ตอนที่ 3 ใคร???

 

 

หลังจากทำงานไปแล้วหกวันเต็ม วันนี้เป็นวันหยุดแรกในชีวิตการทำงานของฉัน แต่ฉันกลับตื่นเช้าเป็นพิเศษนั่นเพราะร่างกายปรับตัวให้เคยชินกับการตื่น05.40 น.ทุกวันที่ไปทำงาน 

ขาทั้งสองข้างมันหนักอึ้งราวถูกหินก้อนใหญ่ทับไว้ เท้าก็เจ็บมากผลจากการยืนทำงานทุกวัน วันละเกือบสิบชั่วโมง ฉันแทบไม่อยากลุกจากเตียงแต่จำเป็นต้องลุก มีบางอย่างที่ฉันตั้งใจจะทำให้สำเร็จลุล่วง

วันนี้ฉันจะไปหาป้าอ้อย ไปพูดกับแกตรง ๆ เรื่องขอผ่อนผันชำระค่าเช่าห้องที่ค้างอยู่จะครบสองเดือนอยู่แล้ว หลบหน้าแกมาตลอดหลายสัปดาห์เพราะไม่กล้าสู้หน้า แต่ฉันก็ยังได้ซุกหัวนอนอย่างสงบไม่มีใครมาเคาะห้องทวงค่าเช่า หรือมาลากตัวฉันพร้อมข้าวของโยนออกไปจากห้องนี้ นั่นพอพิสูจน์ได้ถึงความใจดีที่สุดของป้าอ้อย ทำให้ฉันละอายแก่ใจถ้ายังหลบหน้าหลบตาแกต่อไปโดยไม่คิดจะทำอะไรให้ดีกว่านี้

หลังจากลุกจากเตียงอาบน้ำแต่งตัว ดูนาฬิกาตอนนี้แปดโมงนิด ๆ ฉันจึงลงมาจากห้องตั้งใจเดินไปตึกที่อยู่ติดกันซึ่งถูกต่อเติมเป็นออฟฟิศและห้องพักของป้าอ้อยคนดูแลหอพักสตรีแห่งนี้ แต่พอลงมาถึงโถงหน้าทีวีก็พบกันคนหนึ่งเข้าเสียก่อน

"อ้าว เอม ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้"

ฉันยิ้มแต้เอ่ยทักทายผู้หญิงที่อยู่ในชุดนักศึกษาเสื้อรัดติ้วกับกระโปรงพลีทสั้นเหนือเข่า เธอนั่งอยู่คนเดียวที่เก้าอี้มีถุงขนมอะไรเยอะแยะไปหมดและมีโหลปลาทองใบย่อมวางอยู่ตรงหน้าเธอด้วย เอมยิ้มให้ฉันแล้วยกนิ้วเรียวเล็กที่ทำเล็บสีชมพูอ่อนลายน่ารักขึ้นมาแตะริมฝีปาก

"จุ๊ ๆ นัทอย่าเสียงดัง เราจะเซอร์ไพรส์แบงค์" เอมยิ้มจนตาหยีจุ๊ปากให้ฉันเบาเสียงลง ฉันตาโตก่อนจะทำท่ารูดซิปหุบปากเม้มสนิท

"วันเกิดแบงค์น่ะ เราเอาของขวัญวันเกิดมาให้ รอแบงค์ตื่นแล้วค่อยเข้าไป"

"โห..น่ารักมากอะเอม ถ้ามีแฟนน่ารักใส่ใจแบบเอมนะ เรารักตายเลย" ฉันเข้าไปนั่งข้างเอมมองสำรวจโหลแก้วใส่ปลาทองสองตัวดูน่ารักมากอย่างสนใจ และตอนนี้รู้แล้วว่าถุงขนมที่วางอยู่มันคือกล่องเค้กก้อนเล็ก ๆ

"ก็อยากให้ผัวรักผัวหลงนี่นาก็ต้องเอาใจกันมากหน่อย สวยอย่างเดียวคงไม่พอหรอก คิก ๆ ๆ"

คนหน้าตาน่ารักหัวเราะคิกคักเบา ๆ แต่ดูสดใสเหลือเกิน

"แหมมม...รู้แล้วค่าคุณคนสวย คือเราต้องอิจฉาแบงค์ใช่มะ มีแฟนสวยน่ารักขนาดเน้..." ฉันทำเสียงยานคางหมั่นไส้

