ที่ชานบ้านชายป่าที่เงียบสงบในเวลาเช้ามืด เจ้าแมวสามสีกำลังหาวและยืดเหยียดตัวบิดขี้เกียจก่อนจะขดตัวนอนเป็นก้อนกลม ๆ ขณะเดียวกันนั้นเองที่อะไรบางอย่างปลุกให้ปิแอร์ตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสขยี้ตา เขารู้สึกตัวว่านั่งอยู่บนเตียงเดิมของซีกฟรีต เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่กำลังหายไปอย่างช้า ๆ หนุ่มผมทองลูบแผลฝกช้ำของตนพลางคิดสาปแช่งต้นเหตุของมันที่นอนอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปนานแค่ไหนและไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขามองในกระจกนั่น เงาสะท้อนเริ่มขยับไม่ตรงกับที่ปิแอร์เป็น ผู้ชายในกระจกกอดอก สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ความเป็นห่วง และความกังวล 
แม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่ปิแอร์ก็รู้ว่าเขาถอนหายใจ

“มีอะไรรึเปล่า...เซอเร็น?” ชื่อนั้นหลุดออกมาจากปากเขาจนได้ เซอเร็นในกระจกไม่ตอบทว่ามีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทน มันเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคย ไม่ ไม่ใช่ซีกฟรีตหรอก มันเป็นเสียงของผู้หญิงต่างหาก “เหลือเวลาไม่มากแล้วนะ”

“เปรีน!” ปิแอร์ร้อง เธอยืนอยู่ตรงนั้น ที่ประตู ผมสีทองยาวประบ่าถูกจัดทรงอย่างเรียบแปล้ด้วยเจล ลิปสติกสีนู้ดเป็นเครื่องสำอางเดียวที่เธอใช้ พร้อมด้วยสูทและเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมบน เหมือนอย่างครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเธอ

“ฉันเข้าใจคอนเซ็ปต์ของวันรวมญาตินะ แต่ว่าฉันไม่อยากให้นายมา ยังไม่ใช่ปีนี้” เธอส่ายหน้า สายตาและน้ำเสียงจริงจัง เขารู้ว่าเธอหมายความอย่างนั้น จ้องลึกเข้ามาในตาทุกครั้งที่ไม่ได้ล้อเล่น


“งั้นก็ช่วยบอกฉันทีสิว่าเธออยู่ที่ไหน! ” ปิแอร์ตะคอก มือขวาทุบเตียงอย่างหงุดหงิด เมื่ออีกฝ่ายเห็นชายหนุ่มทำท่าทางโมโหก็หายใจเข้าลึกๆ และชูมือสองข้างขึ้น “ก็ได้ ๆ ...ฉัน..”

ทันใดนั้นเสียงของเธอก็ค่อย ๆ เบาลงและอู้อี้จนปิแอร์ไม่ได้ยินอะไร ทุกอย่างก็ค่อย ๆ มืดลงก่อนที่คลื่นบางอย่างดังขึ้นมาเหมือนว่าหูดับมันทำเอาเขามึนไปหมด ยิ่งกว่าตอนที่ค้อนของซีกฟรีตกระแทกหัวเสียอีก ชายหนุ่มส่ายหัว จู่ๆตัวเขาก็สั่นไปหมด ไม่ใช่แบบลมชักแต่เหมือนโดนเขย่าตัว และท่ามกลางความมืดและความเงียบเสียงพึมพำก็ก่อตัวขึ้น เสียงนั้นพูด “ปิแอร์ ปิแอร์ ปิแอร์ ปิแอร์ ปิแอร์”

เขาเริ่มรู้สึกถึงมือที่เขย่าร่างของเขาอยู่ “ปิแอร์! ” ซีกฟรีตตะโกน

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมา เหงื่อไหลย้อยจากผาก ซีกฟรีตใช้หลังมือปัดมันออกจากหน้าปิแอร์ “นายฝันร้าย” เขาพูดอย่างใจเย็น น่าแปลกที่เสียงของชายหนุ่มทำให้เขารู้สึกสบายใจได้อย่างบอกไม่ถูก ซีกฟรีตลูบหลังของปิแอร์อย่างเป็นห่วง “อยากนอนต่อรึเปล่า?”

“ฉันนอนมามากพอแล้วล่ะ” ปิแอร์ถอนหายใจ ก่อนจะก้มหน้าลง มือทั้งสองปิดหน้าไว้ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา แต่ก็แค่แว้บเดียวเท่านั้นที่เขาห้ามตัวเองไว้ไม่ให้ปล่อยโฮต่อหน้าซีกฟรีต เขาไม่อยากดูอ่อนแอไม่งั้นอีกฝ่ายอาจยิ่งได้ใจใหญ่ แต่แล้วซีกฟรีตกลับโผเข้ากอดปิแอร์ ทั้งคู่ไม่ได้ใส่อะไร มีเพียงผ้าห่มเท่านั้นที่ปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าทั้งสอง ความอบอุ่นจากตัวของหนุ่มผมสีน้ำตาลดูเป็นอะไรที่เกินจริงสำหรับชายหนุ่มผมสีทอง เหมือนอย่างกับว่าเขาฝันไปเลย

“ไม่เป็นไรนะ...ไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่แล้วไง ฉันอยู่นี่” มันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ความคิดของเขามันตีกันไปหมด มันทำให้ปิแอร์เกือบลืมไปว่าซีกฟรีตเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาลงเอยแบบนี้ หรือมันเป็นความผิดของตัวเขาเองนะที่ออกเดินทางคนเดียว น้ำตาค่อย ๆ หยดออกมาทีละนิดก่อนจะไหลรินเป็นทางอาบแก้ม ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงสะอื้นของปิแอร์เท่านั้น

ซีกฟรีตประทับจูบลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายก่อนที่จะลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ยังคงไม่ละสายตาจากอีกฝ่าย “เดี๋ยวสิ” ปิแอร์ร้อง “อยากให้ฉันอยู่ด้วยแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มยิ้ม เขาคว้าชุดคลุมนอนสีขาวขอบน้ำเงินมาสวมก่อนจะเยื้องย่างออกจากห้องไป

นั่นน่ะสิ แต่ตอนนี้นอกจากซีกฟรีตเขาก็ไม่เหลือใครแล้วนี่นา เพื่อนๆ พวกนั้นก็ไม่มีจริง ปิแอร์อยู่กับคนที่เขาคิดว่าเป็นเพื่อนมาโดยตลอดแต่มันไม่ใช่ ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะปาดน้ำตาออกอีกครั้งและสูดหายใจเข้าลึก ๆ “เขาไม่ใช่เพื่อน เขาไม่ใช่เพื่อน” ปิแอร์เตือนสติตัวเอง “เขาไม่ช่วยนายหรอก”

ซีกฟรีตหายไปนานจนผิดสังเกต มันทำให้ปิแอร์เริ่มกังวลจนเมื่อเสียงเพลงดังขึ้นจากข้างล่างเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นมา แต่แล้วเขาก็ต้องหยีตาและกัดฟันเมื่อพยายามลุก ดูท่าทางจะสลบไปนานเหมือนกัน เพราะชายหนุ่มรู้สึกไม่ชินกับการที่ส่วนล่างของตนอยู่เหนือผิวเตียง “ใช่สิ เพื่อนแบบไหนจะทำแบบนี้กัน” ว่าแล้วปิแอร์ก็ลูบขาตัวเองด้วยมือที่สั่นด้วยความเจ็บปวด

ชายหนุ่มผมทองที่ประคองตัวลงมาจนถึงข้างล่างได้ก็นั่งคาอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย ในห้องนั่งเล่นอันอบอุ่นแสนสบาย เท้าคางมองซีกฟรีตที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือมุมห้องกับโทรศัพท์มือถือสีดำ ดูเหมือนกำลังแชทกับใครบางคนอยู่ “มีอะไรอยากเล่าให้ฟังรึเปล่า” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็นก่อนจะหยิบแก้วนมอุ่นข้างมือขวามาจิบ ยังไม่มองหน้าอีกฝ่าย ที่ปิแอร์รู้ว่ามันเป็นนมอุ่นก็เพราะตอนเดินออกมาจากห้องนอนเขาได้เดินผ่านห้องครัว มีหม้อเล็ก ๆ ที่ถูกแช่น้ำไว้ในที่ล้างจานกับนมกล่องใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์ ที่ข้างกล่องมีรูปเจ้าหมาคอลลี่ที่หายไป ตลกดีที่ไม่มีใครอยากลงทุนสั่งตามหาคนหายอย่างปิแอร์

“ไม่ยักรู้ว่านายก็มีโทรศัพท์มือถือกับเขาด้วย” ปิแอร์พูดขึ้น “อ๋อแล้ว พอจะมีแบบนั้นอีกตัวไหม”  น้ำเสียงเขามีความหงุดหงิดปนอยู่เล็กน้อย

“ฉันขี้เกียจหยิบ มันอยู่ข้างบน” ซีกฟรีตตอบเรียบ ๆ ไม่รู้ว่าทำไมปิแอร์ถึงเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆอย่างนี้แทนที่จะสู้กับซีกฟรีตแล้วขโมยโทรศัพท์หรือคิดแผนโง่ ๆ อย่างอื่น เช่น วิ่งหนีออกไปที่เมือง เขาไม่ได้หมดแรง ทว่าจะเริ่มหมดไฟ เขาไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะเริ่มชินกับการอยู่ที่นี่ไปเสียแล้ว และ...พระเจ้า นั่นมันแย่มาก

“งั้นฉันก็จะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ ในบ้านก็ไม่ได้หนาวมากหรอกนะ” ปิแอร์พูดก่อนจะกอดอกและเอนหลังนอนตรงบันได และแน่นอน ด้านแหลมของขั้นบันไดทำให้หลังของเขาปวด ดังนั้นชายหนุ่มจึงลุกขึ้นไปนอนบนโซฟาแถวนั้นแทน

“ว่าแต่ใครคือเปรีนเหรอ?” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลวางโทรศัพท์ลงก่อนจะหันไปทางโซฟา สบตากับปิแอร์พอดิบพอดี

“ข้าวของฉันอยู่ไหนเหรอ?” ปิแอร์ถามย้อน นั่นทำให้ซีกฟรีตหงุดหงิดนิด ๆ สังเกตจากสีหน้าตึงแบบนั้น “โอเค แต่มันสำคัญรึไง อยากรู้เรื่องของฉันไปทำไมกันเล่า”

“ก็แค่สงสัยว่านายเรียกใครตอนที่สลบไป ตอนนั้นนายรู้สึกว่าใกล้ตายล่ะสิ แสดงว่าเปรีนอะไรนั่นต้องเป็นคนสำคัญมากๆ จริงไหมล่ะ? ”

“...” ปิแอร์เงียบไปก่อนจะถอนหายใจ เขาเสยผมขึ้นเล็กน้อย หลบสายตาอีกฝ่าย
“ว่าไง? ” ซีกฟรีตเลิกคิ้ว

“เธอเป็นพี่สาวของฉัน แค่นั้นแหละโอเคไหม?”

“โอเคแค่นั้นแหละ” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยักไหล่ “แค่ตอบคำถามมันจะยากอะไรเชียว?” เขาพูดพลางค้นหาอะไรสักอย่างในลิ้นชักบนสุด ไม่นานนักในมือของซีกฟรีตก็มีกล้องโพลารอยด์ กว่าปิแอร์จะรู้ตัวก็ถูกทักทายด้วยแสงแฟลชจ้า “เห้ย! ” ชายหนุ่มร้องตกใจก่อนยกมือทั้งสองขึ้นมาบัง

“อะไร ฉันถ่ายรูปนายไปกี่ครั้งแล้ว ยังไม่ชินอีกรึไง?” ซีกฟรีตโบกไม้โบกมือโดยไม่ได้คิดเลยว่าคำพูดของเขาจะทำให้อีกฝ่ายงงมากแค่ไหน “นี่ไง...” ว่าแล้วสมุดอัลบั้มเล่มหนาก็ถูกหยิบออกมาจากลิ้นชักเดิม มันมีสีน้ำตาลแดงท่าทางยังใหม่อยู่ ปกหนา กันน้ำ “เล่มนี้เพื่อนายโดยเฉพาะ เห็นไหม” ชายหนุ่มชี้ไปที่คำสั้นๆ ที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีขาวบนปก

ปิแอร์

ปิแอร์ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันคืออะไร เรื่องทั้งหมดนี้ บางทีมันอาจจะเป็นเพียงแค่ความฝันก็ได้ อย่างที่เขาสงสัยมาโดยตลอดไง บางทีเมื่อตื่นขึ้นมาเปรีนก็คงกอดเขาอยู่ บางทีเธออาจจะไปได้ออกไปไหนเลยในวันนั้น แต่แล้วเมื่อชายหนุ่มผมสีทองกำลังนิ่งเงียบสับสนอยู่นั้นเองอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา

“เปรีน...ชื่อคุ้นๆ เหมือนกันนะเนี่ย”

มันเป็นเช้าวันอาทิตย์ มันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นที่หลายอย่างเปลี่ยนไป มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสับสน มันเป็นเพียงแค่อีกวันหนึ่ง วันเหงา ๆ อีกวันหนึ่ง และเมื่อพระอาทิตย์ตกดินมันก็ต้องจบลง แสงแดดที่หน้าต่างสาดลงมายังบันได มันเป็นแค่ความรู้สึกกระสับกระส่าย มันกอดเขาเหมือนที่ ซีกฟรีตกอด ปิแอร์มีความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่รู้และไม่อยากรู้ว่ามันคืออะไร 

มันเป็นเช้าวันอาทิตย์