1 ตอน You Gotta Tell Me…
โดย Lemon May
แสงแดดยามเย็นจุมพิตใบหน้าของชายหนุ่ม ซีกฟรีตหลับตา เขานั่งอยู่บนเก้าอี้สนามสีเขียวที่หลังบ้านทรงเอแถบชายป่าแห่งหนึ่งใกล้เมืองอองเฌอฌา มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบพกพาวางไว้บนโต๊ะไม้เตี้ยข้าง ๆ ที่ที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ บรรเลงเพลงเศร้าเคล้าน้ำตาอย่างเบา ๆ น้ำใส ๆไหลออกมาช้า ๆ ซีกฟรีตลืมตานัยย์สีฟ้าเทาช่างเหมาหมอง เขาก้มหน้าหลบแดดที่แยงมา ก้มต่ำดำดิ่งคิดถึงอดีตที่ผิดพลาด
I want you back again
อยากได้เธอกลับมาอีกครั้ง
I want your love again
อยากจะรักเธออีกครั้ง
I know you find it hard to reason with me
ฉันรู้ เธอพบว่ามันยากที่จะใช้เหตุผลกับฉัน
But this time it’s different, darling you’ll see
แต่คราวนี้มันไม่เหมือนกัน ที่รัก แล้วเธอจะเห็น
You gotta tell me you’re coming back to me
เธอจะบอกฉัน ว่าเธอกำลังจะกลับมาหาฉัน
ซีกฟรีตได้แต่หวังว่าเธอจะพูดอย่างนั้น ทว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่ ๆ เขาเฝ้าโทษแต่ตัวเอง จนหน้าตาหมองไปหมด ซีกฟรีตปฏิเสธทุกทีที่ซิกมุนต์หรือเฟรดดริชทักว่าหน้าตาเสื่อมโทรมซูบผอมเพราะอกหัก เขามองเห็นหน้าตัวเองทุกวัน แยกไม่ออกหรอกว่าตัวเองเปลี่ยนไปอย่างไร ชายหนุ่มในกระจกหน้าเหมือนเดิมทุกครั้ง ผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำดูดีกับตาสีฟ้าเทาและริมฝีปากอวบอิ่ม “ฉันไม่ได้เปลี่ยนไปสักหน่อย” ซีกฟรีตบ่นกับตัวเอง
เสียงนกร้องก้องทั่วจนลามมายังชายป่า มันช่างวังเวงและเหงาใจ บ้านข้าง ๆ และหลังถัดไปก็ไม่มีใครอยู่ เพื่อนทั้งสองของเขาคือซิกมุนต์และเฟรดดริชเพิ่งออกไปเมื่อเช้านี้เอง พวกเขาจะต้องมีเวลาที่ดีในอิตาลีแน่ ๆ ที่จริงแล้วซีกฟรีตก็อยากไปด้วย แต่บ้านหลังมีมีความทรงจำที่รั้งเขาเอาไว้มากเกินไป สาเหตุที่ชายหนุ่มและเพื่อนหลบความวุ่นวายของตัวเมืองมายังชนบทฝรั่งเศสไม่ใช่เพราะรักสันโดษหรืออะไรนักหรอก แต่มันปลอดภัยกว่าสำหรับพวกเขา
“เหมียว” แมวจรสามสีที่บังเอิญเดินผ่านมาก็ร้องทักทายชายหนุ่ม ซีกฟรีตเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้มันก่อนจะยื่นมือออกไปโดยไม่ได้พูดอะไร เจ้าเหมียวก็วิ่งเข้าหาอย่างเต็มใจ มันกระโดดขึ้นไปบนตักและคลอเคลียมือของเขา หลับตาพริ้มยิ้มหวาน ส่งเสียงสั่นในลำคอ ชายหนุ่มก็ส่งเสียงเช่นเดียวกัน เหมือนมันรู้ว่าซีกฟรีตเศร้าเลยเล่นด้วยใหญ่ทำให้เขาพอยิ้มออกบ้าง
ท้องฟ้าที่เป็นสีม่วงอมแสดก็มืดลงเรื่อย ๆ จนดำสนิท ชายหนุ่มขับรถออกไปเพื่อซื้ออาหารและวัตถุดิบจากในตัวเมือง เขาอยู่ในเสื้อตอเต่าสีดำ กางเกงยีนส์เข้มและโค้ทสีเดียวกับเสื้อ นอกจากนี้ซีกฟรีตก็ยังใส่แว่นทรงนักบินหรือที่คนเรียกติดปากกันว่าเรย์แบรนด์นั่นแหละ
ปึง! เสียงปิดประตูรถ ซีกฟรีตวางถุงกระดาษมากมายที่ใส่อาหารจนตุงอยู่ที่เบาะหลัง แต่พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าที่อีกฝั่งของรถมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ทั้งคู่สบตากันพอดี ผมสีทองของคนแปลกหน้าทำให้ภาพของใครบางคนซ้อนขึ้นมาในหัว ชายหนุ่มมีร่างกายผอมเพรียว บอบบาง อ้อนแอ้น ตรงตามอย่างพิมพ์นิยมฉบับของซีกฟรีต เขาสวมสเว็ตเตอร์สีเทาและมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่บนหลังเหมือนพวกโบกรถเที่ยวไปเรื่อย เนื้อตัวมองแมมเล็กน้อย
“ขอโทษนะครับ คุณพอรู้จักที่พักถูก ๆ แถวนี้ไหม.. เอาแบบที่ไม่มีผีน่ะครับ แหะๆ ” เขาเกาหัว ที่ตรงนั้นคือหน้าร้านขายของชำ ไฟข้างถนนสีเหลืองส้มส่องลงมาตรงที่รถของซีกฟรีตพอดี “ไม่ถามพนักงานในนั้นแทนละครับ?” ชายหนุ่มกล่าวประโยคฝรั่งเศสด้วยสำเนียงเยอรมันพลางชี้ไปยังทิศของร้าน ที่กระจกมีโปสเตอร์โปรโมชั่นลดราคาติดอยู่จนรกหูรกตาไปหมด ซีกฟรีตไม่ได้รำคาญหรอก เขาแค่รู้สึกร้อนหน้าแปลก ๆ ก็เท่านั้น มันแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ผมแค่ไม่กล้าน่ะ”
ซีกฟรีตนิ่งไปสักพักก่อนจะเสนอ เขาวางมือบนหลังคารถสปอร์ตยี่ห้อ Volkswagen สีเขียวแกมน้ำเงินย้อนยุค “ผมรู้จักที่นึง อยู่ใกล้ป่า วิวดี ราคาถูก เนี่ยผมพาไปเลยก็ยังได้นะ” น้ำเสียงของเขาชักชวนอย่างชัดเจน แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าเก้ๆ กังๆ ชายหนุ่มจึงเดินอ้อมไปยังฝั่งที่ชายแปลกหน้ายืนอยู่ “ขึ้นรถได้เลย เดี๋ยวผมเก็บกระเป๋าให้ที่ข้างหลัง”
“ก็ได้ครับ…” ชายหนุ่มผมทองตอบพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นกระเป๋าให้อีกฝ่ายด้วยความเกรงใจ
เมื่อทั้งคู่อยู่ในรถ ซีกฟรีตก็สตาร์ทรถและขับไปเรื่อย ๆ แสงไฟและเสียงค่อย ๆ เงียบเหงาหลงไปอย่างช้า ๆ ระยะแรกนี้ยังมีแสงจันทร์ช่วยเอาไว้บ้าง ชายหนุ่มในโค้ทเหลือบเห็นคนแปลกหน้าเงยมองตามพระจันทร์อย่างอารมณ์ดีน่าเอ็นดูก็อดที่จะหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ “มาเที่ยวคนเดียวเหรอครับคุณ” ซีกฟรีตใช้น้ำเสียงที่เป็นมิตร ตายังคงมองตรงไปยังถนนที่วังเวง
