ตอนนั้นเป็นช่วงกลางปี 1962 หลังจากคืนนั้นของซีกฟรีตและเซอเร็นมาเป็นเดือน เด็กหนุ่มทั้งสามคนจับกลุ่มพูดคุยกันหลังเลิกเรียนที่สวนหน้าบ้านของซิกมุนต์ “นายว่าช่วงนี้เขาทำตัวห่างเหินรึเปล่า?” เด็กหนุ่มผมทองเปิดประเด็น

“ใครน่ะ หมายถึงเซอเร็นน่ะเหรอ? ” ซิกมุนต์ขมวดคิ้วเพราะเขาสงสัยว่าเฟรดดริชจะเลี่ยงการพูดชื่อทำไม

“ชู่ว! ” เฟรดดริชถลึงตาใส่อีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้าไปทางซีกฟรีตที่นั่งเศร้าเป็นนกอกหักอยู่ที่ชานบ้านพร้อมกับกีตาร์ฝุ่นเกาะที่ตัวเองกอดอยู่ เด็กหนุ่มจามดังฮัดชิ่วก่อนจะหันมาหาเจ้าของบ้านและเพื่อนอีกคน “พูดชื่อเขาไปเถอะฉันไม่ว่าอะไรหรอก” แต่น้ำเสียงของเขาฟังดูหดหู่เสียเหลือเกิน

“งั้นนายรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้เขามีแฟนแล้ว มาเรียไง นายจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” ซิกมุนต์พูด ฟังดูจริงจัง เฟรดดริชที่ได้ยินก็จับเพื่อนเขย่าตัว “ถ้าเขาจะฆ่าตัวตายขึ้นมานายต้องรับผิดชอบนะ!” ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ติดตลกเพราะเขารู้ว่าพ่อของซีกฟรีตไม่ยอมให้เขาตายแน่

“ฉันทำใจได้แล้วน่า” ซีกฟรีตถอนหายใจก่อนจะใช้นิ้วนวดผากตรงหว่างคิ้ว “และฉันก็รักตัวเองมากเกินไปที่จะฆ่าตัวตายด้วย” เขากลอกตาและ
เบ้ปากอย่างรำคาญเล็กน้อย

“แต่เขาไม่มาโรงเรียนตั้งหลายวันแล้วนี่นา” เฟรดดริชเอ่ยขึ้นมา ขมวดคิ้วพร้อมกับหวังว่าซีกฟรีตจะพูดอะไรสักอย่างทว่าเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลกลับไม่แสดงความใส่ใจนัก “งั้นเหรอ ไม่ได้สังเกตเลยแฮะ” เขายักไหล่ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับกีตาร์ ซีกฟรีตในเสื้อคอเต่าสีดำรู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อยที่เพื่อนพูดถึงเรื่องที่เซอเร็นหายไปเพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าเด็กหนุ่มผมทองในฝันจะไม่มีวันกลับมา

บางทีซีกฟรีตก็มีความสุข บางทีก็เศร้า บางทีก็โมโห แต่เขาหงุดหงิดทุกครั้ง ทุกครั้งที่เห็นตาสีฟ้าซีดคู่นั้นพร้อมกับผมสีทองซึ่งซีกฟรีตไม่มีวันได้ครอบครองมัน เซอเร็นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิต เป็นทุกสิ่งของเขา เป็นความฝัน เป็นหนุ่มผมทองในอุดมคติ เป็นอดีต

เด็กหนุ่มรู้ว่าตัวเองไม่มีวันลืมรักแรกของชีวิตได้แน่ และคงทำใจไม่ได้หากอีกฝ่ายชอบพอกับสาวผมดำที่ซีกฟรีตเกลียด เห็นเขาตายมันง่ายกว่าเยอะ ซีกฟรีตรู้เพราะซีกฟรีตเป็นคนทำ นัยย์ตาที่แววชีวิตค่อย ๆ ดับลงไป การนอนเอาหูแนบหน้าอก ร่างเปลือยเปล่าของเขาสัมผัสกับร่างเปลือยเปล่าที่ไร้จิตวิญญาณ ชายหนุ่มโอบกอดรับเอาไออุ่นของร่างนั้นมาจนกระทั่งมันเย็นลงพร้อมกับฟังหัวใจที่ไม่มีเสียงเต้น

