หนุ่มผมทองย่องลงมาข้างล่างอย่างระมัดระวัง เขาถูกทักทายด้วยโซฟาที่ประจำของซีกฟรีต ปิแอร์เดินผ่านชั้นเก็บแผ่นเสียงของอีกฝ่าย แน่นอนว่าข้า งๆ ย่อมมีเครื่องเล่นตั้งไว้ และบนนั้นก็มีแผ่นเสียงอยู่บนนั้นสองสามแผ่น ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาอย่างเบามือ บนปกไวนิลนั้นมีชื่อของวง Creedence Clearwater Revival อยู่ด้านขวา ส่วนด้านซ้ายนั้น นอกจากชื่อเพลง Hey Tonight มันก็เป็นชื่อที่ชายหนุ่มจะอดร้องตามไม่ได้

“Have you ever seen the rain? ”

...coming down on a sunny day...

มันเป็นเพลงที่ร้านอาหารเปิด ไฟสีส้มอ่อนๆ บนเพดาน แอร์เย็น ๆ และท้องฟ้ายามโพล้เพล้ทำเอาซีกฟรีตตาแทบปิด ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเขาหิว ป่านนี้ชายหนุ่มก็คงนอนอยู่บนเตียง ขดตัวกลมพลางกอดดมเสื้อผ้าสีเทาพวกนั้น

“ให้ตายสิฉันเกลียดเพลงนั่น” ซีกฟรีตงึมงำก่อนจะกอดอกและซุกหัวลงกับโต๊ะอาหารจนเมื่อกลิ่นเหม็นคาวและความมันของโต๊ะทำให้ชายหนุ่มขยะแขยงเขาจึงสะดุ้งเบา ๆ ก่อนจะกลับมานั่งตัวตรง ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มในเสื้อคอเต่าสีดำก็ยังคงกอดอกอยู่ ไม่ยอมสบตากับเพื่อนคนไหนที่นั่งตรงข้ามตนเลย เขาหันหน้าเข้าหาหน้าต่างของร้าน มองผู้คนข้างนอกเดินผ่านไปมาและท้องฟ้าที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ

ซิกมุนต์กำลังเลือกอาหารอย่างตั้งใจแถมใช้เมนูเล่มใหญ่ปิดหน้าซะด้วย นั่นทำให้เขาไม่ได้สนใจซีกฟรีตนัก ทว่าเพื่อนผมทองข้างๆ สังเกตได้ว่าซีกฟรีตกำลังหงุดหงิด ไม่มากก็น้อย “เฮ้พวก” เฟรดดริชวางเมนูในมือลง

 “มันก็แค่เพลงน่า” ชายหนุ่มส่ายหัวเบา ๆ

“ว่าแต่นายเลือกได้ยังว่าจะกินอะไร”

“ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ” ซีกฟรีตยักไหล่อย่างไม่สบอารมณ์นัก “เหมือนเดิมตลอด” เมื่อพูดจบเขาก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ เพราะเขารู้ รู้ว่าตัวเองไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิด เขายังคงยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ ตลอด นั่นมันอาจจะเป็นเรื่องดี หรือไม่ดีก็ได้

ปิแอร์วางแผ่นเสียงนั่นลง มองซ้ายมองขวา ยังไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะกลับมา เขาค่อย ๆ เดินไปที่ชั้นหนังสือใกล้ๆ ชายหนุ่มลงนั่งยอง ข้างล่างของชั้นเป็นตู้เก็บของ ขนาดใหญ่พอที่จะใส่กระเป๋าเดินทางได้ นั่นเป็นสิ่งที่ปิแอร์คิดเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มหวังจะเจอ ทว่ามันกลับเป็นเพียงกล่องกระดาษสองสามกล่อง มือสองข้างดึงใบหนึ่งออกมาเพื่อชะเง้อดู มันหนักพอตัว ไม่แปลกหรอกเพราะข้างในมีแต่สมุดปกหนาถูกวางอัดไว้เต็มไปหมด ขนาดประมาณครึ่งเอสี่เท่ากันทุกเล่ม กลิ่นกระดาษเก่าโชยมาเตะจมูก

ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่เสียเวลากับรายละเอียดยิบย่อยและกำลังจะลุกขึ้นไปหาของตัวเองต่อ เขาเลื่อนลิ้นชักล่างของโต๊ะออกมาเพื่อจะหาอัลบั้มที่มีคำว่าปิแอร์เขียนอยู่บนนั้น กระเป๋านั่นจำเป็นก็จริงแต่เจ้าของชื่อก็อดสงสัยไม่ได้ว่าข้างในนั้นจะมีอะไรบ้าง ปิแอร์กลืนน้ำลายและทำใจก่อนจะเปิดมันอย่างช้า ๆ ใจเต้นแรงไปหมด

