๆ แหละครับ คงน่าจะฤทธิ์ยาด้วย” เขาเงียบไปเล็กน้อย “หมอบอกว่าคนไข้ฟื้นตัวดี อีกไม่นานคงจะลุกมาพูดคุยได้ครับ”
“ดีแล้วครับ ตอนนี้สบายใจขึ้นยังครับ”
ไนน์ยิ้มรับและพยักหน้าตอบ “ครับ”
“ถ้าเจ้าสัวตื่นขึ้นแบบเต็มร้อยแล้ว พี่จะได้ขออนุญาตคบกับหลานชายท่านสักที หรือว่าให้แม่พี่มาสู่ขอไว้เลยดีไหม ส่วนฤกษ์ก็เอาที่เราสะดวกสุด แต่จะให้ดีเอาเร็วสุดไปเลย” คนพูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความมโนของตัวเอง
“อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย เอาชีวิตรอดจากแปดคนนั้นให้ได้ก่อนเถอะ” คนน้องมองอย่างหมั่นไส้ ถ้าไม่เขาแค่แหย่ขาไปขว้างไว้ พวกนั้นทั้งแปดเล่นคนนี้ยับแน่
“ถ้าเจ้าสัวให้ผ่าน คนอื่นก็ไม่กล้าอยู่แล้วไหมล่ะ” สีหน้ามั่นใจมาก
“งั้นตามสบายนะครับ ได้ผลยังไงบอกด้วยละกัน” เขาบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย และแน่นอนว่ายากมาก แต่ถ้าเข้าทางนมแย้มนะ
หลังกินข้าวเย็นช่วงตอนสองทุ่ม ไนน์และซันต่างพากันผลัดอาบน้ำและรอนั่งรอพยาบาลมาตรวจวัดคนไข้อีกช่วงสี่ทุ่ม เขาอยู่พูดคุยกับพยาบาลและคุณหมอที่เข้ามาดูอาการของวันนี้รอบสุดท้าย ไนน์เลือกที่นอนบนโซฟาในห้องข้างเตียงของปู่เขา และมีซันนั่งเฝ้าร่วมด้วยอีกคน ทั้งที่คนน้องออกปากไล่ให้กลับตั้งแต่กินข้าวเสร็จ
ด้วยความเหนื่อยล้ากับการที่ต้องขับรถไปไปกลับกลับจากคอนโดไปที่ทำงานและมายังโรงพยาบาล พวกเขาถึงกับหลับกันอย่าง่ายดาย คนที่นั่งดูคนน้องจนหลับคาโซฟาตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความไม่สบายตัวเพราะท่านั่งหลับของเขา ใช้เวลาปรับสายตาและนวดต้นคอที่ปวด พบว่ามีคนหนึ่งจ้องมองมายังเขา คนหนึ่งที่ตื่นอยู่และไม่ใช่สายตาที่มาจากคนรักของเขา เขาเอื้อมมือจะไปปลุกคนน้องให้ตื่นมา
“ไม่ต้องปลุก ให้ไนน์นอนไปเถอะ ช่วงนี้น่าจะมีเรื่องมากมายให้คิดปล่อยให้นอนไปนานๆ” เป็นเสียงจากชายสูงวัยที่ดังจากเตียง แม้น้ำเสียงที่แหบแห้งไม่ก็ไม่ได้ดูไร้อำนาจสะทีเดียว
“คะ ครับ” คนที่งัวเงียเมื่อกี้ ตากลับสว่างโร่ ราวกับตื่นกาแฟเอสเฟโซ่ดับเบิ้ลช็อตต่อด้วยอเมริกาโน่อีกแล้ว
“ขยับมานั่งใกล้ จะได้ไม่รบกวนคนนอน” ชายหนุ่มร่างสูงขยับเข้ามาเก้าอี้ที่อยู่ติดเตียง
“สวัสดีครับ” เขาไม่รู้จะเริ่มต้นคุยด้วยอะไร ไอ้ที่คิดไว้ก่อนหน้านี้หายจากหัวไปหมดเลย มาแบบไม่มีจังหวะเลยนะครับ
“อืม เราคงเป็นซันใช่ไหม พอดีเห็นแต่ในรูปไม่เคยเจอตัวจริงสักที ก่อนอื่นขอถามก่อนตอนที่ไนน์รู้เรื่องนี้โกรธมากไหม” คนฟังพอจะเข้าใจว่าปู่ของไนน์ถามถึงเรื่องอะไร
“ผมว่าน้องไม่โกรธหรอกครับ แต่ออกไปทางน้อยใจมากกว่า โทษตัวเองด้วยซ้ำ”
เจ้าสัวพยักหน้าเข้าใจที่อีกคนพูด “ต้องโทษที่ฉันห่วงเขาเกินไปนั่นแหละ อยากให้เขาได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการ ไม่อยากโดนลากเข้ามาแบบพวกพี่เขา ยิ่งถ้ารู้ว่าคนแก่คนนี้ป่วยอยู่ด้วยไม่ทางยอมทำแบบนั้นแน่นอน” คนเป็นปู่มองหลานชายที่หลับอยู่ด้วยความเป็นห่วง
“...”
“รอเจ้าไนน์ตื่นค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน”
“เอ่อ เจ้าสัวรู้เรื่องที่ผมคบกับไนน์แล้วเหรอครับ” ซันถามออกไปแบบกล้าๆ กลัวๆ ถ้าพูดถึงเจ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจระดับพันล้านถ้ารวมทั้งหมดที่มีโดยรวมกับธุรกิจที่แตกสาขาให้ลูกแต่ละคนไปคนเป็นล้านล้านแล้ว ชายสูงวัยเป็นคนที่ความสามารถมาก น้ำนิ่งที่ไหลลึก ไม่มีใครรู้ว่าภายในสมองคิดอะไรบ้าง แม้แต่เลขาที่ทำงานร่วมบางครั้งยังเดาใจไม่ถูกเลย
“อ๋อเหรอตั้งแต่ที่เกาะแล้วมั่ง ฉันคงไม่ปล่อยให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาเข้าใกล้คนสำคัญของฉันได้หรอก” น้ำเสียงที่ติดตลกแต่คนที่คุยด้วยรู้สึกว่ามันตลกแม้แต่นิด มันแฝงด้วยความข่มขู่เบาๆ ยิ่งเน้นด้วยคำว่าคนสำคัญด้วย
“...”
