5 ตอน 4 พระปิตุจฉาคือไทเฮา
โดย เซียนหนวี่เยาเยา
4
คุณหนูใหญ่ยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะเดินไปพยุงพระปิตุจฉา หรือไทเฮาไปยังโต๊ะอาหาร เพื่อรับประทานอาหารร่วมกันเป็นประจำเช่นทุกเดือน
"ถวายพระพรไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ/ถวายพระพรไทเฮาเพคะ"
เสียงผู้เป็นน้องเอ่ยคารวะผู้เป็นพี่เช่นเดียวกับฮูหยิน
มุมปากพระปิตุจฉายกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่นที่น้อยคนในวังหลวงจะเห็น ก่อนพระนางจะเอ่ยถามถึงหลานสาวอีกคน
"แล้วจิ่นเอ๋อร์ไปไหนเสียเล่า"
"ขออภัยเพคะ จิ่นเอ๋อร์มาช้า.."
"นั่งเถอะ ไม่ต้องมากพิธี ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ฮ่าๆ ข้ามีเรื่องจะไถ่ถามเจ้าเสียหน่อย"
'ต้องมีสิ่งใดไม่ถูกต้องแน่ เหตุใดพระปิตุจฉาถึงเอ่ยเช่นนั้น ข้าจำได้ว่า... ไม่นะ!!!'
'เจ้ากับอ๋องจื่อชอบพอกันอย่างนั้นหรือ?'
"เจ้ากับอ๋องจื่อชอบพอกันอย่างนั้นหรือ?"
อยู่ๆ ภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตก็ซ้อนทับกันในสายตาของหรงลี่จู
'คำถามเดียวกัน แต่เหตุใดครั้งนี้พระนางถึงได้หันไปถามจิ่นเอ๋อร์ได้เล่า?'
คุณหนูใหญ่ได้แต่จ้องมองทั้งคนสองคนตาไม่กะพริบ คิดไปถึงคำพูดที่จะออกจากปากของจิ่นเอ๋อร์ออกทันที
'เหตุใดพระนางถึงถามเรื่องน่าอายบนโต๊ะอาหารเช่นนี้เล่าเพคะ'
"เหตุใดพระนางถึงถามเรื่องน่าอายบนโต๊ะอาหารเช่นนี้เล่าเพคะ"
'จะต้องอายไปไย พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน รีบบอกข้ามาเถอะ หากเจ้ามีใจดังเช่นบิดาของเจ้าว่า ข้าจะแบกหน้าพูดทาบทามกับฝ่าบาทให้เอง'
"จะต้องอายไปไย พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน รีบบอกข้ามาเถอะ หากเจ้ามีใจดังเช่นบิดาของเจ้าว่า ข้าจะแบกหน้าพูดทาบทามกับฝ่าบาทให้เอง"
'พระปิตุจฉา'
"พระปิตุจฉา"
'ให้ตายเถิด นี่มันนิยายในโรงละครน้ำชาหรืออย่างไร คำพูดของน้องรองถึงได้ถอดแบบมาจากข้าแบบนี้...'
'...ไม่ได้ข้าจะไม่ยอมให้มีงานอภิเษกสมรสของพวกเจ้าเกิดขึ้นเป็นแน่! ขืนข้าปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ต่อไปสกุลหรงต้องจบสิ้นแล้วแน่แท้'
"ไทเฮา~ พระนางทรงอย่าได้เย้าน้องรองเล่นเช่นนั้นสิเพคะ"
"เจ้าเองก็เถิด อย่าได้พูดมากความไป เจ้าคิดชื่นชอบบุรุษสกุลใดก็ให้รีบแจ้งแก่พระปิตุจฉาไป พ่อเองก็อายุอานานมากขึ้นทุกปี อยากจะอุ้มหลานตอนที่ยังมีพละกำลังอยู่"
คุณหนูใหญ่หันขวับไปมองผู้เป็นบิดาอย่างพยายามอดทนอดกลั้นที่ได้ยินท่านพ่อกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะปั้นใบหน้ายิ้มตอบกลับไป
"ลูกก็ว่า.. แต่ทำอย่างไรได้เล่าท่านพ่อ ลูกยังไม่พานพบชายใดที่ต้องตาต้องใจ แต่จะให้น้องรองแต่งออกไปก่อนพี่สาว จะไม่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติของสกุลหรงของเราหรอกหรือ น้องรองปีนี้ก็เพิ่งจะอายุย่าง 17 รออีกเสียหน่อยจะเป็นไรไปเจ้าคะ"
"ขอบคุณพี่หญิงที่ตักเตือนเจ้าค่ะ น้องเห็นตามพี่หญิงทุกประการ จะให้น้องแต่งออกไปก่อนพี่สาวได้อย่างไร"
"เช่นนั้นหรือ?"
พระปิตุจฉามีสีหน้าคล้อยตาม กับคำพูดของหลานสาวทั้งสอง เมื่อเป็นเช่นนั้นคุณหนูใหญ่ก็เบาใจ มั่นใจว่าหญิงชั่ว ชายโฉดจะยังไม่ตบแต่งกันเร็วๆ นี้แน่แท้
"แล้วจูเอ๋อร์ชอบบุรุษเช่นใดเล่า?"
"นั่นสิ จูเอ๋อร์เจ้าชอบพวกบัณฑิตหรือไม่?"
"บัณฑิตหรือเจ้าคะ ฉลาดก็ดี.. แต่แก่เรียนไปเห็นจะไม่เข้ากับข้า"
"ถ้าอย่างนั้นเจ้าชอบบุรุษองอาจชาตินักรบหรือไม่?"
ผู้เป็นบิดาหันมาถามต่อ อย่างต้องการรู้คำตอบ
"มีวรยุทธ์ ลูกก็ว่าดี ปกป้องคุ้มครองครอบครัวได้ แต่ลูกอยากเป็นเมียเอกเมียเดียว และไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังกับปัญหาการชิงดีชิงเด่นในราชสำนักเหมือนสกุลอื่น"
คุณหนูใหญ่คิดตามก่อนตอบคำถามเหล่านั้น นึกผสมโรงถึงเรื่องราวในอดีต เปรียบเทียบกับพระสวามีเก่าในชาติภพก่อนอย่างสวีจวิ้นอ๋อง
"เช่นนั้นหรือ"
พระปิตุจฉาระบายยิ้มออกมา ก่อนจะเอ่ยถึงงานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นสำหรับวันพรุ่งนี้ เห็นว่านี่เป็นครั้งแรกที่ท่านรองแม่ทัพอาสากำศึกแทนผู้เป็นบิดา ออกศึกเป็นแม่ทัพคุมบังเหียนยกทัพนำทหารสองพันนายตีขนาบเอาเมืองชายแดนคืนมา ในระยะเวลาไม่ถึงสามเดือนก็นำทัพยึดเอาเมืองกลับคืนได้สำเร็จ ถือเป็นความดีความชอบใหญ่หลวง
สายมากแล้วแต่คุณหนูใหญ่ยังคงนอนกลิ้งไปมาบนเตียง พยายามนึกถึงรายละเอียดปลีกย่อยในช่วงเวลานี้
ครั้งนั้นนางจำได้ว่าสวีจวิ้นอ๋องลักลอบส่งจดหมายนัดพบมาที่เรือนของนาง เพียงแต่.. ครั้งนี้จดหมายที่ว่านางยังไม่เห็นเลยสักครั้ง
'เกิดเหตุผิดพลาดอันใดขึ้นกันแน่?'
คุณหนูใหญ่ลุกขึ้นเดินวนไปมา ก่อนจะถอนหายใจเลิกคิดกังวลเรื่องดังกล่าว เรียกให้หวานเอ๋อร์เข้ามาช่วยตระเตรียมน้ำท่า เพื่อแต่งกายออกไปงานเลี้ยงที่ว่า
บุตรีมากหน้าหลายตาของคนในราชสำนักยศน้อยใหญ่ต่างแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่หรูหราประดับด้วยเครื่องประดับทั้งเพชร นิลจินดา ทอง เต็มศีรษะอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ทั้งยังออกแบบแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าอย่างฉูดฉาดเพื่อพยายามดึงดูดบุรุษต่างเพศที่มีฐานะทางสังคมเทียบเท่ากันให้เข้าหา งานเลี้ยงฉลองนี้จึงถือเป็นโอกาสในการพบปะสังสรรค์กับบุรุษต่างเพศอย่างเปิดเผย ไม่แน่หากพวกนางโชคดี วันดีคืนดีอาจมีสมรสพระราชทานเกิดขึ้นที่จวนเป็นแน่
คุณหนูใหญ่ถอนหายใจเบาๆ นางคิดถูกแล้วที่วันนี้สั่งให้หวานเอ๋อร์ช่วยเลือกชุดกับเครื่องประดับสีเรียบมา ไม่เช่นนั้นเดินสวนกับพวกนาง คงได้มีหลงเรียกชื่อผิดเป็นแน่ เมื่อบางอย่างที่มันมากเกินไปมารวมอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้ดูสวนงามไปเสียหมด สำหรับหรงลี่จูมองว่ามันดูรกตาเสียมากกว่าเมื่อแต่ละคนต่างพากันแต่งมาประชันโฉมกันเช่นนั้นจนไม่เหลือเค้าความงามเดิม
"พี่หญิง ข้าขอเอากล่องของขวัญไปให้ท่านพ่อของเราก่อน แล้วเดี๋ยวข้าจะตามท่านไป เกรงว่าท่านพ่อจะรีบร้อนออกมาจนลืมเจ้าค่ะ"
"อืม.. เจ้าไปเถอะ"
คุณหนูใหญ่ปรายตามองก่อนจะแสร้งยิ้มตอบกลับ นางเองก็อึดอัดมามากพอแล้ว ไม่รู้ท่านพ่อกับท่านแม่จะรีบร้อนไปไย ถึงปล่อยให้นางมากับยัยน้องสารเลวนี้ แค่หน้าก็ไม่อยากจะมองแล้ว
'ใช่แล้ว.. ถ้าลองไปยังจุดนัดพบนั่นข้าจะเจอชายชั่วนั่นหรือไม่!?'
คุณหนูใหญ่ยิ้มออก กึ่งเดินกึ่งวิ่งใช้เส้นทางลัดไปยังจุดนัดพบในภพชาติก่อนที่สวีจวิ้นอ๋องเคยนัดพบนาง
ปึก!
"โอ๊ย"
แต่อาจเพราะรีบเร่งเกินไป ทำให้นางชนเข้ากับบางอย่าง
'เอ๊ะ.. ที่ชนเมื่อครู่ ทำไมข้าไม่ล้ม ทำไมข้าถึงไม่เจ็บบั้นท้ายเล่า แล้วสัมผัสที่เอวข้านี่คืออันใด'
Comments (0)