ตอนที่ 2 ส้ม

 

 

 

"เพราะมึง กูเลยต้องอด"

เสียงไอ้นิว น้องสาวคนเล็กดังสะท้อนซ้ำ ๆ อยู่ในหัวฉัน ในขณะที่เดินไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม มือหยาบกร้านกำเงินห้าร้อยเอาไว้แน่นมีน้ำตาซึมคลอหน่วยตาฉันพยายามกลั้นไว้ นึกย้อนไปถึงการทำงานวันแรกที่เพิ่งผ่านพ้น

หน้าที่พนักงานพาร์ตไทม์สิ่งต้องทำในวันนี้คือถูพื้น เติมสินค้าขึ้นชั้น ยกของยกแพ็กน้ำดื่มและแบกลังขนม สต๊อกสินค้าอยู่ชั้นสองฉันต้องคอยยกลังของหนักบ้างเบาบ้างขึ้นลงเป็นระยะ 

นี่มันงานใช้แรงงาน งานกรรมกรชัด ๆ ฉันที่คิดว่าตัวเองเคยทำงานหนักหาเงินไปโรงเรียนมาตั้งแต่เด็กพอมาเจอการทำงานจริง ๆ ถึงได้รู้ว่าเหนื่อยจนตัวแทบขาดออกจากกันมันเป็นเช่นไร ขาของฉันแทบจะแบกร่างเอาไว้ไม่ไหว ยังดีที่ได้ผลไม้จากพี่บีช่วยชีวิตไว้ในมื้อกลางวันช่วยให้ฉันไม่เป็นลมตายเสียก่อน

ถึงแม้ผู้จัดการร้านจะช่วยสอนงานให้และคอยชี้แนะเป็นระยะ แต่การทำงานแบบต้องยืนโดยแทบไม่ได้นั่งเลยตลอดเก้าชั่วโมง ทำเอาร่างแทบแหลกเกือบถอดใจไม่อยากทำงานแล้ว แต่พอคิดว่าต่อจากนี้ฉันจะเอาอะไรกิน ค่าเช่าห้องที่ค้างอยู่เกือบสองเดือนฉันจะไปหามาจากที่ไหนจึงก้มหน้าก้มตาทนต่อไป

ให้ฉันตายคาส้วมที่ทำงานยังดีกว่าตายอยู่ข้างถนนไม่มีที่ซุกหัวนอน ทุกวันนี้ที่ต้องคอยหลบหน้าป้าอ้อยเพราะกลัวโดนทวงค่าเช่า และป้าอ้อยก็ถือว่าใจดีมากที่ไม่ได้มาดักรอพบหรือมาเคาะห้องเพื่อทวงเอาจากฉันนับว่าบุญหัวมากแล้ว ถ้าต้องถูพื้นขัดส้วมและยืนทั้งวันยังทนไม่ได้ก็ให้มันตาย ๆ ไปเลย อย่างน้อยวันนี้ก็มีความหวังว่าจะไม่อดข้าว ป่านนี้ไอ้นิวคงโอนเงินมาให้แล้ว

พอเลิกงานฉันก็คว้าเอาถุงผ้าที่วันนี้ค่อนข้างหนักเพราะได้เสื้อฟอร์มพนักงานมาสามตัวกับขวดน้ำที่ฉันกรอกมากินที่ร้านจนเหลือแค่ขวดเปล่าแต่ฉันไม่ทิ้งเพราะเอาไว้กรอกมากินอีกในวันถัดไป ฉันรีบหอบหิ้วสัมภาระออกจากร้านตรงมายังห้างที่มีตู้เอทีเอ็มทันที แต่พอกดดูเห็นยอดเงิน 0.76 บาท ฉันแทบทรุดอยากตายเสียให้ได้ ไอ้นิวยังไม่โอนตังค์มาให้ ฉิบหายแล้ว หรือว่าพี่สาวครูดอยของฉันยังไม่ได้บอกว่าให้โอนเงินให้ฉันห้าร้อยวะเนี่ย ฉันกระวนกระวาย ผลไม้ที่กินไปเมื่อกลางวันมันย่อยไปหมดแล้ว ตอนนี้ความหิวและความกังวลมันโจมตีเล่นงานจนใจสั่นตัวสั่นไปหมด เดินตรงรี่ไปที่โทรศัพท์หยอดเหรียญกดเบอร์โทรหานิวทันทีด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะได้คำตอบว่ามันเพิ่งเลิกเรียนยังไม่ว่างไปโอนเงินแล้วบอกให้รอ 10 นาที

