6 ตอน :: ๕ ::
โดย ที่รักของพระจันทร์
:: ๕ ::
จันทร์จรัสลุกมาเข้าครัวแต่เช้า เพื่อทำอาหารสำหรับตะวันฉายและหลาน รวมทั้งทำแซนด์วิชไปฝากเพื่อนร่วมทริปด้วย
“ทำอะไรเยอะแยะเต็มไปหมดเลยเนี่ย” ตะวันฉายที่เดินเข้ามาในครัวเอ่ยทักก่อนจะนั่งลงยังโต๊ะอาหาร
“จันทร์ทำแซนด์วิชไปฝากครูคนอื่นด้วยน่ะ” หญิงสาวบอกพลางหยิบแซนด์วิชที่ห่อด้วยใบตองใส่กล่องกระดาษเล็กๆ ใบละสองชิ้นก่อนแปะสติกเกอร์ซึ่งมีโลโก้ของร้านและเบอร์ติดต่อสั่งซื้อ “แล้วก็ฝากพี่ตะวันเอาไปแจกคนที่สถานีดับเพลิงด้วยนะคะ ถ้าใครกินแล้วชอบสนใจอยากจะสั่งก็ติดต่อตามเบอร์ในสติกเกอร์ที่แปะไว้บนกล่องแซนด์วิชได้เลยค่ะ”
“ได้เดี๋ยวพี่เอาไปแจกให้” ตะวันฉายรับคำอย่างแข็งขัน ตั้งใจว่าจะช่วยน้องสาวขายของอย่างเต็มที่
“ส่วนอันนี้ฝากให้แฟนพี่ด้วยนะคะ” แฟนของตะวันฉายนั้นเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีดับเพลิงนัก วันนี้ชายหนุ่มก็ตั้งใจว่าจะพารพีพงษ์ไปฝากไว้กับแฟนของตัวเอง เพื่อให้ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกันก่อน
“ปีหน้าพี่ว่าจะแต่งกับเขาแล้วนะ”
“จริงเหรอคะ” จันทร์จรัสมองหน้าคนที่กำลังเขินด้วยความเอ็นดู “ดีจังเลยค่ะ”
“ทางพ่อแม่เขาก็โอเคแล้ว พวกพี่ก็เลยคิดว่าเป็นปีหน้านี่แหละ”
จันทร์จรัสเชื่อว่าแฟนของตะวันฉายจะต้องเป็นแม่ที่ดีให้กับหลานของเธอได้อย่างแน่นอน วันนี้ก็อารมณ์ดีมากอยู่แล้ว ยิ่งได้ยินเรื่องดีๆ ของพี่ชายยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้นไปอีก
“น้องพีมากินข้าว” หญิงสาวหันไปเห็นหลานชายเดินงงๆ เข้ามาในครัวก็กวักมือเรียก
“ล้างหน้าแปรงฟันหรือยังเนี่ย” ตะวันฉายทักลูกชายที่ยังดูหน้าง่วงๆ
“ล้างแล้วพ่อ แต่มันง่วง” รพีพงษ์รับชามข้าวที่จันทร์จรัสตักให้แล้วก็เดินมานั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับพ่อ ก่อนจะเริ่มกินอาหารตรงหน้าด้วยความเอร็ดอร่อย
เมื่อเตรียมของเสร็จเรียบร้อย จันทร์จรัสจึงนั่งลงกินข้าวกับสองพ่อลูก ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวรอให้รามิลมารับ พอเขาส่งข้อความมาบอกว่ารออยู่หน้าบ้านแล้ว เธอจึงรีบหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกไปทันที
จันทร์จรัสเปิดประตูรถด้านหลังเพื่อวางของก่อนขึ้นไปนั่งข้างรามิลซึ่งแต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อยืด ไม่ใช่เสื้อเชิ้ตทำงานรีดเรียบแบบทุกที แต่ก็ติดจะเป็นสีในโทนเคร่งขรึมไปทางเทาๆ เหมือนเดิม
