หลังจากตะลุมบอนกับกลุ่มอัศวินมา ทางหน่วยของซากุระก็ได้มองเห็นป่าที่มีต้นสนสูงมากมายปกคลุม ซึ่งขัดกับพื้นที่รอบๆ ที่เป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ ที่มีต้นไม้บ้างประปราย

 

“ในแผนที่บอกว่าข้างหน้าเราเป็นเมืองวอร์เตอร์มิลนี่นาทำไม….” ซากุระตั้งคำถามก่อนจะมองไปที่ป่าสนสูงที่อยู่ข้างหน้าก่อนจะปิดจอโฮโลแกรมที่แขนลง

 

“เราคงต้องเดินเท้าสำรวจแล้วล่ะ…..แต่ทางที่ดีบินข้ามไปดีกว่า….” ซากุระกล่าวก่อนที่จะให้อิลิยาลดระดับยานบินลงแต่เพื่อความแน่ใจเธอสั่งให้อิลิยายิงคลื่นตรวจสอบสัญญาณชีวภาพออกไปรอบตัวยานเป็นระยะรัศมีสองกิโลเมตรโดยวัดศูนย์กลางจากตัวยาน

 

ปรากฏร่างสีแดงที่เกิดจากคลื่นที่ส่งไปได้รายงานผลผ่านหน้าต่างยานจำนวนมากบนต้นไม้ ใต้ดินและบนพื้นทำให้ทุกคนมองมาที่หญิงสาวเป็นตาเดียวรวมไปถึงถึงเอล์ฟสาวที่กำลังขับยานบินอยู่

 

ซากุระยอมรับเลยว่าอิลิยานั้นมีสัมผัสที่หกหรือเจ็ดไม่ก็สามารถแบ่งสมาธิได้ดีมากเพราะเธอสามารถมองเธอได้โดยบังคับยานให้ผ่านยอดต้นไม้ได้

 

“เราจะลงที่ขอบเมืองเพื่อไม่ให้คนแตกตื่นกันมากนัก แต่เตรียมอาวุธไปด้วยกรณีเกิดเหตุไม่คาดถึง” หญิงสาวผมแดงกล่าวก่อนจะมองออกไปที่หน้าต่างนอกยานที่กำลังขับผ่านป่าสนที่ทอดยาวไปหลายกิโลเมตรก่อนจะเริ่มเห็นหอนาฬิกาสีขาวที่ไกลออกไปสุดสายตา

 

อิลิยาเมื่อเห็นดังนั้นจึงเร่งความเร็วจนถึงขอบเมืองภายในไม่กี่อึดใจ อิลิยาจึงใช้มือเธอทำท่าดึงคันโยกลงพร้อมกับความเร็วตัวยานที่ลดลงก่อนที่ยานจะอยู่นิ่งๆ และค่อยๆ ลงสัมผัสกับพื้นอย่างนุ่มนวลก่อนที่ประตูท้ายยานจะเปิดออก

 

ทุกคนที่ลงมาจากยานได้ถูกมองเป็นสายตาเดียวกันจากผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น นั่นทำให้ทุกคนนั้นสงสัยเล็กน้อยกับการต้องมาถูกมองโดยชาวบ้านธรรมดาที่กำลังยืนมองพวกเธออยู่ พวกเขาดูไม่แปลกใจแม้แต่น้อย นั่นทำให้หญิงสาวผมแดงฉงนก่อนจะพาทีมของเธอเดินผ่านกลุ่มคนออกมา

 

แต่มีหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งคนหนึ่งได้ยืนขวางพวกเธอเอาไว้ การแต่งตัวของเธอนั้นเป็นผ้าไหมสีขาวสะอาดชิ้นเดียวห่อตัวเธอเอาไว้ หน้าของเธอมีผ้าปิดปากสีดำเอาไว้ปิดบังใบหน้าตั้งแต่จมูกลงไป

 

ดวงตาสีฟ้าสว่างของเธอที่ราวกับมันพร้อมจะฉายแสงออกมา ได้จ้องมองมาที่พวกเธอ คิ้วสีดำบางได้เลิกขึ้นเมื่อเห็นพวกของซากุระ เธอไม่กล่าวอะไรนอกจากประโยคเดียวว่า “ตามฉันมา” นั่นทำให้ซากุระงงเล็กน้อยแต่ก็เดินตามไปโดยดีเพื่อลดความสนใจของผู้คนในเมือง



