5 ตอน ตอนที่ 5 แตก 18+
โดย season in the sun
***
คำเตือน
เนื้อหาตอนนี้ค่อนข้างรุนแรงและใช้คำหยาบคาย ตัวละครในเรื่องอาจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณ
ตอนที่ 5 แตก
"คุณ... คุณไข่"
ฉันเอ่ยชื่อคนที่มายืนอยู่หน้าห้องด้วยความตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอ คุณไข่ยังใส่ชุดเดิมที่เจอเมื่อตอนเย็น ฉันถึงกับก้มลงสำรวจตัวเองอัตโนมัติ
อ่า..เสื้อผ้าฉันยังอยู่ครบโดยเฉพาะกางเกงขายาวสีดำที่ยังใส่อยู่ปกติดีและฉันยังอยู่ในชุดฟอร์มพนักงาน
โอเคฉันไม่ได้ช่วยตัวเอง และฉันไม่ได้ฝันถึงคนที่หน้าเหมือนเธออยู่
เอาตัวเองออกไปยืนหน้าห้องแล้วหุบประตูลง ไม่อยากให้เธอเห็นสภาพด้านในห้องฉัน ทั้งอายทั้งประหม่า ความผิดต่อเธอที่ฉันรู้ตัวดีว่าคืออะไรเหมือนเป็นชนักปักหลังที่ทำให้ฉันไม่กล้าสู้หน้าเธอเลย
"มะ..มีอะไรหรือคะ"
"ป้าอ้อยให้มาบอกว่าพรุ่งนี้ช่างประปาจะทุบห้องน้ำใส่ท่อใหม่ ห้องน้ำจะใช้ไม่ได้ตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น แล้วก็อาจจะมีเสียงดังรบกวน"
"เหรอคะ ขอบคุณมากที่อุตส่าห์มาบอกนะคะ" ฉันตอบไปซื่อ ๆ ตามที่คิด
"เราต้องแจ้งทุกคนอยู่แล้วค่ะ" เธอตอบกลับมาหน้านิ่งมาก
อ่อเค ฉันไม่ได้สำคัญอะไรเป็นพิเศษสินะ
"อ่า ค่ะ โอเคค่ะ แต่ตอนนั้นเราอยู่ที่ทำงาน คงไม่ได้กระทบอะไร"
"ค่ะ ก็ดีค่ะ" เธอตอบแค่นั้น แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองฉันที่ตัวสูงกว่าเธอหลายเซ็นฯ
เราสบตากันแวบหนึ่ง แล้วก็เป็นฉันที่รีบเบี่ยงหน้าหลบตา
"เชี่ย ตื่นเต้นเฉย ทำไมใจสั่นงี้วะ"
ฉันใจสั่นรัวดังตึกตัก ๆ ความรู้สึกละอายใจมันสะท้อนอยู่ข้างใน ทั้งอายแต่ก็หวั่นไหวประหลาด ทั้งตื่นเต้นและกังวล
ฉันเผลอสูดกลิ่นโลชั่นหอมอ่อน ๆ จากตัวเธอเข้าจมูกโดยไม่ได้ตั้งใจ
โอย บ้าแล้ว โรคจิต ฉันใกล้จะเป็นโรคจิตเข้าไปทุกที
"งะ..งั้นขอตัวนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่มาบอก"
เมื่อไม่อาจจะยืนต่อหน้าได้อีก ฉันรีบผละห่างจากเธอ ดันประตูเปิดเข้าห้องแต่คุณไข่เธอยังอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหน
"ถ้าจะให้ดี เราแนะนำให้เธออาบน้ำสระผมก่อนนอนเลยดีกว่า"
เสียงคุณไข่พูดออกมานิ่ง ๆ ทำให้ฉันถึงกับชะงักหันกลับไปมองเธองง ๆ
"คะ??"
"ก็เธอยังใส่ชุดพนักงาน ทั้งที่กลับมาตั้งนานแล้วยังไม่เปลี่ยน เผลอหลับไปใช่มั้ยล่ะ"
"อ่า..ค่ะ"
รู้ได้ไงวะ ว่าเราหลับไปแล้ว ฉันนึกฉงนในใจ
"หลับไปทั้งที่ตัวยังสกปรก ร่างกายเหนื่อยล้า มันทำให้หลับไม่สนิทไม่สบายตัว แล้วพรุ่งนี้น้ำก็ไม่รู้จะใช้ได้ตอนไหน เราว่าเธอไปอาบน้ำสระผมซะก่อนดีกว่า"
"หืม??"
อึ้งไปดิ คนที่พูดกับฉันไม่เคยเกินสามคำ คนที่มองฉันเหมือนหนอนเหมือนไส้เดือน แนะนำให้อาบน้ำด้วยท่าทางคล้ายเป็นห่วง
ฉันคิ้วขมวดก้มหน้ามองสำรวจตัวเองอีกครั้ง และพบว่าสภาพฉันตอนนี้ดูไม่ได้สักนิด ฉันอึ้ง อายจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้าแล้วหันกลับเข้าห้องหุบประตูลง อยากแทรกประตูหนีเหลือเกิน แต่เสียงคุณไข่ยังดังอยู่ข้างหลัง
"มีไดร์เป่าผมมั้ย"
"คะ?"
