1 ตอน 01
โดย oceanofstars
01.
"บ้านนี้อยู่สบายค่ะ เจ๊รับรอง ทำเลดี ด้านหน้าเปิดเป็นร้านค้าขาย ชั้นบนเอาไว้อยู่ได้สบายๆ เพื่อนบ้านก็ดี ไม่มีอะไรน่ากลัว แถวอยู่ติดถนน คนเดินเข้าออกกันทั้งวัน กลางคืนก็ยังครึกครื้นนะคะ"
เจ๊แมว หญิงนายที่เป็นนายหน้าให้เช่าตึกแถวสองชั้นแถวบางรักเอ่ยปาก พลางใช้กุญแจพวงโตไขแม่กุญแจที่คล้องประตูบานเฟี้ยมเอาไว้ เมื่อปลดกุญแจได้ ก็ดันบานประตูเปิดออก อันธิกามองไปรอบตึกแถว ตัวตึกทาสีไว้ใหม่เอี่ยม ทำให้ดูไม่เก่า แม้จะเป็นตึกที่เคยมีคนมาอาศัยอยู่แล้ว เจ๊แมวถอดรองเท้า พลางเดินนำเข้าไปด้านใน
"ชั้นล่างก็กว้างขวางนะคะ ทำค้าขายอะไรก็สะดวกค่ะ ประตูหลังนี่เปิดออกไป จะเป็นลานซักล้างนะคะ กั้นจากตึกอื่นๆ เป็นสัดส่วนเลยค่ะ"
เจ๊แมวเปิดประตูออกไปที่ลานด้านหลัง ที่ก่ออิฐไว้สูงเกือบเท่าไหล่ผู้ชายตัวโตๆ มีลานซักล้างกว้างพอสมควร และมีห้องสุขาอยู่ห้องหนึ่งด้วย นายหน้าที่พาอันธิกามาดูยิ้มแฉ่งอย่างเป็นมิตร เมื่อเห็นว่าอันธิกาไม่มีท่าทีใดๆ ก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสดใส
"ไปค่ะ เดี๋ยวเจ๊พาไปดูห้องนอนชั้นบน"
"ค่ะ"
อันธิกาตอบเสียงเบา แต่เด็กสาวที่ชื่อ จุ๋ม ที่มาด้วยกันดึงแขนหญิงสาวไว้ ก่อนจะกระซิบถามเมื่อเจ๊แมวเดินนำขึ้นไปชั้นบน
"คุณอันคะ เราจะเช่าไหวหรือคะ ตึกแถวติดถนนอย่างนี้ น่าจะแพงนะคะ"
"ลองดูก่อนก็ดีกว่า ถ้าเข้าที ฉันอาจจะลองกัดฟันดู"
จุ๋มทำสีหน้าไม่ค่อยดีนัก แต่ขัดอันธิกาไม่ได้ สุดท้ายก็พากันเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยกัน เจ๊แมวยืนรออยู่แล้ว พร้อมกับเปิดประตูห้องนอนเล็กๆ ทั้งสองห้องให้ดู ห้องหนึ่งมีหน้าต่างเปิดออกไปฝั่งถนน อีกห้องเป็นส่วนที่เปิดออกไปทางหลังตึก เห็นลานหลังบ้าน และบ้านหลังอื่นๆ ที่อยู่ในซอยด้านหลัง
"เป็นอย่างไรคะ สนใจไหมคะ" เจ๊แมวถาม พร้อมยิ้มแป้น อันธิกายิ้มน้อยๆ ก่อนตอบกลับ
"ตึกดีมากค่ะ ทำเลก็ดี แต่ราคาสูงไป คงจะสู้ค่าเช่าไม่ไหว"
"เรื่องนี้ยังพูดกันได้ค่ะ เจ้าของตึกเธอใจดี ประเดี๋ยวเจ๊จะโทรศัพท์ไปที่บ้านเธอให้ ระหว่างเจ๊รอโทรศัพท์หาเธอ หนูก็ไปนั่งรอที่ร้านเจ๊ก่อนนะคะ มาค่ะๆ"
เจ๊แมวพูดอย่างรวบรัด และพาอันธิกากับจุ๋มลงมาด้านล่าง ก่อนจะปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย แล้วเดินนำไปยังตึกแถวที่อยู่ไม่ห่างกัน ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ เจ๊แมวหยิบน้ำเก๊กฮวยใส่น้ำแข็งมาให้อันธิกากับจุ๋มคนละแก้ว ก่อนจะไปเปิดสมุดจดเบอร์โทรศัพท์ แล้วหมุนเลขไปที่ปลายสาย รออยู่ครู่หนึ่งจึงพูดกับคนในโทรศัพท์
"สวัสดีค่ะ เจ๊แมวที่ดูเรื่องให้เช่าตึกของคุณดานะคะ จะขอเรียนสายคุณดาค่ะ" เจ๊แมวพูดแล้วเงยหน้ามายิ้มให้อันธิกาที่มองอยู่ ก่อนจะตอบปลายสาย "ได้ค่ะ"
