1 ตอน Chapter 1
โดย T.mines
Chapter 1
#IXMYSUN
“เลิกเดินตามเจ้านายผมได้แล้วครับ” คีนบอดี้การ์ดประจำตัวหยุดเดินและเอาตัวมาขวางคนที่ตัวโตแต่ก็ยังเล็กกว่าเขาที่เป็นลูกครึ่งอยู่ดี
“ทำไมฉันต้องฟังนายด้วยว่ะ” ชายหนุ่มตะโกนส่งอย่างอารมณ์เสียคนที่ขวางทางเขาอยู่ “ไนน์! เราจะแยกจากกันแบบนี้เหรอ?” ชายหนุ่มที่เดินลากกระเป๋าตะโกนตามหลังชายหนุ่มร่างโปร่งอีกคน
ไนน์หรือทวิชากานต์ที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถของสนามบินที่มีรถของเขาจอดไว้ เขาถึงกับชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของคนที่เขาชอบ ไม่สิ แค่ว่ารู้สึกดีด้วยต่างหาก เขาเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตแต่สำหรับคนนี้คือข้อยกเว้น เขาหันกลับไปมองและยิ้มให้ก่อนที่จะเดินจากมาและไม่หันหลังกลับไปมองอีกเลย
“ไอ้ไนน์เป็นไง ทริปสมุยของมึง สาวแจ่มไหมว่ะ”
เสียงทักทายของพี่เกื้อ หัวหน้าวิศวกรที่เขาเป็นลูกน้องอยู่ เขากลับมาทำงานหลังจบจาการลาพักร้อน เข้าทำงานที่ได้เกือบจะสองปีแล้ว เขาทำงานในตำแหน่งวิศวกรเครื่องยนต์ในโรงงานผลิตรถยนต์รายใหญ่แหล่งเอเชีย และแน่นอนว่าที่นี่มีแต่คนทำงานเก่ง คัดแต่หัวกะทิจากแต่ละมหาวิทยาลัยชั้นต้นๆ ของประเทศมาโดยเฉพาะ และหนึ่งในนั้น เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จบด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00
“เยอะเลยพี่ ของฝากอยู่บนโต๊ะนะ กินได้เลยทุกคน” ประโยคแรกเป็นการตอบพี่เกื้อ ส่วนอันหลังบอกทุกคนในห้องทำงานตอนนี้เข้ามารวมตัวกันก่อนจะแยกย้ายไปดูในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ
“เฮ้ย! ฮาวดี้สีน้ำเงินของใครวะ ป้ายแดงด้วย สวยชิบหาย” เสียงของต้นกล้าบ่นเปรยๆ หลังจากเดินเข้ามานั่งโต๊ะประจำ เขาไม่เห็นอีกคนที่โดนคนอื่นบังอยู่
“ของไอ้ไนน์ เมื่อเช้ากูเห็นมันขับมา”
“...” ต้นกล้าถึงกับตาโต ก่อนที่ทำปากขมุบขมิบอะไรบางอย่าง โดยทุกการกระทำนั้นผ่านสายตาของไนน์ แต่เขากลับเลือกที่จะไม่สนใจ
“ของพี่ไนน์เหรอ ขอผมลองนั่งหน่อยดิพี่ อยากสัมผัสให้เป็นบุญตูด” ไอ้ปลากัด เด็กฝึกงานรีบวิ่งถลามาส่งสายปริบๆ ใส่เขา
“เออ วันไหนว่างๆ ตอนเย็นกูไปส่งตรงรถสถานีรถไฟฟ้า”
“ขอบคุณครับ พี่ไนน์ใจดีที่สุดเลย จะได้นั่งรถแพงแล้วกู” เจ้าปลากัดยกมือไหว้ขอบคุณปลกๆ
“คันตั้งหลายล้าน เอาเงินที่ไหนไปผ่อนหนักหนาว่ะ แค่มนุษย์เงินเดือนจะมีปัญญาเหรอ ถ้าไม่มี...” ต้นกล้าเลือกจะพูดแค่บางส่วนไม่ให้ที่เหลือไปต่อกันเอง
“...” เขาเลือกที่จะเงียบและก้มหน้าเคลียร์งานที่อยู่บนโต๊ะ หลังจากที่ต้องหยุดงานไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ
หลังจากการทำงานภาคเช้าจบไป เข้าสู่การพักเที่ยงและแน่นอนในเมื่อโรงงานผลิตขนาดใหญ่โรงงานย่อมเป็นที่วุ่นวายระดับหนึ่ง ภายในโรงงานอนุญาตให้พ่อค้าแม่ค้ามาขายอาหารได้ภายในได้แต่ราคาที่ถูกเพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ เมื่อสิ้นปีจะมีการประเมินร้านค้าจากพนักงาน หากได้คะแนนต่ำกว่ามาตรฐานมีอนุญาตให้ร้านอื่นมาขายแทน
ขาเรียวยาวที่ก้าวเข้ามานั่งที่โต๊ะเพื่อจับจองที่นั่ง วันนี้โชคไม่ได้เข้าข้างไนน์เท่าไหร่ เขาได้ตัวที่ว่าง พร้อมกับกลุ่มคนที่เดินเข้ามานั่งอยู่ด้านข้าง เขาเลือกจะเดินไปซื้ออาหารมานั่งกินอย่าเงียบแต่ไม่นานก็มีมลพิษทางเสียงเข้ามาป่วนประสาท
“มึงวันนี้ขับรถคันใหม่มาว่ะ อาวดี้ป้ายแดงด้วย”
“กูว่าทริปสมุยนะคงจัดกันแบบกันไฟลุก ไม่งั้นคงไม่ได้มาขนาดนี้แน่ๆ”
“ใครเหรอคะ หนูงงไปหมดแล้ว”
“นี่เราไม่รู้เหรอ คนแถวๆ นี้แหละ เขาบอกว่าขายนะ น่าจะเป็นไบด้วย แบบทั้งรุกและรับได้ไง”
“อืม หล่อมากด้วย เขาทำจริงเหรอคะ ไม่น่าเลย”
