ตั้งแต่วันที่เบลล์ได้ลิ้มลองอาหารฝีมือมีนา ก็ผ่านมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว มีนาเจอเบลล์บริเวณสวนข้างมหาวิทยาลัยเป็นครั้งคราว เห็นปีศาจสาวนั่งเหม่อลอยที่ม้านั่งหินอ่อนที่เดิมเป็นประจำ นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นมักจะมองไปที่ว่างเปล่าตรงแถวกำแพงเก่าผุพัง เป็นเรื่องน่าแปลกอีกอย่างหนึ่งคือที่ม้านั่งตรงนั้นไม่เคยมีนักศึกษาหรือใครก็ตามไปนั่งเลย ไม่มีแม้แต่คนจะมาสนใจซ่อมแซมให้มันดูดีขึ้น มันถูกปล่อยให้รกร้างอยู่อย่างนั้นราวกับเป็นสถานที่ต้องสาป จะว่าไปคงมีเพียงเบลล์เท่านั้นล่ะมั้งที่ชอบไปนั่ง เธอไม่รู้ว่าที่ตรงนั้นสำคัญกับเบลล์อย่างไร อีกฝ่ายไม่เคยปริปากบอกไม่ว่าเธอจะหลอกถามด้วยวิธีไหนก็ตาม

ทุกครั้งที่เห็นเบลล์นั่งเหม่อลอยอยู่ที่ม้านั่งตัวเดิม หากเวลานั้นมีนาไม่ได้อยู่กับเพื่อนคนไหน เธอก็จะเดินเข้าไปทักทาย ส่วนปีศาจสาวก็จะยังคงทำตัวเงียบ ๆ และมีท่าทีเย็นชาอยู่บ้าง แต่ก็ยอมพูดคุยเป็นครั้งคราว เบลล์แอบไม่เข้าใจตนเองว่าทำไมต้องทำตามที่ผู้หญิงคนนี้บอกที่ว่าให้รอจนถึงเวลาหลังเลิกเรียนด้วย แถมพักหลัง ๆ มานี่ก็เผลอกวาดสายตามองผู้คนที่ผ่านไปมา เผื่อว่าจะมีร่างสูงโปร่งของใครบางคนเดินปะปนอยู่

เบลล์ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะไปประสานสายตากับใคร ‘อีกคน’ ที่เธอรู้จักท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น...

.......................................................................

มีนาบอกให้วินมอเตอร์ไซต์ที่พาเธอมาส่งจอดตรงกลางซอยก่อนถึงบ้านของเบลล์ เนื่องจากเกรงว่าคนขับจะสติแตกเมื่อเจอบรรยากาศบริเวณบ้านของปีศาจสาว ขนาดแค่ตอนขับผ่านบ้านร้างหลังอื่น ๆ เขายังทำท่ากระวนกระวายเลย และเมื่อรับเงินแล้วเขาก็เผ่นแน่บไปทันที

ซอยยังคงเงียบสงัดเช่นเดิม บ้านที่มีอยู่ไม่กี่หลังก็ยังคงถูกปิดล็อกและคล้องโซ่ไว้อย่างแน่นหนาเหมือนตอนครั้งสุดท้ายที่เธอเข้ามา

สองขาก้าวยาว ๆ ไปตามทางพลางครุ่นคิดถึงเรื่องเบลล์ อีกฝ่ายหายหน้าหายตาไปเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว มีนาคิดว่าปีศาจสาวคงเบื่อที่จะเจอหน้าเธอเลยรีบหลบไปก่อนที่เธอจะแวะไปทักทาย เธอเองก็เกือบถอดใจที่จะได้ใกล้ชิดเบลล์แล้ว แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจนต้องกลับมายังสถานที่น่าวังเวงนี้อีกครั้ง

ทันทีที่มีนาเดินมาถึงหน้าบ้าน เธอก็รับรู้ได้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

วันนี้บรรยากาศรอบ ๆ บ้านของเบลล์ดูหม่นหมองทุกครั้ง ราวกับมีเมฆดำลอยอยู่เหนือบริเวณบ้านตลอดเวลา แถมยังทำให้คนที่ยืนอยู่แถวนี้รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ มีนาคิดว่ามันดูน่าสะพรึงยิ่งกว่าครั้งแรกที่เธอมาที่นี่อีกด้วยซ้ำ

