7

 

"เฮ้อ.."

คุณหนูใหญ่ถอนหายใจออกมาดังๆ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี

"คุณหนู.."

หวานเอ๋อร์ทั้งเป็นห่วงและเป็นกังวลกับอาการของนางในตอนนี้

"หวานเอ๋อร์ ข้าควรทำเช่นไรดีถึงจะหยุดงานสมรสนี้ได้"

คุณหนูใหญ่ถอนหายใจคิดไม่ตกว่าจะแก้ปัญหาตรงหน้านี้อย่างไร

"คุณหนู.. ข้าโง่เขลานัก ข้าเห็นว่างานสมรสที่ฮ่องเต้พระราชทานให้นี้เกี่ยวพันกับสองสกุล ข้าเองก็ไม่ทราบว่าจะช่วยท่านได้อย่างไรเจ้าค่ะ"

สองคนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน หวานเอ๋อร์เองก็รู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยอันใดคุณหนูของตนเองได้

"ใช่แล้ว หวานเอ๋อร์ ขอบใจเจ้ามาก ข้าคิดออกแล้ว ..เรื่องนี้ข้าต้องไปคุยกับเจ้าตัวถึงจะได้ผล ฮ่าๆ เตรียมชุดให้ข้าที ข้าจะไปพบท่านรองแม่ทัพ"

'ใช่แล้ว ในเมื่อพูดกับผู้ใดไม่ได้ ไม่สู้ไปพูดกับว่าที่เจ้าบ่าวไม่ง่ายกว่าหรอกหรือ นิสัยอย่างเขาไม่มีทางที่จะเห็นดีกับงานสมรสนี้ด้วยเป็นแน่'



 

โรงน้ำชาเทียนเฉา

"หวานเอ๋อร์ เจ้ามั่นใจหรือว่าไป่หนิงหลงจะมาที่นี่ ไป่หนิงหลงผู้นั้นนะ"

คุณหนูใหญ่เริ่มไม่มั่นใจว่าไป่หนิงหลงที่นางต้องการพบ กับไป่หนิงหลงที่หวานเอ๋อร์ไปสืบข่าวมาจะเป็นผู้เดียวกันหรือไม่

"แน่ใจเจ้าค่ะ ข้าทำตามที่คุณหนูสั่ง สอบถามกับคนงานในจวนมาแล้วเป็นเช่นนี้จริงๆ เห็นว่าท่านรองแม่ทัพสั่งให้คนเตรียมรถม้าเอาไว้มาส่งที่โรงน้ำชาเทียนเฉา น่าจะมีนัดสำคัญไม่เช่นนั้นคงไม่สั่งห้ามไม่ให้ผู้ติดตามตามมาด้วย"

"นัดสำคัญที่โรงน้ำชาอย่างนั้นหรือ?"

คุณหนูใหญ่ขมวดคิ้วสงสัย แต่นางกับสาวรับใช้ก็ยังคงเสี่ยงมา ทั้งยังเลือกนั่งโต๊ะติดประตูทางเข้าเพื่อที่จะได้เห็นผู้คนเข้าออกได้อย่างถนัดถี่ถ้วน แต่นี่นางก็นั่งตรงนี้มานานเกือบจะหนึ่งก้านธูปแล้ว แต่กลับไร้วี่แววบุรุษผู้นั้น

"หรือว่าท่านรองแม่ทัพจะเข้าทางประตูหลังเจ้าคะ"

"จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ประตูหลังเขาเอาไว้ใช้แค่ภายใน ไม่ถูก!.."

'หวานเอ๋อร์พูดถูก ถ้าหากว่าเป็นนัดสำคัญที่ไม่อยากให้ผู้ใดพบเห็นเล่า'

"หวานเอ๋อร์เร็วเข้า!"

คุณหนูใหญ่พรวดพราดลุกขึ้นยืนวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองของโรงน้ำชา นางพยายามสอดส่องตามห้องที่ปิดอย่างมิดชิด แต่กลับถูกคนงานในร้านกักตัวเอาไว้ก่อน เพราะเกรงว่าสาวงามทั้งสองจะสร้างความเดือดร้อนแก่แขกท่านอื่นได้

"ถอยไป ข้ามาพบคน"

"ท่านต้องการพบผู้ใด เชิญแจ้งแก่ข้าเถิดข้าจะได้นำทางให้"

"เดี๋ยวข้าหาเขาเอง"

คุณหนูใหญ่เดินหลบคนงานผู้นั้น พยายามเปิดประตูห้องอื่นเพื่อหาท่านรองแม่ทัพด้วยตัวเอง

"ขออภัย แม่นางทำเช่นนั้นไม่ได้ หากท่านสร้างความเดือดร้อนให้ลูกค้าท่านอื่น ข้าน้อยเกรงว่าจะไม่สามารถชดใช้แทนได้"

"เอ้ เจ้านี่ยังไง หากต้องชดใช้ข้าจะรับผิดชอบเอง หวานเอ๋อร์!"