รูปโพลาiอยด์เปลือยของเขาทักทายตัวเขาเอง มันไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่เขาควรจะเห็นในกระจกตอนแต่งตัวมากนัก เพียงแต่รอยช้ำเป็นจ้ำ ๆ นั้นคืออย่างเดียวที่อยู่ทั่วร่างของชายหนุ่มผมทอง มีข้อความเขียนไว้ข้าง ๆ บรรยายว่ามันสวยงามขนาดไหน ส่วนรูปที่อยู่ในหน้านั้นอีกรูปก็เป็นแผลที่หลังหัวของเขา เมื่อนึกถึงแล้วความรู้สึกเจ็บก็กลับมาในทันที ปิแอร์ลูบหลังหัวของตัวเองเบา ๆ

เขาเปิดไปเรื่อย ๆ มันก็เหมือนเดิม รูปของปิแอร์ที่ไม่ได้ใส่อะไร แผลและเลือด บางทีเขาก็สงสัยว่าตัวเองยังหายใจอยู่ได้ยังไง ซีกฟรีตทำอะไรได้บ้าง เขารักษาปิแอร์อย่างนั้นเหรอ นั่นเป็นสิ่งที่เขาเชื่อ เพราะรูปที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นทำให้ชายหนุ่มขนลุก มันเป็นโพลารอยด์ที่จัดฉากมาอย่างดี ทั้งมุมทั้งเวลาที่เหมาะสม

ซีกฟรีตอยู่บ้านนี้มานานพอจะรู้ว่าแสงที่ลอดผ่านผ้าม่านจะกระทบลงกับลำไส้โชกเลือดอย่างสวยงามขนาดไหน เขามั่นใจว่านั่นเป็นไส้ของเขาเองแน่นอน เพราะว่าร่างเจ้าของท้องโล่ง ๆ นั่นถูกจัดเป็นมุมเดียวกับรูปอื่นเป๊ะ ๆ แถมรูปในหน้าเดียวกันก็มีรูปที่ซีกฟรีตตั้งถ่ายหน้าตัวเองกับร่างไร้สติของปิแอร์ด้วย

“ฉันควรจะตายไปแล้ว..” ปิแอร์พึมพำกับตัวเอง เริ่มคลื่นไส้แต่ความสงสัยในใจก็สั่งให้ชายหนุ่มเปิดหน้าต่อไปไม่ว่ามันจะน่าขยะแขยงแค่ไหน แต่แล้วเขาก็ชะงักเมื่อเสียงร้องเหมียวดังขึ้น แมวทักซิโด้ตัวนั้นที่เขาเคยเห็นในฝัน มันจ้องเขาเขม็ง จ้องเหมือนว่าเขาทำอะไรผิด “อะไรเล่า? ” ปิแอร์ว่าแมวแปลกหน้าก่อนจะหันไปสนใจอัลบั้มต่อ ทว่าความกดดันนั้นแผ่ออกมาจากแมวตัวนั้นทั้งๆ ที่ปิแอร์ไม่ได้สบตากับมันก็ตาม บางทีมันอาจรู้จักกับซีกฟรีตก็ได้ ใครจะรู้

คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงเก็บอัลบั้มเข้าไปในลิ้นชักอย่างอึดอัดใจ ทว่าสายตาของเขากลับสะดุดกับชื่อบนอัลบั้มเล่มอื่น ไม่ ไม่ใช่เบลล่า เลโกซ่าหรือ ลีรอย ลาเบลล์ ทว่ามันเป็นชื่อสุดท้ายที่เขาหวังจะเจอ “เปรีน” ปิแอร์ยังพยายามหลอกตัวเองโดยการเปิดอัลบั้มสีมอเล่มนั้น แต่ทุกอย่างของผู้หญิงในรูปโพลารอยด์นั้นบ่งบอกว่านั่นคือเปรีน “จะบังเอิญเกินไปแล้วนะ” เขายังไม่เชื่อ เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่อยากยอมรับว่าพี่สาวคนเดียวจะมีจุดจบที่น่าเศร้าอย่างนี้ สีหน้าของชายหนุ่มซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

“พึมพำคนเดียวเสียงดังจังเลยนะ” เสียงของซีกฟรีตดังขึ้น ปิแอร์สะดุ้งตกใจและเงยหน้าขึ้น สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขาคือชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยืนกอดอกแทนที่ที่เจ้าเหมียวทักซิโด้ควรจะอยู่ “เห็นแล้วล่ะสิ” เขาถอนหายใจ

