4 ตอน 04
โดย oceanofstars
04.
กิจการขายข้าวแกงของอันธิกาเป็นไปได้ด้วยดี และย่างเข้าเดือนที่สามของการทำการค้าแล้ว แต่ลูกค้าก็ยังอุ่นหนาฝาคั่งเหมือนเดิม ของที่เตรียมไว้ขายหมดเกลี้ยงแทบทุกวัน นอกนั้นอันธิกาก็ยังทำบัวลอยไข่หวานขายด้วยเพราะแรงยุของจุ๋มที่ยังติดใจฝีมือการทำบัวลอยสามสีของอันธิกา ปรากฏว่าบัวลอยไข่หวาน และขนมจีบที่ขายอยู่ทุกวันก็ยังขายดี จนมีทั้งรถสามล้อเครื่อง และชาวบ้านแถวนั้นที่ได้ฟังคำโฆษณาจากเจ๊แมว พากันมานั่งกินที่ร้านบัวลอยไข่หวานที่ร้าน จนได้ปิดร้านเกือบหนึ่งทุ่มตรงทุกวัน
แม้จะต้องลงทุนลงแรงกับการขายขนมเพิ่มช่วงกลางวันกับตอนเย็น แต่ก็แลกกลับมาด้วยกำไรที่เพิ่มมากขึ้น ขนมเล็กๆ น้อยๆ มื้อเที่ยงกับขนมจีบ และบัวลอยอาจจะขายในราคาไม่แพง ได้กำไรไม่มาก แต่เมื่อรวมกันเป็นยอดกำไรต่อวัน อันธิกาก็ได้เงินเพิ่มต่อวันเป็นหลักร้อย ดังนั้นแม้จะเหนื่อยมากขึ้น แต่อันธิกาก็ยอมเหนื่อยอย่างเต็มใจ
วันนี้อันธิกาไปตลาดกับจุ๋มแต่ฟ้ายังไม่สว่าง และเห็นร้านขายปลามีทั้งปลากราย และปลาช่อนขาย ปลายังสดและดูน่าเอาไปประกอบอาหาร อันธิกาจึงตัดสินใจซื้อมาทำห่อหมก เมื่อกลับมาถึงร้าน อันธิกาก็ลงมือขอดเกล็ดปลาทำความสะอาดและหั่นเลาะเอาแต่เนื้อปลาช่อนมาหั่นเป็นชิ้นพักไว้ ก่อนจะนั่งใช้ช้อนขูดเนื้อปลากรายอย่างระมัดระวัง จุ๋มจึงอาสาตำพริกแกงเผ็ด เตรียมเครื่องเคราสำหรับทำอาหารขายสำหรับวันนี้ให้แทน
เมื่อมีจุ๋มเป็นลูกมือที่ไว้ใจได้ อันธิกาจึงมีสมาธิอยู่กับการนำเนื้อปลากรายขูดละเอียด ผสมกับพริกแกงเผ็ด น้ำตาลปี๊บ น้ำปลาเล็กน้อย แล้วลงมือนวดส่วนประกอบทั้งหมดด้วยไม้พายอยู่นาน จนเนื้อปลากับเครื่องปรุงเข้ากันได้ดี เมื่อจุ๋มเตรียมทุกอย่างให้เสร็จ ก็ยกหัวกะทิมาให้อันธิกา แล้วไปจุดไฟหุงข้าว อันธิกาผสมส่วนผสมทุกอย่างกับกะทิให้เข้ากัน ขณะที่จุ๋มนั่งลงปอกเปลือกกุ้ง เลาะเส้นกลางหลังไว้ให้อันธิกาทำแกงส้มผักรวมกุ้ง นานๆ ที่จะเหลือบตาดูอันธิกาที่กำลังง่วนกับการกวนผสมเครื่องห่อหมกอย่างสนใจ เมื่อเห็นอันธิกาใส่เนื้อปลาช่อนที่หั่นเป็นชิ้นลงไปในเนื้อห่อหมก จุ๋มก็เอ่ยปากขึ้น
"ไม่ได้เอาเนื้อปลาใส่รองข้างล่างหรือคะคุณอัน"
"ใส่ลงไปเลยก็ได้จุ๋ม มันจะได้อยู่ในเนื้อห่อหมก ตัวเนื้อห่อหมกต้องดูอย่าให้ข้นไปเพราะจะกระด้าง แต่ถ้าเหลวไปเนื้อก็แฉะ กินไม่อร่อย ต้องผสมให้กำลังเหนียวพอดีๆ ข้างล่างกระทงก็รองแต่ใบยออ่อนๆ ก็พอ" อันธิกาตอบแล้วตักเนื้อห่อหมกใส่กระทง "เวลาใส่เนื้อห่อหมกลงไปไม่ต้องใส่ให้ล้น เพราะพอนึ่งแล้วเนื้อมันจะฟู ถ้าล้นออกมามากจะไม่สวย"
อันธิกาตอบเสร็จก็ส่งไม้จวักให้จุ๋มตักห่อหมกเรียงใส่ลังถึงตามแบบที่ตัวเองทำไว้ แล้วปล่อยให้จุ๋มจัดการต่อ ส่วนตัวเองก็มาทำกับข้าวอย่างอื่น วันนี้เป็นไก่สับผัดกับพริกสดและหน่อไม้ดอง วิธีการปรุงไม่ได้ยุ่งยาก เมื่อผัดไก่เสร็จ ห่อหมกในลังถึงก็เริ่มส่งกลิ่นหอมพริกแกงฟุ้งจนจุ๋มถึงกับเอ่ยปากว่าหิวข้าว ระหว่างรอให้ห่อหมกสุกดี อันธิกาก็เตรียมหัวกะทิผสมแป้งข้าวเจ้าตั้งไฟคนจนข้น เมื่อกะทิได้ที่ก็ยกลง แล้วช่วยกันกับจุ๋มยกห่อหมกลงจากลังถึง และยกหน้าที่ราดหน้ากะทิ กับโรยใบะกรูดซอย พริกชี้ฟ้าแดงตกแต่งให้เป็นของจุ๋ม เนื่องจากอันธิกาหันไปเริ่มทำแกงส้มผักรวมใส่กุ้ง กลิ่นห่อหมก กับกลิ่นแกงส้มผักรวมบนเตาหอมตีกันจนแม้แต่อันธิกาก็ยังนึกหิวขึ้นมาบ้าง
กับข้าวอีกอย่างที่อันธิกาทำก็คือกุนเชียงทอด หญิงสาวใส่กุนเชียงแท่งลงใส่ลงกระทะร้อนๆ พร้อมน้ำเปล่า ผัดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้ำแห้ง ก็ได้กุนเชียงสีสวย ไม่กระด้าง และไม่มันเยิ้ม หั่นเป็นชิ้นพอดีคำได้ถาดใหญ่ เสร็จพร้อมๆ กับที่จุ๋มตำน้ำพริกกะปิ เตรียมผักสด และต้มไข่เสร็จเรียบร้อย กับข้าวง่ายๆ อย่างถูกจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบรอลูกค้า พวกแกงตักจากหม้อใหญ่มาใส่ในหม้อแบ่งขาย รอให้เย็นแล้วปิดฝาเรียบร้อย ส่วนของกินอื่นๆ ใส่ในตู้กระจกมีบานเลื่อนเป็นมุ้งขึงปิดกันแมลงต่างๆ
