หลังจากที่มีนาก้าวขาพ้นเขตบ้านของปีศาจสาว เธอก็เริ่มตระหนักได้ว่าในเวลานี้เธอเองยังไม่มีแผนการอะไรทั้งสิ้น ไม่รู้แม้กระทั่งว่าคนที่เบลล์ไปพบคือใคร ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่คนเสียด้วยซ้ำ อีกอย่างสถานที่นั้นถ้าว่ากันตามจริงแล้วก็ยังเป็นเพียงความคาดเดาจากความเป็นไปได้เท่านั้น สมมติว่าถ้าเธอคาดเดาถูกและไปพบเบลล์ที่สวนสาธารณะที่ว่านั่น ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะช่วยอะไรเบลล์ได้ เผลอ ๆ อาจกลายเป็นตัวถ่วงเสียมากกว่า

เมื่อคิดได้เช่นนั้นขาที่กำลังก้าวไปข้างหน้าก็เกิดหนักอึ้ง จู่ ๆ เธอก็นึกถึงเหตุการณ์ในวันที่เธอโดนชายขี้เมาสองคนทำร้ายขึ้นมา ในวันนั้นถ้าเบลล์ไม่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะมีสภาพเช่นไร มันตอกย้ำว่าเธอเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่อ่อนแอ มีหรือที่จะไปช่วยอะไรปีศาจอย่างเบลล์ได้

มีนาตัวสั่นเทาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ในซอยเปล่าร้างแถมมีบรรยากาศอันน่าวังเวงแบบนี้ หากมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับเธอกะทันหัน เธอเองก็คงไม่สามารถจะไปขอความช่วยเหลือจากใครได้ หญิงสาวรีบก้าวขาให้ยาวขึ้น เสียงฝีเท้าของเธอดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณที่เงียบสงัดตามจังหวะการเดิน ในตอนแรกเธอมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องของเบลล์จึงไม่พบว่าเสียงฝีเท้านั้นผิดปกติแต่อย่างใด แต่เมื่อเดินไปจนเกือบถึงปากทางเข้าซอย เธอถึงเพิ่งตระหนักว่าเสียงที่ดังสะท้อนในความเงียบนั้น มีบางครั้งที่มันไม่สอดคล้องกับจังหวะที่เธอก้าวขาเลย หรือจะพูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่กำลังเดินอยู่ในซอยที่ไม่น่าจะมีใครอื่น

ความรู้สึกเสียวสันหลังแล่นเข้ามาทันทีทันใด ตามมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งอย่างน่าประหลาดจนทำให้หายใจได้ไม่ทั่วท้อง หญิงสาวรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นแรงขึ้นจนเธอกลัวว่าผู้ที่กำลังสะกดรอยตามอาจได้ยินเข้าและตระหนักได้ว่าเธอรู้ตัวแล้ว ไม่สิ...ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้พยายามปกปิดเสียงฝีเท้าของตัวเองเลยด้วยซ้ำ คงคิดว่าถึงอย่างไรเธอก็จะตกอยู่ในเงื้อมมืออยู่ดี เธอพยายามไม่ตื่นตระหนก สายตายังคงมองไปข้างหน้าขณะก้าวขาไปเรื่อย ๆ

อีกนิดเดียวเท่านั้น ตอนนี้ทางออกอยู่ใกล้แค่เอื้อม...

หมับ

แขนข้างซ้ายของมีนาถูกคว้าและดึงไปข้างหลังจนเธอเสียการทรงตัว ในเวลานี้หัวใจของเธอแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ขณะที่ในหัวก็กำลังคิดถึงเรื่องร้ายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อจากนี้ เมื่อเริ่มตั้งหลักได้เธอก็พยายามบิดแขนตัวเองออกจากการจับกุม แต่อีกฝ่ายแรงเยอะกว่ามาก มือที่จับอยู่ที่ต้นแขนไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยเธอหลุดเลยแม้แต่น้อย และนิ้วทั้งห้าก็บีบแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกเจ็บปวด จากนั้นมือที่ยังว่างอยู่ก็เอื้อมคว้าไปที่ไหล่ข้างขวาของเธอแล้วบิดมาให้อยู่ในท่าประจันหน้ากับผู้สะกดรอยตาม