“เราโชคดีที่หาไนน์เจอ จะว่าโชคดีก็ไม่ใช่ทั้งหมดเพียงแค่ไนน์อยู่ใกล้เกินไปมากกว่า แต่ถ้าฉันคิดจะขว้างยังไงเราก็หาไม่เจอหรอกจริงไหม” ซันเดาว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องถูกการจับตามองไม่ว่าจะชายชราตรงหน้า ยังไม่รวมพี่ๆ ของคนน้องอีก
“ถ้าผมจะขออนุญาตคบไนน์ครับ” ซันคิดว่ามาถึงจุดนี้แล้ว ยังไงต้องไปต่อ
“อืม แต่เรื่องนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉัน ใครดีกับไนน์ ฉันก็ดีด้วยแค่นั้น แค่จำไว้ว่าถ้าทำให้ไนน์เสียใจขึ้นมา แม้แต่อากาศที่จะได้หายใจร่วมกันก็ไม่มีสิทธิ แต่เรื่องนี้อาจจะไม่ต้องถึงมือฉันแน่นอน ยังมีอีกหลายๆ คนพร้อมทำเสมอ”
ซันรู้สึกว่าอากาศในห้องมันเย็นยะเยือก แค่คำพูดที่น้ำเสียงเรียบเบาและนิ่ง ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าการที่ฝ่าด่านให้ได้น้องมาครอบครองยากเหมือนกัน แต่เรื่องนี้เขาพอจะรับรู้ได้บ้างตั้งแต่รู้ตัวตนที่ท้าจริงของคนรัก แต่พอเจอกับตัวแบบนี้ รู้สึกเสียวๆ สันหลังเหมือนกัน
“ครับผมจะไม่มีวันทำไนน์เสียใจ” เขารับรู้ว่าไม่มีวันที่จะสิ่งนั้นแน่นอน เพราะเขามั่นใจว่าตอนนี้เขารักคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องที่เขากำลังโดนขู่ทางอ้อม
“ไม่มีใครรู้เรื่องข้างหน้าได้ แค่จำสิ่งที่พูดไว้และจำสิ่งที่พูดไว้ด้วยละกัน”
“ครับ” เสียงตอบรับหนักแน่น
คนตื่นทั้งสองคนกำลังจะคุยกันต่อแต่ต้องถูกขัดจังหวะจากเสียงเคาะประตูของพยาบาลที่เข้ามาวัดไข้และความดันตามหน้าที่ช่วงรอบดึก และตามด้วยเสียงคนตื่นเพิ่มอีกคน
“ขออนุญาตค่ะ มาวัดไข้” เสียงบอกกล่าวของพยาบาลที่เปิดประตูเข้ามา “คนไข้ตื่นแล้วเหรอคะ”
คนที่ลุกขึ้นมานั่งขยี้ตาด้วยอาการงัวเงียที่โดนปลุกกลางดึก หันไปมองที่เตียงกลางห้อง “ปู่ครับ...” เสียงสดใสของหลานรักร้องเรียก พร้อมกับอาการรีบลุกตะเกียกตะกายจากโซฟาไปยังเตียง ซันลุกเลี่ยงไปด้านข้างให้ไนน์เข้ามาแทน
“ว่าไงลูก” น้ำเสียงอบอุ่น
“ปู่เป็นไงมั่ง หิวน้ำไหม ปวดหัวอยู่ไหมครับ มึนหัวล่ะ อยากอ้วกไหม” คนเป็นหลานรีบถามด้วยความเป็นห่วง
“ไนน์ใจเย็นลูก” คนเป็นปู่เห็นอาการตื่นตระหนกของหลานรีบทัก หมายจะยกมือจะขึ้นมาลูบหัวให้ใจเย็น คนเป็นหลานกลัวปู่จะยกแขนสูงรีบก้มหัวมาให้ลูบอย่างรวดเร็ว “ให้คุณพยาบาลมาทำหน้าที่ก่อน ยืนรอนานแล้ว” เจ้าสัวพยักหน้าให้พยาบาลที่ยื่นอยู่ห่างๆ
“ขออนุญาตค่ะ วัดความดันค่ะ” พยาบาลจัดแจงใส่เครื่องวัดความดันเข้าที่แขน พร้อมสอบถามอาการคร่าวๆ ด้วย “เจ้าสัวตื่นนานยังค่ะ มีอาการอย่างเช่นเวียนศีรษะไหมคะ หายใจเหนื่อยหอบไหมคะ”
“ตื่นได้สักพักแล้วและยังมีอาการมึนๆ หัวอยู่บ้าง”
“ค่ะ ตอนนี้ความดันปกตินะคะ ไม่มีไข้ อัตราออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะแจ้งคุณหมอประจักษ์ว่าเจ้าสัวตื่นมา คงอีกสักพักกว่าคุณหมอจะมาตรวจค่ะ ถ้ามีอะไรกดเรียกได้ทันทีเลยนะคะ ดิฉันขอตัวค่ะ”
เมื่อคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปแล้ว ทั้งสามก็มองหน้ากันและกัน แต่คนที่เป็นที่รักของบุคคลทั้งสองหรี่ตามองปู่และคนพี่ ไนน์จำได้ว่าตอนตื่นเห็นว่าทั้งสองน่าจะนั่งคุยกันอย่างแน่นอน
“ไนน์ปู่มีเรื่องจะคุยกับเราหน่อย” เป็นอันทราบโดยนัยว่า ปู่และหลานอยากคุยกันเพียงแค่สองคน คนนอกอยากซันจึงเอ่ยปาก
“งั้นผมขอตัวนะครับ”
เสียงปิดประตูเงียบลง ไนน์หันมาจ้องปู่พร้อมกับรอยยิ้มดีใจอย่างมาก “มีอะไรจะคุยกับไนน์เหรอครับ”
“ไนน์โกรธปู่ไหมลูกที่ไม่บอกอาการป่วย”
ไนน์ถอนหายใจ เขารู้อยู่แล้วว่าทันทีที่ปู่ฟื้นมาและเจอหน้าเขาต้องถามคำถามนี้ “ถ้าถามว่าโกรธไหม ตอนแรกโกรธครับ แต่โกรธตัวเองมากกว่าที่ไม่เคยสังเกตอะไรเลย และน่าจะดื้อตามปู่มาทุกครั้งที่ปู่เข้ามาตรวจสุขภาพ ต่อมาน้อยใจปู่ครับ ปู่ไม่อยากให้ไนน์ดูแลเหรอ ตอนที่ปู่นอนอยู่บนเตียงไม่ตื่นมาสักทีไนน์ยิ่งกลัวกลัวมากเลยครับ กลัวว่าปู่จะไม่ตื่น” ตาแดงก่ำจากการกลั้นไม่ให้ร้องไห้ออกมา
“ไนน์ไม่อยากรู้เหตุผลเหรอว่าทำไมปู่ไม่อยากบอกเรา”
“ไม่ครับ ปู่มีเหตุผลของปู่ ตอนนี้มันไม่สำคัญเท่าสุขภาพของปู่ และไนน์จะดูแลปู่เอง แค่ปู่อยู่กับไนน์ไปนานๆ แค่นั้นพอครับ”