“นี่หนู คนเราน่ะ ใครๆ ก็อยากสบายทั้งนั้น”
“เห็นหรือเปล่า แบรนด์เนมทั้งตัวเลยนะน้อง”
“พี่เคยเห็นนะ ว่าคนที่ควงๆ เนี่ย หนึ่งในทายาทศิริกิจวัชรโชติเลย”
“ระดับตัวท็อปของวงการเลย สงสัยจะเด็ดจริง”
“พี่ ทนฟังอยู่ได้ไงว่ะ มันว่าพี่ชัดเลยนะ” ปลากัดเด็กหนุ่มที่มาฝึกงานภายใต้การดูแลของไนน์ กัดฟันพูดที่ได้ยินเพียงแค่ผู้ร่วมโต๊ะ
“คงอิจฉาแหละ อยากมีแบบเขาบ้างแต่ด้วยสภาพหนังหน้าคงไม่มีใครเอา” เสียงดังที่กระทบไปยังโต๊ะด้านข้างมาจากเจ้าโฟมเพื่อนซี้ปึกปลากัดที่มาร่วมฝึกงานด้วยกัน
“นี่น้องว่าใครไม่ทราบ พวกพี่ยังไม่ได้พูดชื่อใครเลย จะร้อนตัวทำไม” ชายใจหญิงรีบขึ้นมาโต้ตอบ
“ผมก็ยังไม่ได้เอ่ยชื่อ จะร้อนตัวทำไมล่ะครับ” ด่ามาก็ด่ากลับไม่โกง
“นี่พี่ไนน์ อาวดี้คันนี้เนี่ยกี่ล้านว่ะพี่ บอกราคาให้น้องชื่นใจหน่อย” น้ำเสียงที่เย้ยหยันใส่อีกฝ่าย
“ห้าล้านมั่ง” เขาตอบแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เขาก็ไม่แน่ใจในราคายังไม่ได้เช็ดเลย รถคันนี้มันเป็นของขวัญจากปู่เขาซื้อให้
“ทำไมวันนี้ ขับรถมาล่ะพี่ ปกติขับบิ๊กไบท์คันเกือบๆ ล้านมา” โฟมพูดโอ้อวดใส่ให้โต๊ะข้างๆ ได้ยิน
“วันนี้ต้องเอาของฝากมาไง เลยขับรถมา”
“โห แบบว่าใช้อาวดี้มาขนของเนี่ย ไม่รวยจริงทำไม่ได้หรอกใช่ไหมมึงไอ้ปลากัด คนเราแข่งอะไรก็ได้แต่จะวาสนามันอยากว่ะ”
“เออ กูเห็นด้วย” แล้วทั้งสองก็กอดคอกันหัวเราะ ส่วนอีกโต๊ะนั้นตาลุกเป็นไฟด้วยความริษยา
“ที่น้องๆ พูดกันเนี่ย คงอยากเข้าร่วมสังกัดด้วยล่ะสิ เด็กสมัยนี้ชอบรวยทางลัดเน้อ” น้ำเสียงที่ดูแคลนดังขึ้น
“ใช่แล้ว ดูสิคงได้ไปเยอะแหละ ไม่งั้นคงไม่ออกมาปกป้องกันขนาดนี้ กระเป๋าที่ให้ไปใบล่ะไม่ต่ำกว่าสองหมื่นแน่ๆ”
“คงช่วยๆ กันขายแหละ” ท่าทางเบะปากพยักหน้าเออออกัน
เมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่ม ถ้ามีอีกฝ่ายโต้ตอบการถกเถียงก็จะไม่เกิดขึ้น ถ้าวันไหนที่เขามาคนเดียว ก็แค่นั่งฟังไปเฉยๆ เอานิ้วมาแคะหูไล่สิ่งรบกวนบ้าง เขาไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย ส่วนใหญ่คนที่ไม่มีความจำเป็นชีวิตเขาจะมองแค่ผ่านๆ ทักทายหากอีกฝ่ายทักแค่นั้นจบ เลือกที่เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มันสำคัญกว่าเขามีงานที่อยู่ในหัวท่วมท้น ทำไมต้องเราเรื่องคนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองมาให้กวนใจตัวเอง
“ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนแก่นะ กูจะตบให้ฟังร่วงเลย” ไนน์ยกนิ้วมานวดขมับทั้งสองข้าง กำลังจะบอกให้เจ้าเด็กที่เลือดร้อนพอทั้งสองพอ เริ่มไม่ทันซะแล้ว
“เอาเลยไหมมึง”
ทั้งปลากัดและโฟมเตรียมตัวจะลุกเข้าไปใส่ ตอนนี้อารมณ์ทั้งสองฝ่ายครุกรุ่น ไม่ยอมซึ่งกันและกันอย่างมาก เขารีบคว้าตัวมันสองคนกดให้นั่งลง
“ปลากัด โฟม พวกมึงเป็นเด็กฝึกงานนะ อย่าลามปามให้มันมากนัก กูมีสิทธิ์รายงานความประพฤติพวกมึงแก่มหาลัยนะ” เสียงนี้ดังมาจากพี่ต้นกล้าที่นั่งรวมตัวอยู่ในโต๊ะนั้น ปลากัดและโฟมกัดดังกรอดๆ เขาทั้งสองไม่อยากมีเรื่องให้เสื่อมเสียถึงมหาลัยและถ้าหากมีปัญหาพวกเขาอาจจะไม่เรียนไม่จบ
“โถ คิดว่าจะแน่ไอ้พวกขายน้ำ ฮ่าๆๆๆ” พอเห็นว่าอีกฝ่ายยอมสงบแทนที่จะเลิกแล้วต่อกัน ยังพูดทับถมเติมเชื้อไฟเข้ามาอีก
ปั ง! เสียงฝ่ามือของคนร่างโปร่งตบลงบนโต๊ะหนักๆ เรียกผู้คนที่อยู่ในโรงงานอาหารหันมามองเขาทันที เขายอมรับว่าโกรธมาก ที่ลากคนอื่นเข้ามาต่อว่าด้วย และที่สำคัญกว่านั้น น้องๆ เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยต้องมาตกเป็นขี้ปากแบบนี้
