7 ตอน 6 เหตุใดถึงเป็นข้า
โดย เซียนหนวี่เยาเยา
6
"ราชโองการ"
ยังไม่ทันที่คุณหนูใหญ่หรงลี่จูจะได้ออกนอกจวนไปที่ใด เสียงขันทีหน้าพระตำหนักของฮ่องเต้ก็ขานร้องเรียกทุกคนในจวนให้ออกมารวมตัวกันที่ห้องโถง เพื่อรับหนังสือพระราชทานงานสมรสที่ฝ่าบาทพระราชทานประทานให้
"บุตรีมีความงาม อ่อนหวานตามขนบธรรมเนียม อายุอานามเหมาะแก่การออกเรือน ฝ่าบาทมีรับสั่งพระราชทานงานสมรสให้กับคุณหนูใหญ่สกุลหรง บุตรีเสนาบดีฝ่ายขวาเป็นขวัญกำลังใจเหมาะสมแก่ตำแหน่งฮูหยินเอกท่านรองแม่ทัพ ไป่หนิงหลง บุรุษมีคุณธรรมคู่ควรหญิงงาม~฿++฿ (#@_-@"
หูของคุณหนูใหญ่อื้ออึงไปหมด นางแทบจะไม่ได้ยินเสียงอันใดนับแต่นั้น หลังจากได้ยินว่าเป็นผู้ใดที่ต้องแต่งออกเรือน และเป็นผู้ใดที่ต้องแต่งออกเรือนด้วย
'เหตุใดจึงเป็นข้า แล้วที่ข้าตั้งใจไว้ว่าจะล้มงานสมรสของหญิงชั่วชายโฉดเล่า ทำไมถึงกลายเป็นข้าที่แพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม.. แล้วเหตุใดถึงเป็นเขา เหตุใดเขาจึงไม่ปฏิเสธงานสมรสนี้ ฐานะอย่างเขาไม่ใช่จะทำไม่ได้ ทำได้แน่นอน เหตุใดกัน... ไม่! ไม่!! ข้าแต่งไม่ได้ ข้าไม่แต่ง! ข้าต้องทำลายความสัมพันธ์ของหญิงชั่วชายโฉดนี้เสียก่อน เหตุการณ์เลวร้ายพวกนั้นจะได้ไม่เกิดขึ้น! ใช่แล้วข้าต้องยับยั้งงานแต่งออกไปก่อน ยังพอมีเวลา'
"เดี๋ยวก่อน"
คุณหนูใหญ่ได้สติรีบลุกขึ้นวิ่งตามคนในวังออกไป แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว รถม้าของขันทีผู้นั้นได้เคลื่อนออกไปแล้ว พร้อมกันกับประตูใหญ่ของจวนท่านเสนาบดีที่ปิดลง อนาคตของหรงลี่จูตอนนี้ยิ่งกว่าท้องฟ้าในคืนข้างแรม มืดมนจนแทบไม่พบเจอแสงสว่างจากพระจันทร์
"ฮ่าๆ ข้าละไม่อยากคิด เมื่อคืนหลังจบงานเลี้ยงเป็นท่านแม่ทัพไป่ที่ร้องขอพระราชทานงานสมรสนี้กับฝ่าบาทเอง แหมะ~ ช่างเหมาะสม ก่อนหน้านี้ข้ากังวลใจยิ่งนัก คิดอยู่หลายคืนว่าผู้ใดกันที่จะเหมาะสมมาเป็นสามีของบุตรสาวข้า ..ได้ท่านรองแม่ทัพมาเป็นเขย ข้าพอใจยิ่งนัก"
"ท่านพี่.. แต่จูเอ๋อร์ของเรานางต้องแต่งออกเรือนไปอยู่ไกลถึงชายแดนเชียวนะเจ้าคะ"
"ชายแดนบูรพาก็อยู่แค่นี้ หากเจ้าคิดถึงนางแวะเวียนไปหานางก็ได้ สกุลไป่ใช่จะสิ้นไร้มโนธรรม คงไม่ปิดบังซ่อนเร้นนางไม่ให้พบกับมารดาผู้ให้กำเนิดหรอก ฮูหยินเองก็ได้ยินที่ท่านแม่ทัพไป่กล่าวว่ายินดีต้อนรับไม่ใช่หรอกหรือ?"