“ไนน์รู้ใช่ไหมว่าปู่ไม่สามารถอยู่ค้ำฟ้าได้ สักวันปู่ต้องไป” มือที่เต็มด้วยริ้วรอยลูบหัวหลานรักด้วยอาการสั่นเบาๆ ที่เห็นน้ำตาไหลลงมาที่แก้มขาวๆ ของคนตรงหน้า
“ปู่...” ชายหนุ่มเขาร้องเรียกปู่ ก่อนจะกัดปากแน่นไม่ได้ร้องมากกว่านี้ ทั้งที่เขาพยายามกลั้นแล้ว แต่มันสุดทนหากวันนั้นมาถึงเขาจะรับมันได้หรือเปล่า
“เจ้าหนูไนน์ของปู่ ไม่ร้องนะครับ”
“ปู่...ไนน์โตแล้วนะ ไม่เอาชื่อนี้” พอโดนเรียกแบบนี้ ชายหนุ่มรีบเช็ดน้ำตาทันที
“ปรับเตียงให้ปู่หน่อย จะได้กอดปลอบเจ้าหนูไนน์สักหน่อย” หลานรักทำหน้ามุ้ยใส่แต่ก็ยอมปรับเตียงให้ “พอแล้ว มากอดได้แล้ว”
“อือ...” ถึงจะโดนล้อแต่เขาก็เข้าไปกอดอยู่ดี อ้อมกอดที่อบอุ่นไม่ว่าจะกอดกี่ครั้ง เขารับรู้ได้เสมอ
“เจ้าหนูไนน์ของปู่” ชายชรายังคงเรียกหลานรักแบบนี้ตลอด และยังคงจะเรียกต่อไปถ้าเขายังมีลมหายใจที่จะอยู่เรียก
เขาเลี้ยงเด็กคนนี้จนกลายเป็นลูกน้อยอีกคนตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กและพ่อเจ้าเด็กคนนี้เลือกจะทิ้งไว้ให้เขาดูแล ถึงพวกลุงๆ ป้าจะมาช่วยเลี้ยงตอนนี้เขาต้องไปติดต่องานที่ต่างประเทศบ้าง แม้งานจุกจิกในการดูแลเด็กเล็กจะเป็นหน้าที่ของแม่นม แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้หลานต้องอยู่กับใครมากกว่าเขา เขาคอยเฝ้าดูการเติบโต จนถึงวันนี้ เด็กน้อยในวันนั้นเติบโตมาก แต่ในบางครั้งยังยอมเป็นเด็กมาอ้อนให้เอาเอ็นดู
“ตอนนี้ดึกมากแล้ว ปู่เพิ่งหายป่วยพักผ่อนเยอะดีกว่า ไนน์จะนั่งเฝ้าปู่จนกว่าปู่จะหลับนะครับ” เขาคลายกอดลงยกมือขึ้นปาดน้ำตา ไปปรับเตียงให้ลงไปนอน “ขนาดนี้พอไหมครับปู่” ชายชราพยักหน้าและยกมือบอกพอ “ที่เหลือค่อยคุยกันตอนเช้านะครับ” เขายกผ้าห่มให้แก่คนที่นอนอยู่
หลังผ่านไปหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เจ้าสัวชัชต้องเข้าโรงพยาบาลก็ถึงเวลาต้องกลับไปรักษาตัวอยู่ที่บ้านต่อ ส่วนไนน์ก็วิ่งรอบไประหว่างสองทีคือทำงานและกลับมาเฝ้าปู่ต่อทุกๆ วัน แต่สิ่งที่ต้องหายไปคือซัน เพราะเขาเพิ่งเข้ามาบริหารงานต้องเรียนรู้งานจากเลขาของปู่อย่างเยอะ เขาแทบจะไม่ได้เจอหน้าพูดคุยโทรศัพท์แค่รายงานว่าทำอะไรบ้าง กินข้าวยัง ส่วนใหญ่จะเป็นคนพี่โทรหามากกว่า ส่วนข้อความทิ้งไว้คนน้องแทบจะไม่ได้อ่านเลย
พอรู้ข่าวว่าประมุขของตระกูลใหญ่จะกลับบ้านวันนี้ ในฐานะว่าที่หลานเขยคนเล็กรับมารับคุณแฟนพาไปยังโรงพยาบาล ของแค่ได้เจอสักนิดก็ยังดี เพราะด้วยที่คนผู้ที่นำทางด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นของเมืองไทย และผู้ลงทุนร่วมหุ้นในอีกหลายๆ ประเทศจะออกจากโรงพยาบาลย่อมมีสื่อต่างๆ ให้ความสนใจ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการจับตามองทายาทคนลำดับสุดท้ายที่เพิ่งจะมีข่าวเล็ดลอดออกมาเข้าไปนั่งแท่นบริหารงานระหว่างเจ้าสัวชัชเข้ารับการรักษา ซันคิดว่าถ้าจะมีรูปน้องหลุดออกไป อย่างน้อยต้องมีเขาติดไปด้วย
“ไนน์ครับ พี่รออยู่ที่ลานจอดรถนะครับ” เสียงบอกคนน้องทางโทรศัพท์
(ครับ กำลังลงไปครับ)
รอไม่ถึงสิบนาทีคนน้องมายังลานจอดรถประจำ แถมยังพ่วงด้วยบอดี้การ์ดที่ขนาบข้างอีกสองคน หนึ่งในนั้นคือคีนที่เขาคุ้นหน้า แต่อีกคนที่มีอายุมากว่าทั้งเขาและไนน์เขาไม่รู้จัก
“นี่คุณซัน คนสนิทคุณไนน์ครับพี่บาย ต่อไปพี่บายจะมาคอยดูแลคุณไนน์คู่กับผม” คีนแนะนำซันที่ยืนรออยู่ เขาเลือกจะแนะนำแค่ว่าคนสนิท ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ยังไม่ออกจากปากคนเป็นนาย เขาจึงบอกแค่กลางๆ ไว้ก่อน
“สวัสดีครับ” ซันเอื้อมมือไปจับมือกับบอดี้การ์ดคนใหม่ บายมีรูปร่างไม่สูงใหญ่เท่าคีน ความสูงไล่เลี่ยกับเขาแต่ตัวเบาคล้าย
“ไปกันเถอะพี่ซัน สายมากแล้ว”
“ไปรถพี่นะ ให้คนอื่นขับรถตามไปแล้วกัน” ซันอาสาจะขับรถไปส่งที่โรงพยาบาล ร่างสูงอยากใช้เวลากับคนน้องแม้แต่เพียงจะน้อยนิดก็ตาม
“ผมขับรถให้ดีกว่าครับ” คีนอาสาที่จะขับรถให้ แต่ด้วยได้รับคำสั่งทางลับจากเจ้าสัว ว่าต้องประกบติดตลอดห้ามปล่อยไปกับซันแค่สองคน เจ้าของรถหันไปมองคนน้อง และได้รับคำตอบด้วยการพยักหน้าตกลง
“เอาตามนั้นก็ได้” ซันลงกุญแจรถให้แก่บอดี้การ์ดคนสนิทของน้อง