“พวกคุณจะพูดถึงผมยังไง ผมไม่ว่าเพราะผมไม่ได้เป็นแบบที่พวกอยากให้เป็น ผมเลือกที่จะไม่สนใจมากกว่า แต่การที่ลากคนอื่นเข้าเกี่ยวข้องด้วย ผมไม่โอเคในสิ่งที่พวกคุณกำลังพูดถึง ผมได้แค่คิดว่าไม่สนใจ ไม่ยุ่ง ทุกอย่างมันคงจะจบ แต่เห็นทีว่าผมคิดผิด ต่อจากนี้ไปว่าจะเป็นคำพูด รูปถ่าย และสิ่งที่โพสต์ลงโซเชียล ที่จะทำให้ผมและคนที่เกี่ยวข้องเสียหาย เราจะได้เจอกันที่ศาลนะครับ และอยากจะบอกว่าที่ผ่านมาผมรวบรวมส่งไว้ให้กับทนายเรียบร้อยแล้ว” นั่นคือประโยคที่ยืดยาวในชีวิตที่บอกกับคนที่เขารำคาญปกติจะให้คนอื่นจัดการแทน
“...” เสียงที่หัวเราะเมื่อกี้เงียบลง เพราะไม่คิดว่าคนที่ยอมให้ด่าอยู่ตลดจะลุกขึ้นมาโวยวายบ้าง
“พี่ต้นกล้าครับ ขอบคุณที่เตือนน้องเรื่องมารยาทในที่ทำงานนะครับ แต่เรื่องความประพฤติของน้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเองดีกว่าครับ เพราะยังไงผมคือพี่เลี้ยงของพวกเขาครับ” เสียงที่เรียบส่งผ่านไปยังพนักงานรุ่นพี่
“...” ต้นกล้าได้แต่กำมือด้วยความโกรธ
“อิ่มกันหรือยังเราสองคน ไปทำงานกันได้แล้ว” หันมาถามเด็กฝึกงานทั้งสองคนที่ยังนั่งเอ่อ อ้าปากค้างอยู่
“คะ ครับ ถึงไม่อิ่มก็ต้องอิ่มล่ะพี่ สะใจโว้ย”
“ป่ะ ไปกันไอ้โฟม”
ทั้งสามคนลุกออกจากโต๊ะ เดินเอาชามเข้าไปเก็บตรงที่สำหรับเก็บภาชนะที่ใช้แล้ว ส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเอาแต่กระซิบกระซาบมองตามกลุ่มพวกเราไป ส่วนอีกโต๊ะยังคงนั่งอยู่ด้วยอารมณ์เหมือนมีใครบังคับให้กินข้าวบูดลงท้อง แต่ละคนมีสีหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธที่ถูกตอกหน้าอย่างแรง โดยเฉพาะต้นกล้าที่โดนเด็กรุ่นน้องสั่งสอน เขากำหมัดจนมือเป็นสีขาวซี้ด
ส่วนอีกฝั่งของโรงงานอาหาร เป็นวันที่ผู้บริหารหนุ่มเข้ามาทำงานเป็นวันแรกในตำแหน่งรองประธาน เขามาถึงตั้งแต่เช้า เลขาของเขาพาไปเดินชมตามแผนกต่างๆ แนะนำคนที่ต้องทำงานด้วยให้เขารู้จัก และเขาต้องเขาไปเรียนรู้งานจากพ่อเขาอีกในช่วงบ่าย และถ้าว่างเขาอยากเดินสำรวจฝ่ายการผลิตที่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่อาจจะใช้เวลาทั้งวัน
“นั่นเขาทำอะไรกันหรือครับทำไมดูวุ่นวายกันจัง” ผู้บริหารหนุ่มถามเลขาส่วนตัว
“อ๋อ คงมีเรื่องกันนะคะ แต่คุณอาคิราไม่ต้องกังวลไปนะ ถ้าถึงขั้นมีเรื่องชกต่อยหรือตบตีกันโทษคือไล่ออกสถานเดียวค่ะ คงมีปากเสียงกันเฉยๆ ค่ะ” หญิงสาวที่ชะเง้อคอดูตามพูดด้วยน้ำเสียงเจือปนความสะใจ
“ครับ”
“อ้าว ดูเหมือนน้องไนน์จะมีเรื่องอีกแล้วล่ะคะ” ริมฝีปากเหยียดยิ้มขึ้นมาทันควัน
“ครับ?”
หนุงหนิงคือเลขาส่วนตัวของซันหรืออาคิราที่เพิ่งได้เลื่อนขั้นมาจากผู้ช่วยเลขาของท่านประธานนั่นเอง และเขาก็คือหนึ่งในกลุ่มคนที่ไม่พอใจหรือที่เรียกอีกอย่างว่าอิจฉาด้วยอีกคน พอสบโอกาสที่จะเป่าหูคนที่เป็นถึงรองประธานบริษัทมีเหรอคนอย่างเธอจะพลาด
“ก็เห็นเขาลือๆ กันว่าคนที่ชื่อไนน์นะคะ ชอบอ่อยไปทั่วและบอกว่ามีเสี่ยและผู้หญิงคอยเลี้ยง ถึงได้มีแต่ของแบรนด์เนมใช้ และที่สำคัญนะคะรถแต่ละคันที่ขับมาเนี่ย แพงกว่าระดับผู้บริหารเลยค่ะ อย่างวันนี้ขับอาวดี้ป้ายแดงมาทำงานด้วยค่ะ”
“...” พอได้ยินชื่อ ไนน์ อีกครั้งเขาถึงกับชะเง้อคอมองตามกลุ่มคนที่เดินออกไป และเป็นจังหวะเดียวกันที่ร่างโปร่งของชื่อหันไปคุยกับปลากัดพอดี ทำให้เขามองเห็นเพียงแค่ด้านหลัง
...คงไม่ใช่หรอก...
เลขาสาวยกมือป้องปาก และโน้มตัวไปกระซิบใกล้ๆ ตัวของเจ้านาย “เขาบอกว่าน่าจะเป็นไบค่ะ ทั้งรุกและรับ”
“มันก็ไม่เกี่ยวกันนี่ครับ เขาจะทำตัวยังไงก็เรื่องของเขา ถ้ามันไม่กระทบกับงานก็พอแล้ว” ซันบอกแบบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“มันจะไม่เกี่ยวได้ไงคะ บางวันก็มาทำงานสาย เนี่ยเพิ่งลาพักร้อนไปเป็นอาทิตย์ปล่อยให้คนอื่นต้องรับผิดชอบงานแทน กลับมาก็มีป้ายแดงมาขับ”
“...”
“แล้วก็..”
