ลมเบา ๆ พัดผ่านทะเลมา ณ หมู่เกาะหนึ่งในอิตาลี สีฟ้าอมเขียวข้างล่าง สีฟ้าใสข้างบน น้ำสาดกระเซ็นไปทั่ว เฟรดดริชใช้มือป้องตาจากแดดและจากน้ำในสระที่มีคนกระโดดลงไป “โครตเจ๋ง! ” เด็กหนุ่มนักท่องเที่ยวผมสีดำผุดขึ้นมาจากน้ำ ตะโกนกับเพื่อนที่นั่งแผ่อยู่บนเก้าอี้ขาวริมสระ เฮฮาเสียงดังกันเป็นกลุ่ม ถัดไปนั้นเองคือเฟรดดริชและซิกมุนต์ โชคดีที่ทั้งคู่ใส่กางเกงว่ายน้ำ แต่โชคร้ายที่ในมือของเฟรดดริชคือน้ำแตงโมปั่น ซึ่งตอนนี้มีน้ำสระผสมด้วย

“กินลงไหมนั่นน่ะ..” ซิกมุนต์ที่สวมแว่นกันแดดดำผงกหัวขึ้นมาพร้อมชี้แก้วนั่น สีหน้าของชายหนุ่มแสดงความขยะแขยงชัดเจน แม้เขาจะพูดติดตลกก็ตาม

“แหงล่ะ กินไม่ลงแล้วว่ะพวก” ว่าแล้วเฟรดดริชก็วางแก้วนั่นลงบนโต๊ะที่คั่นระหว่างทั้งคู่ก่อนจะถอนหายใจ ไม่นานเด็กหนุ่มคนเดิมก็กระโดดลงมา 
สร้างคลื่นความรำคาญให้อีกระลอก “กลับห้องพักมะ”

“ก็ดี ถ้าซีกฟรีตมาด้วย เขาคงบ่นยันเช้าเลยล่ะ” ซิกมุนต์แซะเพื่อนนิด ๆ ก่อนจะลุกขึ้น เท้าเปล่าสัมผัสพื้นหินหยาบที่ไม่หยาบเท้าและมันก็ไม่ลื่นพอที่จะทำให้เขาล้ม เขาคว้าผ้าขนหนูสีฟ้าเทาที่เปียกชุ่ม “นายว่าเขาจะเป็นไงบ้าง? ”

“คงเล่นกับแมวอยู่มั้ง” หนุ่มผมทองตอบเรียบๆ

“ตื่นสิ...ตื่นเร็ว!” เสียงใครบางคนกระซิบข้างหู ลมหายใจแผ่วเบาทำเอาปิแอร์จั๊กจี้ ชายหนุ่มซึ่งตอนนี้อยู่ในสเว็ตเตอร์คอกว้างสีเทาแขนยาวกับกางเกงขาสั้นสีดำก็ใช้มือปัดที่บริเวณข้างหู แต่เสียงกระซิบนั้นดังซ้ำไปซ้ำมาจนเริ่มน่ารำคาญ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ที่ข้างกายไม่มีซีกฟรีตอยู่เหมือนอย่างเคย ทว่ามีแมวทักซีโด้นอนขดตัวแทน

ชายหนุ่มเห็นเงาสะท้อนเลือนรางในกระจก ทุกอย่างเหมือนตัวเขาแต่ว่านั่นไม่ใช่เขา ปิแอร์รู้สึกได้ แต่ก็เป็นเพราะเขาตัวจริงไม่มีทางใส่สูทหลงยุคเป็นแน่ “รีบตามหาเธอซะ” ชายในกระจกชี้หน้าชายหนุ่มฝรั่งเศส พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ก่อนที่มันจะสายเกินไป!”

“หมายความว่ายังไง? รู้เหรอว่าผมตามหาใครอยู่?” ปิแอร์หรี่ตา ดูท่าการอยู่ที่นี่จะทำเขาเสียสติไปแล้ว พูดกับคนในกระจกเนี่ยนะ

“ฉันเป็นผีนะ เร็วเข้า! เขากำลังจะตื่นแล้ว รีบหนีไป! ” ชายนิรนามตะคอกเร่ง

“เอ่อ..ได้! ” ชายหนุ่มตะกุกตะกักก่อนจะรีบลุกขึ้น เขาเหลือบเห็นว่าชายในกระจกพยักหน้าและชูนิ้วโป้งให้เขา มันดูไร้สาระไปหน่อยแต่ปิแอร์ก็ทำตามที่ชายคนนั้นว่า ตรงไปที่ประตูและเปิดมันออก