อันธิกาลอบถอนใจเบาๆ เธอมีเงินติดตัวสำหรับใช้เริ่มต้นทำทุนอยู่เพียงหกร้อยบาท ซึ่งได้มาจากการขายสร้อยข้อมือเส้นที่ใส่ติดมือเป็นประจำตั้งแต่ยังเด็ก สร้อยเส้นนั้นเป็นสร้อยทองหนักสองสลึง เพราะเป็นทองเก่าแล้ว เจ้าของร้านทองจึงให้ราคาค่อนข้างต่ำ แต่อันธิกาก็ตัดใจขายไปทั้งที่เสียดาย เพราะจำเป็นต้องมีเงินทุน หากจะออกมาใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง
"สวัสดีค่ะคุณดา พอดีมีน้องเขามาดูตึกค่ะ แล้วก็อยากเช่าทำร้านขายข้าวแกง แต่เขาบอกว่าค่าเช่าสูงไป เขากลัวจ่ายไม่ไหวค่ะ คุณดาพอจะลดให้น้องเขาหน่อยได้ไหมคะ เขาบอกราคามาค่ะ"
อันธิกานั่งฟังเจ๊แมวเสนอราคาที่ตนเองจ่ายค่าเช่าไหวไปโดยปราศจากความคาดหวัง ที่จริงตึกที่เพิ่งไปดูมา ถือว่าทำเลดีกว่าหลายที่ เพราะที่นี่ใกล้ทั้งสำนักงาน และบริษัทห้างร้านหลายแห่ง ซ้ำยังติดถนน แม้จะไม่ใช่สายหลัก แต่ก็เป็นถนนสายรองที่มีรถ และผู้คนสัญจรผ่านไปมา รวมทั้งยังเป็นตึกปูนสองชั้นที่ค่อนข้างแข็งแรง หากเธอเช่าที่นี่ก็ไม่จำเป็นต้องหาบ้านเช่าเพิ่ม เพราะสามารถนอนพักที่ชั้นสองได้เลย
แต่ถ้าขายของไม่ได้ดีเท่ากับทุนค่าเช่าตึก ก็อาจจะจมทั้งทุนขายของ และทุนค่าเช่า ตอนนั้นเธออาจจะลำบากยิ่งไปกว่าที่เป็นในตอนนี้ ไหนจะยังต้องจ่ายค่าจ้างให้จุ๋มที่ต้องพามาเป็นลูกมืออีกคนอีก อันธิกากังวลจนลำคอตีบตันไปหมด แม้กระทั่งน้ำเก๊กฮวยหวานชื่นใจที่เจ๊แมวเอามาให้ดื่ม ยังแทบจะไร้รสชาติ
ถ้าหากเธอมีเงินทุนพอตั้งตัว อันธิกาคงไม่กังวลมากนัก แต่นี่แม้กระทั่งเงินเก็บของเธอ.. หญิงสาวหยุดความคิดของตนเองเอาไว้ที่ตรงนั้น เพราะถือว่าการมานั่งคิดเสียดายสิ่งที่ไม่อาจได้คืนนั้นเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ อันธิกาปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อเจ๊แมววางโทรศัพท์ และเดินยิ้มแฉ่งมาหา
"คุณดาเธอตกลงลดค่าเช่าให้เท่ากับที่หนูจ่ายไหวนะคะ แล้วก็เธอบอกว่าไม่เอาค่ามัดจำ จะย้ายเข้าวันไหนก็บอกกับเจ๊ไว้ได้เลย"
"จริงหรือคะ"
อันธิกาถามอย่างไม่เชื่อหู แล้วหันไปมองหน้าจุ๋มที่ทำหน้าตาดีใจอย่างปิดไม่มิด ราวกับต้องการขอคำยืนยัน
"จริงค่า" เจ๊แมวพูดอย่างเป็นกันเอง "คุณดาเธอใจดีค่ะ อีกอย่างเธอก็รวยมาก ตึกแถวฝั่งนั้นน่ะ ของเธอให้เขาเช่าทั้งนั้นล่ะค่ะ บ้านในซอยข้างหลังที่เป็นบ้านหลังใหญ่ๆ ที่สร้างใกล้เสร็จแล้วนั่นก็บ้านเธอค่ะ เห็นว่าจะสร้างไว้อยู่เอง"
"เจ้าของตึกเธอให้ราคานั้นจริงๆ หรือคะ"
อันธิกาถามย้ำ เพราะราคาที่ต่อรองไปนั้นคือราคาที่ลดไปเกือบครึ่งของราคาที่บอกให้เช่า เจ๊แมวเห็นสีหน้าไม่เชื่อของอันธิกา ก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนเอ่ยปาก
"ก็เมื่อครู่เจ๊บอกว่าหนูเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว มากับเด็กที่ช่วยงานคนหนึ่ง จะมาตั้งต้นทำข้าวแกงขาย คุณดาเธอเลยว่า ถ้าอย่างนั้นก็ให้ลองจ่ายเท่าที่ไหวมาก่อน เพราะตึกเธอปล่อยไว้เปล่าๆ ไม่ได้ทำอะไร"
อันธิการู้สึกดีใจจนเนื้อตัวร้อนวูบวาบ หญิงสาวยกมือไหว้เจ๊แมวอย่างดีใจ จุ๋มเองก็มีสีหน้าโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด อันธิกาอยู่พูดคุยนัดแนะวันที่จะมาทำสัญญาเช่า และจะย้ายเข้ากับเจ๊แมวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขอตัวเดินกลับไปรอขึ้นรถโดยสารประจำทางกลับบ้านด้วยกัน ขณะที่ยืนรออยู่ที่ป้ายรถโดยสาร จุ๋มที่มาด้วยกันก็เอ่ยปากอย่างดีใจ
"โชคดีจริงๆ นะคะคุณอัน ไม่นึกว่าเราจะได้เช่าตึกตรงนั้น ทำเลดีอย่างนี้ เราคงขายของดีกว่าที่ขายที่หน้าบ้านแน่ๆ"
"ก็คงอย่างนั้นล่ะจุ๋ม แต่จุ๋มมาทำงานกับฉันก็ต้องเหนื่อยหน่อยนะ ไม่ได้มีแค่งานบ้านเหมือนตอนอยู่ที่บ้านแล้ว"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณอัน จะให้จุ๋มปล่อยให้คุณอันมาเปิดร้านคนเดียว จุ๋มก็ไม่สบายใจค่ะ"
อันธิกาส่งยิ้มให้จุ๋ม เด็กสาวมาจากบ้านที่สุพรรณบุรีตั้งแต่อายุสิบสอง มาทำงานเป็นเด็กรับใช้ในบ้านของอันธิกา เพราะที่บ้านมีพี่น้องอีกหลายคนรอเงินทองจากจุ๋มไปเลี้ยงดู เนื่องจากพ่อแม่ที่ทำงานรับจ้างตัดอ้อย ทำงานได้เงินไม่พอเลี้ยงดูลูกที่ยังเล็กหลายคน อันธิกาที่แก่กว่าจุ๋มเพียง 5 ปี จึงมองเห็นจุ๋มเป็นเหมือนน้องสาวของตัวเองมากกว่าเด็กในบ้าน จุ๋มเองก็พูดคุยเป็นกันเองกับอันธิกามากกว่าคนอื่นในบ้านเช่นกัน
แม้จะยิ้มให้จุ๋มอย่างอ่อนโยน แต่ในใจของอันธิกากลับรู้สึกขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก เพราะคนที่ทำให้อันธิกาต้องพาตัวเองออกมาอยู่นอกบ้าน ก็คือพ่อกับเพ็ญโพยม พี่สาวแท้ๆ ของตัวเอง พ่อของอันธิกาเป็นข้าราชการ ฐานะปานกลาง แต่หลังจากแม่เสียชีวิตเมื่ออันธิกาเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น พ่อของเธอก็เริ่มติดเหล้า และทั้งก่อเรื่องวิวาทกับเพื่อนร่วมงาน ทั้งขาดราชการจนถูกให้ออกจากงาน
ชีวิตของอันธิกาจึงพลิกผันไปจากเดิมอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ อันธิกาต้องย้ายจากโรงเรียนเอกชน มาเข้าเรียนโรงเรียนของรัฐบาลจนจบชั้นมัธยมปลาย เมื่อพี่สาวที่แก่กว่าเพียงปีเดียวของอันธิกาตัดสินใจเรียนพยาบาลต่อ อันธิกาจึงไม่มีทางเลือก เพราะในบ้านแทบไม่มีเงินทองให้ใช้สอย ดังนั้นเมื่อจบมัธยมปลายแล้ว อันธิกาจึงตัดสินใจเปิดร้านขายข้าวราดแกงที่หน้าบ้าน ทำให้พอมีรายได้เข้ามาในบ้าน และมีเงินเพียงพอที่จะถูไถจนส่งเพ็ญโพยมให้เรียนหลักสูตรพยาบาลได้สำเร็จ