ก่อนทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ฉันถึงกับต้องหลบไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำตลอด 10 นาทีนั้น

"เพราะมึง กูเลยอด วันนี้วันเกิดกูแต่กูต้องอดเพราะต้องโอนเงินให้มึง"

วันนี้วันเกิดน้อง ฉันลืมมันไปแล้ว ลืมสนิทและฉันยังทำน้องฝันสลาย ฟังจากน้ำเสียงเย็นชาแม้จะไม่เห็นหน้าแต่ฉันกลับรู้สึกได้ถึงหัวใจโกรธขึ้งของน้อง แม้คำว่าสุขสันต์วันเกิดให้น้อง ฉันก็ไม่ทันได้พูดเพราะไอ้นิวชิงตัดสายไปก่อนที่เหรียญในตู้จะหมดลงเสียอีก ไม่รู้ว่าน้องมีแผนอะไรไว้ในวันเกิดตัวเองบ้าง แต่ที่แน่ ๆ ฉันคือคนที่ทำมันพังเพราะเงินกู้กยศ.รายเดือนที่ได้มาเพียงน้อยนิดถูกแบ่งมาให้ฉัน คนเป็นพี่ไม่เอาไหนที่ลืมวันเกิดมัน แถมยังมาเบียดเบียนความสุขของมันอีก 

"อดตายคนเดียวไม่พออิห่านัท ยังไปเบียดเบียนน้องในไส้ให้จมลงไปกับมึงอีก ถ้าไอ้นิวมันจะเกลียดมึง กูว่าสมควร..." เสียงฉันอีกคนยังคงไม่หยุดด่าฉันในหัว

"คนอย่างมึงพ่อแม่ก็ไม่มี มีพี่มีน้องมึงก็ไปเกาะเขา กี่ครั้งแล้วที่มึงขอเงินน้ำทั้งที่เงินเดือนน้ำเท่าจิ๋มมด มึงดูไอ้นิวสิมันเกิดหลังมึงตั้งปีกว่าแต่มันไม่เคยขอเงินมึงสักบาท แล้วมึงเป็นเหี้ยไรดีแต่รอขอส่วนบุญจากพี่น้อง พ่อแม่ก็ไม่มีเหมือนกัน ออกมาจากรูเดียวกันทำไมมึงถึงสำนึกเหมือนพี่น้องมึงไม่ได้"

"ขอโทษ ขอโทษที่ฉันมันแย่" รู้สึกจุกอยู่ในคอหอยน้ำตารื้นจนจะกลั้นร้องไห้ไว้ไม่อยู่ ตัวฉันอีกคนก็ยิ่งโหมด่ารุนแรงยิ่งขึ้น

"มึงมันสันดานเสีย คนอื่นเขาก็ดิ้นรนขวนขวายด้วยตัวเอง มีแต่มึงที่เหี้ยไม่ดิ้นรนห่าไรเลย เรียนก็ไม่เก่งไรสักอย่าง มาเรียนกรุงเทพมึงก็รอแต่เงินจากป้า แล้วเป็นไง พอป้าบอกไม่ไหวแล้วไม่มีเงินส่งให้แล้วมึงก็เคว้ง มึงมันเห็นแก่ตัวอินัท ทำไมมึงไม่ตายตามแม่มึงไปเลย จะโตมาให้เดือดร้อนคนอื่นทำไม อินัท อิเหี้ย"

ฉันเดินก้มหน้างุดร้องไห้สบถก่นด่าตัวเองในใจ ไม่ได้สนใจผู้คนรอบกายก้าวเดินไปแบบไร้จุดหมาย จากเดิมที่ตั้งใจว่ากดเงินแล้วจะหาข้าวกินอร่อย ๆ ให้สมกับที่อดอยากมาหลายวันแต่พอนึกถึงคำพูดน้อง ใจฉันก็สลายไม่เหลือความอยากอาหารอีกแล้ว

เดินร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ก็มาหยุดอยู่วัดหน้าปากซอยฉันจึงรู้สึกตัว ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาเช็ดขี้มูกที่มันคัดอยู่ในจมูก ตอนนี้ยังไม่มืดเลยถ้ากลับเข้าหอพักป้าอ้อยน่าจะยังอยู่ที่หอ แกจะทำอะไรไปเรื่อยเปื่อยตามปกติของแก ฉันอยู่ที่หอพักนี้มาหลายเดือนพอจะรู้ว่าแกมักจะกลับไปหลังหกโมงเย็นไม่ก็ทุ่มกว่าเสมอ ยังไม่มีคำพูดที่ดีพอหากต้องเผชิญหน้ากัน หากว่าป้าอ้อยให้ฉันขนของย้ายออกไป แล้วฉันจะซุกหัวนอนที่ไหน ฉันจึงตัดสินใจหลบหน้าแกอีกวันหนึ่งด้วยการเข้าไปนั่งเล่นในวัดเพื่อรอค่ำ

