6 ตอน 06
โดย oceanofstars
06.
ดาริการู้สึกว่า ตัวเองสนิทสนมกับอันธิกามากขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ถูกเจ้าของร้านข้าวแกงแกล้งให้ดื่มน้ำขิงแก่ที่ทั้งเผ็ด ทั้งร้อน และขมจัดเพื่อให้สร่างเมา เพราะหลังจากวันนั้น ดาริกาก็เทียวไปเทียวมา แวะไปกินข้าวเที่ยงบ้าง ไปกินบัวลอยตอนเย็นบ้าง จนทำเอาชุติกับศศินเอาเรื่องที่ดาริกาแทบจะไม่กลับบ้านใหญ่มาล้อเลียนไม่หยุดปาก
หญิงสาวยอมรับกับตัวเองว่าสนใจอันธิกา ถึงแม้ว่าจะไม่มีสิทธิ์พัฒนาความสัมพันธ์ แต่อันธิกาก็เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนน้องสาวที่ดาริกาคอยเอาใจช่วยอยู่เสมอ เพราะงานขายอาหารที่อันธิกาทำเลี้ยงชีพเป็นงานที่หนักไม่น้อยสำหรับหญิงสาวตัวเล็กๆ สองคน แต่อันธิกากับจุ๋มก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
วันอาทิตย์นี้ ดาริการับข้าวเช้ากับน้องๆ ที่บ้าน แล้วขับรถออกมาข้างนอก เมื่อรถผ่านหน้าร้านข้าวแกง ก็เห็นประตูบานเฟี้ยมปิดเงียบ ส่วนหน้าต่างชั้นสองเปิดแง้มๆ ไว้ เห็นแต่ผ้าม่านผ้ามัสลินที่ไหวน้อยๆ ตามลม คอยบังสายตาคนภายนอก หญิงสาวขับรถไปจอดเลยร้านของชำของเจ๊แมวไปหน่อยหนึ่งแล้วเดินลงจากรถมาพร้อมกับถือกระเป๋าถือใบเล็ก
เจ้าของร้านของชำเห็นดาริกาเข้า ก็ร้องทักอย่างยินดี
"คุณดา มาพอดีเลยค่ะ เจ๊กำลังจะโทรศัพท์ไปถามพอดีว่าคุณจะมาเก็บค่าเช่าวันไหน เข้ามานั่งดื่มน้ำก่อนสิคะ"
"ตอนแรกดาจะมาวันจันทร์ล่ะค่ะ แต่พอดีวันนี้ไม่มีอะไรทำ ก็เลยขับรถมาเสียเลย" ดาริกายิ้มน้อยๆ แล้วมองดูแมวสีส้มตัวหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตาเลียน้ำสะอาดในถ้วย "เจ๊เอาแมวมาเลี้ยงเพิ่มหรือคะ"
"เพื่อนหนูบัวตูมค่ะ ไม่รู้ว่าไปเก็บมาจากไหน มากินข้าวบ้านเจ๊สองสามวัน ไม่ไปไหนเสียเฉยเลย" เจ๊แมวพูดแล้วลูบหัวแมวสีขาวดำของตัวเองที่ตั้งชื่อว่า บัวตูม ทีหนึ่ง "คุณดาดื่มโคล่าเหมือนเดิมหรือเปล่าคะ"
"ค่ะ ขอน้ำแข็งด้วยนะคะ"
"ได้เลยค่ะ"
เจ๊แมวลุกไปล้างมือ แล้วตักน้ำแข็งใส่แก้วมาให้ดาริกา พร้อมกับเปิดโคล่ามาขวดหนึ่งให้ดาริกา หญิงสาวนั่งตัวแข็งเมื่อแมวส้มที่กินน้ำจนพอใจแล้ว เดินมาวนเวียนใกล้ขาของเธอ ก่อนจะทิ้งตัวลงเอาหัวถูไถหลังเท้าของดาริกา เจ๊แมวหยิบเงินมาให้ดาริกา และเห็นพฤติกรรมของแมวส้มเข้า ก็ถึงกับอุทานเสียงใส
"แหม หนูส้มซ่าเนี่ย ช่างอ้อนนะคะ ดูสิคะ อ้อนคุณดาใหญ่เลย" เจ๊แมวพูดพลางอุ้มส้มซ่า แมวตัวใหม่มาวางบนตักตัวเอง และส่งเงินให้ดาริกา "คุณดานับดูก่อนนะคะ"
"ไม่ต้องนับหรอกค่ะ ดาเชื่อมือเจ๊แมว"
ดาริกาตอบแล้วเก็บเงินใส่กระเป๋า ก่อนจะรินน้ำอัดลมดื่มไปจนหายร้อน เจ๊แมวนั่งเกาคางให้ส้มซ่า ส่วนบัวตูมกระโดดไปนอนบนโต๊ะเก็บเงินของเจ๊แมวอย่างสบายอารมณ์ ดาริกามองดูเจ๊แมวยิ้มกับแมวส้มบนตักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปาก
"พอร้านคุณอันปิด แถวนี้ก็เงียบเชียวนะคะ"
"วันอาทิตย์ก็เงียบอย่างนี้ล่ะค่ะ หนูอันเขาหยุดขายวันอาทิตย์แล้วก็ดีเหมือนกันค่ะ เจ๊เห็นเขาทำงานกันแต่เช้าจรดเย็นแล้วเหนื่อยแทน วันนี้เห็นหนูจุ๋มเขาไปเรียนตัดเสื้อตั้งแต่เช้าเชียวค่ะ"
"จุ๋มไปเรียนตัดเสื้อหรือคะ ดาเพิ่งทราบก็ตอนนี้เอง" ดาริกาถามอย่างแปลกใจ ก่อนจะดื่มน้ำอัดลมอีกอึก ส่วนเจ๊แมวก็เล่าต่ออย่างไม่ติดขัด
"ใช่ค่า หนูจุ๋มเขาเก็บเงินมาสักพักแล้ว แต่ที่บ้านมีเรื่องต้องใช้จ่ายเยอะ น้องเขาก็มีตั้งหลายคน เลยเงินไม่พอไปเรียนตัดเสื้อเสียที หนูอันเขาเลยออกให้ก่อน แล้วให้หนูจุ๋มค่อยๆ ผ่อนคืนไปค่ะ"
"อย่างนั้นเองนะคะ แล้วนี่คุณอันเขาไม่อยู่หรือคะ ดาเห็นบ้านปิด"
"อยู่นะคะ เมื่อเช้าเจ๊เห็นเขามาใส่บาตรอยู่" เจ๊แมวชะเง้อไปมองนอกร้าน แล้วทำเสียงกระซิบกระซาบบ่งบอกว่าระวังตัวเต็มที่ "แต่ปิดบ้านเงียบอย่างนั้น สงสัยจะเป็นเพราะกลัวลูกชายร้านอะไหล่น่ะสิคะ"
"ทำไมล่ะคะ" ดาริกาถามอย่างครุุ่นคิด "ลูกร้านอะไหล่ที่ชื่อ ปฐม น่ะหรือคะ"
"ใช่ค่ะ ปฐมนั่นล่ะค่ะ เขามาจีบหนูอัน เช้าถึงเย็นถึง หนูอันเขาเป็นคนค้าคนขาย จะไล่ลูกค้าก็ไม่ได้ ได้แต่ยิ้มแหยๆ ทุกที หนูจุ๋มบอกเจ๊ว่า เขามาชวนหนูอันไปดูหนังหลายทีแล้ว แต่หนูอันบอกว่าทำงานทุกวัน ไปไม่ได้ เขาก็เลยชวนไปวันอาทิตย์ แต่หนูอันก็บอกว่ามีธุระ สงสัยวันนี้ที่ปิดบ้านเงียบ เพราะกลัวปฐมจะมาชวนไปดูหนังนั่นล่ะค่ะ"
"คนเขาบอกว่าไม่ไปแล้ว ยังจะมาเทียวไล้เทียวขื่ออีกหรือคะ"
"ก็เขาชอบหนูอันนี่คะ เขาก็พยายามจะเอาชนะใจล่ะค่ะ"
ดาริกานิ่วหน้าอย่างไม่ชอบใจ หญิงสาวนั่งคุยกับเจ๊แมวต่อด้วยเรื่องบ้านเช่าอีกซอยที่คนเช่ากำลังจะย้ายออก เมื่อตกลงเรื่องค่าใช้จ่าย และค่าเช่าใหม่เสร็จแล้ว ดาริกาก็ขอตัวออกมา หญิงสาวเดินไปที่รถของตัวเอง ก่อนจะหยุดนิ่งๆ ไม่เปิดประตูรถ แต่ดวงตากลมโตหันไปมองทางห้องของอันธิกา สุดท้ายดาริกาก็ตัดสินใจสวมแว่นกันแดด เดินย้อนไปหยุดหน้าบานเฟี้ยมร้านข้าวแกงที่ปิดสนิท มือเรียวยกขึ้นเคาะบานเฟี้ยมไม่เบานัก แล้วส่งเสียงเรียก
"คุณอัน ดาเองค่ะ"
เสียงเดินเบาๆ ค่อยๆ เข้ามาใกล้บานประตู ก่อนที่บานเฟี้ยมค่อยๆ เปิดออก ดวงหน้ารูปไข่ของอันธิกาอยู่หลังบานเฟี้ยม หญิงสาวยิ้มเย็นๆ ตามนิสัย ก่อนจะเปิดประตูให้ดาริกาเข้ามาด้านใน และปิดประตูไว้ตามเดิม ในร้านค่อนข้างมืดเพราะแสงไม่เข้า แต่ก็ยังพอมีแสงจากประตูด้านหลังที่เปิดไว้ ดาริกาเลื่อนแว่นกันแดดขึ้นคาดศีรษะ ก่อนจะเอ่ยปากกับหญิงสาวเจ้าของห้องเช่า
"ปิดประตูอย่างนี้มืดแย่เลยนะคะ"
"อันอยู่คนเดียวน่ะค่ะ ก็เลยปิดไว้ดีกว่า" อันธิกาตอบแล้วยิ้มแหยๆ อย่างลำบากใจ ก่อนเอ่ยถาม "วันนี้คุณดามาอยู่บ้านนี้หรือคะ"
"ใช่ค่ะ" ดาริกาตอบพลางมองดูหญิงสาวที่กุลีกุจอไปชงชามาให้ "คุณอันกลัวปฐมหรือคะ พอดีเจ๊แมวเล่าให้อันฟังแล้วล่ะค่ะ เรื่องที่เขามาชวนคุณอันไปข้างนอกบ่อยๆ"
"ที่จริงก็ไม่ได้กลัวหรอกค่ะ" อันธิกาวางแก้วชาจีนใส่น้ำแข็งให้แขกที่นั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ "เขามาชวนหลายทีแล้ว ถึงอันบอกไปแล้วว่าไม่สะดวกไปด้วย แต่เขาก็ยังชวนอยู่เรื่อยๆ เลยไม่รู้จะปฎิเสธเขาอย่างไรดีน่ะค่ะ"
"ก็เลยปิดบ้านหลบแทนอย่างนั้นหรือคะ"
ดาริกาแกล้งล้อ แต่พอเห็นอันธิกายิ้มแหยๆ อย่างไม่รู้จะตอบอย่างไร หญิงสาวก็ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยปาก
"ดาล้อเล่นค่ะ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ เหมือนดารังแกคุณอันอย่างไรก็ไม่รู้"
อันธิกายิ้มน้อยๆ เมื่อได้ยิน ดาริกาจึงตัดสินใจเอ่ยปากออกไป
"วันนี้คุณอันต้องทำอะไรหรือเปล่าคะ"
"จริงๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรค่ะ เมื่อเช้าอันเตรียมพวกของแห้งที่จะเอาไว้ใช้ตอนเปิดร้านเสร็จแล้ว ตอนบ่ายก็ไม่มีอะไรต้องทำแล้วค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้น พอจะไปธุระเป็นเพื่อนดาได้ไหมคะ"
คำถามของดาริกาทำให้อันธิกาเอียงคอมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ แต่ดาริกากลับยิ้มกว้าง พร้อมกับทำตาเป็นประกายซุกซนจนอันธิกาไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกหรือไม่ที่ตอบตกลง
**
อันธิกาสวมชุดกระโปรงคอบัวแขนสั้น สีฟ้าอ่อน ยาวคลุมครึ่งเข่า และรวบผมเป็นหางม้าไว้อย่างเรียบๆ เมื่อลงจากรถยนต์เมอร์ซิเดสเบนซ์คันหรูของดาริกาในถนนเล็กๆ เส้นหนึ่งที่ทะลุออกไปถนนมังกร ในย่านเยาวราชได้ หญิงสาวก็รู้สึกว่าตัวเองดูเหมือนเด็กไม่ประสีประสา มือเรียวของอันธิกาจับสายกระเป๋าสะพายของตัวเองไว้หลวมๆ เสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่ แม้จะเป็นชุดที่ตัดเย็บอย่างปราณีต แต่ก็เก่าเก็บมาเป็นปี กระเป๋า รองเท้าที่ใช้ก็เป็นของราคาไม่แพงนัก ซ้ำยังใช้สอยมานานจนเริ่มเก่า
ส่วนดาริกาสวมเสื้อคอจีนไม่มีแขนสีนวลกับกระโปรงทรงสูงคลุมเข่าสีดำ ทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ ประกอบกับท่าขยับแว่นตากันแดดราคาแพงจากต่างประเทศ ก็ยิ่งทำให้ดาริกาดูมั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้น จนทำให้อันธิกานึกกังวลในใจว่าตัวเองจะแต่งตัวมาไม่เหมาะกับธุระที่ดาริกาชวนมาเป็นเพื่อน
"ไปกันค่ะคุณอัน" ดาริกาเงยหน้าขึ้นพูดเมื่อเก็บกุญแจรถยนต์เข้ากระเป๋าถือแล้ว "เดินมาทางนี้นะคะ ระวังหน่อย พื้นมันเดินยากหน่อยค่ะ"