“บอกที่เหลือขับตามไป ไปกันเถอะเสียเวลามากแล้ว” เจ้านายและแขกของเจ้านายเดินประตูทางด้านหลังรถ โดยมีบายบอดี้การ์ดคนใหม่เป็นประตูให้เจ้านายเขา ส่วนซันเปิดและก้าวขึ้นไปนั่งข้าง ส่วนด้านหน้ามีคีนเป็นคนขับ ส่วนบายก็มานั่งข้างคนขับ
“...” ซันขมวดคิ้วที่ไม่ได้ดังใจ ตอนแรกเขาหวังว่าจะได้อยู่กับไนน์ตามลำพัง แต่กลับกลายเป็นแบบนี้ได้ไง
“หึ” เสียงหัวเราะจากคนขับรถที่มองกระจกหลังเห็นบางคนขมวดคิ้ว หันไปมองบอดี้การ์ดด้วยกัน ก่อนที่บายจะแตะเข้าที่หูและสั่งให้คนที่เหลือขับรถตามมา
รถเลี้ยวเข้ามาในเขตโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยนักข่าวที่โดนกักไว้ในพื้นที่เฉพาะ เพื่อให้สะดวกแก่การทำงานของเจ้าหน้าที่และไม่ไปเกะกะสร้างความวุ่นวายแก่ผู้ป่วยทางอื่นด้วย
“พี่ซันจะขึ้นไปกับไนน์ไหมครับ” ชายหนุ่มถามเสมือนการให้เกียรติร่างสูงในฐานะเขาคือคนรัก เขาไม่ได้เลือกที่ปกปิดเรื่องนี้เพียงแต่ไม่ได้ประกาศออกไป
“พี่แค่ขึ้นไปส่งเราก็พอ ไม่อยากรบกวนเวลาของเรากับคนในครอบครัว” เขาเพียงแค่อยากมาส่งคนรักเพียงเท่านั้น กลัวว่าถ้าหากเข้าไปอยู่ตรงนั้นเขาย่อมคือส่วนเกิน ถึงไนน์จะไม่ปล่อยให้เขาเคว้งแต่ต้องคอยมีคนกันเขาออกมาอย่างแน่นอน และวันนี้ครอบครัวมาพร้อมหน้ากันทุกคน เขายังไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาให้คนทั้งตระกูลรุมทึ้ง
“ขอบคุณนะครับ” คำกล่าวขอบคุณนี้ ทั้งไนน์และซันเข้าใจในความหมาย ร่างโปร่งรับรู้ว่าคนในครอบครัวเขาเป็นเยี่ยงไร
“เย็นนี้พี่ไปหานะครับ”
“วันนี้ไนน์คงนอนบ้านใหญ่กับปู่ครับ” ร่างโปร่งตอบด้วยเสียงอ่อน ช่วงนี้เขาเองก็มัวแต่ทำงานและดูแลปู่ จะใช่คำว่าดูแลซะทีเดียวไม่ได้ แค่มานั่งเฝ้าและพูดคุยด้วยเท่านั้นเอง
ลิฟต์ขึ้นมายังขึ้นมายังชั้นที่พักของปู่ไนน์ “พี่ส่งเราแค่นี้นะครับ พี่ต้องไปทำงานต่อแล้ว ตอนเย็นพี่โทรหานะ”
“ครับ แล้วไนน์นะโทรหานะครับ” ร่างโปร่งก้าวของจากลิฟต์ ตามมาด้วยผู้ติดตามอีกสองคน เขายืนยิ้มส่งซันจนประตูปิดลง
การพาปู่กลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน เขากับปู่ตกลงว่าให้เขากลับมานอนบ้านช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ระยะทางจากบ้านไปยังตึก SIRIKIT-WATCHA TOWN ไกลจากบ้านใหญ่ ถ้ามาพักที่นี่จะต้องตื่นเช้าและกว่าจะกลับมาถึงก็ค่ำมืดมาก ปู่ของเขาไม่อยากให้หลานเหนื่อย แค่ช่วงนี้อยู่โรงพยาบาลก็รู้ว่าหลานรักต้องเรียนรู้งานและมาดูแลคนแก่ที่ป่วยมันเหนื่อยแค่ไหน
ช่วงเย็นวันนี้เป็นการกินข้าวที่พร้อมหน้าพร้อมตากันในจากครั้งล่าสุดคือวันที่ทำบุญบ้านหลังวันเกิดของเขา บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสนุกสนาน บ้านเขาไม่ได้เคร่งเรื่องมารยาท การพูดคุยระหว่างรับประทานอาหารทำให้เจริญอาหาร มีเพียงข้อแม้อย่างเดียวที่ห้ามเอามาคุยตอนกินคือเรื่องธุรกิจ การต่อว่ากันรวมถึงการถกเถียงกัน แต่ปู่ลืมไปอย่างหนึ่งว่า ถ้ารวมกันเมื่อไหร่ การแย่งเอาอกเอาใจน้องเล็กของบ้าน แย่งกันตักนู้นี่ตักให้ไนน์ บ้างแกล้งเขี่ยของคนก่อนทิ้งอีก จนร่างโปร่งต้องชี้หน้ารายตัวว่าเลิกเล่นได้แล้ว เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ของบ้านทั้งหมด อย่างที่ปู่ชอบบ่นพวกพี่ๆ เขา บุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดในบ้านคือเจ้าไนน์ แม้กระทั่งเจ้าสัวชัชที่แน่ยังต้องยอมให้
ไนน์ขึ้นมายังห้องนอนส่วนตัวตอนสามทุ่มครึ่งกว่า กว่าเขาจะขึ้นมาได้ต้องตวาดพวกที่พยายามเกาะขาขอมานอนด้วยกว่าจะสงบสุขหมดพลังงานไปมากโข หลังจากเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวขึ้นนอนเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว ตั้งแต่กลับมาบ้านจนถึงป่านนี้เขายังไม่ได้จับโทรศัพท์เลย พอหยิบขึ้นมาดูก็รู้ว่าคนที่บอกว่าโทรหาเข้าล่าสุดช่วงสามทุ่มและก่อนหน้านั่นอีกและมีข้อความส่งมาว่าถึงกำลังจะกลับคอนโด จะโทรตอนสามทุ่มแต่ว่ามันเลยเวลานานแล้ว เขากดโทรศัพท์หา ดังไม่ถึงสามรอบ
(ว่าไงครับ ว่างแล้วเหรอครับ)
“ครับ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้รับสาย ผมเอาชาร์จแบตไว้บนห้อง”
(ครับ วันนี้เราขอโทษพี่ไปกี่รอบแล้วเนี่ย หื้อ...)
“ก็...”
(วิดีโอคอลได้ไหม พี่อยากเห็นหน้า คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว รอรับนะ)
สายถูกตัดไป ตามด้วยวิดีโอคอลมาทันที ร่างโปร่งตัดสินอยู่สักพักก่อนที่จะรับสาย เขารู้สึกตื่นเต้นมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องวิดีโอคอลคุยกับอีกคน ใจเต้นแรงมาก รีบจัดแต่งทรงผมและกดรับสาย
“เห็นหน้าแล้วพอใจยังครับ” ถามอีกคนแต่กลับเป็นตัวเองที่ดีใจ เขาเพิ่งรู้สึกว่าการที่ได้คุยกับคนรักแบบเห็นหน้ามันรู้สีกดีมากๆ ต้องยอมรับว่าถ้าเปิดไฟสว่างกว่านี้ ต้องเห็นว่าเขาหน้าแดงมากๆ แค่นี้ปวดแก้มจะตายอยู่แล้วเพราะต้องกลั้นยิ้มเอาไว้
[ครับดีใจสิ พี่คิดถึงเรามาก เพิ่งรู้ว่าการเห็นหน้าเราผ่านกล้องจากที่ไกลๆ ยิ่งทำให้พี่คิดถึงเรามากขึ้น] อีกคนเอานิ้วชี้มาไล้ที่หน้าจอตรงแก้มของปลายสาย
“ทำไมอยู่ครับ”
[นั่งอ่านอีเมลไปเรื่อยๆ ว่าสักสี่ทุ่มจะโทรหาเราอีกรอบ ถ้าไม่รับอีกพี่ต้องไปนอนแล้ว]
“ไปนอนไหมครับ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”
[ไม่อาววว พี่ไม่ใช่เด็กอนามัยขนาดต้องเข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่มนะ ยังอยากคุยกับเราอยู่]
“แต่ไนน์ง่วงแล้วนะ” ยอมรับว่าวันนี้เขาเหนื่อยมาก รบราฆ่าฟันกับพี่ และต้องคอยห้ามไม่ให้ดีกันอีก เปลืองพลังงานชะมัด
[ถ้างั้นไนน์หลับไปเลยได้ครับ แต่ไม่ต้องวางสายนะ พี่อยากดูตอนเราหลับ]
“หื่อ!! ไม่เอา พี่ซันก็ไปนอนได้แล้ว”
[งั้นก็ได้ครับ ฝันดีนะครับ]
“ครับฝันดีครับ”
หลังจากวางสายไปแล้ว เขายังคงไม่หลับ นั่งมองโทรศัพท์ต่อ ความจริงเขายังอยากคุยกับอีกคนต่อ แต่ด้วยความเขิน พอเห็นสายตาที่ผ่านดวงตาที่เขาหลงใหลจ้องผ่านหน้าจอมันทำให้ใจเต้นรัวหนักมาก ถ้าคุยนานกว่านี้เขาต้องได้ไปโรงพยาบาลแน่นอน
เสียงเร่งเครื่องดังของบิ๊กไบท์สองคันที่ออกมาจากไซด์ก่อสร้างคอนโดหรูกลางใจเมืองบนพื้นที่เกือบหลายร้อยไร่ ตามมาด้วยรถตู้อีกสองคน ขับได้มากลางทาง คีนเริ่มขับขึ้นมาตีคู่กับเขาเอานิ้วเคาะที่กระจกหมวกกันน็อก
“คุณไนน์ครับมีคนขับรถตามเรามาครับ ตั้งแต่ออกจากไซด์” คีนตะโกนบอกขณะขับควบคู่พร้อมกับแจ้งบายนั่งรถที่ขับตามมา
“เอาไงว่ะ” ไนน์หันหลังกลับไปมอง พบว่ามีบิ๊กไบท์อีกประมาณสักห้าคัน ขับไล่ขึ้นมา “ขับไล่มาแล้วว่ะ ขับหลบเข้าซอยข้างหน้าแล้วกัน”
“คุณไนน์ขับไปเลยครับ ผมจะคอยระวังหลังให้ครับ”
ชายหนุ่มแตะที่เบรกเบาก่อนจะตวัดหักเลี้ยวรถกะทันหันเข้าไปในซอยเล็กๆ ข้างหน้า และคีนขับตามหลังมาติดๆ อาศัยด้วยความที่พวกเขาทั้งสองมีทักษะการขับรถแข่งมาก่อน จังหวะหักหลบหรือเลี้ยวแบบกะทันหันทำได้อย่างดี ส่วนคนที่ตามมา ลดจำนวนลงเหลือแค่สี่คันแล้ว เสียเร่งเครื่องตามมาติดๆ ไนน์รู้ว่าถ้าเขามาในซอยที่มีขนาดเล็กจะไม่สามารถเร่งความเร็วได้อย่างถนนขนาดใหญ่ เขาจำเป็นต้องขับออกไปให้เร็วที่สุด พอออกมาได้แล้ว เร่งเครื่องหนีทันที แต่คนร้ายก็ไม่ยอมน้อยหน้าขับมาเบียดพร้อมกับใช่ไม้เบสบอลฟาดเขาและคีนให้รถล้ม ไนน์ยกมือกันหัวไว้ ไม้จึงฟาดลงที่แขน คนที่จ้องจะเล่นมากับคนที่ไม่เคยระวังตัวอย่างเขา ไหนเลยจะรอดไปง่าย เขาขับเจ้าลูกรักสีดำแดงหนีออกไปทางเลี่ยงเมือง ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ความเร็วอยู่ที่เท่าไหร่ แต่ถ้าหากมีรถมาตัดหน้ามีหวังเขาและคีนไม่คนใดคนหนึ่งต้องไปเฝ้ายมบาลแน่นอน
ระหว่างที่เร่งความเร็วดันมารถพุ่งออกมาจากซอยอย่างเร็ว จนเขาต้องเบรกรถล้มลงและไถลไปกับรถ ส่วนไนน์ดีดตัวลงมาล้มกลิ้งไปกับพื้นคอนกรีตอยู่หลายตลบ คีนก็ไม่พ้นสภาพเดียวกันแต่อาการน่าจะน้อยกว่าไนน์ ด้วยทักษะการต่อสู้ของบอดี้การ์ดอย่างคีนแค่นี้สบายมาก