“ครูมิลกินอะไรมาหรือยังคะ”
รามิลมองดูถุงผ้าใบใหญ่ที่หญิงสาวหอบขึ้นรถมาด้วยความแปลกใจ “เอาอะไรมาด้วยน่ะครับ”
“แซนด์วิชค่ะ” จันทร์จรัสส่งกล่องเล็กๆ กล่องหนึ่งให้กับชายหนุ่ม “จันทร์จะเอาไปแจกคนอื่นในทริปด้วยค่ะ”
ชายหนุ่มหยิบเอาแซนด์วิชชิ้นหนึ่งออกมาจากกล่องกระดาษ ไส้แซนด์วิชที่เรียงตัวอัดแน่นกันอยู่ระหว่างขนมปังนั้นดูน่ากิน ทั้งไส้กรอก ปูอัด ไข่ มันม่วงและผักสีเขียวสดใส
“ทำขายเหรอครับ” ชายหนุ่มเห็นสติกเกอร์บนกล่องจึงเอ่ยถาม
จันทร์จรัสพยักหน้าเบาๆ “เพิ่งเริ่มขายค่ะ ครูมิลลองชิมดูสิคะ”
แม้เขากินข้าวเช้ามาแล้ว แต่ก็ยังกินแซนด์วิชที่จันทร์จรัสทำมาจนหมด ก่อนเช็ดมุมปากที่เปื้อนมายองเนสแล้วหันไปยิ้มบางให้กับคนทำ
“อร่อยครับ คนอื่นก็น่าจะชอบ”
จันทร์จรัสยิ้มรับคำชมพลางมองดูชายหนุ่มเช็ดมือตัวเองจนสะอาด ก่อนจับพวงมาลัยเพื่อขับรถมุ่งไปยังจุดนัดหมายที่นัดกันไว้
ปรายฟ้าได้แต่มองหญิงสาวที่รามิลพามาด้วยสายตาละห้อย ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนสนิทซึ่งเป็นคนชักชวนให้เธอมาสมัครงานที่โรงเรียนเดียวกับที่ตัวเองบรรจุ
“ไหนแกว่าครูมิลโสดสนิทไง”
“ใครจะรู้ว่าครูมิลเขาจะหิ้วสาวมาด้วยวะ แกตัดใจเถอะ แล้วเขาทำแซนด์วิชอร่อยว่ะ ถ้าโรงเรียนต้องสั่งซื้อขนมเบรก แกสั่งร้านเขานะ”
หญิงสาวหันไปค้อนเพื่อน “เห็นแก่กิน ฉันไม่สั่งหรอก”
“เอาแต่พอดีๆ นะไอ้ปราย ขนาดใส่ชุดบิกินี่อย่างนี้เขายังไม่มองเลย”
ใจหนึ่งก็รู้สึกเสียดาย แต่อีกใจก็คิดว่าคงเสียเวลาเพราะปกติรามิลออกจะนิ่งสนิทอย่างกับรูปปั้น แต่ตอนนี้เท่าที่เห็นกลับคอยเทกแคร์ดูแลหญิงสาวที่มาด้วยกันเป็นอย่างดี ปากบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกัน แต่ใครๆ ก็เดาได้ว่าสักพักเพื่อนก็จะไม่ใช่เพื่อนแล้ว
ปรายฟ้าถอนหายใจ “ครูติอยู่ไหนวะ เรียกมาถ่ายรูปให้หน่อยดีกว่า”
เพื่อนของหญิงสาวได้แต่กลอกตา รู้สึกเห็นใจสุนิติที่แทบจะกลายเป็นตากล้องประจำตัวของปรายฟ้าไปแล้ว แต่เจ้าตัวกลับดูไม่ค่อยสนใจครูหนุ่มนัก
ส่วนทางด้านรามิลกับจันทร์จรัส ซึ่งกำลังเดินเล่นอยู่บนหาดพลางพูดคุยกัน ก็กำลังพูดถึงปรายฟ้าอยู่เช่นกัน
“คุณปรายใส่ชุดบิกินี่แล้วสวยจังเลยค่ะ หุ่นดีมาก”
“เหมือนเขาจะไปฟิตเนสอยู่บ่อยๆ นะ”
“ครูมิลรู้ได้ยังไง ปกติชอบส่องสาวเหรอคะ” จันทร์จรัสแอบคิดว่าหรือรามิลนอกจากส่องเธอแล้วก็ชอบส่องสาวอื่นด้วยแน่ๆ
“เขาอัปรูปบ่อย ไม่อยากเห็นก็ต้องเห็น” รามิลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ผมไม่ส่องใครพร่ำเพรื่อหรอกนะ”
จันทร์จรัสเบือนหน้าหนีไปจากชายหนุ่มแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน “ถ้าจันทร์หุ่นดีแบบคุณปรายก็อยากใส่ชุดบิกินี่บ้างจัง”
“ถ้าอยากใส่ก็ใส่ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องรอให้หุ่นดีเพอร์เฟกต์เลย”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจ้องชายหนุ่ม ท่าทางน้ำเสียงจริงจังอย่างกับนักวิชาการมันไม่เข้ากับประโยคที่พูดออกมาสักเท่าไหร่
“ครูมิลอยากเห็นจันทร์ใส่ชุดบิกินี่เหรอคะ”
รามิลนิ่งไปชั่วขณะ “คุณจันทร์จะใส่ไหมล่ะครับ”
“ตอบไม่ตรงคำถามนี่คะ”
“ถ้ามาเที่ยวด้วยกันอีกก็ลองซื้อมาใส่ดูสิครับ”
หญิงสาวหัวเราะ “คุยกันไม่รู้เรื่องแล้วค่ะ”
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้ม สายตาไม่ละไปจากดวงหน้าของหญิงสาวซึ่งกำลังยิ้มอย่างสดใสแข่งกับแสงแดดแรงจ้าในวันนี้
“ใกล้เที่ยงแล้ว เดินกลับรีสอร์ตกันเถอะครับ”
ดังนั้นทั้งสองคนจึงเดินเคียงกันกลับไปที่ห้องอาหารของรีสอร์ต ซึ่งค่าอาหารกลางวันและมื้อเย็นนั้นจ่ายพร้อมกับที่พักไปเรียบร้อยแล้ว
จันทร์จรัสค่อนข้างเขินเล็กน้อยเมื่อครูสูงวัยคนอื่นๆ แซวรามิลไปตามประสา เมื่อมีโอกาสได้เจอกันจังๆ ที่ห้องอาหาร ในขณะที่ชายหนุ่มแค่ยิ้มรับเล็กน้อย แล้วพาเธอมานั่งอีกโต๊ะแค่เพียงสองคน
หลังจากกินกันไปได้สักพัก ปรายฟ้ากับเพื่อนซึ่งสวมเสื้อคลุมทับชุดบิกินี่และสุนิติก็เดินเข้ามาที่ห้องอาหารด้วยเช่นกัน ทั้งสามคนเลือกเดินมานั่งจับกลุ่มกับจันทร์จรัสและรามิล
“ตอนบ่ายโมงจะมีเรือมารับข้ามไปเที่ยวอีกเกาะ ปรายจองตั๋วให้ครูมิลกับน้องจันทร์แล้วนะคะ” ปรายฟ้าเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ส่วนเรื่องอาหารการกินตอนเย็นจะเป็นอาหารทะเลกับหมูกระทะค่ะ ปรายจองโต๊ะไว้ให้ที่ด้านนอกค่ะ ติดริมทะเล ของครูมิลกับน้องจันทร์จะนั่งด้วยกันตามที่บอกไว้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ” รามิลเอ่ยปากขอบคุณทันทีด้วยความจริงใจ เพราะเที่ยวรอบนี้หญิงสาวจัดการอำนวยความสะดวกแทบทุกอย่างให้กับทุกคนที่มาด้วยกันเป็นอย่างดี
ดังนั้นหลังจากรับประทานมื้อเที่ยงกันเสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคนจึงไปที่ท่าเรือเพื่อรอข้ามฝั่งไปเที่ยวอีกเกาะหนึ่ง เมื่อเท้าแตะพื้นต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป แต่ก่อนที่จะแตกกลุ่มย่อยสุนิติก็เรียกเพื่อนเอาไว้ก่อน