พูดจบดาริกาก็คว้ามือของอันธิกามากุมไว้หลวมๆ ก่อนจะพาหญิงสาวเข้าซอยเล็กๆ บรรยากาศในเยาวราชตอนกลางวัน ทำเอาคนที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหนอย่างอันธิกามองซ้ายมองขวาอย่างสนใจ บรรยากาศอันคึกคัก และมีชีวิตชีวาของพ่อค้าแม่ขายที่ขายทั้งอาหารปรุงสำเร็จ และผลไม้สด ทำให้คนรักการทำอาหารและมีหัวด้านการค้าขายอย่างอันธิกาเห็นความครึกครื้นเหล่านี้เป็นเหมือนขุมทรัพย์ล้ำค่า ในใจของหญิงสาวคอยประเมินต้นทุน กำไรคร่าวๆ ของแต่ละร้านที่เห็นไปตลอดระหว่างทาง
เพราะมัวแต่สนใจสิ่งรอบตัว ไม่ทันรู้ตัวก็เดินทะลุออกมาที่ถนนพลับพลาไชย และเพิ่งเอะใจว่ามือของตัวเองยังถูกดาริกาที่เดินไปพลาง ยกกระเป๋าขึ้นบังใบหน้ากันแดดไปด้วยกุมไว้ไม่ปล่อย
อันธิกาลังเลใจว่าจะดึงมือออกจากมือของอีกฝ่ายดี หรือว่าจะปล่อยไปอย่างนี้ดี
ดาริกาสวมรองเท้าส้นสูง แต่เดินได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อหลุดจากย่านที่มีผู้คนคึกคัก ก็หันมาหาหญิงสาวที่เดินมาด้วยกัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ อย่างรู้สึกผิด
"เดินอีกนิดเดียวก็ถึงแล้วค่ะคุณอัน ร้อนหน่อยนะคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ" อันธิกาตอบแล้วยิ้มจางๆ "ว่าแต่เราจะไปไหนกันหรือคะ"
"ไปวัดค่ะ ข้างหน้านี้ล่ะค่ะ"
ดาริกาตอบ และจูงมืออันธิกาเข้าวัดที่อยู่ริมถนน หญิงสาวเดินฉับๆ ไปยังศาลาเล็กๆ หลังหนึ่ง และปล่อยมืออันธิกา ก่อนยกมือขึ้นไหว้หญิงวัยกลางคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ในศาลาด้วยท่าทีไม่ขัดเขิน อันธิกาพลอยต้องยกมือไหว้ตามไปด้วย และยิ้มอ่อนๆ เมื่อนั่งมองบรรดาคนรู้จักของดาริกาเอ่ยทักทายหญิงสาว เมื่อดาริกาหยิบซองหนาๆ ยื่นส่งให้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งแล้ว ก็เดินกลับออกมาหาอันธิกาที่นั่งรออยู่
"เสร็จธุระแล้วค่ะคุณอัน"
"ค่ะ" อันธิกาตอบรับสั้นๆ แล้วลุกขึ้นเดินเคียงอีกฝ่ายออกมา "ตอนแรกอันนึกว่าคุณดาจะชวนมาไหว้พระเสียอีกค่ะ"
คำพูดของอันธิกาทำให้คนฟังหัวเราะเสียงใส เมื่อเดินพ้นประตูวัด ย้อนกลับมาตามทางเดิมแล้ว ดาริกาก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ
"ดาดูเหมือนคนเคร่งศาสนาขนาดนั้นเลยหรือคะ ที่จริงเป็นธุระที่คุณแม่วานมาน่ะค่ะ คุณน้าคนนั้นที่ดาไปหา เป็นคนรู้จักของคุณแม่ค่ะ เขาจะสร้างกุฎิถวายวัด เลยชวนคุณแม่มาร่วมบุญ แต่พอดีท่านไม่สะดวกมาเอง เลยให้ดาเอาเงินมาให้น่ะค่ะ" ดาริกาพูดแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์จนอันธิกาเดาได้ว่า ดวงตากลมสวยใต้แว่นกันแดดอันโตคงจะเป็นประกายน่าดู
"คุณอันรู้ไหมคะ ว่าวัดที่เราไปมีประวัติด้วยนะคะ"
"มีประวัติอะไรหรือคะ อันไม่ค่อยรู้หรอกค่ะ" อันธิกาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ แล้วยิ้มอย่างขัดเขิน "เห็นแต่ป้ายชื่อวัด ว่าชื่อวัดคณิกาผล"
"ประวัติของวัดก็ตรงตัวกับชื่อเลยค่ะ เป็นวัดที่สร้างมาจากเงินที่ได้จากโสเภณีสมัยรัชกาลที่ 3 ค่ะ ตอนนั้นที่ตรอกเต๊าในเยาวราช มีโรงโสเภณีชื่อโรงยายแฟง ตามชื่อเจ้าของ ยายแฟงกับบรรดาสาวๆ ของแก รวมเงินกันสร้างวัดนี้ขึ้นมา แถมตอนฉลองวัด ยังนิมนต์สมเด็จพระพุฒาจารย์โตมาสวด แต่กลับโดนบอกว่าทำบุญครั้งนี้ แทนที่จะได้บุญเต็มเม็ดเต็มหน่วย กลับได้เพียงเสี้ยวเดียว เพราะเงินที่เอามาสร้างวัดน่ะ ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง เป็นเงินจากการขายบริการ"
อันธิกาถึงกับทำหน้าไม่ถูก หญิงสาวมองดูคนที่เดินอยู่ข้างๆ กัน และใคร่ครวญอยู่หลายอึดใจ ก่อนจะเอ่ยปาก
"แต่อันว่า แบบนี้ไม่ถูกเลยนะคะ"
คิ้วที่ตกแต่งไว้อย่างดีใต้แว่นกันแดดของดาริกาเลิกขึ้นเล็กน้อย อันธิกาจึงเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง
"ถึงเงินที่เอามาสร้างวัด จะเป็นเงินกำไรจากการขายบริการ แต่อันคิดว่าเงินนั้นก็ไม่ได้ไปลักไปขโมยของใครมา ยิ่งถ้าบอกว่า ทำบุญแล้วได้บุญไม่เต็มใบ ยิ่งไม่ถูกใหญ่เลยไม่ใช่หรือคะ ถ้าว่าอย่างนั้น ก็หมายถึงว่า คนที่ทำอาชีพขายบริการ ไม่มีทางได้บุญเท่าคนอื่น อย่างนี้ไม่เท่ากับเห็นคนไม่เท่ากันหรือคะ"
อันธิกาพูดอย่างที่ใจคิด และรู้สึกขัดเขินไม่น้อย เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มกริ่มของดาริกา ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดขึ้น
"โลกนี้ก็ใจแคบกับผู้หญิงอย่างนี้เสมอล่ะค่ะ แต่ในเมื่อคุณอันตอบได้ดี ดาก็มีรางวัลให้ค่ะ เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงของอร่อยนะคะ"
ไม่รู้ว่าเพราะคำชม น้ำเสียง หรือรอยยิ้มที่เจิดจ้าเหมือนแสงตะวันของดาริกา ที่ทำให้อันธิการู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงกว่าที่เคย
**
ของอร่อยที่ดาริกาว่าอยู่ในภัตตาคารแห่งหนึ่งบนถนนเยาวราช อันธิกานั่งดูสมุดรายการอาหารที่บริการนำมายื่นให้อย่างลังเลใจ ราคาอาหารที่กำกับอยู่ทำเอาอันธิกาไม่กล้าเลือกสั่งอะไรสักอย่างด้วยความเกรงใจ แม้ดาริกาจะยืนยันว่าให้เลือกสั่งได้ตามใจชอบก็ตาม
อันธิกาใช้ชีวิตอย่างมัธยัสถ์มาตลอดหลายปี เมื่อเห็นอาหารราคาแพงเหล่านี้ จึงทำใจสั่งไม่ได้ เพราะนึกเสียดายเงิน และดูเหมือนดาริกาจะพอเข้าใจ หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายสั่งอาหารให้แทน และเอ่ยปากเมื่อบริกรรับรายการอาหารไปแล้ว
"ร้านนี้ทำซุปเสฉวนอร่อยค่ะ รสค่อนข้างนุ่มนวล เสี่ยวหลงเปาก็อร่อยมาก ดาอยากให้คุณอันลองชิม"
"คุณดาสั่งไปตั้งหลายอย่าง เราสองคนจะทานไม่หมดเอานะคะ"
คำพูดของอันธิกา ทำให้ดาริกายิ้มอย่างเอ็นดู หญิงสาวดึงแว่นกันแดดที่คาดศีรษะไว้เมื่อครู่ มาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ
"ติ่มซำเข่งหนึ่งมีสองสามชิ้นเท่านั้นเองค่ะ คุณอันไม่ต้องกลัวทานไม่หมดนะคะ"
อันธิกาพยักหน้ารับน้อยๆ ในจังหวะที่หญิงสาวที่เป็นนักร้องประจำร้านเดินขึ้นไปบนเวทียกพื้นเตี้ยๆ บริเวณแถวหน้าของนักดนตรี และเสียงเพลงก็เริ่มบรรเลง ลูกค้าในร้านปรบมือเป็นพิธี ก่อนจะเริ่มต้นพูดคุย และรับประทานอาหารคลอไปกับเสียงเพลง เสียงดนตรีที่คุ้นหูทำให้อันธิกามองไปทางเวทีอย่างสนใจ เมื่อนักร้องสาวที่สวมชุดกี่เพ้าสีแดงสดเริ่มร้องเพลง
"คุณอันชอบฟังเพลงจีนด้วยหรือคะ" ดาริกาถามขณะที่ดื่มน้ำชาที่ทางร้านยกมาบริการ
"เปล่าค่ะ แต่อันรู้จักเพลงนี้น่ะค่ะ" เมื่อเห็นสีหน้าทึ่งจัดของดาริกา อันธิกาก็เอ่ยเล่าต่อ "เมื่อก่อนตอนอันอยู่ที่บ้าน คนข้างบ้านอันเขามีเชื้อสายจีนค่ะ ที่บ้านตอนกลางวันจะมีแต่คุณยายที่แก่มากแล้ว อยู่กับเด็กที่ดูแลคนหนึ่ง อันเรียกแกว่า อาม่า ตามคนที่บ้านแก เวลาวิทยุจีนที่แกฟังเปิดเพลงนี้ แกจะเร่งเสียงให้ดังค่ะ อันได้ยินบ่อยๆ เลยจำได้ พอแกเดินมาซื้อแกงตอนเช้า เลยถามแกว่าเพลงอะไร แกเลยแปลให้ฟังว่า ชื่อเพลงเป็นไทยว่า ดอกไม้กลางฝนในยามค่ำค่ะ แถมยังแปลเนื้อเพลงให้ฟังด้วย แกพูดไทยได้ แต่ไม่ชัด อันก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เคยได้ยินแกเปิดบ่อยๆ เลยจำดนตรีได้ค่ะ"
ดาริกาเอียงคอมองใบหน้าที่มีรอยยิ้มจางๆ ของอันธิกาอย่างสนใจ ก่อนเอ่ยปากถาม
"เนื้อเพลงว่าอย่างไรบ้างหรือคะ เล่าให้ฟังบ้างสิคะ ดาอยากฟัง"
"ก็ประมาณว่า ดอกไม้กลางสายฝนในยามค่ำ ร่วงลงพื้นท่ามกลางสายลมและสายฝน ไม่มีใครเข้าใจถึงความเจ็บช้ำในชีวิต ดอกไม้ที่ร่วงลงพื้นก็ตายไป และจะไม่ได้กลับมาเบ่งบานอีก ประมาณนี้ค่ะ"
"เพลงเศร้าจัง"
ดาริกาพูดพลางถอนหายใจ และตีสีหน้าเศร้าจนอันธิกาหลุดขำไม่ได้ เมื่อเห็นรอยยิ้มของอันธิกา ดาริกาก็เอ่ยปากชวนคุยต่ออย่างเป็นธรรมชาติ
"แล้วคุณอันย้ายออกมาอยู่ที่นี่ อาม่าข้างบ้านคิดถึงฝีมือทำกับข้าวคุณอันแย่สิคะ"
"อาม่าแกเสียไปประมาณปีหนึ่งก่อนอันจะย้ายออกมาค่ะ" ดวงตาของอันธิกามีรอยหมองหม่นเล็กน้อยเมื่อเล่าต่อ "อันเคยได้ยินว่าอาม่ามาจากเมืองจีน แกโดนรัดเท้าให้เท้าเล็กตั้งแต่เด็กๆ เลยเดินได้ไม่ถนัด ขนาดเดินมาบ้านอันที่อยู่ข้างๆ ยังต้องค่อยๆ เดิน วันนั้นเด็กที่เลี้ยงแกออกไปซื้อของ แกคงจะลุกขึ้นทำอะไรสักอย่าง แล้วล้ม ศีรษะฟาดพื้น เด็กที่เลี้ยงแกกลับมาเจอก็หมดสติไปแล้ว ส่งโรงพยาบาลหมอก็ว่าไม่ไหวแล้ว แล้วแกก็เสียเลยค่ะ"
"ดาเคยอ่านเรื่องการรัดเท้านะคะ เห็นแล้วดาไม่เข้าใจเลยค่ะ" ดาริกาเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย "มันไม่ต่างจากการทำให้คนคนหนึ่งพิการไปตลอดชีวิตเลยนะคะ"
"ตอนอันเห็นเท้าแกครั้งแรกก็ตกใจเหมือนกันค่ะ เพราะเท้าเล็กมาก เล็กเหมือนเท้าเด็ก"
ดาริกาทำหน้ายู่อย่างไม่ชอบใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะบริกรยกอาหารมาให้ ดาริกาจึงบอกให้อันธิการีบชิมซุปเสฉวนที่ใส่ชามกระเบื้องเคลือบเล็กๆ มีฝาปิดก่อนอย่างอื่น หญิงสาวตักชิมรสดู และเงยหน้าสบตากับดาริกาที่มองมาอยู่
"เป็นอย่างไรคะ อร่อยไหมคะ"
"อร่อยดีค่ะ มีคล้ายๆ กระเพาะปลา แต่มีรสเปรี้ยวนิดๆ แล้วก็เผ็ดพริกไทย"
"เก่งจังเลยค่ะ ชิมคำเดียวก็บอกได้ละเอียดเลย"
คำชมของดาริกาทำเอาแก้มของอันธิการ้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งคู่ทานซุปร้อนๆ จนหมดถ้วย ก่อนจะเริ่มชิมอาหารพวกติ่มซำ เสี่ยวหลงเปาลูกเล็ก แป้งบาง ข้างในมีน้ำแกงหอมหวานร้อนๆ เนื้อหมูหอมขิงสับ ทำให้รสกลมกล่อมในคำเดียว อันธิกาชิมอาหารอย่างละนิดอย่างละหน่อย ก่อนจะเอ่ยปากกับคนที่พามา
"อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ"
"ดีใจจังเลยค่ะที่คุณอันชอบ" ดาริกาพูดเสียงสดใส "ร้านนี้เป็นร้านโปรดของดาเลยค่ะ ดาชอบมาทานมาก ลองทานเผือกทอดนี่ดูสิคะ เขาทอดได้ดี ไม่อมน้ำมันเลยค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
อันธิการับของทอดที่ดาริกาคีบใส่จานมาให้ และลองชิมดู แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร ก็สังเกตเห็นนักร้องสาวลงจากเวที และเดินโปรยยิ้มหวานตรงมาที่โต๊ะของดาริกา อีกฝ่ายส่งยิ้มให้นักร้องสาว และเอ่ยปาก
"นั่งก่อนสิคะ"
"ขอบคุณค่ะ"
นักร้องสาวนั่งตรงข้ามกับอันธิกา ก่อนจะหยิบกล่องใส่บุหรี่ออกมา และหยิบบุหรี่ตัวเล็กมาคาบไว้ที่ริมฝีปาก ดาริกาหยิบไม้ขีดไฟมาจุดบุหรี่ให้กับนักร้องสาวที่เอียงหน้าไปใกล้ๆ ท่าทีสนิทสนมใกล้ชิดนั้นทำให้อันธิการู้สึกแปลกๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นบุหรี่เจือจางอยู่ในอากาศ ก่อนที่ดวงตาชั้นเดียวแต่เป็นประกายที่อ่านไม่ออกคู่นั้นจะมองตรงมาที่อันธิกา
"เพื่อนใหม่ของคุณดาหรือคะ ไม่เคยเห็นหน้าเลย"
"ใช่ค่ะ นี่คุณอันค่ะ คุณอันคะ นี่คุณเหมย เป็นนักร้องประจำร้านนี้ค่ะ"
"สวัสดีค่ะ" อันธิกายกมือไหว้ และอีกฝ่ายก็ยกมือรับไหว้อย่างสุภาพ อันธิกาจึงพูดขึ้นเพื่อไม่ให้รู้สึกประดักประเดิด "คุณเหมยร้องเพลงเพราะมากเลยค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ ปกติพี่ก็ร้องแต่เพลงจีนค่ะ ขอแทนตัวเองว่าพี่นะคะ เพราะดูแล้วคุณอันน่าจะเด็กกว่าพี่"
"เด็กกว่าอยู่แล้วค่ะ เด็กกว่าดาด้วย" ดาริกาพูดอย่างสดใส "คุณเหมยทานอะไรหน่อยไหมคะ สั่งเลยค่ะ ดาเลี้ยงเอง"
"ไม่ล่ะค่ะ เดี๋ยวเหมยมีไปร้องเพลงต่อ"
"นึกว่าจะอยู่คุยด้วยกันได้นานๆ เสียอีกค่ะ"
"แหม คุณดามีเพื่อนมาด้วย จะมาคุยกับเหมยทำไมคะ" หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ก่อนเหลือบมองอันธิกา "คุณอันต้องระวังหน่อยนะคะ คุณดาเธอใจดีไปทั่วแบบนี้น่ะล่ะค่ะ"
อันธิกาได้แต่ยิ้ม และมองดูดาริกากับคุณเหมยพูดคุยกันด้วยเรื่องอื่นๆ ที่ทั้งคู่รู้เรื่องกันดี หลังจากนั่งคุยกันไปครู่หนึ่ง ดาริกาก็ขอตัวลุกไปห้องน้ำ ทิ้งให้อันธิกานั่งอยู่ที่โต๊ะกับคุณเหมยตามลำพัง อันธิกาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดี แต่กลับเป็นคุณเหมยที่ทักขึ้นมาก่อน
"คุณอันรู้จักกับคุณดานานแล้วหรือคะ"
"เพิ่งรู้จักกันค่ะ พอดีอันไปเช่าห้องของคุณดาน่ะค่ะ วันนี้เธอขอให้มาทำธุระเป็นเพื่อน ก็เลยพามาเลี้ยงข้าวตอบแทนที่นี่ค่ะ"
"อ๋อ มาเลี้ยงตอบแทนนี่เอง" ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดของคุณเหมยคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยปาก "ปกตินอกจากคนในครอบครัวแล้ว คุณดาไม่เคยพาเพื่อนคนไหนมาทานอาหารที่นี่เลยนะคะ นอกจากคุณน้ำผึ้ง พี่เพิ่งเคยเห็นคุณดาพาเพื่อนมาเป็นครั้งแรกเลยแปลกใจน่ะค่ะ"
"อันนึกว่าเป็นร้านประจำของคุณดากับเพื่อนๆ เสียอีกค่ะ"
"ไม่ใช่หรอกค่ะ พี่เคยถาม คุณดาบอกว่า เธอชอบร้านนี้มากจนอยากเก็บร้านนี้ไว้คนเดียว ไม่อยากแบ่งให้คนอื่นน่ะค่ะ"
อันธิกาพยักหน้ารับ แม้ว่าจะไม่เข้าใจ แต่ไม่ทันได้พูดคุยอะไรต่อ ดาริกาก็เดินกลับมาที่โต๊ะ คุณเหมยจึงเอ่ยปากขอตัวแยกออกไป ดาริกาสั่งผลไม้เป็นของหวานให้อันธิกา เมื่อจัดการมื้ออาหารเรียบร้อย อันธิกาก็นั่งรถกลับไปพร้อมกับดาริกา หญิงสาวเจ้าของรถเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสดใส
"วันนี้คุณอันออกมากับดาก็เหนื่อยเลยนะคะ"
"ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ ไม่ได้ทำอะไรมากเลยค่ะ" อันธิกาตอบ และหลุดถามสิ่งที่คาใจ "คุณดารู้จักกับคุณเหมยนานแล้วหรือคะ"
"รู้จักนานแล้วค่ะ ตั้งแต่เมื่อก่อนที่มาทานที่ร้านนี้แรกๆ เลยได้คุยกันค่ะ คุยไปคุยมาก็สนิทกันค่ะ"
"อย่างนั้นเองนะคะ"
ดาริกาหันไปยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะตั้งสมาธิไปกับการขับรถ แต่อันธิกาที่นั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับ กลับนึกถึงสีหน้า และท่าทางของคุณเหมย รวมทั้งชื่อ คุณน้ำผึ้ง ที่อันธิกาไม่รู้ว่าเป็นใคร และเมื่อย้อนคิดแล้วถึงได้พบว่า ความจริงอันธิกาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดาริกาเลยสักอย่างเดียว
#ดุจดารานำทาง
talk: สวัสดีค่ะ กลับมาอีกแล้วกับเรื่องนี้ หวังว่าจะยังคิดถึงคุณดากับคุณอันกันนะคะ และเพลงที่คุณอันกับคุณดาพูดถึง เป็นเพลงสำเนียงฮกเกี้ยนของประเทศไต้หวัน ชื่อเพลง Rainy night flower ค่ะ
ขอบคุณเสมอ เจอกันตอนหน้านะคะ
Comments (0)