พี่สาวของอันธิกาเข้าทำงานในโรงพยาบาลใหญ่ได้หนึ่งปี ก็พบรักกับนายแพทย์ในโรงพยาบาล และตัดสินใจแต่งงานกัน อันธิกาเคยคิดว่าปัญหาเรื่องการเงินของเธอคงจบลงเท่านี้ เพราะพี่สาวก็มีงานทำ และแต่งงานออกไปแล้ว ส่วนพ่อ ถ้าหากไม่เมามาย ก็คงไม่มีเรื่องอะไร แต่วันหนึ่งพี่สาวกลับมาพูดกับอันธิกาด้วยสีหน้าลำบากใจว่า ครอบครัวของพี่เขยรู้สึกอับอาย เพราะมีคนรู้จักไปทักว่า ที่บ้านของลูกสะใภ้ขายข้าวแกง
อันธิกาที่กัดฟันทำงานอย่างไม่ใส่ใจสายตาใครมาตลอด ถึงกับตัวชาเมื่อได้ยินคำพูดของพี่สาวที่ขอให้เลิกทำอาชีพที่ไม่มีเกียรติเช่นนี้ และผู้เป็นพ่อก็ยังเห็นดีเห็นงามไปกับพี่สาวด้วย
ความคิดทั้งหมดทำให้อันธิกาต้องถอนใจอย่างเหน็ดเหนื่อย หญิงสาวมองดูจุ๋มชะเง้อชะแง้รอรถโดยสารอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปาก
"จุ๋ม ก่อนกลับบ้านเราไปกินไอศกรีมกันไหม ฉันเลี้ยงเองในโอกาสที่โชคดี หาร้านขายของได้"
"จริงหรือคะคุณอัน" ดวงตาของเด็กสาวเป็นประกาย ก่อนเอ่ยปากอย่างเกรงใจ "แต่จะสิ้นเปลืองเงินคุณอันเปล่าๆ นะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอก ไอศกรีมแค่ไม่กี่บาท"
อันธิกาตอบ แล้วจูงมือกับจุ๋มเดินไปตามฟุตบาท และแวะเข้าไปที่ร้านไอศกรีมร้านหนึ่งริมถนนแถวบางรัก อันธิกาสั่งไอศกรีมถ้วยใหญ่ให้จุ๋ม ก่อนจะวางเงินไว้ให้ห้าสิบบาท แล้วบอกจุ๋มด้วยสีหน้าเป็นปกติ
"จุ๋มนั่งกินไอศกรีมไปก่อน ฉันเพิ่งนึกได้ว่าจะซื้อของ ประเดี๋ยวมา"
"ถ้าอย่างนั้นจุ๋มจะรีบกิน แล้วไปเป็นเพื่อนคุณอันนะคะ"
"ไม่ต้องหรอกจุ๋ม ฉันไปใกล้ๆ นี่เอง" อันธิกาจับกระเป๋าถือใบเล็กของตัวเองไว้มั่นราวกับกลัวมันจะหาย "ฉันไปเองได้ ประเดี๋ยวฉันกลับมา"
เมื่ออันธิกายืนยัน จุ๋มก็ไม่กล้าตอแย หญิงสาวยิ้มให้ ก่อนจะเดินกอดกระเป๋าถือออกมาจากร้านไอศกรีม และมุ่งหน้าไปยังร้านขายทองที่อยู่ไม่ไกลนัก เมื่อผลักประตูเข้าไป เจ้าของร้านที่เป็นคนเชื้อสายจีนก็ยิ้มแย้มทักทาย ก่อนจะเอ่ยถาม
"วันนี้คุณมาดูอะไรหรือครับ สร้อยคอ สร้อยข้อมือลายใหม่ๆ มีเข้ามาเยอะนะครับ"
"ฉันมาจำนำสร้อยค่ะ"
อันธิการู้สึกมือสั่นน้อยๆ เมื่อหยิบถุงกำมะหยี่ออกมาจากกระเป๋าถือ สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยของแม่ที่ทิ้งไว้ให้เธอ แม่เคยบอกว่าทองเส้นนี้หนักถึงสองบาท ถ้าหากนำมาจำนำตอนนี้ คงจะได้เงินมากพอสำหรับค่าเช่า และค่าทุนที่จะลงทุนค้าขาย
เมื่อจะเลื่อนถุงกำมะหยี่ไปให้เจ้าของร้าน อันธิกาก็ยังลังเลราวกับตัดใจไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยมือจากถุงกำมะหยี่ เจ้าของร้านเทสร้อยทองออกมาตรวจสอบดูอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถามอันธิกา
"ทองหนักสองบาท คุณจะจำนำไว้เท่าไหร่หรือครับ ผมให้ได้เต็มที่ที่สองพันสาม"
"ตอนนี้ทองบาทละพันสี่ร้อยกว่า เส้นนี้หนักสองบาท ฉันขอสักสองพันห้าได้ไหมคะ" อันธิกาต่อรองอย่างคาดหวัง "เถ้าแก่ช่วยฉันหน่อยนะคะ ฉันร้อนเงินจริงๆ"
