กองบัญชาการกองกำลังลาดตระเวนต่างมิติ

ประเทศไต้หวัน 22/07/2310

 

ภายในห้องที่เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ในชุดสูทที่กำลังวุ่นวายกับหน้าจอโฮโลแกรมที่ขึ้นจุดสัญญาณบางอย่าง บรรยากาศภายในตอนนี้นับว่าโกลาหลยิ่งกว่าเทศกาลลดราคาของห้างสรรพสินค้าเสียอีก เสียงกดเครื่องมือ เสียงวิทยุสื่อสาร เสียงตะโกนกันไปมาของคนในห้องนั้นทำให้สถานการณ์โกลาหลกว่าเดิม

 

"นี่แอตลาส (Atlas) สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง เปลี่ยน!" เสียงเจ้าหน้าที่คนนึงกล่าวระหว่างมองจอภาพตรงหน้าของเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา ความเค็มที่ไหลเข้าปากของเขาทำให้เขาต้องถมเหงื่อที่เข้าปากออก

 

"ตอนนี้เรากำลังปะทะกับตัวตน ตอนนี้ลูกน้องฉันเสียชีวิตหมดแล้ว กำลังดำเนินการปะทะครั้งสุดท้าย"เสียงที่ดูเย็นชาตอบกลับมาผ่านทางวิทยุก่อนที่จะได้ยินเสียงประจุไฟฟ้าที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่นจนทำให้วิทยุขาดการติดต่อไปพร้อมกับสัญญาณที่กระพริบอยู่บนหน้าจอก็หายไปด้วย

ทุกคนอยู่ในสภาวะตกตะลึง บางคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้าและเริ่มร้องไห้ ความโศกเศร้าและความสงสัยผุดขึ้นในหัวของทุกคนที่อยู่ในห้องตอนนั้น ก่อนที่มีหญิงสาวคนนึงเปิดหน้าจอโฮโลแกรมขึ้นมาและเริ่มทำการติดต่อ

"แจ้งศูนย์.....อลิซ....เสียชีวิตแล้ว"

 

 

 

 

22/07/2444

ประเทศมอลตา

15:12

 

 

เสียงคลื่นที่กระทบชายฝั่งพร้อมกับดวงตะวันที่สว่างอยู่บนฟากฟ้า ลมทะเลที่พัดเข้ามาทำให้ต้นมะพร้าวที่อยู่ริมหาดเริ่มขยับราวกับนักเต้นระบำ หาดทรายสีนวลและเม็ดทรายที่ละเอียดราวกับผง ทะเลสีฟ้าสดใสไกลสุดลูกหูลูกตา

 

หญิงสาวในชุดว่ายน้ำแบบเต็มตัวได้จ้องมองไปที่ทะเลพร้อมกับถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าทะเลและสีเขียวเรืองแสง ผมสีเปลวเพลิงยาวสลวยที่ถูกสะบัดไปมาเมื่อหญิงสาวได้ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้อาบแดดของเธอก่อนที่จะมีใครบางคนเดินมาขนาบข้างเธอ

 

"ไม่เบื่อวิวนี้บ้างเหรอ?"เสียงหนึ่งถามก่อนที่หญิงสาวจะหันไปพบกับบุคคลปริศนาที่สวมชุดเกราะหนาสีเทาอ่อนจนไม่มีส่วนที่เห็นผิวหนังได้แม้แต่นิดเดียว หน้ากากนั้นเป็นหน้ากากที่ทำมาจากเหล็กพิเศษ รวมถึงเสียงของเขานั้นได้ถูกโปรแกรมดัดแปลงเสียงไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนกระจกที่ควรจะเห็นใบหน้ากลับถูกติดฟิล์มพิเศษที่ปิดบังใบหน้าของผู้สวมใส่

 

หญิงสาวผมแดงได้ทำหน้าเซ็งๆก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ "เวิร์ลด ออร์เดอร์ (World Order) เรียกตัวฉันสินะ" หญิงสาวกล่าวพร้อมกับหันไปหาบุคคลในชุดเกราะ เขาพยักหน้าตอบแต่ด้วยความที่ชุดเกราะนั้นหนาจนคอกับหมวกแทบจะติดกัน เลยดูเหมือนแทบจะไม่ขยับเลยหากไม่ตั้งใจสังเกต

 