ไม่อีกแล้ว

เลือดของอีกฝ่ายเป็นแค่สิ่งเดียวที่ปกคลุมร่างกายของเขาในคืนนั้น เด็กหนุ่มเล่นกับไส้เหมือนกับแมวเล่นไหมพรมสีแดง เขาโทษว่าเป็นความผิดของเซอเร็นเองที่เปิดหน้าต่างให้แมวทักซิโด้แปลกหน้าในคืนที่อยู่ตัวคนเดียว มันควรเป็นเหตุการณ์ที่เขานึกย้อนกลับไปแล้วจำยิ้มกรุ้มกริ่มและขำแต่มันกลับเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้าเสียจริงเมื่อเขาปลุกเซอเร็นตั้งหลายรอบในคืนนั้น แต่ซีกฟรีตกลับนอนพักผ่อนก่ายกายหยาบของหนุ่มผมทองโดยลืมคิดไปว่าตัวเขาเริ่มเย็นแล้ว

ซีกฟรีตตื่นขึ้นมาทักทายวันใหม่ด้วยเวลาที่เช้ากว่าปกติเนื่องจากกลิ่นเหม็นเน่าเริ่มก่อตัวขึ้นในห้อง และแน่นอนว่าจมูกของเขาย่อมรับรู้กลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์ เด็กหนุ่มสะดุ้ง น้ำตาไหลพราก ช่างโง่เขลาเสียเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าใครก็ชุบชีวิตคนที่ตายนานขนาดนั้นไม่ได้ เขากลุ้มใจอยู่สักพัก ถ้าตำรวจเข้ามาเกี่ยวละก็คุณนายชมิตช์ต้องเสียใจมากแน่ๆ ซีกฟรีตไม่อยากให้คนที่เลี้ยงตัวเองมาต้องเสียใจ แต่แม่ของเซอเร็นน่ะเหรอ ช่างเถอะ เธอเองก็ไม่สำคัญพอ ๆ กับร่างไร้วิญญาณของเขานั่นแหละ

“อยากให้ช่วยเอาเขากลับมาไหมล่ะเจ้าหนู?” เสียงกระซิบจากความมืดด้วยสำเนียงทรานส์แอตแลนติลอยผ่านหูของเขาพร้อมกับลมหนาว ซีกฟรีตรู้ว่าเขาเป็นใคร และประหลาดใจเมื่อได้ยินคำทักทายจากนรก เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลส่ายหัวก่อนจะกอดอก มองความวุ่นวายจากเมื่อคืน “ช่วยปกปิดเรื่องนี้ก็พอ” เขาพูดก่อนจะกลืนน้ำลาย เสียงสั่นนิด ๆ พยายามที่จะปล่อยให้อารมณ์เศร้ามันผ่านไป

“เห็นแก่ตัวจังเลยนะ... แต่จะช่วยก็ได้ แลกกับอะไรดีล่ะ?”

“รักแรกในชีวิตไง ” ซีกฟรีตผายมือออกให้ความว่างเปล่าเห็น

“เธอเรียกมันว่ารักอย่างนั้นเหรอ?”

ชั่วขณะหนึ่งความเงียบก็เข้ามาปกคลุมห้องที่เหม็นคละคลุ้ง ซีกฟรีตสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ใช่ นั่นเป็นความรัก”

“ผมเรียกมันความรัก คุณต้องรับเขาไป” เด็กหนุ่มล่อนจ้อนยืนกราน

“ก็ได้ ๆ” สิ้นสุดเสียงนั้นทุกอย่างก็หายไป ร่างของเด็กหนุ่มผมทอง กลิ่นชวนอ้วก ร่องรอยอุจาดตา หายไปทั้งหมด

“ที่รักนั่นอะไรน่ะ?” หญิงวัยกลางคนผมสีทองมัดรวบทรงหางม้าชี้ไปที่ซากแมวตายบนถนนทำให้สามีของเธอที่นั่งหลังพวงมาลัยต้องเหยียบเบรกดังเอี๊ยด เขาชะเง้อมองเล็กน้อยก่อนที่ลดหน้าต่างลงเพื่อจะได้ชะโงกออกไปเห็นได้ชัดยิ่งขึ้น