คุณหนูใหญ่เรียกสาวรับใช้ก่อนจะยื่นถุงเงินให้แก่นางจ่ายเป็นค่าปิดปากแก่คนงานผู้นั้น แต่เขาก็ยังดื้อไม่ยอมไปไหน

'ไม่ปล่อยจริงๆ สินะ'

"หลบไป ข้าแค่มาตามสามี ได้ยินมาว่าลักลอบนัดพบชู้ที่นี่ เจ้าคงไม่อยากให้มีข่าวลือหนาหูออกไปหรอกนะว่าร้านน้ำชาเทียนเฉาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่นัดพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันของพวกบัณฑิต เปรียบดังหอชมจันทร์ โครมเขียว! ปล่อยให้ชายชั่วหญิงชู้ลักลอบมาพบกัน"

"พูดเยี่ยงนั้นได้อย่างไร ข้าว่าเจ้าต่างหากที่มาก่อกวน เจ้ามาจากร้านคู่แข่งใช่หรือไม่!! เด็กๆ"

'อันใดนะ! คิดได้ยังไง แล้วอีตารองแม่ทัพนี่อยู่ไหนกันแน่!!'

ความชุลมุนเกิดขึ้นทันที เมื่อคุณหนูใหญ่สั่งให้สาวรับใช้คนสนิทวิ่งหนีการถูกจับกุม คุณหนูใหญ่วิ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องห้องหนึ่งที่อยู่ข้างในสุดทางเดิน ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเจอบุคคลที่ควรพบ

"เจอท่านแล้ว"

แต่ใบหน้าและเครื่องแต่งกายของบุรุษอีกผู้ทำให้นางต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แม้จะแค่เพียงแวบเดียวที่เห็นเสี้ยวหน้านั้นก่อนที่เขาจะกระโดดหน้าต่างหลบไป นางก็พอจะจำได้ว่าเขาเป็นผู้ใด

'รัชทายาท'

"ขออภัย แฮกๆ.. ข้าพยายามกันแม่นางผู้นี้ไว้แล้ว แต่.."

เสียงคนงานเอ่ยขอโทษท่านรองแม่ทัพที่สร้างความวุ่นวายให้แก่เขา แต่ก่อนจะได้พูดอันใดต่อ ท่านรองแม่ทัพก็โบกมือไล่คนงานนั้นออกไปเสียก่อน

“ท่านมาพบข้าอย่างนั้นหรือ?"

"ข้ามีธุระสำคัญกับท่าน"

"แต่ข้าไม่มี.."

ท่านรองแม่ทัพลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเลี่ยงคุณหนูใหญ่ออกจากร้านไป

'เจ้านี่!'

คุณหนูใหญ่จึปากในลำคอ ก่อนจะทำได้แค่เดินตามเข้าไปเงียบๆ

'กลัวก็กลัวอยู่หรอก แต่เรื่องสำคัญก็ควรพูด'

หรงลี่จูเดินตามไป่หนิงหลงไปทั่วทั้งตลาด สังเกตท่าทางเขาอยู่ตลอด นึกพอใจในท่าทีสง่าผ่าเผยของเขา ดูๆ แล้วเขาก็ไม่ได้มีท่าทีโหดเหี้ยมอย่างที่ได้ยินมาแต่อย่างไร ยังมีแก่ใจห่วงปากท้องของเด็กยากไร้ข้างทางอยู่บ้าง ดูได้จากเงินที่เขามอบให้ และตลอดทางที่เขาเดินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้ในตลาด นางสังเกตได้ว่าบุรุษผู้นี้ยังมีแก่ใจห่วงสุขภาพนางบ้าง อย่างน้อยๆ ก็เดินช้าลงให้นางเดินตามได้ทัน ก่อนจะแวะรับประทานอาหารที่ภัตตาคารอาหารหมานเหลาที่ขึ้นชื่อความอร่อยที่สุดในเมืองหลวง

'หิวจัง~ แต่ข้าไม่มีเงินติดตัวเลยสักอีแปะ'

คุณหนูใหญ่นึกไปถึงถุงเงินของตัวเองที่อยู่กับสาวรับใช้ แต่เพราะความชุลมุนเมื่อครู่ทำให้สองคนคลาดกันแล้ว นางนั่งมองอาหารตรงหน้าตาปริบๆ ก่อนจะหน้าบึ้งเท้าคางมองหน้าบุรุษที่ตนต้องแต่งงานด้วย

'หากข้าแต่งเข้าจวนเจ้าไป ข้าต้องผอมแห้งเป็นแน่'

นางก่นด่าค่อนขอดเขาภายในใจ เพราะขนาดอาหารที่สั่งมามากมายขนาดนี้เขายังไม่มีแก่ใจจะเอ่ยถาม เอ่ยชวนนางลิ้มรสความอร่อยเลยสักครา

"ข้าสั่งมาเยอะขนาดนี้ เห็นทีมืดแล้วก็คงทานไม่หมด ไม่รู้ว่า..จะเจ้า..เออ เจ้าจะ...."

"ได้! ข้าทาน ข้าช่วยท่านเอง"

คุณหนูใหญ่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะยื่นมือไปคว้าไก่ต้มนั่น ทั้งวันนางทานขนมไปไม่กี่ชิ้น ก่อนจะออกมาขลุกอยู่ข้างนอกทั้งวันยังไม่ได้ทานอันใดเลย