3

 

"ฮ่าๆ อย่างที่ข้าได้ตรัสไปแล้ว ข้าไม่ได้รักใคร่ในตัวน้องสาวของเจ้าแต่อย่างไร ที่แสดงออกไปก็เพียงแค่เอ็นดูดั่งน้องสาวเท่านั้น"

'หึ ดังน้องสาวรึ พี่ชายที่ไหนจะอยากจับมือถือแขน กอดรัดน้องสาวบ้าง! อย่าคิดว่าการกระทำของเจ้าข้าจะไม่เห็นนะ!'

"จริงแท้หรือเพคะ"

คุณหนูใหญ่ตีเนียนตามน้ำคล้อยตามไป เข้าถึงบทสตรีผู้โง่เขลาได้อย่างสมบูรณ์

"จริงแท้แน่นอน แต่หากจะถามว่าข้าชอบพอผู้ใด ก็เห็นจะไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้เสียเท่าไร"

"ท่านอ๋อง~"

คุณหนูใหญ่แสร้งทำขวยเขินกับคำพูดและท่าทางนั้นของเขา เอียงข้างซบอกหนาอย่างแกล้งยืนไม่นิ่ง ก่อนจะขอโทษขออภัยและเชิญเขาประทับบนม้านั่งเสวยสำหรับขนมและน้ำชาที่นางเตรียมไว้ สายตามองผ่านพระอังสาของสวีจวิ้นอ๋องไปเห็นเพียงแผ่นหลังของหรงลี่จิ่นที่เดินจ้ำไปยังเรือนที่พักของนาง

 

 

- รุ่งอรุณวันใหม่ -

"คุณหนูๆ ตื่นเถอะเจ้าค่ะ"

เสียงสาวรับใช้ดังอยู่ข้างใบหู พยายามปลุกนายของตนให้ตื่นจากฝัน

"มีอันใด เหตุใดต้องร้องโวยวายเสียงดังตั้งแต่เช้า"

คุณหนูใหญ่งัวเงียตื่นขึ้นมา ถามถึงสาเหตุที่หวานเอ๋อร์เร่งเร้านางเช่นนี้

"รีบแต่งตัวก่อนเถอะเจ้าค่ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว"

หวานเอ๋อร์เร่งเร้าคุณหนูของตนให้ลุกจากเตียงนอน

"หากไม่มีเรื่องสำคัญคอยดูข้าจะลงโทษเจ้าให้หนัก"

คุณหนูใหญ่คาดโทษลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาแต่งตัวตามที่สาวรับใช้คนสนิทร้องบอก

"เจ้าจะบอกข้าได้หรือยัง เกิดอันใดขึ้นกันแน่"

"ท่านอ๋อง สวีจวิ้นอ๋องเสด็จเจ้าค่ะ"

"แค่นี้เอง เจ้าไม่เห็นต้องรีบร้อนอันใดเลย"

"แต่ว่า..ตอนนี้คุณหนูรองนาง.."

"เอาน่าให้เวลาพวกเขาพูดคุยกันเสียหน่อยจะเป็นไร"

คุณหนูใหญ่ยิ้มกริ่ม คิดว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นเป็นแน่ สตรีนางใดเล่าจะยอมให้ชายคนรักไปยืนพลอดรักกับสตรีนางอื่นได้

"แต่..คุณหนูชอบพอกับท่านอ๋องไม่ใช่หรือเจ้าคะ?"

"ผู้ใดว่า ข้าไม่มีวันจะตกหลุมรักเขาอีกเป็นแน่!"

"เช่นนั้นเมื่อวาน..."

"ข้าแค่อยากให้จิ่นเอ๋อร์เห็นธาตุแท้ของพระองค์เท่านั้น อย่าพูดให้มากความ ไปเตรียมเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ที่เพิ่งตัดเย็บแล้วเสร็จเมื่อวันก่อนมาให้ข้า"

"เจ้าค่ะ"

คุณหนูใหญ่ยิ้มพอใจ ก่อนจะออกไปต้อนรับสวีจวิ้นอ๋องอีกคน แต่ภาพเบื้องหน้าต้องทำให้นางโมโหยกใหญ่

'นี่มันสตรีประเภทไหนกัน เห็นคาตาเช่นนั้น แล้วเจ้ายังมีแก่ใจพลอดรักกับบุรุษเช่นนี้ได้อีกหรือ!?'

คุณหนูใหญ่พึมพำในลำคอ เมื่อเห็นน้องสาวของตนยังปล่อยให้ชายชั่วกอดรัดร่างกายได้ตามอำเภอใจ

'หึ เจ้าคงไม่ได้ถูกบีบแล้วเพิ่งจะเลวทรามหลังข้าอภิเษกสมรสไปสินะ มันคงจะเป็นสันดานของเจ้าตั้งแต่เกิดเป็นแน่ ที่ผ่านมาอันใดมาบังตาข้าเอาไว้ถึงไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาวข้าเป็นสตรีเช่นไร'

"แฮ่ม"

คุณหนูใหญ่กระแอมเบาๆ แยกสองคนออกจากกัน ก่อนจะทำทีส่งสายตาเศร้าสร้อย ตัดพ้อถามความสัมพันธ์ของทั้งสองกับสวีจวิ้นอ๋อง

"เออ..พอดีน้องสาวเจ้าสะดุดก้อนหินเกือบจะล้ม ข้ารับไว้ได้ทันท่วงที"

"เช่นนั้นเองหรือเพคะ ..เป็นเช่นนั้นหรือไม่จิ่นเอ๋อร์?"