“เบลล์!” มีนาตะโกนเรียกด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับกดกริ่งหน้าบ้านซ้ำ ๆ ด้วยความร้อนใจ

ไม่นานนักผู้ที่มีนามองหาก็ปรากฏตัวขึ้นที่สวนหน้าบ้าน ครั้งนี้เบลล์ดูซีดเซียวกว่าปกติ ผมสีน้ำตาลพันกันดูยุ่งเหยิง สายตาที่มองมาทางประตูรั้วดูหวาดระแวง แต่เมื่อสบกับดวงตาคมสวยของมีนา เบลล์ก็ดูลดความหวาดระแวงลงเล็กน้อย พร้อมกับบรรยากาศที่กดดันเมื่อครู่ก็ลดลงไปด้วย

ยังไม่ทันที่มีนาจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป เบลล์ก็มุ่งหน้ามาที่ประตูรั้วอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดประตูแล้วดึงแขนเธอเข้ามา

“โอ๊ย เบา ๆ สิ ฉันเจ็บนะ” มีนาร้องโวยวาย จนเบลล์ชะงัก เพิ่งรู้ตัวว่าจับอีกฝ่ายแรงเกินไป

“ขอโทษ” เธอพูดสั้น ๆ ก่อนเดินนำเข้ามาในบ้าน

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้ดูแปลกไปนะ” มีนาถามอย่างเป็นห่วง

“ทำไมอยู่ ๆ ถึงโผล่มาที่นี่ล่ะ” เบลล์เลือกที่จะถามกลับแทน

“ก็...” มีนาอึกอัก ไม่อยากบอกว่าเธอกระวนกระวายแค่ไหนที่ไม่เห็นอีกฝ่ายแถวมหาวิทยาลัย “ไม่เห็นเธอหลายวันแล้วนี่”

“ฉันไม่โผล่ไปนี่มันแปลกมากนักหรือไง ไม่คิดเหรอว่าบางทีฉันอาจจะแค่เบื่อหน้าเธอเฉย ๆ ก็ได้”

มีนาได้ฟังก็ทำหน้าสลด ตอนแรกเธอก็คิดเช่นนั้น แต่เมื่อได้มาเห็นเบลล์ที่มีริ้วรอยแห่งความกังวลปรากฏชัดเจนอยู่บนใบหน้า เธอก็คิดว่าความจริงมันต้องมีอะไรมากกว่าที่เธอรู้

“ความจริงตอนแรกก็คิดว่าไม่แปลกขนาดนั้น...แค่คิดถึงน่ะ” ประโยคหลังเธอพูดด้วยท่าทางเขิน ๆ ก่อนจะรีบวกกลับเข้าประเด็น “แต่พอมาเห็นสีหน้าของเธอตอนนี้ก็ว่าแปลกจริง ๆ แหละ สรุปว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

เบลล์เม้มปากแน่น ทำหน้าครุ่นคิดเหมือนกำลังตัดสินใจว่าจะเล่าให้มีนาฟังดีหรือไม่ แต่สุดท้ายเธอก็ยอมเอ่ยปาก

“ฉันคิดว่ามีคนพยายามสะกดรอยตามฉัน” เบลล์ทำสีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิมเมื่อพูดประโยคนี้ออกมา

“ใครเหรอ” มีนาขมวดคิ้วสงสัย จะมีใครอีกที่ทำให้ปีศาจอย่างเบลล์กังวลได้ถึงขนาดนี้ “พวกโรคจิตหรือเปล่า”

“ไม่รู้”

“แล้ว...เธอไม่มีวิธีจัดการให้คนคนนั้นเลิกตามเธอเหรอ...แบบผู้ชายสองคนนั่น”

“คนคนนั้นไม่เหมือนคนอื่น ๆ ที่ฉัน...เคยเจอมาน่ะ” น้ำเสียงของเบลล์เหมือนมีความลังเลเจือปนอยู่ “เป็นคนประเภทที่ฉันอยากอยู่ห่าง ๆ เท่าที่สุดที่ทำได้”

มีนาไม่รู้ว่าคนประเภทที่ว่านั่นเป็นแบบไหน แต่ในเมื่อเบลล์ดูไม่พร้อมที่จะพูดออกมา หญิงสาวจึงไม่ได้เอ่ยปากถามหรือซักไซ้อะไรต่อ เธอนั่งอยู่บนโซฟาที่ยังคงมีฝุ่นเขรอะอยู่เหมือนเดิม รอให้เบลล์พร้อมที่จะเล่าให้เธอฟัง