"มีมั้ย ไดร์เป่าผมอะ ผมเธอยาวมาก ถ้าสระแล้วเช็ดไม่แห้ง มันจะอับชื้นแล้วก็ทำให้ไม่สบายได้"
"มะ.. ไม่มีค่ะ เราไม่ได้ซื้อ..ไม่มีตังค์"
"โอยยย อินัท กัดลิ้นตายไปเลยมึง แล้วมึงจะบอกเขาทำไมว่ามึงไม่มีเงิน อิควายยย" เสียงในหัวฉันตะโกนก้อง
"กูอายฉิยหายเลยเนี่ย ที่ต้องมาเกิดเป็นคนในหัวมึง อิห่า"
ฉันก้มหน้างุดที่เผลอบอกสถานะความจนของตัวเองและฉันอีกคนก็ตะโกนโวยวายอับอายอยู่ในหัว
"งั้นไปอาบน้ำสระผมเลยค่ะ เดี๋ยวเราเอาไดร์เป่าผมมาให้ยืม"
คนสวยตัวขาวตรงหน้าบอกมาแบบนั้นแล้วเธอก็เดินไปเลย ปล่อยให้ฉันยืนอ้าปากค้างสุดงงอยู่ที่หลังประตูห้องตัวเอง
"ยัยคุณน้องไข่ตัวขาว ผีเข้าเหรอวะ เชี่ยทำไมใจดีจัง"
ฉันรีบผลุนผลันไปหยิบตะกร้าอาบน้ำคว้าเอาผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าที่จะใส่นอนเดินเข้าห้องน้ำไปโดยเร่งรีบ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คุณไข่ที่ดูหยิ่ง ๆ ไม่สนใจใครที่จริงก็ใจดีนี่นา
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าขณะเปิดฝักบัวอาบน้ำสระผม ลืมเรื่องที่ฝันว่าถูกผีอำไปจนหมดสิ้น
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จในเวลาสั้น ๆ ฉันออกจากห้องน้ำเดินมาจะเข้าห้องตัวเองที่ติดกับห้องน้ำนั่นแหละ แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นถุงกระดาษใบใหญ่แขวนอยู่ตรงลูกบิดประตู ฉันคว้ามันขึ้นมาดูข้างใน มีไดร์เป่าผมอันใหญ่กับกล่องทัพเพอร์แวร์ใบหนึ่งใส่ขนมบ๊ะจ่างชิ้นโตไว้ข้างใน
"ป้าอ้อยทำบ๊ะจ่างเมื่อกลางวัน มันเหลือเยอะ แกเลยให้แบ่งเอามาให้"
กระดาษโพสต์อิทแผ่นเล็กเขียนด้วยลายมือน่ารักแปะอยู่บนฝากล่อง ทำให้ฉันยิ้มกว้างแก้มแทบแตก มีของกินมาแขวนถึงหน้าห้อง ในหัวฉันมันมีแต่คำว่าลาภปากแล้ว ไม่อดแล้วคืนนี้ ถึงจะเป็นของเหลือหรือไม่ก็แล้วแต่ แค่ป้าอ้อยใจดีแบ่งให้ก็ดีใจสุด ๆ แล้ว ฉันเปิดประตูเข้าห้องไปด้วยรอยยิ้มแสนสุข
กรุงเทพราตรีที่วุ่นวาย ในหอพักสตรีซอมซ่อ ห้องนอนเล็ก ๆ เร่าร้อนด้วยไฟสวาทของหญิงสาวคู่หนึ่งที่กำลังเริงรักกันบนเตียงอย่างสุขสม
"อ๊ะ อ่ะ อื้มมม ซี้ดดด"
"อื้ออออ อ่า อ้าสส"
เสียงซี้ดซ้าดครวญครางสยิวซ่านสอดประสานกันของทั้งคู่ดังลอดออกไปจากห้อง ทำให้ฉันที่นอนหลับสนิทอยู่ในห้องถัดไปต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกอีกแล้ว
เสียงเตียงลั่นเอี๊ยด ๆ กับเสียงครางเบา ๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่
ฉันถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย
"ตีสองสิบห้า อิแบงค์แม่ง หิ้วผู้หญิงกลับมาเน้ดกันอีกแล้ว เฮ้อ.."
ฉันเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาที่หัวเตียงมาดู เวลานี้ทุกทีเลยที่ทอมแบงค์จะทำกิจกรรมเข้าจังหวะ เสียงลมหายใจหอบกระเส่าดังแฮก ๆ ฟืดฟาด กับเสียงเตียงลั่นกระทบผนังเบา ๆ ยังดังต่อเนื่องเป็นระยะ
คงเป็นผู้หญิงที่แบงค์หิ้วติดมือมาจากผับที่มันทำงานอยู่นั่นแหละ ไม่น่าจะใช่เอมหรอก เพราะจำได้ดี เอมเคยพูดว่าไม่กล้ามีอะไรกับแบงค์ในหอนี้ผนังห้องมันบางเกินไปที่จะเก็บความแซ่บร้อนแรงของเอมไว้ได้ ถ้าจะเน้ดกันก็จะเปิดโรงแรมเพราะเอมสะดวกแบบนั้นมากกว่า แล้วเอมก็หัวเราะร่วน ฉันจึงมั่นใจว่าเสียงที่ครวญครางสนั่นจนเตียงลั่นตอนนี้คือแบงค์กับผู้หญิงคนอื่น
"แม่งเลว อิแบงค์เหี้ย เน้ดกับผู้หญิงไปทั่วไม่พอ ยังเอามาเน้ดบนเตียงในห้องที่เอมช่วยจ่ายค่าเช่าให้อีก สันดานจริง ๆ" เสียงฉันอีกคนในหัวเริ่มสำแดงเดช
"แล้วหอนี้แม่งผนังก็บางฉิบหาย อินัท กูบอกเลยนะ ถ้าวันไหนมึงเน้ดจริง ๆ กับใครสักคนมึงอย่ามาเน้ดกันในหอนี้เด็ดขาด อิสัด กูอาย"
"เงียบไปเลย ฉันจะเน้ดกับใครล่ะ วัน ๆ ทำแต่งานเหนื่อยจะตาย ข้าวยังไม่มีจะกิน จะเอาเวลาที่ไหนไปหาทำเรื่องอย่างว่า"
"มึงก็เลยฝันเอาเองสินะ ฝันว่าเย_กับคุณไข่"
"หุบปากไปเลย ต้องให้บอกกี่ครั้งว่าคนในฝันไม่ใช่คุณไข่"
"อย่าปฏิเสธ อิห่า มึงแอบชอบคุณไข่ เขาสวย สวยจนมึงเอามาจินตนาการว่าได้เย_กับเขา อิดอก อย่าตอแหล.."
เสียงในหัวมันเริ่มหยาบคายขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันต้องเงียบไม่เถียงต่อ คำหยาบเหล่านั้นที่ฉันไม่เคยพูดออกมาให้ใครได้ยิน แต่ฉันอีกคนกลับพูดมันในหัวได้เต็มปากเต็มคำ
แต่ยังไม่ทันที่วายร้ายในหัวจะพูดอะไรออกมาอีก เสียงเตียงที่กระแทกผนังจากข้างห้องก็เริ่มรัวแรงขึ้นเรื่อย ๆ ฉันต้องเอาสองมือมาอุดหูให้แน่นที่สุด หลับตาปี๋เพราะรู้ว่าสงครามสวาทของทอมแบงค์กับคู่นอนคงใกล้จะถึงฝั่งเต็มที
มันได้ผล หูที่ปิดแน่นของฉันไม่รับรู้ไม่ได้ยินเสียงอะไร แต่กลายเป็นเสียงในหัวที่ดังระงมขึ้นมาแทน
"โอ๊ย อินัท ทอมแบงค์มันจะรู้มั้ยว่าร่างกายมึงกำลังตอบสนอง มันรู้มั้ยว่ามันเย_กันทำให้มึงเงี่__"
"หุบปาก!!!อีผีบ้า กูไม่ได้เงี่_" ฉันสุดจะทนดีดตัวลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืด ตาเบิกเพลิงหายใจแรงฟึดฟัดด้วยความโมโหโต้เถียงกับวายร้ายในหัว และนั่นเองที่ทำให้รู้ตัวว่าพลาด
"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะอ้าสส อ้าสส ซี้ดดดดดดอ่า..."
"โอ้วววววสสสสสส ฮ้าาาสสส ซี้ดดด..."
เสียงกรีดร้องสุขสมของผู้หญิงทั้งคู่ที่อยู่ในห้องติดกันดังชัดเต็มสองหู พร้อมเตียงที่กระแทกตึง ๆ หนักแน่นเป็นจังหวะติดต่อกันหลายครั้งก่อนจะค่อย ๆ เบาลงและสงบลงในที่สุด
"ฉิบหายเอ๊ย เพราะมึงกูถึงต้องมาได้ยินเสียงครางของคนกำลังขึ้นสวรรค์ ทุเรศที่สุด อิผีบ้า" ฉันสบถก่นด่าตัวเอง แต่นังวายร้ายในหัวกลับหัวเราะชอบใจ
"ทำเป็นอาย อิดอกนัท สักวันมึงก็ต้องโดนเย_แบบนี้แหละ กูว่ามึงร้องดังกว่านี้อีก เผลอ ๆ นะ อย่างมึงคงสลับกันเย_เลยแหละ อย่าปฏิเสธ ที่จริงมึงหมกมุ่น ไม่งั้นจะฝันถึงคุณไข่บ่อย ๆ เหรอ"
"บอกว่าไม่ใช่คุณไข่ ไม่ใช่ ไม่ใช่!"
