13 มีนาคม 1949

 

 

กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้และหนังสือลอยมาตามอากาศที่แสนจะหนาวเหน็บของอลาสกา ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ในห้องสมุดอันอบอุ่นเพียงแห่งเดียวของเมือง แต่พวกเขาก็ยังคงต้องใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาเอาไว้อยู่ดี เพื่อปกป้องตัวเองจากความเย็นเยียบรอบตัว

 

“เรามีหัวข้ออะไรที่อยากหาเป็นพิเศษรึเปล่าครับ” เสียงของเดวิดดังถามขึ้นทันทีที่พวกเขาทั้งสี่คนหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ของห้องสมุด

 

เด็ก ๆ ทั้งสามหันมามองหน้าฟรองซัวร์ผู้ที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุดในทันที “ก็ เรื่องสัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องนั่นแหละ”

 

“ไม่มีเรื่องอื่นอีกแล้วเหรอคะ” เสียงหวานของแอนิตาถามขึ้นอีกครั้งอย่างสงสัย

 

ฟรองซัวร์นิ่งคิดไป ก่อนที่จะพูดออกมาเหมือนเขาพึ่งจะนึกออก “อ้อ มีเรื่องของเคานต์เตสส์เอลิซาเบธ บาโธรีด้วย”

 

“เคานต์เตสส์...อะไรนะครับ?” เดวิดถามซ้ำอีกครั้งอย่างงงงวย

 

“เอลิซาเบธ บาโธรีไง” แอนิตาตอบ “เคานต์เตสส์กระหายเลือดคนนั้นที่ฉันเคยเล่าให้ฟังน่ะ”

 

เดวิดนิ่งคิดไปก่อนที่จะร้องอ๋อออกมา “ผู้หญิงที่รีดเลือดหญิงสาวมาอาบเพื่อให้ตัวเองสาวตลอดกาลใช่ไหม”

 

ฟรองซัวร์พยักหน้าก่อนที่จะตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ใช่ คนนั้นแหละ แต่ฉันว่าเราแยกย้ายกันไปหาเถอะ จะได้ทั่วถึง”

 

สิ้นสุดคำพูดนั้นเควินก็กระเด้งตัวออกจากเก้าอี้ของตัวเองและวิ่งไปที่ชั้นหนังสือในห้องสมุดเพื่อตามหาหนังสืออย่างกระตือรือร้นทันที ต่างจากเดวิดและแอนิตาที่ลุกอย่างคนเฉื่อยชา

 

เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทั้งเดวิดและแอนิตาต่างก็หาหนังสือจนเหนื่อย แต่ก็ไม่เจออะไรทั้งนั้น ผิดกับเควินที่ดูเหมือนจะพบเจออะไรมากกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่าตัว

 

เสียงหนังสือที่ความหนาราวกับจะฆ่าคนตายได้สองเล่มกระแทกโต๊ะดังสนั่นไปทั่วห้องสมุด ส่งผลให้บรรณารักษ์ที่เป็นหญิงชราเจ้าระเบียบหันมามองตาขวาง แต่เควินก็ไม่ได้สนใจมากนัก ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดต่อไป

 

“เขาน่าจะพัฒนาห้องสมุดและก็หาหนังสือมาเยอะมากกว่านี้นะ” เสียงหงุงหงิงดังลอดออกมาจากปากของเควิน

 

“เอาน่า ๆ” เดวิดปลอบเพื่อน “อย่างน้อยนายก็เจอข้อมูลนะ”

 

“แล้วฟรองซัวร์ล่ะ” แอนิตาถาม

 

“ยังไม่กลับมาเหรอ” เควินถามอย่างแปลกใจ “เห็นเขาบอกว่าจะมาเอาของที่โต๊ะ และก็หายไปเลย นึกว่ากลับมาแล้วซะอีก”

 

แต่ยังไม่ทันที่เด็ก ๆ จะได้ออกตามหา ร่างสูงใหญ่ของฟรองซัวร์ก็โผล่ออกมาจากชั้นหนังสือฟากหนึ่งเสียก่อน

 

“ขอโทษที พอดีเมื่อกี้ฉันเจอหนังสือเล่มใหญ่ นึกว่าจะมีข้อมูลอะไรสักหน่อย” ฟรองซัวร์พูดขึ้นพร้อมกับสีหน้ารู้สึกผิด “ว่าแต่พวกเธอเจออะไรกันบ้างไหม”

