5 ตอน ตอนที่ 4
โดย บีริน
หลายสัปดาห์ต่อมา
หลังจากปรับตัวเข้ากับเพื่อนในห้องเรียนได้แล้ว ตอนนี้ลิลิธก็สนิทกับฮันนาห์ เพียงดาว และสิตางค์ นอกจากเพื่อนสาวทั้งสาม ก็มีเพื่อนชายในห้องอีกสองคนอย่างคาลวินและไตรที่มักจะไปทานกลางวันด้วยกันบ่อยๆ แน่นอนว่าเร็นที่ถึงแม้จะอยู่กันคนละห้อง แต่ก็จะมาร่วมแจมด้วยเสมอ
และนั่นทำให้พวกเขาทั้ง 7 คน กลายเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน
“ในที่สุดก็หมดคาบสักที”
“จะได้กลับบ้านแล้ว”
ทันทีที่เสียงออดที่บ่งบอกว่าการเรียนของวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว นักเรียนทุกคนก็พากันเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมออกจากห้อง บ้างก็ยืดเส้นยืดสาย บ้างก็นอนฟุบลงไปกับโต๊ะอย่างหมดแรง
และลิลิธก็เป็นคนหนึ่งในคนที่ทำพฤติกรรมอย่างหลัง
“ลิลิธเป็นแบบนี้ตลอดเลย”
“ก็คงเหนื่อยแหละ ฉันเองยังต้องพยายามบังคับไม่ให้หนังตาปิดเลย นี่เกือบจะเอาเทปกาวมาแปะไว้แบบทอมแอนด์เจอร์รี่อยู่แล้ว”
“นั่นก็เว่อร์ไป” สิตางค์ขัดคาลวิน
“ว่าแต่ใครเป็นคนจัดให้คาบสุดท้ายของวันศุกร์เป็นวิชาภาษาไทยกันเนี่ย มันยิ่งทำให้เด็กอยากนอนมากกว่าอยากเรียนนะ”
“นายก็อยากนอนทุกคาบทุกเวลาอยู่แล้วนั่นแหละ” คราวนี้ฮันนาห์เป็นพูด
“ก็ฉันไม่ชอบนี่นา ถ้าคาบสุดท้ายเป็นวิชาพละก็ว่าไปอย่าง ว่าแล้วก็อยากเล่นบาสขึ้นมาเลย” คนที่ยังดูไร้พลังงานในตอนแรกกลับมาคึกเพียงแค่นึกถึงกีฬาสุดโปรด “เฮ้ย ไตร เลิกเรียนแล้วไปเล่นบาสกัน ชวนห้องอื่นกับพวกรุ่นพี่ด้วย”
“โทษทีนะ แต่วันนี้ฉันไม่ว่าง”
“ไรว้า”
สามสาวเลิกสนใจสองหนุ่มแล้วเปลี่ยนใจมาช่วยกันปลุกคนที่นอนนิ่งไม่ขยับตั้งแต่หมดคาบเรียนจนถึงตอนนี้แทน
“ลิลิธตื่นก่อน ไม่เก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้านเหรอ”
“ให้เร็นรอนาน เดี๋ยวหมอนั่นก็บ่นเอาหรอก”
“อื้อ”
แม้จะรู้สึกตัวแล้วแต่คนขี้เซาก็ยังอยู่ในท่าเดิม ซ้ำยังขยับตัวราวกับจะหนีเพื่อนๆ ที่รบกวนเวลาพักผ่อนของตน
“แบบนี้น่าจะใช้เวลานานแน่เลย”
“เอายังไงดีล่ะ”
“ฉันก็ต้องรีบกลับด้วยสิ”
ในตอนที่สามสาวกำลังกลุ้มใจอยู่นั้น คาลวินที่ตื๊อไตรไม่สำเร็จแถมอีกฝ่ายยังชิ่งไปแล้วเอ่ย “พวกเธอกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวลิลิธฉันจะดูให้เอง”
“คาลวินเนี่ยนะ!?”
“จะดีเหรอ?”
“ไว้ใจได้ไหมเนี่ย?”
“นี่พวกเธอมองฉันเป็นคนยังไงกันน่ะห๊ะ?!” คนที่หวังดีแต่กลับไม่ได้รับความไว้ใจโวย
“เพราะพวกฉันไม่ว่างหรอก ยังไงก็ฝากนายด้วยแล้วกัน แล้วก็ห้ามแกล้งลิลิธตอนที่พวกเราไม่อยู่นะ”
หลังจากสแกนเพื่อนชายอยู่หลายสองนาน รวมถึงปรึกษากันทางสายตาอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดสิตางค์ก็ยอมฝากลิลิธไว้กับคาลวิน แม้จะยังระแวงอีกฝ่ายก็ตาม
“ฉันจะไปแกล้งยัยนั่นทำไมกันเล่า?!”
“รบกวนด้วยนะคาล แล้วเจอกันวันจันทร์”
เมื่อฮันนาห์ เพียงดาว และสิตางค์ไปแล้ว ทั้งห้องก็เหลือเพียงแค่คาลวินและลิลิธเพียงสองคน เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะอยากออกจากโรงเรียนให้เร็วที่สุดในเย็นวันศุกร์เช่นนี้
“ลิลิธ ตื่นได้แล้ว ขี้เซ้าไปแล้วนะเธอน่ะ”
คาลวินตรงไปเขย่าตัวเพื่อนสาวและก็สำเร็จ คนที่นอนฟุบกับโต๊ะอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็ตื่นแล้ว
“กว่าจะตื่นได้นะเธอเนี่ย”
“มีอะไรเหรอ”
“อะไร? ตอนนี้มันเลิกเรียนแล้ว แล้วคนอื่นเขาก็กลับบ้านกันหมดแล้วด้วย เหลือแค่เธอที่เอาแต่นอนนี่แหละ” อธิบายคนที่ดูงงๆ เพราะสมองประมวลผลไม่ทันจากการเพิ่งตื่นนอน “แล้วก็อย่าขยี้ตาแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็ได้ตาแดงกันพอดี”
ไม่ว่าเปล่า มือหนายังเอื้อมไปจับมือบางที่ยกขึ้นเตรียมจะขยี้ดวงตา
“หือ?”
“จะยังไงก็ตาม เธอไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยมาเก็บกระเป๋าแล้วกัน”
“อืม” คนที่ยังไม่ตื่นดีทำตามอย่างว่าง่าย
เมื่อร่างบางออกจากห้องไปแล้ว คาลวินก็ตะปบมือเข้าที่ตำแหน่งหัวใจที่ตอนนี้ทำงานหนักกว่าทุกวัน
ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้เล่นบาสจนเหนื่อยหรือนั่งดูการแข่ง NBA ที่ลุ้นจนเหนื่อยแท้ๆ แต่ทำไมหัวใจกลับเต้นแรงอย่างนี้
เต้นโครมครามราวกับจะกระเด็นหลุดออกมาจากอก เหมือนกับวันนั้น
วันแรกที่ได้เป็นเพื่อนกันในโรงอาหารตอนนั้น
ขณะที่กำลังงุนงงกับสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง ก็ยกมืออีกข้างที่ว่างอยู่ขึ้น
มือข้างที่เพิ่งสัมผัสกับอีกฝ่ายเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
จะว่าไป นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสตัวลิลิธ ตอนแรกคิดว่าจะโดนปัดออกซะอีก
มือของยัยนั่นเล็กชะมัด แล้วก็นุ่มมากด้วย
“เร็นบอกว่าให้รอก่อน”
“ไอ้เจ้านั่น!”
เมื่อรออยู่ในห้องเรียนมาได้พักใหญ่ แต่เร็นกลับยังไม่มาที่ห้องเรียนเหมือนอย่างทุกวัน ลิลิธจึงส่งข้อความหาและได้รับคำตอบเป็นคำว่าขอโทษและบอกให้รอกัน สาเหตุก็มาจากคุณครูเรียกเข้าไปคุยหลังเลิกเรียนเรื่องที่เขาเป็นตัวแทนนักเรียนแข่งขันงานวิชาการตอบคำถามภาษาอังกฤษ
“จะทำอะไรก็ต้องบอกกันก่อนหน่อยไหม”
“มันช่วยไม่ได้นี่นา คุณครูก็เรียกไปคุยกะทันหันด้วย”
“แล้วเธอจะเอาไง”
“ก็ต้องรอ”
คาลวินที่เห็นร่างบางกำลังจะกลับไปยังโต๊ะของตัวเองก็รู้สึกไม่ชอบใจอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
“นี่ แล้วเธอจะนั่งรออยู่ในนี้คนเดียวน่ะเหรอ” ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบกลับก็พูดต่อ “ทั้งที่ไม่รู้ว่าเจ้านั่นจะคุยกับคุณครูเสร็จตอนไหนเนี่ยนะ?!”
“ก็เร็นบอกให้รอ”
“เธอก็ทำตอบที่เจ้านั่นบอก”
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง?”
ไม่บ่อยที่ลิลิธจะแสดงออกทางสีหน้า แต่คิ้วโก่งที่ขมวดเข้าหากัน แค่นั้นก็บ่งบอกได้ดีว่าเธอเริ่มไม่พอใจคนที่เอาแต่เซ้าซี้ไม่หยุด
“ไปกับฉัน”
“ไปไหน?”