“พอเถอะครับ ผมว่าถ้ามันกระทบกับงานจริงฝ่ายบุคคลคงทำหน้าที่เองล่ะครับ” น้ำเสียงขุ่นขึ้น
“ค่ะ” หนุงหนิงมีสีหน้าเจือนหลังจากที่โดนตอกกลับแบบนี้
“เที่ยงกว่าแล้ว ไปทานข้าวกันครับ” ชายหนุ่มออกมาปากชวนเลขาไปทานข้าวที่ข้างนอก เพราะมันค่อนข้างเลยเวลาพักมาแล้ว คนที่โดนชวนอมยิ้มหน้าแดงด้วยความเขิน
“ค่ะ หนุงหนิงเกรงใจจังเลยค่ะ จริงๆ หนุงหนิงทานที่โรงอาหารก็ได้นะคะ น่าจะพอเหลืออยู่บ้าง” เมื่อพูดจบพร้อมกับสีหน้าด้วยความกังวลและช้อนหน้าขึ้นมองสบตา ด้วยที่เป็นเขาที่มีสาวๆ เข้าหาเยอะ มารยาแค่นี้ไม่ทำให้เขาหลงเสน่ห์ได้เลย
“ไปทานข้าวนอกกับผมแหละครับ เชิญครับ” เขาบอกพร้อมกับเดินนำไปยังที่จอดรถประจำตำแหน่ง
ส่วนหญิงสาวก็เดินตามหลังไปติด พร้อมกับหน้าแดงบิดตัวด้วยความเขินอาย พยายามคิดหาวิธีเอาใจและหว่านเสน่ห์เพื่อมัดใจรองประธานให้ได้ ด้วยที่เธอมีความมั่นใจในความสวยและหุ่นที่เพียงบางและหน้าอกผ่านการเพิ่มขนาดมา หนุ่มๆ ที่ผ่านเข้ามายังติดกับในเสน่ห์มารยาของเธอแล้ว รองประธานคนนี้จะพลาดได้ไง
ระหว่างที่รถขับผ่านลานจอดรถ เขาหันไปดูรถของคนที่เป็นปัญหากวนใจเขา ด้วยชื่อที่เหมือนกัน แต่ถ้าคนที่รวยถึงขั้นมีบอดี้การ์ดส่วนตัวและพักรีสอร์ตที่หรูหราขนาดนั้น จะมาทำงานในบริษัทของเขาทำไม เขาไล่เรื่องกวนใจนี้ออกไป และกำลังคิดเรื่องการงานที่ต้องจัดการในอนาคตมากกว่า
หนุ่มวิศวกรทั้งสามเดินเข้าไปยังห้องทำงาน และยังมีบุคคลที่สี่เดินเข้าด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก ต้นกล้าส่งสายตาอย่างเคียดแค้นมาให้รุ่นน้อง ทั้งสองโต๊ะปกคลุมด้วยบรรยากาศอึนครึม ต้นกล้าหยิบแฟ้มเอกสารแล้วเดินออกไปปิดประตูกระแทกใส่คนทั้งสามที่เหลือ
“พี่ไนน์ผมคาใจเรื่องที่เขาลือกัน พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้น ทำไมพี่ไม่แก้ข่าว” โฟมเกาคางถามอย่างสงสัย
“แล้วถ้ากูพูดไป มึงคิดว่าใครจะเชื่อว่ะ กูจะบอกว่าเงินทั้งหมดเป็นเงินของกูเอง ถ้าพวกมึงไม่ใช่รุ่นน้องที่มหาลัย ไม่รู้จักมาก่อน ส่วนใหญ่เลือกที่เชื่อในสิ่งที่เห็นและคำบอกเล่ามากกว่าความจริงที่พยายามบอก กูเลยช่างแม่งตั้งนานแล้ว” เขาไหวไหล่กับสิ่งที่พูดคล้ายๆ ว่ามันคือเรื่องปกติ ส่วนมือเขาก็เปิดแฟ้มงานดูงานไปด้วย
“...”
“ป่ะ ไปทำงานได้แล้วจะบ่ายแล้วมึง” เขาโบกมือไล่ไอ้พวกเด็กฝึกงานไปทำงานในส่วนที่รับผิดชอบ และยังเน้นย้ำกับทั้งสองว่าต้องแยกแยะเรื่องต่างๆ ให้ออกว่าตอนนี้เรื่องไหนสำคัญกว่ากัน
เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเลิกงาน ชายหนุ่มร่างโปร่งขับรถอาวดี้สีน้ำเงินออกจากบริษัท แต่ขับไปได้ไม่ไกลตบไฟเลี้ยงจอดรถข้างทางที่มีชายหนุ่มลูกครึ่งตัวโตยืนรออยู่และสลับตำแหน่งจากคนขับ ไปนั่งด้านข้างโดยทุกอย่างผ่านสายตาบางคนที่บันทึกทุกอย่างผ่านโทรศัพท์มือถือ
“คุณไนน์วันนี้ไปไหนหรือเปล่าครับ หรือว่ากลับคอนโดเลย” คีนถามพลางหมุนพวกมาลัยรถขับออกไปยังถนนมุ่งหน้าไป
“กลับบ้านใหญ่ แวะไปหาปู่สักหน่อยแล้วค่อยกลับคอนโด”
“งานหนักเหรอครับ ดูเพลีย” คีนหันไปมองเจ้านายที่เพิ่งเลิกงาน สภาพดูอ่อนเพลีย สีหน้าไม่สดชื่น ทั้งๆ ที่เพิ่งกลับจากการพักผ่อนแท้ๆ “ลาออกไหมครับ จะทนทำไมล่ะครับ” คีนส่ายหน้าให้กับความหัวรั้นของเจ้านาย
“มึงจะบ่นกูอีกคนทำไม ขับรถเงียบๆ ไปเลย” เขาพิงตัวแนบลงกับเบาะหลับตาพักผ่อน ฟังเพลงที่เปิดคลอเบาๆ
ครืดๆๆๆ เสียงสั่นของโทรศัพท์ TWO สายเรียกเข้า
“ครับ”
(เลิกงานแล้วใช่ไหมที่รัก กำลังจะไปไหนครับ)
“ไปหาปู่ที่บ้านใหญ่ จะอยู่ทานข้าวกับปู่ด้วย”
(ดีเลยครับ งั้นเดี๋ยวทูตามเข้าไปนะ แล้วนอนที่บ้านเลยไหมครับ)
“ไม่ล่ะ จะกลับไปดูงานต่อที่คอนโด ทูชวนคนอื่นมาด้วยสิ”
(ไม่อยากชวนไปเลยง่ะ เค้าอยากกินกับที่รักแค่สองคน) ไนน์ถึงกับเบะปากถึงความเยอะของพี่ชายเขา
“อืม งั้นฝากบอกทรัวด้วยละกัน ที่เหลือไนน์ชวนเอง”