ชายเจ้าของผมน้ำตาลแซมเทาขยับแว่น “แมวตายน่ะ น่าสงสารมันนะ” เมื่อเธอได้ยินที่เขาพูดก็รีบลงไปดูทันที “เบ็ตตี้...เดี๋ยว! ” ทว่ามันไม่ทัน เบ็ตตี้นั่งยองมองซากแมวทักซิโด้ก่อนจะส่ายหัวและอุ้มมันไปไว้ที่ข้างถนนซึ่งเป็นป่าตรงข้ามบ้านของซีกฟรีตแทน

“ไปจับมันทำไม สกปรกน่า..” เขาบ่นหยุมหยิมก่อนจะออกรถในขณะที่ภรรยาของเขาเอาแต่คิดสงสารเจ้าแมวตัวนั้นโดยคิดว่ามันคงโดนรถคันก่อนชนแต่ลืมคำนึงไปว่าที่เนื้อตัวมันไม่มีแผลหรือรอยรถชนเลย ไม่งั้นศพมันคงผิดรูปมากกว่านี้

ดวงตะวันลับขอบฟ้า ลมเย็นพัดผ่านร่างบนดิน ซีกฟรีตสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นนั่งก่อนจะปัดดินและใบไม้ออกจากตัว เขาค่อย ๆ ยืนขึ้นโดยใช้ต้นไม้ช่วยพยุงตัว หยดน้ำตาไหลออกมาจากหัวตาขวา ชายหนุ่มปาดมันไป ซีกฟรีตขมวดคิ้วเพราะว่าเขาทั้งโกรธที่ปิแอร์ทำแบบนี้และเพราะมือข้างที่ใช้เมื่อกี้มันเปื้อนฝุ่นเปื้อนดินและเริ่มระคายเคือง เขาหรี่ตาและไปยังอีกฝั่งของถนน บ้านของเขาเอง ไฟยังเปิดอยู่ ปิแอร์ยังไม่รีบหนีไปงั้นเหรอ? เป็นไปได้ไหมที่เขาจะยังอยู่ในนั้น ซีกฟรีตคิดได้ดังนั้นก็รีบปรี่ข้ามถนนไป ชายหนุ่มใจจดใจจ่ออยู่แต่กับปิแอร์ ความคิดในหัวมันตีกันไปหมดจนไม่ได้สังเกตเลยว่าประตูหน้าไม่ได้ล็อก

ทว่าพอเข้ามาในตัวบ้านเขาก็ได้กลิ่นแปลก ๆ ชายหนุ่มบีบจมูกของตนก่อนจะทำหน้ายี้และเดินตามกลิ่นนั่นไปจนถึงหน้าห้องน้ำ ภาพตรงหน้าทำเอาเขาเครียดจนปวดกราม ซีกฟรีตทรุดตัวนั่งลงช้า ๆ ก่อนที่จะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาให้เต็มที่

ปิแอร์ยังอยู่ในบ้านหลังนี้และเขาจะคงอยู่ต่อตลอดไปในฐานะของอดีต ซีกฟรีตร้องไห้ให้กับร่างไร้วิญญาณของหนุ่มผมทองในฝันเป็นครั้งที่สองเพียงแต่คราวนี้มันยุ่งเหยิงกว่าเดิม เขาเกลียดการทำความสะอาดห้องน้ำที่สุด เพราะมันเหม็น มันอับและมีศพด้วย

เมื่อตั้งสติได้แล้วชายหนุ่มผมดำก็ลุกขึ้นและพิจารณาร่างของปิแอร์ ดูแล้วคงเพิ่งตายได้ไม่นานเพราะจากภายนอกก็ยังดูสมบูรณ์อยู่เหมือนเขาแค่หลับไปเท่านั้นเอง มือข้างซ้ายของเขาอยู่ข้างนอกอ่างน้ำสีขาว ไม่เหมือนกับอีกข้างหนึ่ง แต่ว่าทั้งคู่มีรอยกรีดแนวตรงยาว น้ำในอ่างเริ่มดูสกปรกด้วยสีแดงและมีกลิ่นเหม็นคาวนิด ๆ ซีกฟรีตใช้มือจับผมและลูบหน้าของอีกฝ่าย มันแห้งแบบหมาด ๆ ปิแอร์อาจจะอาบน้ำก่อนจะตาย คัตเตอร์เจ้าปัญหาตกอยู่ที่พื้น ชายหนุ่มรีบเก็บมันขึ้นมาเพื่อที่ตัวเองจะไม่ได้เผลอเหยียบ