อันธิกาให้จุ๋มไปอาบน้ำเตรียมตัวลงมาตักข้าวรอบเที่ยงก่อน เพราะงานของหญิงสาวยังไม่เสร็จ เนื่องจากต้องปั้นไส้สาคูไส้หมูที่ผัดไว้ตั้งแต่เช้า กว่าอันธิกาจะปั้นสาคูร้อยลูกเสร็จ แป้งสาคูที่แช่น้ำไว้ ก็อิ่มน้ำเต็มเม็ดพอดี อันธิกาจึงจัดการห่อสาคูแล้ว เรียงใส่ลังถึง ติดไฟนึ่งไว้ เมื่อจุ๋มอาบน้ำแต่งตัวลงมาแล้ว อันธิกาก็สั่งความไว้ว่าเมื่อสาคูสุก ให้ยกสาคูลงมาคลุกน้ำมันใส่ถาดวางไว้ขายตอนเที่ยง
งานที่มีล้นมือ ทำให้อันธิกาแทบไม่เหลือเวลาจะคิดถึงเรื่องราวใดๆ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ถึงเวลาคนพักเที่ยงพอดี ร้านข้าวแกงเล็กๆ ของอันธิกามีลูกค้ามานั่งกินข้าวไม่ขายสาย หญิงสาวกับจุ๋มช่วยกันตัก ช่วยกันรับเงินทอนเงิน เก็บจานที่คนกินแล้ว เหรียญเงิน ธนบัตรถูกวางใส่เพิ่มพูนอยู่ในตะกร้าใส่เงินทอน
อันธิกาเก็บจานชาม แก้วน้ำที่คนกินแล้วไปเก็บหลังร้าน พอกลับออกมา ลูกค้าก็หมดพอดี หญิงสาวจึงยิ้มให้จุ๋มที่นั่งลงดื่มน้ำเย็นเฉียบด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
"เหนื่อยมากหรือจุ๋ม"
"เหนื่อยค่ะพูดจนคอแห้งเลย" จุ๋มตอบแล้วยิ้มหน้าเป็น "ทานข้าวเลยไหมคะคุณอัน กับข้าวเหลือพอดี"
"เอาสิ จุ๋มก็มานั่งพักเถอะ เดี๋ยวฉันตักข้าวให้เอง"
จุ๋มไม่ได้นั่งพักตามที่อันธิกาบอก แต่เอาแกงส้มที่เหลือไปอุ่นให้ร้อน แล้วจัดการตักไก่ผัดหน่อไม้ดองใส่จาน และเรียงไข่ต้มกับน้ำพริกผักสดที่เหลือใส่จานไปด้วยอีกอย่าง เมื่อนั่งลงกินข้าวที่อันธิกาตักใส่จานมาให้ได้ครึ่งจานแล้ว จุ๋มก็เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสเหมือนเคย
"วันนี้เราเตรียมหมูไว้ทำขนมจีบแล้ว เดี๋ยวคุณอันนั่งพักก่อนก็ได้นะคะ จุ๋มจะห่อขนมจีบให้ คุณอันค่อยลงมาตอนจะทำบัวลอยก็พอ"
"ไม่เป็นไรหรอกจุ๋ม จุ๋มไปพักเถอะ วันนี้เหนื่อยตั้งแต่เช้าแล้ว"
"ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ" จุ๋มตอบพลางยิ้มแป้น "คุณดาคะ ถ้าจุ๋มเก็บเงินได้แล้ว คุณดาไปดูจักรเย็บผ้าเป็นเพื่อนจุ๋มได้ไหมคะ"
"ได้สิ จุ๋มจะซื้อรุ่นไหนล่ะ"
"คงไม่ซื้อของใหม่หรอกค่ะ มันแพง น่าจะซื้อของมือสองค่ะ ดูรุ่นจักรเอาไว้ในหนังสือสอนตัดเสื้อ เขามีแนะนำไว้ค่ะ"
"ของมือสอง ถ้ายังใช้งานให้ดี เปลี่ยนเข็มให้ใหม่หน่อย ก็น่าจะใช้งานได้ดีเหมือนกัน จุ๋มเก็บเงินพอเมื่อไหร่ ก็บอกนะ เราจะได้ไปดูจักรเย็บผ้ากัน"
"ได้เลยค่ะ"
จุ๋มยิ้มอย่างสดใส ทำให้อันธิกาพลอยรู้สึกสบายใจไปด้วย หญิงสาวจัดการช่วยกันกับจุ๋มเก็บล้างชานชามคว่ำเรียบร้อย แต่เมื่อยกตะกร้าช้อนเก็บ อันธิกาก็สังเกตเห็นจุ๋มนิ่วหน้า จึงรีบเอ่ยปากถาม
"จุ๋มเป็นอะไร ไม่สบายหรือ"
"ปวดท้องค่ะคุณอัน เหมือนจะมีประจำเดือนเลย"
"จุ๋มไปเข้าห้องน้ำดูก่อนนะ ถ้าเกิดมีประจำเดือนก็ขึ้นไปนอนพักเถอะ เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง"
จุ๋มพยักหน้ารับ และหายเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะกลับออกมา และบอกว่ามีประจำเดือน อันธิกาจึงปล่อยให้ขึ้นไปนอนพัก เพราะรู้ว่าจุ๋มมักจะปวดท้องประจำเดือนจนลุกไม่ไหวในวันแรกทุกเดือน หญิงสาวต้มน้ำร้อนเทใส่กระเป๋าน้ำร้อน และถือขึ้นไปชั้นบน อันธิกาเข้าห้องตัวเองไปหยิบขวดยาแก้ปวด ก่อนจะเดินออกมาเคาะประตูห้องนอนจุ๋มเบาๆ แล้วผลักประตูออก
"ฉันต้มน้ำร้อนมาให้ จุ๋มประคบท้องไว้นะ" อันธิกาพูดพลางส่งกระเป๋าน้ำร้อนให้เด็กสาวที่ทำท่าจะลุกจากที่นอน "นอนเถอะ ไม่ต้องลุกมาหรอก ถ้าปวดมาก จุ๋มกินยาแก้ปวดนะ ฉันวางไว้ให้ตรงนี้"
"ขอบคุณค่ะคุณอัน ถ้าจุ๋มดีขึ้นจะรีบลงไปช่วยนะคะ"
"ไม่ต้องหรอก นอนพักเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว"
