2 ตอน 02
โดย oceanofstars
02
อันธิกาเริ่มต้นการเปิดร้านวันแรกด้วยการตื่นขึ้นรถสามล้อรับจ้างไปตลาดตั้งแต่ตีสาม หญิงสาวซื้อผักสด สันคอ สันคอ และเนื้อหมูติดมันมา พร้อมกับไข่เป็ดอีกสองแผง รวมทั้งมะพร้าวขูดมาเตรียมทำอาหารวันแรก เมื่อซื้อเสร็จกลับมาก็กำกับให้จุ๋มหั่นหมูเป็นชิ้นพอดีคำ ส่วนตัวเองติดเตาอั้งโล่ขนาดใหญ่สองเตาพร้อมกัน แล้วซาวข้าวตั้งหม้อหุงข้าวก่อน
กว่าจุ๋มจะหั่นหมูทั้งหมดเสร็จ อันธิกาก็ล้างผักเตรียมไว้ทำชุดน้ำพริกเสร็จพอดี หญิงสาวจึงเอ่ยปากสั่ง
"จุ๋มเอาเตาเล็กมาติดเตานะ แล้วเดี๋ยวคั่วเครื่องตำพริกแกงกัน"
"ค่ะคุณอัน"
จุ๋มเป็นเด็กสาวที่ทำงานคล่องแคล่ว เพียงครู่เดียวก็จุดเตาเล็กเสร็จ อันธิกาตักเม็ดผักชีลงไปคั่วจนหอมแล้วตักขึ้น ตามด้วยยี่หร่า และปิดท้ายด้วยถั่วลิสง เมื่อเครื่องพริกแกงที่ต้องคั่วเสร็จแล้ว อันธิกาก็เอ่ยปากกับจุ๋มอย่างใจดี
"จุ๋มโขลกเม็ดผักชี ยี่หร่า แล้วก็พริกไทยให้ละเอียดก่อนนะ แล้วค่อยเอาพริกแห้งที่ฉันแช่น้ำไว้ ไปโขลกต่อ เสร็จแล้วค่อยใส่ข่า กับตะไคร้ หอม กระเทียมที่เหลือลงไป ต้องโขลกให้ละเอียดเลยนะจุ๋ม"
"ได้ค่ะ คุณอันไม่ต้องห่วง เรื่องโขลกพริกแกงเนี่ย งานถนัดของจุ๋มเลยค่ะ"
อันธิกายิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นจุ๋มทำหน้าเป็น แล้วตั้งใจโขลกพริกแกงอย่างแข็งขัน อันธิกาจึงตั้งหม้อบนเตาใส่น้ำเปล่า รากผักชีบุบ กระเทียมบุบ พร้อมกับเกลือ และซีอิ๊วขาว ระหว่างรอน้ำเดือด อันธิกาก็นั่งลงสับหมูที่มีมันหมูผสมเล็กน้อย เสียงจุ๋มโขลกพริกแกงดังเป็นระยะ สลับเสียงสับหมู
หญิงสาวใช้ครกใบเล็ก ตำรากผักชี กระเทียม พริกไทยดำเป็นสามเกลอ แล้วใส่ลงไปในเนื้อหมูสับที่พักไว้ในกะละมัง ก่อนจะใส่ซีอิ๊วขาวกับน้ำตาลเล็กน้อย และนวดให้เนื้อหมูกับสามเกลอให้เข้ากัน ก่อนจะตัดวุ้นเส้นที่ซื้อมา เป็นชิ้นเล็กๆ คลุกผสมกับเนื้อหมู จุ๋มที่โขลกพริกแกงเสร็จแล้วก็นำมะพร้าวขูดที่ซื้อมา เอามาคั้นแยกหัวกับหางกะทิ และพูดกับอันธิกา
"คุณอันทำไมไม่ใส่วุ้นเส้นไปในแกงแทนละคะ จะได้เป็นแกงจืดวุ้นเส้น"
"เราทำข้าวแกงขาย ถ้าเป็นแกงจืดวุ้นเส้น กว่าจะได้ขาย เส้นก็อืดหมด" อันธิกาตอบพลางค่อยๆ ปั้นหมูสับเป็นก้อนกลมๆ วางในถาด "ใส่วุ้นเส้นลงไปในหมูอย่างนี้ ก็ช่วยให้หมูไม่กระด้างด้วย"
อันธิกาตอบแล้วเอาหมูที่ปั้นเสร็จไปใส่ในน้ำเดือดที่ต้มไว้ พอหมูสุกเปลี่ยนสี ก็ใส่ผักกาดขาวลงไป อีกเตาก็ยกหางกะทิใส่หม้อ พอน้ำกะทิเริ่มร้อน อันธิกาก็ใส่เนื้อหมูสันนอกลงไปต้มกับหางกะทิด้วยไฟอ่อน ต้มทิ้งไว้สิบห้านาที แล้วจึงใส่เนื้อสันคอหมูลงไปต้มอีกสิบห้าที พอแกงจืด และเนื้อหมูที่ต้มกะทิไว้สุกดี ก็เรียกให้จุ๋มยกหม้อแกงจืดออกไป
เสียงกระทะกับตะหลิวดังขึ้นมา โดยมีกลิ่นหอมพริกแกงพะแนงกับกะทิฟุ้งไปทั่ว อันธิกาใช้เวลาไม่นานในการผัดเนื้อหมูที่ต้มกะทิไว้กับพริกแกงและหัวกะทิ หลังจากโรยใบมะกรูดหั่นฝอย กับพริกแดงหั่นเป็นเส้นเรียบร้อย กับข้าวสองอย่างของอันธิกาก็เสร็จเรียบร้อย
หลังจากนั้นอันธิกาก็ให้จุ๋มเป็นคนทำผักชุบไข่ทอด ส่วนตัวเองนั่งลงตำน้ำพริกกะปิ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็เทใส่โถเคลือบเนื้อดีที่เป็นของตกทอดจากมารดา ก่อนจะทำของอย่างสุดท้าย คือต้มน้ำเปล่าให้เดือด และใส่ไข่เป็ดที่ซื้อมาลงในหม้อน้ำเดือด ก่อนจะใช้ไม้พายเล็กๆ คนเบาๆ ให้ไข่หมุนไปทางเดียวอย่างระมัดระวัง
"คุณอันคะ" จุ๋มพูดพลางวางมะเขือยาวชุบไข่ลงบนกระทะที่มีน้ำมันเล็กน้อย "ทำไมต้องคนแบบนั้นล่ะคะ จุ๋มว่าจะถามตั้งหลายทีแล้ว ลืมทุกที"
"ถ้าต้มไข่แล้วอยากให้ไข่แดงมันอยู่ตรงกลางสวย ก็ต้องคนแบบนี้สักสามนาที แล้วต้มต่ออีกสักห้านาที ค่อยตักมาแช่น้ำเย็น ไข่จะได้เป็นไข่แดงยางมะตูม ต่อไปฉันจะให้จุ๋มลองต้มบ้างนะ เดี๋ยวนี้จุ๋มทำผักทอดเก่งแล้ว ต่อไปจะได้ต้มไข่สวยๆ ได้ด้วย"
"ไว้วันหลังที่จะต้มกินกันเองดีกว่าค่ะคุณอัน" จุ๋มทำหน้าเป็นเมื่อเอ่ยปาก "กว่าจุ๋มจะทอดผักสวยแบบที่คุณอันสอนได้ คุณอันกับจุ๋มต้องกินผักทอดไหม้บ้าง ไม่สุกบ้างตั้งหลายรอบ ถ้าต้มไข่ จุ๋มกลัวจากไข่ต้มจะกลายเป็นไข่ลวกบ้าง ไข่สุกกระด้างบ้าง"
"ทำกับข้าวมันต้องฝึกมือบ่อยๆ ถ้าได้ลองทำ เราก็จะกะรสมือตัวเองถูก ฝึกบ่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นเอง"
อันธิกาพูดอย่างใจดี และมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ก่อนจะกำหนดเวลาไว้ ผักชุบไข่ทอดฝีมือของจุ๋มถูกจัดเรียงอย่างสวยงามลงกระด้งไม้ไผ่ขนาดกลางที่รองกระดาษไว้ ส่วนผักสดถูกจัดใส่กระจาด คลุมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำ อันธิกายกกับข้าวออกไปวาง และปิดฝาไว้กันฝุ่น กับแมลงวัน หญิงสาวเดินกลับไปตักไข่ต้มใส่กะละมังที่แช่น้ำเย็น และนั่งลงปอกไข่โดยมีจุ๋มเป็นลูกมือ เพียงครู่เดียวก็เสร็จ อันธิกาใช้เส้นด้ายสะอาดตัดไข่ต้มผ่าครึ่ง วางเรียงในถาดที่มีฝาปิด
กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จ ก็เกือบจะเป็นเวลาเจ็ดโมงตรง อันธิกากับจุ๋มออกมาหน้าร้าน ลูกค้าคนแรกที่เข้ามาประเดิมการขาย คือเจ้าของร้านขายอะไหล่ที่อยู่ถัดไป หญิงวัยกลางคนยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร และถือหม้อเล็กๆ มาใส่แกงที่ซื้อด้วย
"สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ" อันธิกาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส และรีบออกตัวบอกลูกค้า "วันนี้แกงแค่สองอย่างกับชุดผักน้ำพริกค่ะ พอดีเพิ่งเปิดร้านวันแรก เลยทำกับข้าวไม่กี่อย่างค่ะ"
"แกงพะแนงนี่เนื้อหรือหมูจ๊ะ"
"พะแนงหมูค่ะ ส่วนแกงจืดเป็นแกงจืดหมูสับผักกาดขาวค่ะ"
"อย่างนั้นเอาทั้งสองอย่างเลยจ้ะ ตักเป็นกับข้าวนะ"
"ได้ค่ะ"
อันธิการับคำ ส่วนจุ๋มเป็นเด็กคล่องในการรับลูกค้า ก็รีบวิ่งไปหม้อใบเล็กมาตักแกงพะแนง และแกงจืดให้ ส่วนอันธิกาจัดการเรียงไข่ต้มฟองหนึ่ง และผักสดผักทอด น้ำพริกกะปิใส่จาน และส่งให้ลูกค้าพร้อมคิดเงิน
"ชุดน้ำพริกไข่ต้ม อันแถมให้พิเศษที่พี่มาอุดหนุนเป็นเจ้าแรกค่ะ"
"ขอบใจจ้ะ ขอให้ขายดิบขายดีนะ เจ๊ได้กลิ่นกับข้าวตั้งแต่เช้ามืด ชะเง้อชะแง้มองอยู่ว่าเมื่อไหร่จะเปิด วันหลังจะมาอุดหนุนอีก"
"วันหลังหนูจะไปบอกเจ๊ถึงร้านเลยค่ะ ว่ามีกับข้าวอะไรบ้าง เจ๊สั่งมากับหนูได้เลย หนูจะเอากับข้าวไปส่งให้ ไม่คิดสตางค์ค่าส่งด้วยค่ะ"
จุ๋มรีบเรียกอีกว่าว่า เจ๊ อย่างสนิทสนม เพราะอีกฝ่ายดูเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ฝ่ายลูกค้าคนแรกเห็นจุ๋มช่างพูด ก็พูดคุยนัดแนะกันอย่างสนิทสนม เมื่อลูกค้าลากลับไปแล้ว อันธิกาก็ยิ้มน้อยๆ ให้จุ๋ม ก่อนเอ่ยปาก
"จุ๋มก็เข้าใจพูดจริงๆ คราวนี้เห็นทีเราจะได้ลูกค้าประจำแล้ว"
"ถ้าได้ก็ดีเลยค่ะ จุ๋มจะไปส่งให้ทั่วเลยค่ะ"
จุ๋มพูดพลางทำหน้าเป็น อันธิกาจึงยิ้มให้อีกฝ่ายน้อยๆ ช่วงเช้าอันธิกามีลูกค้าเข้ามาอีกสามสี่เจ้า พอได้ขายข้าวราดแกงหลายจาน จนกระทั่งเกือบเที่ยง ลูกค้าร้านต่างๆ แถวนั้นก็เริ่มเข้าสั่งข้าวราดแกง ทั้งกินในร้าน และซื้อใส่ถ้วยกลับไปกินที่ร้าน อันธิกากับจุ๋มวุ่นวายกับการอุ่นแกงจืดให้ลูกค้า ตักข้าว รับเงินเสียจนลืมเวลา เมื่อลูกค้าหมดแล้ว อันธิกาก็เหนื่อยจนแทบหมดแรง