"ก็จริงเจ้าค่ะ แต่ว่าจูเอ๋อร์นาง เออ..จะพอใจหรือไม่ที่ต้องแต่งออกเรือนไปไกลถึงชายแดน ท่านพี่คิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ?"
แม้ว่าชายแดนบูรพาจะเป็นเขตแดนที่อยู่ใกล้เมืองหลวงมากที่สุด นางผู้เป็นมารดาก็ยังอดห่วงใยบุตรสาวไม่ได้อยู่ดี
"ทำไมจะไม่พอใจ เมื่อวานที่นางพูดกับไทเฮา ฮูหยินเองก็ได้ยินไม่ใช่หรือ นางต้องการใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่วุ่นวายกับคนในราชสำนัก สามีไม่เป็นบัณฑิตแก่เรียนจนเกินไป และยังต้องการบุรุษที่รู้จักวรยุทธ์อีกด้วย ท่านรองแม่ทัพเหมาะสมเป็นที่สุด เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ อีกทั้งยังไม่มีฮูหยินในจวน ข้อนี้ข้าเห็นว่าเหมาะสม"
"ก็จริงเจ้าค่ะ แต่น้องก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีนี่เจ้าคะ"
"จะห่วงไปไย ฮูหยิน.. เจ้าลืมแล้วหรือว่ารองแม่ทัพผู้นี้เป็นผู้ใด"
"ท่านพี่หมายถึงอันใดเจ้าคะ น้องคงจะลืมไปแล้วจริงๆ "
"ก็มิใช่สหายร่วมรุ่นกับหลานชายฮูหยินหรอกหรือ?"
ท่านเสนาบดีกำลังพูดถึงบุตรชายของพี่ชายนาง หลานชายฝ่ายภรรยาอยู่
"จริงหรือเจ้าคะ น้องเองก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่หากเป็นจริงดังคำท่านพี่พูด ได้ยินเช่นนั้นน้องก็พอจะวางใจไปได้หลายส่วน"
ฮูหยินเห็นหลานชายผู้นี้มาแต่อ้อนแต่ออก เป็นคนดีพึ่งพาได้ ไม่ตามใจน้องจนเสียคน คอยบอกคอยสอน ห่วงใยจูเอ๋อร์เสมอมา นางเชื่อว่าสหายของหลานชายเองก็จะต้องมีนิสัยไม่แตกต่างกัน เพียงแต่เมื่อสามเดือนก่อนฮ่องเต้รับสั่งให้เขาเป็นทูตเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นทางใต้ ช่วงนี้เลยยังไม่เห็นหน้าค่าตาหลายผู้นี้เสียเท่าไร
ฮูหยินขบคิดในใจ ปล่อยวางได้บ้าง อีกทั้งสามีนางก็ดูจะยกยอปอปั้นท่านรองแม่ทัพขนาดนั้นนางก็โล่งใจไปได้หลายส่วน
"ท่านพ่อ ข้าไม่แต่ง!!! ไม่แต่งเด็ดขาด"
เสียงของหรงลี่จูบุตรสาวตัวดีดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณห้องโถง ผู้เป็นพ่อได้แต่เอามือปิดหูตัวเองไว้ ไม่รู้ผู้ใดที่เป็นพ่อผู้ใดเป็นบุตรกันแน่
"เป็นราชโองการ เจ้าจะขัดฮ่องเต้ได้อย่างไร"
"ข้าไม่สน ข้าจะไปเข้าเฝ้าพระปิตุจฉา พระนางจะต้องไม่ยอมให้ข้าไปอยู่ชายแดนเป็นแน่"
"พระปิตุจฉานั่นละที่เห็นดีเห็นงามไปก่อนพ่อ"
"ไม่จริง ข้าไม่เชื่อท่าน!"