ฉันสะบัดส่ายหัวด้วยความหงุดหงิด พยายามสลัดวายร้ายในหัวให้ออกไปจากห้วงความคิด ล้มตัวลงนอนข่มตาให้หลับ
แต่ไม่หลับง่าย ๆ เพราะวายร้ายในหัวยังคงหัวเราะเยาะพร้อมประโยคทิ้งท้าย
"แค่ไดร์เป่าผมกับบ๊ะจ่างของเหลือ มึงก็ยิ้มแทบตาย ถ้าคุณน้องไข่ตัวขาวนั่นยิ้มหวานให้มึงเมื่อไหร่ กูว่ามึงแม่งชักตาเหลือกแน่ อิห่า ฮ่า ๆ ๆ ๆ"
เสียงหัวเราะที่ก้องในหูมันสะท้อนอยู่อย่างนั้นจนในที่สุดฉันก็หลับไปไม่รับรู้อะไรอีก
บ่ายสองกว่า ฉันยืนหาวหวอด ๆ อยู่ที่สต๊อกหลังร้านขณะที่กำลังจัดของยกน้ำแพ็กเข้าไปเก็บในตู้แช่
บ้าฉิบ เพราะอานุภาพพลังเน้ดของทอมแบงค์กับผู้หญิงคู่นอนทำเอาฉันนอนไม่เต็มอิ่ม วันนี้สภาพฉันในช่วงบ่ายดูแย่เหลือเกินเพราะง่วงนอน แต่ขณะที่กำลังยืนหาวปากกว้าง พี่วิทย์ก็เข้ามาหลังร้าน
"นัท ผมจะจัดจ๊อบวีคหน้าแล้วนะ"
"อ่อ..ค่ะ" ฉันตอบโดยที่ไม่มองหน้า ยอมรับว่าความรู้สึกกับพี่วิทย์ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตอนนี้มีเพียงความเป็นหัวหน้ากับลูกน้องเท่านั้นส่วนเรื่องความเชื่อใจและนับถือแทบไม่มีเหลือ
"จะยังไง พร้อมจะทำงานกะอื่นได้แล้วหรือยัง"
คำถามนี้ทำให้ฉันที่ง่วนกับการยกน้ำต้องหันไปมองหน้าพี่วิทย์ตรง ๆ
"ว่าไง ผมจะให้คุณเปลี่ยนกะ จะลงบ่ายหรือขึ้นดึก"
"นัทขึ้นดึกได้แล้วเหรอ" ฉันย้อนถามด้วยความฉงน อายุงานฉันเพิ่งสองเดือนกว่า การจะขึ้นกะดึกต้องมีอายุงานพอสมควรหรือเปล่านะ
"ก็แล้วแต่คุณ ผมให้โอกาสคุณเลือก"
"ดึกค่ะ นัทขึ้นกะดึกได้" ฉันตอบออกไปทันทีด้วยเสียงหนักแน่น
ทำงานมาสองเดือนกว่าก็พอจะรู้กฎเกณฑ์และสวัสดิการของบริษัทพอสมควร กะดึกจะได้เงินรายชั่วโมงมากกว่ากะกลางวัน และแน่นอนฉันอยากได้เงิน
ที่สำคัญ คือฉันไม่อยากทำงานใกล้คนที่ฉันรู้สึกไม่ดีด้วย
ใช่...ฉันไม่อยากทำงานกับพี่วิทย์ ถ้าฉันขึ้นไปอยู่กะดึกโอกาสที่เจอผู้จัดการร้านก็มีน้อยลงด้วย
"คุณแน่ใจแล้วนะ ผมให้คุณเลือกเองแล้วนะ"
"ดึกค่ะ นัทจะขึ้นดึก"
คำตอบที่มั่นใจของฉันทำให้พี่วิทย์ได้แต่พยักหน้าแล้วเดินออกจากหลังร้านไปเลย
จนถึงเวลาเลิกงานฉันเก็บงานของตัวเองส่งผลัดเรียบร้อยก่อนออกจากร้านจึงเดินไปตรวจดูตารางกะ รายชื่อบนใบตารางงานนั่นฉันได้ขึ้นกะดึกสมใจอยาก พอกันทีกับกะกลางวันที่วุ่นวาย
และถ้าทำงานกลางคืนแล้วเปลี่ยนไปนอนกลางวันแทน มันอาจจะดีก็ได้ ฉันอาจจะเลิกฝันฟุ้งซ่าน และเลิกฝันว่ามีเซ็กส์กับคนในฝันสักที
สองขาของฉันเร่งก้าวเดินผ่านเมรุที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในวัด ฉันไม่เคยเงยหน้าขึ้นมองปล่องควันที่ทอดสูงไปบนฟ้านั้นเลยสักครั้ง ยิ่งตรงแท่นที่เผาศพก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดหันมอง
ใช่ ฉันกลัวผี และอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคนตายหรือสิ่งเร้นลับชวนให้รู้สึกหลอนฉันจะไม่เข้าใกล้หรือสนใจเด็ดขาด สองเท้าจึงเร่งจ้ำให้ผ่านออกไปที่ประตูหลังวัดโดยเร็ว แม้ว่าตอนนี้เพิ่งจะห้าโมงเย็นก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าวันนี้วัดจะเงียบกว่าทุกวันที่เคยเดินผ่าน บรรยากาศดูอึมครึมน่ากลัวชอบกล