"แกงพะแนงหมดเกลี้ยงเลยค่ะคุณอัน พี่คนนั้นที่ทำงานที่สำนักงานเขต ลองชิมแล้วบอกว่าอร่อย อุตส่าห์เดินกลับไปเอาปิ่นโตมาซื้อกลับบ้านด้วยค่ะ ชุดน้ำพริกก็ขายหมดเกลี้ยง เหลือแต่น้ำแกงจืดก้นหม้อ"
"เมื่อเช้าเหลือหมูอยู่หน่อยหนึ่ง เดี๋ยวฉันทำหมูทอดกับผัดผักบุ้ง แล้วเรากินข้าวกันนะ"
"ได้ค่ะคุณอัน จุ๋มคิดถึ๊งคิดถึงหมูชิ้นทอดฝีมือคุณอัน" จุ๋มพูดแล้วทำตาเป็นประกาย "เดี๋ยวจุ๋มกวาดถูหน้าร้านรอคุณอันนะคะ"
"ได้เลย ฉันทำกับข้าวเดี๋ยวเดียวแหละ ของมีอยู่แล้ว จุ๋มกวาดถูเสร็จแล้วก็คดข้าวมารอนะ"
จุ๋มรับคำเสียงใส อันธิกาจึงเดินเข้าครัว ในครัวมีลังไม้บุเหล็ก ใส่น้ำแข็งก้อนโตๆ ไว้แช่หมู อันธิกาเอาสันคอหมูที่หั่นไว้ดีแล้ว มาคลุกสามเกลอที่ตำเหลือไว้ ก่อนจะปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ขยำจนเครื่องซึมเข้าเนื้อหมู ก่อนจะนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ กลิ่นหมูทอดสามเกลอหอมฟุ้งไปทั่ว จนแม้แต่แม่ครัวก็หิวไม่ต่างกัน เมื่อทอดหมูเสร็จ อันธิกาก็กวาดน้ำมันออกจากกระทะ และตักน้ำมันหมูเทลงไปหนึ่งช้อนกินข้าว และเอากระเทียมที่โขลกหยาบๆ ไว้ใส่ลงไป
กระเทียมที่โขลกหยาบๆ ช่วยเปลี่ยนกลิ่นน้ำมันหมูให้หอมแตะจมูก อันธิกาเทผักบุ้งจีนที่หั่นไว้แล้วลงไปผัดเร็วๆ เติมน้ำตาล น้ำปลานิดหน่อย และเต้าเจี้ยว พอผักบุ้งสลดก็ตักใส่จาน และถือกับข้าวออกมานั่งกินข้าวกลางวันพร้อมกับจุ๋ม ก่อนจะช่วยกันเก็บล้างจานชามคว่ำไว้จนเรียบร้อย แล้วแยกย้ายกับไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดใหม่
อันธิกานั่งนับเงินที่ขายได้วันนี้อยู่ที่แคร่ด้านหลังร้าน ข้างๆ ตัวมีจุ๋มนั่งปอกหอม กระเทียมสำหรับใช้วันพรุ่งนี้ เมื่อเห็นอันธิกาจดรายรับลงสมุด เด็กสาวรู้ดีว่าอันธิกากังวลเรื่องเงินทองอยู่ตลอดเวลา เมื่อขายได้วันแรกก็เป็นเงินเกือบสามร้อยบาท จุ๋มจึงเอ่ยอย่างดีใจ
"วันนี้ขายได้ดีนะคะ ถ้าเราขายอย่างนี้ทุกวัน ค่าเช่าบ้านคุณอันก็ไม่ต้องกังวลแล้วสิคะ"
"แต่หักทุนที่ลงไปก่อนหน้านี้ พวกค่าข้าวสาร ค่าถ่าน ค่าน้ำแข็ง แล้วก็ของจิปาถะ ก็ยังติดลบอยู่เลยล่ะจุ๋ม ต้องดูว่าจะยังขายดีอย่างนี้อีกหรือเปล่า"
"ขายดีแน่นอนค่ะ คุณอันทำกับข้าวอร่อยขนาดนี้" จุ๋มพูดพลางใช้ความคิด "ถ้าเราทำของขายช่วงบ่ายๆ จะดีไหมคะ พวกขนมง่ายๆ ตั้งขายตอนเย็นก่อนคนกลับ จะได้มีเงินมาเสริมอีก แต่คุณอันจะเหนื่อยหรือเปล่าคะ"
"ไม่เหนื่อยหรอกจุ๋ม จุ๋มต่างหาก จะทำไหวหรือ"
"ไหวค่ะ จุ๋มไม่อยากให้คุณอันคิดมากเรื่องเงิน แค่คุณอันกรุณาจ้างจุ๋มต่อ จุ๋มก็ดีใจแล้วค่ะ"
"กรุณาอะไรกันล่ะ จุ๋มต่างหากที่ช่วยฉัน ถ้าไม่ได้จุ๋ม ฉันก็ทำไม่ไหวหรอก"
อันธิกาตอบพลางเก็บเงินใส่กล่อง แล้วนั่งช่วยจุ๋มปอกหอมกระเทียมไว้ใช้ งานที่ทำต้องใช้เวลานาน จุ๋มจึงเปิดวิทยุฟังไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นเพื่อนขณะที่ทำงาน และพูดคุยกันไปเบาๆ ในช่วงที่ทำงาน
**
"น้องศินล่ะ"
ดาริกาเอ่ยปากถามถึงศศิน น้องชายคนเล็ก เมื่อลงมาที่โต๊ะทานข้าว แล้วมีเพียงชุตินั่งกินข้าวต้มกุ้งอยู่เพียงลำพัง ดาริกานั่งลงตรงข้ามน้องสาวฝาแฝด และหันไปขออาหารเช้าแบบอเมริกันจากป้าสำลี ที่คอยดูแลโต๊ะอาหารเช้าอยู่
"น้องศินออกไปแต่เช้าแล้ว เห็นว่าวันนี้ภาณุจะกลับมากรุงเทพ เลยจะไปรับที่สถานีรถไฟ"
ชุติตอบก่อนจะส่งหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่ดาริกาอ่านทุกเช้าให้ หญิงสาวยกมือขึ้นทัดผมตัวเอง ก่อนกวาดสายตาดูพาดหัวข่าว และใช้มือขวายกกาแฟดำขึ้นจิบ