น่าแปลกที่ขาของเขาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ มันไม่ทรยศเขา กลิ่นดินข้างนอกไม่เคยทำให้ปิแอร์รู้สึกมีความสุขขนาดนี้มาก่อน ป่าสีเขียวดูสวยงามขึ้นมาก เสียงนกร้องจากไกล ๆ เสียงแมวที่เดินตามมา ซีกฟรีตเคยบอกว่าแมวสามสีที่ชอบมาขออาหารมีชื่อว่าลิลลี่

แต่นั่นไม่ใช่ลิลลี่

แมวทักซิโด้ตัวนั้นยืนจ้องหน้าเขาที่ประตู จู่ ๆ ตอนเย็นก็เงียบเหงาลงทันที อากาศรอบตัวเย็นเฉียบ ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้น

“ขี้เซาจังเลยนะ” ซีกฟรีตขำเบา ๆ เมื่อเห็นปิแอร์ตื่นได้สักที “ยินดีด้วย นายตื่นหกโมงเย็น” เขานั่งอยู่ข้างปิแอร์บนเตียงมาตลอด ชายหนุ่มผมน้ำตาลพยุงตัวของอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างใจเย็น แต่แล้วเมื่อเห็นปิแอร์ทำหน้าแปลก ๆ ก็ถาม “ฝันอะไรเหรอ? ”

“ไม่มีอะไร ก็เรื่องทั่วๆ ไปน่ะ ตกตึกสูง ไรงี้” ปิแอร์โบกไม้โบกมือบอกเล่าคำโกหก

“งั้นเหรอ...” ซีกฟรีตพยักหน้าช้า ๆ เมื่อทั้งสองลุกขึ้นแล้วชายหนุ่มผมทองก็ถามทันที “นายทำอะไรกับแขนขาฉันน่ะ?”

“ถ้าจะถามก็ช่วยหลอกถามให้เนียนหน่อยสิ ใครมันจะบอกง่ายๆกันเล่า” เจ้าของบ้านตอบกลับอย่างรำคาญใจ ซีกฟรีตพยุงอีกฝ่ายออกมาจากห้องนอน ผ่านประตูห้องน้ำ ผ่านราวบันได จนไปถึงที่ห้องครัว มันมีประตูอยู่อีกประตูหนึ่ง ข้าง ๆ นั้นมีโต๊ะกินข้าว ทำจากไม้ ที่กำแพงมีปฏิทินรูปแมวแขวนอยู่ วันที่อื่นถูกขีดหมดเว้นวันที่ 7 ตุลาคม นี่มันก็ผ่านมาเป็นวันที่ 7 แล้ว นอกจากนี้มันก็มีปากกาน่าสงสัยสีแดงที่ตูดมันมีเชือก คล้องไว้กับปฏิทินด้วย

ซีกฟรีตพาปิแอร์ไปให้นั่งตรงนั้น ก่อนจะยองตัวลง เขาใช้มือลูบที่ขาของชายหนุ่มฝรั่งเศส ความเจ็บปวดแล่นตรงเข้ามาเหมือนโดนค้อนปอนด์ทุบซ้ำไปซ้ำมา จนทนไม่ไหว เสียงร้องของเขาดังนั่นป่า ถ้าอยู่เขตชุมชนมีหวังรอดไปแล้ว แต่นี่ไม่ใช่ “ขี้โวยวายชะมัด ไปทำอะไรให้ฉันกินเลย” ซีกฟรีตปล่อยมือและลุกขึ้น

น่าแปลก มันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว

“จ้างให้ก็ไม่ทำหรอก” ปิแอร์แกล้งพูด

“ถ้าอย่างนั้นนายก็ไม่ต้องกินอะไร เพราะฉันทำอาหารไม่เป็น แถมเบื่ออาหารสำเร็จรูปด้วย” ซีกฟรีตกอดอก เขายืนพิงประตู สงสัยจะกลัวว่าปิแอร์ที่หายเจ็บขาจะวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือละมั้ง “ก็ได้ ๆ ” ปิแอร์ลุกขึ้นและตรงไปที่ตู้เย็น “ไหนดูซิว่ามีอะไรบ้าง”

เมื่อถูกเปิด ความเย็นปะทะหน้า มันมีผักเหี่ยวๆ อยู่กับขนมปัง ไข่ เนยและไส้กรอกเต็มไปหมด ทั้งแบบสอดไส้ชีส แบบเวียนนา ดูท่าทางจะชอบจริงๆ “นายเอาขนมปังแช่ตู้เย็นทำไม?” ปิแอร์ถามก่อนจะเอาขนมปังฝรั่งเศสออกมา “ผักพวกนี้ก็เอาไปทิ้งได้แล้ว!” เขาบ่นหงุดหงิดเอาเรื่องจนซีกฟรีตถอนหายใจ “กินแบบแช่เย็นแล้วอร่อยดี” เขาพูด แต่เสียงอยู่ใกล้มาก หันไปอีกทีปิแอร์ก็ค้นพบว่าซีกฟรีตอยู่ข้างหลังนี่เอง

“ทำตกใจหมด” ปิแอร์บ่น “ทำตัวเหมือนคนปกติจะได้ไหม?”