"เมื่อวานเจ้าพูดกับพระนางไว้ว่าอย่างไรเล่า"
"แต่ว่า... ท่านพ่อไม่รักข้าแล้วหรือ ถึงได้ส่งข้าไปหาคนโหดเช่นเขา"
'หนีชายโฉดไปเจอชายโหดเช่นนั้นหรือ.. จริงอยู่ที่ชื่อเสียงของท่านรองแม่ทัพในตอนนี้จะยังไม่น่ากลัวเท่าไร ผู้คนยังไม่รู้จักมากนัก แต่หลังจากนี้ที่แม่ทัพไป่ผู้เป็นบิดาเสียชีวิตไปนี่สิ ไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตของตนจะอยู่อย่างไรหากต้องแต่งเข้าจวนสกุลไป่ไป'
"จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร รองแม่ทัพเป็นสหายของพี่ชายเจ้าเชียวนะ"
"เป็นสหายกัน ก็ใช่ว่านิสัยจะเหมือนกันเสมอไปนี่เจ้าคะ"
คุณหนูใหญ่บ่นอุบ คิดหาวิธีล้มเลิกงานแต่งนี้เสียก่อน แต่..เห็นทีว่างานนี้นางจะพึ่งไทเฮาไม่ได้แล้ว
"จูเอ๋อร์.. เจ้าลองคิดดูสิหากเจ้าแต่งเข้าสกุลไป่ไปจะเป็นเช่นไร มีแต่ดีกับดีไม่ใช่หรือ ทางนั้นกุมกำลังทหารอยู่เรือนแสน ทั้งยังเป็นญาติสนิทกับฮองเฮา ตัวรองแม่ทัพเองก็สนิทสนมชิดเชื้อกับรัชทายาทมากยิ่งกว่าพี่น้องร่วมสายเลือด ส่วนทางฝั่งท่านพ่อของเจ้าก็เป็นญาติสนิทกับไทเฮา ไทเฮาเองก็มีบุญคุณต่อฝ่าบาทมาก เจ้าคิดว่าเจ้าแต่งเจ้าสกุลไป่ไปเจ้าจะเสียหายอันใด?"
"ท่านแม่! ท่านไม่เข้าใจข้าหรอก ท่านพ่อข้าไม่อยากแต่งไปชายแดน!!"
"ชายแดนก็ไม่ได้แย่เสมอไปหรอกนะ!!"
"ท่านพ่อ~ ท่านแม่~~"
คุณหนูใหญ่คร่ำครวญ ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็ทำอันใดไม่ได้ เมื่อสองสามีภรรยาเล่นบทโหด เดินหนีบุตรสาวเช่นนางไปดื้อๆ
"คุณหนูไม่อยากแต่งกับท่านรองแม่ทัพขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะรังเกียจหรือเกลียดชังเจ้าคะ? "
"ไม่ได้รังเกียจ ไม่ได้เกลียดชัง แต่ข้าไม่อยากแต่งออกไปไกลถึงชายแดน"
'ไปไกลขนาดนั้นแล้วข้าจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร!'
"คุณหนูไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ ข้าน้อยจะไม่ทอดทิ้งคุณหนูไปไหน จะมีข้า.. หวานเอ๋อร์ผู้นี้อยู่คอยรับใช้จนกว่าชีวิตข้าจะหาไม่"
คุณหนูใหญ่หันมามองสาวรับใช้คนสนิท นางเชื่อว่าหวานเอ๋อร์คนนี้จะไม่ทอดทิ้งนางไปไหนแน่ ภาพที่นางอยู่ปรนนิบัติรับใช้ข้างเตียงยังคงฝังลึกในจิตใจ ริมฝีปากเล็กของหรงลี่จูยิ้มออกมา ก่อนจะเบือนหน้าหนียกมือกุมขมับ
'เฮ้อ.. ทำไมสิ่งใด ก็ดูจะผิดแผนไปหมด แล้วแบบนี้ข้าจะทำเช่นไร'
Comments (0)