9

 

วันถัดมาขบวนเจ้าสาวออกเดินทางแต่เช้าตรู่มุ่งหน้าไปยังชายแดนทิศบูรพา

"คุณหนู ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ"

หวานเอ๋อร์ถามอย่างห่วงใย เมื่อเห็นว่านายตนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

"ข้าพะอืดพะอม บอกให้หยุดพักก่อนได้หรือไม่"

หรงลี่จูไม่เคยนั่งรถม้าเดินทางไกล ยาวนานเช่นนี้มาก่อน จึงไม่ชินกับเส้นทางที่ขรุขระ

"หยุดก่อนเจ้าค่ะ คุณหนูอยากพักสักหน่อย"

หวานเอ๋อร์ เปิดม่านร้องบอกทหารนำขบวนจนเขาต้องสั่งหยุดและควบม้ามาที่หาฮูหยินน้อยที่รถม้า

"เอ่อ เกรงว่าตรงนี้จะไม่เหมาะแก่การหยุดพัก ฮูหยินใช้เวลาไม่นานก็จะถึงประตูเมืองหน้าด่านแล้ว อดทนอีกหน่อยได้หรือไม่ขอรับ?"

เสียงนายทหารนำขบวนเอ่ยถามอย่างห่วงใย เขารู้สึกไม่สู้ดีนัก กลัวว่าการเดินทางส่งมอบเจ้าสาวครั้งนี้จะก่อเกิดข้อผิดพลาด หรืออันตรายแก่ฮูหยินน้อยได้ เขามองว่าเขตแดนตรงนี้ค่อนข้างใกล้ชายแดน เกรงว่าศัตรูอาจจะกำลังซุ่มอยู่เป็นแน่ ข่าวการสมรสนี้หากไปถึงหูศัตรู แล้วพวกมันอยากจะแก้แค้นท่านรองแม่ทัพ การพรากสตรีที่จะมาเป็นฮูหยินไปแบบนี้แม้จะเป็นเรื่องต่ำทราม แต่ก็ถือเป็นการสั่งสอนหยามเกียรติท่านรองแม่ทัพได้เป็นอย่างดี

"เจ้าบอกข้าเช่นนี้มาหลายคราแล้ว หากไม่พักเช่นนั้นชุดข้าคงได้เรอะเปรอะเปื้อนไปด้วยอาหารมื้อเที่ยงเป็นแน่!!"

คุณหนูใหญ่ตวัดสายตามองหน้านายทหารผู้นั้นอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะโผล่ใบหน้าออกมาสูดอากาศภายนอก รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียด ทุกคนไม่กล้าขัดใจนาง แต่อีกสิ่งที่นางรู้สึกได้ คือป่าเงียบเกินไป ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงนก หรือสัตว์ป่าในละแวกนี้เลย

'ไม่ได้การแล้ว ดีที่ข้าอ่านนิยายปรัมปรามามาก'

"เจ้า เจ้าว่าจากตรงนี้ถึงค่ายทหารของรองแม่ทัพ ใช้เวลานานเท่าไรกว่าเขาจะมาถึง.."

"เอ่อ ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามขอรับ"

"ดี เช่นนั้นเจ้ารีบส่งม้าเร็วไปแจ้งข่าวว่าข้ามาแล้ว ให้รองแม่ทัพรีบมารับข้าด้วยตัวเอง นี่ป้ายหยกของข้า"

คุณหนูใหญ่ปรับอารมณ์ให้สงบลง แอบยื่นป้ายหยกประจำตัวให้ ก่อนจะรับสั่งบางอย่างเพิ่ม

"ส่วนตัวเจ้าสั่งให้เคลื่อนขบวนเสีย และบอกทหารทุกนายตื่นตัวไว้ อันตรายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ!!"

สั่งเสร็จคุณหนูใหญ่ก็ปิดม่านทันที นางนั่งภาวนาในใจอย่าให้เกิดเหตุร้ายใดขึ้นก่อนที่ทหารในสังกัดของไป่หนิงหลงจะมา หากใช้ม้าเร็วไม่แน่ว่าจะยังมาทัน

"เกิดเหตุอันใดขึ้นเจ้าคะ"

"หวานเอ๋อร์ เจ้าเตรียมสิ่งของจำเป็นเอาไว้ให้ดี จำเอาไว้หากเกิดอันใดขึ้น รีบหนีไปไม่ต้องห่วงข้า"

"คุณหนูทำไมพูดเช่นนั้นเจ้าคะ"

ยังไม่ทันที่คุณหนูใหญ่จะตอบอันใด ลูกธนูดอกหนึ่งก็ทะลุม่านเข้ามาในรถม้า พร้อมกับเสียงตะโกนอันดังลั่นของชายฉกรรจ์กว่าครึ่งร้อย เสียงพลุส่งสัญญาณของทหารนำขบวนถูกจุดพร้อมกับการปะทะกันของพวกเขา

"คุ้มกันฮูหยิน"

"ลุยยย"

"อร๊ายยย"