อันธิกาตอบแล้วเดินลงมาด้านล่าง หญิงสาวหยิบเนื้อหมูที่หมักไว้ แผ่นแป้ง และถาดสำหรับวางขนมจีบออกมาตั้งที่โต๊ะหน้าร้าน ก่อนจะล้างมือให้สะอาด และลงมือห่อขนมจีบอย่างชำนาญ อันธิกานั่งหันหลังให้นอกถนน ทำงานไปเรื่อยๆ อย่างมีสมาธิ จึงไม่ทันได้สนใจรถยนต์เมอร์ซิเดสเบนซ์สีแดงเงาวับที่มาจอดลงที่หน้าร้าน พร้อมกับร่างสูงเพรียวของหญิงสาวที่สวมกางเองผ้าชีฟองเอวสูงขาบานสีไข่ไก่ กับเสื้อคอจีนไม่มีแขนสีขาวที่เดินลงมาจากรถ
"ทำอะไรอยู่หรือคะ"
เจ้าของร้านสะดุ้งจนสุดตัว ช้อนที่ใช้ตักไส้ขนมจีบเกือบหลุดออกจากมือ อันธิกากำลังคิดรายการอาหารพรุ่งนี้เพลิน เมื่อถูกทักใกล้ๆ ตัวจึงตกใจ หญิงสาวกะพริบตาปริบอยู่หลายที ส่วนคนที่เข้ามาทักก็มีสีหน้าตกใจ ก่อนเอ่ยปาก
"ตายจริง คุณอันตกใจมากหรือคะ ดาไม่นึกว่าจะไม่ได้ยินเสียงดาเดินเข้ามา ขอโทษนะคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ" อันธิกาตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะละล้าละลัง เพราะมือเปื้อนจนไม่อาจช่วยเลื่อนเก้าอี้รับแขก "คุณดานั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวอันไปยกน้ำมาให้ค่ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ดาสั่งโคล่าใส่น้ำแข็งบดมาจากร้านเจ๊แมวแล้ว เดี๋ยวเด็กที่ร้านโน้นคงยกมาให้" ดาริกาตอบแล้วเลื่อนแว่นกันแดดอันโตขึ้นคาดศีรษะ "ทำขนมจีบคนเดียวหรือคะ จุ๋มล่ะคะ"
"จุ๋มปวดท้องประจำเดือนค่ะ อันเลยให้แกนอนพัก คุณดาไปไหนมาหรือคะ ไม่เจอเสียหลายวัน"
ดวงตาของดาริกาเป็นประกายวิบวับอย่างประหลาด และประกายสดใสนั้นก็ทำให้อันธิการู้สึกมือไม้เกะกะเก้ๆ กังๆ อย่างบอกไม่ถูก อันธิกาจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ไปตัดผมมาด้วยหรือคะ"
"แหม ดาก็นึกว่าคุณอันจะไม่ถามเสียแล้วค่ะ" ดาริกาพูดพลางยิ้มกว้างจนดวงตาหยีเป็นทรงพระจันทร์เสี้ยว "อากาศมันร้อนน่ะค่ะ ดาก็เลยไปตัดให้มันสั้นเสียหน่อย จะตัดให้เท่าคางด้วยซ้ำ แต่ช่างประจำของดาเขาไม่ยอม เขาว่าเอาแบบระต้นคออย่างนี้พอ ถ้าร้อนนักก็มัดเป็นหางม้าได้ เป็นอย่างไรคะ คุณอันว่าเข้ากับหน้าดาหรือเปล่า"
"เข้าค่ะ คุณดาเป็นคนสวย ตัดผมยังไงก็สวยค่ะ"
ดาริกาหัวเราะเบาๆ กับคำชมนั้น พอดีกับที่เด็กที่ร้านของเจ๊แมวถือแก้วใส่น้ำแข็งบดสามแก้วกับโคล่ามาสองขวด ดาริกาเปิดกระเป๋าใบเล็ก หยิบเงินให้เด็ก ก่อนจะเอ่ยปาก
"เอาแค่สองแก้วพอจ้ะ ส่วนอีกขวดที่ยังไม่เปิด ขอคืนนะจ๊ะ เพราะดื่มกันสองคน ดื่มไม่ไหว ส่วนนี่เงินค่าเดินให้ต่างหากจากเงินทอนของเจ๊แมวนะจ๊ะ"
เด็กชื่อเจ้าลม ที่มารับจ้างเดินส่งของให้เจ๊แมวในวันเสาร์อาทิตย์ รับคำของดาริกา แล้วรับเงินค่าเดินหนึ่งบาทไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อเจ้าลมกลับไปแล้ว อันธิกาก็พูดขึ้นทั้งที่มือยังปั้นขนมจีบ
"คุณดาใจดีจังเลยนะคะ ให้เงินค่าเดินตั้งหนึ่งบาท วันนี้เจ้าลมเอาไปซื้อขนมกินสบายๆ เลย"
"เล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ให้เป็นสินน้ำใจกับเด็ก"
ดาริกาพูดพลางรินโคล่าใส่แก้วให้ตัวเองกับอันธิกา ก่อนจะเอ่ยปากต่อหลังจากดื่มน้ำจนหายร้อนแล้ว
"จุ๋มปวดท้องประจำเดือนมากหรือคะคุณอัน"
"ปวดมากอย่างนี้ทุกเดือนค่ะ แต่เป็นเฉพาะวันแรก วันหลังๆ ก็ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ"
"เป็นผู้หญิงนี่ลำบากเหลือเกินนะคะ" ดาริกาพูดพลางใช้หลอดดูดคนน้ำแข็งในแก้วตัวเอง "ผู้ชายบางคนเขาก็ไม่เข้าใจด้วยซ้ำ เวลาที่ผู้หญิงบอกว่าไม่สบายเพราะมีประจำเดือน ไม่ต้องใครอื่นเลยค่ะ คุณพ่อของดาเอง พอลูกสาวไม่สบาย เพราะมีประจำเดือน ก็บ่นว่าผู้หญิงคนอื่นเขามีประจำเดือนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ฟังแล้วโมโหทุกทีค่ะ เมื่อไหร่คนทั่วไปจะเข้าใจเสียทีว่า ผู้หญิงทรมานกับเรื่องประจำเดือนมากกว่าแค่ปวดท้อง บางคนเป็นสิวรักษาไม่หาย บางคนประจำเดือนไม่ปกติก็ถึงกับหน้าขึ้นฝ้า เพื่อนดาปวดหัวข้างเดียวจนอาเจียนทุกครั้งที่จะมีประจำเดือน อย่างจุ๋มนี่ก็อีก ปวดท้องจนลุกไม่ไหว ใครจะอยากป่วยกันล่ะคะ แต่มันเลือกไม่ได้นี่นา เป็นสิ่งที่ติดมาตามเพศกำเนิดค่ะ"