สิ่งที่มีนาเห็นเป็นอันดับแรกคือดวงตาสีมรกตที่ประดับอยู่บนดวงหน้างาม ซึ่งรับกับเส้นผมสีดำขลับยาวสยายจนถึงบั้นท้าย ตามมาด้วยเนินอกอิ่มสวยที่โผล่พ้นมาจากคอเสื้อของชุดกระโปรงรัดรูปสีดำเปิดไหล่ ผิวของอีกฝ่ายขาวซีด ทว่าพอดูรวม ๆ แล้วกลับให้ความรู้สึกจัดจ้านและโดดเด่น ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังมองเธออย่างพิจารณาราวกับว่าจะควานหาสิ่งที่อยู่เบื้องลึกในจิตใจเธอ

“ธะ...เธอคือใคร” มีนายังไม่หายสับสน พยายามดึงตัวเองออกให้หลุดจากการจับกุม แต่มือของอีกฝ่ายแข็งแรงดุจคีมเหล็ก พละกำลังของหญิงสาวตรงหน้าเธอช่างขัดกับใบหน้าสวย ๆ นัก

“ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม เธอเป็นใคร ทำไมถึงเดินออกมาจากบ้านของเบลล์ได้” หล่อนพูดเสียงสูง พร้อมกับปล่อยรังสีมาดร้ายออกมาจนมีนาเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

ผู้หญิงคนนี้อันตราย นั่นคือสิ่งที่มีนาคิด ดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นทำให้เธอรู้สึกเย็นวาบที่ไขสันหลัง บรรยากาศรอบตัวของหล่อนให้ความรู้สึกเดียวกับตอนที่เธอพบกับเบลล์ครั้งแรกแต่รุนแรงกว่า เหมือนว่ามีรังสีที่มองไม่เห็นกำลังพุ่งมาทิ่มแทงเธอ

คนคนนี้ฆ่าเธอได้

ไม่สิ ต้องบอกว่าปีศาจตนนี้ต่างหาก

เมื่อเห็นว่ามีนาไม่ตอบ หล่อนก็บีบแขนแรงขึ้นจนเธอเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หากเธอไม่พูดอะไรเลยอีกฝ่ายคงบีบกระดูกเธอจนแหลกแน่

“ฉันเป็นเพื่อนของเบลล์” มีนารีบพูด หากฟังจากคำพูดก่อนหน้านี้ เธอก็ตีความได้ว่าอีกฝ่ายก็น่าจะรู้จักกับเบลล์อยู่พอสมควร มีนานึกถึงเพื่อนที่เบลล์เขียนถึงในไดอารี่ขึ้นมา

ในตอนนี้ ฝ่ายที่กำลังบีบแขนมีนาอยู่ก็ดูประหลาดใจไม่น้อยหลังจากที่ได้ฟังคำตอบ มือที่บีบแน่นเริ่มคลายลง แต่ก็ยังไม่ปล่อยไปในทันที มีนามองเห็นความสับสนอยู่ในดวงตาสีมรกตคู่นั้น บางทีคำพูดของเธออาจจะไม่เข้าหูอีกฝ่ายก็ได้ หล่อนอาจโมโหที่เธอเข้ามาตีสนิทกับเบลล์จนอยากฆ่าเธอทิ้งเสีย หรือไม่...ผู้หญิงตรงหน้านี้แหละที่อาจจะเป็นผู้ส่งกระดาษข้อความนั่นให้เบลล์ เพื่อหลอกให้เบลล์ออกไปข้างนอกจะได้จัดการเบลล์สะดวกขึ้น มีนาใจหายวาบเมื่อคิดว่าบางทีเบลล์อาจจะโดนจัดการไปแล้วก็ได้

“ฉันไม่เชื่อเธอ” หล่อนกระแทกเสียง ดวงตาสีสวยนั่นยังคงจ้องมาอย่างทิ่มแทง มีนาแอบเห็นว่ามีเล็บแหลมงอกออกมาจากมือของอีกฝ่ายด้วย

เป็นปีศาจจริง ๆ ด้วยสินะ

“เธอนี่แปลกนะ” หล่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขึ้น “ปกติถ้าเป็นคนอื่น เวลาเห็นของแบบนี้ก็คงสติแตกกันแล้ว แต่เธอกลับดูไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ แปลว่าคงรู้จักพวกเราดีสินะ”

“ฉัน...”

“เธอรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเบลล์ก็ไม่ใช่มนุษย์ แล้วเมื่อกี้เธอเข้าไปในบ้านของเบลล์ทำไม” ปีศาจสาวพูดแทรก ก่อนจะพ่นคำถามต่อจนไม่มีช่องว่างให้มีนาได้อธิบายหรือถามในสิ่งที่เธอเองก็สงสัย “เธอเอากระดาษนี่ไปไว้ในห้องเบลล์ เพื่อลวงให้เบลล์ออกไปข้างนอกแล้วจะได้จัดการง่าย ๆ ใช่ไหม”

มีนาจ้องกระดาษในมือของอีกฝ่ายที่เพิ่งหยิบออกมาชูตรงหน้าเธอ มันเป็นแผ่นเดียวกับที่เธอเห็นในห้องของเบลล์ ดูท่าทางปีศาจตรงหน้าจะไม่ได้เป็นศัตรูของเบลล์อย่างที่มีนากลัวในตอนแรก

“เธอบอกมานะ ว่าพรรคพวกของเธออยู่ที่ไหน แล้วเบลล์อยู่ไหน”

“ก็บอกแล้วไงว่าเป็นเพื่อนกับเบลล์น่ะ!”

“แล้วฉันจะเชื่อเธอได้ยังไง” อีกฝ่ายยังแผ่รังสีมาดร้ายออกมาไม่เลิก แม้ไม่รุนแรงเท่าในตอนแรก แต่มีนาก็รู้สึกอึดอัดจนต้องเบือนหน้าไปทางอื่น

“ปีศาจอย่างเธอก็น่าจะเข้าถึงจิตใจมนุษย์ได้ไม่ใช่เหรอ เธอควรจะรู้สิว่าฉันพูดจริงหรือโกหก” หลังจากพูดจบก็โดนปีศาจตรงหน้าถลึงตาใส่ทันควัน เธอมั่นใจว่าเห็นเขี้ยวงอกออกมาจากมุมปากด้วย บางทีเธออาจจะไม่มีทางรอดชีวิตไปจากตรงนี้แล้วก็ได้

แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ปล่อยแขนเธอ “หึ ความจริงฉันก็ไม่ได้กลิ่นความชั่วร้ายมาจากเธอเหมือนกัน บางทีเธออาจจะพูดความจริงก็ได้”

มีนาประหลาดใจที่อยู่ดี ๆ ปีศาจสาวก็ยอมฟังเธอง่าย ๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าเธอก็ไม่รู้ว่าจะไปช่วยเหลือเบลล์ด้วยตัวคนเดียวได้หรือไม่

“ฉันจะถามเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเบลล์ทีหลัง แต่เธอบอกมาก่อนว่ารู้เรื่องข้อความขู่บ้า ๆ นี่หรือเปล่า”

มีนาเล่าสิ่งที่เธอรู้ให้อีกฝ่ายฟัง แต่ก็จงใจละเรื่องสิ่งที่เธอได้อ่านในไดอารี่ของเบลล์ไว้ เธอบอกเพียงว่าเธอเคยเห็นว่าเบลล์ไปนั่งที่สวนสาธารณะข้าง ๆ มหาวิทยาลัยอยู่บ่อย ๆ เลยคิดว่าสถานที่ที่พูดถึงในข้อความอาจจะเป็นที่นี่

“อืม ที่นั่นเองเหรอ ก็น่าจะเป็นไปได้นะ” ปีศาจสาวรำพึงเบา ๆ เหมือนคุยกับตนเอง ดวงตาสีมรกตฉายแววอะไรบางอย่างที่มีนาไม่อาจเข้าใจได้

“ไปกันเถอะ” ปีศาจสาวไม่รอให้มีนาเอ่ยปากถามอะไรต่อ หล่อนคว้าแขนเธอแล้วก้าวเท้ายาว ๆ ไปข้างหน้า

“เธอ รอก่อน ฉันเจ็บนะ”

ปีศาจสาวหันหน้ามาอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกมนุษย์นี่ปวกเปียกชะมัด”

ยังไม่ทันที่มีนาจะได้ตอบอะไรร่างของเธอก็ถูกยกขึ้น ปีศาจสาวเอามีนาพาดบ่าแล้วเดินต่อโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของเธอ

“นี่ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถึงแม้จะบอกไปว่าเธอดูไม่ได้ชั่วร้ายอะไร แต่ฉันก็ไม่ได้ไว้ใจเธอเลยสักนิดเดียว ที่ฉันพามาด้วยก็เพราะเผื่อว่าจะเจอเจ้าพวกที่ปีศาจอย่างฉันจัดการไม่ได้ก็เท่านั้น”

“เธอหมายถึงอะไร”

ปีศาจสาวไม่ได้สนใจคำถามของมีนา หล่อนยังพูดต่อไปเรื่อย ๆ “พวกมนุษย์น่ะเข้าใจยากที่สุด มีหลายคนที่ฉันเจอในตอนแรกก็เป็นแบบเธอนั่นแหละ ไม่ได้กลิ่นอายชั่วร้ายอะไรหรอก อาจไม่มีความชั่วร้ายอยู่ในตัวตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ แต่เชื่อไหม บางครั้งแค่มีเหตุการณ์อะไรบางอย่างผ่านเข้ามา ไม่สิ...บางทีไม่ต้องมีเหตุการณ์อะไรเป็นพิเศษเลยก็ได้ แค่เวลาผ่านไปเท่านั้น พอมนุษย์เติบโตขึ้น อยู่ดี ๆ ความชั่วร้ายที่ว่านั่นก็โผล่ออกมาจากไหนไม่รู้ ทำเอาปีศาจอย่างฉันทึ่งเลยจริง ๆ”

จู่ ๆ มีนาก็รู้สึกว่าอุณหภูมิรอบด้านลดต่ำลงจนเธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว ปีศาจสาวกระซิบต่อเบา ๆ แต่ก็ดังพอให้เธอได้ยิน

“ฉันก็คอยจับตาดูเธอไว้ ถ้ารู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรไม่ดีกับเบลล์ล่ะก็ ฉันฆ่าเธอแน่”

.......................................................................

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้...

เบลล์เดินกลับเข้ามาในบ้านอย่างเหม่อลอย เธอกำลังสับสน ไม่รู้ว่าการที่ไปสนิทกับมนุษย์คนนั้นมันดีหรือไม่ บางทีมันอาจจะเป็นความผิดพลาดซ้ำสองก็ได้ที่เธอเปิดโอกาสให้มนุษย์ได้เข้าใกล้ถึงเพียงนี้

เธอเดินขึ้นบันไดเพื่อกลับไปยังห้องนอน หวังว่าจะได้นั่งอยู่กับตนเองสักพัก แต่ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้อง เธอก็รับรู้ได้ถึงเค้าลางบางอย่าง มีบางอย่างไม่ปกติในห้องของเธอ

ดวงตาสีน้ำตาลแข็งกร้าวขึ้น เมื่อกวาดตามองรอบ ๆ ห้องก็พบกระดาษสีขาวสี่เหลี่ยมจัตุรัสใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะ เธอจำได้ว่ามันไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน มือขาวซีดจึงเอื้อมไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน

 

เราควรมาจบเรื่องนี้กันได้แล้ว แกคงรู้ว่าเราจะมาเจอกันได้ที่ไหน

 

ข้อความในกระดาษที่เขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ทำให้เบลล์แผ่รัศมีสีดำออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอขยำกระดาษแผ่นนั้นแล้วปล่อยมันร่วงลงพื้น รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร

คนที่จะเขียนข้อความแบบนี้ได้แปลว่าต้องรู้จักเธอดี ซึ่งเท่าที่นึกออกก็คงจะมีแต่ ‘คนคนนั้น’

“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้” เบลล์รำพึงรำพันกับตนเองอย่างแผ่วเบา ความทรงจำต่าง ๆ ที่เก็บไว้ในส่วนลึกเหมือนผุดขึ้นมาทำร้ายเธออีกครั้ง

ในตอนที่ถูกสะกดรอยตาม เธอพยายามบอกกับตนเองว่าไม่มีทางใช่ ‘คนคนนั้น’ ได้หรอก จะเป็นไปได้อย่างไร คงเป็นพรรคพวกคนอื่น ๆ มากกว่า อีกอย่างเมื่อครั้งที่บังเอิญเจอกันที่สวนสาธารณะนั่นก็เห็นหน้ายังไม่ทันชัดเจนดีเพราะรีบหลบมาก่อน

