7 ตอน บทที่ 6 ทำความสะอาด
โดย monodice
ถึงท่านพ่อที่เคารพ
ช่วงแรกมีปัญหานิดหน่อย แต่ลูกได้งานทำตามที่หวังแล้วค่ะ เด็กๆ น่ารักมากเลย พวกเขาทั้งสี่คนเป็นเด็กดีมากค่ะ ถ้าท่านพ่อได้พบพวกเขา ท่านพ่อจะต้องเอ็นดูแน่นอน (เหมือนพวกลูกตอนเด็กยังไงล่ะคะ) พูดแล้วก็คิดถึงทุกคนจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าโคลล์กับพี่คลาร่าเป็นยังไงแล้วบ้าง ตั้งแต่ออกจากบ้านมา เพราะยังไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ลูกเลยไม่ได้รับจดหมายจากใครเลย คิดถึงทุกคนจังค่ะ
ตอนนี้ลูกย้ายมาพักที่คฤหาสน์ซันฮิลล์ ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของที่นี่ ลูกจะเขียนแนบที่อยู่ไว้นะคะ ถ้าท่านพ่อจะตอบกลับสามารถส่งมาตามที่อยู่นี้ได้เลย
จะตั้งใจและพยายามค่ะ
แคลร์ เฮเซล
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เด็กสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน เอลลี่ได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นนั่ง มือเล็กขยี้ตาตัวเองเบาๆ แบบงัวเงีย จากนั้นก็ตามพี่เลี้ยงไปเคาะปลุกฟินน์และแม็กกี้ตามลำดับ
“เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนนะคะ”
เด็กชายกับเด็กหญิงน้องเล็กล้างหน้าล้างตาก็รับผ้าสะอาดจากพี่เลี้ยง ซึ่งเอลลี่เห็นตุ๊กตาของเธอลอยขึ้นจากพื้นก็ยิ้มแย้มสดใส
“ฟิโลๆ”
“เอลลี่ ฟินน์ อรุณสวัสดิ์”
เจ้าตัวถือตุ๊กตาไว้ในมือและลอยค้างอยู่กลางอากาศ ในมุมมองของเอลลี่มีเพียงตุ๊กตาที่โบกมือขยับตัวหมุนไปมา
“ปลุกแม็กกี้แล้วเหรอครับ?”
“ค่ะ แต่แม็กกี้ยังไม่ตื่น เดี๋ยวพี่ไปปลุกอีกทีนะคะ ฟิโลพาพวกเอลลี่ลงไปที่ห้องอาหารก่อนก็ได้ค่ะ”
เขาผงกศีรษะ พอบอกฟินน์ น้องชายก็ช่วยจูงมือน้องสาวเดินไปด้วยกันลงบันได
มาถึงห้องอาหารก็นั่งรอที่เก้าอี้ ฟิโลเตรียมมื้อเช้าไว้พร้อมแล้วตามตำแหน่งเป็นชุดๆ ทว่าผ่านไปเกือบสิบนาทีอีกสองคนก็ยังไม่ลงมา กลิ่นอาหารกับการต้องรอนานทำท้องของฟินน์ร้องดังโครก ฟิโลเลยให้ทั้งคู่ทานไปก่อนแล้วจึงเดินออกผ่านกำแพง บินขึ้นไปตรงระเบียงนั่งขัดสมาธิ
“แม็กกี้ไม่ออกมาเหรอครับ?”
“เอ่อ ค่ะ”
แคลร์ไม่รู้จะพูดยังไง เธอได้ยินเสียงกุกกักเปิดหน้าต่าง เสียงตุบจากการทิ้งน้ำหนักตัวลงพื้นห้อง บางสิ่งบอกเธอว่าแม็กกี้แอบออกไปตอนช่วงเช้าก่อนฟ้าสว่างและเพิ่งกลับเข้ามา
พอเปิดประตูออกมา เด็กหญิงก็ใช้หางตามองพี่เลี้ยง ครู่หนึ่งก็หันเมินเดินผ่านลงบันได
เด็กสาวกังวลว่าแม็กไปมือเบาขโมยเงินตามร้านค้าในเมืองอีกหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากจะทำท่าทีไม่ไว้วางใจให้แม็กกี้รู้สึกไม่ดี เกิดเธอไม่ได้ทำแบบนั้นอีกแล้วอาจจะเสียใจได้
“ไปทานอาหารเช้าเถอะครับ”
“ฟิโลคะ ช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหม?”