(ทูล่ะไม่อยากบอกมันเลย เบื่อไอ้รองประธานโง่)
“ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ ทูก็อย่างใช้งานทรัวหนักสิ แล้วก็เบาๆ หน่อยไอ้ความใจร้อนเนี่ย”
(ที่รักอย่างเข้าข้างมันสิ ทูน้อยใจนะครับ)
“อะๆ เข้าใจแล้ว แล้วเจอกันที่บ้านนะ บาย”
หลังจากวางสายจากพี่ชายคนที่สอง จะว่าพี่ชายก็ไม่เชิง ทูเป็นลูกของพี่ชายของแม่เขา ถ้าจะให้พูดคือเขามีลูกพี่ลูกน้อง ไม่ใช่สิ ลูกพี่อย่างเดียว แม่ของเขาคือน้องสาวคนเล็กจากบรรดาพี่ชายทั้งสี่คน และส่วนขาก็เป็นหลานชายคนสุดท้องด้วย พี่ชายและพี่สาวมีทั้งหมดเก้าคนรวมทั้งเขา โดยชื่อของพวกเขาทั้งหมดจะเรียงตามลำดับตัวเลขตามการเกิดของแต่ละคน หนึ่ง ทู ทรัวซ์* โฟร์ ฝาแฝด ทาซอท*-ยอซอท* นานะ* ฮาจิ*และคนสุดท้ายคือไนน์ มีผู้หญิงป่นอยู่สองคนคือโฟร์และนานะ ด้วยความเขาเป็นคนสุดท้อง พี่ของเขาจึงหวงมาก ใช่คำนี้น่าจะเหมาะว่า บราค่อนนะสิแบบว่าพวกนั้นคือสุดๆ
“ว่าไง เลิกงานหรือยังเรา” ตอนนี้เขากำลังโทรหาปู่ของเขา
(ครับ เลิกงานแล้วแต่กำลังจะไปกินข้าวที่บ้านเจ้าสัวชัชนะครับ)
“อย่ามาหลอกให้คนแก่ดีใจเล่นนะ” เขามักจะเผลอยิ้มทุกครั้งที่ได้คุยกับปู่ของเขา มันทำให้เขามีความสุขมาก
(ไม่ครับ นี่กำลังให้คีนขับรถไปครับ ไนน์ชวนพวกนั้นไปด้วยนะปู่) ปู่เขาเข้าใจว่าคำว่า พวกนั้น หมายถึงพี่ๆ ทั้งแปดคนนั่นเอง
“งั้นปู่จะบอกให้แม่บ้านทำกับข้าวเพิ่มอีก”
(ครับปู่ เจอกันอีก20นาทีครับ)
กรุปไลน์ NUMER NINE
NINE : วันนี้ใครว่างครับ กินข้าวกันที่บ้านใหญ่กัน
1 : พี่อยู่เชียงใหม่ คงบินไปไม่ทันแน่ๆ อยากกินข้าวกับคนเก่งจังเลย
TROIS : รับทราบค่ะน้องไนน์ พี่จะรีบไปนะ
NANA : สติกเกอร์กระต่ายร้องไห้
NANA : กำลังจะบินไปมาเก๊า ซูก้าอยากได้อะไรไหมจ๊ะ
FOUR : คนดี โฟร์ติดประชุมค่ะ คงไปไม่ทัน ว่างไปกินข้าวกันสองคนนะ
다섯 : เฮียอยู่สนาม วันนี้พลาดไม่ได้ไปกินข้าวกัน
여섯 : ไม่มีใครอยู่ร้าน เฝ้าร้านครับวังจา พาเฮียไปกินวันอื่นนะครับ
はち-HAJI : เฮียตามไปนะ ช้าหน่อยนะคะเบบี้
TWO : กำลังบึ่งรถไปแล้วที่รัก
NINE :สรุปมี 2 3 8 มาแค่นี้นะ ที่เหลือค่อยนัดวันหลังนะ
FOUR : เจ๊จองก่อนนะ
1 : กูก่อน กูตอบคนแรก คนเก่งไปกับพี่ก่อนนะ
다섯 : เฮียมาทำงาน ไนน์ต้องไปกับเฮียก่อน
NRANA : กูไปทำงานไกลกว่า ซูก้าต้องเห็นใจกูก่อนพวกมึง
여섯 : เฮียต้องทำงานแทนพวกมัน ไนน์พาเฮียไปก่อนนะ
TWO : สมน้ำหน้าพวกคนที่ต้องทำงาน ไม่ได้กินข้าวกับที่รักของกู และกูจะได้นั่งข้างๆ ด้วยเพราะกูไปถึงก่อน
TWO : สติกเกอร์ กระต่ายหัวเราะ
FOUR : @はち-HAJIวันนี้โชคเข้าข้างนะ ไปพบลูกค้าเลยหนีไปหาคนดีของกูได้
TROIS : @ TWO มึงบอกกูช้าและยังโยนงานให้กูอีก สัด กูช้าเลยมึง
ไนน์ออกจากโปรแกรมสีเขียว ปล่อยให้พวกที่เหลือถกเถียงกันไป ไม่นานก็เข้ามาสู่คฤหาสน์หลังใหญ่ ที่เมื่อก่อนเขาอาศัยอยู่ จวบจนเข้าสู่มอปลายเขาย้ายไปเรียนที่เชียงใหม่อาศัยอยู่กับลุงคนโตของบ้านและจนเข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัย ปู่ซื้อคอนโดเป็นของขวัญที่สอบติด และแน่นอนหลายๆ ทุกคนได้เหมือนกันหมด ให้เลือกเอาเลยราคาไม่เกี่ยงเอาที่หลานชอบ เขาจะกลับมาบ้านหลังนี้บ่อยกว่าหลานคนอื่นที่มีภาระหน้าที่รับผิดชอบ อย่างน้อยสุดเดือนละครั้ง แต่จะอาศัยการโทรคุยกับปู่เขามากกว่า
คีนจอดรถไว้ที่โรงจอดรถข้างๆ บ้าน คฤหาสน์หลังใหญ่สไตส์ไทยผสมยุโรปที่กินพื้นที่กว่า 10ไร่ แบ่งออกเป็นส่วนตามการใช้งาน ด้านหน้าสุดเป็นตัวบ้านสามชั้น ชั้นบนจะเป็นห้องของหลานๆ มีทั้งหมดสิบห้อง ส่วนชั้นที่สองคือห้องของลูกๆ ทั้งห้าคน และส่วนล่างสุดคือห้องทำงาน ห้องนอนของเจ้าของคฤหาสน์ เพราะสมัยสร้างตัวจากธุรกิจใหม่ ปู่เขาแทบจะนอนอยู่ในห้องทำงานด้วยซ้ำ ปู่เขาจึงเลือกสร้างห้องนอนไว้ใกล้ห้องทำงาน เหนื่อยก็มาพัก พอมีแรงก็เดินไปทำงานต่อ และกำลังใจที่สำคัญอย่างย่าได้อยู่ใกล้ที่สุดไม่ต้องเดินไปหาไกล ทั้งสองรักกันมากคอยดูแลกันและกัน จวบจนหลานคนเล็กคลอดได้ไม่นานย่าของเขาก็จากไปด้วยโรคมะเร็ง ช่วงนั้นปู่เขาโหมงานหนักเพื่อให้ตัวเองลืมการสูญเสียจนธุรกิจในเครือเติบโตอย่างรวดเร็ว