ทว่าข้อความจากกระดาษแผ่นนี้กลับตอกย้ำว่าคนที่คอยตามรอยเธอในช่วงนี้อาจเป็นคนเดียวกับที่เธอคิด

เบลล์รู้ดีว่าหากตอบรับคำเชื้อเชิญจากข้อความนี้ก็เท่ากับว่าเธอพาตนเองไปพบกับอันตราย ศัตรูมีหลายคน นอกจาก ‘คนคนนั้น’ แล้วยังมีพรรคพวกของเขาคนอื่นอีก แถมพวกนั้นก็ดูจะระมัดระวังตัวเองดีกว่าเมื่อก่อน เพราะไม่บุกเข้ามาที่นี่ซึ่งเป็นถิ่นของเธอ แต่กลับล่อเธอให้ออกไปข้างนอกแทน พวกนั้นรู้ด้วยว่าหากจัดการเธอที่นอกถิ่นที่อยู่ของปีศาจแล้วจะได้เปรียบกว่า

เบลล์ตัวสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ หากเธอจะหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเหมือนเดิมก็ย่อมได้อยู่แล้ว แต่เมื่อคิดดูอีกทีเธอก็อยากจะจบเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน อยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ต่อไปมีแต่จะยืดเยื้อและทรมานไปเปล่า ๆ ไม่รู้ว่าพวกนั้นรู้ได้อย่างไรว่าเธอจะทนเล่นสงครามประสาทแบบนี้ต่อไปไม่ไหวจนต้องไปยังสถานที่ตามคำเชื้อเชิญ...แต่ช่างเถอะ มาจบเรื่องนี้เลยแล้วกัน

ปีศาจสาวออกจากบ้านไปอีกครั้ง เธอเดินผ่านซอยแคบเปลี่ยวที่พบกับมีนาครั้งหนึ่ง ผ่านพวกขี้ยาที่นั่งชุมนุมกันอยู่กลางซอย เธอเหมือนได้ยินเสียงเรียกด้วยวาจาลามกจากคนกลุ่มนั้น แต่เพียงปรายตามองครั้งเดียวก็ทำเอาสะท้านกันไปยกกลุ่ม จนต้องปิดปากเงียบและไม่พูดมากอีก

ไม่นานนัก สวนสาธารณะอันคุ้นเคยก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเบลล์ บริเวณที่เคยมีดอกไม้หลากสีสันดูสวยงาม และบ่อปลาใกล้ ๆ ดูใสสะอาด บัดนี้กลายเป็นมุมรกร้าง ไม่มีคนคิดจะเข้ามาดูแลหรือปรับปรุงบริเวณนี้ให้ดีขึ้น เมื่อเรื่องสมัยก่อนจะผ่านมานานแล้วแต่กลิ่นความตายยังลอยอบอวนอยู่ในชั้นบรรยากาศปะปนกับกลิ่นฝนที่ทำท่าจะตก

ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดแล้ว บรรยากาศรอบ ๆ ดูเงียบสงัดกว่าปกติราวกับไม่มีมีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอยู่เลย ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด แต่ถึงอย่างนั้น เบลล์ก็จับได้ถึงพลังชีวิตที่อยู่รอบ ๆ แต่รังสีอาฆาตแค้นที่พุ่งตรงมาหาเธอ ของปีศาจสาวมองตรงไปพุ่มไม้พุ่มหนึ่งที่มีจิตสังหารออกมามากที่สุด หากมองดี ๆ จะเห็นชายผ้าสีดำโผล่พ้นมาจากพุ่มไม้เล็กน้อย

“อุตส่าห์เรียกให้มาหาถึงที่นี่ ยังจะหลบเป็นพวกขี้ขลาดอยู่อีกหรือ” เธอพูดเสียงเฉียบขาด

ใบไม้รอบ ๆ ตัวเธอเริ่มเคลื่อนไหว และร่างเกือบสิบร่างก็เดินออกมาจากที่ซ่อน ทุกคนใส่ชุดแบบเดียวกันเป็นชุดคลุมสีดำ ปิดหน้าปิดตา ทำให้ไม่เห็นว่าคนเหล่ากำลังแสดงความรู้สึกอย่างไรอยู่