ในวัดมียังผู้คนอยู่ในนั้นประมาณหนึ่ง เห็นมีหลายคนกำลังไหว้พระทำบุญถวายสังฆทานกัน ฉันก้าวเดินเข้าไปนั่งอยู่ตรงศาลาเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครนั่ง หามุมนั่งหันหลังให้คนอื่น ๆ น้ำตาที่ซึมคลอหน่วยมันแห้งไปแล้ว

นั่งอยู่ครู่หนึ่งพอได้สงบใจต่อความรู้สึกผิดที่มีต่อน้อง ก็ลุกขึ้นเดินตรงไปยังหน้าศาลาใหญ่ในวัดตรงที่มีบาตรพระวางเรียงราย กับตู้บริจาคใบใหญ่ ฉันล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบเหรียญทั้งหมดที่มีอยู่รวมกับเหรียญในถุงผ้ารื้อมันออกมาหยอดใส่ลงในบาตรทำบุญที่เขียนข้างบาตรว่าวันเสาร์ ที่วางอยู่หน้าพระพุทธรูปประจำวันเกิดของน้อง ยกมือขึ้นไหว้พระหลับตาอธิษฐานบอกชื่อของน้องสาวฉัน บอกพระท่านว่าวันนี้เป็นวันเกิดของน้องขอให้ผลบุญที่ทำนี้เป็นของน้องสาวไม่ใช่ของฉัน ขอให้น้องฉันมีความสุขสมหวังดังใจ และขอโทษที่ฉันทำให้น้องเสียใจ ฉันลืมตาขึ้นมองพระพุทธรูปอยู่ครู่หนึ่งแม้เศษเงินน้อยนิดบุญที่ได้คงสั้นกว่าลูกอ๊อดด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาว่าได้ทำอะไรชดเชยความผิดบ้าง แล้วก็กลับไปนั่งอยู่ศาลาในวัดคนเดียวดังเดิม

นั่งเฉย ๆ อยู่นานพอดูจนพระลูกวัดรูปหนึ่งถือถาดกล้วยหอมหวีใหญ่มายื่นวางให้

"เป็นไงบ้างโยม ดูหน้าตาไม่ค่อยสดใสเลย เอากล้วยนี่ไปกินสิ จะได้มีแรง" พระรูปนั้นเอ่ยบอกสีหน้าเรียบนิ่งแต่ดูใจดี แล้วก็เดินห่างไป

ฉันที่นั่งนิ่งอึ้ง ไม่แน่ใจว่าสภาพฉันมันเป็นแบบไหนพระถึงได้ยื่นไมตรีแบบนี้มาให้ แต่เดาว่าคงทุเรศลูกตาพอสมควรไม่งั้นคงไม่เวทนาจนต้องเดินเอาของกินมาวางไว้ให้ฉันหรอก น้ำตาเริ่มทำหน้าที่อีกแล้วขอบตาฉันร้อนผ่าวเพราะน้ำตาทะลัก ทั้งที่ได้งานทำแล้วแต่สภาพฉันไม่ได้ต่างจากคนจรหมอนหมิ่นเลย ฉันยื่นมือไปคว้ากล้วยหอมดึงออกจากหวีมาลูกหนึ่งแล้วก็กินมันทั้งน้ำตาตรงนั้น

ฟ้ามืดแล้วแสงไฟในวัดสว่างโร่ ตอนนี้ในวัดมีแต่ความสงบเงียบไม่มีใครอยู่ตรงลานวัดอีกแล้ว นอกจากหมาวัด5-6 ตัวที่นอนกันเต็มลาน ฉันหยุดร้องไห้มาพักใหญ่แล้ว ก้มมองนาฬิกาข้อมือเห็นว่าเวลาปลอดภัยที่ป้าอ้อยจะกลับออกจากหอพักแล้วจึงลุกขึ้น ถือถาดกล้วยหอมกลับไปวางที่บริเวณศาลาใหญ่ใกล้ตู้บริจาค ดึงกล้วยออกมาลูกเดียวใส่ลงไปในกระเป๋าผ้า พนมมือขึ้นไหว้พระขอบคุณที่เมตตาให้อาหารประทังชีวิตแล้วเดินตรงมาทางด้านหลังผ่านเมรุสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน อาจเป็นเพราะนั่งอยู่นานจนไม่รู้สึกกลัวอะไรในวัดนี้อีกแล้วจึงเดินผ่านเลยไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไรอีก

วันนี้มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าความรู้สึกผิดที่มีต่อน้องอีกแล้วล่ะ

 

ท่าน้ำหลังวัดที่มืดสลัวฉันเดินก้มหน้าจ้องมองทางเดินอย่างระมัดระวัง ด้านหลังวัดตรงนี้เวลากลางคืนมันไม่มีคนเดินจริง ๆ หากเป็นฉันในเวลาปกติก่อนหน้านี้ให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีทางเดินผ่านตรงนี้ตอนกลางคืนเด็ดขาด ไปทางถนนใหญ่ดีกว่าผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่านไม่ได้มืดเปลี่ยวน่ากลัวเหมือนตรงนี้ แต่ประสบการณ์จากเมื่อวานที่ผ่านมาได้ปกติไม่มีอะไร

ขณะที่เดินพ้นออกมาจนจะถึงเชิงสะพานข้ามคลองเล็ก ๆ 

"ส้ม??"

ตาไม่ฝาด ส้มผลใหญ่สีสุกปลั่งวางอยู่ที่พื้นถนนข้าง ๆ ตีนสะพานนั้นแทบจะเป็นที่เดียวกันกับเมื่อวานเลย

"ใครทำส้มหล่นไว้อีกแล้ว"

ฉันก้มลงเก็บมันขึ้นมาคิ้วขมวดชนกันหันมองซ้ายขวาไม่เห็นใครสักคนที่น่าจะเป็นเจ้าของ หลังกำแพงวัดตรงนี้มีแค่สะพานข้ามคลองแคบ ๆ พอให้รถมอเตอร์ไซค์กับคนเดินผ่านไปมาได้เท่านั้น ไม่มีร้านค้า ไม่มีบ้านคน มีแต่ต้นประดู่ต้นใหญ่ที่อยู่ห่างไปราว 20-30 เมตร แต่ตรงนั้นมีไม่มีอะไรเลยนอกจากกองขยะกองใหญ่

ฉันไม่คิดมากเหมือนเมื่อวานอีกแล้ว หลังจากที่พิจารณาดูแล้วว่ามันน่าจะไม่มีเจ้าของและมันยังไม่เน่า ไม่ได้เปื้อนสกปรก จึงเอามันยัดใส่กระเป๋าผ้าทันทีให้ลงไปอยู่รวมกันกับกล้วยหอมที่ได้มาจากวัดแล้วเดินข้ามสะพานตรงรี่ไปยังซอยที่ตั้งหอพักที่ซุกหัวนอนของฉัน

 

 

ฉันกลับมาถึงหอพักสองทุ่มพอดี แน่นอนป้าอ้อยกลับไปแล้วแต่มีคนนั่งอยู่หน้าทีวีสองคนคือพี่บีกับทอมแบงค์ ดูเหมือนว่าสองคนนั้นกำลังนั่งเล่นมือถือโดยแบงค์เป็นคนสอนพี่บีให้ใช้สมาร์ทโฟนราคาถูกที่พี่บีเพิ่งซื้อมาไม่นานอยู่ พี่บีสาวใหญ่วัยเกือบสี่สิบกับทอมแบงค์หน้าหล่ออายุไม่หย่อนไปกว่าฉัน พี่บีทำงานเป็นแม่บ้านอยู่บริษัทที่จัดจำหน่ายตู้เซฟตู้นิรภัยของญี่ปุ่น ส่วนทอมแบงค์เป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ในผับเล็ก ๆ ย่านลาดพร้าว

รูปร่างหน้าตาของแบงค์ทำให้ฉันไม่แปลกใจสักนิดที่แบงค์มันจะหิ้วผู้หญิงมานอนด้วยที่ห้องบ่อย ๆ ท่าทางเจ้าชู้แต่ดูดีและเป็นมิตรกับทุกคนนั่นคงทำให้ลูกค้าสาว ๆ ติดกันเกรียว ทั้งที่มันมีแฟนแล้วแต่ยังทำตัวมั่วนิสัยไม่ดีทำให้ฉันไม่ชอบหน้าเท่าไหร่ แฟนสาวแบงค์ชื่อเอมเป็นนักศึกษาม.เอกชนแห่งหนึ่งหน้าตาน่ารัก ฉันรู้จักเพราะเอมเคยมาที่หอบ่อย ๆ มาคุยเล่นกันกับทุกคนที่นี่แต่ไม่ค่อยค้างเอมเคยบอกว่าอยู่บ้านกับพ่อแม่หาข้ออ้างออกบ้านบ่อย ๆ ไม่ได้ 

ทั้งที่ค่อนข้างสนิทกับเอมแต่กลับไม่มีใครบอกอะไรเอมเรื่องแบงค์เอาผู้หญิงคนอื่นมานอนที่หอ ซึ่งฉันก็ไม่กล้าบอกเหมือนกันเพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน

ฉันมั่นใจว่าทุกคนที่หอก็รู้เรื่องแบงค์นอกใจเอม ก็เสียงครางซี้ดซ้าดกับเตียงกระแทกดังสนั่นหอขนาดนั้นใครมันจะไม่ได้ยินบ้าง

 

"กลับซะมืดเลยนัท ทำงานวันแรกเป็นไงบ้าง" พี่บีคนใจดียิ้มอ่อนโยนทักทายฉัน ขณะที่ฉันเดินเข้าหอมาแล้วทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้หน้าทีวีแบบหมดสภาพ

"โคตรเหนื่อยเลยค่ะ ร่างแทบแหลก นัทคิดว่าขานัทมันจะขาดออกให้ได้"

"เพิ่งทำงานครั้งแรกก็แบบนี้ พี่ก็เคยเป็นแต่ทำงานหนักมาจนแก่ตอนนี้ก็ชินแล้ว"

"ไม่ไหวแล้วพี่ นัทขอไปอาบน้ำนอนก่อนนะ" ฉันบอกแล้วกำลังจะลุกขึ้น

"เมื่อเช้าเธอลืมปิดพัดลมนะ" เสียงทุ้มฟังดูนุ่มหูเอ่ยขึ้น ใช่นี่คือเสียงแบงค์ ปกติเขาไม่ค่อยคุยกับฉันหรอกเหมือนจะรู้ตัวว่าฉันไม่ค่อยชอบหน้า

"จริงเหรอ" คิ้วฉันขมวดไม่ค่อยอยากเชื่อ

"อือ เสียงพัดลมเพดานมันดังมาถึงห้องเรา แต่เราไม่ได้ยินเสียงเธอ เราเลยยกมิเตอร์ไฟห้องเธอลง เธอไม่อยู่เปิดทิ้งไว้มันเปลืองไฟ" 

"เหรอ ขอบใจนะ" ฉันเอ่ยตอบมองหน้าคนพูด

 

"หล่อจริง ๆ ไอ้ทอมเจ้าชู้นี่โคตรดูดี เพิ่งรู้ว่าเป็นคนมีน้ำใจด้วย" เสียงอีกคนในหัวฉันมันเริ่มอีกแล้ว ยิ่งพอได้มองหน้าสบตากันตรง ๆ สายตาแบงค์ที่มองตอบกลับมาก็เล่นเอาวูบวาบรู้สึกประหลาดขึ้นมาทันที

"เอ้า เขินเฉยอิห่า ไหนบอกไม่ชอบหน้ามันแล้วมึงเขินมันทำไม อินัทอิดอก..." วายร้ายในหัวฉันส่งเสียงเยาะเย้ย 

 

ฉันจึงแก้เก้อด้วยการทำทีรื้อ ๆ กระเป๋าผ้าหยิบเสื้อฟอร์มพนักงานที่ได้มาสามตัวออกมาวางเรียงกันแล้วทำชวนพี่บีคุย

"เสื้อฟอร์มแน่ะพี่ เขาให้ฟรีตัวนึง ส่วนอีกสองตัวหักจากเงินเดือนตอนสิ้นเดือน"

"ก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องใส่ซ้ำกันบ่อย"

"มีข้าวสารสวัสดิการให้หุงกินฟรีด้วย แต่วันนี้นัทยังไม่กล้ากิน แหะ ๆ เดี๋ยวไว้ทำงานไปสักพักก่อนค่อยไปร่วมวงกินข้าวกับคนอื่นเขา"

ฉันพูดต่อไปเรื่อย ๆ คลี่เสื้อฟอร์มพนักงานออกมาทาบกับตัวยืนหมุนไปมาอวดให้พี่บีดู ในขณะที่แบงค์ยังมองมาที่ฉัน เขาคงมองตามปกติไม่ได้คิดอะไร แต่เป็นฉันเองที่สลัดเสียงครวญครางของผู้หญิงในห้องแบงค์เมื่อคืนออกจากหัวฉันไม่ได้เลย พยายามไม่ให้ตัวเองนึกภาพตามเสียงที่ฝังอยู่ในหัว

แต่ในขณะที่กำลังพับเสื้อจะเก็บลงกระเป๋าผ้าสายตาก็เหลือบไปเห็นกล้วยกับส้มที่อยู่ในกระเป๋าฉัน

"เฮ้ย อะไรเนี่ย" ฉันตกใจจนต้องอุทานออกมา คิ้วขมวดมุ่นเพราะตกใจ

"อะไร นัทมีอะไร" พี่บีถาม ในขณะที่ฉันเริ่มปรับอารมณ์ลงมาได้แล้ว

"คือว่า..นัทลืมทิ้งขยะอีกแล้วพี่ ขอเอาขยะไปทิ้งก่อนนะคะ" ฉันรีบคว้ากระเป๋าผ้าออกไปข้างนอกทันที

 

ที่ข้างถังขยะ ฉันกำลังใช้กระดาษชำระหยิบเอาส้มเน่าที่อยู่กระเป๋าผ้าออกมาด้วยท่าทางขยะแขยงแล้วโยนทิ้งลงถังขยะไป มันเน่าเละเทะจนขึ้นราน้ำเหม็น ๆ ซึมออกมาเลอะกระเป๋า ดีที่มันไม่ได้เลอะติดเสื้อพนักงาน ส่วนกล้วยหอมจากถาดผลไม้ของหลวงพี่รูปนั้นยังคงอยู่ดีไม่ได้เปื้อนสกปรกอะไร

"ฉิบหายอินัทเอ๊ย ส้มเน่า มึงไม่แหกตาดูดี ๆ ก่อน ดีที่ไม่เลอะเสื้ออิควาย ตะกละ กูว่าน่าจะส้มถุงเดียวกับลูกที่ตกอยู่เมื่อวานแน่ ๆ ใครมันจะมาทำส้มหล่นได้ทุกวัน อิโง่"

เสียงวายร้ายในหัวก่นด่าแต่ฉันไม่มีอารมณ์จะเถียงด้วย วันนี้ฉันเหนื่อยมาพอแล้วซ้ำยังร้องไห้เกือบชั่วโมงไม่แปลกถ้าฉันจะขาดสติตาลายจนหยิบเอาส้มเน่าที่ตกพื้นข้างทางติดมือกลับมา ฉันเดินกลับเข้าหอพักบอกลาพี่บีกับแบงค์แล้วเก็บสัมภาระหอบหิ้วขึ้นห้องนอนไปทันที

 

ในถังขยะข้างหอพัก ส้มเน่าลูกนั้นที่ถูกโยนทิ้งมันเละเทะหนอนชอนไชแทบไม่เหลือชิ้นดีแล้ว

 

 

 

 

ดึกดื่นค่อนคืน แสงไฟในห้องนอนสี่เหลี่ยมผืนผ้าสว่างโร่ ฉันนอนเปลือยกายท่อนล่างใจสั่นตึกตักรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งสรรพางค์กาย เมื่อร่างกายแข็งแกร่งด้วยมัดกล้ามเปลือยเปล่าของชายหนุ่มโอบรัดกอดฉันเอาไว้ ฉันหลับตาแน่นรอคอยรับสัมผัสวาบหวามจากเขา ร่างกายหนุ่มแน่นแขนข้างหนึ่งค้ำยันเตียงไว้ส่วนมือร้อนอีกข้างเอื้อมไปลูบไล้ปลีน่องเปลือยของฉันแล้วจับให้แยกอ้าออกกว้างแทรกกายแกร่งลงมาทาบทับบดเบียด

"ฮื้อออออออ แฮ่ก" ฉันหลับตาแน่นกัดฟันกรอดด้วยความรู้สึกกระสันสุดรัญจวน ยกมือข้างหนึ่งอุดปากตัวเองไว้เพราะกลัวว่าเสียงครางซ่านสวาทมันจะเล็ดลอดออกมาจนทำให้คนอื่นได้ยิน

รสสัมผัสแห่งความเป็นชายสอดแทรกเข้ามาในกายฉัน เมื่อปรับความคุ้นชินได้ฉันยื่นมือซ้ายลงไปแตะสัมผัสตุ่มกำเนิดความเสียวตรงกลางกายถูไถเร่งเร้าเพิ่มจังหวะความสุขสมไปพร้อม ๆ กัน ความอุ่นร้อนที่สอดใส่กระแทกเข้าหาหนักหน่วงเร่าร้อนส่งให้ความรู้สึกกระสันซ่านพุ่งทะยานจนแตกซ่านสุขสมร่างกายกระตุกสั่นสะท้านเกร็งค้าง

ฉันสะอื้นฮัก ๆ เพราะความเสียวถึงขีดสุด มือที่ถูไถตุ่มเสียวแตะวางค้างไว้ตรงกลางกายเปลือยรู้สึกถึงความเปียกฉ่ำที่ชโลมรดปลายนิ้ว ร่างแกร่งของคนที่ทาบทับยังคงค้ำยันอยู่เหนือร่างฉันเกร็งค้างหอบกระเส่าอยู่เช่นกัน ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ผละออกฉันจึงลืมตาเพื่อมองเขาอยากเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เปี่ยมด้วยความสุขสมแห่งรสสวาทนั้น แต่ต้องสะดุ้งสุดตัว

"ฮ๊ะ"

ฉันส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจ เมื่อลืมตามองชัด ๆ คนที่ทาบทับเสพสมสวาทกันเมื่อครู่ไม่ใช่ผู้ชายแต่เป็นผู้หญิง ผู้หญิงที่เหมือนจะสวยมากด้วย แต่ทำไมฉันเห็นหน้าเธอไม่ค่อยชัดนัก

"คะ ใคร เธอเป็นใคร มาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง"

ฉันตกใจผวาถอยหนีพยายามหุบขาเปลือยเปล่าที่อ้ากว้างโอบรอบร่างของผู้หญิงคนนั้นไว้ ผละออกจากร่างเปลือยของอีกคน

นี่เรื่องบ้าอะไรกัน ฉันต้องฝันอยู่แน่ ๆ ผู้ชายที่ฉันร่วมรักเสพสมเมื่อครู่กลับกลายเป็นผู้หญิงไปได้ยังไง ฉันพยายามตั้งสติ

ร่างสวยของผู้หญิงคนนั้นเปลือยเปล่า เธอคุกเข่าอยู่บนเตียงฉัน ไม่พูดอะไรสักคำเพียงแค่มองมานิ่ง ๆ

ให้ตายเถอะ ฉันไม่อาจละสายตาจากใบหน้าเธอได้ นี่ฉันกำลังฝันอยู่แน่ ๆ ฉันตั้งสติหยุดโวยวายจ้องมองใบหน้านั้นที่มองเห็นเพียงเลือนลางแต่ที่เห็นชัดเจนคือร่างเปลือยแสนสวยของเธอ อกอวบตึงยอดอกสีชมพูตั้งเต้า เธอขาวมากผิวเนียนละเอียดต่างกับฉันที่ผิวแทนคล้ำแดดกร้าน

เธอส่งยิ้มแสนหวานมาให้แล้วเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ฉัน

"ใช่ เธอกำลังฝัน นี่คือฝันของเธอนัท ฉันจะเติมเต็มความสุขให้เธอเอง"

ราวต้องมนตร์สะกดผู้หญิงสวยในร่างเปลือยนั้นเอ่ยแผ่วเบาเอื้อมมือมาคว้ามือฉันให้ไปจับที่อกอวบอิ่มขาวเนียนนั้น 

อุ่น ทั้งอุ่นทั้งนุ่มลื่น ฉันใจกล้าลูบไล้สัมผัสความเนียนนุ่มรอบทรวงนั้นแผ่วเบา จนเธอส่งเสียงครางอืออาในลำคอ โน้มตัวก้มต่ำลงมาส่งจูบที่หน้าท้องฉันแล้วไล่ริมฝีปากลากลงต่ำไปเรื่อย ๆ ฉันรู้ว่าเธอมีจุดหมายปลายทางที่ตรงไหน ลมหายใจผะผ่าวและริมฝีปากร้อนเคลื่อนลงใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง ฉันหลับตาแน่นสนิทกลั้นลมหายใจปล่อยสองมือขยำกำจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ รับรู้เพียงปลายลิ้นร้อนที่แตะต้องตรงจุดสงวนเปียกฉ่ำที่ยังไม่มีใครได้สัมผัสมาก่อน

"อื้ออออออ ฮ้าาาาาา"

 

ฮึก เฮือก 

ฉันสะดุ้งสุดแรงแล้วลืมตาตื่น หัวใจเต้นโครมคราม ตัวสั่นสะท้าน

แสงไฟในห้องนอนที่เปิดทิ้งไว้สว่างจ้าจนฉันที่ลืมตาเบิดโพลงต้องกะพริบตาถี่ ๆ หันมองไปรอบกายมองเห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนแคบ ๆ สวมเสื้อนอนเพียงตัวเดียวและมันถูกเลิกขึ้นไปกองที่เหนือทรวงอก ส่วนกางเกงนอนถูกถอดกองทิ้งไว้ที่ปลายเท้า ข้าง ๆ หมอนที่ใช้หนุนมีหนังสือนิยายเล่มหนึ่งที่อ่านค้างไว้วางคว่ำอยู่

ฉันดีดตัวลุกขึ้นนั่ง นึกทบทวนย้อนไปเมื่อคืนหลังจากอาบน้ำเสร็จเตรียมเข้านอน ฉันหยิบหนังสือนิยายพ็อกเก็ตบุ๊คที่พี่บีให้ยืมมาเปิดอ่าน พออ่านถึงฉากอัศจรรย์รัญจวนที่พระนางมีอะไรกันฉันก็เกิดความรู้สึกอย่างว่าขึ้นมา และใช่ นี่คงเป็นสาเหตุที่กางเกงนอนของฉันถูกถอดไปกองที่ปลายเท้า ความรู้สึกสั่นระริกเต้นตุบ ๆ ตรงกลางกายและมือซ้ายของฉันที่เปียกลื่นตรงปลายนิ้ว เป็นคำตอบได้อย่างดี

เฮ้อออออ  ฉันถอนใจยาวส่ายหน้าด้วยระอาตัวเอง ลุกขึ้นยืนหยิบกางเกงมาสวมความเสียวซ่านสยิวตรงจุดกึ่งกลางกายยังคงมีอยู่

พักนี้มีอารมณ์บ่อยจัง ฉันช่วยตัวเองอีกแล้วในรอบสัปดาห์นี้ถือว่าหลายครั้งอยู่ ทั้งที่ท้องหิวอาหารไส้แทบตาย ทำงานก็เหนื่อยแทบขาดใจแต่อารมณ์อย่างว่ามันกลับไม่ลดลงเลย สงสัยว่าประจำเดือนคงใกล้จะมาอีกแล้ว น่าเบื่อจริง เงินยิ่งไม่ค่อยมีอยู่ต้องเก็บเงินไว้ซื้อผ้าอนามัยอีกแล้ว ฉันเดินถอนหายใจเซ็ง ๆ ลุกเข้าห้องน้ำไปล้างทำความสะอาดตัว ล้างหมดจดทั้งที่จุดกึ่งกลางกายและล้างมือที่เปื้อนคราบคาวความเปียกฉ่ำที่ชโลมรดปลายนิ้ว

ตลอดเวลาก็คิดวุ่นวาย ในฝันคราวนี้มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่ฉันร่วมรักด้วย

บ้าจริง ฉันมีอารมณ์กับทั้งผู้ชายและผู้หญิง นี่ฉันเป็นไบเซ็กชวลอย่างนั้นหรือ 

 

 

ในขณะที่ด้านนอกหอพักขณะนี้เป็นเวลาดึกดื่น ตีสองกว่าแล้วในซอยเล็ก ๆ นี้มันเงียบสงัดไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรแล้ว ท่ามกลางความเงียบสงบมีเพียงสายลมที่พัดผ่านไปวูบหนึ่ง

 

ที่ถังขยะข้างหอพักนั้นมีทั้งหนูและแมลงสาบหลายสิบชีวิตวิ่งขวักไขว่วุ่นวาย พวกมันรุมทึ้งคุ้ยเขี่ยเศษอาหารราวกับงานปาร์ตี้แสนสนุก ส้มเน่าที่ถูกโยนทิ้งเอาไว้ในถังขยะใบนั้น หายไปแล้ว

 

 

 

 

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

 

#กลางวันสีดำ

 

โปรดติดตามตอนต่อไป 

 

 

 

 

 

 

^_^ ตอนที่สองแล้วนะคะ 

ไม่รู้ว่าฟีดแบ็กเป็นไงบ้าง เราอยากอ่านเม้นนะคะ 

นี่เป็นงานเขียนที่เราขอเรียกว่าแนวดรามาอีโรติกเรื่องแรกของเรา 

ทุกคนอ่านแล้วมีใครเดาเนื้อเรื่องไปในทิศทางไหนบ้างคะ หรือว่าไม่เดาอะไรเลย ขออ่านไปลุ้นไปทีละตอนดีกว่า?

มาคุยกันหน่อยนะคะ

ถ้าชอบก็ขอหัวใจคนละดวงเป็นกำลังใจให้สีสันหน่อยนะคะ?☺

รออ่านตอนต่อไปน้า

อ่านให้สนุกนะคะทุกคน