8 ตอน ตอนที่ 7
โดย บีริน
เมื่อการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ เริ่มรู้ผลผู้ชนะ เท่ากับว่าวันงานกีฬาใกล้เข้ามา คนที่เคยเป็นนักกีฬาเริ่มผันตัวมาช่วยงานป้ายที่จะใช้ในขบวนพาเหรด คาลวินและไตรก็เป็นหนึ่งในนั้น
สองหนุ่มนักกีฬากลายเป็นคนใช้แรงงาน ขนของ แบกของในห้องไปแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังช่วยเหลืองานกิจปาถะอื่นๆ ตามแต่ที่เพื่อนในห้องต้องการ
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่นักเรียนห้อง 2 ต่างขะมักเขม้นตั้งใจทำงานเพื่อให้งานในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบออกมาดีที่สุดจนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสี และไม่ได้มีแค่พวกเขาห้องเดียวเท่านั้นที่เอาจริงเอาจังกับงานๆ นี้ แต่นักเรียนห้องอื่นและชั้นปีอื่นก็ไม่ต่างกัน
หากใครสักคนกล่าวไว้ว่าเสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ สำหรับพวกเขาก็คงเป็นเสียเวลาไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้
“พวกนายยังไม่เลิกกันอีกเหรอ มันเริ่มมืดแล้วนะ” เร็นที่บอกลากับเพื่อนห้อง 5 เดินมายังห้อง 2 ก็พบว่าเพื่อนทั้ง 6 คน ยังตั้งหน้าตั้งตาระบายสีบนป้ายไม้แผ่นใหญ่
“เฮ้ย! นายเข้ามาได้ไงเนี่ย จะมาเป็นสปายแอบล้วงความลับห้องเราหรือไง”
“บ้านแกสิ! อีก 2 วัน ก็ถึงวันงานแล้ว ใครเขาจะมาทำเรื่องแบบนั้นเอาป่านนี้กัน”
“มันไม่แน่หรอก” คาลวินที่กางมือยืนขวางพยายามไม่ให้คนมาใหม่เห็นผลงานชิ้นเอกว่าอย่างไม่ยอมแพ้ “เดี๋ยวก่อนๆ เมื่อกี้นายบอกว่าใกล้วันงานเลยไม่ทำใช่ไหม งั้นก็หมายความว่าก่อนหน้านี้นายทำน่ะสิ นี่แอบมาสืบราชการลับตั้งนานแล้วสินะ”
“ไม่ใช่โว้ย!!”
สองเพื่อนต่างห้องเริ่มทำสงครามน้ำลายกันอย่างไม่มีใครยอมจนคนอื่นๆ มองตามอย่างอ่อนใจ พวกเขาไม่คิดว่าเร็นที่ภายนอกดูเป็นคนนิ่งๆ แต่จริงๆ จุดเดือดต่ำ แถมยังหัวเสียได้ง่ายจากคำพูดที่คล้ายตั้งใจปั่นประสาทของคาลวิน
ทั้งที่ดูจะเข้ากันได้ดี แต่คงเป็นเพราะมีจุดที่เหมือนกันมาก ทำให้หลายครั้งพวกเขาก็หันมาทะเลาะกันเอง
ไม่มีใครรู้ว่าเร็นแอบคิดเช่นไรในระหว่างที่ปะทะคารมกับคาลวิน
แวบหนึ่งที่เขาคิดว่าคาลวินกำลังทำเพื่อจะกันตนให้ออกห่างจากห้อง 2 หรือก็คือใครบางคนที่อยู่ในห้องนี้ แต่เมื่อสติ เขาก็รีบที่จะปัดความคิดนั้นทิ้งไปทันที
คิดบ้าอะไรแบบนั้นวะเร็น มันไม่มีอะไรสักหน่อย
เขาคงคิดมากไปเอง..
วันกีฬาสีผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์เทศกาลสอบปลายภาคก็มาถึง เผลอเพียงแป๊บเดียวจากนักเรียน ม.4 ก็กลายเป็นนักเรียน ม.5
นอกจากความสัมพันธ์ของเด็กที่ย้ายเข้ามาใหม่อย่างลิลิธและเร็นกับเพื่อนในกลุ่มจะสนิทกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว ยังมีความสัมพันธ์รูปแบบอื่นเกิดขึ้น นั่นคือลิลิธเริ่มเป็นคนเข้าหาเพื่อนคนอื่นก่อน โดยเฉพาะคาลวิน
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่คนทั้งสองดูสนิทสนมกันมากกว่าคนอื่น ตั้งแต่ตอนไหนที่คนที่เป็นฝ่ายชวนคุยหรือเริ่มบทสนทนาอย่างคาลวินกลับกลายเป็นลิลิธ
แม้จะอยู่ด้วยกัน 7 คน แต่ลิลิธกับคาลวินกลับคุยด้วยกันเองราวกับอยู่สองคน
ช่วงพักเที่ยงของวันนี้ก็เช่นกัน
“สองคนนั้นน่ะ อย่าสร้างโลกที่มีแต่เราสองคนสิ” เพราะทนไม่ไหวสิตางค์จึงอดไม่ได้ที่จะแซว
คำพูดนั้นทำให้คนโดนแซวหันหน้ากันไปคนละทาง
“โลกสองคนอะไรของเธอ มั่วแล้ว” คาลวินถลึงตาใส่เจ้าของประโยคเมื่อครู่ แต่มีเหรอที่พี่สาวในกลุ่มอย่างสิตางค์จะกลัว
“จ้าๆ ไม่ก็ไม่”
“นี่เธอล้อกันเหรอ”
“เปล๊า”
“หนอยแน่”
“คาลเลือดร้อนไปแล้วนะ สิตางค์ก็ด้วย รู้ทั้งรู้ว่าคาลโดนปั่นหัวได้ง่ายแล้วยังจะไปยุอีก” เพียงดาวพยายามห้าม แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนกับยิ่งยุ คนเลือดร้อนยิ่งเดือดปุดหนักกว่าเดิม
“ฉันไม่ได้โดนใครปั่นหัวสักหน่อย”
“ก็โดนอยู่เห็นๆ”
“ไอ้ไตร! จะหาเรื่องกันใช่ไหม” คาลวินเปลี่ยนเป้าหมาย “งั้นเริ่มที่นายก่อนเลยแล้วกัน”
ขณะที่บรรยากาศบนโต๊ะเริ่มวุ่นวาย กลับมีคนที่นั่งเงียบ เพียงเพราะคำพูดเล่นๆ แค่ประโยคเดียวของสิตางค์ แต่กลับทำให้พวกเขายิ้มไม่ออก
สิตางค์หรือคนอื่นในกลุ่มจะคิดยังไง พวกเขาไม่รู้ แต่สำหรับคนที่คอยเฝ้ามองทุกอย่างมาตลอดย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่เพื่อนสาวสุดมั่นเอ่ยนั้นไม่เกินจริง
ลิลิธกับคาลวินมีความสัมพันธ์บางอย่างที่คนอื่นไม่สามารถเข้าไปแทรกกลางได้