คุณหนูใหญ่แสร้งหันไปถามน้องสาวตนเอง อยากจะรู้ว่านางจะตอบกลับเช่นไรเหมือนกัน

"ชะ..ใช่ค่ะพี่หญิง น้องเดินไม่ดีสะดุดก้อนหินเกือบจะล้ม ดีที่ท่านอ๋องผ่านมาพอดี เลยประคองน้องไว้ได้ทัน.. เจ้าค่ะ"

"เช่นนั้นต้องขอบพระทัยท่านอ๋องแล้วเพคะ.. วันนี้ที่มามีกิจธุระสำคัญอันใดหรือไม่เพคะ"

"อ๋อ.. ข้าเป็นตัวแทนของฮองเฮามาส่งเทียบเชิญให้แม่นางทั้งสองเข้าวัง วันพรุ่งวังหลวงจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับชัยชนะของท่านแม่ทัพไป่ที่กำลังเดินทางมาถึง"

สวีจวิ้นอ๋องตรัสกิจธุระเสร็จ ก็ขอตัวเสด็จกลับ เพราะยังต้องเป็นธุระเสด็จไปอีกหลายที่ตามพระประราชประสงค์ของฮองเฮา

"งานกินเลี้ยงนี้ทำไมถึงได้เชิญเหล่าบุตรีเช่นเราเข้าวังด้วยเล่า พี่หญิงพอจะทราบหรือไม่เจ้าคะ?"

จิ่นเอ๋อร์เดินมาหยุดยืนข้างๆ พี่สาวมองดูเทียบเชิญที่ว่า

คุณหนูใหญ่ส่ายหน้า นึกไปถึงเรื่องราวในอดีต ก็พอจะคิดออกถึงสาเหตุที่ฮองเฮาทรงกระทำเช่นนี้

'จะเป็นอย่างไรได้ นอกจากพระองค์หาคู่ครองให้กับหลานชาย'

ฮองเฮาผู้นี้มีศักดิ์เป็นพี่สาวของแม่ทัพไป่ แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเว่ย และท่านแม่ทัพเองก็มีบุตรชายเพียงผู้เดียว แม้ปัจจุบันจะดำรงตำแหน่งเป็นเพียงรองแม่ทัพ แต่ไม่ถึงหนึ่งปีให้หลัง บุรุษผู้นี้จะกลายเป็นท่านแม่ทัพที่คนในราชสำนักต่างเกรงกลัว เพราะความเด็ดเดี่ยว และความเหี้ยมโหดที่มีมากกว่าผู้เป็นพ่อหลายสิบเท่า

ท่านรองแม่ทัพผู้นี้แม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับรัชทายาทแต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็แน่นแฟ้น ถือได้ว่าเขาเป็นกำลังสำคัญของรัชทายาทในภายหน้าได้เป็นอย่างดี

หากนางจำไม่ผิด ตอนนั้น.. งานเลี้ยงที่ว่านี้นางไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันนัก แม้จะเข้าวังไปแล้วนางก็หาข้ออ้างแอบหลบหนีไปยังสถานที่นัดพบของสวีจวิ้นอ๋อง จำได้รางเลือนว่าท่านรองแม่ทัพผู้นี้กล้าเอ่ยปฏิเสธงานสมรสที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้ต่อหน้าพระพักตร์ อ้างเหตุผลที่ว่าตนเพิ่งจะอายุ 20 ปี เท่านั้น

ไม่ผิดแน่ท่านรองแม่ทัพผู้นี้อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับลูกพี่ลูกน้องของนาง และเห็นว่ายังเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกันอีกด้วย คุณหนูใหญ่เองปีนี้ก็เพิ่งจะอายุย่างเข้า 18 เท่านั้น

"พระปิตุจฉาเสด็จ~"

'พระปิตุจฉา ใช่แล้ววันนี้ไทเฮาเสด็จมาที่จวนตรงกับมื้อเย็น'

คุณหนูใหญ่ยิ้มดีใจ อยากเห็นพระพักตร์ท่านเต็มแก่ นางรีบออกไปต้อนรับด้วยตัวเองยิ้มระรื่นน้ำตาคลอ

"เห็นหน้าข้า ต้องร้องไห้ถึงเพียงนี้เลยหรือ?"

พระปิตุจฉาพูดอย่างเอ็นดูที่คุณหนูใหญ่ของบ้านน้ำตารื้นขึ้นเสียอย่างนั้น

'พระนางไม่เข้าใจหม่อมฉันหรอกว่าหม่อมฉันดีใจสักเพียงใด เพราะคนชั่วช้านั้น ท่านถึงได้สิ้นพระชนม์ก่อนวัยอันควร พวกมันสารเลวยิ่งนัก!'