“แกฆ่าเธอ!” ปิแอร์ตะคอก

“เปล่าสักหน่อย” ซีกฟรีตตอบเสียงเบาๆ พลางหลบสายตา

“อย่ามาตอแหล ถ้าอย่างงั้นเธอจะไปไหนได้”

“เอ่อ ไม่รู้สิ ฆ่าตัวตายละมั้ง? ถ้าจำไม่ผิดก็คงกินน้ำยาล้างห้องน้ำหรืออะไรพวกนั้น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยพร้อมกับสายตาที่ยียวนและมันทำให้ปิแอร์ฉุนจนหน้ากลับมาแดงอีกครั้ง ชายหนุ่มผมสีทองทำท่าจะปิดอัลบั้ม “ลองเปิดไปหน้าท้าย ๆ สิ” ว่าแล้วซีกฟรีตก็ทำท่าทาง “หวังไว้สูงทีเดียวนะ เห็นว่าแต่งตัวซะดิบดี แต่ว่าดูสิขนาดจะตายยังเปลืองน้ำยาล้างห้องน้ำเลย และก็ดันไม่ตายอีก เธอก็เอาไอน้ำยาในขวดที่เหลือนั่นแหละผสมอะไรไม่รู้ ล็อกตัวเองไว้ในห้อง อย่าเอาเยี่ยงอย่างเชียว ฉันรู้ว่านายนับถือเธอแค่ไหน แต่ฉันขี้เกียจออกไปซื้อของ เข้าใจไหม” ว่าแล้วซีกฟรีตก็หัวเราะคิกคักเบา ๆ

“ตลกเหรอ?” ปิแอร์ถาม เขากำอัลบั้มแน่น

“ถ้าไม่ตลกฉันจะหัวเราะทำไม?” ซีกฟรีตถลึงตาใส่ก่อนจะพล่ามต่อ ยาวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำเสียงประชดประชันเบา ๆ “พี่น้องบ้านนี้เหมือนกันดีนะ ไม่มีอารมณ์ขัน ใจร้อน ดื้อ และก็...”

ผลัวะ! ซีกฟรีตพูดไม่ทันจบคำอัลบั้มเล่มหนาก็ฟาดหน้าเขาอย่างแรง “โดนทุบบ้างรู้สึกยังไงล่ะ!?” ปิแอร์ตะโกน เขาไม่ยั้งมือจนอีกฝ่ายลงไปนอนกับพื้น หน้าของซีกฟรีตยับเยินและเต็มไปด้วยเลือด “เป็นอะไรของนาย!?” ชายหนุ่มคว้ามือของปิแอร์ได้ และด้วยอะไรสักอย่างอีกที่ทำให้ชายหนุ่มฝรั่งเศสเจ็บไปทั่วร่าง เขาเกลียดที่สุด เขาจะชนะอยู่แล้วเชียว

ซีกฟรีตผลักร่างที่อ่อนแรงของอีกฝ่ายออกก่อนจะลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ชายหนุ่มถึงกับกรีดร้องโวยวายออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่าอัลบั้มที่ตัวเองทนรักษามาปีกว่ายับยู่ยี่และเปื้อนเลือดเต็มไปหมด มันพังแล้ว เละเทะและไม่มีทางแก้ให้เหมือนเดิมได้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะปิแอร์คนเดียว คนที่นอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้น เขามองเห็นไม่ชัดนักแต่ว่าในชั่วพริบตาที่ซีกฟรีตใช้มือเช็ดเลือดออกจากหน้า สภาพของมันก็กลับมางดงามเหมือนเดิม

ปิแอร์ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง น่าเศร้าที่ทั้งหมดไม่ใช่ความฝัน เขาหวังอยู่เสมอให้มันเป็นอย่างนั้น แต่นี่ก็เป็นอีกวันที่เขาตื่นขึ้นมาบนเตียงของซีกฟรีต ความหวังในชีวิตเริ่มหมดไปทุกที ทว่าวันนี้มันไม่เหมือนเดิม มีบางอย่างหายไป บางอย่างที่สำคัญมาก ๆ เขารู้สึกเบาหวิวที่ท่อนล่างอย่างน่าประหลาด เมื่อก้มลงมองจึงกระจ่าง เพราะตั้งแต่เข่าลงไปนั้นคือความว่างเปล่า แผลเนียนสนิท

“ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานแล้วล่ะ โทษตัวเองละกันนะ แต่ตอนนี้นายดูเหมือนกับเด็กผู้หญิงจากยุโรปตะวันออกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและโดนหมอแปลก ๆ จับตัวไปทำเป็นทาสกามขายให้พวกนายทุนแก่ๆ แต่พวกนั้นน่าเบื่อจะตาย ” ซีกฟรีตที่ปลายเตียงบ่นด้วยน้ำเสียงเบื่อโลกนิด ๆ เขาอยู่ในเสื้อคอเต่าสีดำตัวโปรด “พูดก็ไม่ได้ ไหนจะต้องป้อนข้าวป้อนน้ำอีก ไหนจะขับถ่ายหรือท้อง เสียดายฝีมือจริง ๆ มันไม่น่ากลัวหรอกนะอะไรพวกนั้น เพราะงี้ฉันถึงไม่ไปช้อปปิ้งแถวนั้นไง” เขายักไหล่ “มีแขนมีขา พูดได้ ดูแลตัวเองได้น่ะมันดีกว่ากับทั้งสองฝ่าย และเพราะอย่างนั้นฉันจะไม่แบกนายไปไหนมาไหนหรอกนะ หัดเดินสี่ขาซะ ไม่งั้นฉันไม่เก็บนายไว้แน่”ซีกฟรีตพล่ามอะไรตั้งเยอะแยะปิแอร์ไม่รู้ชนิดที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ว่าซีกฟรีตดูมีความสุขมากเลย ปิแอร์อยากมีความสุขอย่างเขาบ้าง “ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าฉันเลยสิ” ชายหนุ่มฝรั่งเศสพูดออกมาอย่าหมดอาลัยตายอยากและถอนหายใจ เขาเริ่มเหนื่อยที่จะหนีซะแล้วสิ ใครจะรู้ บางทีความตายอาจจะทำให้เขามีความสุขมากกว่าหายใจทิ้งไปวัน ๆ ในบ้านของซีกฟรีตก็ได้ 
บางทีเขาอาจจะตายไปแล้วและที่นี่ก็อาจจะเป็นนรก

“ฉันไม่ใช่ฆาตกรสักหน่อย!” ซีกฟรีตขมวดคิ้วและตะคอกกลับและกระโจนเข้าใส่ ก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากัน นัยย์ตาสีฟ้าซีดทั้งสองคู่ประสานกัน ปิแอร์เป็นฝ่ายเมินหน้าละสายตาไป เพราะเขาไม่อยากสร้างสรรค์สายสัมพันธํอะไรกับซีกฟรีตอีกแล้ว ไม่อีกแล้ว แต่ซีกฟรีตก็เขยิบตัวเข้ามากอด “นายมีฉันนะ ชีวิตนายไม่ไร้ค่าหรอก” เขาเกลียดที่ซีกฟรีตทำรุนแรงกับเขา แต่ก็เกลียดเวลาที่ซีกฟรีตทำดีด้วยเพราะปิแอร์รู้ เขารู้ แววตาและรอยยิ้ม สัมผัสเหล่านั้น มันคือของจริง เป็นไปได้ไหมที่ซีกฟรีตจะรักเขาจริง ๆ ? เป็นไปได้ไหมที่ปิแอร์จะเชื่ออย่างนั้น? แต่ที่แน่ ๆ ปิแอร์ไม่ได้รักซีกฟรีต

ซีกฟรีตหอมแก้มของปิแอร์เบา ๆ สัมผัสที่นุ่มนวลทำเขาเคลิ้ม ชายหนุ่มหลับตา แต่แล้วซีกฟรีตก็หายไป มีเพียงแมวทักซิโด้ตัวหนึ่งที่นอนขดเป็นก้อนกลมอยู่บนหน้าท้องของอีกฝ่าย มันส่งเสียงกรนเบาๆ เหมือนอย่างเวลาที่แมวมีความสุข ปิแอร์เกาคอมันเล่น ๆ และถอนหายใจมีหลายครั้งที่เขาเริ่มจะสงสารเจ้าแมวตัวนี้แต่เขาก็ให้อภัยในสิ่งที่มันทำไม่ได้ แม้ว่ามันจะทำตาออดอ้อนหรือคลอเคลียอย่างเชื่องแค่ไหนก็ตาม