"ก็ได้ครับ แต่ต้องจ่ายดอกอย่าให้ขาดนะครับ"
"ค่ะ ฉันรับรองค่ะ"
อันธิกายอมตกลง แม้ค่าดอกเบี้ยจะสูง แต่ก็ดีกว่าขายขาด เพราะถ้าหากสะสมเงินทองได้มากพอ ก็ยังมีโอกาสนำมาไถ่ถอนคืนได้ในที่สุด ดังนั้นเมื่อเจ้าของร้านนำเอกสารจำนำมาให้กรอก อันธิกาจึงตัดใจเขียนรายละเอียด และประทับลายนิ้วมือไว้ เจ้าของร้านเอาเงินสองพันห้าร้อยบาทตามตกลงมายืนให้ อันธิกาจึงรับมาใส่กระเป๋าถือและเดินกลับไปที่ร้านไอศกรีม
จุ๋มที่นั่งกินไอศกรีมเกือบหมดถ้วยแล้วมีสีหน้าโล่งใจเมื่อเห็นอันธิกาเดินกลับมา หญิงสาวสั่งน้ำแดงมาแก้วหนึ่ง และหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่ผุดมาเต็มกรอบหน้าด้วยความกังวลใจเมื่อครู่ เด็กสาวรอจนอันธิกาดื่มน้ำเสร็จแล้ว จึงถามขึ้นเมื่อเห็นอันธิกากลับมามือเปล่า
"คุณอันไปซื้ออะไรมาหรือคะ"
"ของที่จะซื้อเขาไม่ขายน่ะ เลยไม่ได้ซื้อ อิ่มแล้วหรือจุ๋ม สั่งอะไรเพิ่มไหม"
"อิ่มแล้วค่ะ" จุ๋มพูดหลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จ "คุณอันจะสั่งเพิ่มไหมคะ"
"ไม่ล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็จ่ายเงินแล้วกลับบ้านกันเถอะ"
"ค่ะ"
อันธิการับเงินคืนจากจุ๋ม และจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถประจำทางไปลงที่ป้ายใกล้บ้าน แล้วเดินเข้าซอย บ้านหลายหลังเรียงต่อกันอย่างเงียบสงบ อันธิกาไขกุญแจเข้าทางประตูเล็กที่ขึ้นสนิมเกรอะเพราะความเก่าคร่ำคร่า เสียงบานพับดังเอี๊ยดอ๊าดเสียดหู เมื่อเดินเข้าไปด้านใน บ้านทั้งหลังดูเก่า เพราะขาดการบำรุงรักษา
กลิ่นเหล้าลอยวนอยู่ในห้องนั่งเล่นเมื่ออันธิกาก้าวเท้าเข้าไป หญิงสาวเห็นขวดเหล้าสองขวดถูกทิ้งไว้บนพื้น ส่วนคนที่ดื่มก็นอนหลับแผ่หลาอยู่บนโซฟาหนังเก่าๆ อันธิกาถอนใจ ก่อนจะหันไปหาจุ๋ม
"เดี๋ยวจุ๋มไปเรียกป้าสุนีย์มาช่วยกันยกคุณพ่อเข้าห้องทีนะ"
"ค่ะคุณอัน"
จุ๋มรับคำแล้วรีบวิ่งไปเรียกคนงานในบ้านอีกคนที่พี่สาวส่งมาดูแลพ่อ อันธิกานั่งลงเก็บขวดเหล้า และจานกับแกล้มที่วางระเกะระกะให้เข้าที่ เมื่อป้าสุนีย์เขามา อันธิกาก็มองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเคร่งขรึม ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น
"คุณพ่อมานอนหลับอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"มาหลังจากที่คุณออกไปค่ะ" ป้าสุนีย์ตอบไม่เต็มเสียง และหลบตาอันธิกา "ป้ามาเรียกแล้ว แต่ท่านไม่ยอมลุกค่ะ ป้าคนเดียวพาท่านขึ้นห้องไม่ไหว"
"พวกจาน พวกขวด ทำไมป้าไม่เก็บกวาดคะ ปล่อยไว้ให้กองอย่างนี้ได้อย่างไร" อันธิกาถามกลับเสียงเย็นเฉียบ "หน้าต่างทำไมไม่เปิด ปล่อยให้บ้านมืดอย่างกับถ้ำ"