เขาเดินเข้ามาในบ้าน ส่วนคีนขอตัวไปยังห้องพักสำหรับบอดี้การ์ดี่อยู่ถัดออกไป ส่วนเขาเดินลัดเลาะไปยังห้องครัวที่อยู่ทางด้านหลัง
“คิดถึงนมจังเลยครับ” ชายหนุ่มสวมกอดที่ด้านหลังแม่นม แม่นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่รุ่นแม่ของเขา
“คิดถึงนมก็มาหาบ่อยๆ สิคะ กอดนมมันจะอุ่นเหมือนสาวๆ ที่ไหนกัน” แม่นมบ่นและทำท่าทีงอนใส่ด้วย
“ใครว่าล่ะครับ สาวๆ ที่ไหนก็สู้สาวสวยคนนี้ไม่ได้” ฟอด หอมแก้มแม่นมจนแก้มยุบ “นี่ไงแก้มเนี่ย หอมที่สุดในโลกเลย สาวไหนก็สู้ไม่ได้” แม่นมตีเข้าไปที่แขน
“ไม่ต้องมาอ้อนนมเลย นมไม่หายงอนง่ายหรอก”
“นมขา หายงอนไนน์น้า.. ช่วงนี้งานเยอะจริงๆ ครับ ว่างปุบก็รีบมาหาทันทีเลย แล้วนมกำลังทำอะไรอยู่ หอมจังเลย แต่หอมน้อยกว่าแก้มนมนะครับ” ชายหนุ่มยังไม่หยุดหยอกเย้า
“ปากหวานจังเลยค่ะ” แม่นมเอามือมาบีบจมูกคนที่ขี้อ้อน
“นมครับ วันนี้มาเพิ่มอีกแค่สี่คนนะครับ รวมไนน์ที่เหลือติดงาน ปู่ยังอยู่ในห้องทำงานหรือเปล่าครับ”
“ค่ะ ช่วงนี้เจ้าสัวหลังจากกลับบริษัทก็เข้าไปคลุกอยู่แต่ห้องทำงานต่อ คุณไนน์เข้าไปดูหน่อยนะคะ” แม่นมเขาฟ้อง
“ครับงั้นผมของตัวก่อนนะครับ”
เขาเดินตรงไปยังห้องทำงานของปู่เขา เคาะประตูแล้วเดินเข้าไปยังห้อง ห้องนี้ยังเหมือนเดินทุกครั้งที่เข้ามา บนโต๊ะเต็มไปด้วยเอกสารมากมาย มีเพียงชายที่อยู่หลังโต๊ะทำงานดูชรากว่าวันวาน เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาที่อบอุ่นปนเอ็นดู
“มาแล้วเหรอลูก ไปอ้อนนมแย้มมาแล้วเหรอ” ชายสูงวัยถอดแว่นสายตาวางไว้บนแฟ้มเอกสาร
“ครับ มีสายมาบอกว่าช่วงนี้ปู่โหมดงานหนักนะครับ” หลานรักเดินไปยังเก้าอี้ตรงข้างกับประมุขของบ้าน
“งั้นเหรอ ปู่ว่าทำเหมือนเดิมนะ สงสัยคงอยากให้เราลาออกมาช่วยปู่ล่ะมั่ง” ชายสูงวัยบ่นกับหลานชายสุดที่รักอย่างเอ็นดู
“อ๋อ” ชายหนุ่มหยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรออกไป
“ว่างไปทำเรื่องที่บอกไว้เมื่อไหร่ล่ะเรา”
“เสาร์นี้แหละครับ เอกสารเตรียมหมดแล้ว ราชการไทยเข้าทำงานวันเสาร์แล้วนะปู่”
“ได้เวลากินข้าวแล้ว เด็กคงตั้งโต๊ะแล้ว พวกพี่เราใครมาบ้างล่ะ” ปู่ลุกออกจากเก้าอี้ และพากันเดินออกจากห้องทำงานไปยังห้องกินข้าว แต่ด้วยวันนี้มีคนมากินไม่กี่คนจึงย้ายไปกินที่ห้องเล็ก พอเดินไปถึงก็พบว่ามีชายหนุ่มอีกสามคนนั่งรออยู่แล้ว
“ไนน์ครับ ทรัวคิดถึงจังเลย มาหอมหัวหน่อย” ทรัว พี่ชายคนที่สามลุกขึ้นพรวดจะมาหาเขา
ตุบ แต่ยังเดินไปพร้อมโต๊ะก็เซถลาและลงไปกองกับพื้นด้านข้างด้วยฝ่าเท้าของฮาจิพี่ชายคนที่แปดที่ห่างจากไนน์แค่สองปี
“ไอ้สัด จิ” ทรัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอามือลูบที่เอว
ฮาจิวิ่งเข้ามากอดคอพร้อมกับกดจมูกไปที่หัวไนน์คนแรก “กูคนแรกโว้ย ฮ่า ๆ ๆ” เสียงเย้ยหยันของผู้ชนะ
“คิดถึงที่รักจังเลย” ส่วนทูเดินมากระชากตัวคนที่หอมหัวออกและเข้าไปหอมหัวต่อเป็นคนที่สอง
“ทรัว โอเคไหม” ไนน์แกะตัวเองออกจากการกอดรัดของทูและเดินพยุงทรัวที่นั่งกองอยู่กับพื้น
“เค้าเจ็บมากเลย เป่าให้หน่อยสิครับ ตรงนี่นะ” ทรัวชี้ตำแหน่งที่ให้เป่าคือตรงหน้าผาก แต่ไอ้ที่โดนถีบมันคือเอวนะ
“เบบี้อย่าไปฟัง มันสำออย โดยต่อยจนหน้ายับยังไม่ร้องขนาดนี้เลย”
“ที่รักอย่าไปเป่าให้มัน ไอ้ทรัวไอ้สตอ”
เสียงทูและฮาจิต่างเข้าต่างสารพัดใส่ทรัว แต่มันก็เป็นอย่างงี้ตลอดแหละ ฟอด ทรัวหอมแก้ม
“ทรัว!!” เขาหันไปถลึงตาใส่คนที่ขโมยหอมแก้ม
“...” ไวกว่าแสงและเสียงก็พี่ชายเขาทั้งสองรีบวิ่งเอาผ้าและทิชชูเข้ามาเช็ดที่แก้มเขาทันที
“แก้มที่รักกูช้ำหมด ไอ้คนฉวยโอกาส สิวจะขึ้นไหม หรือว่าจะเป็นขี้กลากว่ะ ไม่น้า..”
