4 ตอน 3 หญิงชั่ว ชายเลว
โดย เซียนหนวี่เยาเยา
3
"ฮ่าๆ อย่างที่ข้าได้ตรัสไปแล้ว ข้าไม่ได้รักใคร่ในตัวน้องสาวของเจ้าแต่อย่างไร ที่แสดงออกไปก็เพียงแค่เอ็นดูดั่งน้องสาวเท่านั้น"
'หึ ดังน้องสาวรึ พี่ชายที่ไหนจะอยากจับมือถือแขน กอดรัดน้องสาวบ้าง! อย่าคิดว่าการกระทำของเจ้าข้าจะไม่เห็นนะ!'
"จริงแท้หรือเพคะ"
คุณหนูใหญ่ตีเนียนตามน้ำคล้อยตามไป เข้าถึงบทสตรีผู้โง่เขลาได้อย่างสมบูรณ์
"จริงแท้แน่นอน แต่หากจะถามว่าข้าชอบพอผู้ใด ก็เห็นจะไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้เสียเท่าไร"
"ท่านอ๋อง~"
คุณหนูใหญ่แสร้งทำขวยเขินกับคำพูดและท่าทางนั้นของเขา เอียงข้างซบอกหนาอย่างแกล้งยืนไม่นิ่ง ก่อนจะขอโทษขออภัยและเชิญเขาประทับบนม้านั่งเสวยสำหรับขนมและน้ำชาที่นางเตรียมไว้ สายตามองผ่านพระอังสาของสวีจวิ้นอ๋องไปเห็นเพียงแผ่นหลังของหรงลี่จิ่นที่เดินจ้ำไปยังเรือนที่พักของนาง
- รุ่งอรุณวันใหม่ -
"คุณหนูๆ ตื่นเถอะเจ้าค่ะ"
เสียงสาวรับใช้ดังอยู่ข้างใบหู พยายามปลุกนายของตนให้ตื่นจากฝัน
"มีอันใด เหตุใดต้องร้องโวยวายเสียงดังตั้งแต่เช้า"
คุณหนูใหญ่งัวเงียตื่นขึ้นมา ถามถึงสาเหตุที่หวานเอ๋อร์เร่งเร้านางเช่นนี้
"รีบแต่งตัวก่อนเถอะเจ้าค่ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว"
หวานเอ๋อร์เร่งเร้าคุณหนูของตนให้ลุกจากเตียงนอน
"หากไม่มีเรื่องสำคัญคอยดูข้าจะลงโทษเจ้าให้หนัก"
คุณหนูใหญ่คาดโทษลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาแต่งตัวตามที่สาวรับใช้คนสนิทร้องบอก
"เจ้าจะบอกข้าได้หรือยัง เกิดอันใดขึ้นกันแน่"
"ท่านอ๋อง สวีจวิ้นอ๋องเสด็จเจ้าค่ะ"
"แค่นี้เอง เจ้าไม่เห็นต้องรีบร้อนอันใดเลย"
"แต่ว่า..ตอนนี้คุณหนูรองนาง.."
"เอาน่าให้เวลาพวกเขาพูดคุยกันเสียหน่อยจะเป็นไร"
คุณหนูใหญ่ยิ้มกริ่ม คิดว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นเป็นแน่ สตรีนางใดเล่าจะยอมให้ชายคนรักไปยืนพลอดรักกับสตรีนางอื่นได้
"แต่..คุณหนูชอบพอกับท่านอ๋องไม่ใช่หรือเจ้าคะ?"
"ผู้ใดว่า ข้าไม่มีวันจะตกหลุมรักเขาอีกเป็นแน่!"
"เช่นนั้นเมื่อวาน..."
"ข้าแค่อยากให้จิ่นเอ๋อร์เห็นธาตุแท้ของพระองค์เท่านั้น อย่าพูดให้มากความ ไปเตรียมเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ที่เพิ่งตัดเย็บแล้วเสร็จเมื่อวันก่อนมาให้ข้า"
"เจ้าค่ะ"
คุณหนูใหญ่ยิ้มพอใจ ก่อนจะออกไปต้อนรับสวีจวิ้นอ๋องอีกคน แต่ภาพเบื้องหน้าต้องทำให้นางโมโหยกใหญ่
'นี่มันสตรีประเภทไหนกัน เห็นคาตาเช่นนั้น แล้วเจ้ายังมีแก่ใจพลอดรักกับบุรุษเช่นนี้ได้อีกหรือ!?'
คุณหนูใหญ่พึมพำในลำคอ เมื่อเห็นน้องสาวของตนยังปล่อยให้ชายชั่วกอดรัดร่างกายได้ตามอำเภอใจ
'หึ เจ้าคงไม่ได้ถูกบีบแล้วเพิ่งจะเลวทรามหลังข้าอภิเษกสมรสไปสินะ มันคงจะเป็นสันดานของเจ้าตั้งแต่เกิดเป็นแน่ ที่ผ่านมาอันใดมาบังตาข้าเอาไว้ถึงไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาวข้าเป็นสตรีเช่นไร'
"แฮ่ม"
คุณหนูใหญ่กระแอมเบาๆ แยกสองคนออกจากกัน ก่อนจะทำทีส่งสายตาเศร้าสร้อย ตัดพ้อถามความสัมพันธ์ของทั้งสองกับสวีจวิ้นอ๋อง
"เออ..พอดีน้องสาวเจ้าสะดุดก้อนหินเกือบจะล้ม ข้ารับไว้ได้ทันท่วงที"
"เช่นนั้นเองหรือเพคะ ..เป็นเช่นนั้นหรือไม่จิ่นเอ๋อร์?"