จุ๋มรีบกระวีกระวาดไปเปิดม่าน และเปิดหน้าต่างระบายอากาศ อันธิกาเอ่ยปากสั่งให้ป้าสุนีย์ช่วยตัวเองหิ้วปีกผู้เป็นพ่อ เข้าห้องนอนเล็กด้านล่างที่จัดไว้ ชายวัยกลางคนที่อยู่ในฤทธิ์สุรา ไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ แม่จะถูกลูกสาวคนเล็ก และแม่บ้านช่วยกันจับตัวให้ขยับอยู่ในท่าที่เหมาะสม
"ป้าสุนีย์ไปเอาน้ำเย็นใส่กะละมังเล็กกับผ้าเช็ดตัวมานะคะ"
"ค่ะ"
แม่บ้านวัยกลางคนรีบเดินออกไป ก่อนจะกลับมาพร้อมกับของที่อันธิกาสั่ง หญิงสาวเช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อให้ผู้เป็นพ่อโดยมีป้าสุนีย์คอยช่วย กว่าจะเสร็จเรียบร้อย ก็เล่นเอาอันธิกาเหงื่อตก เนื้อตัวเหนียวเหนอะไปทั้งตัว
"ป้าสุนีย์ไปเตรียมกับข้าวไว้ให้คุณพ่อเถอะค่ะ อันจะขึ้นไปอาบน้ำหน่อย" อันธิกาพูดอย่างเหนื่อยๆ "ถ้าคุณพ่อตื่นก็เตรียมอะไรร้อนๆ ไว้ให้ท่านทานหน่อยนะคะ"
"่ค่ะคุณอัน"
อันธิกาพยักหน้ารับ และเมื่อเดินกลับมา ในห้องนั่งเล่นก็ถูกเก็บกวาดเรียบร้อย หน้าต่างทุกบานเปิดกว้างเช่นเดียวกับผ้าม่าน ทำให้อากาศถ่ายเท และมีแสงแดดส่องเข้ามาในบ้าน กลิ่นเหล้าจึงค่อยๆ เจือจางลง อันธิกาเดินขึ้นไปบนห้องนอน และผลัดเสื้อผ้า อาบน้ำจนสดชื่น ก่อนจะนุ่งผ้าเช็ดตัวกระโจมอกออกมาจากห้องน้ำ และนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
ภาพที่สะท้อนกลับมา เป็นภาพหญิงสาวใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตรับกับจมูกเชิดรั้น และริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้ม อันธิกาหน้าตาประพิมพ์ประพายไปทางแม่ มากกว่าพี่สาวคนโตที่หน้าเหมือนพ่อ ผู้ใหญ่หลายคนมักจะเสมอในยามที่อันธิกาเป็นเด็กว่า หน้าตาน่ารัก แต่ลูกสาวหน้าเหมือนแม่จะอาภัพ
ในยามนั้นอันธิกาไม่เข้าใจ เพราะไม่เห็นว่าชีวิตของตนเองจะมีสิ่งใดที่ควรเรียกว่า 'อาภัพ' แต่เมื่อแม่มาจากไป อันธิกาก็เข้าใจความหมายของคำนั้นโดยถ่องแท้
หญิงสาวถอนใจ และนั่งเช็ดผมจนเกือบแห้ง แล้วใช้น้ำมันละหุ่งไม่กี่หยด ลูบไปตามเส้นผม ก่อนจะเช็ดให้แห้งอีกรอบ แล้วทาครีมบำรุงที่เกือบหมดกระปุกลงไปที่ใบหน้า เมื่อแต่งตัวเรียบร้อย อันธิกาก็ไปลงกลอนลูกบิดประตู ก่อนจะหยิบเงินที่มีออกมานับ เงินที่เหลือจากที่ขายของหน้าบ้านเหลือประมาณสามร้อยเศษ ส่วนเงินที่ขายสร้อยข้อมือกับจำนำสร้อยคอ เป็นเงินสามพันหนึ่งร้อย รวมๆ ทั้งหมดก็มีเงินเกือบสามพันห้าร้อยบาท
อุปกรณ์เครื่องครัว อันธิกาตั้งใจจะขนไปทั้งหมด จะไม่ยอมเสียเงินซื้อสิ่งของใดใหม่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ หญิงสาวมองไปรอบห้องที่เคยอยู่มาตั้งแต่เด็ก และรู้สึกใจหายไม่น้อย แต่เมื่อเก็บเงินใส่กระเป๋าสตางค์ และซ่อนไว้ตรงใต้เตียงนอน อันธิกาก็ตัดความลังเลใจทั้งหมดออกไปอย่างเด็ดขาดราวกับจะย้ำกับตัวเองว่า
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เธอจะไม่มีวันยอมเปลี่ยนใจอีกเด็ดขาด