ทันใดนั้นอากาศรอบๆตัวก็เกิดผันผวนอย่างรุนแรง พร้อมกับการปรากฏตัวของยานบินสีดำที่อยู่ในโหมดล่องหนที่ค่อยๆปิดระบบ มันเป็นยานบินขนาดเท่ารถบัสที่มีใบพัดขนาดใหญ่ติดไว้ทั้งสองด้าน เมื่อประตูเปิดออกเผยให้เห็นกลุ่มคนใส่ชุดทหารล้ำยุคที่ปิดบังทั้งตัวแม้กระทั่งใบหน้าก็ครอบด้วยโลหะสีดำที่มีจอเรืองแสงบนหน้ากากถืออาวุธครบมือมองมาที่เธอ

 

"เข้าใจเลือกยานมานี่~"หญิงสาวผมแดงกล่าวก่อนจะผิวปากและเดินตามมนุษย์เกราะเทาขึ้นยานไป เมื่อขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้ว ทหารนายหนึ่งได้บอกให้เธอขยับไปเล็กน้อย ก่อนที่ประตูจะปิดเองพร้อมกับยานที่กำลังยกตัวออกจากพื้น

 

"นี่ดรากอนฟลายวัน (Dragonfly 1) กำลังนำตัววีไอพีไปที่ฐาน"ทหารคนนึงวิทยุไป

 

"ทราบแล้ว ดรากอนฟลายวัน"เสียงวิทยุตอบกลับก่อนจะตัดการสื่อสารไป

 

ยานบินได้บินขึ้นจนทะลุชั้นเมฆมาและพุ่งไปด้วยความเร็ว ท้องฟ้าได้ถูกทอด้วยแสงสีส้มอ่อนๆยามเย็นที่กำลังไล่บังท้องฟ้ายามบ่ายโดยมีดวงตะวันและกลุ่มเมฆเป็นที่ประกอบงานวิจิตรงดงามนี้ก่อนที่เวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่ทราบได้

 

ยานบินเริ่มลดระดับลงจากระดับเหนือก้อนเมฆมาบินที่ระดับปกติ ตอนนี้เป็นเวลาใกล้มืดแล้ว ท้องฟ้าและทะเลถูกย้อมด้วยสีม่วงและส้มที่ถูกซ้อนกับเป็นชั้นอย่างสวยงาม ดวงดาวเริ่มปรากฏให้เห็นลางๆราวกับนักแสดงที่รอคอยอยู่หลังท้องฟ้าที่เป็นเวที ยานบินลดระดับอีกครั้งก่อนที่จะมีวิทยุดังเข้ามาอีกครั้ง

 

ซึ่งหญิงสาวจับใจความไม่ได้ว่าคืออะไร แต่ที่หน้าต่างก็เผยให้เห็นเรือขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึงห้าร้อยกว่าเมตรและความกว้างหนึ่งร้อยกว่าเมตรที่กำลังออกจากระบบพรางตัว มันคือเรือบรรทุกเคื่องบินที่เป็นดาดฟ้าเรียบ

 

 

เรือยูเอสเอสโคลอสซัส (USS Colossus)

 

"นี่ดรากอนฟลายวัน ต้องการลานจอด"นักบินวิทยุกลับไปก่อนที่จะเริ่มเห็นไฟเปิดที่ลานบินที่อยู่ด้านใต้ ยานบินค่อยๆลดระดับจนล้อติดถึงพื้น เมื่อประตูเปิดออก เหล่าคนในชุดกาว์นที่มีปลอกแขนที่ตัวหนังสือเปลี่ยนไปมาได้ออกมายืนข้างหน้าประตูพร้อมกับทหารถืออาวุธยืนอยู่ด้านหลังแถว

 

หญิงสาวเดินลงมาจากเครื่องพร้อมกับคนในยานบินก่อนจะพากันเดินเข้าตัวเรือไปโดยผ่านสายตาของคนบนเครื่องบินจำนวนมากด้วยสีหน้าแปลกใจหรือสงสัยก่อนที่หญิงสาวเดินไปตรงที่มีคนเปิดประตูรอไว้

 

ภายในเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีเหล่าทหารเดินกันควักไคว่ เหล่าคนในชุดกาว์นได้พาเธอเดินฝ่าเหล่าทหารไปราวกับเป็นบุคคลสำคัญจนทำให้เหล่าทหารเรือมองเธอเป็นตาเดียว เมื่อถึงห้องที่มีประตูใหญ่กว่าประตูบานอื่น

 

มันเป็นประตูเหล็กวงกลมขนาดใหญ่ที่มีขนาดพอที่จะให้รถถังลอดผ่านไปได้สบาย หนึ่งในทหารได้กดปุ่มที่ประตูพร้อมกับกดวิทยุที่คอของเขาก่อนจะยืนไปเฝ้าตรงหน้าประตู "ตามฉันมาเลยค่ะ"เสียงหญิงสาวในชุดสูทเรียกเธอให้ตามไป หญิงสาวสังเกตเห็นปลายหูที่แหลมขึ้นมา นับน์ตาสีฟ้าสว่างกับผมสีบลอนด์ที่ทำให้เธอนึกออกทันที