ทำไมก็ไม่รู้ ฉันรู้สึกวูบ ๆ หวิว ๆ ใจอย่างประหลาดรีบก้มหน้าก้มตาเดินออกไปทางหลังวัด และที่ตรงนี้นั้นน่ากลัวพอ ๆ กับเมรุด้วยซ้ำเพราะเป็นกำแพงที่ใช้เก็บเถ้ากระดูกคนตาย รูปถ่ายเรียงรายบนกำแพงอิฐแต่ละช่องบ่งบอกว่าทุกแผ่นอิฐบนกำแพงนี้ มีเจ้าของ
ฉันขนลุกซู่ตั้งแต่หัวยันเท้าเบือนหน้าหนีไม่อยากเห็นหน้าตาของใครก็ตามที่อยู่ในรูปถ่ายบนกำแพงพวกนั้น ทั้งที่คิดว่าน่าจะชินแล้วที่เดินผ่านตรงนี้บ่อย ๆ สุดท้ายก็ยังกลัวอยู่ดี
"หนูขออนุญาตนะคะ หนูเป็นคนดีไม่เคยทำร้ายใคร หนูจะไม่รบกวนพวกคุณ ขอโทษนะคะ" ฉันเดินก้มหน้าในใจพล่ามภาวนาไปเรื่อยหวังให้บุคคลในรูปพวกนั้นเมตตาอย่ามาปรากฏตัวหลอกหลอนอะไรกันเลย
"นัท นัท!!!"
ฉันสะดุ้งโหยง ใจหล่นไปกองตาตุ่มตัวชาวูบแต่ก็ยังหันไปตามเสียงเรียกด้วยสภาพตาเหลือกตัวสั่น
"เดินโคตรเร็วอะ เราเรียกตั้งนานไม่หันมองเลย" เจ้าของเสียงที่เรียกฉันเอ่ยตามมา และก็ทำให้ฉันถึงกับโล่งอก ขวัญเอยขวัญมา
"เอมเหรอ ขอโทษที เราเดินเหม่อไปหน่อย"
พอรู้ว่าใครเรียกฉันจึงยิ้มแต้ให้กับสาวสวยที่รู้จักสนิทสนมกันพอสมควร เอมอยู่ในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ ในมือหิ้วถุงใส่กล่องเบนโต๊ะจากร้านอาหารญี่ปุ่นที่ฉันเคยแอบมองเมนูหน้าร้านบ่อย ๆ แต่ฉันไม่เคยมีโอกาสได้กิน ฉันทำเป็นหันมองทางอื่นลอบกลืนน้ำลายไม่ให้เอมเห็น นึกอายอยู่เหมือนกันหากเอมรู้ว่าตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยได้ลิ้มรสชาติอาหารแบบนี้เลยสักครั้ง แต่ฉันไม่มีทางให้เอมรู้หรอก
"เลิกงานแล้วเหรอ" เอมชวนคุยขณะเดินออกจากวัด
"อื้อ วันนี้งานเสร็จเร็วกว่าทุกวัน แล้วเอมอ่ะ มากินข้าวกับแบงค์เหรอ" ฉันถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าใช่ ก็ถุงข้าวกล่องเบนโตะในมือนั่นออกจะใหญ่เบ้อเริ่ม
เอมยิ้มสวยน่ารักแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ
โคตรจะอิจฉา คนนิสัยเสียอย่างแบงค์ที่นอกใจแฟน พาผู้หญิงอื่นมาเล่นชู้ในห้องที่แฟนช่วยออกค่าห้องให้ โคตรสันดานเลว แต่ทำไมยังอยู่สุขสบายดีมีแฟนน่ารัก มีของดี ๆ แพง ๆ ให้กินเยอะแยะ ในขณะที่ฉันเองไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ไม่มีแฟน ไม่มีความรัก และไม่มีปัญญาซื้อของแพงมากิน ทุกวันนี้ฉันยังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้ด้วยซ้ำ
"โลกแม่ง...ไม่ยุติธรรม" เสียงฉันอีกคนตะโกนลั่นซ้ำ ๆ ในหัวของฉัน
หลังจากที่เรียกขวัญตัวเองให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ฉันและเอมเดินออกมาจากประตูหลังวัด เดินเรื่อยมาจนถึงสะพานข้ามคลองเล็ก ๆ นั้น
แต่พอถึงสะพาน อะไรบางอย่างทำให้ฉันหยุดยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง
เมื่อวานตรงนี้ บนสะพานนี้คุณไข่ยืนน้ำตาซึมที่นี่
เธอร้องไห้ทำไม สะพานแห่งนี้มีอะไรงั้นหรือ
ฉันยืนหยุดนิ่งตรงที่เดียวกับที่คุณไข่ยืน หันมองไปทางเดียวกับที่เธอมองตอนนั้น
ต้นประดู่??