 

ทางเท้าถูกปูด้วยหินหลากสีสันที่อัดกันแน่นอย่างสม่ำเสมอและได้รับการเจียให้มีพื้นผิวเรียบก่อนจะใช้ซีเมนต์ราดตามช่องว่างที่เหลือ บ้านส่วนใหญ่นั้นทำมาจากอิฐหรือปูนและถูกทาสีด้วยสีหลากสีสัน บางตึกได้ปลูกไม้เลื้อยให้ขึ้นปกคลุมบ้านเหลือไว้เพียงหน้าต่างและประตู

 

แสงที่ผ่านกระจกโมเสกจากหน้าต่างบ้านบางหลังได้

กระทบลงพื้นและเกิดเป็นแสงสีต่างๆ ที่พื้นหลายๆ แห่งมีป้ายที่ทำจากไม้พร้อมกับระบุชื่อร้านต่างๆ ไว้ เช่น

 

กัปตันฮุก ซีฟู้ดเดอลุกซ์ (Cpt.Hook seafood deluxe)

 

จอห์นนี่ทองแดง (Johny the copper)

 

ผู้คนแต่งชุดเรียบๆ ดูสบายๆ ด้วยสีง่ายๆ บางคนมีเป้ที่ทำจากกระสอบที่ทำจากหนังเย็บแบบง่ายๆ สะพายไว้ กลุ่มที่ดูเหมือนวิศวกรมีการสวมหมวกเหล็กกับใส่เสื้อคลุมสีเขียวอ่อนพร้อมกับแบกท่อนซุงไปด้วย เขาหันมามองกลุ่มของซากุระเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อไป

 

ทั้งหมดเดินมาถึงอาคารสูงสี่ชั้นที่ทำมาจากอิฐด้านหน้า ส่วนตึกช่วงด้านหลังทำมาจากปูนและทาสีส้มอ่อนเอาไว้ ด้านหน้าตัวตึกมีธงสีน้ำทะเลที่มีเครื่องหมายบวกสีขาวอยู่มุมขวาบนของธงที่กำลังโบกสะบัดราวกับกำลังเชื้อเชิญ

ซากุระให้เข้าไป

 

ภายในถูกตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าสวยงามและธงขนาดใหญ่ของอาณาจักรนี้ พื้นเป็นปูนเปลือยแต่บางตำแหน่งก็ถูกปูด้วยพรมแดงที่มีขอบสีทอง ตรงหน้าของซากุระน่าจะเป็นที่รับเรื่องของที่นี่

 

มันเป็นเคาน์เตอร์ไม้ที่ทำเป็นวงกลมพร้อมกับพนักงานที่กำลังร้องเพลงโอเปร่าอย่างสบายอารมณ์ ป้ายเหล็กที่สลักชื่อไว้ได้บอกว่าคนด้านหน้าชื่อว่า ลอร์ด ดิมีทรี กัมป์

 

เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราสีดำและหัวล้าน การแต่งกายของเขาเหมือนกับขุนนางในยุคกลางมาก เพียงแต่เสื้อของเขานั้นเป็นแขนสั้นและสีดูฉูดฉาดมาก เมื่อเขาเห็นหญิงสาวชุดขาวที่เดินนำหน้ากลุ่มซากุระเขาก็หยุดร้องเพลงและนำศอกมาตั้งโต๊ะก่อนจะขยับเข้าไปหา

 

“วันนี้เจ้าพาแขกต่างแดนมาด้วยเหรอ รวินา?” ดิมิทรีถามพร้อมกับเลิกคิ้วหนาดำของเขาด้วยความสนใจ

 

“พอดีข้าต้องนำแขกต่างแดนกลุ่มนี้ไปเข้าเฝ้าองค์หญิงน่ะ”

รวินาตอบ

 

“งั้นรอข้าประเดี๋ยวนะ ข้าขอทำการเช็คตารางว่าองค์หญิงมีนัดไว้ล่วงหน้ารึเปล่า” ลอร์ดหัวล้านได้กล่าวพร้อมกับหยิบสมุดเล่มหนาขึ้นมาก่อนจะเปิดไปเรื่อยๆ พร้อมกับไล่ดู

 

เขาปิดสมุดและนำเก็บที่เดิมก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ

 

“โชคดีของเจ้าเลยนะรวินา วันนี้องค์หญิงไม่มีนัดพอดีแต่เจ้ารออีกสักพักนึงก็ได้นะ เพราะคุณเปาโลเพิ่งจะเข้าไปเสิร์ฟอาหารกลางวันเมื่อกี้นี้เองน่ะ” ท่านลอร์ดตอบ

 

รวินาพยักหน้าก่อนจะให้แขกของเธอมานั่งที่เก้าอี้กับโต๊ะที่ยังว่างๆ หลายๆ ตัวก่อน พร้อมกับเสิร์ฟชาให้แต่ละคน ซากุระก้มหัวขอบคุณ คนอื่นๆ ก็เช่นกัน

 

หญิงสาวชุดขาวได้นั่งลงข้างหน้าสาวหูกระต่ายที่กำลังถอดหมวกและหน้ากากของเธอออก ใบหน้าขาวที่ดูสวยงาม กับนัยน์ตาสีเหลืองอำพันที่ตัดกันกับผมสีดำทั้งผมเธอและส่วนของหู ได้มองไปที่แก้วชาก่อนจะยกขึ้นมาดื่ม

 

แต่เธอเผลอยกดื่มเร็วไปเลยทำให้สำลัก

 

“โอเคมั้ย? ซาเนีย” เสียงอีกคนถามระหว่างดื่มชา เขาเป็นออร์คผิวเขียวคล้ำร่างสูงบึกบึนกำยำ เขี้ยวที่โผล่พ้นปากออกมาเล็กน้อยคือเอกลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นนับไม่ถ้วนราวกับเพิ่งผ่านสมรภูมิมา

 

“ยังโอเคดี คาปิล” หญิงสาวหูกระต่ายตอบ

 

อีกคนน่าจะอายุน้อยที่สุดเพราะเธอน่าจะอายุราวๆ แค่สิบเจ็ดหรือเด็กกว่านั้น เธอมีผมสั้นสีขาวราวกับหิมะและนัยน์ตาสีม่วงเข้มกับผิวที่ขาว คล้ายหลุดมาจากนิยายเธอจับแก้วชาก่อนจะยกมันขึ้นมาและมองรอบๆ แก้วใบนั้น

 

“ใช้ดินเหนียวปั้นให้ขึ้นรูปแล้วค่อยนำน้ำยาเคลือบมาทาทับ แล้วก็เผา” เด็กสาวกล่าวก่อนจะมองแก้วนั้นต่อด้วยความตื่นตา

 

“อิลตา ระวังแก้วร้อนนะ” ซาเนียเตือนเด็กสาวด้วยสีหน้าเป็นห่วง

 

นะหว่างนั้นเองรวินาได้เขยิบเข้ามาใกล้ๆ ซากุระ นั่นทำให้หญิงสาวผมแดงมองไปที่อีกฝ่ายเล็กน้อย

 

“พวกคุณมาจากอีกฟากใช่มั้ยคะ” รวินาถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ผิดกับตอนที่มารับพวกเธอลิบลับ

 

ซากุระพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยกแก้วชาขึ้นดื่ม

 

“แล้วที่อีกฟากของประตูเป็นยังไงมั่งคะ ได้ข่าวว่าที่นั่นมีเครื่องมือล้ำยุค ตึกสูงระฟ้า อาหารเลิศรส ผู้คนหลากเผ่าพันธุ์ ช่วยเล่าให้หน่อยสิคะ!” รวินาเริ่มเก็บเสียงตนเองไม่อยู่จนเผลอตะโกนออกมาเบาๆ จนซาเนียต้องปราม

 

“จะให้เล่าจากตรงไหนดีล่ะคะคุณรวินา” หญิงสาวผมแดงกล่าวก่อนจะยิ้มแห้งๆ

 

“เอ่อ…..บอส” ซาเนียกล่าวก่อนจะกระแอมเป็นการเตือนทางอ้อม

 

“อ้อ…จริงด้วยคุณรวินา ทางกองทัพเราไม่สามารถเปิดเผยเรื่องของโลกอีกฝั่งนึง” ซากุระปฏิเสธด้วยน้ำเสียงจริงจัง นั่นทำให้เด็กสาวในชุดขาวนั้นทำดวงตาอ้อนวอนพร้อมกับพองแก้ม แม้ว่าซากุระจะหันไปมองทางอื่นแล้วก็ตาม

 

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น แรงระเบิดของมันนั้นทำให้ตัวอาคารสั่นสะเทือนอย่างหนักจนราวกับแผ่นดินไหว

 

“รวินา คุ้มกันเจ้าหญิง!!!” ทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของลอร์ดดิมิทรี รวินาได้นำแขนของเธอมาเคาะกันก่อให้เกิดโลหะบางอย่างมี่มีสีเงินครอบแขนของเธอไว้ก่อนจะเปล่งแสงสีม่วงเข้มและวิ่งเข้าไปในห้องของเจ้าหญิง

 

พวกของซากุระได้สวมชุดพร้อมกับวิ่งออกไปด้านนอกเพื่อดูสถานการณ์ ชาวบ้านพากันแตกตื่นและรีบวิ่งไปตามที่ทหารเฝ้าเมืองบอกทาง ด้านนอกเผยให้เห็นกลุ่มควันขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากตัวสำนักงานมากนัก

 

“นี่ทีมสำรวจอิสระ ขอภาพมุมสูงจากดาวเทียม!” ซากุระกล่าวก่อนจะมีวิทยุตอบกลับมา

 

“รับทราบกำลังซิงค์ภสพเข้ากับดวงตาของเธอ” เสียงปลายสายกล่าวด้วยความรีบร้อนก่อนที่หญิงสาวได้ภาพฉายผ่านกลุ่มควัน เผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่พอๆ กับรถถังหนึ่งคัน

 

ตอนนั้นเองที่เส้นวิถีมันได้ลากเป็นเส้นโค้งสูงตัดผ่านป่านอกเมืองออกไป

 

“Catapult!!!!(เครื่องดีดหิน)” คาปิลกล่าวก่อนจะมองขึ้นด้านบน

 

“ทีมสำรวจโอเมก้า ทีมสำรวจพิเศษเดลต้ากำลังไปสมทบอีกห้านาที ภาพจากดาวเทียมวงโคจรต่ำแสดงภาพว่าเมืองมี่พวกเธออยู่ถูกข้าศึกโจมตีจากระยะไกลด้วยเครื่องดีดหิน!!” ผู้บัญชาการโอนิกล่าว



 

“ซวยล่ะสิ…” ซากุระกล่าวก่อนที่ลูกหินติดไฟจะพุ่งเข้ามาหาเธอ ลูกหินที่แดงสีแดงฉานของเพลิงที่ห่อหุ้มมันไว้

 

 

"สลายโมเลกุล!!!"เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับแสงสีฟ้าอ่อนสว่างวาบขึ้นพร้อมกับหินที่พุ่งเข้ามาได้สลายหายไป

เบื้องหน้าของเธอคือหญิงสาวในชุดนอนสีขาวแบบเด็กๆ ผมสีดำออกเขียวที่ดูยุ่งๆราวกับคนเพิ่งตื่นนอน คราบกาแฟที่เพิ่งหกใส่เสื้อมาไม่นาน ในมือของเธอถืออุปกรณ์บางอย่างที่ดูคล้ายกับไม้เท้าเวทมนต์จากในเกม เพียงแต่มันทำมาจากโลหะที่ถูกคลุมด้วยไม้อีกที

"ลอร์ดดิมีทรี คุ้มกันประชาชน!!!"เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับผู้นำ นัยน์ตาสีเขียวแก่ของเธอจ้องไปบนฟ้าพร้อมๆกับที่ลอร์ดคนนั้นได้กางบางอย่างออกมาคล้ายโฮโลแกรมและเริ่มกดอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นทั่วทั้งเมืองก็ถูกป้องกันไว้ด้วยบาเรียสีเหลืองอ่อนที่เกิดจากสามเหลี่ยมจำนวนมากประกอบกัน การยิงลูกหินยังระดมยิงต่อไปเรื่อยๆจนประชาชนเริ่มเสียขวัญและกรีดร้องด้วยความหวาดหวั่น

"รวินา!"เธอกล่าวก่อนที่รวินาจะทะลุออกมาจากการเทเลพอร์ต ตอนนี้ชุดของเธอถูกเปลี่ยนให้สั้นขึ้นและมีสีเดียวกับป่าเขารวมไปถึงเธอถูกปิดตาอยู่ด้วยผ้าสีดำ ในมือเธอนั้นมืออาวุธปืนลูกโม่และมีดสั้นที่มีประกายแสงสีม่วงแล่นไปมา

"ติดต่อกับกองกำลังประจำทุกทิศให้ไปรวมกันที่ทิศทางที่ลูกหินยิงมาทันทีที่มีคำสั่ง"เธอสั่งรวินาก่อนที่รวินาจะพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงจนกลายเป็นเส้นแสงสีม่วง นั่นทำให้ซากุระตระหนักได้ว่า รวินาไม่ได้เทเลพอร์ตแต่มีความเร็วสูงต่างหาก

"แบบนั้นไม่ได้นะ!"อิลตากล่าวก่อนจะเริ่มกล่าวซ้ำไปซ้ำมา

"ถ้าส่งกำลังไปทั้งหมด!!....มันจะมีช่องว่างทั่วทุกทิศเลย!!"อิลตาตะโกนด้วยสีหน้ากังวลก่อนจะนำมือมากุมศีรษะของตนเองและเดินไปมา

"เด็กคนนี้พูดถูกครับองค์หญิง การป้องกันทางทิศตะวันตกถูกอะไรบางอย่างโจมตีอย่างหนักจนพลังงานบาเรียเหลือน้อยมาก!"ลอร์ดดิมีทรีกล่าวก่อนจะโชว์ผังพลังงาน

ของบาเรียให้ดู ทางทิศตะวันตกนั้นกระพริบอย่างรุนแรง

ในระหว่างที่ทีมของซากุระกำลังอึ้งกันอยู่ หญิงสาวในชุดนอนได้หันมาที่ฝั่งซากุระด้วยสีหน้าจกใจเช่นกัน

"อ้ะ!.....ขอโทษที่เสียมารยาทนะ ข้าตัวแทนของอาณาจักรวอร์เตอร์มิล....ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดีเท่าไหร่ เรียกข้าว่า [จีพี]ไปก่อนก็ได้"จีพีแนะนำตนเอง

"พวกเราจะอาสาไปคุมฝั่งตะวันตกเอง เพราะทีมพวกเราเชี่ยวชาญการเคลื่อนที่เร็ว อิลิยาอยู่คุ้มกันองค์หญิงไว้"ซากุระกล่าวพร้อมกับกางปีกเครื่องบินที่มีเครื่องยนต์ขับดันสองเครื่องขนาดใหญ่ด้านท้าย

หญิงสาวในชุดนอนพยักหน้า

"ฝากด้วยนะ"เธอกล่าวก่อนจะเริ่มรวบรวมทหารที่มาสมทบกับเธอมุ่งไปทางที่มีเครื่องดีดหิน

ซากุระพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วโดยมีคาปิลและฮิโรโกะจับแขนเธอห้อยไว้อยู่ โดยมีซาเนียวิ่งตามท้ายมาพร้อมกับอิลตาที่ขี่คอเธออยู่ 

หญิงสาวผมแดงได้เห็นแรงกระแทกมาจากระยะไกล เธอจึงเร่งเครื่องให้แรงขึ้นอีกจนถึงที่หมายด้วยความเร็ว เธอรีบปล่อยตัวคาปิลและฮิโรโกะลงพื้นก่อนสองคนแรกเพื่อทำการอพยพประชาชนที่ยังตกค้างอยู่

ซากุระได้บินขึ้นในระดับความสูงมากพอจนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนอกบาเรีย 

กลุ่มกองอัศวินชุดสีขาวขอบทองที่ดูเกรียงไกรพร้อมกับอาวุธมากมายและจำนวนที่มากกว่าหลายเท่า โดยคนที่อยู่ด้านหน้านั้นกำลังใช้ท่อนเหล็กติดตั้งกลไกเพื่อพังบาเรียเมืองนี้

"บอส เอายังไงดี พวกเราต้องการคำสั่ง!"ซาเนียติดต่อมาทางวิทยุด้วยน้ำเสียงร้อนรนก่อนจะวิ่งมาถึงในระยะสายตาของซากุระ

"พวกมันมีมากกว่าหลายเท่า บาเรียคงกันได้ไม่ถึงห้านาทีที่กำลังเสริมมาถึงแน่ๆ!"หมาป่าสาวกล่าว

ตอนนี้ในหัวซากุระกำลังประมวลแข่งกับเวลาที่กำลังหมดลงเรื่อยๆ 

"เราต้องถ่วงเวลาพวกมัน"ซากุระติดต่อไปทางวิทยุ ทุกคนต่างสับสนกับคำสั่งของเธอ 

"บอสว่ามันจะได้ผลเหรอ"ครึ่งกระต่ายสาวถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ

"เราจะใช้ความสามารถของเราในการขู่ให้พวกมันกลัว ถึงแม้จะจัดการไม่หมด แต่น่าจะช่วยถ่วงเวลาได้ ทุกคนสามารถใช้อาวุธได้ตามอัธยาศัย ขอย้ำ! ใช้อาวุธได้ตามอัธยาศัย"ซากุระกล่าวพร้อมกับเปลี่ยนแขนขวาของเธอให้เป็นแขนกลเหล็กสีแดงดำ

คาปิลและซาเนียหยิบปืนออกมาพร้อมต่อสู้ อิลตานั้นต่างออกไป ดวงตาของเธอเรืองแสงสีขาวพร้อมกับลอยตัวขึ้นราวกับนักบวชที่แสดงปาฏิหาริย์ต่อหน้าฝูงชนโดยมีออร่าสีขาวจางๆห่อหุ้มร้างของเธอเอาไว้

ทันใดนั้นบาเรียก็ถูกพังออก พร้อมกับนักรบในชุดเกราะที่พุ่งเข้ามาไม่ขาดสาย

"ซาเนีย<ไอ้นั่น>!!!"คาปิลกล่าวก่อนที่ซาเนียจะพยักหน้าและโยนบางอย่างให้คาปิล มันเป็นหลอดฉีดโลหะที่มีของเหลวสีแดงหนืดไหลไปมา คาปิลคว้ามันและเริ่มฉีดเข้าตัวเองอย่างรวดเร็ว

ร่างกายของออร์คทหารนั้นเริ่มสูงใหญ่ขึ้นพร้อมกับผิวหนังที่ถูกหุ้มด้วยโลหะหนา เขาดึงขวานออกมาจากเข็มขัดก่อนจะพุ่งเข้าไปกลางดงศัตรูพร้อมกับสะบัดขวานที่ใส่ปลอกอย่างดุเดือดเพื่อให้กระแทกอีกฝ่ายจนล้ม

ซาเนียคอยใช้ปืนสไนเปอร์คอยยิงมือธนูที่หวังจะยิงตาและส่วนใบหน้าของคาปิล เสียงปืนของเธอดังลั่นพร้อมกับแขนของมือธนูได้ถูกหัวกระสุนเจาะเป็นรูพร้อมกับแรงผลักแรงจนล้ม โดยระหว่างนั้นเธอก็พยายามมองหาตัวที่เหมือนผู้นำทัพให้มากที่สุด

ฮิโรโกะใช้ปืนกลยิงขาของอัศวินคนที่จะพุ่งเข้ามาหาเธอ หมาป่าสาวได้พุ่งไปล็อคตัวอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะย่อตัวลงพร้อมกับนำปืนยิงไปบริเวณขาของศัตรูคนอื่นๆที่วิ่งไปมาก่อนจะลุกขึ้นและถีบคนที่เธอล็อคคอออกไปให้พ้นรัศมีการยิงของเธอ

อิลตาใช้พลังของเธอยกทหารที่เข้าใกล้คนในทีมก่อนจะโยนออกไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับใช้พลังผลักคนที่จะพุ่งเข้ามาหาเธอและจับโยนออกไปชนศัตรูที่จะวิ่งเข้ามาเหมือนกัน

ซากุระได้ลงไปตะลุมบอนตรงกลางศัตรูโดยจะพุ่งไปข้างหน้าเพื่อหาคนนำทัพ เธอเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายจนมีแผ่นเหล็กขึ้นที่แขนและขาของเธอ 

"ตายไปซะพวกสัตว์ประหลาด!!!"เสียงทหารตะโกนพร้อมกับพร้อมกับประเคนคมดาบมาหาหญิงสาว แต่เธอได้ใช้แขนกันคมดาบเอาไว้ทำให้ดาบหักเป็นเสี่ยงๆและถีบอีกฝ่ายออกไป

โดยที่เธอไม่ทันเห็นว่าอีกคนพยายามเงื้อดาบจะฟันเธอจากบนหัวด้านหลัง 

"ตายซะ!!!"เสียงอัศวินพูดพร้อมกับฝันดาบลงมา

แกร้ง!!!

เพียงเสี้ยววินาทีซากุระได้ใช้ฟันของเธองับใบดาบไว้ได้อย่างรวดเร็วก่อนจะกัดมันแตกในทันที สะเด็ดใบดาบได้ร่วงกราวบนพื้นพร้อมกับความมั่นใจของเจ้าของดาบที่เริ่มถอยกรูด 

"ดะ...ดาบที่ทนทานที่สุดของข้า!!!"อัศวินคนนั้นได้ถอยหลังไปเรื่อยๆแต่ก็ถูกอัศวินที่กำลังสู้กับคาปิลชนจนกลับมาที่เดิม

ซากุระได้ถุยใบดาบที่เธอคาบไว้อยู่ออกพร้อมแสดงสีหน้าโกรธจัด เธอคว้าดาบที่ตกอยู่ที่พื้นและทิ่มไปที่ขาอัศวินที่โดนเธอเล่นงานมาจนเลือดสีแดงสดได้พุ่งออกมาจากขาของอัศวินโชคร้ายรายนั้น

"บอกมาว่าหัวหน้าพวกแกอยู่ไหน!"ซากุระกล่าวก่อนจะค่อยๆบิดใบดาบจนอีกฝ่ายร้องโหยหวนพร้อมกับดิ้นสุดชีวิต แต่เมื่อจะคลานหนีซากุระก็ใช้ดาบที่ปักขาดึงอีกฝ่ายกลับมาจนเกิดแผลฉีกและเลือดที่ออกมาเยอะกว่าเดิม

"มัวมองอะไรกันอยู่ ช่วยฉันหน่อยเถอะ!!"อัศวินที่ซากุระสอบปากคำอยู่ได้ร้องอ้อนวอนคนในกองทัพ แต่ไม่มีใครช่วยแม้แต่คนเดียว ทุกคนต่างอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจนตัวแข็งทื่อ

"หยุดได้แล้วพวกสัตว์ประหลาด!!!"เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับใครบางคนที่เดินฝ่าออกมาจากกลุ่มอัศวินที่ยืนตัวแข็งทื่อกันอยู่ ซากุระมองแค่แวบเดียวก็รู้เลยว่านั่นคือหัวหน้าในการบุกครั้งนี้ เธอจึงดึงดาบออกจากอัศวินผู้โชคร้ายและให้เขายืนก่อนจะถ่บเข้าไปหากลุ่มที่ยืนล้อมอยู่

ชุดเกราะสีขาวของทองขัดมันเงาและมีเสื้อขนสัตว์สีขาวรวมไปถึงมงกุฎสีทองที่ประดับอัญมณีหลากสี ทำให้ดูเฉิดฉายในกลุ่มจนเหมือนมีสปอร์ตไลท์ส่องมาตลอดจนทำให้ซากุระแสบตาเป็นบางครั้ง

"ในนามของกลุ่มอาณาจักรศักสิทธิ์ ข้าจะบดขยี้เจ้าในข้อหาทำตัวเหิมเกริมกับกองทัพอันเกรียงไกรของข้า--"

"พูดมากน่ะ"ซากุระตัดจบก่อนจะพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความเร็ว แต่เธอก็ถูกใบดาบพุ่งมาหาด้วยความเร็วเธอจึงเสียจังหวะและถอยออกไปตั้งหลักพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ถูกใบดาบจนมีรอยสีขาวเป็นแนวยาว เพียงชั่วอึดใจรอยเหล่านี้ก็หายไป

"มือเปล่าอย่างเจ้าจะมาสู้อะไรกับดาบของข้าได้เจ้าชั้นต่ำ"หัวหน้ากองทัพอัศวินกล่าวพร้อมกับหัวเราะเยาะ แต่ก็หัวเราะได้ไม่นานเพราะมีเสียงรอยร้าวดังขึ้นพร้อมกับใบดาบที่ค่อยร้าวและแตกออกต่อหน้าเจ้าของทำให้หัวหน้าอัศวินตกใจอย่างมากจนทำอะไรไม่ถูก

"ดาบกระจอกๆของพวกแกยังคุณภาพห่วยกว่าดาบปกติของทหารของฉันอีก...ตาคนมือเปล่าอย่างฉันบ้างแล้ว!"ซากุระกล่าวก่อนจะกระโดดขึ้นไปและใช้ขาหนีบตัวอีกฝ่ายและใช้ศอกกระแทกไปที่หมวกอย่างแรงจนทุกคนในที่นั้นอึ้ง ก่อนที่จะเริ่มส่งสัญญาณยอมแพ้

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

กำลังเสริมของซากุระได้มาถึงและเข้าจับกุมกลุ่มที่ยังไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมายนัก ส่วนคนที่บาดเจ็บทีมของคาปิลและชาวเมืองที่เป็นแพทย์ก็กำลังดูแลอยู่ ส่วนซากุระนั้นได้มองที่หัวหน้าอัศวินที่ยังอยู่ในชุดเกราะ

"จะว่าไปเสียงดูแปลกๆนะตั้งแต่ตอนสู้กันแล้ว"ซากุระพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่ทีมแพทย์จะเริ่มทำการถอดชุดเกราะออก เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวผมสีบลอนด์ที่กำลังสลบอยู่ รูปร่างผอมแต่ยังมีกล้ามเนื้อราวกับนักกีฬาเหมือนนางแบบ

แรงกระแทกจากศอกของซากุระทำให้อีกฝ่ายเลือดกำเดาออกจากจมูกแต่ซากุระมั่นใจว่าแรงนั้นไม่แรงพอจะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนทางสมองมากนัก

"เอ่อ...คุณซากุระคะ พอดีองค์หญิงอยากคุยด้วยค่ะ"รวินาในชุดปกติได้เดินมาหาซากุระก่อนจะเดินออกไปดูอีกฝั่งของโรงพยาบาลสนาม

ซากุระได้เดินไปตามทางที่ทหารชี้ โดยองค์หญิงยังอยู่ในชุดนอนและคอยชี้สั่งทหารแต่ละคนไปหายาหรืออุปกรณ์ต่างๆ

"เรียกฉัน--อะแห่ม กระหม่อมเหรอพะยะค่ะ?"หญิงสาวผมแดงกล่าวก่อนจะโค้งคำนับตามหลักสากลที่โลกฝั่งของเธอ 

"อ้าาา~ ไม่เอาๆไม่ต้องก้มต่อหน้าฉันนะ!!"จีพีโวยวายเสียงดังก่อนจะรีบให้ซากุระกลับมาอยู่ในท่ายืนปกติพร้อมกับพยายามเสยผมตนเองไม่ให้บังหน้า

"ขอบคุณเธอมากนะ ถ้าไม่ได้พวกเธอ...อาณาจักรอาจจะเสียหายหนักกว่านี้ก็ได้ อ้ะ....เสียมารยาทแขกแย่ ฉันยังไม่ได้บอกชื่อจริงเธอสินะ"องค์หญิงผมเขียวดำกล่าวส่วนซากุระพยักหน้ารับเบาๆ

"ฉัน องค์หญิง อนาตาเซีย บิช็อป แต่เธอเป็นผู้มีพระคุณกับฉันจะเรียกอนาตาเซียหรือจีพีก็ได้นะ"เธอกล่าวพร้อมกับขยิบตาให้ซากุระก่อนจะรีบเดินออกไปตามเสียงเรียกของท่านลอร์ดดิมิทรี

"เป็นเจ้าหญิงที่อินดี้จังนะ"ซากุระกล่าวก่อนจะออกไปสมทบกับทีมของเธอ

"รายงานไปที่ศูนย์ใหญ่เรียบร้อยรึยัง"ซากุระถามอิลิยา เธอพยักหน้าก่อนจะปิดเครื่องมือสื่อสาร

"มาถึงก็เจอเรื่องยุ่งยากเลยนะ ให้ตายเถอะ"ซาเนียกล่าวอย่างหัวเสีย

"โชคดีแล้วนี่ที่ไม่มีคนบาดเจ็บน่ะค่ะ"อิลดากล่าวพร้อมกับนั่งกอดเข่าเล่นกับนกที่เดินมาแถวนี้

"ตอนนี้เราอาจจะต้องพักอยู่เมืองนี้รอดูสถานการณ์ก่อนว่าจะทำยังไงกันต่อไป"ซากุระกล่าวพร้อมๆกับทุกคนที่พยักหน้า

"เพราะว่าตอนนี้ท้องฉันเริ่มร้องแล้วล่ะ"ซากุระกล่าวพร้อมกับเสียงโครกดังจนคนแถวนั้นได้ยิน