:: ::

 

 

 

            “มึงไม่คิดจะเขียนย้ายจริงๆ เหรอวะ” ครูหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับรามิลและตอนนี้ก็ตั้งใจจะเขียนย้ายกลับบ้าน เอ่ยปากถามเพื่อนร่วมงานที่เขาสนิทที่สุด ซึ่งตอนนี้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวหลังเลิกงานอยู่ที่ตลาดด้วยกัน ตั้งใจว่าอิ่มแล้วก็จะแยกย้ายกันไปซื้อกับข้าวตามประสาหนุ่มโสดที่ต้องหากินเองทั้งคู่

            “ไม่ว่ะ โชคดีได้บรรจุใกล้บ้านแล้ว ไม่ไปไหนหรอก”

            “ใจมึงนี่มันได้จริงๆ เป็นกูนะ แฟนเก่าแม่งนอกใจไปคบกับครูในโรงเรียนเดียวกันแบบนี้ กูลาออกจากข้าราชการไปแล้ว”

            “ทำไมคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดต้องหนี”

            “ก็จริง กูเห็นพวกนั้นคอยหลบหน้ามึงแล้วเหนื่อยแทน โรงเรียนก็เล็กแค่เนี่ย ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักหนา เดินไปทางไหนก็เจอ ทนอยู่กันได้ไงวะ”

            “แต่กูได้ข่าวแว่วๆ มาว่าคนนั้นเขาก็เขียนย้ายเหมือนกัน ถ้าได้อีกคนก็คงลาออกตามไป” เนื่องจากอดีตแฟนเก่าที่เลิกรากันไปนานหลายเดือนของรามิลนั้นยังเป็นครูอัตราจ้าง ดังนั้นเมื่อแฟนใหม่ย้ายได้ เจ้าตัวแค่ลาออกแล้วก็ตามไปได้เลย

            สุนิติเลิกคิ้ว “ใครเมาท์มาวะ”

            “ธุรการโรงเรียน”

            “อ๋อ” ชายหนุ่มนึกถึงธุรการคนใหม่ หญิงสาวมาถึงก็เล็งคนหล่ออย่างรามิลทันที ใครๆ ก็รู้ไปทั้งโรงเรียน

            ส่วนแฟนเก่าของเพื่อน สุนิติเข้าใจว่าผู้ชายอีกคนถึงจะหล่อสู้รามิลไม่ได้ แต่หน้าตาดีอยู่ แถมยังปากหวาน ช่างเอาอกเอาใจ เช้าถึงเย็นถึง ผู้หญิงก็หวั่นไหวได้อย่างไม่ยากเย็น สุดท้ายจึงไปกันถึงไหนต่อไหนจนครูที่โรงเรียนแอบเห็นแล้วเอามาเมาท์กันให้แซด แถมครูบางคนก็เมาท์เผื่อแผ่ไปถึงผู้ปกครองอีก กลายเป็นข่าวแซบให้ผู้ปกครองเมาท์ครูในโรงเรียนกันสนุกปาก ขนาดเด็กบางคนยังมาแอบถามให้ปวดหัว!

            “แต่ช่วงนี้นะโว้ยครูจิ๊บเมาท์มา”  สุนิติเสียงเบาลง

            “เส้นก๋วยเตี๋ยวมึงอืดหมดแล้วนะไอ้ติ” รามิลเตือนคนที่ขี้เมาท์ไม่แพ้ใครอย่างสุนิติ

            “อืดๆ นี่แหละไม่ต้องเคี้ยว” สุนิติหัวเราะ “กูขอเมาท์ต่อแล้วกัน เห็นครูจิ๊บที่อยู่อะพาร์ตเมนต์เดียวกับสองคนนั้นบอกว่าพวกมันชอบทะเลาะกันบ่อยๆ ท่าทางจะไปกันไม่รอด กูว่าไอ้ครูบอยมันอยากย้ายหนีมากกว่ามั้ง”

            รามิลไม่รู้สึกอะไรกับสองคนนี้อีกแล้วจึงได้แต่ไหวไหล่เบาๆ อย่างไม่แยแส “เรื่องของพวกนั้นสิ”

            “เรื่องเด็ดมันอยู่ตรงนี้ ครูยุเขาก็เลยอยากจะคืนดีกับมึงน่ะสิ”