 

"เธอเป็นเอล์ฟงั้นเหรอ?"หญิงสาวในชุดว่ายน้ำกล่าว หญิงสาวในชุดกาวน์พยักหน้าก่อนจะมองหน้าอีกฝ่าย "คุณเองก็ไม่ใช่มนุษย์ปกติแน่นอนค่ะ"เธอกล่าวพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย เล่นเอาหญิงสาวในชุดว่ายน้ำทำหน้าแหยงเล็กน้อย "ฉันล่ะเกลียดเอล์ฟเซนดีอย่างเธอจริงๆ"หญิงสาวกล่าวก่อนจะเดินไปตรงเครื่องมือบางอย่างที่มีทางเดินสั้นๆกับวงแหวนขนาดใหญ่ที่สามารถครอบตัวคนทั้งคนได้อย่างง่ายดาย

 

เมื่อหญิงสาวเดินผ่านตัวเครื่อง เหล่านักวิจัยก็เริ่มมองที่จอมอนิเตอร์ก่อนจะยกนิ้วโป้ง ซึ่งแสดงถึงนิมิตหมายอันดีก่อนที่เอล์ฟสาวนักวิจัยได้ชี้ที่เสื้อผ้าที่ห่ออย่างเรียบร้อยในตะกร้าพลาสติกสีใสหญิงสาวได้มองลงไปและพบว่ามันเป็นกางเกงขายาวสีส้มกับเสื้อยืดถูกๆสีขาว เธอหันไปมองเหล่านักวิจัยด้วยตาที่กรอกไปมาด้วยอาการเซ็ง

 

"พอดีเรามีชุดนั้นเหลือแค่ชุดเดียวน่ะ"ชุดเกราะสีเทากล่าวก่อนจะถอนหายใจ "เดี๋ยวพอไปทำภารกิจเธอก็ต้องเปลี่ยนอีกชุด เธอคงไม่อยากใส่ชุดว่ายน้ำเดินไปทั่วเรือหรอกนะ"เขากล่าวก่อนจะยื่นตะกร้าให้หญิงสาว เธอหยิบมันไปก่อนจะพ่นลมหายใจฟึดฟัดออกมา

 

เมื่อการเตรียมตัวพร้อมแล้วเอล์ฟสาวได้พาหญิงสาวในชุดที่เปลี่ยนใหม่พาขึ้นไปในห้องที่ดูคล้ายกับห้องประชุมที่มีขนาดใหญ่พอจะจุคนได้หลายสิบคนเมื่อเธอยืนอยู่หน้าห้องประตูก็ได้เปิดออกอัตโนมัติก่อนที่หญิงสาวจะเดินเข้าไป โดยที่เอล์ฟสาวได้เดินตามมาติดๆและนั่งเก้าอี้ข้างๆเธอ หญิงสาวผมแดงได้มองอีกฝ่ายงงๆว่าทำไมต้องมานั่งข้างเธอ

ภายในห้องเต็มไปด้วยบุคคลที่เธอไม่คุ้นหน้า โดยเฉพาะคนที่นั่งดูเหมือนประธานในการประชุมครั้งนี้ เขามีผิวหนังเหี่ยวย่นเล็กน้อย รอยยับบริเวณหน้าผากหางตาที่บ่งบอกอายุของเขากับรอยแผลบนใบหน้าของเขากับสายตาที่ดูดุดัน ราวกับราชสีห์แก่ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อที่เข้ามา เครื่องแบบของเขาดูสะดุดตาอย่างมาก มันเป็นเครื่องแบบสีกรมท่าที่มีแถบยศติดไว้บางส่วนและป้ายชื่อที่ติดไว้ว่า

 

Chief S.D.R.F. Thomas J. Fisher

 

 

นัยน์ตาของหญิงสาวเบิกกว้างพร้อมกับชายแก่ที่มองมาทางเธอพอดีด้วยแววตาที่ดุดัน "เธอคงรู้จักชื่อองค์กรอีกชื่อสินะ"ชายแก่กล่าวก่อนจะเริ่มการประชุม

 

"นี่หัวหน้าทีมแพทย์และวิจัย อิลิยา จอห์นสตัน...เธอคงจะรู้จักแล้วสินะ....อลิซหมายเลขสอง"ชายแก่พูดพร้อมกับแก้วที่พุ่งเฉียดหน้าเขาไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงแตกกระจาย

 