"บ้านพี่ดาใกล้เสร็จแล้วหรือคะ"
"เสร็จแล้วค่ะ พี่ให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาด แล้วก็จัดบ้านเรียบร้อยแล้ว ที่จริงก็อยู่ห่างที่บริษัทไม่เท่าไหร่ ชุทำงานเสร็จดึกๆ ก็ไปนอนได้ พี่จะทำกุญแจไว้ให้อีกชุด จะได้ไม่ต้องนอนในห้องทำงาน"
"ไปได้หรือคะ บ้านนั้นพี่ดาทำไว้ เพราะตั้งใจจะย้ายออกไปอยู่ไม่ใช่หรือคะ"
ดาริกาเลิกคิ้ว แล้วเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมองน้องสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ชุติยิ้มน้อยๆ คนเป็นพี่สาวจึงยกมือขึ้นเท้าคาง และเอียงคอมองน้องสาว
"สีหน้าแบบนั้นมันอะไรน่ะชุ"
"ก็... เผื่อพี่ดาจะมีเพื่อนๆ ไปพักบ้าง"
ชุติพูดเท่านั้นก็หน้าแดง ดาริกาจึงหัวเราะคิกอย่างขบขัน หลังจากเลิกรากับน้ำผึ้ง คนรักที่คบหากันมานาน หญิงสาวไม่ปฏิเสธว่า เพื่อนๆ ในวงคนที่รู้จัก และรู้ว่าดาริกาชอบผู้หญิงด้วยกัน ต่างพากันแนะนำทั้งดาราหน้าใหม่ หรือหญิงสาวในวงสังคมด้วยกันให้ดาริกาอยู่เนืองๆ ดาริกาออกไปเที่ยว ไปดื่มสังสรรค์ แต่ไม่ได้คบหากับใครอย่างลึกซึ้ง พอเห็นชุติทำท่าอึกๆ อักๆ ดาริกาจึงหัวเราะรื่นอย่างสบายใจ
"ทำไมถึงคิดว่าพี่จะมีคนไปพักด้วยคะ บ้านนั้นพี่ทำไว้อยู่ เพราะเบื่อจะปะทะคารมกับคุณพ่อเต็มที ไม่ได้จะเอาไว้เลี้ยงหนูๆ ที่บ้านนั้นสักหน่อย"
"โอ๊ย พี่ดาล่ะก็ พูดอะไรก็ไม่รู้"
ชุติหน้าแดงก่ำ ดาริกาจึงหัวเราะเบาๆ และลงมือจัดการมื้อเช้าไปได้ครึ่งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างชวนคุย
"คุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ"
"คุณพ่อค้างบ้านโน้นค่ะ" ชุติตอบเรียบๆ เป็นที่รู้กันระหว่างพี่น้องว่า คำว่าบ้านโน้น หมายถึงบ้านอนุภรรยาของบิดา "ส่วนคุณแม่ ออกไปงานทำบุญโรงงานของเพื่อนค่ะ ไปตั้งแต่เช้าแล้ว ชุลงมาก็ออกจากบ้านไปพอดี ว่าแต่พี่ดาบอกคุณแม่กับคุณพ่อหรือยังคะ ว่าจะย้ายออกไปอยู่บ้านโน้น"
"ไม่ได้บอกค่ะ พี่ไม่ได้ย้ายไปบ้านโน้นถาวร หลักๆ ก็ยังอยู่บ้านนี้"
หญิงสาวยกผ้าเช็ดปากขึ้นมาซับปากหลังจากจัดการมื้ออาหารเรียบร้อย ชุติเองก็ลุกจากโต๊ะเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน สองคนพี่น้องขับรถแยกกันไปคนละทาง ดาริกาขับรถเมอร์ซิเดสเบนซ์คันใหม่เอี่ยมออกไปทางบางรัก แต่ตัดสินใจจะไปแวะคุยกับเจ๊แมวที่ช่วยดูแลเรื่องเก็บค่าเช่าให้ก่อนจะเข้าบ้านใหม่ จึงขับรถไปช้าๆ และเห็นว่าตึกที่มีคนมาเช่าใหม่ขายข้าวแกงนั้น หน้าร้านเปิดไว้เรียบร้อยแล้ว และมีผู้หญิงสองคนกำลังช่วยกันยกหม้อแกงมาวาง
ดาริกาไม่ได้สนใจมากนัก จึงขับรถไปจอดหน้าร้านเจ๊แมว ก่อนจะเดินลงจากรถโดยสวมแว่นตากันแดดอันโตไว้
"เจ๊แมว สวัสดีค่ะ" ดาริกาเอ่ยทัก พลางยกมือไหว้ "เป็นอย่างไรบ้างคะ เก็บค่าเช่าเรียบร้อยไหมคะ"
"คุณดา สวัสดีค่า" เจ๊แมวตอบอย่างสดใส และลากเก้าอี้สามขามาให้ดาริกานั่ง "วันนี้จะไปไหนคะเนี่ย แต่งตัวเสียสวยเช้ง ดื่มอะไรดีคะ"
"เอาโคล่าเย็นๆ สักขวดก็ดีค่ะ" ดาริกาตอบเสียงใส "ไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ วันนี้จะมาดูอะไรๆ ที่บ้านใหม่นี่ล่ะค่ะ ชุดนี้สวยหรือคะ ดาเพิ่งซื้อมาใหม่"
ชุดของดาริกาเป็นชุดนำเข้ายี่ห้อดัง เป็นชุดกระโปรงสั้นเข้ากับรูปร่างของคนใส่ เมื่อเจ๊แมวยกขวดน้ำอัดลมที่แช่ไว้เย็นฉ่ำ พร้อมหลอดดูดมาให้ ดาริกาก็รับมา และยิ้มหวานให้เจ้าของร้าน
"ขอบคุณค่ะเจ๊"
"ไม่เป็นไรค่า คุณดาใส่ชุดสวยตลอด เจ๊มองกี่ทีก็ไม่เบื่อ" เจ๊แมวตอบพลางไขกุญแจโต๊ะ หยิบซองเงินมาส่งให้
"ค่าเช่าที่เจ๊เก็บมาค่ะ คุณดาลองนับดูได้เลยค่ะ"
"เจ๊หักไว้หรือยังคะ"
"ยังค่า เจ๊รอให้คุณดาลองตรวจดูก่อนว่าครบหรือเปล่า"
ดาริกายิ้มหวานให้อีกฝ่าย แล้ววางขวดน้ำอัดลมพลางนับเงิน และแบ่งให้เจ๊แมวตามที่ตกลงกัน เจ้าของร้านขายของชำรับเงินที่ดาริกาให้ แล้วยิ้มแป้น ก่อนจะอุ้มแมวลายขาวดำที่มาคลอเคลียขึ้นมานั่งบนตัก และนั่งลงพูดคุยกับดาริกา
"ตอนนี้ตึกคุณดาที่ฝากเจ๊ไว้มีคนเช่าครบแล้วนะคะ อย่างร้านใหม่ที่เขามาขายข้าวแกงน่ะ หนูอันเขาขายดี๊ดี คนมากินติดกันเกรียวเลยนะคะ ขายไปอาทิตย์หนึ่งแล้ว ขายดีทุกวันเลยค่ะ ตอนแรกเขาทำกับข้าววันละสองอย่าง เดี๋ยวนี้ทำสี่ห้าอย่าง ยังหมดเกลี้ยงทุกวันเลยค่ะ"
"เขาทำกับข้าวอร่อยหรือคะเจ๊"
"อร่อยค่า เจ๊รับประกันเลยค่ะ ว่าถ้าคุณดาได้ชิมจะติดใจค่ะ"
ดาริกาไม่พูดอะไร นอกจากหัวเราะเบาๆ และดูดน้ำอัดลมแทน หญิงสาวไม่ได้ตอบไปว่า โดยปกติแล้วถ้าจะรับประทานอาหารนอกบ้าน ดาริกาจะเลือกรับประทานเฉพาะร้านอาหารที่รับประทานเป็นประจำ หรือภัตตาคารที่มั่นใจในรสชาติเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหญิงสาวใส่ใจเรื่องคุณภาพอาหาร รวมถึงความสะอาดด้วย ร้านอาหารข้างทางจึงไม่เคยอยู่ในตัวเลือกของดาริกา
"เอาอย่างนี้ไหมคะ เดี๋ยวเจ๊จะไปสั่งกับข้าวให้คุณดาทานเที่ยงนี้เลยที่บ้าน จะได้ลองชิมฝีมือหนูอันเขาด้วย"
"ที่จริงไม่ต้องก็ได้ค่ะเจ๊"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณดาไม่ต้องเกรงใจ คุณไปรอที่บ้านนะคะ เดี๋ยวเจ๊ยกไปให้ค่ะ จะได้พาหนูอันไปทำความรู้จักด้วย แต่ว่าจะไปช่วงสักบ่ายโมงได้ไหมคะ ช่วงเที่ยงๆ หนูอันเขายุ่ง"
"ได้ค่ะ ดาทานเที่ยงประมาณนั้นอยู่แล้ว"
ดาริกาไม่มีทางเลือก เพราะไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของเจ๊แมว จึงตกลงจะลองชิมอาหารเที่ยงที่เจ๊แมวจะสั่งมาให้ ดาริกาทิ้งเงินไว้ห้าสิบบาท สำหรับค่าน้ำอัดลม และอาหารเที่ยง ก่อนจะกลับรถ แล้วเลี้ยวเข้าซอยไปยังบ้านท้ายซอยที่เธอปลูกเอาไว้ด้วยเงินตัวเอง
หญิงสาวจอดรถและเดินเข้าไปในตัวบ้านที่ตกแต่งเอาไว้อย่างเรียบง่าย ดาริกามีความฝันที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองมาตลอด บ้านที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ และปลอดภัยจริงๆ ไม่ใช่เพียงที่ที่เอาไว้พักอาศัย ที่ดินตรงนี้เดิมเคยมีบ้านเช่า แต่ดาริกาเห็นว่าตัวบ้านเก่ามากแล้ว จึงตัดสินใจไม่บอกเช่าต่อหลังจากผู้เช่าคนเดิมย้ายออก และลงทุนปลูกบ้านหลังเล็กๆ ไว้สำหรับอยู่เอง
ดาริกาวางแผ่นเสียงลงบนเครื่องเล่น แล้วนั่งลงที่โซฟารับแขกในห้องนั่งเล่น หญิงสาวนอนเอนหลังอยู่บนโซฟา อ่านหนังสือเรื่องแลไปข้างหน้า[1] ดาริกาเพลิดเพลินกับหนังสืออยู่นานจนเกือบลืมเวลา กระทั่งได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน ดาริกาจึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูเล็กหน้าบ้านให้
เจ๊แมวกับเด็กสาวอายุไม่เกินยี่สิบ ถือหม้อข้าวหม้อแกงมาเต็มสองมือ ดาริกากำลังอึ้งกับกับข้าวที่ทั้งคู่ถือมา จนถึงกับถามอย่างขำๆ
"เอามาเยอะขนาดนี้ ดาจะทานไม่หมดหรอกค่ะ"
"มีกับข้าวอีกอย่างนะคะ"
เสียงหวานๆ เย็นๆ ที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้ดาริกาเงยหน้าจากหม้อแกงที่เจ๊แมว กับเด็กสาวอีกคนหิ้วมา ดวงตาของดาริกาสบกับดวงตากลมโตของหญิงสาวที่เดินมาทีหลัง ทั้งที่ไม่ยิ้ม แต่ดวงหน้ารูปไข่และริมฝีปากบางเฉียบของหญิงสาวของหญิงสาวที่เพิ่งเดินมา ทำให้ดาริกาเผลอมองอย่างลืมตัว ก่อนจะตั้งตัวได้ และรักษากิริยาด้วยการยกยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก และส่งสายตาเป็นเชิงถาม เจ๊แมวจึงรีบแนะนำ
"คุณดาคะ นี่หนูอันค่ะ เป็นคนที่มาเช่าตึกคุณดา ส่วนหนูจุ๋มนี่เป็นลูกมือหนูอันค่ะ"
"สวัสดีค่ะคุณดา" อันธิกายกมือไหว้อย่างสุภาพ "อันธิกาค่ะ เพิ่งได้เจอคุณดาวันนี้ อันเลยอยากจะขอขอบคุณคุณดานะคะ ที่ลดค่าเช่าให้ ถ้าอันขายแล้วอยู่ตัว จะจ่ายให้ตรงตามค่าเช่าจริงนะคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ลองขายดูก่อนแล้วกันนะคะ เข้ามากันก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะถ่ายแกงแล้วคืนหม้อให้"
ดาริกาตอบ และผลักบานประตูบ้านเชิญแขก แต่อันธิกากลับรีบเอ่ยปาก
"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณดาทานเสร็จ เอาหม้อมาวางไว้หน้าบ้านก็ได้ค่ะ อันจะให้จุ๋มมาเก็บไปเองค่ะ"
"ไม่ได้หรอกค่ะ หม้อจานเอาไว้ใส่ของกิน จะวางทิ้งไว้ได้อย่างไร เข้ามาเถอะค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ"
ดาริกาพูดอย่างมั่นใจ แล้วเดินนำทุกคนให้จำใจเข้าไปในบ้านที่เพิ่งสร้างใหม่ ดาริกาชี้ไปที่โซฟา และเอ่ยปากอย่างเป็นกันเอง
"นั่งก่อนนะคะ"
ดาริกาพูดพลางใช้สายตากดดัน จนเจ๊แมวกับอันธิกาต้องยอมนั่งลง ดาริกายิ้มอย่างพอใจ แล้วหันไปพยักหน้าให้จุ๋ม
"เดี๋ยวจุ๋มตามมาช่วยฉันในครัวหน่อยนะจ๊ะ"
"ได้ค่ะ"
เด็กสาวรับคำ และหอบหิ้วหูหม้อใบเล็กเข้าครัวใหม่เอี่ยมของดาริกา โดยมีเจ้าบ้านคอยช่วยหยิบจานชามลงมาให้เทแกงเปลี่ยนภาชนะให้ ดาริกาพูดกับจุ๋มด้วยน้ำเสียงสดใส
"เอาฝาปิดไว้ก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันจะทานทีหลัง"
"ได้ค่ะ" จุ๋มตอบ และทำงานอย่างคล่องแคล่ว ก่อนเอ่ยปากเมื่อเห็นเจ้าของบ้านยืนมองอยู่ "บ้านคุณดาสวยจังเลย หลังใหญ่เชียวค่ะ อยู่คนเดียวหรือคะ"
"จ๊ะ ปลูกไว้อยู่คนเดียวนี่ล่ะ"
"ไม่เหงาหรือคะ จุ๋มอยู่กับคุณอันสองคน บางทีพองานเสร็จแล้วยังเงียบๆ เลยค่ะ"
"กลัวฉันเหงาก็ จุ๋มก็แวะมาชวนฉันคุยบ่อยๆ สิ"
ดาริกาเย้าอย่างใจดี หญิงสาวไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง ถ้าใครพูดดีด้วย ดาริกาก็ยินดีพูดคุยด้วยอย่างจริงใจเสมอ จุ๋มหัวเราะเบาๆ ขณะที่เดินตามหลังเจ้าของบ้านออกมา อันธิกากับเจ๊แมวลุกขึ้นยืนเตรียมตัวกลับ ดาริกาจึงยิ้มให้ทั้งสองคน พร้อมเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสดใส
"ขอบคุณ คุณอันมากนะคะ วันนี้ดาเลยมีข้าวเที่ยงทานเลย"
"ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณดาอยากทานอะไร ก็แวะมาสั่งได้นะคะ อันจะทำให้ค่ะ"
"ขอบคุณมากค่ะ"
เจ้าของบ้านตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วเดินออกไปส่งทุกคน แม้กระทั่งเมื่อตอนเดินกลับเข้าบ้าน ดาริกาก็ยังนึกถึงเจ้าของดวงตากลมโตที่มีแววเศร้าจางๆ นั้นอยู่ไม่หาย แต่สุดท้ายก็ถอนใจ พลางมองกับข้าวสามอย่างที่เจ้าของร้านข้าวแกงเอามาฝากถึงที่ ทั้งที่ไม่มั่นใจในรสชาติ แต่ดาริกาก็ได้แต่ถอนใจ แล้วพูดกับตัวเอง
"ลองดูสักมื้อแล้วกัน"
ดาริกาตักข้าวให้ตัวเอง แล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหาร อย่างแรกเลือกชิมคืออาหารง่ายๆ อย่างมะระผัดไข่หมูสับ หลังจากลองชิมคำเล็กๆ แล้วพบว่ารสชาติดีออกเค็มนำ หวานนิดหน่อย และไม่มันเลี่ยน จึงเริ่มเลื่อนไปที่ปลาดุกทอดกรอบผัดพริกแกงที่เผ็ดกำลังดี แต่เมื่อถึงจานที่สามดาริกากลับลังเลที่จะตัก
ไข่พะโล้เป็นอาหารที่ดาริกาหลีกเลี่ยงมากที่สุด แม้แต่ฝีมือป้าสำลีก็มีน้อยครั้งที่ดาริกาจะยอมแตะ เพราะป้าสำลีเป็นคนที่มาจากบ้านคุณพิภพ ผู้เป็นบิดาของดาริกา การทำพะโล้จึงทำอย่างครัวจีนที่ใช้เครื่องพะโล้ และซีอิ๊วดำหวานแต่งกลิ่นรส แต่เป็นรสชาติที่ดาริการู้สึกว่าเป็นกลิ่น และรสที่จัดเกินไป แตกต่างจากรสชาติไข่พะโล้ที่ดาริกาเคยกินมาก่อนที่บ้านคุณยาย
หญิงสาวลังเลอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อจะตัดใจทิ้งไข่พะโล้ที่มีหมูสามชั้นด้วยก็นึกเสียใจแทนคนทำ จึงตัดสินใจตักเนื้อหมูและน้ำแกงนิดหน่อยมาลองชิม ทันทีที่ตักข้าวเข้ากับเนื้อหมูเข้าปาก กลิ่นสามเกลอก็หอมฟุ้งอยู่ในปาก รสหวานเค็มของน้ำแกง เนื้อหมูถูกต้มจนเปื่อยซึมซาบทั้งรสน้ำแกง และกลิ่นของสามเกลอ ทำให้ความทรงจำตอนที่ดาริกายังเป็นเด็ก ไปอยู่บ้านคุณยายช่วงปิดภาคเรียนพร้อมกับน้องๆ และได้กินไข่พะโล้ฝีมือคุณยาย
รสชาติที่คล้ายคลึงกับอาหารที่ดาริกาไม่ได้กินมานาน ดึงความทรงจำในวัยเด็กที่มีความสุข ซึ่งดาริกาเคยคิดว่าตัวเองลืมไปแล้วออกมาวางไว้ตรงหน้า
**
อันธิกาขายกับข้าวที่ทำวันนี้จนเกือบหมด เหลือเพียงมะระผัดไข่หมูสับเล็กน้อย พอไว้เป็นข้าวเที่ยงของเธอกับจุ๋ม หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ก็จัดการเก็บกวาดร้าน ล้างถ้วยชาม จากนั้นก็เอาหมูสับที่หมักสามเกลอ กับซีอิ๊วขาวไว้แล้วมาห่อกับแผ่นแป้งที่ซื้อมาจากตลาด ทำเป็นขนมจีบเตรียมไว้ขายในช่วงเย็นเมื่อคนเลิกงาน
"จุ๋มทำอย่างไรก็ไม่สวยเหมือนของคุณอันสักทีเลยค่ะ"
"ค่อยๆ ทำไป ใจเย็นๆ กะไส้ให้พอดีๆ แล้วบีบให้เป็นทรง" อันธิกาตอบ ทั้งที่ตาและมือยังทำงานประสานกัน "ทำมือเป็นทรงรูปวงกลมอย่างนี้ ใส่แผ่นแป้ง ยัดไส้หมูลงไปให้พอดีๆ"
อันธิกาสอนด้วยการทำให้ดูอย่างใจเย็น แม้จุ๋มจะยังทำออกมาได้ไม่เรียบร้อยเท่า แต่ก็ถือว่าพัฒนาไปอย่างรวดเร็วใช้ได้ อันธิกาจึงปล่อยให้ช่วยทำจนเสร็จ หลังจากนั้นก็ตั้งกระทะวางลังถึง เรียงขนมจีบลงบนใบตอง ทาน้ำมันจนทั่วตัวขนมจีบเพื่อไม่ให้แป้งและเนื้อกระด้าง แล้วก็ตั้งไฟทิ้งไว้จนกว่าจะสุก ในระยะนั้นเป็นเวลาที่ทั้งอันธิกาและจุ๋มต้องเตรียมกระทงใบตอง ถุงกระดาษใส่กระทงขนมจีบ กว่าทุกอย่างจะเสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องยกขนมจีบถาดแรกออกมาวางเรียกลูกค้าพอดี
ทั้งเจ้าของร้านและลูกมือขายของกันมือเป็นระวิง เพราะในช่วงเลิกงานเป็นเวลาที่ทั้งพนักงานห้างร้าน และข้าราชการสำนักงานเขตใกล้ๆ จะต้องเดินผ่านหน้าร้านของอันธิกา เพื่อไปขึ้นรถประจำทาง ขนมจีบที่ถูกเตรียมไว้เกือบร้อยลูกจึงขายดิบขายดี อันธิกากำลังหยิบเงินทอนให้ลูกค้า ก่อนจะหันไปเห็นคุณดา เจ้าของตึกสวมรองเท้าแตะกับชุดกระโปรงสั้นที่เห็นเมื่อกลางวันเดินมาพอดี แสงแดดยามเย็นส่องใบหน้าสวยของอีกฝ่าย ทำให้คุณดาใช้แว่นกันแดดยี่ห้อที่ผลิตจากต่างประเทศอันโต สวมปกป้องดวงตาไว้ เมื่อเดินมาถึงหน้าร้านของอันธิกา อีกฝ่ายก็เลื่อนแว่นกันแดดขึ้นไปคาดผม ทำเอาบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่รอซื้อขนมจีบแอบมองกันเป็นแถว
อันธิกาไม่ได้เป็นฝ่ายถูกมองด้วยสายตาแทะโลมเช่นนั้น แต่ก็รู้สึกเขินแทนคนถูกมองไม่น้อย ส่วนคนที่ถูกมองอย่างคุณดา ก็ยืนเอามือไพล่หลัง เอียงคอดูจุ๋มจัดขนมจีบใส่กล่องกระดาษให้ลูกค้าที่สั่งไปยี่สิบลูก แล้วค่อยๆ ช้อนตามองเจ้าของร้าน ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงสดใส
"ฉันขอขนมจีบสักห้าลูกมาทานได้ไหมคะ แต่ขอนั่งทานในร้านได้หรือเปล่า ขี้เกียจถือกลับไปที่บ้านน่ะ"
"ได้สิคะ คุณดาเชิญนั่งด้านในเลยค่ะ"
อันธิกาเชื้อเชิญเจ้าของตึกแถวให้นั่งลงที่โต๊ะด้านใน ก่อนจะวิ่งขึ้นไปชั้นบน หยิบเอาจานเซรามิกเนื้อดี กับช้อนส้อมของหวานออกมาจากชั้นที่เก็บไว้ พร้อมถาดรอง และชุดน้ำชาที่เข้าชุดกัน อันธิกาเดินเร็วๆ ลงจากชั้นบน เข้าไปในครัว หยิบขนมจีบที่ตั้งใจจะให้เจ๊แมว แบ่งมาให้คุณดา โดยเตรียมผักแนมเป็นผักกาดหอม และผักชีที่ตัดไว้อย่างเรียบร้อย แยกกระเทียมเจียว กับน้ำจิ้มใส่ถ้วยเล็กมาต่างหาก พร้อมกับน้ำจิ้ม และใส่ใบชาพร้อมกับเทน้ำร้อนลงในกา แล้วยกออกไปให้เจ้าของตึกที่นั่งเท้าคาง ใช้ปลายนิ้วชี้เคาะแก้มตัวเองเบาๆ พร้อมกับดูจุ๋มขายขนมจีบมือเป็นระวิง
"ขนมจีบค่ะคุณดา" อันธิกายกจานขนมจีบ พร้อมจานแบ่งให้ "ส่วนชา ตอนนี้ที่บ้านมีแต่ชาจีนธรรมดา คุณดาคงไม่ถือนะคะ"
"ไม่ถือหรอกค่ะ กินขนมจีบกับชาจีนร้อน เข้ากันดีออกค่ะ" ดาริกาพูดยิ้มๆ และหันไปมองจุ๋มที่ลูกค้าหมดพอดี "ขายดีเหมือนกันนะคะ"
"ค่ะ ลูกค้าเริ่มติดแล้ว เมื่อกลางวันคุณดาทานได้หรือเปล่าคะ วันนี้กับข้าวมีแต่พื้นๆ"
"ทานได้ค่ะ ข้าวที่ให้ไป ทานจนหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือสักเม็ด" ดาริกาพูดด้วยน้ำเสียงสดใส และรินชาจีนร้อนๆ ให้ตัวเอง "คุณอันทำไข่พะโล้อร่อยมากเลยนะคะ เรียนมาจากไหนหรือคะ"
"จากคุณแม่ค่ะ" ใบหน้าที่ไม่ค่อยมีรอยยิ้มของอันธิกามีประกายความสุขจางๆ จนดาริกาสังเกตได้ "สูตรที่อันทำ ก็เป็นสูตรของคุณแม่ อาศัยจำจากรสมือของท่านเอาค่ะ คุณดาชอบพะโล้หรือคะ"
"ชอบค่ะ รสชาติคล้ายๆ สูตรที่คุณยายของดาทำเมื่อก่อน จริงๆ จะเรียกพะโล้ก็ไม่ถูก เพราะไม่ได้ใส่เครื่องพะโล้ แต่เป็นเนื้อหมูสามชั้นผัดสามเกลอ แล้วก็ใช้น้ำตาลโตนดผัดกับน้ำปลาให้เป็นสีน้ำตาลอีกที ถึงจะเอามาต้มกับหมู ให้ออกรสเค็มหวาน จริงๆ ต้องเรียกว่าหมูต้มเค็มใช่ไหมคะ"
"ใช่ค่ะ แต่วิธีทำแบบนี้ยุ่งยาก คนเลยหันไปใช้เครื่องพะโล้กับใส่ซีอิ๊วดำแทนกันมาก เพราะง่ายแล้วก็เร็วกว่า"
อันธิกาตอบเรียบๆ แล้วนั่งสังเกต รอดูสีหน้าของดาริกา เพราะหญิงสาวนั่งฟังไป ใช้ส้อมจิ้มขนมจีบมาตัดแบ่งในจานไป พอดาริกาตักขนมจีบเข้าปากเคี้ยวแล้ว อันธิกาก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
"พอจะทานได้ไหมคะ"
ดาริกาถูกดวงตากลมโตของหญิงสาวยิ้มยากตรงหน้ามองมาอย่างคาดหวังตรงๆ โดยไม่มีจังหวะให้ตั้งตัว ก็ถึงกับรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จนต้องแกล้งยกน้ำชาขึ้นดื่ม และตอบกลับไปโดยไม่สบตาคนฟัง
"อร่อยมากค่ะ สมแล้วที่ลูกค้าติด"
"ดีใจจังเลยค่ะ อันกลัวว่าจะไม่ถูกปากคุณดา" อันธิกาตอบด้วยน้ำเสียงโล่งใจ ก่อนจะถามอย่างลังเลเมื่อเห็นสีหน้าของคู่สนทนา "คุณดา ร้อนหรือคะ แก้มแดงเลย"
"เดี๋ยวจุ๋มไปเอาพัดลมบนห้องมาให้นะคะ"
อันธิกาพยักหน้ารับทันทีเมื่อจุ๋มที่ฟังอยู่รีบเอ่ยปาก เด็กสาววิ่งขึ้นไปข้างบน อึดใจเดียวก็หิ้วพัดลมตั้งพื้นตัวหนึ่งมาด้วย และเปิดพัดลมให้ดาริกา ส่วนอันธิกาก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
"ยังร้อนอยู่หรือคะคุณดา หน้าแดงใหญ่เลย"
"ค่ะ ร้อนนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วค่ะ"
ดาริกาตอบยิ้มๆ และนึกตำหนิตัวเองอยู่ในใจ เมื่อเห็นสายตาเป็นกังวลของอันธิกาแล้วใจเต้นโดยไม่มีสาเหตุ จนต้องลอบถอนใจ แล้วชวนอันธิกากับจุ๋มพูดเรื่องอื่นๆ อย่างเป็นธรรมชาติ โดยพยายามเลี่ยงไม่สบตากับอันธิกาโดยไม่จำเป็น
#ดุจดารานำทาง
เชิงอรรถ
- ^ เขียนโดย ศรีบูรพา
Comments (0)