            หูของรามิลฟังเพื่อนอยู่ แต่สายตากลับถูกดึงดูดด้วยหญิงสาวในเดรสเรียบๆ สีฟ้าซึ่งกำลังเดินถือตะกร้าจ่ายกับข้าวอยู่ในตลาด

            “เจ็บแล้วจำเป็นคน” รามิลเอ่ยขึ้นมาพลางหยิบเงินออกจากกระเป๋าสตางค์แล้ววางไว้ให้เพื่อนช่วยจ่าย “ต้องให้กูพูดต่อไหม”

            สุนิติหัวเราะพลางยกมือขึ้นมาทำท่าเขาบนหัว ก่อนมองเพื่อนที่เดินจากไปโดยไม่รอให้เขากินเสร็จก่อน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นแบบนี้เพราะเขาชอบชักช้าจนรามิลรำคาญ

           

            จันทร์จรัสเดินจ่ายกับข้าวอยู่เพียงลำพัง ส่วนรพีพงษ์นั้นอยู่กับบิดาซึ่งวันนี้เป็นคนขับรถมารับลูกชายด้วยตัวเอง ส่วนเธอตามมาด้วยเพราะต้องซื้อของเข้าบ้าน

            หลังจากซื้อของจนคิดว่าไม่ตกหล่นหรือขาดเหลืออะไรแล้ว หญิงสาวก็อดใจไว้ไม่ไหว ต้องขอแวะมุมร้านขายเสื้อผ้าสักหน่อย ถึงตอนนี้ไม่รู้จะใส่ชุดสวยๆ ไปไหนก็เถอะ

            “โอ๊ย! ไอ้บ้า มึงวิ่งทำคว-อะไร“ เสียงด่าลั่นตลาดของใครบางคนทำให้หญิงสาวหันกลับไปมอง ก็พบว่าผู้ชายคนหนึ่งไม่ใส่เสื้อผ้า ผมเผ้ายาวรุงรังกำลังวิ่งตรงมา ความเร็วของอีกฝ่ายทำให้เธอหลบได้แค่ครึ่งตัว ดังนั้นจึงถูกชนจนล้มก้นจ้ำเบ้า ของในตะกร้าหล่นออกเกือบหมด จันทร์จรัสเจ็บจนลุกแทบไม่ขึ้น

            “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

            เธอหันไปมองเจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ยื่นมือเข้ามาพยุงเธอให้ลุกขึ้น เมื่อพบว่าเป็นรามิล จันทร์จรัสก็รู้สึกว้าวอยู่ในใจ โผล่มาอย่างกับพระเอกละคร

            รามิลประคองเธอให้ลุกขึ้นก่อนจะก้มลงช่วยเก็บของคืนใส่ตะกร้า

            “ขอบคุณค่ะครูมิล”

            “เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ ให้ผมถือให้ก็ได้ครับ ตะกร้าค่อนข้างจะหนักน่าดู”

            จันทร์จรัสนึกถึงลูกฟักทองในตะกร้าจ่ายตลาดซึ่งทำให้มันหนักไม่เบาเลย เมื่อรามิลเสนอตัวมาแบบนี้ เธอจึงโอเค

            “ขอบคุณค่ะ”

            “ว่าแต่ซื้อของครบหรือยังครับ”

            “ครบแล้วค่ะ กำลังจะกลับไปที่รถของพี่ตะวันพอดี”

            ชายหนุ่มพยักหน้าพลางเดินตามหญิงสาว เพราะทางเดินในตลาดนั้นค่อนข้างแคบพอแค่ให้คนสองคนเดินสวนกันเท่านั้นเอง

            “ขอบคุณนะคะ” เมื่อเดินจนมาใกล้ถึงรถกระบะสี่ประตูคันเก่งของพี่ชายซึ่งเพิ่งจะส่งเงินผ่อนหมดไปเมื่อไม่นานนี้ หญิงสาวก็หันไปรับตะกร้าจ่ายตลาดคืนมาจากรามิล

            “ด้วยความยินดีครับ”

            หญิงสาวมองหน้านิ่งๆ ของชายหนุ่มอีกครั้ง คนที่คุยกับเธอในไลน์บ่อยๆ คือคนนี้จริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ว่าฝาแฝดมาคุยแทนอย่างกับในละครหรอกนะ