“ไอ้มิลได้รูปคู่บ้างหรือยัง” คนถูกถามส่ายหน้า “เอาโทรศัพท์มึงมา”
รามิลส่งให้เพื่อนแต่โดยดี ก่อนหันไปเรียกจันทร์จรัสให้มาถ่ายรูปด้วยกัน “คุณจันทร์ถ่ายรูปกันไหมครับ”
หญิงสาวถึงจะเขินอยู่นิดหน่อยแต่ก็ขยับเข้าไปใกล้รามิลแต่โดยดีเพื่อถ่ายรูปคู่กัน จันทร์จรัสรู้สึกมีความสุขจนตัวเหมือนจะลอย
“ขอรูปให้จันทร์บ้างนะคะ”
“เดี๋ยวผมส่งให้ครับ” รามิลรับโทรศัพท์มือถือคืนมาจากเพื่อน ก่อนจะพาหญิงสาวเดินชมวิวทิวทัศน์รอบเกาะ เจอมุมสวยๆ ก็หยุดถ่ายรูปให้เธอ
เมื่อเดินจนเริ่มรู้สึกล้าแล้ว ทั้งสองจึงเดินไปยังจุดเช่าเสื่อมานั่งที่ใต้ร่มไม้ริมทะเลพร้อมกับซื้อผลไม้หลายชนิดที่ถูกหั่นมาเป็นชิ้นพอดีคำมานั่งกินระหว่างพักชมวิว
“คุณจันทร์ครับ” รามิลเอ่ยเรียกด้วยเสียงจริงจัง เขากระแอมเบาๆ ก่อนจะถามขึ้น “ผมใช้รูปที่เราถ่ายคู่กันเป็นรูปโพรไฟล์ของผมได้ไหม”
จันทร์จรัสที่เห็นชายหนุ่มเขินเป็นครั้งแรกก็พลอยเขินไปด้วย “ถ้าไม่กลัวคนอื่นเขาคิดว่าเราเป็นแฟนกันก็ใช้ไปสิคะ ใครจะไปว่าอะไร” พอพูดจบหญิงสาวก็ได้แต่กรี๊ดอยู่ในใจ แต่ภายนอกทำได้แค่ระวังไม่ให้ตัวเองยิ้มจนแก้มแตก
“ขอบคุณครับ” รามิลยิ้ม “ถ้าคุณจันทร์อยากจะใช้รูปคู่เหมือนกัน ผมก็ไม่ว่าอะไร”
หญิงสาวอยากจะหวีดสักที ทนไม่ไหวก็เลยต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้า “ทนไม่ไหวแล้วค่ะ เขินจนอยากจะกรี๊ดแล้ว” ส่วนรามิลได้แต่หัวเราะแก้เขิน เพราะไม่เคยรู้สึกเขินมากขนาดนี้มาก่อน
แต่หลังจากอาการเขินของทั้งคู่สงบลง ต่างฝ่ายก็เงียบไปนาน ไม่พูดไม่จากันอยู่พักใหญ่จนเกือบจะถึงเวลาที่ต้องกลับเลยทีเดียว
“คุณจันทร์ครับ ถึงเวลาต้องขึ้นเรือกลับแล้ว”
จันทร์จรัสช้อนสายตาขึ้นมองรามิล “จริงๆ เรียกน้องจันทร์ก็ได้นะคะ”
ภาพของหญิงสาวที่กำลังมองมาตาใสๆ ทำให้รามิลต้องเบือนหน้าหนีแล้วก้มหน้าลง เห็นแววรางๆ ในอนาคตอย่างไรก็ไม่รู้ว่าตัวเองคงต้องแพ้ให้กับท่าทางอ้อนแบบนี้เรื่อยไป
“แล้วก็ถ้าอยู่กันสองคน จันทร์เรียกครูมิลว่ามินนี่ได้ไหมคะ ตอนเห็นพวกพี่น้องฝาแฝดพิมพ์เรียกมินนี่แล้วน่ารักดี”
รามิลค่อยๆ เงยหน้ากลับขึ้นมองหญิงสาวที่กำลังอมยิ้มพลางจ้องเขานิ่งด้วยแววตาที่ทอประกายวิบวับอย่างมีความสุข สุดท้ายก็เลยพยักหน้าตกลง
ชายหนุ่มลุกขึ้นเพราะถึงเวลาที่ต้องกลับแล้วจริงๆ ก่อนจะยื่นมือไปหาหญิงสาว เมื่อจันทร์จรัสวางมือเธอลงบนมือของเขา หลังจากนี้รามิลก็ไม่ปล่อยอีกเลย
จันทร์จรัสไม่เคยคิดเลยว่าหมูกระทะริมทะเลมันจะโรแมนติกได้ขนาดนี้มาก่อน เธอสามารถนั่งมองรามิลย่างหมูให้เธอไปเรื่อยๆ โดยไม่เบื่อได้เป็นชั่วโมงๆ เลย