“แก้มเบบี้จะเป็นไรไหมเนี่ย เฮียว่าไนน์ไปล้างหน้าก่อนเถอะ ถูสบู่ด้วย แม่บ้านของแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อด้วย”
“พอๆ เลิกแกล้งกันได้แล้ว น้องมาทีไรตีกันตลอด”
“โห ปู่ก็น้องของพวกผมน่ารักขนาดนี้ ไม่ให้หอมไม่ให้กอดจะได้เหรอครับ”
“ใช่ มึงพูดดีที่สุดในชีวิตมึงเลยไอ้ทรัว แต่แค้นนี้กูฝากไว้ก่อน กล้าล่วงล้ำสิ่งที่น่ารักที่สุดในโลกได้”
“ใช่ค่ะ นมก็เห็นด้วย คุณหนูไนน์ของนมน่ารักที่สุดเวลาอยู่บ้าน อ้อนก็เก่ง คุยก็เยอะแตกต่างเวลาอยู่นอกบ้านนะคะ” นมแย้มพูดคุยขณะตักข้าวใส่จานให้เขา
“เวลาเราอยู่กับคนที่เรารักจนจะอ้อนไม่ได้นิครับ อ๋อ..แล้วไม่ต้องมามองนะ อ้อนแค่ปู่กับนมที่เหลืออด” ประโยคสุดท้ายเขาพูดกับพี่ชายทั้งสามคน คนที่ฟังก็หุบยิ้มทันที น้องชายที่พวกเรารักและทะนุถนอมราวกับไข่ในหินไม่ค่อยแสดงความรักแก่พวกเขาหรือจะให้พูดอีกว่าน้องรำคาญพวกเขาน่าจะใช่มากกว่าอีก
“พวกคุณไม่บอกนมก่อนว่าจะมา นมเลยไม่ได้ทำของโปรดแต่ละคนไว้ให้ทาน”
“แค่เป็นฝีมือนมแย้ม จิทานได้ครับ” ฮาจิตักอาหารใส่ปากเขี้ยวตุ้ยๆ เอาใจนมแย้ม
ปู่และหลานๆ ทั้งสามร่วมกันกินอาหารกันไป ถามเรื่องทั่วๆ ไป เรื่องงานนิดหน่อยจนเข้ามาถึงเรื่องนี้
“น้องไนน์ไปเที่ยวสมุย สนุกไหมครับ” ทูถามขึ้นมาแบบไม่บอกกล่าว
“คะ สนุกครับ” คนที่มีชะงักติดที่หลังตอบไม่เต็มเสียง
“ไม่ค่อยสนุกเหรอลูก ตอบไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่” ปู่หันมาถามระหว่างที่เขาตักวางชิ้นปลานิ่งบนจานข้าวปู่
“สนุกครับ สนุกสาวๆ เยอะด้วย”
ส่วนพี่ๆ ทั้งสามคน จับกระแสความผิดปกติของน้องชายสุดที่รักได้ พวกเราหรี่ตามองน้องชาย และส่งสายตามองพยักหน้าอย่างที่รู้กันว่า เขาทั้งสามกำลังส่งกระแสจิตคุยกัน
...กูไปเค้นไอ้คีนก่อนกลับ.. ทู
...กูจะหลอกล่อให้น้องหลุดพูด...ทรัว
...กุจะสั่งคนตามติดน้องเอง..ฮาจิ
...สามคนนี้เงียบไป วางแผนไรกันว่ะ...ไนน์
“น้องไนน์ครับ ได้ไปเที่ยวคืนฟลูมูนเปล่า ไปกับใครเหรอครับ” ทรัวถามแบบไม่มองหน้า อาการแบบถามผ่านๆ แต่หูนี่เอียงฟังเต็มที่
“ไปดิ พลาดได้ไงไปกับพี..ไปกับคีนไง” ขมวดคิ้วมองหาทรัว “สงสัยอะไรมิทราบ” กดเสียงต่ำถาม
“เปล่าไม่มี” เปล่าที่แบบเสียงสูงนะพร้อมกับยิ้มกว้างมาให้
เสียงพูดคุยเงียบหายไปแทนด้วยเสียงช้อนและส้อมที่กระทบกันแทน พวกเขาทำงานหนักไม่ค่อยได้กินอาหารที่รสชาติคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กบ่อยนัก มื้อนี้พวกเขาจึงอิ่มเอมอย่างมาก
“เอาของหวานกันไหมเด็กๆ”
“เอาครับ” เขารีบตอบปู่ เขาชื่นชอบของหวานที่สุด
“ที่รัก เรายังเล่าเรื่องไปสมุยให้ทูฟังไม่จบเลยนะครับ” ทูจ้องมองมาที่เขา ยกยิ้มมันมีเสน่ห์ที่ใช้ตกใครๆ หลายๆ คน แต่ไม่มีผลต่อคนในตระกูลศิริกิจวัชรโชติที่มองว่ามันคือรอยยิ้มแห่งความกวนตีนซะมากกว่า
“เพราะพวกเฮียไม่ได้ไปด้วย น้องต้องเล่าให้ฟังหน่อยสิ”
“ใช่จิก็อยากฟังด้วยคน” ส่วนสองคนที่เหลือเท้าคางรอเลย
...เข้ากับเป็นเหล้า โซดาและน้ำแข็งนะ...