            พอความคิดนั้นผ่านเข้ามาในหัวปากก็ขยับทันที “ขอบคุณสำหรับสติกเกอร์น้องแมวน้ำนะคะ น่ารักมาก จนไม่คิดว่าครูมิลจะชอบโหลดอะไรแบบนี้มาใช้ด้วย”

            จันทร์จรัสจับจ้องสีหน้าของรามิลนิ่ง ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก “ปกติโหลดไว้ใช้กับคนที่อยากใช้น่ะครับ ถ้ากับเพื่อนผู้ชายก็ไม่ใช้อะไรน่ารักแบบนั้นหรอก” 

            “อ๋อ ค่ะ” จันทร์จรัสอยู่ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมาแบบแปลกๆ “ขอตัวก่อนนะคะ พี่ตะวันรอ” พูดจบก็หมุนตัวเดินตรงไปที่รถของพี่ชายโดยมีรามิลยืนมองจนเธอขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว

            “อาจันทร์นั่นครูมิลนี่” เด็กชายซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังโผล่หน้าขึ้นมาระหว่างพ่อกับอา

            “อือ”

            “แล้วเดินมาส่งแกทำไม” ตะวันฉายซึ่งนั่งรออยู่ที่รถ เห็นตั้งแต่ครูของลูกชายเดินตามน้องสาวมาและหยุดยืนคุยกันครู่หนึ่ง

            “มีคนบ้าวิ่งชนหนูจนล้มจ้า ครูมิลเห็นถือตะกร้าหนักๆ เขาก็เลยถือมาส่ง”

            “อ้าว! แล้วครูมิลเขาไปอยู่กับแกตอนโดนชนได้ยังไง”

            “เขาเป็นพระเอกละคร” จันทร์จรัสหันไปตอบพร้อมทำตาใสใส่พี่ชาย

            “อะไรของแก” ตะวันฉายทำหน้างงใส่น้องสาว

            จันทร์จรัสหัวเราะคิกคัก “ครูมิลเขาก็มาเดินตลาดเหมือนกัน แล้วบังเอิญอยู่ใกล้ๆ พอดีค่ะ”

            “อ๋อเหรอ นึกว่าจีบแก”

            “ครูมิลไม่จีบอาจันทร์หรอก ครูมิลเขาเป็นแฟนกับพี่ปราย”

            “หา! น้องพีไปเอามาจากไหนคะ”

            “ก็เขาบอกมา”

            “ใครบอก”

            “ก็เขาพูดกันทั้งโรงเรียน”

            “แล้วพี่ปรายเป็นใครเนี่ย” ตะวันฉายเอ่ยถามแทรกบทสนทนาของอาหลาน

            “พี่ปรายเป็นคนสวย”

            พอได้คำตอบแบบนั้นทั้งตะวันฉายและจันทร์จรัสก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน แล้วเลิกสนใจไปเลยว่าพี่ปรายเป็นใคร

           

            จันทร์จรัสรู้ดีว่าตอนนี้เธอไม่ได้เป็นอะไรกับรามิลสักหน่อย และในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าจะได้เป็นอะไรกันหรือเปล่า เพราะมันก็มีเยอะแยะไปนี่ คุยกันตั้งนานสุดท้ายเป็นได้แค่เพื่อน ดังนั้นหญิงสาวจึงเลือกจะขอไขความสงสัยด้วยตัวเองก่อน

            ถ้าหลานชายของเธอบอกว่ารู้กันทั้งโรงเรียนก็ต้องเป็นครูในโรงเรียนอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงเสิร์ชชื่อโรงเรียนของหลานลงในกูเกิลทันที ในหน้าข้อมูลบุคลากร สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อปรายฟ้าซึ่งอยู่ในตำแหน่งธุรการ

            “คนนี้หรือเปล่าวะ” จันทร์จรัสพิจารณาหญิงสาวในรูป ก่อนจะลองเอาชื่อไปค้นหาในเฟซบุ๊ก พอชื่อไทยไม่เจอก็ลองสุ่มเป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็... “อุ๊ยตาย เจอ!