“อิ่มแล้วเหรอครับ” รามิลเอ่ยถามเพราะเห็นว่าจันทร์จรัสนิ่งไป
“ยังไม่อิ่มค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงจันทร์หรอก ห่วงตัวเองเถอะ ได้กินบ้างหรือยังคะ เห็นคีบมาให้แต่จันทร์” หญิงสาวพูดพลางยื่นตะเกียบไปคีบหมูชิ้นที่สุกแล้วให้กับชายหนุ่มบ้าง เพราะเขาเอาแต่บริการเธออย่างเดียวเลย
หญิงสาวมองดูชายหนุ่มเคี้ยวหมูชิ้นที่เธอคีบให้อย่างมีความสุข ก่อนหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปรามิลที่กำลังก้มลงไปกินอีกชิ้นเอาไว้เป็นความทรงจำในมื้อแรกหลังจากเป็นแฟนกันด้วยวิธีขอคบแบบน่ารักอย่างมาขอใช้รูปโพรไฟล์เป็นรูปคู่ เธอไม่คิดเลยว่าคนเคร่งขรึมแบบนี้ก็สรรหาวิธีน่ารักๆ มาได้และตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็ใช้โพรไฟล์รูปเดียวกันแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมาทันเห็นว่าตัวเองถูกแอบถ่ายรูป แต่ก็ไม่ได้ว่าหรือถามอะไร ปล่อยให้เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับภาพได้ตามสบาย
“พรุ่งนี้เราแวะไหว้พระที่เราแวะไหว้ตอนขามาก่อนกลับได้ไหมคะ”
“ได้ครับ”
“จันทร์จะไปขอบคุณท่านสักหน่อยค่ะ สมหวังเร็วขนาดนี้ ศักดิ์สิทธิ์มากจริงๆ”
“ขอเรื่องอะไรไว้เหรอครับ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ขอให้ได้แฟนค่ะ”
รามิลสำลักวุ้นเส้นที่เขาคลุกกับน้ำจิ้มสุกี้รสเผ็ดจัดของทางรีสอร์ตเข้าพอดีจนแสบจมูกไปหมด เพราะมีบางส่วนไม่ไหลลงคอแต่กลับออกมาทางจมูก
“คะ...ครูมิล เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวรีบหยิบแก้วน้ำส่งให้ชายหนุ่ม
ชายหนุ่มพอตั้งสติได้ก็หัวเราะออกมาทั้งที่หน้าและหูแดงไปหมด รู้สึกว่าทำไมหญิงสาวตรงหน้าถึงได้น่ารักอะไรขนาดนี้ เขายอมเธอแล้วจริงๆ
“ถ้าคุณยืนยันว่าศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ ผมก็จะไปขอบ้าง” รามิล
มองตรงไปที่หญิงสาว “ผมจะขอให้เราได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”
จันทร์จรัสอายม้วนขึ้นมาทันที เลยเบือนหน้าออกไปมองทางทะเลแก้เขิน หน้าก็ร้อนไปหมดทั้งที่อากาศแสนเย็นสบาย และเพราะบรรยากาศมันชวนเขินไปหมด ทั้งคู่จึงเงียบไปจนกระทั่งอิ่ม เมื่อชายหนุ่มเดินไปส่งเธอที่ห้องพัก เขาถึงยอมพูดบอกฝันดีก่อนที่เธอจะปิดประตูลง
-----------------
สามารถติดตามต่อได้ที่ MEB ค่ะ
หนึ่งรักแด่เธอ
เขียน : ที่รักของพระจันนทร์