อันธิกาหัวเราะคิกเมื่อเห็นดาริกาทำหน้าระอาเต็มที เจ้าของตึกเห็นอันธิกายิ้มออกก็รู้สึกสบายใจตามไปด้วย เพราะในความรู้สึกของดาริกา อันธิกาเป็นคนยิ้มสวย ติดที่เจ้าตัวมักจะทำสีหน้าเฉยเมยอยู่เป็นประจำ จึงไม่ค่อยได้เห็นรอยยิ้มหวานๆ บ่อยนัก ดาริกามองดูมือเรียวๆ เล็กๆ ล้างเศษแป้งบนแผ่นแป้งห่อขนมจีบออก และใส่ไส้หมูสับจับจีบเป็นลูกสวยอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยปาก
"คุณอันเก่งจังเลยนะคะ ทำแป๊บเดียว ก็ได้ขนมจีบลูกหนึ่งแล้ว"
"อันทำจนชำนาญแล้วค่ะ" อันธิกาพูดแล้วยิ้มน้อยๆ "จริงๆ ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนะคะ แค่ต้องคอยพรมน้ำ ไม่ให้แป้งที่ห่อไว้แล้วแห้งเกินไป ส่วนไส้ อันก็ทำเตรียมไว้แล้ว แค่จับจีบค่ะ ที่จริงก็อยากชวนคุณดาให้ลองทำดู แต่คุณดาเพิ่งทำเล็บมาใหม่ๆ เล็บจะเสียเปล่าๆ รอทานดีกว่านะคะ"
ดาริกายิ้มแห้งๆ เพราะเล็บมือที่เพิ่งทาเสร็จเมื่อเช้าก่อนมาที่บ้านนี้เป็นหลักฐานฟ้องอยู่ทนโท่ ในใจของดาริกานึกเสียดายที่ทาเล็บไปก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ได้ทาเล็บ คงได้ถูกมือเล็กๆ ของอันธิกาจับสอนให้ทำขนมจีบเป็นแน่ หญิงสาวจึงได้แต่นั่งเป็นเพื่อนชวนอันธิกาคุยไปเรื่อยๆ แทน
"คุณอันทำขนมจีบอร่อยมากนะคะ ดาชอบค่ะ แอบบอกสูตรได้ไหมคะ" ดาริกาเอ่ยกระเซ้า แต่คนฟังกลับมองกลับมาด้วยท่าทางจริงใจ ก่อนจะเอ่ยปาก
"ได้สิคะ ทำไม่ยากเลยค่ะ ใช้สามเกลอหมักผสมกับหมูสับ ตัวหมูอันใส่เป็นหมูเนื้อแดงติดมันเล็กน้อย เนื้อจะได้ไม่กระด้าง ปรุงรสกับซีอิ๊วขาว น้ำตาลนิดหน่อยค่ะ ใส่แป้งมันพอให้เนื้อหมูเด้งขึ้น แล้วก็ใส่แห้วสับชิ้นเล็กๆ ให้มีความกรุบกรอบเวลากิน เพิ่มเนื้อสัมผัส ถ้าจิ้มน้ำจิ้มอย่างจีน ก็ใส่จิ๊กโฉ่ว แต่อันทำพริกเผาที่ไม่เผ็ดมากให้ไปใส่ผสมเอง จะได้ถูกลิ้นคนไทยด้วยค่ะ อืม เดี๋ยวอันทำเสร็จจะจดสูตรให้ดีกว่านะคะ คุณอันจะได้ให้คนที่บ้านทำให้ทานได้ค่ะ"
"คุณอัน ดาล้อเล่นค่ะ" ดาริกาหัวเราะเสียงใสเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหญิงสาว "ก็ดาเห็นร้านที่ขายดีๆ เขาหวงสูตรกัน เลยหยอกคุณอันเท่านั้นเอง ถ้าดาอยากทาน ดามาทานที่นี่ดีกว่าค่ะ จะได้มาคุยกับคุณอันด้วย จริงไหมคะ"
"อันไม่ค่อยได้ไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน เลยไม่รู้จะคุยอะไร แต่ถ้าคุณดาไม่เบื่อ ก็มานั่งเล่นที่นี่ได้เลยนะคะ อันอยู่ตลอด แค่อาจจะต้องนั่งทำงานไปด้วย ฟังคุณดาไปด้วยแบบตอนนี้นี่ล่ะค่ะ"
"คุณอันเก่งออกค่ะ ดามานั่งคุยแค่แป๊บเดียว คุณอันยังบอกสูตรทำขนมจีบกับดาเลย ดาต่างหากล่ะคะ ไม่รู้อะไรเลย ทำกับข้าวเองยังทำไม่เป็นเลยค่ะ แค่นั่งฟังคุณอันก็รู้สึกว่าอร่อยแล้ว แบบนี้จะบอกว่าไม่มีอะไรจะคุยได้ยังไงล่ะคะ"
คำพูดของดาริกาทำเอาคนฟังแก้มร้อนอย่างไม่มีเหตุผล นานแล้วที่อันธิกาไม่มีคนบอกว่าอยากมาคุยด้วย เพราะหญิงสาวทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการทำงานเลี้ยงปากท้อง ไม่มีเวลาไปเที่ยวหา พบปะเพื่อนฝูงที่เคยเรียนมาด้วยกัน เพื่อนคนเดียวในยามนี้ของอันธิกาจึงมีเพียงจุ๋มเท่านั้น อันธิกาเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยปาก
"ขอบคุณค่ะ"
ดาริกายิ้มมุมปากน้อยๆ กับคำพูดเรียบง่ายของหญิงสาว ก่อนจะถามนั่นถามนี่เรื่องงานที่อันธิกาทำอย่างสนใจ ท่ามกลางแสงตะวันรอนของยามบ่ายในวันหนึ่ง