เบลล์ไม่ได้พูดอะไรเลยหลังจากนั้น เธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำให้ยากที่บอกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่บรรยากาศหม่นหมองที่รอบล้อมตัวเบลล์อยู่ขณะนั้น ก็สามารถทำให้มีนาซึ่งแม้จะเป็นมนุษย์ธรรมดาก็เดาได้ว่าจิตใจปีศาจที่อยู่ตรงหน้ากำลังเป็นทุกข์อย่างหนัก

“ปกติแล้วเวลาที่ฉันไม่สบายใจ ฉันจะใช้เวลาอยู่ที่ชั้นสอง เล่นเปียโนของฉันจนกว่าความทุกข์ของฉันจะหายไป” จู่ ๆ เบลล์ก็พูดขึ้น

คำพูดของเบลล์ทำให้มีนารู้สึกเสียววาบขึ้นมาที่ไขสันหลัง...เปียโนหลังนั้น เธอไม่อยากฟังเสียงของมันอีก

“เธอจะไปเล่นเปียโนปีศาจของเธอเหรอ” มีนาพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

เบลล์ขมวดคิ้ว “นั่นไม่ใช่เปียโนปีศาจสักหน่อย”

“เป็นไปได้ไง คราวก่อนมันเกือบจะดูดวิญญาณฉันออกจากร่างแล้ว” มีนาพูดเกินจริง

“ไม่ใช่ ไม่ได้เป็นเพราะเปียโน” เบลล์แย้ง “นั่นเป็นเพราะบทเพลงกับพลังปีศาจของฉันต่างหาก”

“งั้นแสดงว่ามันก็คือเปียโนธรรมดา ถ้าเล่นเพลงธรรมดา ๆ มันก็ไม่เป็นไรสินะ” มีนาฉีกยิ้ม “ฉันอยากฟังบทเพลงเพราะ ๆ จากเธอบ้างนะ”

เบลล์เบือนหน้าหนี เธอไม่อยากเห็นรอยยิ้มของมีนา ทุกครั้งที่หญิงสาวยิ้มออกมามันทำให้เผลอตามใจอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว...ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“แล้วเธออยากฟังเพลงอะไรล่ะ” เมื่อพูดจบ เบลล์ก็แทบอยากจะกลืนคำพูดนั้นกลับไป เธอหวังว่ามีนาจะไม่ได้ยิน แต่ความหวังเธอก็ไม่เป็นผล เพราะตอนนี้มีนาฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม แถมหยิบเจ้าสิ่งที่มีขนาดใหญ่สีดำลักษณะแบน ๆ หรือ ‘แท็บเล็ต’ ซึ่งคนสมัยนี้ชอบใช้กัน ขึ้นมาเปิดหาโน้ตเพลงอีกด้วย

“เอาเพลงนี้แล้วกัน” มีนาส่งให้เบลล์ ซึ่งรับไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะไม่เคยใช้ของแบบนี้มาก่อน

สีหน้าเบลล์เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นโน้ตเพลง มันเป็นเพลงรักที่โด่งดังในสมัยเก่า เธอเหลือบตามองมีนาอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก ก่อนจะเดินนำไปที่ชั้นสอง

“จะเอาเพลงนี้จริง ๆ เหรอ” เบลล์ถามอีกครั้งขณะนั่งประจำที่

“ทำไม มีอะไรเหรอ ถ้าไม่อยากเล่นเพลงนี้งั้นเปลี่ยนเพลงก็ได้นะ”

“งั้นเปลี่ยนไปเล่นเพลงของฉันดีไหม” เบลล์เกิดอยากแกล้งหญิงสาวตรงหน้าบ้าง ซึ่งก็ได้ผลเพราะสีหน้าของมีนาซีดเผือดลงทันที

“มะ...ไม่ดีกว่านะ” มีนารับปฏิเสธ เธอไม่คิดว่าเพลงนั้นมันจะช่วยให้สบายใจตรงไหน ถ้าเบลล์จะเล่นเพลงแบบคราวที่แล้ว เธอคงต้องเผ่นไปให้ไกล ๆ ก่อน

เบลล์หัวเราะหึหึในลำคอเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ก่อนจะวางนิ้วมือทั้งสิบลงบนคีย์บอร์ด

“เดี๋ยวก่อน! ถ้าเธอจะเล่นเพลงนั้น ฉันขอตัวนะ”

“ไม่อยากฟังเพลงที่เธอขอให้ฉันเล่นแล้วหรือไง”

มีนาชะงักฝีเท้าที่เตรียมหนี เมื่อคิดได้ว่าโดนแกล้ง เธอก็ทำหน้ามุ่ยเดินกลับมายืนข้าง ๆ เบลล์

“เธอนี่ชอบแกล้งคนอื่นเหมือนกันนะ”

“ฉันเป็นปีศาจ ไม่รู้เหรอว่าไม่ควรไว้ใจปีศาจน่ะ”

“แล้วไม่ต้องดูโน้ตเพลงเหรอ” มีนาเห็นว่าเบลล์ไม่ได้สนใจดูโน้ตเพลงที่เธอให้เลย บางทีเบลล์อาจจะหลอกให้เธอมานั่งฟังบทเพลงปีศาจนั่นอีกก็ได้

“ไม่จำเป็น เมื่อก่อนฉันเล่นเพลงนี้เป็นประจำ” เบลล์ตอบข้อสงสัยของมีนา หญิงสาวทำตาโต คงไม่คิดว่าปีศาจอย่างเบลล์เคยเล่นเพลงแบบนี้มาก่อน “มันเป็นเพลงที่พ่อเคยเล่นจีบแม่ฉันน่ะ” พอพูดประโยคนี้ สีหน้าเบลล์ก็ดูสดใสขึ้นมาทันที

“จริงอ่ะ” มีนานั่งลงข้าง ๆ เบลล์อย่างลืมตัว “ปีศาจมีโมเม้นต์แบบนั้นด้วยเหรอ”

เบลล์ไม่ตอบในทันที มีนาเห็นว่าใบหน้าซีด ๆ ของอีกฝ่ายมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏอยู่ เธอเผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว เบลล์สวยมากในความคิดของเธอ และยิ่งดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดเวลามีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า

“พ่อของฉันเจอแม่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในต่างประเทศ รู้สึกจะเป็นร้านหรูเลยทีเดียว แม่เล่าว่าระหว่างที่กำลังทานอาหาร ก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองอยู่ สายตาคู่นั้นเป็นของพ่อ แม่คิดว่าพ่อต้องตกหลุมรักแม่แล้วแน่ ๆ แต่แม่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” ภาพความทรงจำเวลาที่พ่อของเธอเคยเล่าเรื่องนี้หลั่งไหลเข้ามาราวกับกับสายน้ำ เธอไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานอย่างมีนารับรู้ด้วย แต่เธอก็เล่าออกมาอย่างหยุดไม่ได้ “วันนั้นพ่อขอทางร้านเล่นเปียโนให้แม่ฉันฟังเลยล่ะ ถึงแม่จะเล่นเปียโนได้ แต่ก็จะเล่นแต่เพลงปีศาจ พอมีใครมาเล่นเพลงแบบนี้ให้ฟัง ก็เลยสนใจเป็นพิเศษ และพอเพลงท่อนสุดท้ายของพ่อจบลง แม่ก็รู้ตัวว่าเริ่มหลงเสน่ห์เสียงเปียโนของพ่อเข้าแล้วเหมือนกัน”

มีนารับรู้ได้ถึงความโหยหาของเบลล์ เธอจึงเอามือของปีศาจสาวมากุมไว้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้สะบัด หรือชักมือหนี

“เพลงนี้พ่อคงสอนให้เธอเองเลยสินะ”

“ไม่ใช่หรอก” เบลล์หลุบตาลง “ฉันไม่เคยเจอพ่อจริง ๆ หรอก ทั้งเพลงนี้และเรื่องที่พ่อกับแม่เคยเจอกันที่ร้านอาหาร แม่เป็นผู้ถ่ายทอดให้ฉันทั้งหมด”

มีนาทำหน้าประหลาดใจ “แล้ว...เขาไปไหนล่ะ” เธอถามอย่างระมัดระวัง แอบคิดในใจว่าบางทีเรื่องของเบลล์อาจจะคล้าย ๆ กับของเธอก็ได้