"ขอร้องล่ะลุงทอม..."หญิงสาวผมแดงกล่าวด้วยน้ำเสียงขำขันพร้อมกับยิ้มก่อนจะหัวเราะเขาๆ ในขณะที่หัวหน้าโทมัสก็ทำสายตาที่ดูผ่อนคลายขึ้นพร้อมกับหัวเราะในลำคอ

 

"ลุงอำเล่นน่ะ...ลุงรู้ว่าชื่อ ซากุระ วี. โฮป เป็นชื่อที่เธอชอบเพราะหัวหน้าเทียนตั้งให้มากกว่า"ชายแก่กล่าวก่อนบรรยากาศในห้องเริ่มเบาบางลง

 

"นึกว่ากองทัพเรือรับแต่มนุษย์ปกติเข้าประจำการนะคะ"ซากุระกล่าวก่อนจะมองไปรอบๆที่มีเหล่าทหารเดินกันขวักไขว่ บางคนมีเกล็ดสัตว์เลื้อยคลานที่ใบหน้าและคอ บางคนเป็นเอล์ฟ หรือหมาป่าในเครื่องแบบทหาร

 

"ก็เพราะที่นี่ไม่ขึ้นตรงกับซีซีน่ะ...เราเป็นหน่วยลับที่ขึ้นตรงกับหน่วยต่อต้านภัยพิบัติพิเศษน่ะ เราเลยสามารถรับคนจากเผ่าอื่นๆที่ไม่ใช่มนุษย์ได้น่ะ"ชายแก่ตอบก่อนจะลุกขึ้นยืนและหน้าต่างในห้องก็ปิดลงก่อนที่จะมีภาพโฮโลแกรมฉายขึ้นมากลางห้อง มันเป็นภาพเหล่าคนจากหลายเผ่าพันธุ์ที่สวมเครื่องแบบที่คล้ายกับทหาร บางคนมีผ้าปิดบังใบหน้าทำให้มองหน้าไม่ชัด

 

"เมื่อสามวันก่อนพวกเราได้ทำการส่งกองกำลังพิเศษที่เชี่ยวชาญการต่อสู้นอกโลกไปที่พิกัดพิเศษ ที่เราเรียกเธอมาเพราะเธอคือกำลังเสริมอีกชุดที่จะไปสมทบกับพวกเขา"หัวหน้าโทมัสกล่าวก่อนที่ภาพโฮโลแกรมจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง เผยให้เห็นวงแหวนสีขาวขนาดใหญ่ที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าที่ระดับออกนอกชั้นบรรยากาศของโลกไปแล้ว

 

"นั่นคืออุปกรณ์ข้ามมิติพิเศษ มันมีชื่อเรียกว่า..."

 

"Suriya Gate (ประตูสุริยา) เป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกๆของโลกที่สามารถส่งสิ่งของไปที่มิติที่เราได้มาจากการเกิดการอพยพใหญ่ข้ามมิติครั้งแรก"อิลิยากล่าวก่อนจะลุกขึ้นอีกคน

 

"ที่เราพาคุณซากุระมาวันนี้เพราะจะเป็นวันที่ประตูมิติจะทำงานเสถียรที่สุดในรอบสองปี"อิลิยากล่าวต่อ

 

"ไหนมีแต่คนบอกว่าเราไม่สามารถข้ามไปได้ไงคะ?"หญิงสาวผมแดงกล่าว

 

"ตามหลักแล้วใช่ค่ะ...หากแต่นักวิจัยมิติบางกลุ่มได้พบว่าบริเวณชั้นไอโอโนสเฟียร์นั้นมีความเสถียรมากพอที่จะ "ถ่าง"ประตูมิตินั้นไว้ค่ะ ซึ่งแน่นอนว่านักวิจัยกลุ่มนี้รวมไปถึงประตูสุริยาได้ถูกเก็บไว้เป็นความลับจากองค์กรซีซีค่ะ"เอล์ฟสาวกล่าว

 

"งั้นการเดินทางจะเริ่มวันไหนเหรอคะลุง?"หญิงสาวถามด้วยสีหน้าอยากรู้

 

"ตอนนี้เธอไปนอนพักก่อนนะ เพราะพรุ่งนี้เธอกับกองกำลังติดอาวุธจะขึ้นยานไปที่ประตูสุริยา"ชายแก่กล่าวก่อนที่การประชุมจะจบลง

 

"นี่ซากุระ..."โทมัสเรียกหลานสาวของเขาพร้อมกับหญิงสาวที่หันมาตามเสียงเรียก

 

"เทียนบอกว่าขอให้โชคดีน่ะ"เขากล่าว

 

"พี่เขาก็ชอบห่วงหนูไปเรื่อยนั่นล่ะ"หญิงสาวยิ้มก่อนจะเดินออกไป