**
หลังจากที่ต้องเผชิญเหตุการณ์บิดามารดาทะเลาะกันด้วยเรื่องมรดกจนถึงขั้นท้าหย่ากันต่อหน้าลูกๆ ทำให้บรรยากาศในบ้านมึนตึงจนถึงขีดสุด ดาริการู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของน้องทั้งสองคน จึงอยู่โยงเฝ้าบ้าน เพื่อให้น้องทั้งสองคนอุ่นใจว่าอย่างน้อย ถ้ากลับบ้านก็ยังเจอพี่สาวคนโตเหมือนเดิม แต่สุดท้ายคุณพิภพ บิดาของดาริกาก็ตกลงแบ่งมรดกจนได้ และเรียกทนายมาเขียนพินัยกรรมต่อหน้าทนายของคุณศศิ มารดาของดาริกา
กองมรดกถูกจัดสรรให้ลูกๆ ที่เกิดจากภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอย่างคุณศศิอย่างเท่ากัน ทั้งที่ดิน หุ้นส่วนในบริษัท และเงินสด ส่วนนายไผท ลูกที่เกิดจากอนุภรรยาของคุณพิภพ ได้รับเงินสดก้อนหนึ่ง กับที่ดินที่สมุทรสาครแปลงใหญ่หนึ่งแปลง แม้จะมีขนาดใหญ่กว่าที่ดินของลูกๆ คุณศศิ แต่มูลค่าของที่ดินแตกต่างกันลิบลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับได้สำหรับคุณศศิ การเขียนพินัยกรรมเอาไว้แต่เนิ่นๆ ของคุณพิภพ จึงถูกจัดการจนสำเร็จได้
การยอมลงให้ของคุณพิภพในครั้งนี้ ทำให้บรรยากาศในบ้านกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง คุณศศิไม่พูดถึงเรื่องการฟ้องหย่า และกลับไปใช้ชีวิตที่ไม่ใส่ใจสามีตามเดิม ส่วนคุณพิภพก็ใช้เวลาอยู่ที่บ้านอนุภรรยาตามปกติ ชีวิตของชุติกับศศิน น้องทั้งสองคนของดาริกาก็กลับมาอยู่ในสภาวะปกติ ดาริกาจึงได้มีโอกาสปลีกตัวมาพักผ่อนสมองที่บ้านใหม่ที่เพิ่งปลูกเสร็จของตัวเอง
แต่ที่จริงแล้วก็ไม่อาจเรียกว่าเป็นการพักผ่อนได้มากนัก เพราะดาริกาเป็นคนดูแล รับผิดชอบเงินค่าใช้จ่ายของตัวเองมาตั้งแต่ลาออกจากมหาวิทยาลัย จึงต้องคอยบริหารจัดการเงินของตัวเองอย่างรัดกุม การมาอยู่บ้านนี้จึงเป็นหลุมหลบภัยที่ดาริกาใช้เพื่อตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของตัวเองโดยไม่มีคุณพิภพมากวนใจ
การได้มรดกจากคุณย่าเป็นที่ดินให้เช่าหลายที่ และเงินสด กับพันธบัตรอีกก้อน ทำให้ดาริกาไม่ต้องสนใจความเห็นของบิดาที่กริ้วโกรธหลังจากรู้ว่าเธอตัดสินใจเลิกเรียนหนังสือระดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยไม่ใช่คำตอบสำหรับดาริกา เธอสนุกกับการเรียนรู้ การศึกษาจากหนังสือ และการค้นคว้าเรื่องที่สนใจ แต่ไม่ใช่การนั่งอยู่ในห้องเรียน ฟังอาจารย์บรรยายอย่างเบื่อหน่าย และลงท้ายด้วยการเดินออกจากห้องเรียนพร้อมคนอื่นๆ แล้วจบด้วยการที่เพื่อนๆ ชักชวนกันไปเดินเล่น กินข้าว ซื้อของก่อนกลับบ้าน ดาริกาจึงตัดสินใจลาออก และนั่นเป็นจุดแตกหักระหว่างเธอกับบิดาอย่างช่วยไม่ได้ และแม้กระทั่งมารดาที่ปกติไม่เคยเห็นด้วยกับบิดาในเรื่องใดก็ตาม ยังเข้าข้างคุณพิภพในเรื่องนี้
ทุกคนมักคิดว่าดาริกาเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย กล้าตัดสินใจ แต่ที่จริงแล้วดาริกาก็เหมือนคนอื่นๆ เธอก็ต้องใช้เวลาไตร่ตรอง และทำใจยอมรับผลที่ตามมาให้ได้เหมือนกับที่คนอื่นทำ เมื่อเธอตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย ดาริการู้ว่า เธออาจจะถูกตัดเงินค่าใช้จ่ายที่บิดามารดาเคยให้ อาจจะต้องหาที่อยู่ใหม่ เพราะบิดามารดาอาจจะไม่ยอมให้อยู่ที่บ้านอีก
ดาริกาคิด และยอมรับได้ หากต้องออกไปหางานทำด้วยวุฒิมัธยมปลาย และหาที่อยู่ด้วยตัวเอง
แต่เมื่อถึงเวลาที่ถูกบิดามารดาตัดเงินค่าใช้จ่ายจริง เนื่องจากกล้าต่อต้านคำสั่ง ไม่ยอมไปยกเลิกการลาออกจากมหาวิทยาลัย ผู้เป็นย่ากลับยื่นมือมาช่วยเหลือ ให้ทั้งมรดก และใช้ความเป็นแม่ออกคำสั่งห้ามไม่ให้คุณพิภพไล่ดาริกาออกจากบ้าน หญิงสาวจึงสำนึกอยู่เสมอว่า ตนเองไม่ประสบกับความลำบากยากเข็ญในชีวิต เพราะเกิดมามีพร้อมกว่าคนอื่น เมื่อไม่ได้เงินจากบิดามารดา ก็ยังมีปู่ย่าตายายที่พร้อมช่วยเหลือเกื้อกูล
พอรู้ว่าอันธิกา ออกจากบ้านมาลงทุนค้าขายโดยมีจุ๋ม ที่เป็นคนงานตามมาเพียงคนเดียว และอันธิกาต้องกัดฟันยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่ามีเงินไม่พอจ่ายค่าเช่าเท่าที่ดาริกาตั้งไว้ ดาริกาจึงเข้าใจ และเห็นใจ ด้วยความรู้สึกลึกๆ ว่า อันธิกาก็คือเธอในโลกที่ไม่มีใครให้พึ่งพานอกจากตัวเอง จึงยิ่งรู้สึกนับถือความกล้าหาญของอันธิกามากยิ่งขึ้นไปอีก