ซีกฟรีตนั่งลงและเท้าคางกับขอบอ่างก่อนจะถอนหายใจ เขาลูบแขนที่เย็นและแข็งทื่อเพียงเพื่อพบกับแผลแห้ง ๆ “ปิแอร์” ชายหนุ่มเอ่ยกับร่างว่างเปล่า “บอกฉันสิว่านายจะกลับมา...” เขาเอียงคอ มองลึกเข้าไปในตาที่ปิดสนิท แต่อีกฝ่ายก็นิ่งเฉยอย่างไม่น่าแปลกใจ ซีกฟรีตส่ายหัวกับความคิดโง่ ๆ ของตัวเองที่หวังว่าอีกฝ่ายจะลืมตาขึ้นมาหรือตอบเขาสักคำ

เขาตายไปแล้ว และจะไม่มีวันกลับมาอีก เหมือนกับเซอเร็นไปซะทุกอย่างจริง ๆ น่าเศร้าที่ตรงนี้ก็เหมือนกัน ซีกฟรีตจะไม่มีวันได้ยินเสียงร้องของเขาและเสียงหายใจของเขาอีก ซีกฟรีตจะไม่มีวันรับรู้ถึงไออุ่นจากเขาอีก ซีกฟรีตจะไม่มีวันได้กลิ่นตัวที่ทำให้สบายใจอีก ไม่มีวันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดของเขาอีก เพราะคราวนี้เขาจากไปพร้อมกับสร้างมันให้กับซีกฟรีตที่กำลังลากศพออกจากอ่างน้ำ โชคดีหน่อยที่ท่อนล่างของเขามันเบาลง

ซีกฟรีตโมโหที่ปิแอร์ทำห้องน้ำสีขาวอันสะอาดสะอ้านเละเพราะซีกฟรีตขี้เกียจทำความสะอาด ซีกฟรีตเศร้าที่อีกฝ่ายไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว บางทีชายอันน่ารังเกียจผู้นี้อาจเป็นคนสุดท้ายที่จำชื่อของเขาได้ด้วยซ้ำ พอคิดแบบนั้นมันก็น่าหดหู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือศพที่ยังไม่เน่าเปื่อย ถึงตัวจะเริ่มเย็นนิด ๆ แล้วแต่ก็ไม่ขึ้นอืด เขายังคงดูงดงามดังเดิม

ร่างของชายหนุ่มทั้งสองบนพื้นห้องน้ำ ร่างหนึ่งยังคงหายใจ อีกร่างไม่ คนที่ยังอยู่จับคนที่จากไปให้นอนหงาย ก่อนตัวเองจะนั่งคร่อมเขา ซีกฟรีตเอนตัวลงไปไซร้ซอกคอเย็นของอีกฝ่าย มันยังมีกลิ่นประจำตัวหอม ๆ ที่เขาหลงรัก และมันไม่เคยล้มเหลวที่จะกระตุ้นเขาเลยสักครั้ง ลิ้นสาก ๆ โลมเลียซอกคอฝั่งขวาจนมันเปียกชุ่มก่อนที่จะบรรจงลงเขี้ยวเข้าเนื้อที่ซีดเผือดไร้ชีวิต เขาขยับสะโพกช้า ๆ เพื่อให้ทั้งสองสัมผัสกันที่ข้างล่างอย่างอ่อนโยนและละเมียดละไม

สำหรับเขาการหลับนอนเป็นเหมือนการเดินทาง การเดินทางที่จะนำไปสู่ความสุขสุดยอดที่จะโผล่มาแค่ช่วงสั้น ๆ ดังนั้นซีกฟรีตจึงใช้เวลาจมอยู่กับรายละเอียดยิบย่อยเพื่อที่จะให้มันคุ้มค่าในทุก ๆ ครั้ง