“ไม่รู้” แต่สีหน้าของเบลล์บ่งบอกว่าอาจรู้เพียงแต่ไม่อยากเล่า

“จริงสิ จากที่เธอเล่า แม่เธอก็กินอาหารเหมือนคนอย่างฉันนี่” มีนาเปลี่ยนเรื่อง เพราะกลัวว่าเบลล์จะกลับไปทำสีหน้าหมองหม่นอีก “ฉันนึกว่าปกติพวกปีศาจจะกินแต่...เอ่อ...จิตใจด้านมืดแบบที่เธอบอก หรือคงไม่ใช่ว่านั่นเป็นร้านอาหารปีศาจนะ”

“ปีศาจบางตนก็ชอบลองอะไรแปลก ๆ บ้างน่ะ แม่ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น” เบลล์เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องแม่ มีนาจึงชวนคุยต่อ

“เล่าเรื่องแม่เธอให้ฟังบ้างสิ”

“อะไรกันนี่เธอจะมาหลอกสัมภาษณ์ฉันอีกแล้วเหรอ” เบลล์แยกเขี้ยว “วันนี้ฉันเล่าให้เธอฟังมากเกินไปแล้ว”

มีนาหัวเราะแก้เขินที่อีกฝ่ายรู้ทัน ความจริงเธออยากจะรู้เรื่องราวของเบลล์มากกว่านี้อีกหน่อย แต่แค่นี้เบลล์ก็เปิดใจให้ขึ้นเยอะกว่าครั้งแรกแล้ว แถมปล่อยให้เธอนั่งข้าง ๆ โดนไม่ทักท้วงอีก เมื่อคิดถึงตรงนี้หัวใจของมีนาก็พองโตขึ้น ก่อนจะพูดกับเบลล์ด้วยท่าทางจริงจัง

“ฉันไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตยังไงหรือเจอกับอะไรบ้าง แต่ฉันคิดว่าเธอต้องการเพื่อนไว้พูดคุยนะ” มีนายิ้มกว้าง ดวงตาคมสวยส่งประกายบางอย่างให้เบลล์ “แล้วถ้าเธออยากเล่าเรื่องของเธอ หรือปัญหาที่เธอเจอมาอีกเมื่อไหร่ ฉันจะรับฟังเสมอ”

เบลล์รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างในตัวเธอกำลังส่องประกาย เหมือนดวงไฟเล็ก ๆ ที่เพิ่งถูกจุดในความมืดมิด เธอคิดว่าถ้าเธอมีหัวใจเหมือนมนุษย์ ป่านนี้มันคงเต้นตึกตัก ๆ จนคนที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ยิน และใบหน้าของเธอคงแดงระเรื่อจนอีกฝ่ายสังเกตเห็นแล้ว

“ที่พูดอย่างนี้เพราะอยากสอดรู้เรื่องของฉันมากกว่าล่ะมั้ง” เบลล์รีบว่าเพื่อกลบเกลื่อน

“เธอยังอยากเล่นเพลงนั้นให้ฉันฟังอยู่หรือเปล่า” มีนาเริ่มท้วง

“ฉันก็กำลังจะเล่นอยู่นี่ไง แต่เธอชวนฉันคุยเลยไม่ได้เล่นเสียที” เบลล์เริ่มโยนความผิดไปให้อีกฝ่าย ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าจ๋อยลงทันทีจนเบลล์ชักหมั่นไส้

ปีศาจสาวหันกลับไปจดจ่ออยู่กับเปียโน นิ้วเริ่มกรีดกรายไปบนคีย์บอร์ด เสียงโน้ตตัวแรกดังขึ้น แล้วตามมาด้วยตัวถัด ๆ ไป รวมเป็นบทเพลงไพเราะน่าฟัง มีนาฟังเบลล์เล่นเพลงแบบนี้เป็นครั้งแรก ต้องบอกเลยว่าปีศาจสาวเป็นนักเปียโนที่ดีเยี่ยม หลังจากที่ได้ฟังหนึ่งครั้งแล้ว เธอก็อยากฟังมันอีกเรื่อย ๆ ซึ่งเบลล์ก็ไม่ได้ขัดอะไร ดังนั้นเสียงเพลงหวานไพเราะจึงดังก้องกังวานอย่างต่อเนื่อง ลบบรรยากาศน่าสะพรึงในบ้านคาลินินไปได้จนแทบหมดสิ้น

หากไม่มีใครรู้เลยว่าขณะเดียวกันนี้คนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาในซอยเปลี่ยวร้างอย่างเชื่องช้า เหมือนกับว่าไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่เป้าหมายของเขาคือบ้านหลังเก่าสูงสามชั้นที่อยู่ด้านในสุดของซอย...