คุณหนูใหญ่แสร้งหันไปถามน้องสาวตนเอง อยากจะรู้ว่านางจะตอบกลับเช่นไรเหมือนกัน
"ชะ..ใช่ค่ะพี่หญิง น้องเดินไม่ดีสะดุดก้อนหินเกือบจะล้ม ดีที่ท่านอ๋องผ่านมาพอดี เลยประคองน้องไว้ได้ทัน.. เจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นต้องขอบพระทัยท่านอ๋องแล้วเพคะ.. วันนี้ที่มามีกิจธุระสำคัญอันใดหรือไม่เพคะ"
"อ๋อ.. ข้าเป็นตัวแทนของฮองเฮามาส่งเทียบเชิญให้แม่นางทั้งสองเข้าวัง วันพรุ่งวังหลวงจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับชัยชนะของท่านแม่ทัพไป่ที่กำลังเดินทางมาถึง"
สวีจวิ้นอ๋องตรัสกิจธุระเสร็จ ก็ขอตัวเสด็จกลับ เพราะยังต้องเป็นธุระเสด็จไปอีกหลายที่ตามพระประราชประสงค์ของฮองเฮา
"งานกินเลี้ยงนี้ทำไมถึงได้เชิญเหล่าบุตรีเช่นเราเข้าวังด้วยเล่า พี่หญิงพอจะทราบหรือไม่เจ้าคะ?"
จิ่นเอ๋อร์เดินมาหยุดยืนข้างๆ พี่สาวมองดูเทียบเชิญที่ว่า
คุณหนูใหญ่ส่ายหน้า นึกไปถึงเรื่องราวในอดีต ก็พอจะคิดออกถึงสาเหตุที่ฮองเฮาทรงกระทำเช่นนี้
'จะเป็นอย่างไรได้ นอกจากพระองค์หาคู่ครองให้กับหลานชาย'
ฮองเฮาผู้นี้มีศักดิ์เป็นพี่สาวของแม่ทัพไป่ แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเว่ย และท่านแม่ทัพเองก็มีบุตรชายเพียงผู้เดียว แม้ปัจจุบันจะดำรงตำแหน่งเป็นเพียงรองแม่ทัพ แต่ไม่ถึงหนึ่งปีให้หลัง บุรุษผู้นี้จะกลายเป็นท่านแม่ทัพที่คนในราชสำนักต่างเกรงกลัว เพราะความเด็ดเดี่ยว และความเหี้ยมโหดที่มีมากกว่าผู้เป็นพ่อหลายสิบเท่า
ท่านรองแม่ทัพผู้นี้แม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับรัชทายาทแต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็แน่นแฟ้น ถือได้ว่าเขาเป็นกำลังสำคัญของรัชทายาทในภายหน้าได้เป็นอย่างดี
หากนางจำไม่ผิด ตอนนั้น.. งานเลี้ยงที่ว่านี้นางไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันนัก แม้จะเข้าวังไปแล้วนางก็หาข้ออ้างแอบหลบหนีไปยังสถานที่นัดพบของสวีจวิ้นอ๋อง จำได้รางเลือนว่าท่านรองแม่ทัพผู้นี้กล้าเอ่ยปฏิเสธงานสมรสที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้ต่อหน้าพระพักตร์ อ้างเหตุผลที่ว่าตนเพิ่งจะอายุ 20 ปี เท่านั้น
ไม่ผิดแน่ท่านรองแม่ทัพผู้นี้อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับลูกพี่ลูกน้องของนาง และเห็นว่ายังเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกันอีกด้วย คุณหนูใหญ่เองปีนี้ก็เพิ่งจะอายุย่างเข้า 18 เท่านั้น
"พระปิตุจฉาเสด็จ~"
'พระปิตุจฉา ใช่แล้ววันนี้ไทเฮาเสด็จมาที่จวนตรงกับมื้อเย็น'
คุณหนูใหญ่ยิ้มดีใจ อยากเห็นพระพักตร์ท่านเต็มแก่ นางรีบออกไปต้อนรับด้วยตัวเองยิ้มระรื่นน้ำตาคลอ
"เห็นหน้าข้า ต้องร้องไห้ถึงเพียงนี้เลยหรือ?"
พระปิตุจฉาพูดอย่างเอ็นดูที่คุณหนูใหญ่ของบ้านน้ำตารื้นขึ้นเสียอย่างนั้น
'พระนางไม่เข้าใจหม่อมฉันหรอกว่าหม่อมฉันดีใจสักเพียงใด เพราะคนชั่วช้านั้น ท่านถึงได้สิ้นพระชนม์ก่อนวัยอันควร พวกมันสารเลวยิ่งนัก!'
Comments (0)