“ฉันไม่ปกติตรงไหน?” ซีกฟรีตยังคงกอดอกอยู่ “หิวแล้ว แค่บาแกตจิ้มเนยก็ได้” เขายักไหล่ ท่าทางไม่สบอารมณ์นัก

“ทำเองสิ! ” ปิแอร์ตะคอก

นั่นทำให้ซีกฟรีตเสียใจมาก เขามองค้อนปิแอร์นานนิ่งจนอีกฝ่ายต้องถาม “อะไร?” ก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่ปิแอร์นั่งก่อนหน้านี้ กุมขมับ เขากำลังร้องไห้

อีกแล้ว

“ก็เป็นซะอย่างนี้” ปิแอร์ส่ายหัว เขาไม่รู้ว่าควรกลัวหรือควรสงสาร หรือควรรำคาญดี แต่อย่างน้อยซีกฟรีตก็ร้องไห้ไม่มีเสียง มีแค่น้ำตาน้อย ๆ เท่านั้นที่ให้ปิแอร์พอเดาออก ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะหมุนตัวเข้าหาตู้เย็นอีกครั้ง ถัดไปทางซ้ายคือที่ล้างจาน ถัดไปคือจานแห้งๆ ที่ถูกวางอยู่กับจานแห้งๆ นั่นก็คือ

มีด

ซีกฟรีตนั่งอยู่ตรงนั้น

ไร้การป้องกัน

ท่าทางก็อ่อนแอ

เสื้อยืดสีแดงที่เขาใส่คงจะช่วยได้มาก ทำให้ดูไม่เลอะเถอะ

อย่างไรก็ตามปิแอร์ต้องระวัง เพราะเป้าหมายนั้นคาดเดาไม่ได้ ชายหนุ่มมีความกล้ามากพอที่จะถือมีดอย่างไม่สั่น ในหัวของเขาไม่มีอะไรนอกจากจะต้องเป็นอิสระ คิดดังนั้นแล้วก็
แทงลงไปเลย

แทงที่หลัง

แทงที่หลัง

แทงซ้ำๆ ไป

เสียงกรีดร้องอย่างกับในหนังสยองขวัญ

เสียงโวยวายของเจ้าของบ้าน

เขาพยายามจะสู้
เขาพยายามป้องกันตัว

แต่ก็เท่านั้น

ตอนนี้ในบ้านทรงเอริมชายป่าก็มีเพียงแค่ปิแอร์ที่เท่านั้นที่ยังคงหายใจอยู่ เนื้อตัวเปื้อนเลือดของคนที่เพิ่งหยุดหายใจ มีดตกลงบนพื้น เลือดเต็มไปหมด เขาหายใจเข้า หายใจออก ตอนนี้ยังมัวกังวลไม่ได้เพราะสิ่งสำคัญก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ไม่ ไม่ใช่ศพของซีกฟรีต แต่เป็นประตูนั่นต่างหาก ที่อยู่ใกล้โต๊ะนั่น

ปิแอร์ทำได้แล้ว เขาทำตามที่ผีในกระจกบอก เขาออกมาข้างนอกบ้าน มีถนนสายเล็ก ๆ อยู่ ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินลงบันไดไม้ ไม่กี่ก้าว เท้าเปล่าสัมผัสหญ้ายามโพล้เพล้ ทุกต้นเล็ก ๆ สีเขียวเปื้อนไปด้วยสีแดง เขาโทษตัวเองที่เหยียบเลือดของคนเสียสติ

ลมเย็นพัดจากทางซ้าย ผมทองปลิวไสว ตาสีฟ้ามองท้องฟ้าสีเดียวกันอย่างหมดอาลัยตายอยาก “เธอหายไปไหน บอกฉันทีได้ไหม?” ชายหนุ่มกระซิบกับสายลมก่อนจะถอนหายใจและเดินต่อไป หน้าสู้ดิน ผ่านบ้านอีกสองหลังไป แต่เขาก็หยุด