คีนรีบลุกขึ้นวิ่งตรงไปหาเจ้านายเขาอย่างรวดเร็ว ส่วนกลุ่มคนที่ขับตามมาเบรกรถกันอย่างถ้วนหน้า ก้าวย่างสามขุมเข้ามาเรียงตัวพร้อมด้วยมาเบสบอลที่ถือกันมาอย่างเอาเรื่อง
“คุณไนน์เป็นไรมากไหมครับ” คีนมายืนด้านข้างถามพร้อมกันหันไปดูพวกที่เดินเข้ามา
“พอไหวว่ะ มึงจัดการไหวไหม” ไนน์ลุกขึ้นมายืน ตอนนี้ทั้งสองหันหลังประกัน
“สิบกว่าคนก็ตึงมืออยู่ครับ” ระหว่างพูดคุยกัน ไนน์และคีนถอดเสื้อสูทตัวนอกโยนทิ้ง พักแขนเสื้อเชิ้ตให้ถึงข้อศอกและปลดเนกไทมาพันไว้ที่มือข้างขวาด้วยกันทั้งคู่
“เอาวะ ทางซ้ายของมึง ส่วนทางขวากูแล้วกัน” ยังไม่ทันจะตอบตกลง มีคนก้าวลงมาเพิ่มจากรถที่ขับมาตัดหน้าคันก่อนหน้านั้นอีกห้าคน
“สัด พวกมึงเป็นใครวะ” ไนน์ตะโกนถามออกไป
“พวกกูแค่ได้เงินค่าจ้างมาจัดการมึงเท่านั้น” หนึ่งในชายชุดดำที่ใส่ผ้าปิดปากตอบออกมา
“ใครจ้างพวกมึงมา!!” คราวนี้เป็นคีนตะโกนถามออกไป
“พวกกูไม่รู้ แค่รับเงินมาแล้วทำงานทุกอย่างก็จบ” หนึ่งในนั้นเดินเข้ามา ซึ่งไนน์เดาว่าน่าจะเป็นคนคุมในตอนนี้ “อย่างที่เขาบอกไว้รอให้มึงขับบิ๊กไบค์มาจะเล่นงานง่ายสุด”
จบประโยคจากคนร้าย คีนหันมามองหน้าเจ้านายทันที “กลับไปคงไม่ให้ขับแน่นอน”
ไนน์จิปากใส่ทันที “เออ” มันทำให้เขานึกถึงเรื่องเมื่อเช้าที่ดึงดันจะขับเจ้าลูกรักมาทำงานให้ได้
“คีนวันนี้ขับลูกรักกูไปทำงาน มึงขับไปกับกูส่วนที่เหลือขับรถตามไป” เขาเดินไปหยิบกุญแจที่แขวนอยู่พร้อมกับหมวดกันน็อกสุดรัก เดินออกจากห้อง
“คุณไนน์ ผมว่าอย่างขับเลยครับ การคุ้มกันมันอยากครับ ถ้าจะขับเป็นวันหลังเถอะครับ ผมขอไปวางแผนกับพี่บายก่อน” วิ่งตามมาบอกแต่ก็ไม่ลืมคว้ากุญแจและหมวกกันน็อกตามมาด้วย
“จะอะไรนักหนาว่ะ ไม่มีอะไรหรอกน่า กังวลเกินเหตุไปเอง ทำตัวเป็นอายุสี่สิบไปได้บ่นเก่งชิบหาย”
แต่หนักยิ่งกว่าเมื่อลงมายังที่จอดรถที่มีบายรออยู่ “คุณไนน์เอาหมวกกันน็อกมาทำไมครับ ถ้าจะขับเจ้าคันนี้ไปผมไม่อนุญาตครับ”
“อีกคนแหละ วันนี้จะขับไปใครก็ห้ามไม่ได้” เขาก้าวขาขึ้นคร่อมลูกรักคันโปรดคันรักล่าสุด CBR 1000RR-R FIREBLADE SP
“พี่บายครับ ผมขับประกบคู่กับคุณไนน์เองครับ ที่เหลือขับตามหลังแล้วกันครับ” คีนเดินไปกระซิบกับบาย
“เออ เอาอย่างที่มึงว่าแล้วกัน กูต้องทำเรื่องซื้อบิ๊กไบค์เพิ่มล่ะคราวนี้ ถ้าคุณไนน์ยังยืนยังจะยังขับต่อไปอีก” คีนเดินไปควบนินจาสีเขียวดำที่จอดอยู่ข้างคันของเจ้านาย ส่วนบายกวักมือเรียกลูกน้องอีกสองคนมาและสั่งงาน
กลับมาสถานการณ์ปัจจุบัน
คนร้ายทั้งหมดก้าวเข้ามาล้อมเขาทั้งสองไว้ รวมทั้งพวกรอบแรกกับที่มาเพิ่มพวกเขากะได้ว่าน่าจะเกือบยี่สิบคน สายตากวาดแต่ละคน คีนหันมากระซิบว่ายังไม่มีใครเอาปืนออกมา แต่ไม่รู้ว่ามีซ่อนไว้หรือเปล่า
“วันนี้หยิบมาหรือเปล่าครับ” คีนกระซิบถาม
“เอามา แต่ลองดูพวกมันก่อน ยังไม่อยากมีคนตาย ลากได้ตัวคนนั้นไปด้วยนะถ้าเอาไปได้” ไนน์มองไปยังชายชุดดำที่อยู่ทางด้านหลังที่คอยสั่งการ
“ครับ”
“จัดการพวกมัน”
สิ้นเสียงสั่งการ คีนและไนน์กระโจนถีบเข้าไปคนที่เข้ามาใกล้ที่สุด แขนทั้งสองยกมือกันหัวไว้ ไม้เบสบอลฟาดเข้าที่แขนและหลัง ความเจ็บแปลบ หมัดหนักเหวี่ยงใส่หน้าคนที่ใกล้สุด ไม้ฟากเข้ามาใส่หน้า เขาเอี้ยวตัวหลบทางซ้าย สวนกลับทันที หมัดจากชายชุดดำกระแทกเข้าเต็มแก้มขวาเต็มแรงเลือดไหลลงมาที่มุมปาก จังหวะสะบัดหน้าตามแรงหมัดไม้ฟาดตามมาที่หลัง ไนน์ลงไปคุกเข่ากองที่พื้น ไม้ที่กำลังจะฟาดซ้ำเข้าอีกที แต่คนนั้นกลับตัวปลิวออกไปด้วยแรงถีบเข้าข้างตัวจากบอดี้การ์ดของเขา คีนเข้ามายืนกันพวกคนร้าย ยกไม้เบสบอลที่แย่งมาตอนต่อสู้กันใส่หน้าคนที่กำลังจะเข้ามา
ปัง! ปัง! เสียงปืนที่ยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงตะโกน หยุดนะนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!!