เสียงคมดาบปะทะกันดุเดือด  รถม้าจอดนิ่งไม่ไหวติ่ง หวานเอ๋อร์เปิดม่านแอบดูบรรยากาศภายนอกว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร

"ทหารฝ่ายศัตรูเจ้าค่ะ มามากเหลือเกินเจ้าค่ะ"

"หวานเอ๋อร์ลงจากรถม้าก่อนเถิด"

คุณหนูใหญ่หาช่วงเวลาจังหวะที่ชุลมุนพากันหนีจากการเป็นเป้านิ่ง เมื่อศัตรูมีมากเกินไปทหารที่ยืนหยัดอยู่ตอนนี้มีเพียงไม่กี่นายเท่านั้น เสียงคมดาบที่ฟาดฟันกันยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ศัตรูมากมายพยายามกรูเข้าหาตัวนาง แต่ทหารหัวหน้านำขบวนถือว่ามีฝีมืออยู่ เขายังสามารถยืนหยัดเอาไว้ได้ แต่หากนานกว่านี้เกรงว่าผู้ใดก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดไปได้แม้กระทั่งหรงลี่จูเอง

 

ฟิ้วว ฉึก

ธนูหนึ่งดอก ผ่านหน้าคุณหนูใหญ่ไป ปักเข้าที่อกซ้ายของศัตรูที่ย่างสามขุมมาหานางและสาวรับใช้ที่หลบอยู่หลังต้นไม้

"ลุยยย"

"ทหารราดตระเวนมาช่วยเราแล้วๆ "

เสียงทหารนำขบวนตะโกนร้องบอก เมื่อเห็นกองหนุนทหารราดตระเวนของกองทัพราวๆ สิบนาย กรูเข้ามาในสนามรบย่อมๆ หลังจากที่นายกองเห็นพลุส่งสัญญาณที่มีเฉพาะในวังหลวง เขารีบพาทหารในสังกัดขี่ม้ามายังจุดเกิดเหตุ ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นมาก ทหารแค่สิบนายแต่สามารถสู้กับศัตรูมากกว่าหนึ่งคนได้ ไม่เสียชื่อว่าเป็นทหารในสังกัดแม่ทัพไป่ อย่างน้อยก็สามารถยื้อต่อได้อีกพักใหญ่

 

ควบ ควบ ควบ 

เสียงม้าศึกวิ่งมาแต่ไกลด้วยความเร็ว หรงลี่จูที่หลบอยู่หลังต้นไม้ใกล้ๆ หันไปมองต้นเสียงก่อนจะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว นางเห็นไป่หนิงหลงควบม้าเข้ามาใกล้สีหน้าเคร่งขรึมเต็มไปด้วยความกังวล

"คุณหนูระวัง!!"

เสียงหวานเอ๋อร์ดังขึ้นก่อนจะผลักร่างคุณหนูใหญ่ออกไปจากคมดาบที่พุ่งมาทางที่นางอยู่

"อร๊ายยย"

หรงลี่จูก้มศีรษะลงอย่างตกใจที่เห็นศัตรูง้างแขนขึ้นเตรียมฟาดดาบลงมาที่นางอีกครา

 

ฉึก

เสียงดาบทะลุร่างศัตรูผู้นั้นก่อนที่มันจะได้ฟาดดาบในมือลงมาที่ร่างของหรงลี่จู เป็นท่านรองแม่ทัพที่ตัดสินใจสละดาบตนเองเพื่อปกป้องนาง

หรงลี่จูหันไปมองทางที่ไป่หนิงหลงกำลังควบม้ามา เห็นว่าเขาหลบคมดาบของศัตรูบนหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะใช้ดาบของพวกมันคืนสนองกำจัดพวกมันให้สิ้น นางทั้งอึ้งทั้งทึ่งที่มีโอกาสได้เห็นท่านรองแม่ทัพอย่างเขาบู๊กับตา ข่าวลือที่ว่าเขาเก่งนักหนาไม่ผิดเพี้ยนไปเลย นางมองว่าเขานั้นเก่งมากๆ เสียด้วยซ้ำ

'(ว่าที่) สามีของข้า ยอดเยี่ยมจริงๆ'

ใช้เวลาไม่นานเหตุการณ์ก็สงบ แต่..ผืนดินกลับนองเต็มไปด้วยเลือด เมื่อไป่หนิงหลงมาด้วยตัวเองศัตรูที่หลงเหลืออยู่ก็ไม่คณามือของเขา

"ฮูหยิน"

เสียงไป่หนิงหลงเอ่ยเรียกสติหรงลี่จู ก่อนจะยื่นมือส่งให้นาง เมื่อเห็นว่ารถม้าที่นางนั่งมาพังไม่เป็นท่าไม่สามารถใช้งานได้อีก หรงลี่จูมองมือเรียวหนาที่ส่งมานั้น หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ คล้ายกับถูกเขาถามว่าหลังจากนี้นางพร้อมจะเดินเคียงคู่ไปด้วยกันหรือไม่?