            เฟซบุ๊กของหญิงสาวนั้นไม่ได้เป็นแบบส่วนตัว แต่เปิดให้ทุกคนสามารถเข้าไปดูและกดไลก์ได้อย่างเสรี ดังนั้นจันทร์จรัสจึงเลื่อนดูอย่างระวัง

            ภาพที่อัปเดตล่าสุดเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ เป็นงานทำบุญอะไรสักอย่างของโรงเรียน ในภาพนั้นเป็นรามิลที่ยืนไหว้พระกับปรายฟ้าซึ่งยืนอยู่ข้างกันและยังมีคนอื่นๆ ด้วย แต่มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าคนถ่ายภาพเจาะจงเลือกให้ทั้งสองเป็นจุดเด่นของภาพ

            จันทร์จรัสเลื่อนลงไปดูคอมเมนต์ มีแต่คนมาแซวหญิงสาวเต็มไปหมดว่าแฟนหล่อ ไม่ก็ถามว่าแฟนเหรอ เจ้าตัวก็ตอบกลับว่าไม่ใช่แฟน แค่ครูที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน

            เมื่อเห็นว่าไม่มีคนที่ถูกแท็กอยู่ในภาพมาคอมเมนต์อะไรเลย หญิงสาวจึงรู้สึกโล่งใจ จากนั้นก็หมดความสนใจปรายฟ้า แล้วหันไปสนใจชื่อเฟซบุ๊กที่ถูกแท็กมากกว่า

            เธอกดเข้าไปดูเฟซบุ๊กของรามิลทันที แล้วก็พบว่าไม่มีอะไรให้ส่องเลยสักนิดเดียว เพราะทุกอย่างถูกปิดเป็นส่วนตัวเสียหมดเลย แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็บอกให้เธอสู้ต่อ สุดท้ายเลยรวบรวมความกล้าแล้วกดส่งคำขอเป็นเพื่อนกับชายหนุ่มไป

            จันทร์จรัสใจเต้นตึกตักอยู่หลายนาที แต่พอไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาจากรามิล เธอก็คิดว่าเขาคงจะไม่ได้ว่างมานั่งเล่นเฟซบุ๊กอยู่ตลอดเวลาหรอกมั้ง หญิงสาวจึงปิดเฟซบุ๊กลงแล้วทำงานต่อ จนกระทั่งเสียงข้อความจากไลน์ดังขึ้น

 

            รามิล : ผู้หญิงจากดวงจันทร์ คือคุณจันทร์หรือเปล่าครับ

            จันทร์จรัส : ใช่ค่ะ

           

            ไม่กี่วินาทีต่อมา รามิลก็กดรับเธอเป็นเพื่อน  ดังนั้นจึงได้เวลาส่องแล้วสิ!

            บนไทม์ไลน์หน้าหลักของชายหนุ่มนั้นไม่เห็นภาพที่ถูกพี่ปรายคนสวยของน้องพีแท็กมาเลย แสดงว่าเจ้าตัวไม่รับแท็กจากใคร ยกเว้นจากแม่กับน้องชาย แล้วก็เพื่อนบางคน อยู่ๆ จันทร์จรัสก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

            “เหมือนกันอย่างกับพิมพ์” จันทร์จรัสพิจารณารูปแฝดสามอย่างถี่ถ้วน จากในภาพซึ่งทุกคนแต่งชุดนักศึกษาเหมือนกันหมดเลยแบบนี้ บอกตรงๆ เธอแทบแยกไม่ออก ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นคนที่ไม่ยิ้ม แต่ในภาพก็ดันมีคนไม่ยิ้มอยู่สองคน แล้วรามิลคือคนไหน

            แต่ในระหว่างที่หญิงสาวส่องรามิล เธอก็ไม่ทันคิดว่าเขาเองก็อาจจะส่องเธอบ้างจนกระทั่งมีแจ้งเตือนว่าคนกดไลก์รูปเธอ พอจันทร์จรัสกดไปดูก็พบว่าเป็นรูปสมัยรับน้องตอนเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง หน้าตาดูไม่ได้เพราะเต็มไปด้วยสีและแป้ง

            “ตายห่า! ลืมเลยว่าส่องเขา เขาก็ต้องส่องเรากลับสิวะ” แก้มของจันทร์จรัสร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าส่องไปจนถึงรับน้องขนาดนี้ ภาพบ้าๆ บอๆ ที่ถ่ายเล่นกับเพื่อนก็ถูกเห็นหมดน่ะสิ

            สุดท้ายจึงได้แต่กุมขมับ จะมาอันเฟรนด์หรือบล็อกตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว!