8

 

"ท่านรองแม่ทัพ"

เสียงทหารคนสนิทเข้ามาเคารพคนตรงหน้า ไม่ลืมหันมาโค้งคำนับคุณหนูใหญ่สกุลหรงว่าที่ฮูหยินน้อยของนายตน ก่อนจะกระซิบกระซาบบางอย่างข้างใบหูเขา

"แน่ใจรึ?"

"ขอรับ อีกไม่เกินหนึ่งก้านธูปท่านแม่ทัพก็สั่งเรียกรวมพลแล้ว"

คุณหนูใหญ่มองบุรุษสองคนตาปริบๆ ก่อนจะเรียบเรียงว่าช่วงนี้เกิดเหตุการณ์ใดขึ้นกันแน่ สีหน้าท่าทางของไป่หนิงหลงถึงได้ร้อนใจถึงเพียงนี้

'แย่แล้ว!'

"ขออภัยข้าต้องไปแล้ว เชิญคุณหนูใหญ่รับประทานต่อ"

พูดเสร็จไม่รอฟังคำตอบ ไป่หนิงหลงก็พรวดพราดออกไปทันที หรงลี่จูรีบวิ่งตามเขาออกไปนอกร้านทั้งๆ ที่มือยังถือน่องไก่อยู่

"รอก่อน ข้ายังไม่ได้พูดเรื่องของข้าเลย"

คุณหนูใหญ่วิ่งตามออกมาเห็นเขาขึ้นม้าเตรียมจะไปก็ตกใจ รีบวิ่งไปขวางเขาเอาไว้

 

ฮี่

"อร๊าย"

เสียงม้าร้องดังลั่น เมื่อคนคุมบังเหียนตกใจ เบรกตัวโก่งเกรงจะเหยียบนางเข้า

"นี่เจ้า!!"

ไป่หนิงหลงกระโดดลงจากม้ามาคว้าตัวคุณหนูใหญ่ให้ยืนขึ้น สำรวจร่างกายว่านางบาดเจ็บตรงไหนบ้าง

"แฮก เดี๋ยวๆ"

คุณหนูใหญ่กำลังจะโวยวาย แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางเป็นห่วงของท่านรองแม่ทัพก็ใจอ่อนลง นึกไปถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

"ออกศึกครั้งนี้ อันตรายใหญ่หลวงนัก ข้า.. ข้า ฮึย.. ท่านอย่าได้คลาดกับท่านแม่ทัพโดยเด็ดขาด อยู่ข้างกายท่านพ่อของท่านเอาไว้อย่าได้ห่างไปไหนไกล!"

นางเอ่ยเตือนเท่านั้น ก่อนที่จะปล่อยเขาไป ท่านรองแม่ทัพพยักหน้ารับ ซึ้งใจที่นางมีแก่ใจห่วงผู้เป็นบิดา เขาต้องเร่งไปแล้วสองคนหันมาสบตากันก่อนจากลา สุดท้ายนางก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องยกเลิกการสมรสนี้

 

 

เสียงกลองรวมพลดังสนั่น ก่อนทัพใหญ่จะเคลื่อนพลไปยังชายแดนเกือบแสนนาย หรงลี่จูเองก็เดินกลับบ้านอย่างเหงาๆ ซึมๆ เห็นหวานเอ๋อร์ชะเง้อคอคอยอยู่อย่างร้อนใจ

"คุณหนูพูดกับท่านรองแม่ทัพเรียบร้อยหรือไม่เจ้าคะ เมื่อครู่เสียงกลองเรียกรวมพล..."

"เฮ้อ.."

'อีกเดี๋ยวก็จะเกิดเรื่องแล้ว ข้าจะมีแก่ใจพูดได้อย่างไร'

คุณหนูใหญ่นึกไปถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อจากนี้ จำได้ว่าศึกครั้งนี้เกิดจากความไม่พอใจของแว่นแคว้นที่ท่านรองแม่ทัพไปตีเอาเมืองหน้าด่านคืนได้สำเร็จ จึงสั่งให้แม่ทัพของฝ่ายตนมาตีเมืองเอาคืน และครั้งนี้เห็นว่ายกพลมากว่าแสน พร้อมจะกรีธาทัพมายังเมืองเว่ยเมืองหลวงด้วยหากตีเมืองหน้าด่านคืนได้สำเร็จ

"แล้วเมืองหลวงเราจะเป็นเช่นไรเจ้าคะ ศัตรูจะเข้ามาได้หรือไม่"

"หวานเอ๋อร์อย่าได้ห่วงกังวลไปเลย แม้เราจะเสียเปรียบไปบ้าง แต่ก็ยังรักษาเมืองหน้าด่านที่ชายแดนเอาไว้ได้ คนดีไม่สิ้น"

คุณหนูใหญ่ถอนหายใจออกมา ปลงตกเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริงๆ

 

 

เวลาผ่านไปหลายสิบวันชายแดนก็ยังไม่มีข่าวคราวอันใด สวีจวิ้นอ๋องเองก็ไม่โผล่มาที่จวนอีกเลยนับตั้งแต่ที่มีการมอบราชโองการสมรสให้คุณหนูใหญ่ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่นางไม่อยากอาหาร

"คุณหนู นายท่านเรียกพบเจ้าค่ะ"

หวานเอ๋อร์เอ่ยวาจาไพเราะพูดสารที่ได้รับมาจากท่านเสนาบดีผู้เป็นนายของตน

"อืม.."

