5

 

'เอ๊ะ ที่ชนเมื่อครู่ ทำไมข้า... แล้วสัมผัสที่เอวข้านี่คืออันใด'

เดิมทีนางคิดว่านางจะล้มก้นกระแทกพื้นเสียแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะคว้าตัวนางเอาไว้ได้ เขาสวมกอดนางไว้ทำให้ไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ

หน้าอกที่แข็งแกร่ง และกล้ามแขนที่กอดรัดร่างนางไว้ สัมผัสของเขาพอจะทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าต้องออกกำลัง หรือเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เป็นประจำ ทำให้มีสมรรถนะภาพแข็งแรงเช่นนี้

"เจ้าจะกอดข้าอีกนานหรือไม่!?"

เสียงบุรุษหนุ่มผู้นั้นกล่าวขึ้น เสียงทุ้มๆ เอ่ยนิดเดียวแต่ค่อนข้างดังกังวานเรียกสติให้คุณหนูใหญ่ตื่นจากภวังค์ ถึงรู้ตัวว่าตอนนี้นางสามารถยืนบนพื้นได้แล้ว เขาเองก็ปล่อยมือจากตัวนางแล้ว จะเหลือก็แต่...

'อื้อ มือเจ้ากรรม ปล่อยสิ!'

คุณหนูใหญ่รีบปล่อยมือจากร่างนั้นที่ตนสวมกอดอยู่ นางเดินถอยหลังเซจะล้มอีก แต่พอยื่นมือออกไป บุรุษผู้นั้นนอกจากจะไม่ช่วยนางแล้ว นางยังเห็นว่าเขาเบี่ยงตัวหลบมือน้อยๆ นี่อีกด้วย

"โอ๊ย ทำไมเจ้าถึงไม่จับมือของข้าไว้"

"ครั้งนี้เจ้าล้มของเจ้าไปเอง"

พูดเท่านั้นก็เบี่ยงตัวเดินหลบจะจากไป

"นี่..หยุดเดี๋ยวนี้นะ! กล้าดียังไงถึงเมินข้า กลับมาช่วยพยุงข้าลุกขึ้นเดียวนี้!!"

บุรุษผู้นั้นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาหานาง ยื่นมือเรียวหนาส่งไปให้สตรีตรงหน้าอย่างใจเย็น สัมผัสแรกที่หรงลี่จูสัมผัสได้คือความหยาบที่รู้ได้ทันทีว่าเขาผ่านการฝึกอาวุธมาอย่างโชกโชน แต่มือนั้นไม่มีวี่แววว่าจะช่วยออกแรงดึงนางลุกขึ้นมาจากพื้นเสียเลย

"ดึงข้าขึ้นไปสิ!"

บุรุษผู้นั้นกลอกตามองบนก่อนจะออกแรงดึงนางขึ้นมา แต่เพราะเคยชินแต่กับบุรุษเพศ ไม่เคยปรนนิบัติสตรี ทำให้เขากะแรงผิดไปมาก คุณหนูใหญ่จึงได้เซถลาเข้าหาเขา ริมฝีปากคนสองคนแตะสัมผัสกันเบาๆ


 

จุ๊บ!

คุณหนูใหญ่ตกตะลึงมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้บุรุษตรงหน้าจะตั้งใจหรือไม่ แต่นั่นก็คือสัมผัสแรกของนางในชาตินี้

"ขะข้า..ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ"

บุรุษผู้นั้นกล่าวด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงเขาหลบสายตานางเหลือบมองไปยังต้นไม้ด้านหลังที่ตนพิงอยู่ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ คุณหนูใหญ่ถอยกรูดออกมา บุรุษตรงหน้าเองก็ก้าวเท้าเดินออกมาเผชิญหน้ากับนาง แสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบบนใบหน้าบุรุษนิรนามทำให้หญิงสาวตกตะลึง

'ท่านแม่ทัพ ไม่สิตอนนี้.. เขาคือรองแม่ทัพ!'

"ขะ..ขอบใจท่านแล้ว"

หรงลี่จูพูดเสร็จนางก็วิ่งปิดปากหนีไปทางเดิมที่มา ข่าวลือเรื่องความโหดเหี้ยมของเขาทำให้นางกังวลกลัว จึงรีบพาตัวเองออกจากสถานการณ์ตรงหน้า แต่สำหรับบุรุษหนุ่มผู้นั้น ใบหน้าที่เคยบึ้งตึงกลับพบรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า เขายกนิ้วมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากเบาๆ สัมผัสเมื่อครู่นุ่มอย่างไม่เคยพบ ท่านรองแม่ทัพมองตามนางไปจนลับสายตาแม้จะไม่เข้าใจกิริยาท่าทางของนาง แต่ก็คิดว่านางเป็นสตรีย่อมมีความเขินอายเป็นธรรมดา

"นั่น คุณหนูใหญ่สกุลหรง จวนเสนาบดีฝ่ายขวาไม่ใช่หรือ?"

เสียงสตรีนางหนึ่งเอ่ยสหายที่เดินเคียงคู่กันมา พวกนางเห็นชัดเจนว่าสตรีที่วิ่งฝ่าความมืดออกมาคือคุณหนูใหญ่ แต่ก็ต้องตกใจที่เจอบุรุษแปลกหน้ายืนอยู่ใต้เงาต้นไม้ใหญ่ พวกนางเห็นเช่นนั้นก็พอจะเดาออกว่าสองคนแอบมาพลอดรักกันเป็นแน่..