ดาริกาทำบัญชี และเอาเงินสดเข้าตู้นิรภัยในห้องนอน เตรียมไว้ไปฝากธนาคารวันพรุ่งนี้ หญิงสาวกำลังจะเปิดไวน์แดงดื่ม พร้อมกับฟังเพลงก่อนเข้านอน แต่โทรศัพท์บ้านที่มีเพียงชุติ กับศศินที่รู้หมายเลขกลับดังขึ้น ดาริกาจึงเดินไปยกหูรับสาย
"สวัสดีค่ะ"
"พี่ดาหรือครับ ศินเองนะ" เสียงสดใสของน้องชายดังมาจากปลายสาย ทำให้ริมฝีปากของดาริกามีรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อตอบ
"มีอะไรหรือคะน้องศิน โทรศัพท์มาเสียค่ำ"
"พอดีเมื่อครู่พี่กัลยาโทรศัพท์มาหาพี่ดา ศินเลยบอกว่าพี่ดาไม่อยู่ แต่ไม่รู้ว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า เสียงพี่กัลยาฟังดูไม่สบายใจเลย"
"อย่างนั้นเดี๋ยวพี่จะโทรศัพท์ไปหากัลยาเองค่ะ ขอบคุณนะคะน้องศิน"
"ครับ ว่าแต่พี่ดากินข้าวเย็นแล้วยังครับ"
"เรียบร้อยแล้วค่ะ"
"ข้าวแกงร้านที่แถวบ้านนั้นหรือครับ"
"เอ๊ะ น้องศินรู้ได้อย่างไรคะว่าที่บ้านใหม่พี่มีร้านข้าวแกง"
ดาริกานึกสนุกเมื่อได้ยินน้องชายพูด หญิงสาวนั่งลงสบายๆ ที่เก้าอี้นวม ถือโทรศัพท์ไว้แนบหู ศศินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปาก
"พี่ชุเล่าให้ฟังครับ ว่าพี่ดากลับมาชมร้านข้าวแกงที่บ้านใหม่เสียใหญ่โต ว่าอร่อยเหมือนฝีมือคุณยายเลย ศินก็อยากกินไปด้วยเลย"
"วันนี้พี่กินขนมจีบเป็นข้าวเย็น ตบท้ายด้วยบัวลอยไข่หวานค่ะ อร่อยอย่าบอกใครเลย"
"พี่ดาแกล้งศินอีกแล้ว พี่ดาก็รู้ว่าศินชอบบัวลอย"
ดาริกาหัวเราะร่วน เมื่อได้ยินเสียงเง้างอดของศศินมาตามสาย
"พรุ่งนี้พี่จะซื้อไปฝากนะคะ น้องศินก็อย่าไปเที่ยวเล่นกับภาณุเพลินจนลืมกลับมากินก็แล้วกัน"
หญิงสาวพูดคุยกับน้องชายอยู่อีกสองสามคำก่อนวางสาย แล้วถึงได้ต่อสายไปอีกหมายเลข ดาริกาจะหมายเลขโทรศัพท์บ้านของกัลยาได้ดี หลังจากรอสายอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงเพื่อนสนิทเป็นคนรับสาย
"กัลยาหรือ นี่ดาเองนะ" ดาริกาเอ่ยปาก "น้องศินบอกว่ากัลยาโทรศัพท์หาดา มีอะไรหรือเปล่า"
"ดา เราก็ร้อนใจ เลยโทรศัพท์ไป ดีใจจริงๆ เชียวที่โทรกลับมา"
"ร้อนใจอะไรขนาดนั้นจ๊ะ" ดาริกาพูดอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน เมื่อเพื่อนทำเสียงร้อนรน "ค่อยๆ เล่าก็ได้"
"จะไม่ให้ร้อนใจได้อย่างไรล่ะ เมื่อเย็นน้ำผึ้งเขามาหาเราที่บ้าน นั่งพูดกันอยู่ดีๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่าไปหาดาที่บ้านใหม่มาแล้ว เราใจหายวาบทีเดียว เพราะหลุดปากบอกไปแค่ว่าดาทำบ้านใหม่ ไม่รู้ว่าน้ำผึ้งเขารู้บ้านดาได้อย่างไร ถึงไปหาถูก ก็เลยอยากโทรศัพท์มาขอโทษดา"
"ไม่เป็นไรหรอกกัลยา เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง" ดาริกาเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ "กัลยาไม่ต้องคิดมากหรอกนะ"
"ถึงดาว่าอย่างนี้ เราก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เราไม่รู้ว่าน้ำผึ้งกับดามีเรื่องอะไรผิดใจกัน แต่ทั้งคู่เป็นเพื่อนเรา เราเป็นคนกลาง ก็พูดลำบาก"
"ดากับน้ำผึ้งพูดกันเข้าใจแล้ว ดาก็ไม่มีอะไรติดค้างกับเขาแล้วด้วย กัลยาก็ไม่ต้องลำบากใจหรอกนะ"
"ถ้าอย่างนั้นเราก็เอาตามที่ดาว่าล่ะนะ แต่เราก็พูดไปแล้วว่าอย่าไปที่บ้านแต่ไม่นัดล่วงหน้าก่อน เพราะดาจะไม่สะดวกใจ น้ำผึ้งเขาก็ไม่พูดอะไร แต่หน้าหมองเชียวล่ะ"
"เขาคงไม่กล้ามาอีกแล้วล่ะ"
ดาริกาตอบ และถามกัลยาถึงเรื่องทั่วๆ ไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับพรนลัทอีก หลังจากพูดกันได้ครู่หนึ่งก็วางสาย ดาริกาลุกไปเปิดแผ่นเสียงของ Carpenters และรินไวน์แดงใส่แก้วให้ตัวเองแก้วหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูบานเลื่อนกระจกออก แล้วนั่งลงกอดเข่าจิบไวน์ไปเงียบๆ ท้องฟ้านอกหน้าต่างคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ทั่วทั้งผืนฟ้าจึงดูหมองหม่น และเงียบเหงา
