เรียนไปได้ไม่กี่เดือน วันกีฬาสีก็วนมาถึงอีกครั้ง ในปีนี้ ม.5 ห้อง 2 ก็ได้อยู่สีแดงอีกเหมือนเดิม ในขณะที่ห้องของเร็นอย่างห้อง 5 กลับได้อยู่สีม่วง

แน่นอนว่าการในการแข่งขันระหว่างสีอย่างกีฬาบาสเกตบอล สามหนุ่มในกลุ่มอย่างคาลวิน ไตร และเร็น ก็ลงชื่อเป็นนักกีฬากัน พวกเขาจึงต้องมาเป็นคู่แข่งกันในสนามอีกครั้ง

การแข่งขันบาสเกตบอลรอบชิงชนะเลิศของนักเรียนชายม.ปลาย เป็นการเจอกันของสีแดงและสีม่วง

“เฮ้ยๆ นี่มันแมตซ์ล้างตาหรือไง” ไตรแซวก่อนการแข่งจะเริ่ม แต่คนที่ได้ยินกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น

คาลวินและเร็นมองหน้ากันด้วยสายตาที่จริงจังอย่างกระหายชัยชนะในครั้งนี้ แรงกดดันที่แผ่ออกมาจนเพื่อนร่วมทีมคนอื่นรู้สึกความตึงเครียดกว่าการแข่งทุกครั้ง

“จะอะไรก็แล้วแต่ ฉันไม่แพ้หรอก”

“ฉันต่างหากที่จะชนะ”

การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือน แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในระหว่างการแข่ง

เนื่องจากบาสเกตบอลเป็นกีฬาที่ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา การกระแทกหรือชนกันจึงเป็นเรื่องปกติ ในควอเตอร์สุดท้าย คาลวินที่ถือครองลูกบาสอยู่ ได้พยายามเคลื่อนที่หลบเร็นที่เข้ามาขวาง ในตอนหลอกล่อหาจังหวะฉีกตัวเพื่อจะผ่านอีกฝ่ายไปให้ได้นั้น เร็นเองก็พยายามปิดทาง ผลคือทั้งสองชนกันอย่างแรง

แม้จะเป็นอุบัติเหตุ แต่คาลวินที่เสียหลักจนล้มผิดท่าเลือดออกเพราะเข่าแตก ในขณะที่เร็นไม่มีบาดแผลภายนอก เนื่องจากเอามือยันพื้นก่อนตัวจะกระแทกพื้นได้ทัน

“เป็นอะไรไหม?! ฉันขอโทษ!” เร็นที่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรีบหันไปถามอาการของคาลวินทันที

“นิดหน่อย แต่พอไหว”

ด้านคนเจ็บก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าในการแข่งขันสามารถอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด

“รีบพาคาลไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ”

“เดินไหวไหม”

“ฉันจะพาเจ้านี่ไปห้องพยายามเอง”

เร็นอาสาจะพาคาลวินไปทำแผล แต่แล้วเสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้น “เดี๋ยวฉันพาคาลไปเอง”

เจ้าของเสียงนั้นคือลิลิธที่วิ่งเข้ามาในสนาม นอกจากนี้ฮันนาห์ สิตางค์ และเพียงดาวก็เข้ามาถามอาการเจ็บและพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ

“พวกเธอพาคาลไปห้องพยาบาลกันไหวแน่นะ”

“พวกเราไหว”

เห็นสี่สาวพยักหน้าตอบด้วยความหนักแน่น อชิที่ถามคำถามเมื่อครู่ก็พยักหน้ารับ

“ก็แค่แผลถากๆ เลือดออกนิดหน่อย ไม่มีอะไรต้องห่วง”

“ไอ้เลือดออกนี่แหละที่น่าเป็นห่วง” ไตรขัดคนเจ็บ

“ที่จริงมันก็เจ็บอยู่เหมือนกัน แหะๆ”

“ให้ตายเถอะ” ไตรถอนหายใจ “ยังไงก็ฝากเจ้านี่ด้วยนะ”

“อื้อ”

“ไว้ใจพวกเราได้เลย”

“โทษทีนะ” คาลวินบอกกับลิลิธที่เข้ามาพยุง เธอเพียงส่ายหน้าน้อยๆ

“แทนที่จะขอโทษ นายน่าจะทำให้ตัวเองไม่เจ็บตัวอีกจะดีกว่า”

“นั่นสิ”

คนเจ็บยิ้มกว้างราวกับบาดแผลที่ได้จากอุบัติเหตุในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บทสนทนาระหว่างทั้งคู่ดำเนินต่อไป และทั้งที่ลิลิธและคาลวินเดินไปออกจากสนามบาสไปได้พักใหญ่แล้ว แต่เร็นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตามองไปยังทิศทางที่คนทั้งสองเดินจากไป

ในตอนนั้น ลิลิธพยุงพาคาลวินเดินผ่านเขาไป เธอเดินผ่านไปเฉยๆ ไม่แม้แต่จะหันมามอง ราวกับมองไม่เห็นเขา

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว การแข่งขันก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง และผู้ชนะในรายการบาสเกตบอลชายม.ปลายก็ยังคงเป็นสีแดง

และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เร็นสัมผัสได้ถึงคำว่าแพ้อย่างแท้จริง

ยิ่งไปกว่านั้นคือความรู้สึกเจ็บ

ไม่ใช่ความเจ็บปวดที่ข้อมือจากตอนที่ได้รับจากตอนล้ม แต่เป็นที่อกด้านซ้าย

หัวใจที่เคยเต้นเป็นจังหวะปกติ เวลากลับบีบรัดแน่นจนเขาแทบหายใจไม่ออก

เป็นเพราะเธอแสดงความเป็นห่วงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน หรือเป็นเพราะคนที่อยู่ข้างกันเสมออย่างลิลิธเดินผ่านเขาไปราวกับอากาศธาตุ เขาเองก็ไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้

แต่สิ่งหนึ่งที่เร็นรู้ คือเขากำลังเสียพื้นที่ตรงนั้น และเธอคนนั้นไปตลอดกาล

ไม่ใช่เร็นเพียงแค่เร็นคนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น ฮันนาห์เองก็คิดไม่ต่างกัน

ในตอนที่เห็นคาลวินได้รับบาดเจ็บ ฮันนาห์ตกใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อตั้งสติได้เธอก็รีบเข้าไปหาเขาทันที แต่ก็ยังช้ากว่าลิลิธไปหนึ่งก้าว

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แค่ได้เข้าไปประคองไม่ให้คนเจ็บต้องทิ้งน้ำหนักไปที่เข่าข้างที่เจ็บก็ยังดี แต่กระนั้นก็ยังช้าไปอยู่ดี

ช้าไปจนที่ตรงนั้นถูกยึดไปจนหมด ทำได้เพียงแค่มองจากด้านหลังด้วยหัวใจที่เจ็บปวด