คีนก้มตัวกดหัวเจ้านายไว้ในอ้อมอกทันทีที่ได้ยินเสียงปืน ตามด้วยปืนที่หยิบออกมาตอนไหนของคีนยกส่ายไปมากับสายตาสอดส่องมองไปรอบๆ ส่วนไนน์คว้าปืนกระบอกเล็กที่เหน็บไว้ที่ข้อเท้ามาถือเล็งออกไป พวกคนร้ายหันไปมองยังผู้มาใหม่และพอเห็นอีกถือปืนเล็งมากลุ่มพวกเขา พวกมันมองหน้ากันไปมา
“ถอย” เสียงตะโกนสั่ง
กลุ่มคนร้ายวิ่งไปขึ้นรถและขับออกไป ทิ้งไว้แค่สองคนที่อยู่ด้านในและอีกคนที่ยืนอยู่อีกด้านคอยเล็งปืนไล่จนพวกมันหายไปหมด คีนและไนน์ถอนหายใจอย่างหมดแรงและลงไปนั่งกองบนพื้น แต่ไนน์ยังไม่เก็บปืนไว้ ส่วนคีนเล็งไปยังคนที่กำลังเดินมาเพราะทั้งคู่ยังไม่ไว้ใจคนที่มาใหม่
ชายในชุดตำรวจนอกเครื่องแบบแขวนตราตำรวจเดินมาเขาทั้งสอง “พวกคุณเป็นอะไรไหม น้องไนน์..” เขากล่าวทักทาย ตกตะลึงเมื่อคนที่นั่งอยู่คือคนที่รู้จัก
“หมวดอาทิตย์?” ไนน์เรียกด้วยความสงสัย
“...” คีน
ไนน์พยักหน้าให้คีน หมายความว่าเก็บปืนได้
อาทิตย์เดินมานั่งยองข้างๆ ไนน์ “เป็นไงบ้างครับ เจ็บตรงไหนครับ” ใช้สายตาสำรวจบาดแผลคนตรงหน้า
“หมวดอาทิตย์มาได้ไงครับ?” เป็นคีนที่ถามจ้องมองอย่างไม่วางตา เพราะบอดี้การ์ดที่เหลือยังตามมาไม่ทันเลย
"ผมมาธุระแถวนี้ บังเอิญเห็นรถที่วิ่งไล่กัน ผมเลยคิดว่าน่าจะตามมาดูด้วยสัญชาตญาณของตำรวจแหละครับ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรา แล้วบอดี้การ์ดที่เหลืออยู่ไหนครับ”
“กำลังตามม...” คีนยังไม่ทันจะพูดจบ รถตู้สองคันวิ่งมาด้วยความเร็วจอดและชายในชุดสูทสีดำวิ่งลงมาพร้อมกัน
บายเดินก้าวมาหาคนเป็นนาย โค้งคำนับ “ขอโทษด้วยครับคุณไนน์ผมทำหน้าที่บกพร่อง”
ไนน์ยกมือโปกปัด “ไม่ใช่ความผิดคุณบายหรอกครับ ผมไม่ฟังพวกคุณเอง รายงานปู่ไปทั้งหมดเลย ฝากบอกด้วยว่าเรื่องนี้ผมจะจัดการเอง”
“ครับ”
“น้องไนน์ครับ จะไปแจ้งความก่อนหรือไปหาหมอก่อนครับ พี่จะได้พาไป” อาทิตย์เอ่ยถามระหว่างที่ช่วยพยุงตัวลุกขึ้นมา
“ไปแจ้งความก่อนครับ แล้วค่อยจัด... เชี่ย!!...ลูกรักกู” ไนน์หันไปตอบคำถามระหว่างหันไปดูรถมอไซด์คันโปรดทั้งสอง ขายาวก้าวไปดูสถาพรถที่ล้มไถลไปกับพื้น เขาเดินวงดูรอบๆ ก่อนนั่งยองมองดูรถที่ตอนนี้สีถลอก เบรกมือหัก บังโคลนแตก คนที่รักรถเขาเจ็บปวดใจที่สุด
“คีน!” ชายหนุ่มเอามือเสยผมลวกๆ “กูจะไปจัดการเรื่องที่โรงพัก มึงเรียกคนมายกลูกรักทั้งสองไปซ่อมให้กลับมาสภาพเหมือนเดิมอย่างเร็วที่สุด”
“ครับ แต่คุณไนน์จะไปกับเขาเหรอครับ ตอนนี้ผมไม่ไว้ใจใครครับ” คีนเงียบไปสักพัก หันไปมองหน้าคู่หูบอดี้การ์ดคนใหม่ “ให้คนคนที่เหลือรวมทั้งพี่บายตามไปด้วยนะครับ”
“อืม”
คีนเดินหาบายและบอกกล่าวที่สิ่งที่ตกลงไว้กับเจ้านายกับบาย
“น้องไนน์ครับ เดี๋ยวพี่พาไปแจ้งความก่อนที่สน.ใกล้ๆ พี่เพื่อนทำงานอยู่ที่นั่นด้วยครับ ไปกับพี่เลยแล้วกัน” คุณตำรวจใช้มือแตะเข้าไปที่ข้อศอกเบาๆ
“ขอบคุณครับหมวดอาทิตย์ แต่ผมไปกับคนของผมน่าจะดีกว่า ผมไม่อยากรบกวน”
“รบกวนอะไรกันครับ พี่เห็นเรามาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว แล้วพี่เคยบอกเรานานมาแล้ว ไม่รู้ว่ายังจำได้ไหม ที่ให้เรียกพี่ ว่า พี่ซัน ไงครับ” รอยยิ้มและสายตาที่สื่อมาด้วยความเอ็นดู
“ผมว่าเรียกหมวดอาทิตย์ดีกว่าครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบ
“ตามใจนะ ค่อยสนิทกันกว่านี้แล้วค่อยเรียกยังไม่สาย”
“...”
พอสบจังหวะที่จะแซวเจ้านายอย่าง คีนไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือแน่นอน “คุณไนน์นี่ถูกโฉลกกับคนชื่อซันจริงๆ เลยนะครับ แต่จะมีดวงอาทิตย์ดวงไหนได้ไปน้า... แต่ผมว่าน่าจะดวงแรกมากกว่า” เจ้าบอดี้การ์ดตัวใหญ่รีบเดินหนีไปเปิดประตูรถให้อย่างรวดเร็ว
ไนน์เดินมายังรถก่อนจะก้าวขึ้น หมัดขวาชกเข้าที่ท้องบอดี้การ์ดหนุ่ม “ข้อหาพูดมาก” เสียงกดต่ำส่งไปยังลูกน้อง
คีนเอามือมากุมที่ท้องไหวไหล่บอกว่าแค่นี้ไม่เท่าไหร่ครับ “หมวดอาทิตย์ครับ ผมขอรบกวนแค่พาไปแจ้งความนะครับ ที่เหลือฝั่งทางผมจะจัดการต่อเอง” จบด้วยการปิดประตูโดยไม่รอคำตอบจากอีกคน
หมวดอาทิตย์พาไนน์มายังสน.เข้าไปแจ้งความและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าหากไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้วสามารถนำหลักฐานเข้ามาเพิ่มเติมได้อีก
“ขอบคุณหมวดอาทิตย์มากนะครับที่เข้ามาช่วยและยังพามาแจ้งความอีกครับ” ไนน์ยกมือไหว้ขอบคุณ
คุณตำรวจยกมือมาประคองที่ไหว้ ส่วนไนน์รีบชักมือออกทันที ส่วนอีกคนทำหน้าตกใจ “ขอโทษครับ พี่ช่วยเหลือแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ เรื่องดันเกินนอกพื้นที่รับผิดชอบของพี่ ไม่งั้นพี่จะลากคอพวกมันมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ แต่พี่จะช่วยตามเรื่องทางนี้ให้แล้วกัน”
“...”
“หน้าเราช้ำมาเลย พี่พาไปหาหมอดีกว่าไหมครับ” อาทิตย์เอื้อมมือจะจับดูแผลที่มุมปากของร่างโปร่ง
พลัว!! เสียงมือของคนตรงหน้าโดนปัดออก
เขาทั้งคู่หันไปมองตามเสียงที่ปะทะกัน และเป็นคนที่อายุน้อยสุดในที่นั่นตาโต ไม่คิดว่าอีกคนจะตามมายังที่นี่ได้ “พี่ซันมาได้ไงครับ”
ซันจ้องหน้าคนที่จะแตะต้องคนรักของเขาอย่างไม่วางตา เมื่อได้ยินเสียงถามหันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้คนน้อง “พี่โทรหาเราแล้วไม่รับ พี่เลยโทรหาคีน เลยรู้เรื่องที่เราอยู่ที่นี่ไงครับ”
“ลืมแนะนำครับ หมวดอาทิตย์ครับนี่คุณอาคิรา อัศวธาดานนท์ พี่ซันครับนี่หมวดอาทิตย์คนที่ไปช่วยผมเอาไว้ครับ”
“ยินดีที่รู้จักครับคุณอาคิรา” นายตำรวจยื่นมือมาที่จะจับ
ส่วนอีกคนยื่นมือไปสัมผัส “เช่นกันครับคุณหมวดอาทิตย์” ทั้งสองออกแรงบีบมือและจ้องตากัน ไม่นานก็คลายมือออกจากกัน
“เจ็บมากไหมครับตรงนี้มีเลือดด้วย” ร่างสูงใช้นิ้วไล้ไปตามมุมปากที่มีแผลแตก และลูบไปบนแก้มที่มีรอย “แก้มก็แดงน่าจะช้ำอีกแน่เลย”
“พอแล้วครับ เจ็บแค่นี้เอง” ร่างโปร่งหันไปถลึงตาใส่คนตัวโต และหันไปมองยังอีกคน “งั้นผมไม่รบกวนหมวดแล้วนะครับ ถ้าผมจะขอเลี้ยงตอบแทนเป็นอาหารสักมื้อที่ช่วยเหลือ เดี๋ยวผมจะให้เลขาโทรไปนัดวันอีกทีนะครับ”
“เอาตามที่น้องไนน์ว่าแล้วกัน แต่พี่ว่าเราต้องหาหมอนะครับ ให้หมอเช็ดดูสักหน่อยว่าไม่เป็นไร พี่จะได้สบายใจด้วย พี่พาไปได้เสมอนะครับ”
“ไม่ต้องให้คุณตำรวจพาไปหรอกครับ ผมพาคนของผมไปเองได้ครับ” มือหนาแตะเข้าไปที่แผ่นหลังคนน้อง เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ออกแรงดันเบาให้เดินไปข้างหน้า “ไปก่อนนะครับคุณตำรวจ”
“...” ไนน์ผงกหัวให้คนที่ยืนอยู่เป็นการบอกลา
ทั้งสองเดินออกมาได้สักสี่ห้าก้าว ซันหยุดเดินไนน์เอียงหน้าไปมอง “พี่ลืมขอบคุณผู้หมวดที่ไปช่วยเหลือเรา เดี๋ยวมานะ”
ซันเดินเข้าไปหาคนที่ยืนดูพวกเขาอยู่ “ผมจะมาขอบคุณที่เข้าไปช่วยไนน์ ส่วนหน้าที่ดูแลไนน์ผมดูแลเองได้ครับ เพราะผมจะไม่ปล่อยให้คนของผมเป็นอันตรายอีกเป็นอันขาด”
“มันคือหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ ถึงจะไม่ใช่หน้าที่แต่ผมก็เต็มใจที่จะช่วยขอแค่เป็นไนน์ผมยินดีเสมอ” หมวดอาทิตย์ยกยิ้มให้คนที่พยายามขู่เขา
“พี่ซันไปเถอะครับ ไนน์หิวแล้ว” เขาเรียกคนตัวโตให้รีบออกมาก่อนที่พากันวางมวยเพราะดูจากสีหน้าและอากากิริยาในการพูดคุย
ไนน์ยิ้มรับที่ซันเดินไปหา ชายหนุ่มเอามือแตะที่แผ่นหลังพาคนรักเดินออกไปยังรถที่จอดอยู่ “ไปกันครับ” ยกยิ้มให้แก่ผู้หมวดอย่างผู้มีชัย
หมวดอาทิตย์ยืนมาทั้งคู่ที่พากันเดินห่างไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนที่เขาหลงรักเกือบสิบปี รอยยิ้มที่เขาไม่เคยแม้จะได้สัมผัสหรือมองดูแม้แต่นิด กลับกลายเป็นคนอื่นที่ได้รับมันอย่างเต็มใจ เขาพลาดเองที่ไม่มีความกล้าที่เดินเข้าไป ปล่อยเวลามานานเกินไป และต่อจากนี้เขาจะทำทุกอย่างที่จะได้มาครอบครอง
Tbc…
Comments (0)