.......................................................................

“ฉันว่าเธอไม่ค่อยมีพรสวรรค์ด้านดนตรีเท่าไรนะ” เบลล์พูดขึ้นหลังจากที่มีนาขอให้เธอสอนวิธีการเล่นเปียโนบ้าง ซึ่งเพลงที่ออกมากลับกลายเป็นท่วงทำนองแปลก ๆ จนเบลล์รู้สึกปวดหู “ขนาดเพลงง่าย ๆ เธอยังเล่นไม่ได้เลย”

“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น” มีนายอมรับ เธอเองก็คิดว่าการเล่นดนตรีช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งนัก

“เอ๊ะ...นี่ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วเหรอ” มีนาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ขณะก้มมองนาฬิกาข้อมือของตน ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว “ฉันว่าฉันกลับหอก่อนดีกว่า”

ว่าแล้วมีนาก็เดินไปหยิบกระเป๋าของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะริมบันได แต่ก่อนที่จะก้าวขาลงบันไดไป เบลล์ก็พูดขึ้น

“ข้างนอกมืดแล้ว เธอนอนค้างที่นี่ก่อนก็ได้”

“ว่าไงนะ!” มีนาร้องอย่างไม่เชื่อหู ไม่คิดว่าจู่ ๆ เบลล์ผู้เข้าถึงยากจะเอ่ยปากชวนเธอมานอนค้างด้วยตนเอง

“เธอฟังไม่ผิดหรอก บ้านฉันมีห้องว่างอยู่ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปดู” ว่าแล้วเบลล์ก็เดินนำขึ้นไปบนชั้นสาม โดยมีมีนาตามมาอย่างงง ๆ

ที่ชั้นสามมีห้องสามห้อง มีห้องหนึ่งเป็นห้องน้ำ ส่วนอีกสองห้องเป็นห้องนอน ข้างนอกบริเวณทางเดินไม่ได้มีการตกแต่งอะไรมากนัก นอกจากโคมไฟติดผนังหนึ่งดวงที่ส่องแสงสลัว ๆ แบบเดียวกับที่ติดที่ชั้นสอง มีหยากไย่ขึ้นที่ฝ้าเพดานบางจุด แต่ดูไม่มากเท่าที่ชั้นแรก มีนาเดาว่าเบลล์คงมักจะเก็บตัวอยู่ชั้นบนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มันดูสะอาดกว่าชั้นแรกมาก

เบลล์พามีนามายังห้องที่อยู่ใกล้บันได ภายในห้องก็ดูเรียบง่ายไม่ต่างจากข้างนอก มีเตียงหนึ่งเตียง โต๊ะเขียนหนังสือ และตู้เสื้อผ้า ซึ่งสิ่งของทั้งหมดมีผ้าสีขาวคลุมเอาไว้

“นี่คือห้องของแม่ฉัน คืนนี้เธอนอนห้องนี้ก็แล้วกัน” เมื่อพูดจบ เบลล์ก็หันหลังเตรียมจะออกนอกห้อง แต่มีนารั้งไว้

“เดี๋ยวสิ ทำไมอยู่ ๆ ถึงให้ฉันนอนที่นี่ได้ล่ะ”

“ฉันก็บอกไปแล้วนี่” เบลล์พูดเพียงเท่านั้น แล้วก็เดินหายไปยังห้องที่อยู่ถัดไป ก่อนออกมาพร้อมกับชุดนอนแบบกระโปรงสีดำเนื้อเบาบางและผ้าขนหนูสีขาวดูใหม่เอี่ยม

“ในห้องอาจจะมีฝุ่นเล็กน้อย แต่มีไม้กวาดอยู่ในห้องน้ำ เสื้อผ้า หมอนกับผ้าห่มอยู่ในตู้เสื้อผ้า” พูดจบก็ยื่นชุดและผ้าขนหนูให้

“ขอบใจนะ”

“ถ้าขาดอะไร เธอมาเคาะที่ห้องฉันแล้วกัน” พูดจบเบลล์ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทำธุระส่วนตัวของเธอไป เมื่อต้องอยู่ตนเดียวอีกครั้ง ปีศาจสาวก็รู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้เป็นเพราะเธอชักเริ่มสบายใจเวลามีมีนาอยู่ข้าง ๆ หรือเป็นเพราะความกลัวต่อสิ่งที่กำลังมาเยือน...

เบลล์เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มองตรงไปที่ที่ว่างด้านหน้าประตูรั้ว และมองอยู่อย่างนั้นหลายนาที สัญชาตญาณของเธอบอกอะไรบางอย่าง

เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ตรงจุดที่เธอกำลังมองอยู่ คนกลุ่มหนึ่งนั้นยืนอยู่ที่นั่น...

.......................................................................

ท่ามกลางความมืดที่โอบคลุมซอยแคบเปลี่ยวร้างแห่งนี้ไว้ บ้านคาลินินยังคงเงียบสงัดดังเช่นทุกคืน ปกติในเวลานี้บริเวณบ้านจะต้องมืดมิดจนแทบจะกลืนหายไปในท้องฟ้าสีดำแล้ว แต่คืนนี้ยังมีแสงไฟส่องลอดมาจากหน้าต่างชั้นสาม บ่งบอกว่ามีคนยังไม่นอน

ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวที่ค่อย ๆ ย่างกรายออกมา เส้นผมสีดำยาวเปียกน้ำถูกผ้าขนหนูสีขาวพันทับเอาไว้ ชุดที่ใส่เป็นผ้าเนื้อบางสีดำสำหรับใส่นอน มันคงเป็นของเบลล์ไม่ก็แม่ของเธอ โชคดีที่มีนาใส่มันได้พอดีตัว หญิงสาวเดินเข้าห้อง นั่งลงบนเตียงแล้วก็ปล่อยผมออกมาค่อย ๆ เช็ดให้แห้ง ในหัวยังคงมีเรื่องของเบลล์วนเวียนอยู่ไม่หายไปไหน

มีนาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าพร้อมกับครุ่นคิดเรื่องของเบลล์ไปด้วย ขณะที่หยิบหมอนกันผ้าห่มออกมา กระดาษแผ่นหนึ่งก็ปลิวตกลงที่เท้าพอดี เมื่อเก็บมาจึงพบว่ามันเป็นรูปถ่าย สีของมันเริ่มซีด แต่ก็ดูออกว่าเป็นรูปของชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้หญิงในรูปเป็นคนเดียวกับที่เห็นในกรอบรูปชั้นล่าง ซึ่งคงจะเป็นแม่ของเบลล์ ส่วนผู้ชายร่างเล็กซึ่งคาดว่าน่าเป็นพ่อมีผมหยักศกสีดำ ดวงตาคม กำลังฉีกยิ้ม มือข้างหนึ่งโอบเอวผู้หญิงข้าง ๆ เอาไว้

เห็นแล้วพลันนึกถึงรูปที่อยู่ชั้นล่างที่มีเด็กหญิงผมสีน้ำตาลหน้าตาน่ารักกำลังฉีกยิ้ม เมื่อก่อนเบลล์คงมีครอบครัวที่อบอุ่น มีนานึกไม่ออกว่าครอบครัวปีศาจเป็นแบบไหน มันคงเป็นความอบอุ่นแบบปีศาจ บางทีปีศาจกับมนุษย์อาจมีบางอย่างคล้ายกันกว่าที่คิด

แต่พวกเขาหายไปไหนหมด ทำไมถึงปล่อยให้เบลล์จมอยู่กับความทุกข์อยู่ตนเดียว

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของคนแปลก ๆ ที่คอยตามเบลล์อีก ดูเหมือนเบลล์จะกลัวคนคนนั้นมากเลยทีเดียว แต่เขาจะใช่ปีศาจเหมือนเบลล์ด้วยหรือเปล่านะ ไม่งั้นมีอะไรอีกที่ทำให้ปีศาจอย่างเบลล์หวาดกลัวได้

ระหว่างที่มีนากำลังคิดอยู่นั้น เสียงกรีดร้องชวนสยดสยองก็ดังขึ้นทำลายความเงียบสงัดจนหมดสิ้น

“เบลล์!”

####################################################

มาถึงตอนที่ 5 กันแล้ว เป็นยังไงบ้างคะ ตอนนี้เขาชวนกันไปนอนบ้านกันแล้วค่ะ ? อดีตของเบลล์เริ่มจะค่อย ๆ เผยออกมาทีละนิดแล้ว ฝากติดตามกันด้วยนะคะ