สายตาที่มองตรงไป ตรงนั้นมีสิ่งเดียวมองเห็นในสายตา ต้นประดู่ต้นใหญ่สูงตระหง่านแผ่กิ่งก้านสาขาอยู่หลังกำแพงวัด มีอะไรที่ต้นประดู่นั้นหรือ อะไรที่ทำให้คุณไข่เธอร้องไห้ได้
"อ้าว!นัท หยุดทำไม มีอะไรงั้นเหรอ" เสียงเอมร้องเรียก ทำให้ฉันหันขวับไปมองเธออีกครั้ง ตอนนี้เอมเดินข้ามสะพานไปถึงฝั่งโน้นแล้ว
"จะไปที่อื่นต่อเหรอนัท"
"ไม่ ๆ ๆ กลับละ ๆ " ฉันขานตอบเอมแล้วรีบก้าวขาเดินข้ามสะพานพ้นไปฝั่งโน้นทันที
ความฉงนสงสัยเกี่ยวกับคุณไข่ยังคงมีอยู่ แต่ไม่ใช่หน้าที่อะไรที่จะต้องไปยุ่งเรื่องของเธอรีบกลับไปเอาไดร์เป่าผมกับกล่องทัพเพอร์แวร์ไปคืนเธอให้เรียบร้อยเสียดีกว่า สองเท้าก้าวยาว ๆ เดินคู่กันกับเอมเข้าไปในซอยที่ตั้งหอพัก
และเมื่อถึงหอ ฉันไขกุญแจเข้าห้อง201ของตัวเอง ส่วนเอมยิ้มร่าเริงให้ฉันขณะที่เคาะประตูห้อง 202 เรียกคนด้านในให้เปิดประตูให้
ฉันเข้าห้องเปิดไฟแล้ววางสัมภาระเรียบร้อย แล้วเอื้อมมือคว้าถุงกระดาษใส่ของที่เตรียมไว้จะเอาไปคืนคุณไข่ เดินออกจากห้องลงบันไดตั้งใจไปหาคุณไข่ที่ออฟฟิศข้างหอพักทันที ขณะลงบันไดฉันได้ยินเสียงคุยกันของแบงค์กับเอมดังออกมาพอสมควร แต่ก็ไม่ได้สนใจฟังว่าคุยเรื่องอะไร เพราะตอนนี้ในใจฉันมันนึกถึงแค่ว่าจะทำหน้ายังไง พูดยังไงตอนที่เจอคุณไข่เพียงเท่านั้น
เวลา17.30 น. ฉันก้มมองนาฬิการาคาถูกที่ข้อมือ ก้ม ๆ เงย ๆ มองมันหลายรอบโดยไม่จำเป็นเพื่อลบอาการประหม่า
แค่เอาของมาคืน ทำไมถึงตื่นเต้นขนาดนี้
หรืออาจเป็นเพราะว่า คุณไข่คนนี้คือคนที่วางท่าเชิดหยิ่งและไม่เคยคุยหยอกเล่นกับฉันเลยสักครั้ง อันที่จริงเธอไม่ค่อยพูดคุยกับใครเลยสักคนต่างหาก แม้แต่กับพี่บี ที่พักอยู่หอนี้มาเกือบ4 ปีแล้ว ก็ยังไม่ค่อยได้คุยกับคุณไข่เลยด้วยซ้ำ
"เธอชอบอยู่คนเดียวในออฟฟิศนั่นแหละ เห็นเธอก็แค่ตอนเอาเงินไปจ่ายค่าเช่า ไม่เคยได้คุยกันเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องหอพักหรอก" พี่บีเล่ามาอย่างนี้
ฉันจึงสรุปเอาเองว่าคุณไข่ "หยิ่ง ถือตัว"
จากคำบอกเล่าของพี่บี คุณไข่คนนี้อายุ 23 เป็นหลานกำพร้าของป้าอ้อย พ่อแม่ตายหมดแล้ว คุณไข่กับพี่สาวเรียนโรงเรียนประจำหญิงล้วนตั้งแต่เด็ก อยู่กินนอนที่โรงเรียน จะกลับมาอยู่กับป้าอ้อยที่นี่แค่ตอนปิดเทอมเท่านั้น พวกเธอสองคนพี่น้องมักจะเก็บตัวอยู่กันเงียบ ๆ ในบริเวณที่พักไม่ค่อยออกมาเล่นสุงสิงกับใคร จนพี่สาวคุณไข่เสียชีวิตไปแล้วเกือบห้าปี คนที่เคยเห็นเคยพักที่หอนี้ก็เรียนจบหรือย้ายออกกันไปหมดแล้ว พี่บีที่อยู่มานานที่สุดก็ย้ายมาอยู่หอพักนี้เมื่อสามปีก่อนเท่านั้น พี่บีจึงไม่เคยเห็นพี่สาวคุณไข่เหมือนกัน แม้แต่คุณไข่เองพี่บีก็เจอหน้ากันนาน ๆ ทีเท่านั้น
"คุณไข่คะ คุณไข่อยู่มั้ย"
ฉันส่งเสียงเรียกขณะเดินเข้ามาภายในออฟฟิศป้าอ้อย อาคารสี่ชั้นที่อยู่ติดกันกับหอพักสตรีตรงส่วนนี้ถูกดัดแปลงเป็นสำนักงานและที่พักของป้าอ้อยกับครอบครัว
"คุณไข่ ป้าอ้อยคะ"
สอดสายตามองพลางส่งเสียงเรียกหาคนที่เป็นเจ้าของห้อง ออฟฟิศนี้ถูกจัดเหมือนห้องทำงาน มีโต๊ะทำงานที่ป้าอ้อยมักจะนั่งตรงนี้ประจำตอนที่เขียนบิลค่าห้องและเก็บเงินค่าเช่ามีตู้เก็บเอกสารอยู่ติดผนัง แต่ถัดไปจากห้องนี้ มันจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวและฉันไม่เคยเข้าไปตรงส่วนนั้นมาก่อน
"คุณไข่ นี่นัทห้อง201ค่ะ เราเอาไดร์เป่าผมมาคืน" ฉันส่งเสียงเรียกซ้ำอีกครั้ง แต่เงียบไม่มีเสียงตอบรับ
"ประตูก็เปิดอ้า แอร์ก็เปิด แล้วคนอยู่ไหนวะ" ฉันขมวดคิ้วพึมพำกับตัวเอง
ก๊อก ๆ ๆ ฉันเคาะประตูออฟฟิศส่งสัญญาณให้เจ้าของบ้านรับรู้
"คุณไข่...คุณไข่ค้า..มีใครอยู่มั้ย ป้าอ้อย..นี่นัทห้อง201เองนะคะ"
ทั้งเคาะทั้งเรียก แต่ยังทุกอย่างยังคงเงียบ
"นัทเอาของมาคืนคุณไข่ค่ะ ขออนุญาตเข้าไปข้างในนะคะ"
ฉันบอกเสียงดัง แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปภายในส่วนที่เป็นส่วนตัวนั้น ตรงที่ฉันยังไม่เคยเข้าไปมาก่อน ในใจคิดอยากจะเอาของมาคืนให้ถึงมือเจ้าของ ถ้าวางทิ้งไว้ก็กลัวจะหาย กลัวเจ้าของจะคิดว่าฉันไม่ใส่ใจดูแลให้ดี และฉันไม่อยากมาเสียเที่ยว ไหน ๆ ก็มาแล้วเอาไปส่งให้ถึงมือจะดีกว่า
ทันทีที่ล่วงล้ำเข้าไปด้านใน ก็พบว่านี่เป็นส่วนที่พักของป้าอ้อย ข้างในเหมือนเป็นโถงรับแขก มีโซฟาตัวยาว ทีวีจอใหญ่ฝังติดกับผนังห้อง ตรงโต๊ะตัวเล็กที่หน้าโซฟามีโน๊ตบุ๊ควางอยู่ มันถูกเปิดทิ้งไว้
เอาล่ะ ถ้าแบบนี้แสดงว่ามีคนอยู่แน่ ๆ แต่อาจจะลุกไปเข้าห้องน้ำ รอสักเดี๋ยวคงไม่เป็นไรมั้ง
ฉันวางถุงกระดาษของคุณไข่ไว้บนโต๊ะข้างโน๊ตบุ๊คที่เปิดอยู่ แต่ไม่นั่งลงที่โซฟาเพราะแค่เข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวนี้ก็ถือว่าละเมิดมากแล้ว มั้งนะ ฉันยังมีความเกรงใจเหลืออยู่
แต่ขณะที่กำลังหันซ้ายขวาไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี สายตาก็สะดุดกับรูปถ่ายใบหนึ่งที่วางบนหลังตู้โชว์ที่เก็บพวกใบประกาศนียบัตร รูปถ่ายที่เหมือนรูปครอบครัวมีผู้หญิงสามคนในนั้น
ความอยากรู้อยากเห็นออกคำสั่งให้ฉันก้าวขาตรงไปยังรูปใบนั้น ในใจคิดจะหยิบมันขึ้นมาดู
"ทำอะไรน่ะ!!"
เสียงแหลมตวาดแว้ด ทำให้ฉันชะงักใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม หันไปมองเจ้าของเสียง
"ค...คุณไข่.."