“ครับ?”
หลังนั่งพักย่อยอาหารกันเรียบร้อย แคลร์ก็พยายามคะยั้นคะยอไปพาแม็กกี้มาร่วมวง หรือต้องบอกว่าเพราะฟิโลทำให้เด็กหญิงลอยแล้วพุ่งตัวออกจากห้องไปพร้อมเขาน่าจะถูกกว่า
“เรามาช่วยกันทำความสะอาดเถอะค่ะ”
เด็กๆ สามคนของคฤหาสน์ต่างยืนหน้ากระดานที่โถงทางเดิน แม็กระแวงว่าพี่เลี้ยงจะทำอะไร ฟินน์พยักหน้าหงึกหงักเพราะอยากช่วย สำหรับเอลลี่ เธอคิดว่าจะได้เล่นด้วยกันกับพี่ๆ จึงตื่นเต้น
“แน่นอนว่ามีของรางวัลด้วยนะคะ ถ้าช่วยงานหนึ่งอย่างจะได้ดาวหนึ่งดวง ครบเจ็ดดวงจะได้รางวัลค่ะ”
เธอเอ่ยเพิ่มกำลังใจพร้อมมอบกระดาษแข็งพับที่วาดตารางสำหรับสะสมดาวให้ทั้งสี่คน
“ผมด้วยเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ” แคลร์ผงกศีรษะยืนยันให้ฟิโลรับไว้ด้วย “วันนี้เราจะทำแค่ตรงโถงทางเดินเส้นนี้นะคะ”
เริ่มต้นก็แบ่งกลุ่มช่วยกันม้วนพรมเป็นขดไว้ จากนั้นไม้ปัดฝุ่นก็ทะยานบินขึ้นไปจัดการเพดานด้วยฝีมือฟิโล ถังน้ำกับผ้าถูพากันเคลื่อนตัวมาตั้งตรงพื้นใกล้ๆ ระหว่างนั้นแคลร์ก็ให้เอลลี่กับฟินน์พับกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ เป็นรูปร่างต่างๆ ส่งให้เธอเช็ดกระจกหน้าต่าง
“แม็กกี้เก่งมากเลยค่ะ”
พี่เลี้ยงกล่าวชม เมื่อเห็นเด็กหญิงคนโตใช้ไม้กวาดเก็บฝุ่นตามพื้น มีที่โกยที่ฟิโลคอยถือเดินตาม
“ชมอะไรแบบนั้น ไม่ใช่เด็กๆ สักหน่อย”
เธองับฟันตัวเองบ่นอุบอิบ ดวงตามองไม้กวาดอีกอันที่วิ่งไปวิ่งมารอบตัว
“กวาดดีๆ สิฟิโล”
“ฮ่ะๆ ขอโทษที” เขายิ้มตอบน้องสาวถึงจะรู้ว่าเธอไม่เห็น “ผมกำลังอารมณ์ดีน่ะ”
กระทั่งฟินน์กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาทั้งสองคน เขาส่งแผ่นกระดาษหนังสือพิมพ์ที่มีหน้าคนยิ้มยื่นให้ ทางฟิโลทุบกำปั้นกับฝ่ามือแบบเข้าใจ เขารับมาชูขึ้นให้แม็กกี้ดู ทว่าใบหน้ายิ้มแป้นแล้นของคนในข่าวมันกวนประสาทมากกว่าจะดูดี
“นี่กำลังหาเรื่องอยู่ใช่ไหม?”
“แย่ล่ะ ฟินน์”
เห็นคู่สนทนาเดือด เขาก็ขอตัวช่วยอันใหม่ น้องจึงรีบรื้อดูจากมัดหนังสือพิมพ์ส่งให้ ซึ่งอันนี้เป็นภาพตัวตลกแลบลิ้น แม้แต่ฟิโลยังกะพริบตาปริบๆ ว่าตกลงน้องชายจะแกล้งพี่สาวหรือเปล่า
“!”
ไม้กวาดในมือแม็กกี้วาดมาทางนี้ทันใด มันทะลุผ่านตัวไปเลยก็จริง แต่ตัวคนโดนก็ใจหายใจคว่ำ
“ตกใจหมด เดี๋ยวๆ แม็กกี้!”
“ตั้งใจล้อเลียนใช่ไหม หยุดเลยนะ!”
“เอลลี่เล่นด้วย ไล่จับๆ”
ฝั่งนั้นดูครึกครื้นแปลกๆ วิ่งหนีไปทางนั้นทีทางนี้ที แคลร์เห็นฟิโลจงใจถือไม้กวาดติดตัวไว้ตลอด เหมือนจะให้คนไล่ตามรู้ว่าเขาอยู่ไหน น้องเล็กเห็นก็วิ่งตามหลังแม็กกี้เป็นขบวน พวกเขาดูสนุกกันดีเธอก็หลุดยิ้มนิดๆ
“?”
เด็กสาวเห็นข่าวบางอย่างของหนังสือพิมพ์ในมือ เธอลองคลี่อ่านดูก็เป็นข่าวฆาตกรต่อเนื่องเมื่อสี่ปีก่อน เด็กในครัมป์ตันที่หายตัวไปปรากฏเป็นร่างไร้ลมหายใจ แคลร์อ่านเท่านั้นก็ใช้เช็ดกระจกต่อ
พอกวาดเสร็จแล้วก็มอบผ้าเช็ดพื้นคนละผืน ฟินน์กับเอลลี่เล่นกันโดยทำเสียงฟิ้วๆ ถีบเท้าถูผ้าไปตามแผ่นไม้ ทางด้านเด็กโตก็หันมองแคลร์ที่เสนอ
“เราสามคนมาแข่งกันไหมคะ?”
“แข่ง?”
“เริ่มจากตรงนี้ไปถึงสุดทางแล้ววกกลับมาอีกครั้ง ใครถึงก่อนชนะค่ะ”
แม็กกี้กรอกตาไม่อยากเล่นเป็นเด็ก ซึ่งฟิโลเอาหนังสือพิมพ์หน้าตัวตลกแลบลิ้นมาส่ายไปส่ายมาอีกรอบตรงหน้า เธอเลยตอบรับคำท้า
เอลลี่กับฟินน์ทำหน้าที่เป็นกรรมการ ถือหนังสือพิมพ์คนละฉบับโบกให้สัญญาณตรงเส้นชัย
“หนึ่ง สอง สาม!”
สิ้นเสียงก็ออกวิ่งกันทันที แคลร์รู้สึกได้ว่าแม็กกี้ดูจริงจังสุดๆ ฟิโลเองก็เร็วมากจนผู้หญิงอายุสิบหกอย่างเธอตามพวกเขาไม่ทัน ทางนั้นดูสูสีกันมากแต่ฝ่ายหญิงชนะไป
“แม็กชนะ!”
“พี่แม็กกี้เก่งที่สุดเลย”
สองน้องเล็กปรบมือแปะๆ เพราะลืมตัวแม็กเลยยิ้มแฉ่งชูมือให้แตะคนละข้าง
“ไหวไหมครับ?”
“ค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแก่เลยขอนั่งสักเดี๋ยวค่ะ”
“ฮ่ะๆ ครับ”
ฟิโลนั่งลงถามเด็กสาวที่นั่งแหมะกับพื้น แคลร์พยักหน้ามองเด็กสามคนที่ดูสนิทกัน เห็นแล้วเธอก็นึกถึงพี่สาวกับน้องชายของตัวเอง
แสงแดดอุ่นๆ ที่ส่องเข้ามาตรงหน้าต่างทำให้รู้สึกถึงกลิ่นไอยามฤดูร้อน พี่เลี้ยงลุกเดินไปที่ครัว สักพักก็กลับมาพร้อมผลไม้เย็นๆ ที่ปอกหั่นเรียบร้อยให้ทานกัน สภาพชิ้นมีติดเปลือกแหว่งๆ แต่เด็กๆ ก็ไม่ได้ติงอะไร แม้แต่แม็กกี้ก็แค่ย่นคิ้วเล็กน้อย จากนั้นแคลร์ถึงไปเตรียมอาหารกลางวันกับฟิโล
“ดูสะดวกดีนะคะ”
เธอมองพวกเครื่องครัวที่ร่อนผ่าน รวมถึงชิ้นที่อยู่ตรงมือฟิโลแบบพอดิบพอดี เขานำเสนออย่างภาคภูมิใจ
“ครับ ถ้าจะหลอกตาก็ทำเหมือนมันอยู่บนมือแบบนี้”
“รวมถึงนั่นในห้องด้วยสินะคะ”
“ใช่แล้วครับ”
แคลร์พูดถึงเจ้าก้อนหมอนข้างยัดนุ่นโทรมๆ ที่สวมชุดสูท เจ้าตัวเอาไปวางบนเก้าอี้ให้นั่งในมุมมืดตบตาโดยเฉพาะ ที่เต็มที่สุดๆ คือการที่ฟิโลอุตส่าห์ทำเสียงให้ดูทุ้ม ฟังดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเสียงบางใสตอนนี้
วันนี้เขาดูมีความสุขร่าเริงสุดๆ เพราะได้ใช้เวลากับพวกแม็กกี้ อารมณ์ดีมากเสียจนอาหารกลางวันวันนี้ดูอลังการเกินไป เธอตะลึงกับเมนูวันนี้ที่ตัวเองเป็นลูกมือมาก มีทบอลซอสมะเขือเทศ สลัดผักที่ทุกอย่างแกะสลักแล้วจัดเรียงเป็นดอกไม้ และมันฝรั่งบดอีกหนึ่งถ้วย แต่ละคนตาวาวกลืนน้ำลาย พอมานั่งพร้อมหน้าพร้อมตาก็ลงมือกินทันที
หลังอาหารพี่เลี้ยงก็วาดรูปดาวให้คนละดวงเป็นคะแนนของวันนี้ เธอแบ่งเงินค่าจ้างส่วนหนึ่งไว้ต่างหากสำหรับใช้ลงทุนของรางวัล โดยวิธีนี้นอกจากจะฝึกให้เด็กๆ ได้ลองทำความสะอาด ฝึกความรับผิดชอบ ยังทำให้ได้ทำกิจกรรมร่วมกันด้วย
ช่วงบ่ายสายวันเดียวกัน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกที่ห้องของแม็กกี้ เด็กหญิงได้ยินก็ทำหน้าเหนื่อยหน่ายกลิ้งพลิกไปมาบนเตียง
“แม็ก”
เสียงพวกฟินน์ดังผ่านมาให้พอได้ยิน เธอเลยค่อยๆ ลุกไปเปิดประตู
“มีอะไร-”
“ไปอาบน้ำกันค่ะ”
เปิดมาเจอแคลร์ก็หยุดชะงัก กำลังจะปิดประตูใหม่ บานประตูก็นิ่งค้างดันสุดแรงไม่ขยับ แม็กได้แต่ถลึงตาใส่อากาศ
“วันนี้ทำความสะอาดมีทั้งฝุ่นทั้งเหงื่อ อาบน้ำให้สดชื่นจะดีกว่านะคะ”
“ไปกันนะ พี่แม็กกี้”
เจอสายตาอ้อนวอนจากฟินน์ เอลลี่ ประกอบกับรู้สึกไม่สบายตัวอยู่แล้ว พี่สาวคนโตที่จะต่อต้านเลยยอมตกลง
“ฟินน์อยู่กับฟิโลก่อนนะคะ”
แคลร์พาเอลลี่กับแม็กกี้เข้าไปในห้องน้ำด้วย พี่เลี้ยงเตรียมน้ำอุ่นใส่อ่างไว้ให้พร้อมแล้ว ระหว่างทั้งสองอาบน้ำ เธอก็สระผมให้เอลลี่ หลังพาน้องเล็กแช่ตัวแล้วก็มาหาแม็ก
“นี่ ไม่ต้องเลย”
“ทำไมล่ะคะ พี่สระผมให้นะ”
คนอายุมากกว่าหยิบเก้าอี้มานั่งด้านหลัง ลงมือจัดการเส้นผมสีน้ำตาลแดงยาวหยักศกนิดๆ ของแม็ก
“เส้นผมแม็กกี้สวยมากเลยนะคะ”
“..ไม่ต้องแกล้งชมก็ได้”
“ไม่นะคะ สีแดงแบบนี้ สวยมากเลยค่ะ”
เธอชมจากใจขณะสระผมให้ พลางบอกให้หลับตาตอนเทน้ำล้างฟองออก สัมผัสจากน้ำอุ่นกับบรรยากาศผ่อนคลายทำให้แม็กกี้ตัดสินใจถามดู
“ทำไมคุณไม่หนีไปล่ะ? ไม่กลัว? หรือว่าเพราะเงิน?”
“พี่ไม่ปฏิเสธหรอกนะคะ ว่าเรื่องเงินก็มีส่วน”
“ใช่ไหมล่ะ”
“แต่อีกส่วนก็เพราะพี่ชอบงานนี้นะคะ” ริมฝีปากที่ปกติเป็นเส้นตรงคลี่ยิ้ม “คงเพราะเห็นพวกแม็กกี้แล้วทำให้คิดถึงพี่สาวกับน้องชายของพี่”
“มีพี่น้องด้วยเหรอ?”
“ใช่ค่ะ พี่เป็นคนกลางล่ะ ส่วนแม็กกี้ก็มีทั้งพี่ชาย น้องชายกับน้องสาวเลย”
คนฟังพยักหน้า ชอบคำพูดที่ว่าพวกเธอเหมือนครอบครัวมากกว่าจะถูกทักเรื่องที่ดูไม่เหมือนกัน เธอคิดว่าพี่เลี้ยงก็น่าจะสังเกตได้ แต่ก็ไม่พูดแบบนั้นออกมา
“พี่แม็กๆ ดูฟองสิ”
จากตรงนี้แม็กก็ลงไปแช่น้ำกับเอลลี่ น้องสาวกำลังสนุกกับการเล่นน้ำก็เรียก สีหน้ายิ้มแย้มของเอลลี่มีผลให้พี่สาวยิ้มไปด้วย
“ฟิโลน่ะ เป็นวิญญาณอยู่ที่คฤหาสน์นี้มาก่อน ส่วนพวกหนูสามคนหลบลมหนาวผ่านมา แล้วเขาก็ให้พวกหนูเข้ามาที่นี่”
เธอนั่งชันเข่ากอดขาตัวเอง นึกถึงสมัยก่อนก็บีบมือกำไว้ ต้นฤดูหนาวเมื่ออาทิตย์ลับฟ้า ทุกอย่างตกอยู่ในความมืด อากาศยามค่ำคืนรอบข้างก็หนาวจับขั้วหัวใจ เธอยังจำภาพวันนั้นได้แม่น สำหรับเด็กเล็กสามคนมันเป็นความจริงอันแสนเลวร้ายส่วนหนึ่งที่ฝังลึกในความทรงจำ
“มาตอนนี้ เขาก็เหมือนจะอยากให้พวกหนูไป”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ”
แคลร์วักน้ำล้างตัวให้เอลลี่พลางอธิบายให้ฟัง นั่นเพราะนอกจากฟินน์ก็ไม่มีใครเห็นสีหน้าเด็กชายผู้ที่สิงอยู่ที่นี่
“เขาดูเป็นห่วงพวกแม็กกี้ตลอดเลยนะคะ พอวันนี้ได้อยู่ด้วยกัน ได้เล่นด้วยกันก็ดีใจมาก ปกติยิ้มเก่งอยู่แล้วก็ยิ่งยิ้มสดใสเลยล่ะค่ะ”
“อืม คุณเห็นเขานี่นะ”
“อย่าโกรธเลยนะคะ เวลาพี่ทะเลาะกับพี่สาว พี่ก็รู้สึกเหงามากๆ พอคืนดีกันเรียบร้อย พี่ก็รู้สึกว่าไม่น่าจะโกรธกันเสียตั้งนาน เอาเวลามาเล่นกัน พูดคุยกัน สนุกกว่าตั้งเยอะ”
แม็กกี้รู้สึกโมโหฟิโลตลอดตั้งแต่รู้ว่าเขารับคนนอกเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ทว่าวันนี้ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแบบเมื่อก่อนก็ใจอ่อนลงจริงๆ
“เอลลี่ชอบเล่น” น้องคนเล็กกะพริบตา “พี่แม็กกี้โกรธใครเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอกเอลลี่”
คนเป็นพี่ตอบ ปล่อยให้น้องม้วนผมสีน้ำตาลแดงยาวๆ ของตนเป็นก้อนกลมๆ ทางแคลร์ก็คอยแตะนิ้ววัดอุณหภูมิเติมน้ำอุ่นจากกาลงมาเพิ่มให้
“เรามาเรียนตัวอักษรกันไหมคะ ถ้าแม็กกี้อ่านหนังสือออก จะได้คุยกับฟิโลได้ไงคะ”
“คุณนี่ กล่อมไปเข้าเรื่องงานได้เฉยเลยนะ”
ฟังจบเด็กหญิงก็หันมาหรี่ตา แต่การเกลี้ยกล่อมคราวนี้ค่อนข้างได้ผลจริง แม็กกี้มีทีท่าลังเลปรากฏ อย่างไรก็ตามเพราะยังงอนฟิโลอยู่จึงปฏิเสธไม่อยากยอมเรียนด้วยเหตุผลนี้