 

“ผมเจออยู่สองเล่มครับ” เควินพูดเสียงแผ่ว “เรื่องละเล่มเลย”

 

“งั้นก็มาเปิดอ่านกันเลยดีกว่า” ฟรองซัวร์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งอีกคน

 

เสียงหน้ากระดาษพลิกไปมาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดของห้องสมุดเล็ก ๆ เพียงไม่นานเด็กเนิร์ดประจำกลุ่มก็เจอหน้าที่เขาต้องการ “เจอละ”

 

“เอลิซาเบธ บาโธรี เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ปี 1560 ที่ฮังการี เธอเกิดในตระกูลบาโธรีที่เก่าแก่ ร่ำรวย และมีอำนาจล้นหลาม เธอแต่งงานกับท่านเคานต์ฟฟีเรนซ์ นาดาสดี้ มีข่าวลือว่าก่อนที่เธอจะแต่งงานกับท่านเคานต์ เธอเคยท้องมาก่อนหน้านั้นด้วย...”

 

“ฟัง ๆ ดูแล้วเธอก็เหมือนกับลูกคนรวยที่มีปัญหาธรรมดา ๆ ในสมัยก่อนอยู่นะ” เดวิดพูดขัดขึ้น “ไม่เห็นมีท่าทีว่าจะเป็นหญิงสาวที่ฆ่าคนเพื่อเอาเลือดมาอาบได้เลย”

 

“ฉันยังเล่าไม่จบเลย” เควินพูดยอย่างหงุดหงิด เรียกรอยยิ้มแหย ๆ กับคำขอโทษแผ่วเบาจากปากของเด็กชายที่ตัวสูงที่สุดได้ในทันทีก่อนที่เควินจะเริ่มเล่าต่อ “ทั้งเธอและสามีนั้นมีนิสัยที่แปลกประหลาด มีข่าวลือว่าทั้งคู่ชอบทรมาณทาสและสาวรับใช้เพื่อความสนุกสนาน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกในสมัยนั้น จนกระทั่งปี 1600 เคานต์ฟีเรนซ์ในวัย 51 ปีก็ได้เสียชีวิตลง และต่อมาไม่นานแม่สามีของเขาก็เช่นกัน”

 

“แย่จัง” แอนิตาพูดออกมา

 

“ใช่ เอลิซาเบธคงจะเศร้าน่าดู แต่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่คิดอย่างนั้นนะ เขาคิดว่าเอลิซาเบธน่ะวางยาพิษแม่สามีเพื่อที่จะได้ครอบครองพื้นที่และทรัพย์สมบัติทั้งหมด!” เควินพูดพร้อมกับใส่อารมณ์ลงไป “ซึ่งถ้าอ่านประวัติของเธอต่อไปฉันก็คิดว่ามีความเป็นไปได้นะ”

 

“เล่าต่อสิ” ฟรองซัวร์พูดเสียงเรียบ สีหน้าของเขาดูมุ่งมั่นและจริงจังแบบที่หาดูได้ยาก

 

“เล่ากันว่าเอลิซาเบธมีทุกอย่างที่เธอต้องการแล้ว ขาดเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น...”

 

“เธอยังขาดอะไรอีกล่ะ” เดวิดถามขึ้น “มีทุกอย่างแล้วนะ”

 

“ความเยาว์วัยไง” เควินตอบพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ราวกับว่าเขาพึ่งจะประสบความสำเร็วในเรื่องยิ่งใหญ่มา “ยิ่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ ผิวหน้าที่เคยสวย เต่งตึงและเรียบเนียนของเธอก็เปลี่ยนไปทีละนิด เกิดรอยย่นและริ้วรอยต่าง ๆ แบบที่คุณผู้หญิงทั้งหลายรวมถึงเอลิซาเบธเกลียดเข้าไส้”

 

“แต่มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่ใช่รึไง” แอนิตาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เข้าใจ

 