“สนามบาส” ว่าแล้วก็คว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองและอีกคนมาถือไว้ “เจ้านั่นบอกให้รอ แต่ไม่ได้บอกว่าต้องรอที่ห้องเรียนสักหน่อย อยู่แต่ในนี้เดี๋ยวก็เฉาตายกันพอดี”
แม้จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แต่ตอนนี้ลิลิธก็มานั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างสนามบาส ในขณะที่ตัวคนชวนกึ่งบังคับเข้าไปเล่นกับเพื่อนในสนาม
ดวงตาสีดำขวับราวกับตาแมวมองคนที่วิ่งไปมารอบสนามติดจะเคืองอยู่ไม่น้อย
คาลวินก็แค่อยากมาเล่นบาส แต่ไม่อยากมาคนเดียวเลยลากเธอมาด้วย พาคนที่ไม่ได้ชอบดูกีฬามาอยู่ข้างสนาม คิดอะไรของเขากัน? มาบอกว่าเธอจะเฉาตาย คนที่จะเฉาก่อนใครมันคือเขาต่างหาก
ในเรื่องกฏหรือกติกาการเล่นบาสลิลิธก็ไม่ได้มีความรู้มากนัก เธอรู้แค่ระดับพื้นฐานอย่างต้องทำให้ลูกบาสลงห่วงถึงจะได้คะแนน ทีมไหนได้คะแนนมากกว่าก็เป็นฝ่ายชนะ ส่วนที่เหลือนอกจากนั้นคือศูนย์
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจที่อีกคนทำพาเธอมาที่นี่ทำไม แต่เมื่อมองดูคน 10 คน บนสนามวิ่งไปมา ผลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่ในสนามเพื่อทำแต้มก็แก้เบื่อได้ไม่น้อย ยิ่งโดยเฉพาะที่โยนเพื่อให้ลูกบาสลงห่วงก็ชวนให้คนที่มองอยู่ข้างสนามลุ้นตาม
นอกเหนือจากนั้น สีหน้า ท่าทาง รวมไปถึงแววตาของเพื่อนร่วมห้องก็ดูต่างไปจากที่ทุกที
ใบหน้าของคาลวินที่ตั้งใจ จริงจัง มุ่งมั่น และสนุกสนานกับการเล่นในสนาม เป็นสิ่งลิลิธเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
เป็นเพราะปกติเธอนั่งอยู่หน้าเขาแถวหนึ่งหรือเปล่านะ จึงไม่เคยได้เห็นมุมนี้ของเขา แล้วในตอนปกติคาลวินทำหน้าแบบไหนกัน?
ระหว่างที่กำลังนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว เสียงจากทั้งในและนอกสนามก็ดังขึ้น
“เฮ้ย! เธอตรงนั้น ระวัง!”
“หลบเร็ว!” ”
ลิลิธหันไปตามทางที่ได้ยินเสียงก็พบกับลูกบาสที่กำลังลอยมาทางที่เธอนั่งอยู่ ถึงจะได้ยินและรู้ว่าต้องหลบ แต่ร่างกายกลับไม่ขยับ เมื่อคิดว่าหลบไม่พ้นแน่ๆ แล้ว จึงทำได้เพียงแค่หลับตาแน่น เกร็งตัวรับความเจ็บที่จะตามมา
ในตอนที่เปลือกตากำลังจะปิดลง ก็มีเงาร่างหนึ่งวิ่งมาขว้างและรับลูกบาสที่ลอยมาอย่างแรงได้ทันก่อนที่มันจะกระแทกใส่หน้าเธอ
“เกือบไปแล้ว” คนที่เข้ามารับลูกบาสได้อย่างหวุดหวิดถอนหายใจ
เป็นคาลวินที่กระโดดเข้ามาช่วยและถามไถ่คนตัวเล็กที่ยังนั่งนิ่งไปแล้วอย่างเป็นห่วง “ขอโทษนะลิลิธ เธอไม่เป็นไรนะ”
“อะ อืม”
“โอเคแน่นะ?”
“ฉันไม่เป็นไร ขอบใจนะ”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากเจ้าตัว คาลวินก็กลับเข้าไปในสนามบาสต่อ โดยไม่ลืมเตือนให้ทุกคนระวังให้มาก ซึ่งเหล่าผู้เล่นที่เล่นกันอย่างไม่ออมแรงก่อนหน้าจนทำให้ลูกบาสลอยกระเด็นออกมานอกสนาม หันมาขอโทษขอโพยลิลิธ
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ติดใจเอาความอะไร เรื่องที่เกิดย่อมเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดและอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว
เมื่อเคลียร์กันได้ เหล่าเด็กหนุ่มก็กลับมาเล่นบาสกันต่อ ทุกอย่างดูปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น จะมีก็เพียงเด็กสาวที่นั่งคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อกี้ หากคาลวินมาไม่ทัน เธอต้องเจ็บตัวไปแล้วแน่ๆ
ใบหน้าที่ก้มมองพื้นเงยขึ้นมองคนที่เข้ามาช่วยตัวเอง
เขาอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางผู้คนที่ขยับและเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง เธอกลับหาเขาเจอได้ในทันที
มองจากด้านหลังแบบนี้แล้ว ลิลิธถึงเพิ่งรู้ว่าแผ่นหลังของคาลวินกว้างแค่ไหน
มือเล็กยกขึ้นทาบทับอกด้านซ้าย ตำแหน่งที่ก้อนเนื้อกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ
ความรู้สึกอุ่นวาบสายหนึ่งเกิดขึ้นกลางใจ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
อัพเพิ่มอีกตอน ฉลองการลงวันแรก
เริ่มมีคนหวั่นไหวแล้ว อิอิ
บีริน
Comments (0)