เบลล์มองคนเหล่านี้ด้วยสายตาระแวดระวัง พวกนี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ซึ่งคงไม่ดีแน่หากประมาท เธอเองก็เคยมีประสบการณ์กับสมาชิกของกลุ่มคนพวกนี้มาก่อน การปรากฏตัวแบบนี้ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปเมื่อหลายปีมาแล้ว

กลุ่มคนที่เรียกว่า ‘นักล่าปีศาจ’

หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มคนพวกนี้ที่เธอเคยรู้จักก็คือ ‘คนคนนั้น’ นั่นเอง

อดีตที่หวนกลับมาทำให้เธอรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ถ้าเธอมีหัวใจเมื่อมนุษย์ ป่านนี้มันคงเต้นตึกตักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ในเมื่อเธอไม่มีมัน จึงรู้สึกเพียงความมืดดำที่อัดแน่นอยู่ในนั้น ราวกับกำลังรอวันที่จะระเบิดออกมา

คนในชุดคลุมที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่แผ่รังสีอาฆาตออกมามากที่สุด สายตาเธอจึงจับจ้องคนคนนี้เป็นพิเศษ เธอรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่ยังคงพยายามรักษาสีหน้าไม่ให้เผยความหวาดกลัวที่อยู่ส่วนลึกออกมา

หลังจากที่ดูท่าทีของอีกฝ่ายไปสักพัก ก็ยังคงไม่มีใครเป็นคนเริ่มเปิดฉาก ขณะที่เบลล์กำลังคิดว่าควรจะจบเรื่องนี้ลงได้แล้ว คนตรงหน้าก็เปิดผ้าที่ปิดหน้าปิดตาออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง ซึ่งเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงใหญ่และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เบลล์แสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมา

“มะ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้” เธอพูดตะกุกตะกัก แม้จะแอบคิดไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เมื่อมาเห็นจัง ๆ แบบนี้ก็ทำให้เธอจ้องมองชายตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

“มันนี่แหละ ไม่ผิดแน่” เขาหันไปพูดกับคนอื่น ๆ แล้วหันมาสบตากับเบลล์อย่างไม่เกรงกลัว

“ไม่จริง แกตายไปแล้ว” เบลล์ยังคงบอกกับตัวเอง ราวกับตรงหน้าเป็นเพียงภาพหลอน

“ผิดหวังเหรอ” เขาทำเสียงเหมือนเย้ยหยัน พร้อมกับก้าวมาข้างหน้าช้า ๆ

เบลล์ถอยหลังตามจังหวะที่คนตรงหน้าก้าวเข้ามาหาเธอ แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็รู้สึกร้อนเหมือนถูกไฟเผา ปีศาจสาวทรุดลงอย่างเจ็บปวด เธอมัวแต่ตกใจกับคนที่เพิ่งปรากฏตรงหน้าจึงไม่รู้ตัวเลยว่าคนในชุดคลุมคนอื่นได้นำเอาเทียนไขขึ้นมาจุดเมื่อไรไม่รู้ เมื่อเหลือบตามองลงที่พื้น เธอก็พบว่ามีสัญลักษณ์รูปดาวห้าแฉกพร้อมกับอักขระโบราณเขียนอยู่รอบ ๆ คนพวกนี้วาดเตรียมเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เป็นเพราะความสับสนกับการปรากฏตัวของชายคนนี้ ทำให้เธอเข้ามาโดยไม่ทันเฉลียวใจหรือสังเกตเห็นเลยว่ามีดาวห้าแฉกเขียนอยู่บนพื้น

“ที่แท้ก็ไม่ได้เก่งสักเท่าไรนี่”

ชายตรงหน้าเธอหัวเราะหึหึในลำคอ พร้อมกับเริ่มสวดคาถาบางอย่างที่เบลล์ฟังไม่เข้าใจ แต่กลับปวดลึกไปถึงจิตวิญญาณ

“กรี๊ด!”

 

#####################################

ตอนนี้มีการแนะนำตัวละครที่เป็นปีศาจเพิ่มมาอีกตัวแล้ว จะมาดีหรือร้ายกันแน่ และเบลล์จะรอดไปได้ยังไง ฝากติดตามกันด้วยน้าาา