“กินของหวานดีกว่า นมยกมาแล้ว ของหวานมีอะไรเหรอครับนม” รีบเปลี่ยนเรื่อง เมื่อหันไปเห็นแม่นมของเขายกของหวานมา
“น้องไปเที่ยว จะมาซักฟอกอะไรน้องหนักหนา แต่ถ้ามีแฟนนะพามาหาปู่ก่อนไอ้พวกนี้นะ” คนปู่ดักคออย่างเร็วด่วน
“แฟนเฟินอะไรปู่ ไม่มี๊”
“อะไร คุณไนน์ของนมจะมีแฟนเหรอคะ” นมแย้มร้องเสียงหลง ขณะวางถ้วยหวานตรงหน้า “ต้องพามาให้นมรู้จักนะคะ นมอยากเห็นจังคนที่ได้ใจคุณไนน์ไปหน้าตาจะเป็นไงเน้อ” นมแย้มพูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข เธอรักเขาราวกับลูกชายที่เบ่งคลอดออกมาด้วยซ้ำ เมื่อที่จะได้เห็นว่าลูกชายคนนี้จะมีคนมาดูแลยิ่งทำให้เธอเป็นสุขและตอนตายตาหลับสักที
“ก็บอกแล้วไงครับว่าไม่มี แค่ชั่วคราวไม่ค้างคืนแหละนม” เขาพูดราวกับเรื่องอย่างว่าเป็นเรื่องปกติ ส่วนนมที่ฟังนั้นอายหน้าแดงแถมตีลงบนแขนของเขาบางๆ
“คุณไนน์ดับฝันนมอีกอีกแล้ว”
“อาหารมื้อนี้อร่อยที่สุดในโลกเลยนม” ชมเสร็จแล้วเขาเข้าไปกอดและหอมแก้มนมแย้มไปหนึ่งฟอดเป็นการขอบคุณไปในตัว
“ผมของตัวไปดูพวกการ์ดหน้าใหม่หน่อยนะครับ เห็นแฝดเกาบ่นๆ ว่าช่วงนี้ที่สนามมีเรื่องบ่อย” ทูบอกกล่าวแล้วเดินไปยังโรงฝึกการ์ดทางด้านหลัง
“กูไปด้วย” ทรัวและฮาจิพูดโพล่งพร้อมกัน และทั้งสามก็เดินออกไปจากห้อง
“นี่ก็ดึกแล้ว ไนน์ว่าจะขอตัวนะครับปู่” เขาลุกจากเก้าอี้ลงไปนั่งคุกเข่าด้านข้างปู่ สวมกอดชายผู้เป็นที่รักที่สุดในชีวิต
“อืม ดูแลตัวเองนะลูก ว่างๆ มาหาปู่บ่อยนะ” ชายสูงวัยเอามือลูบหลานรักด้วยความเอ็นดู ก่อนจะก้มลงหอมหัวไปอีกที
“ครับปู่ รักปู่นะครับ”
หลังล่ำลากันเสร็จเขาก็เดินมายังรถที่มีบอดี้การ์ดยืนอยู่ข้างๆ แต่ที่แปลกใจไอ้คนที่บอกว่าจะไปที่โรงฝึกไหงมายืนอยู่กับบอดี้การ์ดของเขา คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย และอาการคีนตอนนี้เหมือนสอบปากคำมากกว่าพูดคุย
“คีน!” ทั้งสามสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของเขา “ทำไรกัน? คุยไรกัน?” เมื่อก้าวมาถึงยืนข้างๆ คนของเขา ประจันหน้ากับพี่ชายทั้งสาม
“เฮียมาทักทายตามประสาเจ้านายอีกคนและฝากฝังให้ดูแลเราดีๆ อย่าตามใจเรามากนักแค่นั้นเอง” ทูเป็นคนเอ่ยปากตอบตามสไตล์พี่ชายคนรอง ตบบ่าหนาของคีนและหยักไหล่เดินหนีออกไปยังรถยนต์และขับออกไป
“แล้วเฮียๆ ล่ะ มีอะไรหรือเปล่า” เขาหันไปจ้องมองคนที่เหลือ
“เฮียเห็นทูกำลังคุยอยู่ก็เลยมาฟังด้วย” ทรัวพูดและยกมือบอกว่าไม่มีอะไร
“เฮียก็เดินตามเฉยๆ แค่นั้น” และทั้งสองก็เดินยังรถของตัวเองและสตาร์ทเครื่องยนต์
“น้องไนน์ของทรัวไปก่อนนะครับ ฝันดีนะ” ทรัวโบกมือลาและขับรถออกไป
“เบบี้ถึงคอนโดแล้วบอกเฮียด้วยนะ ฝันดีครับ” ออกรถไปด้วยอาการเดียวกับคนก่อนหน้านี้
“แปลกว่ะ ทำไมพวกนี้มันยอมไปง่ายๆ ยิ่งทูไปแบบไม่บอกลา พวกนี้กินยาผิดหรือนมใส่อะไรลงในกับข้าวหรือเปล่า พวกนี้ไม่วุ่นวาย ยิ่งคิดยิ่งแปลก” เอียงคอไปมาด้วยตามด้วยยู้ปากความงุนงงในอาการพี่ชายทั้งสาม
“...” คีนยืนมองเจ้านายที่เผลอทำท่าน่ารักอีกแล้ว เขาอยากจะยกมือถือมาถ่ายคลิปและเอาไปไว้ขายให้แก่พี่ๆ ของเจ้านายเขา คงได้ราคาดีถ้าประมูลราคาสูงแน่ๆ
“คีนมึงว่าพวกนั้นมันแปลกไหมว่ะ”
“เอ่อ..” คีนได้สติกลับคืนมาหลุดจากความน่ารักของเจ้านาย
“ว่าแต่กำลังคุยอะไรกัน” เปรยตาหันไปมองคีน
“คุณทูมาถามเรื่องที่ไปเที่ยวมานะครับ”
“แล้ว?”
“ผมยังไม่ทันตอบอะไร คุณไนน์ก็มาก่อน” คีนก้มหน้าตอบ โชคดีที่เจ้านายเขามาก่อน ถ้ามาช้ากว่านี้ไม่รู้ว่าจะโดนซักอะไรไปบ้าง ยิ่งโดนรุมสามแบบนี้ เก่งแค่ไหนก็หลุดพลาดได้ พวกพี่ๆ เจ้านายเขาเก่งที่สุดเรื่องของน้องชายสุดที่รัก
“มิน่าล่ะ ถึงออกไปอย่างรวดเร็ว ปะกลับคอนโดกัน”
ระหว่างทางกลับคอนโด เขาได้แต่นั่งมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ข้างทาง เขาพยายามลบความทรงจำที่สมุยออกจากหัว เขาอยากลืมคนคนนั้นให้มากที่สุด ไม่ใช่คนนั้นทำให้เขาเกลียดหรือว่าแต่อย่างใด แต่กลับเป็นคนแรกที่ทำให้รู้สึกดีต่างหาก เขาหลับตาเอาหัวพิงไปกับเบาะปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลง ภาพที่พยายามลืมกลับผุดขึ้นมา
Tbc…
Comments (0)