“จะว่างั้นก็ได้ ผมตามหาใครบางคนอยู่ ถ้าเจอก็เท่ากับสอง จริงไหม? ” ชายหนุ่มผมทองพูดก่อนค่อย ๆ หันมามองอย่างเขิน ๆ ที่คนขับผู้พยักหน้ารับก่อนจะพูดต่อ “ขอโทษที เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลยเนอะ ผมปิแอร์” ปิแอร์คนนั้นคิดว่าชายหนุ่มเจ้าของรถดูมีสเน่ห์ที่ลึกลับ ถ้าเป็นผู้หญิงคงเรียกว่าสวยพิจ คือต้องมองหลายรอบ มองบ่อยเหมือนพิจารณา ไม่ใช่มองครั้งเดียวแล้วเบื่อ“ให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดี”
เป็นตอนนั้นเองที่ซีกฟรีตเหยียบเบรกกระทันหัน ทำเอาชายหนุ่มที่นั่งข้างคนขับแทบจะหน้าคว่ำ เขาขมวดคิ้วและกุมขมับ กำลังจะถามซีกฟรีตที่ถอดเข็มขัดและเปิดประตู ทว่าเขาก็แทรกขึ้นมาก่อน “แปปนึงนะ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินไปที่หน้ารถ เนื่องจากยี่ห้อนี้กระโปรงหน้าเป็นพื้นที่ว่างสลับก็รถทั่วไป เสียงเปิดปิดกระโปรงปึงปัง ปิแอร์เดาว่าเขาอาจจะหยิบกระเป๋ามาให้ ทว่ามองอย่างไรก็ไร้วี่แววของโรงแรม หรือแม้แต่โมเต็ลเล็ก ๆ มีแต่ต้นไม้ สองข้างทางคือป่า มีนกฮูกร้องจากไกล ๆ ความเย็นยามค่ำคืนทำบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจ “เฮ้ คุณ? ” นั่นปิแอร์ตะโกน เขาหันเตรียมจะเปิดประตู ทว่ากลับดันไม่ออก เขาทั้งชนทั้งผลักตัวเองไปด้วยก็ไม่ได้ผล มันเปิดจากข้างในไม่ได้ จะเปิดหน้าต่างก็ไม่ได้อีก ไขไม่ออก
ด้วยความสับสนลนลาน ชายหนุ่มถอดเข็มขัดและตะเกียกตะกายไปยังประตูที่ซีกฟรีตออกไปเมื่อครู่ ทว่าเมื่อเขาเอื้อมไปเพื่อจะเปิด คนข้างนอกก็เปิดมันให้ ทำเอาปิแอร์เสียการทรงตัว ล้มหน้าคว่ำ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเพียงเพื่อพบว่าสิ่งที่อยู่ในมือของซีกฟรีตคือค้อน
และทุกอย่างก็มืดลง
กลิ่นสาบแมวฟุ้งไปทั่ว แสงแดดส่องผ่านผ้าม่านสีครีม ปิแอร์รู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัว ทว่าพอใช้มือลูบดูก็ไม่มีอะไร ตายังลืมไม่ถนัดนัก มันมัวไปหมด ประสาทสัมผัสเริ่มกลับมาอย่างช้า ๆ ชายหนุ่มผมทองระลึกรู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าบนเตียงของใครบางคน มีเพียงผ้าห่มสีเทาเท่านั้นที่ปกปิดไว้ ห้องนี้ทำจากไม้ดูอบอุ่นเหมือนอยู่ในกระท่อมกลางป่า “อะไรวะเนี่ย..” เขาบ่น ยีหัวตัวเองจนยุ่งฟู แต่กระนั้นก็ไม่ได้หันไปมองรอบ ๆ
ทันใดนั้นเองปิแอร์ก็ถูกกอดจากชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้าง ๆ เขาตกใจ ตัวจึงขยับเล็กน้อย เมื่อเปลี่ยนท่านั่งหน่อยความเจ็บปวดก็แล่นเข้าไปตรงที่ทางเข้า ทำเอาเขาร้องขึ้นมาไม่เป็นภาษา
ปิแอร์หน้าซีด
ปิแอร์รู้สึกถึงความเหนอะหนะ
ปิแอร์รู้สึกถึงความน่าขยะแขยง
ปิแอร์รู้สึกถึงความเฉอะแฉะ
มันเละเต็มไปหมด
ปิแอร์ได้กลิ่นคาวเลือด
มันไม่ได้มีแต่สีขาว
“ฉันชื่อซีกฟรีต” ชายหนุ่มเจ้าของบ้านกระซิบก่อนจะซุกหน้าตนกับซอกคอของอีกฝ่าย
Comments (0)