**
วันที่ย้ายเข้าตึกแถวที่เช่าไว้ของอันธิกาทุลักทุเลน้อยกว่าที่คิด เป็นเพราะหญิงสาวกับจุ๋มเก็บข้าวเก็บของใส่หีบห่อรอไว้เรียบร้อย จาน ชาม ช้อน แก้วน้ำดื่มถูกเรียงใส่เข่งเอาไว้แล้ว อันธิกาตัดใจจ่ายค่ารถรับจ้างสามคัน ขนของทั้งหมดมาในคราวเดียว ส่วนตัวเองกับจุ๋มก็นั่งสามล้อเครื่องมารออยู่ก่อนแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าตึกแถว เจ๊แมวก็มายืนรอตั้งแต่เช้า และยังเป็นธุระเรียกคนขับรถสามล้อเครื่องแถวนั้นที่รู้จักมาช่วยอันธิกากับจุ๋มยกของเข้าบ้าน หญิงเจ้าของร้านชำที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าให้เช่าตึกด้วยยิ้มหน้าบานเมื่ออันธิกาส่งซองเงินค่าเช่าให้
"หนูอันมาอยู่แถวนี้ก็ดี เจ๊จะได้ไม่ต้องทำกับข้าว ซื้อข้าวแกงร้านหนูกินได้เลย" เจ๊แมวพูดแล้วก็หันไปกำกับคนที่ยกของ "วางเบาๆ นะ เดี๋ยวข้าวของเขาจะพังหมด"
หลังจากขนของเข้าร้านเรียบร้อย อันธิกาก็ส่งเงินให้จุ๋มไปจัดการจ่ายเงินค่ารถจ้าง และให้ไปซื้อน้ำหวานที่ร้านเจ๊แมวแจกคนที่มาช่วยยกของด้วย เจ้าของร้านจึงกระวีกระวาดไปขายของรับทรัพย์ตั้งแต่เช้า
อันธิกามองไปรอบๆ และกะเกณฑ์ตำแหน่งที่จะใช้วางข้าวของอยู่ในใจ หลังจากจุ๋มจัดการจ่ายเงินแล้ว ก็เอาเงินทอนมาคืนอันธิกา และเริ่มลงมือช่วยกันกับอันธิกาเลื่อนชั้นวางจานชามที่ขนมาแล้วชิดผนัง และยกจานชาม แก้วน้ำ ตะกร้าใส่ช้อนขึ้นไปวางบนชั้น
โต๊ะวางหม้อแกงถูกสองสาวช่วยกันยกมาวางหน้าร้าน โต๊ะ เก้าอี้เล็กๆ สำหรับนั่งทานในร้าน ถูกจัดเรียงเข้าที่ อันธิกากับจุ๋มทำงานไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งเที่ยง ภายในร้านก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นแล้ว เหลือเพียงพวกหม้อ กระทะ เตาอั้งโล่ที่ยังไม่ได้ยกออกไปที่ลานด้านหลัง
"จัดกันเสร็จไวเหมือนกันนะเนี่ย"
เจ๊แมวเดินอุ้มแมวลายขาวดำตัวหนึ่งมาด้วย อันธิกาจึงใช้มือปาดเหงื่อจากหน้าผาก และยิ้มให้เจ๊แมวอย่างเป็นมิตร
"ยังต้องจัดอีกหลายอย่างเลยค่ะเจ๊"
"เหนื่อยหน่อยล่ะนะวันนี้" เจ๊แมวพูดแล้วยกห่อกระดาษสองห่อขึ้นมาให้ดู "เจ๊สั่งผัดซีอิ๊วมาให้ กินกันก่อนสิ วันนี้จัดนั่นจัดนี่ จะได้ไม่ต้องทำกินกัน"
"ขอบคุณมากค่ะ"
อันธิกากับจุ๋มรีบยกมือไหว้ขอบคุณอย่างเรียบร้อย จุ๋มรับห่อก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊วมา อันธิกาจึงเชิญอีกฝ่ายให้เข้ามานั่งในร้านของตัวเองที่โต๊ะที่จัดไว้ ส่วนจุ๋มไปเอาจานกับช้อน และยกน้ำมาให้เจ๊แมวกับอันธิกาด้วย
"เจ๊ทานแล้วหรือคะ" อันธิกาถามเมื่อจุ๋มนั่งลงด้วยกัน
"เจ๊น่ะกินแล้ว ไปเก็บค่าเช่าให้คุณดาแล้วก็แวะกินเลย คิดว่าหนูอันกับหนูจุ๋มคงยังไม่ได้กินกัน" เจ๊แมวนั่งเกาคางแมวเบาๆ เจ้าแมวในอ้อมแขนส่งเสียงครางครืดๆ อย่างพอใจ "ร้านนี้เขาอยู่อีกซอยหนึ่ง ต้องเดินลัดๆ ไปหน่อย"
"คุณดาเขารวยมากเลยหรือคะเจ๊ มีตึกให้เช่าเยอะเชียว" จุ๋มถามอย่างสนใจ
"คุณยายของคุณดาเขารวยน่ะ เขารักหลานคนนี้ เลยยกมรดกให้" เจ๊แมวเล่าอย่างคนรู้เรื่องดี "เดี๋ยววันไหนคุณดามาดูบ้าน เจ๊จะพาไปแนะนำให้รู้จักกันทั้งสองคนเลยนะ รู้จักเธอไว้น่ะดี ถ้าขัดสนอย่างไรก็บอกกันตามตรงได้เลย คุณดาน่ะ เธอไม่เค็มหรอก"
"แค่คุณดาเธอยอมลดค่าเช่าให้ หนูก็ขอบคุณแล้วค่ะ จะพยายามเก็บเงินจ่ายให้คุณดาให้ครบตามจำนวนให้ได้ค่ะ"
อันธิกาพูดอย่างจริงจัง เจ๊แมวก็รับคำ และขอตัวกลับ ปล่อยให้อันธิกากับจุ๋มจัดการมื้อกลางวันกันไป หลังจากจัดการมื้อกลางวันเรียบร้อย อันธิกากับจุ๋มก็ช่วยกันจัดการลานด้านหลังบ้าน เลื่อนชั้นไม้ไปสำหรับวางหม้อ กระทะที่หลังบ้านในส่วนที่อยู่ใต้ชายคาใกล้กับเตาอั้งโล่
"เหลือแค่ของเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นของใช้ส่วนตัวของเราแล้วนะ" อันธิกาพูดพลางปาดเหงื่อ "เดี๋ยวเรากวาดถูร้านเสร็จ แล้วก็อาบน้ำพักผ่อนกันนะ นอนไวหน่อย พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปตลาดซื้อของมาทำขายแต่เช้า"
"ค่ะคุณอัน เมื่อกี้จุ๋มถามลุงคนขับสามล้อให้แล้ว เขาว่าเขามาตั้งแต่ตีสามได้นะคะ จุ๋มไปนัดเขาไว้แล้ว"
"ดีเลย พรุ่งนี้เราทำกับข้าวง่ายๆ ที่ใช้เวลาไม่มากก่อน แล้วทำขายเลย พรุ่งนี้ขายแกงเผ็ดสักอย่าง แกงจืดอย่าง ชุดผักน้ำพริกกะปิ ผักทอด ผักสด ไข่ต้ม"
"ดีค่ะ ถ้าต้องทำแกงอะไรที่ซับซ้อน เราจะทำไม่ทัน พรุ่งนี้ลองทำง่ายๆ ก่อนก็ดีค่ะ" จุ๋มตอบพลางหยิบไม้กวาด ไม้ถูพื้น "คุณอันขึ้นไปจัดของบนห้องเถอะค่ะ จุ๋มจะเก็บกวาดข้างล่าง ห้องเล็กแค่นี้ ทำแป๊บเดียวก็เสร็จค่ะ"
"จุ๋มขึ้นไปกวาดถูข้างบนกับในห้อง ข้างล่างฉันจะจัดการเอง"
"แต่ว่า..."
"ไม่มีแต่จ้ะ" อันธิกาพูดแล้วยิ้มอ่อนๆ "ขึ้นไปเลย ฉันจะทำข้างล่างเอง"
"ก็ได้ค่ะคุณอัน"
เด็กสาวรับคำ แล้วหิ้วอุปกรณ์ทำความสะอาดขึ้นไปชั้นบน อันธิกาเก็บกวาด เช็ดถูพื้นจนสะอาด และออกเดินไปกวาดตรงหน้าร้านที่มีเศษหีบห่อข้าวของตกอยู่บ้าง ก่อนจะเห็นรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ใหม่เอี่ยมสีแดงสดกลับรถเลี้ยวมาผ่านทางหน้าร้าน หญิงสาวที่ขับรถผมยาวสลวย สวมแว่นตากันแดดอันโต และเลี้ยวรถเข้าไปในซอยข้างๆ ตึกแถวที่อันธิกามาเช่าอยู่
อันธิกามองดูท้ายรถยนต์ราคาแพงนั้นด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย แต่เมื่อมองดูร้านขายข้าวแกงที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างด้วยสองมือของตัวเอง อันธิกาก็ปัดความรู้สึกหม่นหมองนั้นออกไปจากใจ และมุ่งมั่นกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกำลังทั้งหมดของตัวเอง
#ดุจดารานำทาง
Comments (0)