"แล้วนัทอยากลองคบเรามั้ยล่ะ คบกันแบบ3p เราสองสามคนก็ได้นะ เอมไม่ติด" เอมทำหน้าทำตาแพรวพราวกรุ้มกริ่ม

"อี๋..... ไม่เอา ม่ายยยยยยย"

ฉันอุทานออกมาทำหน้าอี๋ใส่เอม แล้วเราก็หัวเราะออกมาทั้งคู่เพราะรู้ว่าต่างคนต่างหยอกกันเล่น ก่อนที่ฉันจะเป็นฝ่ายขอตัวออกมาก่อนเพราะมีธุระสำคัญกับป้าอ้อย ถ้าสายกว่านี้อาจจะมีคนอื่นเดินเข้าออกออฟฟิศของแก ฉันไม่อยากให้ใครรู้ความลับเรื่องค้างค่าเช่าของฉัน เพราะอายเกินกว่าจะให้ใครมารับรู้

คิดแล้วก็อิจฉาเอมอยู่เหมือนกัน เกิดมาหน้าตาดีมีครอบครัวพ่อแม่พร้อมหน้า พ่อแม่ยังมีปัญญาส่งเรียนมหาวิทยาลัยค่าเทอมแพงให้เรียนอีก ในขณะที่ฉันตรงข้ามกับเอมทุกอย่าง หน้าตาบ้าน ๆ ออกไปทางไม่สวยด้วยซ้ำ พ่อแม่ก็ไม่มี เงินก็ไม่มี ได้เรียนต่อที่ม.รามคำแหงก็ดีมากพอแล้วสำหรับฉัน

แต่ก็ช่างเถอะถึงจะอิจฉาในความสบายของคนอื่นแต่ก็ไม่ได้ริษยาอะไรเขาเพราะรู้ดีว่าวาสนาคนเราไม่เท่ากัน ต้นทุนชีวิตฉันมีแค่นี้ก็ต้องรักษาลมหายใจตัวเองไว้ให้นานที่สุด หมาจรแมวจรมันยังดิ้นรนหากินเอาชีวิตรอด ฉันเป็นคนมีสมองสองมือทำงานหากินด้วยตัวเองได้ ถ้าฉันปล่อยชีวิตให้อดตายโดยไม่ขวนขวายคงได้อายหมาอายแมวเสียเปล่า ๆ

ฉันสลัดความอิจฉาคนอื่นทิ้งไปในขณะที่ก้าวขาเดินเข้าไปภายในออฟฟิศที่เป็นห้องพักของป้าอ้อย ความวิตกกังวลเข้ามาแทนที่ หัวใจสั่นรัว ในหัวฉันเริ่มนึกเรียบเรียงคำพูดที่ซ้อมไว้ว่าจะพูดผ่อนผันกับป้าอ้อยยังไงให้แกเห็นใจ เหงื่อซึมเปียกที่หน้าผากและแผ่นหลังจนชุ่ม ส่ายสายตาหันมองซ้ายขวาแลหาป้าอ้อย

"มาหาใครคะ มีธุระอะไรหรือเปล่า"

เสียงหวานเพราะหูทักมาจากด้านหลังทำให้ฉันที่จมอยู่กับความคิดต้องสะดุ้งโหยงหันไปตามเสียง พอเห็นหน้าของเจ้าของเสียงก็ยิ่งทำให้ฉันตกใจหน้าซีด

"ค..คุณ??"

ฉันอุทานออกมา ยกมือขึ้นชี้หน้าคนตรงหน้า ใจสั่นโครมครามจนทำอะไรไม่ถูก ผู้หญิงตรงหน้าฉันคนนี้ คือผู้หญิงในฝันของฉันเมื่อหลายคืนก่อนรวมทั้งเมื่อคืนด้วย...

เอ๊ะ ใช่หรือเปล่านะ ฉันยืนตะลึงงงงัน ความคิดเตลิดไปไกล

ไม่น่าเชื่อ หน้าโคตรเหมือนคนในฝันแทบไม่ผิดเพี้ยน

 

"คะ? มีธุระอะไรหรือเปล่า มาติดต่อเช่าห้องหรือคะ" เธอถามย้ำอีกครั้ง

"ม..มาหาป้าอ้อยค่ะ เราเช่าห้องอยู่หอพักหญิงด้านข้าง ห้อง201 ค่ะ" ฉันชี้ไปทางหอพักของฉัน แล้วเธอคนนั้นก็พยักหน้ารับรู้

"ป้าอ้อยออกไปตลาด ไม่รู้จะกลับตอนไหน ถ้ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับห้องพักบอกเราก็ได้ค่ะ เราจะให้คนไปดูให้"

"ไม่ ๆ ๆ ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยวค่อยมาใหม่อีกทีตอนเย็นแล้วกัน ขอบคุณค่ะ" ฉันรีบละล่ำละลักบอก แล้วผละออกมาจากฝั่งออฟฟิศหอพักทันที 

ทั้งงงทั้งสับสน ผู้หญิงคนนี้ใครกัน ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน และที่ยิ่งไปกว่านั้น เธอหน้าเหมือนคนที่ฉันฝันว่ามีเซ็กด้วยเมื่อคืนนี้เอง

"บ้าจริง อินัท นั่นใครวะ หน้าเหมือนคนที่เอากะมึงเมื่อคืนเลย"

"อิผีบ้า ฉันยังไม่ได้นอนกะใคร ฉันแค่ช่วยตัวเองแล้วฝันไป อย่ามามั่ว"

ฉันและตัวฉันอีกคนเริ่มตบตีทะเลาะกันในหัวอีกแล้ว

"มั่วอะไร มึงก็เห็นชัด ๆ ตัวขาวจั๊ว หน้าแบบนี้หุ่นแบบนี้ด้วย สวยเหมือนกันเป๊ะ"

"ในฝันมันเห็นหน้าไม่ชัด เราอาจจะคิดไปเองก็ได้ ฉันไม่เคยรู้จักคนนี้มาก่อน จะไปฝันถึงเค้าได้ยังไง"

"เอ้า เราอาจจะเคยเดินผ่านกันตรงไหนสักแห่งก็ได้ มึงอาจจะเคยเห็นหน้าเขาแล้วก็เลยเก็บเอามาฝัน" ได้ฟังฉันอีกคนในหัว ฉันจึงคิดตาม

"แล้วเสือกฝันไม่ธรรมดาด้วยนะ มึงฝันว่าโดนเค้าเย หลายครั้งด้วยอะอิห่านัท"

ฉันหน้าร้อนผ่าว รู้ตัวว่าหน้าแดงถึงใบหูแน่ ๆ  ความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้นในตัวฉัน ทั้งความวิตกกังวลที่ยังไม่เจอป้าอ้อย ความตื่นเต้นตกใจที่พบคนในฝันที่ร่วมรักร่วมพิศวาสกันโดยไม่คาดคิด

ผู้หญิงคนนี้หน้าคล้ายกันจริง ๆ คล้ายคนในฝัน เพราะฝันถึงคนเดิม ๆ หลายคืนติดกันภาพฝันยังชัดเจนและจดจำ ฉันยอมรับว่ามันเป็นฝันที่ดีมาก ๆ ด้วย ไม่รู้สิ ฉันคิดว่าจำรสสัมผัสความสยิวเสียวที่ได้รับเมื่อคืนนี้ได้ดีด้วยซ้ำ

"แต่มันก็แค่ฝันเปียก อิดอกนัท มึงมันแรดเงียบ" 

เสียงประชดประชันดังสะท้อนในหัว สุดท้ายฉันก็ยอมแพ้ปล่อยให้ฉันอีกคนก่นด่ายังไงก็ได้ เพราะฉันคงเป็นแบบนั้นจริง ๆ ไม่มีอะไรจะเถียงเลย

 

ฉันเดินกลับมานั่งลงที่โถงหน้าทีวี เปิดทีวีเป็นเพื่อนแล้วหยิบหนังสือดาราที่วางไว้เป็นของส่วนรวมออกมาเปิดอ่านเพื่อรอป้าอ้อยกลับมาจากตลาด แปลกเหมือนกัน ตลอดหลายสัปดาห์ฉันคอยหลบหน้าไม่อยากเจอป้าแก แต่วันนี้กลับเป็นฉันเองที่อยากเจอใจแทบขาด

คนเรานี่แปลกนัก เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว เอาแต่ที่ตัวเองสะดวกเห็นแก่ตัวกันจริง ๆ

หมายถึงฉันนี่แหละ

ฉันหลบหน้าไม่สนใจว่าป้าอ้อยจะตอบเจ้าของหอยังไง เรื่องที่มีคนค้างค่าเช่า แต่พอวันนี้จะขอเจรจาผ่อนผันกลับเป็นฉันที่มารอดักพบ ฉันนี่มันแย่จริง ๆ เฮ้อออออ

"น้องคะ น้อง"

"ห๊ะ!! คะ"

กำลังคิดไปไกลแต่เสียงเรียกจากด้านหลังทำเอาฉันสะดุ้ง พอหันหน้าไปมองยิ่งสะดุ้งหนักกว่าเก่า ผู้หญิงหน้าสวยตัวขาวจั๊วคนนั้นมายืนตรงหน้าฉัน 

ฉันที่ตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอเธออีกครั้งในเวลากระชั้นแบบนี้รีบลุกขึ้นยืนถอยหลังไปสองสามก้าว พูดติดอ่างขึ้นมากระทันหัน

"ค....คะ?? ม..มีอะไร"

"ป้าอ้อยค่ะ" คนหน้าสวยยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ฉัน แล้วทำท่าทางให้ฉันรับเอาไปคุย

ฉันตั้งสติมองหน้าเธอและมองโทรศัพท์ ยื่นมือไปรับมาถือไว้ด้วยความรู้สึกสับสนปนเป ทั้งความวิตกกังวลเพราะว่าคนในสายคือป้าอ้อย แล้วยังประหม่าตกใจกับผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ ยิ่งมองก็ยิ่งหน้าเหมือนคนที่สอดนิ้วกับลิ้นร้อน ๆ เข้ามาในร่างฉันมอบความสุขสมให้ฉันในฝันเมื่อคืนนี้ไม่มีผิดเพี้ยน

"อินัท อิห่า เวลานี้มึงยังนึกถึงเรื่องนั้นอีก อิร่าน ป้าอ้อยจะแดกหัวมึงอยู่แล้ว"

เสียงตะโกนด่าทออยู่ในหัว เรียกสติฉันให้มาจดจ่ออยู่กับคนในสาย

"ฮัลโหลค่ะ ป้าอ้อย นัทห้อง201 เองค่ะ" ใจฉันเต้นโครมครามเพราะมีความผิดฐานเบี้ยวค่าห้อง

"ว่าไงหนูนัท มีอะไรหรือเปล่า เห็นน้องไข่โทรมาบอกว่าหนูมาหาป้า" 

ป้าอ้อยส่งเสียงแสนใจดีดังมาตามสาย จนฉันจุกไปหมดเหมือนมีก้อนบางอย่างติดอยู่คอหอย รีบผละเดินออกมาห่าง ๆ จากผู้หญิงคนนั้นซึ่งเธอก็เหมือนรู้งานดี จึงเดินออกไปยืนอยู่หน้าประตูหอ

"หนูจะคุยกับป้าเรื่องค่าเช่าอะค่ะ หนูอยากขอผลัดไปก่อน หนูยังไม่มีตังค์จ่าย"

"อ๋อ ค่ะ เอาที่หนูนัทสะดวกเลยค่ะ ได้งานทำแล้วนี่ มีเงินเมื่อไหร่ค่อยมาจ่ายก็แล้วกันนะ"

พระเจ้า ป้าอ้อยเป็นเจ้าแม่กวนอิมเหรอ ฮืออออ เสียงของฉันอีกคนกรีดร้องกระโดดโลดเต้นอยู่ในหัว ขณะที่ฉันยิ้มกว้างหน้าบานเป็นจานดาวเทียม รีบละล่ำละลักขอบคุณป้าอ้อยยกใหญ่

"ขอบคุณมากเลยค่ะป้า ขอบคุณนะคะ หนูขอโทษจริง ๆ ที่จ่ายช้า เงินเดือนออกเมื่อไหร่หนูจะรีบเอามาจ่ายทันทีค่ะ"

"จ้า ตั้งใจทำงานนะหนู"

ป้าอ้อยตอบกลับแล้วกดวางสายไป แต่คนที่กรีดร้องแทบบ้าในใจคือฉัน น้ำตาแทบร่วงออกมาด้วยความยินดีตื้นตัน ป้าอ้อยใจดีฉิบหาย ถ้าไม่ติดว่าฉันต้องเอาโทรศัพท์ไปคืนเจ้าของที่ยืนตัวขาวอยู่หน้าประตูหอพัก ฉันคงลงไปนอนร้องกรี๊ดด้วยความดีใจอยู่ที่พื้นแน่ ๆ 

ความกดดันวิตกกังวลทั้งหมดที่มีถูกยกออกไปจากใจฉัน 

"คุณ เสร็จแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"

ฉันเดินไปหาเธอคนนั้นแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้

"คุณไข่ใช่ไหมคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ"

"คะ??"  พอเห็นเธอทำท่าขมวดคิ้วฉันจึงรีบพูดต่อ

"เราได้ยินป้าอ้อยเรียกคุณว่าน้องไข่น่ะค่ะ ขอบคุณที่เป็นธุระให้นะคะ"

ฉันยิ้มให้เธอ ยิ้มจนตาปิดและน่าจะเห็นฟันเกือบครบทุกซี่ แต่เธอแค่เพียงพยักหน้ารับเฉย ๆ ไม่ยิ้มไม่พูดอะไรแล้วเดินออกไปเลย

"อ้าว ยัยน้องไข่ตัวขาว หยิ่งว่ะ" ตัวฉันอีกมันคนโวยวายฮึดฮัด

"เขาไม่รู้จักเรานะ แค่เขามีน้ำใจโทรไปหาป้าอ้อยให้เขาก็มีบุญคุณแล้ว อย่าเรื่องมากได้มั้ย" ฉันต่อว่าตอกกลับวายร้ายในหัวไปบ้าง

"เขาเป็นใครก็ยังไม่รู้ อาจจะเป็นหลานป้าอ้อย หรืออาจจะเป็นลูกหลานเจ้าของหอก็ได้ แค่เขาเห็นเราไปหาป้าอ้อย เขาก็โทรหาให้เลย แบบนี้ยังกล้าว่าเขาหยิ่งอีกเหรอ"

พอโดนฉันตอกกลับไปจอมวายร้ายในหัวก็เงียบลง

ดี ให้มันเงียบ ๆ ซะบ้างทุกวันนี้มันเถียงชนะฉันบ่อยเกินไปแล้ว บางทีก็พูดจาหยาบคาย เกรี้ยวกราด ด่าทอใครต่อใครในหัวฉันอยู่ตลอด โดยเฉพาะเวลาอยู่ที่ทำงาน ยิ่งตอนเจอลูกค้าประหลาด ๆ กดขี่ หรือตอนที่รุ่นพี่ที่ร้านจิกใช้พูดจาไม่ดีใส่ วายร้ายในหัวก็ลงมือแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวโมโหฟาดงวงฟาดงา จนบางครั้งฉันต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ ไม่ก็ไปหลบหลังร้านเพื่อสงบจิตใจ ไม่ให้ฉันอีกคนเผลอแสดงอารมณ์ออกมาให้ใครได้เห็น 

ตัวฉันอีกคนที่อยู่ข้างใน มันร้ายนัก ต้องควบคุมกดมันให้ยอมลดความกราดเกรี้ยวหยาบคายลงบ้าง 

 

 

 

เกือบ 11 โมงแล้ว ฉันเดินอมยิ้มเปี่ยมสุขกลับเข้ามาในหอ หลังจากที่เคลียร์เรื่องคาใจให้ผ่านพ้นไปได้ ก็เดินออกไปหาซื้อข้าวกิน วันนี้ฉันมีแบงค์พันกำไว้ในมือ ทำให้มีความสุขนักซื้อข้าวตามสั่งพร้อมกับน้ำชงอีกหนึ่งแก้ว ถือว่าวันนี้กินดีกว่าทุกวันเพราะปกติกินข้าวราดแกงกับน้ำเปล่าหยอดจากตู้กดน้ำ

แล้วฉันได้แบงค์พันมาจากไหนน่ะเหรอ ทั้งที่ทำงานไม่กี่วันเงินเดือนฉันก็ยังไม่ออก เงินที่ได้จากไอ้นิว500 เมื่ออาทิตย์ก่อนก็ใช้หมดแล้ว

ก็จากพี่บีคนใจดีนั่นไง เมื่อวานฉันกลับหอเกือบสองทุ่ม มาถึงก็เห็นพี่บีกับสาว ๆ เพื่อนร่วมหออีกหลายคนนั่งกินมื้อเย็นและดูทีวีกันอยู่ ฉันนึกได้ว่านี่เป็นต้นเดือน ภาพแบบนี้จึงถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะฉลองเงินเดือนออกด้วยการซื้อของกินมานั่งกินด้วยกัน เรียกว่าแบ่งกันกินนั่นแหละ ซื้อของมาคนละอย่างสองอย่าง พอมากินด้วยกันมันก็จะกลายเป็นได้กินหลายอย่าง มันคือความสุขเล็ก ๆ ของชาวหอ ศูนย์รวมชนชั้นล่างผู้มีรายได้น้อย

หลังจากที่ได้ร่วมวงกินข้าวกับทุกคนตามคำชวนแล้ว พอขึ้นห้องมาสักพัก พี่บีก็มาเคาะห้องถามสารทุกข์สุกดิบ ก่อนจะควักเงิน 1000 บาทยื่นมาให้ฉันบอกว่าให้ยืมทั้งที่ฉันไม่ได้ขอ

"เอาไปเถอะ พี่ให้ยืม ไม่ต้องอายหรอก เงินเดือนออกเดือนหน้าค่อยมาคืนก็ได้ ตอนพี่อายุเท่านัท พี่ก็ลำบากแบบนี้ นัทยังโชคดีกว่าพี่ที่ได้เรียนต่อ"

ฉันยิ้มแหย ๆ ตอนที่รับเงินมาถือไว้ ทั้งอาย ทั้งดีใจ ยกมือไหว้ขอบคุณแล้วตอบกลับไปว่าเงินเดือนฉันออก ฉันจะรีบคืนให้ทันที

ตอนพี่บีกลับเข้าห้องของตัวเองที่ชั้นสามไปแล้ว ฉันได้แต่นั่งมองเงิน1000 บาทที่ถืออยู่ในมือ ฉันรับมาโดยไม่คิดปฏิเสธเลยสักนิด

แต่ใช่ ฉันอาย อายที่พี่บีดูออกว่าฉันไม่มีเงินเลย คงเวทนาถึงขนาดเอาเงินมาให้ยืมทั้งที่ฉันไม่ได้เอ่ยปากขอยืมด้วยซ้ำ

"สภาพมึงไงอินัท มึงดูตัวเองในกระจก ผอมจนไหปลาร้าโผล่ ตาเหลืองเป็นดีซ่านยังกะคนขาดสารอาหาร เขาคงสังเวชใจเต็มทน"

เสียงจอมวายร้ายดังขึ้นฉันจึงเดินไปดูกระจกที่ติดกับฝาตู้เสื้อผ้ายืนมองสภาพตัวเองในนั้นก็เห็นจริงดังว่า 

"ทุเรศจริง ๆ นั่นแหละ" ไม่มีอะไรเถียงจำต้องยอมรับสภาพ

 แต่ก็ดีใจที่สุดนะ ที่คนมีน้ำใจหยิบยื่นมาให้ และเพราะความเมตตาของพี่บีนี่แหละทำให้ฉันตัดสินใจกล้าที่จะไปหาป้าอ้อยเพื่อขอผัดจ่ายค่าเช่า และฉันก็คิดถูก การรับผิดชอบด้วยการออกไปเจรจามันดีกว่าการหลบลี้หนีหน้าเป็นไหน ๆ ฉันไม่ต้องระแวงว่าจะโดนทวงค่าเช่าให้อับอาย ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนไล่ไม่มีที่ซุกหัวนอนอีกแล้ว

ท่ามกลางความจนอดอยากที่โหดร้าย แต่ยังมีคนใจดีที่ยื่นมือมาช่วยเหลือเสมอ

 

 

 

ฉันหิ้วข้าวกล่องกับโกโก้แก้ว20 บาทที่ซื้อมาจากปากซอยฝั่งถนนใหญ่ ในขณะที่จะเดินเข้าซอยมาฉันเหลือบตามองไปฝั่งตรงข้ามสะพานข้ามคลองที่เป็นคอนกรีตแคบ ๆ นั้น ที่หลังกำแพงวัด ตอนกลางวันมันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ที่ต้นประดู่ต้นใหญ่นั่นก็มีกองขยะกองใหญ่อยู่ตรงโคนต้น มีมอเตอร์ไซค์รับส่งผู้โดยสารขับผ่านข้ามสะพานไปมาหลายคันอยู่ เห็นแล้วก็ให้นึกถึงส้มที่เจอตรงตีนสะพานเมื่อหลายวันก่อน นั่นคงเป็นของใครสักคนที่ทำหล่นไว้จริง ๆ นั่นแหละ วันที่เก็บส้มเน่ามาฉันคงหิวจนตาลาย ในใจมันฝักใฝ่คิดถึงแต่ของกิน วันหลังถ้าจะเจออะไรที่ให้โชคขอเป็นเจอเงินแทนส้มก็แล้วกัน

ฉันได้แต่คิดในใจแล้วก็หัวเราะส่ายหัวให้ตัวเอง

บ้าบอเถอะ ใครมันจะมาทำเงินตกเอาไว้ที่พื้นกัน 

สลัดความคิดเลอะเทอะออกจากหัวแล้วเดินเข้าซอยไปโดยไม่ได้หันกลับมามองยังฝั่งตรงข้ามสะพานอีกเลย

 

 

 

 

 

บ่ายโมงกว่าแล้ว ฉันนอนพักอยู่ในห้องของตัวเองบนชั้นสอง วันนี้ทั้งหอดูเงียบมากราวกับไม่มีใครอยู่เลย ทุกคนคงออกไปเรียนไปทำงานกัน เพราะเป็นกลางสัปดาห์มีฉันคนเดียวที่หยุดวันนี้ ทอมแบงค์กับเอมแฟนสาวก็ไม่อยู่ ทั้งคู่คงพากันออกไปเที่ยวฉลองวันเกิด ตอนนี้ทั้งชั้นสองคงมีแค่ฉันคนเดียวที่อยู่ในห้อง

หนังสือนิยายโรมานซ์เล่มหนาที่เช่ามาจากร้านหนังสือใกล้ ๆ หอพัก ถูกฉันเปิดอ่านไปทีละหน้าอย่างตั้งใจ นิยายแปลเนื้อหาชวนฝันโรแมนติก เมื่อนางเอกลูกสาวชาวนาถูกพ่อบังเกิดเกล้าขายไปเป็นนางบำเรอเศรษฐีในเมือง จึงต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายหนีไปกับตู้สินค้าลงไปอยู่ในเรือของกัปตันหนุ่มผู้เย็นชา ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งไม่ใช่คนโง่ดูออกทันทีว่าหนุ่มน้อยที่ซ่อนตัวในเรือของเขาเป็นผู้หญิง แต่เพื่อความปลอดภัยของสาวน้อยจึงทำแกล้งเป็นไม่รู้เพื่อให้เธออยู่รอดปลอดภัยจากลูกเรือที่เป็นผู้ชายทั้งหมด แล้วสั่งให้เธอเป็นเด็กรับใช้คอยอยู่ติดตามตัวเขาไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของเรือต้องมีเธออยู่ด้วย

ฉันอ่านนิยายด้วยความตื่นเต้นเร้าใจฉากต่อสู้ของพระเอกช่างเก่งกาจห้าวหาญและในที่สุดก็ถึงฉากอัศจรรย์ที่ฉันรอคอย การที่ฉันเลือกหยิบเอานิยายแปลโรมานซ์มาอ่านจุดประสงค์หลักก็หวังได้อ่านฉากอัศจรรย์นั้นเพื่อจรรโลงใจ ฉากรักที่บรรยายจนฉันนึกภาพตามได้ ร่างกายเปล่าเปลือยกำยำของพระเอก ร่างอวบอัดอรชรของนางเอกที่ขาวนวลผ่อง แตะต้องตรงไหนก็เป็นรอยตรงนั้น ฉากร่วมรักของพระนางมันทำให้ฉันเพ้อฝันจินตนาการว่าตัวเองกำลังถูกกระทำฉากรักตามไปด้วย

บ่ายแก่ ๆ ของวัน ฉันที่อ่านนิยายรักโรมานซ์ฉากอัศจรรย์เสียวซ่านและช่วยตัวเองอีกครั้งจนสุขสมและผล็อยหลับไปแล้วก็ฝันจนได้

ฉันฝันแบบที่รู้ตัวว่าตัวเองฝัน ฉันอยู่ในเรือลำนั้นท่ามกลางท้องทะเลที่ถูกคลื่นซัด เห็นตัวเองและนางเอกนิยายฝรั่งผมบรอนด์คนนั้นกำลังวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน จูงมือกันวิ่งหนีคนร้ายที่มองไม่เห็นหน้า วิ่ง ๆ ๆ บนเรือจนสะดุดล้มลงไปไถลไปตามพื้นเรือ พระเอกฝรั่งกล้ามโตมาฉุดรั้งดึงมือนางเอกผมบรอนด์ไว้แล้วพาเธอหนีหายเหลือแค่ฉันคนเดียวที่เคว้งคว้างร่วงหล่นดิ่งลงลึกไปเรื่อยราวตกลงหุบเหว ฉันหวีดร้องตะโกน พยายามปัดป่ายดิ้นไปมา ฉันรู้ว่าฉันกำลังฝัน ฉันต้องตื่น ต้องปลุกตัวเองให้ตื่นจากฝันจะได้ไม่ตกเหว

แต่ทันใดนั้นก็มีมือมาจับดึงฉันให้ขึ้นมาจากหุบเหวลึกนั้น ดึงฉันให้ลอยขึ้นมาบนเรืออีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นที่พอเห็นหน้าชัด ๆ ก็ต้องสะดุ้ง

"คุณไข่!!!"

ฉันอุทานเรียกชื่อคนที่ฉันคิดว่าใช่ เธอยิ้มให้ฉัน ยิ้มหวานบาดใจแววตาลุ่มลึกสะกดจนฉันได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง

"มองฉันสินัท มองฉัน" เสียงหวานเบาหวิวเอ่ย มือบางขาวเนียนละเอียดสัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยนจับแขนของฉันให้ตามเธอไปราวต้องมนตร์ ฉันก้าวขาตามเธอเหมือนล่องลอย มารู้ตัวอีกทีตอนที่มาโผล่ในห้องนอนสี่เหลี่ยมแคบ ๆ 

นี่เป็นห้องนอนฉัน เราอยู่ด้วยกันบนเตียงนอนแข็ง ๆ คนตัวขาวจั๊วที่ฉันมั่นใจว่าเธอหน้าเหมือนคุณไข่นั่งลงเคียงข้าง เธอหลุบตาลงต่ำมองที่ตัวฉันทำให้ฉันก้มมองตาม 

"ฉิบหาย ให้ตายเถอะ" ตอนนี้ฉันนอนเปลือยท่อนล่าง กางเกงถูกถอดวางอยู่ที่ปลายเตียงอีกแล้ว ใช่ ฉันอ่านนิยายชวนเสียวและฉันช่วยตัวเองจนหลับ ฉันจึงอยู่ในสภาพนี้อีกแล้ว

"ไม่เป็นไรหรอกนัท ถ้านัทต้องการ เราจะช่วยนัทเอง"

ผู้หญิงคนสวยในฝันเอ่ยแผ่วเบาและโน้มตัวต่ำลงมาหาฉัน ลมหายใจอุ่น ริมฝีปากร้อนเคลื่อนเข้าหาส่งจูบละมุนหวานซ่านประกบเรียวปากแนบชิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ในฝันของฉันมีผู้หญิงคนนี้ และไม่ใช่ครั้งแรกที่ฝันว่าร่วมรักเสพสมกับเธอ

"คุณใช่คุณไข่จริง ๆ หรือเปล่า เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ย" ถึงจะรู้ว่ามันคือความฝัน แต่ก็อดเอ่ยถามไม่ได้

"ฉันคือฝันของเธอไงนัท เธอจะสนใจเรื่องอื่นทำไมกัน ในฝัน ฉันคือความสุขของเธอ"

 

เสียงแผ่วกระซิบที่ข้างหูก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะขบเม้มใบหูและเคลื่อนซุกไซร้ไปตามซอกคอและไหล่ในขณะที่มือบางลูบไล้สัมผัสตรงกลางกายที่เปิดเปลือยเปียกฉ่ำของฉัน

ถึงคำถามในหัวผุดขึ้นมากมายว่าเธอคือใคร แต่ร่างกายกลับตอบสนองเร่าร้อนให้กับสัมผัสหวามจากเธอนั้น

 

และนี่เป็นฝันกลางวันแรกที่สุดแสนรัญจวนของนัท ศิรินทร์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ooooooooooooo

 

#กลางวันสีดำ

 

โปรดติดตามตอนต่อไป