เมื่อเจ้าแมวเห็นว่าอีกฝ่ายเหม่อก็ส่งเสียงร้องเรียกขึ้นมาเบา ๆ ก่อนจะใช้อุ้งตีนสะกิดแขนของปิแอร์ ชายหนุ่มกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง เขายกแขนขวาขึ้นผ่านหัวแมวบนตัก มันเห็นปิแอร์จับชีพจรดูก่อนที่เขาจะหันกลับมามองซีกฟรีตพลางขมวดคิ้ว “เหมียว? ” แมวนั่นร้องถามอย่างงุนงง แต่แล้วผ้าห่มที่กองอยู่ข้างตัวของปิแอร์ก็ถูกคว้ามาคลุมแมวทักซิโด้ตัวนั้นและกดมันเอาไว้ไม่ให้ไปไหน

มันทั้งมืดและอึดอัด เจ้าเหมียวนั่นรู้ว่าถ้าเป็นคนมันจะยิ่งคับเพราะอย่างนี้เขาถึงทำอะไรไม่ได้นอกจากดิ้นและส่งเสียงร้อง

ปิแอร์ใช้แขนทั้งสองข้างกดผ้าห่มเอาไว้ อุดหน้าของมันไม่ให้หายใจออก ความเจ็บปวดก็เริ่มอ่อนลง ใช่แล้วปิแอร์เจ็บ เจ็บมากด้วย เขารู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบที่แขนแต่ว่าถ้าเขาหยุดตอนนี้ นอกจากขาท่อนล่างลงจากเข่าไปก็อาจจะเสียแขนสองข้างไปด้วยก็ได้ ชายหนุ่มหลับตาปี๋ แขนสองข้างสั่นพยายามสู้กับความเจ็บปวดซึ่งค่อย ๆ ทุเลาลงพร้อม ๆ กับแมวที่เลิกดิ้น เขาหวังว่าในร่างแมวนี้มันจะไม่ฟื้นขึ้นมา

ชายหนุ่มนั่งอยู่คนเดียวหน้าบ้านที่ไม่มีเจ้าของกับแมวที่ไร้ลมหายใจ เขาหายเจ็บแผลแล้ว นั่นคงเป็นฝีมือของปีศาจอีกนั่นแหละ เขาขับรถไม่ได้ แต่อย่างน้อยถ้าออกมานั่งข้างนอกคงมีใครขับรถผ่านมาเห็นบ้าง หรือไม่ก็ช่วยปลดปล่อยเขาได้ คิดดังนั้นปิแอร์จึงโยนร่างไร้วิญญาณไปที่กลางถนน

ปิแอร์ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีก เขารีบทุลักทุเลหาโทรศัพท์ที่เขาเคยเห็นซีกฟรีตใช้เพื่อจะโทรเรียกตำรวจ กู้ภัยหรืออะไรก็ช่างที่พาเขาออกจากที่นี่ได้ แต่จู่ ๆ เขาก็ชะงักกับความคิดที่ผุดขึ้นมา เปรีนก็ตายไปแล้ว พ่อแม่นั่นก็ยิ่งนานใหญ่ เพื่อนพ้องไม่เคยมีจริง เพื่อนบ้านที่ไม่เคยแม้แต่จะมองหน้า ชีวิตเขาเหลืออะไรบ้างล่ะ?

ชีวิตของเขาเหลืออะไรบ้าง?

คนที่ดูเหมือนจะเป็นห่วงเขามากที่สุดก็คือคนที่ปิแอร์เพิ่งโยนผีลงกลางถนน หวังให้รถชน เขาชนะแล้ว แต่ต่อไปล่ะ? มีอะไร? ไม่จำเป็นต้องตาบอดเขาก็มองไม่เห็นทาง นัยย์ตาสีฟ้าซีดมองไม่เห็นแม้แต่แสงที่ริบหรี่ที่สุด ทุกอย่างมันเป็นสีดำ อนาคตของเขามันจบสิ้นตั้งแต่วันที่เขาเจอซีกฟรีตแล้ว ไม่สิ ตั้งแต่วันที่เปรีนเจอซีกฟรีตต่างหาก ใครว่าเที่ยวที่ประจำจะปลอดภัย มันเล็งเธอมานานแค่ไหนก็ไม่รู้ เดาว่าศพของเพื่อนเธอที่บอกว่าเที่ยวหลาย ๆ คนก็ยิ่งอุ่นใจก็คงถูกกองอยู่ในหลุมเดียวกันนี่แหละ เขารู้ว่าซีกฟรีตเป็นคนไม่รอบคอบ

ทุก ๆ ครั้งปิแอร์จะหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึก ๆ และคิดหาเรื่องดี ๆ มาปลอบใจตัวเอง เขาทำอย่างนั้นและคราวนี้เมื่อลืมตาขึ้นมาเขาก็พบกับทางออกจริง ๆ