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่หรงเวินซวินจะเอ่ยถึงงานสมรสพระราชทานที่ว่ากับบุตรสาวคนโตอีกครั้ง เขาลองเชิงถามดูปฏิกิริยาของนางว่าคิดเห็นเป็นเช่นไร หากจะชะลองานสมรสออกไปก่อน โดยตนจะเข้าหาไทเฮาและให้พระนางเอ่ยปากกับฮ่องเต้ แต่ก็ไร้ซึ่งกิริยาตอบกลับของนาง จึงเปลี่ยนเรื่องไปพูดเรื่องบุตรสาวคนรองแทน

"จิ่นเอ๋อร์ เจ้าจะว่าอย่างไรหากอ๋องจื่อส่งแม่สื่อมา..."

ชื่อของท่านอ๋องดังก้องในสมองทำให้คุณหนูใหญ่ได้สติ กำลังจะเอ่ยปากทักท้วง

"ท่านพ่อ.. ถึงอย่างไรลูกก็ต้องรอพี่หญิงแต่งออกไปก่อน..."

"แต่เจ้าไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่ ข้าจะได้หาทางเร่งเร้าให้ท่านอ๋องทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีหลังจากที่พี่สาวเจ้าแต่งออกไปแล้ว"

จิ่นเอ๋อร์เพียงแค่ส่งรอยยิ้มจางๆ ตอบกลับบิดา เห็นแบบนั้นแล้วคุณหนูใหญ่ขัดใจยิ่งนัก

"ท่านพ่อ ท่านอ๋องผู้นี้ไม่ใช่ว่าควรดูพฤติกรรมอีกหน่อยก่อนจะส่งมอบน้องหญิงออกไปหรอกหรือ"

"เหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนั้น หรือเจ้าเองก็มีใจให้ท่านอ๋องเช่นกัน!?"

ฮูหยินเอก มารดาแท้ๆ ของหรงลี่จูเอ่ยท้วง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดบุตรสาวถึงได้เอ่ยปากทักท้วงเรื่องนี้นัก นางเกรงว่าคุณหนูใหญ่ของจวนจะมีใจให้ท่านอ๋องไปอีกคน

"ข้า.. ข้าแค่เป็นห่วง ไม่ได้..."

"พี่หญิงจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ ฮูหยินคิดมากไปแล้ว จิ่นเอ๋อร์คิดว่าพี่หญิงแค่เป็นห่วงข้ามาก ไม่มีทางคิดแย่งคนรักของข้าอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่คะพี่หญิง"

'หน็อย ยืมมือฆ่าคน นังอสรพิษ!!! เจ้าทำให้ข้าถูกมองว่าเป็นมือที่สามได้เยี่ยงไร ทั้งๆ ที่ชาติก่อนเป็นเจ้าที่แทงข้างหลังข้า! ไม่ถูกสิ หากพูดเรื่องสมรส ถึงรองแม่ทัพผู้นี้จะมีชื่อเสียงโหดร้ายไปบ้าง แต่ข้าจำได้ว่าเรื่องของสตรีไม่มีให้ปวดหัว แถมเรื่องการรบก็ไม่เป็นสองรองผู้ใดขนาดตอนนั้น...ใช่.. เป็นไป่หนิงหลงผู้นี้ที่นำทัพมาประชิดกำแพงเมืองกดดันพวกกบฏชั่วช้านั่น หากเป็นไปได้ หากข้าทำได้ หากข้าสามารถกุมหัวใจบุรุษผู้นี้ได้ ข้ายังพอจะแก้ไขเรื่องราวร้ายๆ ที่จะเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพียงแต่..ข้าจะทำได้จริงๆ หรือ? ไม่! ข้าต้องทำ ข้าต้องทำได้แน่!!'

นางถกเถียงกับตัวเองอยู่นานก่อนจะลุกพรวดขึ้นมายืนกลางโต๊ะอาหารจนทุกคนพลอยตกใจไปกับอาการผีเข้าผีออกของนาง

"ข้าจะไปชายแดน!!"

 

 

งานสมรสพระราชทานยังคงเกิดขึ้น คุณหนูใหญ่ของจวนเสนาบดีฝ่ายขวาตัดสินใจเข้าเฝ้าพระปิตุจฉาแจ้งว่างานแต่งที่ฮ่องเต้พระราชทานมายังคงต้องดำเนินต่อไป และตอนนี้ตนก็ถือเป็นภรรยาที่ถูกต้องของท่านรองแม่ทัพแล้ว ตนจะเดินทางไปชายแดนเดี๋ยวนี้ไทเฮาเองเมื่อเห็นหลานรักตัดสินใจเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก็ไม่อยากคัดค้านทักท้วงอันใด จริงอยู่ที่รองแม่ทัพออกไปทำศึก แต่ประตูเมืองยังปลอดภัย หากนางอยู่หลังประตูจะมีอันตรายใดได้ และพระนางเองก็เชื่อมั่นว่าศึกครั้งนี้จะต้องไม่แพ้เป็นแน่