'คุณหนูใหญ่แห่งจวนเสนาบดีฝ่ายขวารึ'

"แฮ่ม"

ท่านรองแม่ทัพคิดในใจ ก่อนจะกระแอมเบาๆ เชิงไล่ให้พวกนางเลิกพูดจาไม่น่าภิรมย์นั้นเสีย


 

งานเลี้ยง ในโถงดำเนินไปอย่างราบรื่น มีการแสดงหลากหลายที่จัดเตรียมไว้ ตลอดเวลาที่อยู่ในงานเลี้ยง คุณหนูใหญ่พยายามสอดส่องมองหาสวีจวิ้นอ๋องแต่ก็ไร้วี่แววหรือเงาของพระองค์ ส่วนหรงลี่จิ่นเองก็หายไปเลย บ่าวรับใช้ของนางเพิ่งมากระซิบแจ้งแก่ท่านแม่ว่าคุณหนูรองไม่ค่อยสบายขอกลับจวนไปพักผ่อนก่อน

'แล้วข้าจะมานั่งอยู่นี่ทำไมกัน!'

คุณหนูใหญ่กำลังจะกระซิบบอกท่านแม่ว่าตนจะกลับแล้วก็ต้องสงบปากสงบคำลง เมื่อฝ่าบาทกำลังจะตรัสบางอย่าง

"แม่ทัพไป่ บุตรชายของท่านเล่า?"

ฮ่องเต้เอ่ยปากตรัสถามถึงวีรบุรุษคนสำคัญ พระองค์ทรงได้ยินมาว่าปีนี้ไป่หนิงหลงมีอายุอานามครบ 20 ขวบปีแล้ว พระองค์เคยเห็นแต่ตอนเล็ก ไม่รู้โตมาหน้าตาจะเป็นเช่นไร

"กระหม่อมไป่หนิงหลง ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ"

บุรุษผู้นั้นลุกขึ้นก้าวขาออกมานั่งชันเข่าหนึ่งข้างทำความเคารพแสดงตนต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทด้วยความจริงใจ

"ฮ่าๆ ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นแล้วกลับไปนั่งเถิด เจิ้นได้ยินมาว่าปีนี้เจ้าอายุ 20 ขวบปีแล้วใช่หรือไม่ หึหึ ดีๆๆ สมควรแก่การสร้างครอบครัว"

เสียงฮือฮาของบรรดาสาวงามดังขึ้น มองไกลๆ พวกนางยังเห็นถึงความหล่อเหลาของท่านรองแม่ทัพ ไม่น่าเชื่อว่าด้วยวัยเพียงเท่านี้จะสามารถนำทัพกำศึกจนได้รับชัยชนะกลับมาตั้งแต่อายุยังน้อย

'หึ รอดูละครสนุกๆ สักหน่อยจะเป็นไร'

คุณหนูใหญ่แสยะยิ้มออกมา นึกไปถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนับต่อจากนี้

"กระหม่อมเห็นว่ายังมีเวลาอีกมาก ตอนนี้หน้าที่สำคัญของกระหม่อม คือการรับใช้ฝ่าบาท ปกป้องผืนดินอยู่ชายแดนให้สงบสุข เอ่อ.. กระหม่อมเกรงว่าจะไม่มีสตรีนางใดประสงค์อยากจะใช้เวลาที่ยากลำบากนั้นร่วมกันไปกับกระหม่อม..."

"ฮ่าๆ เอาละๆ ที่พูดมาทั้งหมดเจิ้นเข้าใจ แม่ทัพไป่.. บุตรชายของท่านผู้นี้มองไปดูเหมือนเด็ดขาด แต่เรื่องสตรีกลับไปไม่เป็นเสียอย่างนั้น ฮ่าๆๆๆ"

ฝ่าบาทหันไปตรัสตามตรงกับแม่ทัพไป่ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของไป่หนิงหลง ก็ทรงพระสรวลออกมาอย่างอารมณ์ดี

'นั่นนะสิ ข่าวลือไม่มีมูลหรืออย่างไร ไหนเล่าปฏิเสธอย่างองอาจดังชายนักรบ'

คิดได้เท่านั้นคุณหนูใหญ่ก็ขอกลับจวนก่อน เพราะงานเลี้ยงน่าเบื่อจนเกินไป



 

- รุ่งอรุณวันใหม่-

เรือนเหมยฮวา จวนสกุลหรง

"สมรสพระราชทานอย่างนั้นหรือ?"

"เจ้าค่ะ บ่าวได้ยินมาเมื่อเช้า ดูเหมือนนายท่านกับฮูหยินกำลังปรึกษาเรื่องงานสมรสอยู่"

"แล้วเจ้าได้ยินว่าอย่างไรบ้าง!?"

"ข้าน้อยไม่กล้าเข้าใกล้กว่านั้นเจ้าค่ะ กลัวจะถูกเฆี่ยนหลังลาย แต่..ที่ได้ยินก็มีชื่อของสวีจวิ้นอ๋อง คุณหนูรอง แล้วก็มีคุณหนูใหญ่ กับเออผู้ใดอีกนะ ข้าลืมแล้วเจ้าค่ะ...อ้อ แต่ดูเหมือนเรื่องทาบทามจะเกิดเมื่อคืนหลังจานเลี้ยงจบเจ้าค่ะ ข้าน้อยได้ยินมาเท่านี้"

"ไม่ได้การละ หวานเอ๋อร์เตรียมชุดให้ข้า ข้าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮา!"

'นี่ข้าพลาดอันใดไป เหตุใดงานสมรสถึงเกิดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสองเดือน เช่นนั้นข้าจะทำเช่นไร.. เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้'

"ราชโองการ"