“ฉันจะไปไหนล่ะ?” ชายหนุ่มถามตัวเอง

บางทีก็ควรวางแผนก่อน ใช่ และนี่ก็เริ่มมืดแล้วด้วย เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มจึงหันหลังกลับไปยังบ้านของซีกฟรีต อย่างน้อยเขาก็ควรหาอะไรที่เป็นประโยชน์ และดูนั่นรถของคนตายก็จอดอยู่ ถ้าเป็นงูป่านนี้ปิแอร์คงตายไปนานแล้ว นานจนตัวแห้งเป็นมัมมี่กว่าคนจะมาเจอ อีกอย่างคือชายหนุ่มเชื่อว่าซีกฟรีตจะต้องเก็บของใช้ของเขาไว้ ในชั้นล่างที่น่าสงสัย


เพลงก็มาจากชั้นล่าง น่าตื่นเต้นจังที่จะได้รู้ว่าข้างล่างมีอะไร ถ้าเจอเธอ เขาคงเล่าเรื่องนี้ได้เป็นวัน ๆ ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองอย่างภูมิใจก่อนวิ่งตรงไปที่บ้าน เขาจับลูกบิดด้วยมือชุ่มเลือด แต่ไม่ทันที่เขาจะกระชากมันเปิด

คนข้างในก็ดันประตูออกมา “ว่าไง” เสียงของซีกฟรีตเรียบง่าย มันฟังดูธรรมดา ฟังดูธรรมดามาก ๆ ถ้าเกิดว่าปิแอร์ไม่ได้ใช้มีด ซึ่งตอนนี้อยู่ในมือของเจ้าของบ้าน แทงเจ้าของบ้านเมื่อสักครู่ ฟังดูธรรมดามาก ๆ ถ้าเนื้อตัวเขาไม่ได้เปื้อนไปด้วยเลือดของคนที่เปิดประตูให้ ฟังดูธรรมดามาก ๆ ถ้าซีกฟรีตไม่ได้กำลังเลือดไหล เลือดของเขาไหลอย่างกับหนังสยองเกรดบีอยากใช้ให้คุ้มทุน ซีกฟรีตยิ้มอย่างประชดประชัน “เข้ามาก่อนสิ หืม? ”

ใบหน้าเปื้อนเลือดของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเต็มไปด้วยความโกรธ ความเศร้า ความน้อยใจ และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ปิแอร์จำได้ ก่อนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

และเป็นอีกครั้งที่เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ไม่ใช่แค่ตัวหนุ่มฝรั่งเศส แต่รวมไปถึงซีกฟรีตที่นอนก่ายตนอยู่ เขากลิ่นหอมเหมือนเพิ่งอาบน้ำ ดูเหมือนเขาจะคิดว่าปิแอร์ตัวหอมกว่าเพราะเอาแต่หอม เอาแต่ดมโน่นนี่นั่นไปหมด มือก็ด้วย มันอยู่ทุกที่เลย

ซีกฟรีตดูเป็นคนที่ไม่พิถีพิถันเอาเสียเลย การเตรียมพร้อมของชายหนุ่มก็มีแค่สองนิ้วพยายามแหกทางเข้าให้มันกว้าง แต่รู้อะไรไหม? มันไม่ช่วยอะไรสักนิด มันแห้งสนิท ปิแอร์เตรียมใจไว้แล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่เขาไม่หนี ไม่ดิ้น ไม่โวยวาย ไม่สู้กลับ เพราะเขารู้ว่ามันไร้ประโยชน์ ซีกฟรีตได้สิ่งที่เขาต้องการจากเขาเสมอ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ปิแอร์ห้ามตัวเองไม่ได้

“โอ๊ย!! ” ชายหนุ่มร้องลั่นเมื่ออีกฝ่ายพยายามสอดเข้าไป จู่ๆ ความเจ็บปวดก็เพิ่มเข้ามาอีกที่นอกจากที่รู มันก็คือคอ หลังคอ ถ้าอยากเจาะจง คมเขี้ยวขาวแหลมของซีกฟรีตทำให้ของเหลวสีแดงกลิ่นสนิมไหลออกมา เหมือนกับน้ำตาแห่งความเจ็บปวดของปิแอร์และน้ำตาแห่งความสุขของอีกฝ่าย ที่ข้างล่างมันก็เริ่มไหลออกมาเช่นกัน

“ใช้แทนน้ำยาหล่อลื่นน่ะ” ซีกฟรีตกระซิบข้างหูชายหนุ่มผมสีทองก่อนที่หน้าของเขาจะถูกโลมเลีย

และใช่ ปิแอร์รู้สึกสิ้นหวัง

มันไม่มีประโยชน์

“อยู่กับฉันนะ...อยู่กับฉัน...” ซีกฟรีตพึมพำ