6 ตอน Episode 6
โดย whoami
15 มีนาคม 1949
ดวงตะวันที่กำลังลาขอบฟ้าไปอย่างช้า ๆ สาดแสงย้อมพื้นหิมะสีขาวสะอาดตาให้กลายเป็นสีส้มอ่อน ๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหายไปอย่างสวยงามพร้อมกับความอบอุ่นทั้งหมด ถึงแม้ความหนาวเย็นของยามค่ำคืนจะเริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมพื้นที่แล้วก็ตาม แต่คนกลุ่มหนึ่งก็ยังคงยืนรออยู่ที่หน้ากระท่อมริมป่าอย่างอดทน
“แรนดี้ลืมรึเปล่าน่ะ” เสียงซื่อ ๆ ของเด็กเนิร์ดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกระซิบ
“ไม่น่านะ” เดวิดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกระซิบเช่นกัน “แล้วนายจะกระซิบทำไมน่ะ”
“ก็ตอนมืดมันน่ากลัวนี่หน่า” เด็กชายตอบกลับคำถามนั้น “”เหมือนกับมีใครกำลังมองดูอยู่ตลอดเวลาเลย”
“คิดมากน่า” เด็กชายที่ตัวสูงที่สุดกระซิบตอบกลับไปพร้อมกับให้กำลังใจด้วยการตบหลังเพื่อนเบา ๆ
“แรนดี้มาแล้ว” แอนิตาซึ่งนิ่งฟังอยู่ตลอดพูดขึ้นหลังจากที่เด็กชายทั้งสองพูดจบได้ไม่นาน
ร่างเล็กของเด็กชายหน้าหวานกำลังเดินมาหาเพื่อน ๆ ด้วยท่าทีที่ดูเก้ ๆ กัง ๆ ราวกับว่าตัวเขาหนักอย่างแปลกประหลาด ด้วยระยะทางที่ห่างไกลทำให้เพื่อน ๆ มองไม่ชัดว่าเพราะเหตุใดเด็กชายถึงได้เดินด้วยท่าทางเช่นนั้น แต่เมื่อเขาเข้ามาใกล้เด็ก ๆ ทั้งสามรวมถึงชายร่างใหญ่อีกหนึ่งคนก็ได้คำตอบ
แรนดี้มาพร้อมกับถุงขนาดใหญ่ถุงหนึ่งในอ้อมแขน สมองเล็ก ๆ ของเควินคิดว่าสิ่งที่แรนดี้หิ้วมาคงจะเป็นถุงนอนและเสื้อผ้าต่าง ๆ แน่แท้ ในขณะที่เพื่อนอีกสองคนนั้นคิดต่างออกไป
ดวงตาสีเฮเซลของเด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มสบเข้ากับดวงตาของเด็กชายที่ตัวสูงที่สุดในทันทีด้วยความหวั่นใจ พวกเขากำลังหวั่นเกรงกันว่าสิ่งที่อยู่ในถุงใบใหญ่นั้นอาจจะเป็นบางสิ่งที่สามารถทำร้ายพวกเขาได้ก็เป็นได้
เดวิดพยายามส่งสัญญาณเตือนฟรองซัวร์แต่ดูเหมือนแรงสะกิดแผ่วเบาของเขาจะไม่สามารถส่งผ่านเสื้อโคตตัวหนาไปได้ ฟรองซัวร์ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสและก้าวเข้าไปหาแรนดี้อย่างอารมณ์ดี
“สวัสดีตอนเย็นนะแรนดี้”
“สวัสดีครับ” เด็กชายตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“มา ๆ เข้าบ้านผิงไฟกันเถอะ ข้างนอกนี่หนาวจะแย่อยู่แล้ว”
รอยยิ้มของเด็กชายหน้าหวานยิ่งกว้างเข้าไปอีก ทั้งฟรองซัวร์ เควินและแรนดี้ก้าวเท้าเข้าไปในบ้านโดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่ดูไม่จืดของเด็กชายและเด็กสาวเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายพวกเขาทั้งสองก็ถอนกายใจออกมาพร้อมกัน ก่อนที่จะก้าวเท้าตามบุคคลที่เหลือเข้าไป โดยได้แต่หวังไว้ว่าสิ่งที่อยู่ในถุงผ้านั้นจะไม่ทำให้แผนการของพวกเขาผิดพลาด
หรือที่แย่กว่านั้นคือทำให้ใครสักคนในหมู่พวกเขาต้องตาย
อากาศภายในกระท่อมของฟรองซัวร์นั้นอบอุ่นกว่าอากาศภายนอกอย่างเห็นได้ชัด เควินดูมีท่าทีที่สบายใจขึ้นก่อนที่จะเอ่ยถามเสียงใส “ว่าแต่วันนี้เราจะกินอะไรเป็นข้าวเย็นเหรอครับ”
“ฉันกะว่าจะทำสตูว์ให้พวกเธอกินกันสักหน่อยน่ะ” ฟรองซัวร์ตอบกลับอย่างภูมิใจนิด ๆ “เป็นสูตรพิเศษของคุณย่าฉันเลยนะ”
“ว้าว ฟังดูน่าทานจังเลยครับ” แรนดี้เสริมขึ้นพร้อมกับยิ้มละมุน “สนใจให้ผมช่วยทำไหมครับฟรองซัวร์”
ใบหน้าของชายร่างใหญ่ซีดลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ออกจะตะกุกตะกัก “มะ-ไม่เป็นไรแรนดี้ เดี๋ยวฉันขอไปดูอุปกรณ์กับวัตถุดิบก่อนนะ”
ทันทีที่พูดจบฟรองซัวร์ก็หายเข้าไปในห้องครัวทันที ปล่อยให้เด็ก ๆ ทั้งสี่คนอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ในห้องนั่งเล่น ความอบอุ่นเล็ก ๆ เหมือนจะค่อย ๆ เลือนหายไปทีละเล็กทีละน้อยตามเวลาที่ผ่านพ้นไป
“นี่ ๆ จะว่าไปฉันมีของมาให้พวกนายด้วยแหละ” แรนดี้พูดทำลายความเงียบขึ้นพร้อมกับคว้าถุงใบใหญ่ที่หยิบติดมือมาด้วย ทั้งเดวิดและแอนิตาเกร็งตัวขึ้นอย่างระแวดระวังทันที
“เอ๊ะ นั่นไม่ใช่ถุงใส่เสื้อผ้าเหรอ” เควินถามอย่างซื่อ ๆ เรียกเสียงหัวเราะจากเจ้าของถุงผ้าใบใหญ่ได้ในทันที
“ไม่ใช่สักหน่อย” แรนดี้พูดพร้อมกับเปิดถุงออกมา โดยไม่ทันคิดเดวิดพุ่งตัวไปข้างหน้าและบังเควินไว้ในทันที ดวงตาหลับปี๋ด้วยความกลัว ร่างกายเกร็งเขม็งรอรับคมมีดของอะไรบางอย่างที่อาจจะแทงทะลุตัวเขาในไม่ช้า
“นายทำอะไรน่ะเดวิด” เสียงงุนงงของแรนดี้ถามขึ้น
เดวิดอยากจะตะโกนถามออกไปสุดเสียงว่า ก็นายจะฆ่าเควินไม่ใช่เหรอ แต่เมื่อลองคิดดูดี ๆ เขาไม่รู้สึกถึงของมีคมหรืออะไรก็ตามที่ชำแหละตัวเขาเลยแม้แต่น้อย เขาจึงทำใจลืมตาขึ้นมามองเบื้องหน้าอย่างช้า ๆ จึงเห็นขนมหวานหลากหลายชนิดอัดแน่นอยู่ในถุงผ้าใบใหญ่ที่แรนดี้พกมาด้วย
เด็กชายที่ตัวสูงที่สุดแทบจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนที่จะตอบคำถามของแรนดี้ “ฉันแค่อยากจะรู้น่ะว่ามีอะไรอยู่ในถุงผ้าใบใหญ่”
สีหน้าของแรนดี้ดูไม่เชื่อนัก ก่อนที่เขาจะโพล่งออกมาทำเอาเพื่อน ๆ ทั้งสามสะดุ้งสุดตัวอย่างตกใจ “อ๋อ ฉันรู้แล้ว นายไม่ต้องปิดบังฉันก็ได้นะเดวิด”
“ปิดบัง?” เด็กชายถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามอย่างยิ่งให้ดูราบเรียบ “ฉันปิดบังอะไรนายกัน”
เด็กชายหน้าหวานหัวเราะน้อย ๆ ก่อนที่จะตอบกลับไป “ฉันรู้แล้วน่าว่านายน่ะ...อยากกินขนมใช่ไหมล่ะ!”
เสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากแอนิตาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเสริมอย่างหยอกล้อ “สงสัยช่วงนี้เดวิดคงจะขาดแคลนขนมหวานล่ะมั้ง”
แล้วเพื่อน ๆ ก็หัวเราะออกมา เว้นก็แต่เดวิดที่ได้แต่หัวเราะเขิน ๆ “ใช่ แย่จริง ถูกจับได้ซะแล้ว”
“ไม่เห็นต้องปิดบังเลย บอกฉันดีดีก็ได้” แรนดี้พูดพร้อมกับรอยยิ้ม “ยังมีขนมอีกเยอะเลยล่ะ แถมยังทำเพิ่มได้อีกด้วย”
“ขอบใจนะ” เดวิดตอบกลับไป
“ว่าแต่ แรนดี้” เสียงหวานของเด็กสาวเพียงคนเดียวทักขึ้นอย่างสงสัย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรออกไปฟรองซัวร์ก็พุ่งออกมาจากห้องครัวเสียก่อน
“ทุกคน ฉันมีข่าวร้าย” เสียงทุ้มต่ำของฟรองซัวร์ดังขึ้นพร้อม ๆ กับใบหน้าที่เปื้อนเขม่าของชายหนุ่ม “ดูเหมือนไม้ที่ใช้เป็นฟืนจะหมด ฉันน่าจะต้องไปตัดมาเพิ่มน่ะ”
“ในป่า ตอนนี้น่ะเหรอครับ” เดวิดพูดถามฟรองซัวร์กลับไป
“ใช่ ๆ” ชายหนุ่มรีบตอบกลับมาในทันที ทำให้คิ้วสวยของแอนิตากระตุกอย่างหงุดหงิดใจเล็ก ๆ “ฉันเตรียมวัตถุดิบทำอาหารไว้แค่นั้นซะด้วยสิ”
“ผมพกขนมมาเยอะมากเลยครับ” แรนดี้พูดขึ้น “น่าจะกินแทนอาหารเย็นได้นะครับ”
ฟรองซัวร์น่าซีดอย่างเห็นได้ชัด แอนิตาแทบจะจิ๊ปากออกมาที่ดูเหมือนสิ่งที่อยู่ในถุงจะทำให้แผนการของพวกเขาผิดพลาดไป แต่ดูเหมือนเดวิดจะแก้สถานการณ์ได้ค่อนข้างดีทีเดียว
“ฉันไม่คิดว่าพอหรอกนะแรนดี้” เดวิดตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ถ้าพวกเราสี่คนล่ะก็อาจจะพอ แต่ฟรองซัวร์น่ะน่าจะต้องกินเยอะกว่าเรานะ อีกอย่างขนมหวานทั้งหมดนี่คงทำให้เราฟันผุตายกันด้วยแน่ ๆ”
“ก็จริง” แรนดี้ตอบกลับอย่างหงอย ๆ
“ฉันกำลังคิดว่าจะออกไปตัดไม้ในป่า” เสียงทุ้มของฟรองซัวร์พูดต่อเมื่อเห็นว่าอะไรหลาย ๆ อย่างเริ่มกลับมาตามแผนแล้ว
“แต่ช่วงนี้มันอันตรายไม่ใช่เหรอครับ” เควินพูดต่อ
ฟรองซัวร์ส่งยิ้มกว้างให้เด็ก ๆ “ฉันแข็งแรงที่สุดในหมู่บ้านแล้วนะ ไม่มีอะไรทำร้ายฉันได้หรอกน่า”
“แต่ถ้าคุณไปแล้วพวกเราจะทำยังไงล่ะคะ” เสียงหวานของแอนิตาถามขึ้นต่อทันทีอย่างรู้จังหวะ
ฟรองซัวร์นิ่งไปเล็กน้อย สมกับที่เตี๊ยมกันมาอย่างดี “หรือพวกเธอจะไปกับฉันล่ะ”
“ในป่าน่ะเหรอครับ” แรนดี้ถามขึ้นด้วยสีหน้าหวาด ๆ “ไม่ใช่ว่ามันมีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่เหรอครับ”
“มันเป็นแค่ข่าวลือน่ะแรนดี้” ฟรองซัวร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จนแอนิตาแอบคิดว่าถ้าเขาไปแสดงในเวทีใหญ่คงได้รับรางวัลเป็นแน่ “ฉันเข้าป่าอยู่เกือบทุกวัน ไม่เห็นเจอตัวอะไรเลย”
“ไม่ใช่ว่าคุณตัดไม้ตอนกลางวันเหรอครับ”
“ใครบอก ฉันเคยออกไปตัดตอนเที่ยงคืนตั้งหลายครั้ง ยังไม่เจออะไรเลย”
เด็กชายหน้าหวานนิ่งไป เด็กชายที่ตัวสูงที่สุดเห็นแววไม่ดีจึงพูดเสริม “อยู่กับฟรองซัวร์น่าจะปลอดภัยที่สุดแล้วล่ะ ถึงจะอยู่ในป่ากับสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ก็ตามที”
“ใช่ ๆ” เควินเสริม “ไปด้วยกันเถอะนะแรนดี้”
แรนดี้มองหน้าเพื่อน ๆ อยู่พักใหญ่ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเสียงดัง “ก็ได้ ไปกันเถอะ”
ฟรองซัวร์ฉีกยิ้มออกมากว้างก่อนที่จะหยิบขวานเล่มใหญ่ที่พิงอยู่กับผนังมาพาดบ่าอย่างตื่นเต้น “งั้นก็ไปกันเลย!”
มองอะไรแทบไม่เห็นเลย เควินคิดอย่างหวั่น ๆ ในขณะที่พวกเขากำลังเดินลึกเข้าไปในป่าที่เงียบสงัด ไม่มีเสียงร้องของสิ่งมีชีวิตใดในป่านี้เลยแม้แต่เสียงเดียวซึ่งมันทำให้เด็ก ๆ อึดอัดใจไม่น้อย อีกทั้งไม่กี่สิ่งที่ช่วยนำทางให้พวกเขาไม่เดินชนต้นไม้คือแสงของพระจันทร์เต็มดวงที่ส่องสว่างและคบเพลิงในมือของชายหนุ่มร่างใหญ่ซึ่งกำลังเดินนำพวกเขาอยู่
“ฟรองซัวร์คะ” เด็กสาวเพียงคนเดียวทักขึ้น “ทำไมเราถึงต้องเข้ามาในป่าลึกขนาดนี้เหรอคะ?”
“เพราะว่าเป็นส่วนหน้ามันพึ่งโตได้ไม่นานน่ะสิ” ฟรองซัวร์ตอบกลับ “ปกติตระกูลฉันจะตัดต้นไม้เวียนจากหน้าไปหลังและก็ปลูกทดแทนเอาน่ะ”
“อ๋อ” แอนิตาส่งเสียงแสดงความเข้าใจขึ้น
“แต่นี่มันไม่ไกลไปหน่อยเหรอครับ” แรนดี้ถามอย่างสงสัย “เราเดินกันมาเกือบจะชั่วโมงได้แล้วนะครับ”
“ก็ มันเป็นส่วนที่ฉันตัดไปหมดแล้วน่ะ” ฟรองซัวร์พูดพร้อมกับส่งยิ้มแห้ง ๆ ที่แทบมองไม่เห็นมาให้ “อีกนิดเดียวเท่านั้นแหละ”
ราวกับชะตารู้ใจ ทันทีที่สิ้นสุดคำพูดของชายร่างใหญ่พวกเขาก็เดินมาถึงพื้นที่โล่งส่วนหนึ่งซึ่งแสงจันทร์ส่องลงมาให้เห็นทุกสิ่ง ทั้งพื้นหิมะสีขาวสะอาดตา หมู่แมกไม้ดำทะมึนและของหน้าตาแปลก ๆ ที่วางอยู่บนพื้นหิมะ
เด็กชายหน้าหวานจ้องมองทุกอย่างด้วยแววตาที่ใสซื่อและสงสัย เขากำลังจะหันไปถามเพื่อน ๆ รวมถึงฟรองซัวร์แล้วถ้าไม่ใช่เพราะสะดุดตาเข้ากับแววตาน่ากลัวของทุก ๆ คนที่อยู่รอบตัว
“ทุกคน” เสียงหวาด ๆ ของแรนดี้ถามขึ้นอย่างสงสัย สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นและได้ยินคือเพื่อนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มถือกำลังถือท่อนไม้ท่อนใหญ่อยู่
“ขอโทษนะแรนดี้” เขาพูดขึ้นก่อนที่จะฟาดท่อนไม้เข้าที่หัวของเด็กชายหน้าหวานอย่างแรง ส่งผลให้เด็กชายสลบไปในทันที
Talk : โอย น้องจะเริ่มแผนการกันแล้วค่ะทุกคน!
Comments (0)