"เธอเข้ามาทำอะไรในบ้านฉัน!!" ตาคู่สวยนั้นดุขวางอย่างเห็นได้ชัด คุณไข่คนตัวขาวแต่ร่างเล็กบอบบางถลาพรวดพราดเข้ามาคว้ารูปถ่ายใบนั้นแล้วคว่ำลงทันที ชัดเจนว่าเธอไม่อยากให้ฉันดูรูปนั้น และฉันก็รู้ตัวว่าทำตัวไร้มารยาทเข้าให้แล้ว
"ขอโทษค่ะ เราไม่ได้ตั้งใจบุกรุก เราแค่จะเอาของมาคืน"
ฉันรีบบอกและเดินไปคว้าถุงกระดาษหยิบเอาไดร์เป่าผมออกมาให้เจ้าของดู
"ขอบคุณมากนะคะที่ให้ยืม แล้วก็ขอโทษที่เข้ามาข้างในนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เราเรียกอยู่นานแล้วจริง ๆ นะคะ" ฉันกะพริบตาปริบ ๆ อธิบายด้วยความเกรงใจและสำนึกผิด
"อ่อ ค่ะ" เธอตอบมาแค่นั้น พลางยื่นมือมารับถุงกระดาษในมือฉัน แล้วก็ฉันหลังให้ทันที
เหมือนฉันจะหมดธุระเพียงแค่นั้น คุณไข่ที่แสนเย็นชา ไม่สนใจฉันอีก ฉันได้แต่กลืนน้ำลายอึกลงคอ ทั้งที่อุตส่าห์คิดว่าที่เธอแสดงน้ำใจมาเมื่อวานนั้นอาจเป็นการพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้หยิ่งและถือตัวอย่างที่เคยคิด แต่พอสิ่งที่เจอตรงหน้าตอนนี้ กลับทำให้ยิ่งตอกย้ำไปว่า
"คุณน้องไข่ แม่งหยิ่งฉิบหายเลยอิเหี้ย" วายร้ายในหัวมันดิ้นเร่าตะโกนก้อง ขณะที่ฉันก้าวขาออกจากห้องรับแขก
"ฝันไปเถอะอิควายว่าเขาจะหันแลมึง มึงก็แค่ไส้เดือนกิ้งกือ อิห่านัท"
"อร๊ายยยยยยไอ้เหี้ย สันดานชั่ว มึงมันสันดานหมา อิสัด"
เสียงกรีดร้องลั่น ตามด้วยเสียงตะโกนด่าทอถ้อยคำหยาบคายแว่วมาพอสมควร ทำเอาฉันที่กำลังจะเดินออกจากบ้านพักป้าอ้อยต้องสะดุ้งตกใจหันมองหาที่มาของเสียง ไม่กี่วินาทีคุณไข่ก็หน้าตื่นวิ่งตามหลังฉันมา
"ได้ยินใช่มั้ย" คุณไข่เอ่ยปากถามด้วยท่าทางตื่นตกใจเช่นเดียวกับฉัน
"ได้ยินค่ะ" ฉันพยักหน้ารับ
"อิสัด มึงมันเหี้ย มึงทำแบบนี้กับกูได้ยังไง ทำกับกูได้ยังไง๊!!!"
"โอ๊ย!!! หยุด!!! กูทำเหี้ยอะไร มึงเป็นเหี้ยไรของมึงวะ"
เพล้ง!!!! ตึง!!
"โอ๊ย!!!"
เสียงคนที่ทะเลาะกัน เสียงกรีดร้องพร้อมด้วยเสียงขว้างปาข้าวของจนกระทั่งได้ยินเหมือนของตกแตกดังสนั่นชัดเจน
"เฮ้ย!!เสียงเอมกับแบงค์!!!" ฉันอุทานออกมาดัง ๆ หลังจากที่ตั้งใจฟังจนจับใจความได้ ว่าเสียงที่ทะเลาะเป็นเสียงใครมาจากไหน
ฉันรีบผลุนผลันวิ่งกระโจนกลับเข้ามายังหอพักพร้อมด้วยคุณไข่ที่วิ่งหน้าตื่นตามหลังฉันมาติด ๆ
เกิดอะไรขึ้นที่ห้องแบงค์กันแน่
***
โปรดติดตามตอนต่อไป
#กลางวันสีดำ
//////////////////////
เกิดอะไรขึ้นระหว่างเอมกับแบงค์น่าจะไม่ต้องเดา เอมคงจับได้แล้วว่าแบงค์เอาผู้หญิงมานอน แต่เหตุการณ์หลังจากนี้ต่างหากที่เราอยากให้ทุกคนติดตาม ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนัทกับคุณไข่ รูปถ่ายใบนั้นที่คุณไข่คว่ำลงไม่ให้นัทเห็น และการเปลี่ยนกะขึ้นไปทำงานกะดึกครั้งแรกของนัท
เรื่องราวเข้มข้นขึ้นทุกขณะ มาลุ้นกันต่อในตอนต่อไปน้า?
อ่านให้สนุกนะคะทุกคน