“ใช่ และนั่นก็ทำให้เอลิซาเบธหงุดหงิดทีเดียวเชียวล่ะ” เควินพูดต่อ “เธอพยายามหาทางทำให้ตัวเองกลับไปหน้าใสและเยาว์วัยราวกับเด็กเช่นเดิม แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนกระทั่งวันหนึ่งที่สาวใช้ออกแรงหวีผมเธอแรงไปนิด ทำให้เส้นผมของเธอหลุดติดหวีออกมาหลายเส้น เอลิซาเบธโกรธมากและลงโทษสาวใช้จนเลือดสาดกระเซ็นใส่ตัวเธอ และนั่นทำให้เธอค้นพบ...กลวิธีที่จะทำให้เธออ่อนเยาว์ไปตลอดกาล”

 

“ผิวส่วนที่โดนเลือดสด ๆ ของสาวใช้สาดกระเซ็นใส่นั้นกลับไปเต่งตึงเหมือนเดิมในทันที ในที่สุดเอลิซาเบธก็ค้นพบยาอายุวัฒนะที่เธอตามหา”

 

สีหน้าของเดวิดกับแอนิตานั้นซีดลงในทันที พวกเขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น

 

“ตั้งแต่นั้นมาสาวใช้ในปราสาทก็เริ่มหายไปทีละคนสองคน พอสาวใช้ใกล้หมดปราสาท เธอก็เริ่มรับเด็กสาวจากภายนอกเข้ามา จนกระทั่งมีคนพบซากศพของหญิงสาวที่ถูกรีดเลือดออกไปจนหมดตัว แถมตามตัวยังมีบาดแผลฉกรรจ์และรอยกัดกินของสัตว์” พูดจบสีหน้าของเควินก็เปลี่ยนเป็นขยะแขยงทันที “โหดร้ายชะมัด”

 

ถึงแม้คนอื่น ๆ จะไม่ได้พูดอะไรออกมาก็ตาม แต่พวกเขาต่างก็คิดเห็นด้วยอยู่ภายในใจ

 

“นั่นแหละ หลังจากนั้นเรื่องก็ไปถึงหูพระเจ้าแมทเทียสที่ 2 พระองค์ทรงลงพื้นที่จัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง สุดท้ายแล้วเอลิซาเบธก็ถูกกักขังไว้ในปราสาทตลอดชีวิตที่เหลือ และผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่น ๆ ต่างก็ถูกเผาทั้งเป็น”

 

“จบแล้ว”

 

“ฮะ จบแล้วเหรอ แล้วเอลิซาเบธก็ถูกขังอยู่ในนั้นจนตายอ่านะ” เดวิดถามอย่างสงสัย

 

“ใช่” เควินตอบ “ถ้าอ้างอิงจากหนังสือนะ ก็คือเอลิซาเบธถูกขังอยู่ 4 ปีก่อนที่จะเสียชีวิตในปี 1614 มีข่าวลือว่าเธอฆ่าไปประมาณ 605 ศพ”

 

“หกร้อย?!” เดวิดตะโกนขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับลูกขึ้นจากโต๊ะ

 

“นี่เด็ก ๆ คะ ได้โปรดเบาเสียงกันหน่อยเถอะค่ะ มันรบกวนคนอื่น” บรรณารักษ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มงวด

 

“ขอโทษด้วยค่ะ” แอนิตาพูดเสียงหวานก่อนที่จะดึงเดวิดให้นั่งลงตามเดิม “ฉันว่าเรามาสรุปเรื่องกันเถอะ”

 

“ความคิดดี” เควินพูดต่อขึ้น “ฟรองซัวร์คิดยังไงครับ”

 

“ฮะ” เสียงทุ้มของชายร่างใหญ่ดังขึ้นอย่างแปลกใจ “ฉันเหรอ”

 

“ใช่ครับ” เควินพูดตอบ ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

 

“เอ่อ ฉันว่าแอนิตาน่าจะมีไอเดียนะ” ฟรองซัวร์โยนไปให้แอนิตา สีหน้าของเขาปรากฏความรู้สึกผิดเล็กน้อย

 

เควินหน้าหมองลงเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาเพื่อนสาวของตน “แล้วแอนิตาคิดว่าไง”

 

“อืมม ฉันคิดว่าโอไรอัสอาจจะสิงร่างเอลิซาเบธ” แอนิตาบอก

 

“ก็เป็นไปได้นะ” เดวิดพูดอย่างเห็นด้วยพร้อม ๆ กับที่เควินพยักหน้า

 