กัลยาเป็นเพื่อนกับดาริกาและพรนลัทช่วงมัธยมปลาย แต่กัลยาก็ไม่เคยระแคะระคายว่า ดาริกาคบหากับพรนลัท อาจเป็นเพราะการวางตัวของพรนลัทที่ไม่เคยมีท่าทีกับดาริกาเกินเพื่อนหากอยู่ในสายตาบุคคลที่สาม หรืออาจจะเป็นเพราะดาริกาเองที่ยอมรับสถานะอันคลุมเครือที่พรนลัทมอบให้อย่างไม่เคยมีข้อแม้
แต่ไม่ว่าเหตุผลใดๆ ในตอนนี้ล้วนไม่สำคัญแล้วทั้งสิ้น
ดาริกายกแก้วไวน์ดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะปิดหน้าต่างลงกลอน แล้วเดินไปหยุดหน้าเครื่องเล่นแผ่นเสียง หญิงสาวชั่งใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้แผ่นเสียงเล่นไปอย่างนั้น ส่วนตัวเองเดินขึ้นห้องนอนที่ชั้นสอง เสียงเพลง Yesterday Once More ส่งเสียงออกจากลำโพงทองเหลืองอย่างเศร้าสร้อยในบ้านที่มีเพียงดาริกาอาศัยอยู่ลำพัง
**
จุ๋มกลับมาช่วยงานอันธิกาได้ตามปกติ หลังจากร่างกายไม่เจ็บปวดจากการมีประจำเดือนในวันแรกแล้ว วันนั้นเป็นวันสิ้นเดือน อันธิกาจ่ายค่าแรงจุ๋มแต่เช้า และอยู่ช่วยจนขายของรอบเที่ยงเสร็จ ก่อนจะรีบนั่งสามล้อรับจ้างไปฝากเงิน พร้อมกับกำชับจุ๋มว่าจะรีบกลับมาช่วยล้างถ้วยชาม ให้จุ๋มห่อขนมจีบรอไว้พลางๆ ก่อน
จุ๋มจึงรีบห่อขนมจีบ พรมน้ำกันแป้งแห้งวางเรียงไว้ในในลังถึง รอเย็นจะได้เวลานึ่งขาย เด็กสาวทำเสร็จแล้วก็รีบล้างจานชามเอง เพราะไม่อยากทิ้งกองไว้ จุ๋มล้างจานไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ก็ได้ยินเสียงร้องถามว่ามีคนอยู่หรือไม่ จึงรีบขานรับก่อนจะล้างมือวิ่งออกไปหน้าร้าน ทั้งที่ยังถือผ้าเช็ดมืออยู่
สีหน้ารับแขกของจุ๋มจืดเจื่อนลง เมื่อเห็นคนที่มาเรียกที่หน้าร้าน เด็กสาววางผ้าเช็ดมือลงที่โต๊ะใกล้มือ ก่อนจะยกมือไหว้อีกฝ่าย และเอ่ยทัก
"คุณผู้ชาย สวัสดีค่ะ"
"อือ" อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วนั่งลง "อยู่กันที่นี่เองหรือ"
"ค่ะ"
จุ๋มตอบแล้วก็ยืนละล้าละลังอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปาก
"เดี๋ยวจุ๋มไปเอาน้ำมาให้นะคะ"
"ไม่ต้องล่ะ ฉันแวะสั่งโอเลี้ยงที่ร้านชำแล้ว เดี๋ยวเขาเอามาให้ แล้วนี่คุณอันไปไหน"
"เอ่อ คุณอัน"
"เอ้า ฉันถาม อึกอักๆ เป็นเบื้อเป็นใบ้อยู่ได้ คุณอันเขาไปไหนก็ตอบมาสิ"
"คุณอันไปธุระค่ะ" จุ๋มรีบตอบอย่างหัวไว เด็กสาวไม่อยากตอบตามตรงว่าอันธิกาไปธนาคาร จึงรีบเอ่ยปากต่อ "พอดีคุณอันเธอไปจ่ายค่าข้าวสารกับค่าถ่านที่ติดเขาไว้ค่ะ เงินขายของที่ได้วันนี้ก็ไปจ่ายหนี้ที่เชื่อร้านค้าไว้ กับจ่ายค่าเช่าจนหมดเลยค่ะ"
"แล้วจะกลับเมื่อไหร่"
"ไม่ทราบค่ะ คุณอันไม่ได้สั่งไว้"
จุ๋มตอบอย่างจนใจ เด็กสาวภาวนาไม่ให้อันธิกากลับมาก่อนที่บิดาของอีกฝ่ายจะกลับไป แต่จุ๋มก็ไม่แน่ใจนักว่า คุณศิริพงษ์จะกลับไปเมื่อไร ยิ่งเมื่อเจ้าลมยกโอเลี้ยงมาให้ และยืนยิ้มแป้นรอค่าโอเลี้ยง จุ๋มก็มองหน้าอีกฝ่ายสลับกับเด็กที่ร้านของเจ๊แมว บิดาของอันธิกาขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะเอ่ยปากเสียงห้วน
"รออะไรล่ะจุ๋ม ยังไม่หยิบเงินจ่ายเขาไปอีก"
เจ้าลม เด็กร้านเจ๊แมวที่คุ้นๆ กันมองดูท่าทางกระอักกระอ่วนของจุ๋มอย่างประหลาดใจ ก่อนที่จุ๋มจะเดินไปหาเจ้าลม และเอ่ยปากบอก พลางบีบมือเด็กชายเอาไว้แน่น
"ลมบอกเจ๊แมวทีนะ ว่าถ้าคุณอันกลับมา ให้คุณอันแวะจ่ายค่าโอเลี้ยงที่คุณพ่อเธอสั่งมาที่ร้านหน่อย พี่จุ๋มไม่มีเงิน"
"ได้จ้ะ เดี๋ยวหนูบอกเจ๊ให้นะ"
เด็กลมรับคำ แล้ววิ่งเร็วเหมือนชื่อกลับไปที่ร้านตัวเอง เมื่อจุ๋มหันมาเผชิญหน้ากับบิดาของอันธิกา เด็กสาวอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปาก
"คุณพงษ์ จะรอคุณอันหรือคะ จุ๋มไม่แน่ใจว่าเธอจะกลับเมื่อไหร่นะคะ"
คำพูดของจุ๋มทำให้คุณศิริพงษ์มองดูนาฬิกาข้อมือด้วยท่าทางกระสับกระส่าย ก่อนจะเอ่ยปากเสียงแข็ง
"กล่องใส่เงินของคุณอันอยู่ไหน"
"กล่องอะไรนะคะ"
"กล่องใส่เงินทอนที่ขายของไง" ชายวัยกลางคนขึ้นเสียง เมื่อเห็นจุ๋มมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ก็เอ่ยเสียงห้วน "ไปหยิบ หรือแกจะให้ฉันไปค้นเอง"
จุ๋มรีบวิ่งไปหลังโต๊ะวางหม้อแกง และหยิบตะกร้าใส่เงินทอนของอันธิกาออกมายื่นให้อีกฝ่าย เพราะกลัวว่าคุณศิริพงษ์จะขึ้นไปค้นห้องนอนอันธิกาจริงๆ อย่างที่เคยทำ บิดาของอันธิกาเทเศษเหรียญในตะกร้าลงบนโต๊ะ เลือกหยิบเฉพาะเหรียญห้าบาทกับเหรียญบาท เหลือเพียงเหรียญสลึงไม่กี่เหรียญทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะนับดูเงินในมือแล้วบ่นอย่างหัวเสีย
"ขายของงกๆ เหลือเงินแค่ไม่ถึงห้าสิบบาท" คุณศิริพงษ์หันไปหาจุ๋มที่ยืนตัวลีบจนเกือบชิดผนัง "ถ้าคุณอันกลับมา บอกว่าวันไหนว่าง ให้ไปหาฉันด้วย เข้าใจไหม"
"ค่ะ"
จุ๋มรับคำเสียงเบา ส่วนบิดาของอันธิกาก็เรียกสามล้อจ้าง นั่งออกไป เด็กสาวรู้สึกเหมือนเข่าอ่อนเมื่อมองดูเหรียญสลึงที่ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะ จุ๋มคะเนด้วยสายตา และคิดว่าเงินที่เหลือน่าจะไม่ถึงสิบบาท ปกติอันธิกาจะทิ้งเงินไว้ในตะกร้าเงินทอนเป็นพวกเศษเหรียญราวๆ ห้าสิบบาทเพื่อเอาเคล็ด และเผื่อไว้ให้หยิบใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ โดยหญิงสาวมักจะหยิบให้จุ๋มไปสั่งน้ำหวาน หรือน้ำแข็งไสกินในวันที่ทำงานเหนื่อยเป็นพิเศษเสมอ
เมื่อเห็นเงินที่อันธิกาและตนเองช่วยกันหามาแต่ละบาทแต่ละสตางค์อย่างยากลำบากหายไปต่อหน้าต่อต่อเช่นนี้ ในใจของจุ๋มจึงทั้งเศร้า และหดหู่ เด็กสาวเก็บเศษสตางค์กลับลงในตะกร้าอย่างเศร้าๆ ก่อนจะได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในร้าน เมื่อหันไปเห็นหน้าอันธิกา เด็กสาวก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
"คุณอัน กลับมาแล้วหรือคะ เจอกับคุณผู้ชายหรือเปล่าคะ"
"ไม่เจอ ฉันลงรถแล้วเดินผ่านร้านเจ๊แมวพอดี แกเห็นท่าไม่ดี แถมจุ๋มยังให้เจ้าลมไปบอกแกแบบนั้นอีก ก็เลยเรียกไว้ให้นั่งอยู่ในร้าน เจ้าลมคอยดูต้นทางให้ พอคุณพ่อขึ้นสามล้อจ้างไปแล้ว ฉันถึงออกมา" อันธิกาพูดพลางเดินมาช่วยจุ๋มเก็บเหรียญสลึงบนโต๊ะแล้วพูดเสียงเป็นปกติ "จุ๋มกินขนมก่อนสิ ฉันซื้อขนมบ้าบิ่นมาฝาก"
"ขอบคุณค่ะ" จุ๋มตอบทั้งที่ยังตาแดงๆ อันธิกาจึงเอ่ยปากปลอบใจ
"ไม่เป็นไรหรอกจุ๋ม ฉันแลกเหรียญมาไว้ทอนจากที่ธนาคารพอดี เอาไว้ทอนตอนขายของรอบเย็นแล้วกันนะ"
"ค่ะ คุณอัน"
"กินขนมเถอะ"
อันธิกาพูดเสร็จก็ลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดอยู่กับบ้าน และลงมือทำงานต่อ ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่เรื่องท่าทางแปลกๆ ของบิดาของอันธิกา ถูกเล่าผ่านเจ้าลม ไปถึงเจ๊แมว และถึงหูดาริกา เจ้าของห้องเช่าที่แวะทักเจ๊แมวตอนเย็นเมื่อขับรถมาค้างที่บ้านนี้ เย็นวันนั้นดาริกากับเจ๊แมวจึงเดินเคียงกันไปที่ร้านของอันธิกาเพื่ออย่างน้อยอาจจะได้ช่วยปลอบใจหญิงสาวกับจุ๋มที่คงตกใจไม่น้อย
แต่เมื่อไปถึง ดาริกาก็เห็นหญิงสาวกำลังง่วนกับการตอกไข่ ทำไข่หวานใส่บัวลอยให้ลูกค้าด้วยสีหน้าเป็นปกติ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน อันธิกาก็ส่งยิ้มน้อยๆ ให้ ก่อนจะเอ่ยปาก
"คุณดากับเจ๊แมวนั่งก่อนนะคะ ทานขนมจีบ หรือทานบัวลอยดีคะ เดี๋ยวเสร็จของลูกค้าเจ้านี้แล้วอันจะทำให้ค่ะ"
ดาริกาสั่งบัวลอยให้ตัวเองกับเจ๊แมว แล้วมองท่าทางมีชีวิตชีวาคล่องแคล่วของอันธิกากับจุ๋ม และคิดในใจว่า ต่อให้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น อันธิกาก็จะผ่านพ้นมันไปได้อย่างแน่นอน
#ดุจดารานำทาง
Comments (0)