เมื่อเขาพร้อมก็เข้าไปเลย เขาคิดว่ามันจะเจ็บกว่านี้โดยลืมไปว่าอะไรที่ใส่บ่อย ๆ ก็หลวมได้ทั้งนั้น นี่มันทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็ยังพอใช้ได้อยู่ ชายหนุ่มขยับเอวไปพร้อมกับจังหวะของเพลงเศร้าที่เล่นในหัวอย่างช้า ๆ เล็บจิกไปบนแขนทั้งสองข้างของปิแอร์ และคราวนี้เขาโวยวายอะไรไม่ได้แล้ว

ซีกฟรีตไซร้ที่จุดโปรดของเขา แต่คราวนี้เมื่อลงกัดแล้วมันแรงกว่าเดิมเพราะไหน ๆ ปิแอร์ก็ไม่ลุกขึ้นมาเอาอะไรฟาดหัวเขาแล้ว เขาพยายามดึงมันออก และในที่สุดมันก็หลุด ชายหนุ่มไม่เคยชอบกินส่วนหนังดังนั้นเขาจึงคายมันทิ้งไปก่อนจะลิ้มรสเนื้อที่ค่อย ๆ เน่าอย่างช้า ๆ

ค่อย ๆ เน่าอย่างช้า ๆ? ซีกฟรีตเกือบลืมไปเลยว่าเนื้อของคนตายนั้นจืดชืดกว่าคนเป็นมาก รู้อย่างนี้คงไม่รอให้ตายหรอก แต่ว่าซีกฟรีตก็ไม่กล้ากินของที่ตัวเองรักตอนมีชีวิตแน่ ๆ เขาจึงทำใจขีดการกินเนื้อมนุษย์ออกจากรายการสิ่งที่อยากทำและเสพสุขกับศพต่อ

แต่ทันใดนั้นเองซีกฟรีตก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู

“เฮ้! ซีกฟรีตนายไม่ได้ล็อกประตูหน้าดังนั้นพวกเราเลย..” เสียงของซิกมุนต์ดังขึ้นและใกล้ขึ้นจนเขาอยู่ข้างหลังซีกฟรีต “พระเจ้า! ” เขาอุทานเมื่อเห็นซีกฟรีตที่พยายามใช้ศพปิดบังท่อนล่างของตัวเอง ชายหนุ่มหน้าแดง ที่ปากมีเลือดของปิแอร์นิดหน่อย “เรื่องมันยาวน่ะ”

“ฉันว่าแล้วว่าควรลากนายไปอิตาลี่ด้วย” ชายหนุ่มพูดติดตลกก่อนจะเรียกเพื่อนอีกคนเข้ามาดู “เฟรดดริชมานี่เร็ว! ” ซีกฟรีตถึงกับปาคัตเตอร์ใส่พื้นใกล้ๆ จุดที่ซิกมุนต์ยืนอยู่ “ขอเวลาแป๊บหนึ่งได้ไหมเนี่ย? ปิดประตูให้ด้วย!”  เขาพูดอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเอาร่างเย็น ๆ นั้นขึ้นมากอดจะได้ปิดร่างเปลือยอุ่น ๆ ของตัวเองมากขึ้น

“แค่จะถามว่ากระเป๋าแปลก ๆ ในบ้านฉันเป็นของใคร มันเป็นของเขาใช่ไหม? ” เมื่อได้ยินดังนั้นซีกฟรีตก็พริบตาช้า ๆ ก่อนจะตอบด้วยการพยักหน้า

“โอเค” ว่าแล้วซิกมุนต์ก็โบกมือให้เพื่อนและปิดประตูให้ เขาหันมาเจอกับเพื่อนผมทองที่รออยู่ข้างหน้าห้องน้ำ “เมื่อกี้นายเรียกทำไม” เฟรดดริชดูทั้งงงและง่วงและเพื่อนซี้ของเขาก็ดูออก ซิกมุนต์จึงกระซิบ “ซีกฟรีตเหงาอีกแล้ว แต่เรามาทันตอนจบพอดี” ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะ “อีกแล้วเหรอ? ” เฟรดดริชส่ายหัว

“อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ” สาวเสิร์ฟกล่าวก่อนจะวางสเต๊กเนื้อไว้ตรงหน้าซีกฟรีตก่อนที่ชายหนุ่มจะยิ้มให้เธออย่างเขิน ๆ และชี้ไปยังซิกมุนต์ “ของเขาครับ” เธอทำท่าตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบเปลี่ยนที่วางให้และเดินจากไป

ซิกมุนต์เริ่มกินอาหารโดยไม่รีรอก่อนที่เฟรดดริชจะถามซีกฟรีต “นายรีบกลับไหม?”

“ทำไมต้องคิดว่าฉันรีบกลับด้วยล่ะ?”

“ทำความสะอาดไง”

“ฉันเหนื่อยแล้ว” ซีกฟรีตก้มหน้าก้มตา เขากำลังใช้ความคิด เขาเสียใจจริง ๆ ไหมนะที่ปิแอร์จากไป เพราะเอาเข้าจริง ๆ ซีกฟรีตก็เห็นปิแอร์เป็นแค่ที่ระบายอารมณ์เท่านั้น แต่เขาดันเป็นเหมือนแมวนิสัยเสียขี้หวงมันเลยยากที่จะปล่อยเขาไป เหมือนกับเด็กคนที่ไม่เคยให้เพื่อนยืมของ และแน่นอนว่าปิแอร์ไม่เคยรักเขา แม้ว่าเขาจะหวังก็ตาม เพราะความรักที่ดีมันเริ่มจากการใช้ค้อนทุบหัวอีกฝ่ายเพื่อหวังจะข่มขืนไม่ได้หรอก  จริงๆ ซีกฟรีตไม่ได้รักปิแอร์ด้วยซ้ำ ตรงนี้เป็นสิ่งที่เขาหลอกตัวเองอยู่ลึกๆ

สักวันซีกฟรีตจะรักใครเป็นไหม? เขาจะรักคนได้อีกครั้งรึเปล่า? เขาเคยรักรึเปล่า? ซีกฟรีตต้องการความรักไหมนะ? หรือมันเป็นแค่ความหลงและความใคร่เท่านั้น? ซีกฟรีตไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ เพลงนั่นก็จบลงเสียที เขาถอนหายใจ คงต้องใช้เวลาสักพัก

หลังจากทั้งสามออกมาจากร้านอาหารซิกมุนต์ก็บ่นเรื่องที่ไอติมของเขาหมดจากตู้เย็นแล้ว ซึ่งซีกฟรีตรู้ว่าเพื่อนคงกินมันหมดตั้งแต่เมื่อวานที่หลังจากกลับจากอิตาลี่ เพราะที่นั่นไม่มียี่ห้อโปรดของเขา ดังนั้นเฟรดดริชจึงขับมาที่ร้านขายของชำ และสองคนนั้นใช้เวลานานยิ่งกว่าคุณแม่ลูกสองที่บรรจงเลือกผักเสียอีก จนซีกฟรีตต้องขอตัวออกมาเก็บของส่วนของตัวเองก่อนเพราะมันก็เยอะพอดู ถ้าจะออกมาพร้อมกันคงวุ่นวายเป็นแน่

ปึง! เสียงปิดประตูรถ ซีกฟรีตวางถุงกระดาษมากมายที่ใส่อาหารจนตุงอยู่ที่เบาะหลัง แต่พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าที่อีกฝั่งของรถมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ทั้งคู่สบตากันพอดี ผมสีทองของคนแปลกหน้าทำให้ภาพของใครบางคนซ้อนขึ้นมาในหัว ชายหนุ่มมีร่างกายผอมเพรียว บอบบาง อ้อนแอ้น ตรงตามอย่างพิมพ์นิยมฉบับของซีกฟรีต เขาสวมสเว็ตเตอร์สีเทาและมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่บนหลังเหมือนพวกโบกรถเที่ยวไปเรื่อย เนื้อตัวมองแมมเล็กน้อย

“ขอโทษนะครับ คุณพอรู้จักที่พักถูก ๆ แถวนี้ไหม.. เอาแบบที่ไม่มีผีน่ะครับ แหะ ๆ ” เขาเกาหัว

อาจจะเร็วกว่าที่คิด