“ก็นะ ช่วงเวลามันก็พอเข้าใจได้นะ แบบว่าโอไรอัสสิงร่างเอลิซาเบธในช่วงไหนสักช่วงระหว่างปี 1560-1614 จากนั้นพอเอลิซาเบธตายเขาก็ร่อนเร่ไปเรื่อยและสิงร่างสัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องในช่วงปี 1764-1767 อะไรประมาณนี้ไง”

 

“ใช่เลยล่ะ แล้วหมาป่าที่เราเจอฟรองซัวร์บอกว่านั่นคือโอไรอัสถูกไหม นั่นแหละคือสัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง!” เควินเสริมอย่างตื่นเต้น

 

“แต่หมาป่าจะมีอายุไขมาจนถึงปัจจุบันเลยเหรอ มันจะมีอายุอย่างน้อย เอ่อ ร้อยกว่าปีเลยนะ”

 

“ก็เปลี่ยนร่างหมาป่าไปเรื่อย ๆ ไง” ฟรองซัวร์เสนอขึ้น “อีกอย่างโอไรอัสอยู่รอดได้ด้วยการดื่มกินอารมณ์ลบของมนุษย์เป็นอาหาร ตราบใดที่มนุษย์ยังมีความรู้สึกด้านมืดอยู่ เขาก็จะยังคงอยู่ ถึงแม้จะอ่อนแอก็ตาม”

 

ความเงียบเข้าครอบงำร่างทั้งสี่ทันที ก่อนที่ฟรองซัวร์จะทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้

 

“เอ้อ เมื่อวานฉันเจอหนังสือที่บ้านด้วยแหละ”

 

“หนังสือเหรอคะ?” แอนิตาถามขึ้น

 

“ใช่ ๆ” น้ำเสียงตื่นเต้นของฟรองซัวร์ตอบรับ “ตามมาสิ”

 

หลังสิ้นสุดคำพูดนั้นร่างสูงใหญ่ของฟรองซัวร์ก็ลุกขึ้นในทันที ทำเอาเด็ก ๆ ประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายพวกเขาก็วิ่งตามชายร่างใหญ่ไปถึงกระท่อมริมป่า

 

พวกเขานั่งรออยู่ที่โต๊ะประจำในขณะที่ฟรองซัวร์หายไปที่ใต้ถุนบ้านซึ่งเก็บตำราและหนังสือเก่าหลายต่อหลายเล่มเอาไว้ หลังจากหายตัวไปร่วมสิบนาที ฟรองซัวร์ก็กลับขึ้นมาอีกครั้ง ในมือหนามีหนังสือปกหนังเล่มเก่าเล่มหนึ่ง กระดาษที่แล่บออกมาจากปกนั้นมีสีเหลืองซีดเสียจนเด็ก ๆ กลัวว่าถ้าหากแตะมันเพียงนิดเดียวมันจะสลายไปเป็นผุยผง

 

“นี่คือบันทึกตำราพวกคาถาต่าง ๆ ของตระกูลโลร็องต์น่ะ” พูดจบเขาก็วางสมุดลงบนโต๊ะอย่างแรงจนเควินผู้รักหนังสือสะดุ้งสุดตัว “มันมีพิธีกรรมอันหนึ่งที่ดูเหมือนจะใช้ฆ่าสัตว์ประหลาดได้น่ะ”

 

แอนิตาคว้าสมุดมาเปิดอย่างเร่งรีบ “รักษาของเก่าหน่อยเถอะนะ” เควินพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง แต่ดูเหมือนมันจะไม่เข้าหูเพื่อนทั้งสองมากนัก

 

“นี่ไง” เสียงของเดวิดดังขึ้นอย่างดีใจก่อนที่จะเริ่มอ่านพิธีกรรม “วิธีการกักขังปีศาจที่สิงร่าง มีเงื่อนไขอยู่เพียงแค่สามอย่างเท่านั้น คือเจ้าของร่างนั้นหมดสติอยู่ พื้นที่พิธีกว้าง และคืนที่ทำพิธีกรรมนั้นต้องเป็นคืนจันทร์เต็มดวงเท่านั้น”

 

“จันทร์เต็มดวง” แอนิตาถามขึ้นอย่างสงสัย “แล้วมันเมื่อไหร่กันน่ะ”

 

“อีก 2 คืน” เควินตอบ “เรามีเวลาเตรียมตัว 2 คืน”

 

“น่าจะพอนะ” ฟรองซัวร์บอก “เราต้องเตรียมอะไรเป็นวัตถุดิบบ้างล่ะ”

 

ใบหน้าสวยของแอนิตายื่นเข้าไปใกล้กับสมุดและอ่านตัวอักษรที่เริ่มจะเลือนไปบ้างแล้วด้วยน้ำเสียงน่าสงสัย “เห็ดป่า น้ำศักดิ์สิทธิ์ เลือดของผู้ทำพิธี ซากกบตาย นี่มันจะใช้ได้จริง ๆ เหรอคะฟรองซัวร์”

 

“เอาจริง ๆ นะแอนิตา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันเหมือนจะเป็นทางเลือกเดียวที่เรามีแล้ว”

 

“งั้นก็คงต้องลองดูกันล่ะครับ” เดวิดพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่น “ว่าแต่น้ำศักดิ์สิทธิ์นี่คืออะไรกันครับ”

 

“น่าจะหมายถึงน้ำที่ผ่านพิธีกรรมมาแล้วน่ะ” ฟรองซัวร์ตอบเสียงเรียบ “ฉันคิดว่าฉันมีนะ น่าจะขวดหนึ่ง”

 

“งั้นผมขอฝากฟรองซัวร์หาเห็ดป่าให้ด้วยได้ไหมครับ พวกเราเข้าป่าไม่ได้เลยช่วงนี้”

 

“ได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา” ชายร่างยักษ์ตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“และก็ซากกบตายเดี๋ยวฉันหาเอง บ้านฉันมีกบเยอะ” เดวิดพูดต่อ

 

“แล้วเราจะไปเอาเลือดมายังไงล่ะ” เควินถามอย่างหวาดหวั่น “เราต้องกรีดนิ้วตัวเองเหรอ”

 

“ถ้าต้องแลกเลือดไม่กี่หยดกับความปลอดภัยของเพื่อน ฉันว่ามันคุ้มนะ” เดวิดเอ่ยขึ้น

 

“เจ็บนิดเดียวน่ะเควิน ฉันสัญญา” แอนิตากล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวฉันใส่หยดเลือดลงไปเองก็ได้”

 

“เธอแน่ใจนะ” เดวิดถามย้ำ

 

“แน่ใจ” เด็กสาวตอบกลับอย่างรวดเร็วและมั่นใจ เรียกรอยยิ้มจากทุกคนที่อยู่ในห้องได้ทันที

 

“เอาล่ะ งั้นฉันว่าเรามาวางแผนกันเถอะ ว่าจะทำยังไงให้แรนดี้เข้าร่วมพิธีกับเราดี”

 

“และก็จะหาพื้นที่กว้างมาจากไหนด้วย” แอนิตาเสริม

 

“งั้นเราเข้าไปทำพิธีกันในป่าไหมล่ะ” ฟรองซัวร์เสนอขึ้น “อย่างไรซะโอไรอัสก็อยู่กับแรนดี้ คงไม่มีหมาป่าหรือสัตว์ประหลาดเหลืออยู่ในนั้นอีกแล้วล่ะ”

 

“เป็นความคิดที่ดีนะครับ” เดวิดพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

 

กลับกลายเป็นเควินที่มีสีหน้าลังเล “แต่ป่ามันอันตรายนี่ครับ ถึงแม้จะไม่มีอะไรก็เถอะ แถมพ่อกับแม่ก็ไม่ให้เข้าไปด้วย”

 

“เรามีฟรองซัวร์เลยนะเควิน” เด็กชายที่สูงที่สุดเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ “พวกเราจะปลอดภัยอย่างแน่นอน ใช่ไหมครับฟรองซัวร์”

 

“ปลอดภัยจากสัตว์ป่าแน่นอน แต่ปลอดภัยจากโอไรอัสฉันไม่รับประกันนะ”

 

เควินยังคงมีสีหน้าที่ไม่ดีอยู่ แต่ก็ตกลงตามเพื่อนไปแต่โดยดี “เอางั้นก็ได้”

 

เดวิดเผยยิ้มกว้างออกมา “งั้นเราก็มาวางแผนกันเถอะ”

 

 

 

 


 

 

 

 

 

Talk : อู้ววววว เด็ก ๆ เริ่มวางแผนกันแล้วค่ะทุกคน!! แล้วทุกคนล่ะคะมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง~